อัจฉริยะสมองเพชร 2318-2321

ตอนที่ 2318 ขอลองใช้อาวุธหน่อยเถอะ

 

“อาการบาดเจ็บของผมสาหัสเกินไป ยาเม็ดธรรมดาน่ะใช้ไม่ได้ผลหรอก” อ้าวเฟิงตอบอย่างอ่อนระโหย


ขนาดยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดก็ยังช่วยอะไรเขาไม่ได้มาก นับประสาอะไรกับยาเม็ดขั้นต่ำธรรมดา ด้วยความรุนแรงของอาการบาดเจ็บที่ได้รับ อย่างน้อยที่สุด เขาคงต้องใช้เลือดมังกรบริสุทธิ์ถึงจะเยียวยาได้


“ลองดูเถอะน่ะ!” จางเซวียนพูดยิ้มๆ


เขาถ่ายทอดเวทนาสวรรค์และหยดเลือดจำนวนหนึ่งของไก่น้อยเข้าไปในยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงที่เพิ่งโยนให้อีกฝ่าย ซึ่งเพียงเท่านั้นก็น่าจะเกินพอสำหรับเยียวยาบาดแผลทั่วไปแล้ว


เห็นชายหนุ่มยืนกราน อ้าวเฟิงนึกได้ว่าอีกฝ่ายสามารถฝ่าดงจิตวิญญาณหลอกหลอนเข้ามาถึงที่นี่โดยแทบไม่เป็นอะไร


ด้วยความหวังว่าอาจเกิดปาฏิหาริย์ อ้าวเฟิงเปิดปากและกลืนยาเม็ดนั้น


ทันทีที่กลืนลงไป กระแสพลังงานอบอุ่นก็ไหลเวียนไปทั่วร่างและเยียวยาอาการบาดเจ็บของเขา


“ฮะ…” อ้าวเฟิงหรี่ตาด้วยความตกใจ


ประสิทธิภาพของยาเม็ดนี้เทียบได้กับยาเม็ดระดับจอมราชันย์เลยทีเดียว


อีกฝ่ายเต็มใจมอบยาเม็ดล้ำค่าขนาดนี้ให้เขาโดยไม่คิดอะไร…หมอนี่เป็นใครกันแน่?


อ้าวเฟิงก้มลงมอง เห็นชายหนุ่มโบกมืออย่างสบายใจ “คุณกลับไปทำงานได้แล้ว…”


“….” คิ้วของอ้าวเฟิงกระตุกไม่หยุด


ความรู้สึกสำนึกในบุญคุณที่เขาเพิ่งมีให้ชายหนุ่มหายวับไปราวกับการสลายตัวของกลุ่มควัน


นี่คุณเห็นผมเป็นทาสใช่ไหม?


อ้าวเฟิงมองไปรอบตัว เห็นราชันย์เทพเจ้าเกือบทุกคนที่มากับเขาได้รับบาดเจ็บ และค่ายกลก็ใกล้พังทลายเต็มที แต่รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจเรื่องอื่น จึงกัดฟันและตั้งหน้าตั้งตาทำลายปราการแสงต่อไป


ปราการแสงสั่นสะท้าน น้ำทิพย์ของจิตวิญญาณแผ่ซ่านออกมาโดยรอบอีกครั้ง


จางเซวียนซึมซับมันอีกครู่ใหญ่ก่อนจะขมวดคิ้วอีกรอบอย่างขัดใจ


เพราะตัวโคลนยังไม่ได้ทำความเข้าใจเวทนาสวรรค์และไม่ได้การยอมรับจากโลก จึงต้องการพลังจิตวิญญาณในปริมาณที่มากกว่าตัวเขา


ตอนแรกจางเซวียนไม่ได้ใส่ใจ แต่ยิ่งซึมซับน้ำทิพย์จิตวิญญาณมากขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดกับระดับการเพิ่มขึ้นของน้ำทิพย์จิตวิญญาณที่แสนจะเชื่องช้า


ความเร็วในการฝึกฝนวรยุทธนั้นสร้างความแตกต่างได้มาก หากฝึกฝนวรยุทธได้เชื่องช้าเกินไปก็จะไม่มีแรงส่งมากพอสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธ


ทำไมเราต้องเฝ้ารอให้อ้าวเฟิงทำลายปราการแสงเสียก่อนเพื่อซึมซับน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณ? ทำไมไม่ซึมซับมันจากปราการแสงโดยตรงเสียเลย? จางเซวียนครุ่นคิด


ดูจากความอ่อนล้าของอ้าวเฟิงที่เหน็ดเหนื่อยเสียจนลิ้นห้อยออกมาเหมือนหมาหอบแดด จางเซวียนรู้ดีว่าการเร่งความเร็วของอีกฝ่ายคงเป็นไปไม่ได้ จึงหันไปมองปราการแสงที่มีลักษณะเหมือนรังดักแด้


การซึมซับน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณจากปราการแสงโดยตรงน่าจะง่ายกว่า แต่ในเมื่อปริมาณของมันไม่สมดุลกับอัตราการซึมซับ ก็ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนแผนการสักหน่อย


ถ้าเขารู้เสียก่อนว่าอ้าวเฟิงจะทำงานไม่ได้เรื่องแบบนี้ จะไม่มีวันมอบยาเม็ดให้อีกฝ่ายเลย


เสียทรัพยากรไปเปล่าๆ


ดูเหมือนราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจะไม่ได้ไร้เทียมทานอย่างที่เขาคิด


จางเซวียนส่ายหน้า เขาขยับเข้าหาปราการแสงและพยายามซึมซับน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณที่อยู่ในนั้น แต่พื้นผิวภายนอกของมันแข็งแกร่งเสียจนไม่อาจทำได้


ก็เพราะแบบนี้นี่เอง หมอนั่นถึงทำลายมันไม่สำเร็จ ปราการแสงอันนี้แข็งแกร่งจนน่าสะพรึง…


จางเซวียนเงื้อกำปั้นแล้วต่อยปราการแสงอย่างแรง แต่แรงตีกลับจากพื้นผิวอันแข็งแกร่งนั้นกลับทำให้รู้สึกชาไปทั้งแขน


ปราการแสงที่ก่อตัวขึ้นจากน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่สุดน่าทึ่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก


แม้จางเซวียนจะไม่ได้ใช้วรยุทธของจิตวิญญาณในการโจมตี แต่กายเนื้อของเขาก็ผ่านการบ่มเพาะจากแอ่งลาวาอมตะมาแล้ว ในแง่ของพละกำลัง เรี่ยวแรงที่เขาปล่อยออกไปย่อมมีมากกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆ


แต่ถึงจะมีพละกำลังระดับนั้น ก็ยังต้องเจอกับแรงตีกลับที่ทำให้รู้สึกเจ็บ


ดูเหมือนการทำลายปราการแสงจะต้องใช้พละกำลังระดับจอมราชันย์เป็นอย่างต่ำ


ขอลองใช้อาวุธหน่อยเถอะ…


ในเมื่อกำปั้นไม่ได้ผล จางเซวียนรีบชักดาบสวรรค์สีเลือดที่จอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบเคยมอบให้เขาออกมา


จางเซวียนสำแดงศิลปะเพลงดาบเวทนาสวรรค์ขั้น 4


ฟึ่บ!


ปราการแสงที่อยู่ตรงหน้าไม่อาจคงสภาพอยู่ได้แม้เพียงเสี้ยววินาที เกิดรูรั่วขนาดใหญ่


เพราะไม่ทันระวังตัว จางเซวียนสะดุดและหัวทิ่มเข้าไปในปราการแสงนั้น


เอ่อ…จางเซวียนกระพริบตาปริบๆ


เพราะตอนแรกกำปั้นใช้ไม่ได้ผล เขาจึงเดาว่าต่อให้ใช้ศิลปะเพลงดาบ แต่การจะทำลายปราการแสงให้สำเร็จคงต้องออกแรงไม่น้อย แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจที่ทำให้มันเกิดรูโหว่ได้อย่างง่ายดาย


หากรู้เสียก่อนว่าง่ายแบบนี้ คงไม่มัวเสียเวลา


ขณะเดียวกัน จางเซวียนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าดาบสวรรค์สีเลือดเป็นอาวุธขั้นไหน มันจะคมเกินหน้าเกินตาไปหน่อยหรือเปล่า?


จางเซวียนเก็บดาบเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้นก็เริ่มซึมซับน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณอีกครั้ง คราวนี้เขารู้สึกได้ถึงพลังงานเข้มข้นที่พวยพุ่งเข้าสู่ร่างกาย


อือ…เป็นอย่างที่คิดไว้เลย ซึมซับน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณด้วยวิธีนี้สบายกว่ากันมาก…


เขาแทบจะซึมซับอะไรไม่ได้เลยตอนที่อยู่ข้างนอกนั่น แต่เมื่ออยู่ตรงนี้ น้ำทิพย์ของจิตวิญญาณผ่านเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างง่ายดายจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามัวทำอะไรอยู่เมื่อหลายนาทีที่ผ่านมา


จางเซวียนถ่ายทอดน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณให้ตัวโคลนที่อยู่ในแหวนเก็บสมบัติ วรยุทธของจิตวิญญาณของตัวโคลนของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้แข็งแกร่งขึ้นด้วย


ขณะที่จางเซวียนซึมซับน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณอยู่ด้านใน อ้าวเฟิงก็ยังคงทำลายปราการแสงต่อไปด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี เลือดมังกรหยดเป็นทางจากกรงเล็บของเขา เล็บนั้นยับเยินจากการกระแทกกับบางสิ่งที่แข็งแกร่งมาก


ขณะที่อ้าวเฟิงกำลังคิดจะถอดใจ ก็พลันสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มผลุบเข้าไปอยู่ข้างในแล้วและไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว


อ้าวเฟิงรู้สึกขมปร่าในลำคอขึ้นมาอีกครั้ง เขาแทบกระอักเลือดออกมา


บ้าแล้ว! คุณเข้าไปอยู่ในนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?


ทำไมไม่เรียกผม? ไม่เห็นหรือไงว่าผมพยายามทำลายปราการแสงอย่างเอาเป็นเอาตายแค่ไหน?


เห็นผมเป็นตัวตลกใช่ไหม!


 


ราวกับผมค้นหากุญแจจนทั่วทั้งบ้าน แต่ลงท้ายมันก็อยู่กับคุณมาตลอด…


อ้าวเฟิงรีบสำรวจรอบปราการแสงและพบรอยฉีกขาดที่ชายหนุ่มผลุบเข้าไป เขาพุ่งเข้าใส่รอยแยกนั้นโดยไม่ลังเล แต่แล้วก็…ไปต่อไม่ได้!


หลังจากกระเสือกกระสนดิ้นรนอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายอ้าวเฟิงก็กลายร่างกลับเป็นมนุษย์


“น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น ในที่สุดก็อยู่ในมือของเราแล้ว…”


อ้าวเฟิงไม่แยแสชายหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่ง เขารี่เข้าใส่น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นและคว้ามัน


เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่เต้นเร่าอยู่ภายในลูกทรงกลมสีขาวน้ำนม อ้าวเฟิงตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น เขากำลังจะหาอะไรสักอย่างมาเก็บมันไว้ ก็พอดีกับที่สังเกตเห็นและขมวดคิ้ว


นี่มันแปลกๆ…


ทำไมน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นถึงดูเหมือนมีขนาดเล็กลง?


ตอนที่เราเห็นมันเมื่อครู่ก่อน ยังมีขนาดเท่ากำปั้น ทำไมตอนนี้ถึงเล็กพอๆกับลูกปิงปอง?


ขณะที่อ้าวเฟิงยังคงงุนงงและพยายามหาคำตอบ น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นในมือของเขาก็หดลงไปเรื่อยๆจนเหลือขนาดเท่าลูกองุ่น ก่อนจะเล็กลงไปอีกจนเท่าเมล็ดถั่ว


อ้าวเฟิงทึ้งผมอย่างคลุ้มคลั่งขณะรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะระเบิด


ถ้าเรานำถั่วเมล็ดจ้อยนี้ไปมอบให้จอมราชันย์มังกรเมฆ จอมราชันย์ต้องคิดว่าเราดูถูกเขาแน่!


เวรแล้ว!


อ้าวเฟิงเกาหัวด้วยความงุนงงอย่างหนัก เขาเพ่งดูใกล้ๆ พบว่าพลังงานที่อยู่ภายในน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไหลออกไปอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ปราการแสงถูกทำลาย


ดูเหมือนปราการแสงจะมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พลังงานในน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นเสื่อมสลาย เมื่อมันถูกทำลาย ความสามารถในการรักษาพลังงานของน้ำทิพย์จึงสูญเสียไป


เดี๋ยวก่อน…แล้วพลังจิตวิญญาณทั้งหมดหายไปไหน? อ้าวเฟิงครุ่นคิดอย่างร้อนใจ


เขาแกะรอยตามกระแสพลังจิตวิญญาณไป ซึ่งสิ่งที่พบก็ทำให้ตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง


เขาแทบไม่อยากเชื่อที่พบว่าทั้งปราการแสงและพลังจิตวิญญาณจากน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นถูกชายหนุ่มซึมซับไปจนหมด และหมอนั่นก็ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน!


ว่าแต่…เขาทำได้อย่างไร?


พลังจิตวิญญาณของน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นนั้นบริสุทธิ์ถึงขนาดที่แม้อ้าวเฟิงก็ยังซึมซับมันได้ยาก!


อ้าวเฟิงกัดฟัน เขารีบนำกล่องหยกออกมาเพื่อเก็บน้ำทิพย์ปฐพีที่มีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว จากนั้นก็ปิดไว้อย่างแน่นหนา เขาหันไปจ้องหน้าจางเซวียนและเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างโกรธเกรี้ยว “สหาย ผมขอขอบคุณสำหรับยาเม็ดของคุณเมื่อครู่นี้ แต่การที่คุณซึมซับพลังจิตวิญญาณในน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไปจนหมดนั้นหมายความว่าอย่างไร? คุณอยากให้ผมรายงานฝ่าบาทเรื่องการกระทำทั้งหมดของคุณว่าอย่างไรกัน?”


ถึงเขาจะรู้สึกขอบคุณที่จางเซวียนให้ความช่วยเหลือเมื่อครู่ แต่วัตถุประสงค์หลักของภารกิจครั้งนี้ก็เพื่อนำน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นออกมา ซึ่งถ้าชายหนุ่มสูบพลังงานของมันออกไปจนเหือดแห้ง ก็ย่อมหมายความว่าภารกิจของพวกเขาล้มเหลว!


คุณรู้ไหมว่าผมทุ่มเทเสียสละแค่ไหนกับภารกิจครั้งนี้? ไม่เพียงแต่ผมจะให้สัญญากับทุกคนว่าจะมอบยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดเม็ดหนึ่งกับการติดหนี้บุญคุณให้ ยังเกือบตายระหว่างการปฏิบัติภารกิจด้วย แต่คุณกลับขโมยของล้ำค่าของผมไปต่อหน้าต่อตา…


มันไม่เกินไปหน่อยหรือ?


จางเซวียนงุนงงกับอาการโมโหเดือดอย่างปุบปับของอ้าวเฟิง เขาหันไปมองกล่องหยก และเห็นทันทีว่าในนั้นมีน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นเหลืออยู่ไม่ถึง 1 ใน 10


จางเซวียนผงะ เขารีบก้มลงมองร่างกายของตัวเองก่อนจะยืนตัวแข็ง


“ฮะ? วรยุทธของเรา…ถึงขั้นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแล้วหรือ? มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”


เรื่องนี้น่าตกใจมาก ถึงจะเป็นความต่างของวรยุทธเพียงขั้นเดียว แต่เขาก็ได้ยกระดับวรยุทธจากราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดมาเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นต้นแล้ว!


ว่าแต่…ทำไมเขาไม่รู้สึกอะไรเลย?


เขาคงมัวแต่ซึมซับพลังจิตวิญญาณเสียจนร่างกายเริ่มฝึกฝนวรยุทธไปเองโดยอัตโนมัติภายใต้อานุภาพของหัวใจแห่งความว่างเปล่า สุดท้าย เขาจึงซึมซับน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไปหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ


ถ้าผมบอกคุณว่าผมเพียงแค่จะซึมซับน้ำทิพย์แห่งจิตวิญญาณและไม่ได้คิดจะขโมยพลังจิตวิญญาณใดๆของคุณเลย คุณจะเชื่อผมไหม?

 

 

 


ตอนที่ 2319 คุณมันชั่วช้า!

 

แต่อย่างน้อยที่สุด จางเซวียนก็รู้ดีว่าอ้าวเฟิงต้องฆ่าเขาตายแน่หากพูดออกไปแบบนั้น จึงได้แต่เกาหัวอย่างลำบากใจแล้วตอบไป “เอ่อ…ผมไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ ไว้จะอธิบายให้คุณฟังทีหลังนะ สำหรับตอนนี้ รีบออกไปก่อนเถอะ ผมเกรงว่าพวกเขาจะต้านทานไม่ไหวแล้ว…”


อ้าวเฟิงหันกลับไป เห็นบรรดาราชันย์เทพเจ้าใกล้จะหมดความอดทน ถ้ารีรออีกเพียงครู่เดียว พวกเขาคงพ่ายแพ้ให้กับจิตวิญญาณหลอกหลอนแน่


การนำน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นออกไปทำให้บรรดาจิตวิญญาณหลอกหลอนเกรี้ยวกราดหนักกว่าเดิม ส่งผลให้การโจมตีของพวกมันรุนแรงกว่าแต่ก่อน ราชันย์เทพเจ้าทั้ง 11 คนต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้น การตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดในเวลานี้ก็คือล่าถอย


“ฮึ่มมมม!”


รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาตั้งคำถามกับชายหนุ่ม อ้าวเฟิงกัดฟันและกระโจนออกจากปราการแสง ร่างของเขากลายสภาพเป็นมังกรสีทองตัวมหึมาอีกครั้ง เขาใช้ร่างกายคุ้มกันราชันย์เทพเจ้าทั้งหมดไว้ก่อนจะพุ่งออกไป


เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มที่อยู่ในปราการแสงมีพละกำลังเหนือกว่า จึงไม่คิดจะพาชายหนุ่มออกไปด้วย


“ผมจะรอคุณข้างนอกนะ” อ้าวเฟิงส่งโทรจิตบอกจางเซวียน


จางเซวียนส่ายหน้าก่อนจะหันกลับไปเพ่งสมาธิกับการซึมซับน้ำทิพย์แห่งจิตวิญญาณที่อยู่รอบตัว


5 นาทีต่อมา เขาก็ซึมซับน้ำทิพย์แห่งจิตวิญญาณทั้งหมดจนเสร็จสิ้น ตัวโคลนก็ยกระดับวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดได้สำเร็จ นับจากนี้ ตัวโคลนของเขาจะสามารถรับมือกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนไหนก็ตามได้อย่างง่ายดาย


แต่ในเวลาเดียวกัน การพังทลายของปราการแสงก็ทำให้จางเซวียนถูกห้อมล้อมด้วยจิตวิญญาณหลอกหลอนกลุ่มหนึ่ง เขากวัดแกว่งดาบสวรรค์สีเลือดในมือเพื่อเปิดทางให้ตัวเองล่าถอย แต่แล้วก็หยุดกึก


“เราควรเข้าไปสำรวจให้ลึกอีกหน่อยดีไหม เผื่อจะยังมีน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นหลงเหลืออยู่?”


ในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว หากพบน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นอีก ก็น่าจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุดได้สำเร็จ ทั้งยังได้ใช้หนี้บุญคุณที่ติดค้างต่ออ้าวเฟิงด้วย


จางเซวียนจึงรีบเปิดใช้งานเครื่องรางแห่งการปลอมตัวเพื่อปรับเปลี่ยนรังสีของเขาให้เหมือนบรรดาจิตวิญญาณหลอกหลอนที่อยู่โดยรอบ


ตอนแรก ฝูงจิตวิญญาณหลอกหลอนพากันโจมตีเขาอย่างไม่ลดละ แต่แล้วการเคลื่อนไหวของพวกมันก็ค่อยๆสงบลงขณะสำรวจบริเวณโดยรอบด้วยความสับสน


จิตวิญญาณของพืชมีชีวิตจิตใจขั้นพื้นฐานเท่านั้น จึงไม่อาจทำความเข้าใจสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้ ซึ่งการปลอมตัวของจางเซวียนเรียกได้ว่าแทบไม่มีที่ติ ดังนั้น แม้แต่พวกมันก็ไม่อาจแยกแยะความแตกต่างระหว่างตัวเขากับเผ่าพันธุ์ของพวกมันเอง


“เครื่องรางแห่งการปลอมตัวนี่ไร้เทียมทานจริงๆ” จางเซวียนพึมพำขณะรีบเดินท่องไปตามลำธารที่อยู่ในหุบเขา


จะต้องมีบางอย่างบริเวณสองฝั่งลำธารสายนี้ที่ทำให้ดินแดนส่วนอื่นๆที่เหลือไม่มีความสามารถในการผลิตน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น


จางเซวียนสำรวจลึกเข้าไป จำนวนจิตวิญญาณหลอกหลอนก็ค่อยๆลดลง ครู่ต่อมา เขาหยุดชะงักขณะตรวจสอบพื้นที่ตรงหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างหวาดระแวง


ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง จางเซวียนสัมผัสได้ถึงรังสีอันแสนคุ้นเคยจากบริเวณนี้


มันให้ความรู้สึกแบบเดียวกับรังสีที่เขาได้รับจากกลุ่มพลังงานสีเทาในหลุมดำใต้เมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด ซึ่งมีอานุภาพทำลายพลังปราณเทียบฟ้าของเขา


“ประหลาดจริงๆ…”


ยิ่งจางเซวียนเดินลึกเข้าไป รังสีนั้นก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็มาถึงจุดที่แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ไม่อาจต้านทานได้


จางเซวียนต้องใช้พลังปราณจากเวทนาสวรรค์ห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ


เขารุดหน้าต่อไปอีกราว 10 นาที ก่อนในที่สุดจะมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของลำธารสายนั้น เมื่อมองลงไปก็ถึงกับใจเต้นตึกตัก


ที่ปลายสุดของลำธารคือดินแดนรกร้างว่างเปล่าขนาดใหญ่ที่กินอาณาบริเวณหลายหมื่นหมู่ ไม่มีพืชพันธุ์หรือสิ่งมีชีวิตชนิดใดๆ มีแต่รอยยุบขนาดใหญ่อยู่ในพื้นดิน


จางเซวียนมองอะไรไม่เห็นเมื่อยืนอยู่บนพื้น จึงโผขึ้นสู่กลางอากาศเพื่อมองจากมุมสูง


เขาเห็นทันทีว่าแท้ที่จริงแล้วรอยยุบที่อยู่ในพื้นดินคือรอยฝ่ามือขนาดใหญ่!


“นี่เป็นฝีมือของจอมราชันย์หรือเปล่า?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


แม้ด้วยพละกำลังของเขาตอนนี้ เขาก็ไม่อาจสำแดงพลังฝ่ามือที่รุนแรงขนาดนั้นได้ นั่นหมายความได้อย่างเดียวว่ารอยประทับของฝ่ามือที่เห็นจะต้องเป็นฝีมือของจอมราชันย์


มีปัญหาเพียงข้อเดียวสำหรับเรื่องนี้ คือจอมราชันย์ไม่อาจเข้ามาที่นี่ได้


แล้วถ้าอย่างนั้น ใครคือผู้ทิ้งรอยฝ่ามืออันนี้เอาไว้?


จางเซวียนจ้องดูรอยประทับของฝ่ามือขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา “หรือว่ารอยแยกบนท้องฟ้าของสรวงสวรรค์เกิดขึ้นจากการต่อสู้?”


ทะเลท่วมท้นดูเหมือนจะเป็นชิ้นส่วนหนึ่งที่หายไปจากท้องฟ้าของสรวงสวรรค์ ซึ่งเมื่อลองคิดดู หลุมดำที่อยู่ใต้เมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดก็มีลักษณะคล้ายรอยประทับของฝ่ามือเช่นกัน


ถ้าอย่างนั้น เป็นไปได้ไหมว่าทั้งรอยแยกบนท้องฟ้าและหลุมดำเกิดจากการปะทะกันของ 2 จอมราชันย์?


บางทีการต่อสู้นั้นอาจเลยเถิด ส่งผลให้ในที่สุดไก่น้อยต้องเสียชีวิต


แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ในฐานะจอมราชันย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสรวงสวรรค์ หลัวลั่วชิงก็น่าจะเข้ามาขัดขวางและระงับการต่อสู้ไว้ โดยเฉพาะเมื่อมันนำมาซึ่งความเสียหายครั้งใหญ่ต่อโลกใบนี้…แล้วทำไมเธอถึงไม่ทำ?


เกิดอะไรขึ้นกับสรวงสวรรค์ในช่วง 4-5 ทศวรรษที่ผ่านมา?


ทำไมสรวงสวรรค์ถึงแตกฉานซ่านเซ็นออกเป็นชิ้นส่วนมากมาย ร่วงลงไปยังทวีปแห่งปรมาจารย์ แถมยังเข้าสู่ร่างกายของตัวเขากับปรมาจารย์ขง?


จางเซวียนมีคำถามมากมายในหัวสมอง ทั้งยังรู้สึกสับสนงุนงงขึ้นเรื่อยๆ


เขาเดินวนรอบรอยประทับของฝ่ามือนั้นและไม่พบน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น ทั้งยังไม่มีอะไรที่ดูแปลกตาหรือผิดปกติ จางเซวียนได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่และมุ่งหน้ากลับสู่บริเวณที่อ้าวเฟิงกับคนอื่นๆรออยู่


ถึงเขาจะยังไม่ได้ยกระดับวรยุทธของพลังปราณไปเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุด แต่อย่างน้อยก็ก้าวข้ามด่านคอขวดของราชันย์เทพเจ้าได้แล้ว แถมจิตวิญญาณก็แข็งแกร่งขึ้นมาก


ตอนนี้ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาไม่ได้ห่างไกลจากการก้าวสู่ตำแหน่งจอมราชันย์


โดยรวมก็ถือว่าได้ประโยชน์มากจากการเดินทางครั้งนี้


แต่ปัญหาเดียวก็คือ…เขาไม่รู้จะมองหน้าอ้าวเฟิงอย่างไร


อีกฝ่ายรวมทีมเพื่อตั้งใจจะนำน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นออกมาให้ได้ แต่ลงท้ายตัวเขาก็ซึมซับมันไปเกินกว่า 90% เรื่องนี้ทำให้จางเซวียนละอายใจมาก


“ช่างมันเถอะ! ถ้าทำอะไรไม่ได้ เราก็จะรับเขาเป็นศิษย์ตรง ถึงจะพูดได้เลยว่าเขาดูไม่ค่อยจะฉลาดเฉลียวสักเท่าไหร่…” จางเซวียนพึมพำกับตัวเองอย่างลังเล


นี่คือการประนีประนอมที่ดีที่สุดที่เขาพอจะทำได้


เมื่อตัดสินใจแล้ว จางเซวียนรีบกลับไปหาอ้าวเฟิงกับคนอื่นๆ


เพราะการปลอมตัวที่แนบเนียน จิตวิญญาณหลอกหลอนที่ยังคงโกรธเกรี้ยวจึงจดจำเขาไม่ได้และไม่ได้เข้ามาโจมตี


ไม่ช้าจางเซวียนก็มาถึงชายป่า


เขากำลังคิดอยู่ว่าอ้าวเฟิงจะดีใจแค่ไหนถ้าเขาบอกสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้อีกฝ่ายรับรู้ ก็พอดีกับที่รู้สึกถึงคลื่นความสั่นสะเทือนที่แผ่ซ่านออกจากพื้นที่ที่อยู่ตรงหน้า


จางเซวียนพุ่งเข้าไป เห็นอ้าวเฟิงที่อยู่ในร่างมังกรสีทองกำลังปะทะกับเสือร้ายเกรี้ยวกราดตัวหนึ่ง


“อ้าวเฟิง ครั้งล่าสุดที่เราพบกันก็เมื่อ 2-3 วันก่อนนี่เอง วันนี้ทำไมคุณถึงดูอ่อนแอนัก? ถ้าใครต่อใครเห็นคุณในสภาพแบบนี้ล่ะก็ คงได้หัวเราะจนฟันร่วงหมดปากแน่!” เสือตัวนั้นคำรามและหัวเราะลั่น


ทั้งสองปะทะกันอย่างไม่ลดละราวกับดอกไม้ไฟที่ปะทุขึ้นกลางอากาศ เกิดแสงสว่างวาบทุกหนแห่ง


“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่งน่านฟ้าทองคำแข็งกล้า?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


เสือร้ายเกรี้ยวกราดตัวนั้นน่าจะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่งน่านฟ้าทองคำแข็งกล้า แต่ก็ออกจะประหลาดอยู่สักหน่อยที่จู่ๆทั้งคู่ก็ปะทะกัน


“คุณมันชั่วช้า!” อ้าวเฟิงคำรามพร้อมกับสำแดงศาสตร์ลับที่ทำให้ทั้งร่างของเขาเรืองแสงสีแดงก่ำออกมา


เขาพุ่งเข้าใส่เสือร้ายตัวนั้นอย่างเกรี้ยวกราด


บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!


การปะทะของทั้งคู่ทำให้รอยแยกแห่งมิติปรากฏทั่วพื้นที่บริเวณนั้น


“ปรมาจารย์จาง…” หลัวฉีฉีเรียกขณะเดินมาอยู่ข้างจางเซวียน


เธอรู้ดีว่าเมื่อครู่นี้จางเซวียนมีบางอย่างต้องทำ จึงตัดสินใจออกจากลำธารในหุบเขามาพร้อมกับอ้าวเฟิงเพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วง


“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆพวกเขาถึงต่อสู้กัน?” จางเซวียนถาม


“หลังจากพวกเราออกมาได้ไม่นาน ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหูเสี่ยวแห่งน่านฟ้าทองคำแข็งกล้าก็เข้ามาหยุดพวกเราไว้ ฉันเชื่อว่าเขาคงรู้เรื่องน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น จึงตั้งใจดักรออยู่ด้านนอกเพื่อปล้นมันจากอ้าวเฟิงที่กำลังบาดเจ็บ” หลัวฉีฉีบอก


“เข้าใจแล้ว…” จางเซวียนพยักหน้า


สิ่งที่นักรบหวาดระแวงมากที่สุดในทะเลท่วมท้นไม่ใช่กับดักตามธรรมชาติหรือคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติ แต่เป็น…บรรดานักรบด้วยกัน!


มีนักรบมากมายที่ซุ่มรอให้ผู้กล้าสักคนที่ได้สมบัติล้ำค่าที่พวกเขาต้องการปรากฏตัว ก่อนจะเข้าโจมตีและขโมยผลงานที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของคนเหล่านั้นไป


สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหูเสี่ยวกำลังทำอยู่


“ถ้าไม่ใช่เพราะอ้าวเฟิงได้รับบาดเจ็บ เขาคงรับมือกับหูเสี่ยวได้ดีกว่านี้ แต่ในสภาพนี้ ดูจะมองในแง่ดีไม่ได้…” หลัวฉีฉีส่ายหน้า


ถ้าไม่ใช่เพราะอ้าวเฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีอย่างไม่ลดละของจิตวิญญาณหลอกหลอนเมื่อครู่ก่อน ต่อให้หูเสี่ยวจะไร้เทียมทานแค่ไหน อย่างมากที่สุดทั้งคู่ก็คงเสมอกัน แต่โชคร้ายที่อ้าวเฟิงอยู่ในสภาพย่ำแย่ จึงพอคาดเดาผลการต่อสู้ได้ตั้งแต่เริ่ม


บึ้มมมม!


เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นกลางอากาศ อ้าวเฟิงร่วงลงมากระแทกพื้น เกิดหลุมยุบขนาดใหญ่ใต้ร่างของเขา เลือดสีทองทะลักออกมา


จางเซวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเก็บเลือดสีทองที่ไหลนองไปทั่วบริเวณนั้น


หยดเลือดของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่เป็นมังกรเลือดบริสุทธิ์น่าจะขายได้ในราคาสูงลิ่ว


หูเสี่ยวกลายร่างกลับเป็นชายวัยกลางคนขณะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ส่งน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นมา!”


อ้าวเฟิงกัดฟันกรอด


“รู้หรือเปล่าว่ามีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติกี่คนที่ต้องตายในการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งก่อน อย่าเสี่ยงเลยจะดีกว่า!” หูเสี่ยวคำรามขณะย่างสามขุมเข้าหาอ้าวเฟิง


รู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องเล่นงานเขาอย่างหนักเพื่อให้ได้น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น อ้าวเฟิงจำต้องยื่นกล่องหยกให้อย่างไม่เต็มใจ

 

 

 


ตอนที่ 2320 ผมก็แค่สังหารคุณ

 

หูเสี่ยวรับกล่องหยกมาเปิดฝาเพื่อตรวจสอบสิ่งที่อยู่ภายใน ครู่ต่อมาก็ตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “ทำไมมันถึงเล็กนัก?”


ด้วยปริมาณจิตวิญญาณหลอกหลอนรอบๆลำธารในหุบเขาที่มีอยู่มากมาย น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นก็น่าจะมีขนาดใหญ่ไม่เบา คิดไม่ถึงเลยว่าจะเล็กเท่าเมล็ดถั่ว!


“พลังงานในนั้นคงรั่วไหลออกมาตอนที่ผมพยายามทำลายปราการที่อยู่รอบๆ ครั้งแรกที่ผมเห็นมันน่ะ มันก็มีขนาดเท่านี้” อ้าวเฟิงตอบ ไม่ได้เปิดเผยเรื่องของจางเซวียน


“รั่วไหลออกมา?” หูเสี่ยวขมวดคิ้ว เขาเก็บน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไว้ในแหวนเก็บสมบัติก่อนจะจ้องหน้าอ้าวเฟิง “ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็จะนำทรัพย์สินบางส่วนของคุณไปเป็นการชดเชย!”


หูเสี่ยวกระดิกนิ้ว แล้วแหวนเก็บสมบัติของอ้าวเฟิงก็ลอยเข้าสู่มือของเขา


เขาเคาะมันเบาๆเพื่อกำจัดรอยประทับของจิตวิญญาณก่อนจะสำรวจข้าวของที่อยู่ภายใน จากนั้นก็แสยะยิ้มอย่างลิงโลดขณะตั้งข้อสังเกต “ไม่เลวนี่ คราวนี้คุณทำได้ดีนะ ดูเหมือนคงเหน็ดเหนื่อยไม่เบาหลังจากที่ได้เข้าสู่ทะเลสาบท่วมท้น ผมจะเอาไปทั้งหมดนี่ก็แล้วกัน!”


ในเมื่อเขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อปล้นอ้าวเฟิง ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเหลือข้าวของใดๆไว้ให้อีกฝ่าย


แม้ของล้ำค่าในแหวนเก็บสมบัติของอ้าวเฟิงจะเทียบไม่ได้กับน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น แต่ก็มีประโยชน์มากกับนักรบระดับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ


“คุณ…”


เห็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาถูกปล้นซึ่งๆหน้า อ้าวเฟิงกัดฟันกรอดอย่างโกรธเกรี้ยว แต่ก็พูดอะไรไม่ได้


การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณก็เป็นแบบนี้ หากไม่ทันระวังตัวเพียงครู่เดียว นักปล้นสะดมก็จะปรากฏตัวทันที


ถ้าเขาสู้กับหูเสี่ยวเพราะเรื่องนี้ ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกอีกฝ่ายปลิดชีวิต เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกล้ำกลืนฝืนทน


ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ ก็คงหาทรัพยากรเพื่อการฝึกฝนวรยุทธเหล่านั้นกลับคืนมาได้!


หลังจากฉกฉวยทรัพย์สมบัติทั้งหมดของอ้าวเฟิงแล้ว หูเสี่ยวกวาดสายตามองราชันย์เทพเจ้าคนอื่นๆในกลุ่ม “พวกคุณก็เหมือนกัน ส่งทรัพย์สมบัติที่มีมาให้หมด! ผมอาจจะยั้งมือกับอ้าวเฟิงเพราะเขาอยู่ในสังกัดของน่านฟ้ามังกรเมฆ แต่กับพวกคุณที่เหลือน่ะไม่เป็นแบบนั้นหรอกนะ ถ้าไม่อยากตาย ก็รีบส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดมา!”


น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการข่มขู่


น่านฟ้ามังกรเมฆขึ้นชื่อเรื่องการปกป้องคนของตัวเอง และอ้าวเฟิงก็เป็นถึงราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ขอแค่อ้าวเฟิงยินยอมพร้อมใจมอบทรัพย์สมบัติที่มีให้เขา ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่หูเสี่ยวจะต้องเสี่ยงสังหารอ้าวเฟิงเพียงเพื่อให้จอมราชันย์มังกรเมฆตามมาล้างแค้น!


แต่กับราชันย์เทพเจ้าคนอื่นๆ พวกนั้นไม่ได้มีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งอย่างอ้าวเฟิง


ต่อให้เขาสังหารราชันย์เทพเจ้าไปสักสองสามคนก็ไม่ถือเป็นความผิด!


ราชันย์เทพเจ้าที่ได้รับบาดเจ็บและต้องเผชิญกับแรงกดดันจากหูเสี่ยวต่างจ้องหน้าเขาอย่างโกรธแค้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้


หากพวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็เป็นไปได้ที่จะพยายามหลบหนี แต่ในสภาวะแบบนี้ ไม่มีทางหนีพ้นจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติได้เลย


หากไม่ยอมมอบทรัพย์สมบัติให้อีกฝ่าย ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกฆ่าตายกันหมด!


นักรบระดับราชันย์เทพเจ้าอาจได้รับความเคารพยกย่องอย่างสูงในสรวงสวรรค์ แต่สำหรับทะเลท่วมท้น พวกเขาไร้ความสำคัญอย่างสิ้นเชิง


“นี่…”


“ผมหามาได้เท่านี้แหละ…”


ไม่ช้า ราชันย์เทพเจ้าทุกคนก็มอบแหวนเก็บสมบัติของพวกเขาให้หูเสี่ยว


หูเสี่ยวมองข้าวของที่ปล้นมาได้อย่างพอใจ ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูดต่อ ราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งก็กัดฟันแล้วก้าวออกไปประจันหน้า “ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหูเสี่ยว ผมพร้อมจะรับใช้คุณหากคุณคืนทรัพย์สมบัตินั้นให้ผม ผมบอกคุณได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ลำธารในหุบเขา ซึ่งเป็นเหตุให้น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นหายไป…”


“คุณอยากเป็นบริวารของผม? เรื่องนั้นน่ะไม่มีปัญหา แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลของคุณมีค่ามากพอจะแลกกับชีวิตและทรัพย์สมบัติของคุณหรือเปล่า” หูเสี่ยวตอบอย่างไม่แยแส


“คุณจะต้องพอใจแน่กับสิ่งที่ผมบอก…” ราชันย์เทพเจ้าผู้นั้นตอบด้วยนัยน์ตาเป็นประกายก่อนจะชี้มาที่จางเซวียน “เป็นเพราะหมอนั่น เขาคือคนที่เข้าถึงน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นก่อนใคร ตอนนั้นมันยังมีขนาดเท่ากำปั้น แต่หลังจากที่เขาเข้าถึงมันได้ไม่นาน น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นก็ค่อยๆหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าที่เห็น ผมเชื่อว่าเขาคือตัวการที่อยู่เบื้องหลังการหายไปของน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นอย่างแน่นอน!”


หมอนั่นแข็งแกร่งพอจะรับมือกับจิตวิญญาณหลอกหลอน แต่กลับนิ่งเฉยขณะที่พวกเขาต้องได้รับบาดเจ็บ แถมยังวิ่งเข้าหาปราการแสงเพื่อฉกฉวยน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไปเสียอีก


พูดกันตามตรง ตัวเขาทั้งหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของชายหนุ่ม


ด้วยสิ่งนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะได้สั่งสอนบทเรียนให้หมอนั่น ยังมีโอกาสได้ทรัพย์สมบัติกลับคืนมาด้วย เท่ากับยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว!


“คุณเป็นคนขโมยน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไปหรือ?”


เมื่อได้รู้ว่าก่อนหน้านี้น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นมีขนาดเท่ากำปั้น หูเสี่ยวหรี่ตามองจางเซวียน


ถ้าเขาชิงน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นจากหมอนี่และนำไปมอบให้จอมราชันย์ฟู่เหมิงได้ จะต้องได้รับความดีความชอบอย่างงามจากจอมราชันย์แน่!


“ผมมาที่นี่กับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอ้าวเฟิงเพื่อเสาะหาน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น ไม่มีเจตนาจะนำมันไปเป็นของตัวเอง เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ”


อ้าวเฟิงที่นอนแบ็บอยู่กับพื้นก็มองมาที่เขา จางเซวียนจึงได้แต่อธิบายอย่างกระอักกระอ่วน


เขาครุ่นคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว แต่ก็อดรู้สึกอับอายไม่ได้ที่ต้องพูดถึงมัน


ถึงอย่างไร ความผิดก็อยู่ที่เขา


เห็นชายหนุ่มยอมรับ หูเสี่ยวหัวเราะลั่น “ดูเหมือนคราวนี้ผมจะเจอทองแล้ว!”


หูเสี่ยวออกคำสั่งด้วยแววตาเย็นเยียบและทรงอำนาจ “ส่งน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นมาเดี๋ยวนี้ แล้วผมอาจไว้ชีวิตคุณ!”


“ผมทำไม่ได้” จางเซวียนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย


เขาซึมซับมันเข้าสู่ร่างกายจนหมดแล้ว จะมอบให้อีกฝ่ายได้อย่างไร? หากทำได้ คงคืนให้อ้าวเฟิงไปแล้ว!


“คิดสิ เหตุผลที่ผมยังพูดกับคุณจนถึงตอนนี้ก็เพราะผมอารมณ์ดี แต่ถ้าคุณยังล้อเล่นกับโชคชะตาอยู่แบบนี้ล่ะก็ ผมก็แค่สังหารคุณ จากนั้นก็รีดน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นออกมา เท่านั้นก็สิ้นเรื่อง”


แม้จะถูกหูเสี่ยวข่มขู่ แต่จางเซวียนก็ยังคงมีสีหน้าไม่แยแสแบบเดิม


สิ่งนี้ทำให้หูเสี่ยวโมโหเดือด เขาเงื้อฝ่ามือขึ้นและปล่อยพลังใส่จางเซวียน เกิดรอยประทับรูปฝ่ามือขนาดใหญ่กลางอากาศ


บึ้มมมม!


พลังงานระเบิดออกไปโดยรอบขณะที่รอยประทับรูปฝ่ามือนั้นพุ่งเข้าใส่จางเซวียนอย่างรวดเร็ว


เห็นหูเสี่ยวเริ่มสำแดงกระบวนท่า ราชันย์เทพเจ้าที่เพิ่งเสนอตัวรับใช้หูเสี่ยวเงยหน้ามองอย่างสะใจ


“คุณควรจะรู้บ้างว่าอะไรเป็นอะไร คิดว่าตัวเองอยู่ในสรวงสวรรค์ที่ทุกคนเล่นตามกฎงั้นหรือ?”


พวกเขาอยู่ในทะเลท่วมท้น สถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นหลุมศพของทั้งราชันย์เทพเจ้าและราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติมากมาย แต่ชายหนุ่มก็ยังกล้าแสดงพฤติกรรมเย่อหยิ่งอวดดี…ทำแบบนั้นไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย!


เมื่อเจอกับการโจมตีของหูเสี่ยว จางเซวียนส่ายหน้าอย่างจนปัญญาและพึมพำ “จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”


ราชันย์เทพเจ้าพวกนี้เป็นแค่คนแปลกหน้าที่เขาเพิ่งเจอ เขาจึงไม่รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องปกป้องพวกนั้น


ผมยังพอเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ตอนที่คุณปล้นพวกเขา แต่คุณไม่รู้สึกว่ามันเกินไปหน่อยหรือที่หันมาปล้นและเล่นงานผมด้วย?


จางเซวียนยกมือขึ้นและกระดิกนิ้ว


ฟึ่บ!


รอยประทับรูปฝ่ามือขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศแตกสลายไปเหมือนแก้ว และยังไม่ทันที่หูเสี่ยวจะได้ตอบโต้ ก็ถูกเล่นงานอย่างจังเข้าที่หว่างคิ้ว เขากระเด็นถอยหลังไปหลายสิบเมตรก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง


เลือดกองใหญ่กระอักออกจากปาก


“การโจมตีของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหูเสี่ยวถูกเล่นงานด้วยการกระดิกนิ้วเพียงครั้งเดียว แถมเขายังถูกสอยกระเด็นด้วย?”


“ผมตาฝาดหรือเปล่า?”


บรรดาราชันย์เทพเจ้าที่อยู่ตรงนั้นพากันตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึงในสิ่งที่เห็น


แม้นัยน์ตาที่ใหญ่โตราวกับระฆังของอ้าวเฟิงก็เบิกโพลงด้วยความตกตะลึง เขาตัวสั่นอย่างหนักจนเมื่อมองจากระยะไกล ก็ดูเหมือนงูเหลือมแทนที่จะเป็นมังกรตัวมหึมา


จากการที่ชายหนุ่มฝ่าดงจิตวิญญาณหลอกหลอนและเข้าไปทำลายปราการแสงได้ เขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่นักรบธรรมดา…แต่คิดไม่ถึงว่าจะทรงพลังขนาดนี้!


แม้ตัวเขาในสภาพที่แข็งแกร่งสูงสุดก็ยังเอาชนะหูเสี่ยวได้ยาก แต่นักรบที่ไร้เทียมทานขนาดนั้นกลับไม่ต่างอะไรจากจากมดตัวหนึ่งในสายตาของชายหนุ่ม


เขาไม่ได้เป็นแค่ราชันย์เทพเจ้าใช่ไหม?


หูเสี่ยวกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืนขณะจ้องหน้าจางเซวียนด้วยนัยน์ตาแดงก่ำราวกับเลือด


ตัวเขาซึ่งเป็นถึงราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจะบาดเจ็บสาหัสด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของนักรบระดับราชันย์เทพเจ้าได้อย่างไร? ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้?


แม้เขาจะไม่ได้ใช้พละกำลังเต็มพิกัดในการโจมตีเมื่อครู่ แต่การที่ชายหนุ่มเอาชนะพลังฝ่ามือของเขาได้อย่างง่ายดายก็บ่งบอกแล้วว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติส่วนใหญ่ที่เขารู้จัก


“บ้าจริง!”


หูเสี่ยวสบถลั่น ฝ่ามือของเขาแปรสภาพเป็นกรงเล็บและตวัดเข้าใส่จางเซวียน สำแดงพละกำลังที่หนักหน่วงราวกับขุนเขาออกมา


เห็นหูเสี่ยวยังราวีไม่เลิก จางเซวียนส่ายหน้าก่อนจะเอาสองมือไพล่หลัง


ฟึ่บ!


ยังไม่ทันที่กรงเล็บจะตวัดลงมา พละกำลังนั้นก็สลายตัวไป ตามมาด้วยเสียงคำรามเย็นเยียบ “นี่เป็นครั้งสุดท้ายล่ะนะที่ผมจะปล่อยให้คุณบังอาจแตะต้องผม”


การกระเพื่อมของมิติชุดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว และหูเสี่ยวที่เมื่อครู่นี้ยังโจมตีอย่างบ้าคลั่งก็บินหนีไป


ทันทีที่พลังของเขาถูกทำลาย หูเสี่ยวก็รู้แล้วว่าไม่อาจเทียบชั้นกับชายหนุ่มคนนี้ได้ จึงหันหลังกลับและเผ่นหนีโดยไม่ลังเล


ในการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณ ผู้ที่ได้ครอบครองทรัพย์สมบัติล้ำค่าและกลับออกไปโดยยังมีชีวิตถือเป็นผู้ชนะตัวจริง ส่วนชื่อเสียงหรืออะไรทำนองนั้นล้วนมีความสำคัญเป็นอันดับรอง


ถึงอย่างไร ด้วยชื่อเสียงและสถานภาพของหูเสี่ยวในสรวงสวรรค์ ใครกันจะกล้าซุบซิบนินทา?


แล้วใครกันจะเชื่อเรื่องแบบนี้?


“ปรมาจารย์จาง…” หลัวฉีฉีร้องเรียก


เธอรู้ดีว่าจางเซวียนสามารถขัดขวางหูเสี่ยวได้ จึงสงสัยว่าทำไมเขาไม่ทำ


“ไม่จำเป็นหรอก ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว” จางเซวียนตอบพร้อมกับโบกมือ

 

 

 


ตอนที่ 2321 ปลอมตัว

 

เรื่องสำคัญที่สุดของเขาในเวลานี้คือการยกระดับวรยุทธและผลักดันให้เกิดการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ให้ได้ ลำพังนักรบระดับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไม่มีความหมายอะไรต่อเขาอีกแล้ว ไม่คู่ควรพอให้เขาเสียเวลาด้วย


“แต่…เขาปล้นทรัพย์สมบัติของอ้าวเฟิงไปนะ ถ้าคุณเอาคืนมาได้ ก็จะได้ชดเชยที่ซึมซับพลังงานจากน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไป” หลัวฉีฉีแย้ง


เพราะอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้ว เธอจึงรู้นิสัยใจคอของจางเซวียน เขาไม่ใช่คนชนิดที่ชอบติดหนี้ใคร โดยหากรู้สึกว่าตัวเองติดหนี้ใครสักคน ก็จะต้องพยายามชดใช้ให้ได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง


นั่นคือเหตุผลที่เขารู้สึกกระอักกระอ่วนตอนที่ถูกตั้งคำถามว่าเป็นผู้ฉกฉวยน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไปหรือไม่


สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ชดใช้อ้าวเฟิง ถ้าเขาล้างแค้นให้อ้าวเฟิงพร้อมกับนำน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นกลับคืนมาได้ ก็ถือว่าหายกัน


ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะไม่ต้องลำบากใจอีกต่อไปที่ต้องเผชิญหน้ากับอ้าวเฟิง


คำพูดนั้นทำให้จางเซวียนตาโต


เขามัวแต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้อ้าวเฟิงเลิกดีอกดีใจเมื่อเขารับอีกฝ่ายเป็นศิษย์จนหลงลืมความเป็นไปได้ข้อนี้ไป หากเขาแก้ปัญหาได้ ก็ไม่จำเป็นต้องรับอ้าวเฟิงเป็นศิษย์แล้ว


โล่งอกจริงๆ!


เมื่อคิดได้ จางเซวียนมองตามทิศทางที่หูเสี่ยวบินหนีไป เห็นอีกฝ่ายหายลับไปจากสายตาแล้ว


“สายไปแล้วล่ะ เขาหนีไปแล้ว” หลัวฉีฉีพูดพร้อมกับยิ้มแหยๆ


แม้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจะทะลุมิติไม่ได้ แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็แทบจะ ไม่ต่างกัน หูเสี่ยวหนีไปได้ราว 7-8 อึดใจแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแกะรอยและไล่ตามอีกฝ่ายให้ทัน


“ยังไม่สายหรอก” จางเซวียนตอบยิ้มๆ


เขายกมือขึ้นและยื่นมือออกไป


ในตอนนั้น มิติที่อยู่ตรงหน้าจางเซวียนก็เริ่มบิดเบี้ยวราวกับชั้นกระดาษที่ถูกบีบอัดเข้าหากัน ระยะทางหลายร้อยลี้ถูกย่นระยะเข้าหากันอย่างปุบปับ ทำให้จางเซวียนยืดแขนออกไปได้ยาวพอที่จะคว้าตัวเป้าหมายของเขา


“อะ-อะไรกัน? แบบนี้ก็เป็นไปได้หรือ?”


หูเสี่ยวร้องโหยหวนขณะถูกดึงตัวกลับมายังจุดที่จางเซวียนกับคนอื่นๆยืนอยู่ เขาถูกทุ่มลงกับพื้นอย่างแรง


เห็นภาพนั้น อ้าวเฟิงอ้าปากค้าง


บีบอัดมิติเพื่อจับตัวคู่ต่อสู้…นี่คือความสามารถที่มีแต่จอมราชันย์เท่านั้นที่ทำได้!


ชายหนุ่มคนนี้ แท้ที่จริงแล้วเป็นจอมราชันย์ปลอมตัวมาหรือเปล่า?


หูเสี่ยวแทบเสียสติ


เขาคิดว่าคงปลอดภัยแน่เมื่อบินหนีไปได้ไกลแล้ว ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะคว้าตัวเขาไว้อย่างง่ายดายขนาดนั้น?


จับแมลงวันยังยากกว่านี้เลย?


“ผมเพิ่งนึกได้ว่าคุณยังไม่ได้คืนข้าวของที่ปล้นไปจากพวกเขา นำทุกอย่างที่คุณมีออกมาให้หมด!” จางเซวียนสั่งการขณะจ้องหูเสี่ยวอย่างเย็นชา


เพราะได้ตำแหน่งทรงเกียรติจากโลก อีกทั้งเมื่อครู่ยังได้ซึมซับน้ำทิพย์แห่งจิตวิญญาณในปริมาณมาก จิตวิญญาณของเขาจึงแข็งแกร่งพอจะควบคุมกฎเกณฑ์แห่งมิติในสรวงสวรรค์ได้


แม้หูเสี่ยวจะลับตาไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตการตรวจจับของการรับรู้จิตวิญญาณของเขา ทั้งหมดที่ต้องทำก็คือระบุพิกัดที่แน่นอนของหูเสี่ยวและคว้าตัวมาให้ได้เท่านั้น


ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย


“ได้…” หูเสี่ยวพยักหน้าขณะนำทุกสิ่งที่เพิ่งปล้นได้ออกมา


กับคู่ต่อสู้ที่คว้าตัวเขาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีโอกาส


หลังจากวางทุกสิ่งลงกับพื้น หูเสี่ยวหันกลับไปก้มศีรษะให้จางเซวียน “ผู้อาวุโส ตอนนี้ผมไปได้หรือยัง?”


เขาไม่กล้าทำตัวโอหังต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้


“ผมบอกว่านำทุกสิ่งที่คุณมีออกมาไม่ใช่หรือไง? แล้วสมบัติของคุณน่ะอยู่ไหน?” จางเซวียนย้อนถาม


ในเมื่อเขาทำขนาดนี้แล้ว ก็ต้องยึดทุกอย่างที่หูเสี่ยวมีด้วย


เขาไม่รู้สึกผิดอยู่แล้วที่จะริบทรัพย์สมบัติจากหัวขโมยที่เที่ยวปล้นใครต่อใครไปทั่ว!


“ดะ-ได้!”


หูเสี่ยวไม่กล้าขัดใจชายหนุ่ม เขารีบยื่นแหวนเก็บสมบัติให้


จางเซวียนกำจัดรอยประทับของจิตวิญญาณบนแหวนเก็บสมบัติเพื่อตรวจสอบข้าวของในนั้น ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ


สมกับที่เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ในแหวนเก็บสมบัติวงนั้นมีของดีๆอยู่มาก แม้จะไม่ค่อยมีประโยชน์กับเขา แต่ก็น่าจะยังมีประโยชน์ไม่น้อยกับท่านพ่อท่านแม่ หลัวฉีฉี และซุนฉาง


“คุณไสหัวไปได้แล้ว” จางเซวียนโบกมืออย่างไม่แยแส


“ผู้อาวุโส ขอบคุณที่ไว้ชีวิตผม…”


หลังจากโค้งคำนับอย่างงามสามครั้ง หูเสี่ยวก็รีบเผ่นหนีโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


เขารู้ดีว่าทะเลท่วมท้นคือสถานที่ที่การเอาชีวิตรอดเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เขาอาจถูกริบทรัพย์สมบัติทั้งหมดไป แต่ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ ก็หาใหม่ได้


มีนักรบมากมายเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เพราะพูดพล่ามเกินขนาด เขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดแบบนั้น


…..


เมื่อหูเสี่ยวจากไป จางเซวียนมองอ้าวเฟิงกับราชันย์เทพเจ้าคนอื่นๆและโบกมือ


“นำข้าวของของพวกคุณคืนไป!”


ฝูงชนต่างมองหน้ากัน ซึ่งหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พากันก้าวออกมาเก็บทรัพย์สมบัติของตัวเองด้วยใบหน้าแดงก่ำ


ตอนแรก ทุกคนออกจะไม่พอใจที่เห็นชายหนุ่มไม่ทำอะไรเลยขณะที่พวกเขาเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่ความคิดแบบนั้นก็หายไปหมดแล้ว


ทุกคนเป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกัน แล้วทำไมชายหนุ่มถึงต้องช่วยเหลือพวกเขา?


พวกเขาควรสำนึกในบุญคุณมากกว่าที่อีกฝ่ายเต็มใจคืนทรัพย์สมบัติให้


“ผู้อาวุโส ขอบคุณที่ช่วยเหลือ!” อ้าวเฟิงรีบคืนร่างกลับเป็นมนุษย์ก่อนจะโค้งคำนับอย่างงามเพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณ


“ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรอก” จางเซวียนตอบพร้อมกับโบกมือ “ผมไม่ได้ตั้งใจซึมซับน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น แต่นั่นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ผมหวังว่าเราจะหายกันหลังจากที่ผมคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้คุณ”


“หายกันแน่นอน!” อ้าวเฟิงรับคำหนักแน่น เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตั้งคำถามด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความสงสัย “ผู้อาวุโส พูดก็พูดเถอะ เป็นไปได้ไหมว่า…คุณคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า?”


ด้วยความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นระหว่างการมอบตำแหน่งทรงเกียรติของโลก ไม่มีทางที่อ้าวเฟิงจะไม่รู้เรื่องนี้ เพียงแต่เขาไม่คิดว่าจะได้พบอีกฝ่ายที่นี่


แถมชายหนุ่มก็ดูอายุน้อยกว่าที่เขาคิดไว้มาก


“ใช่ ผมเอง” จางเซวียนตอบตามตรง


“เขาคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า? จอมราชันย์พิชิตสวรรค์…คนต่อไป?”


“ไม่แปลกใจแล้วที่เขาทรงพลังเหลือเกิน…”


“ถ้าอย่างนั้น หมู่เมฆสีแดงที่ปรากฏขึ้นเมื่อ 2 วันก่อนก็เป็นเพราะเขาใช่ไหม?”


…..


ฝูงชนส่งเสียงเซ็งแซ่เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างอ้าวเฟิงกับจางเซวียน


ตอนนั้นเองที่พวกเขาเพิ่งถึงบางอ้อว่าทำไมชายหนุ่มถึงทรงพลังขนาดนี้ทั้งที่เป็นแค่นักรบระดับราชันย์เทพเจ้า


“นั่นอธิบายได้เลยว่าทำไมคุณถึงสามารถซึมซับน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น!” อ้าวเฟิงใช้กำปั้นทุบฝ่ามือของเขาเมื่อพลันนึกได้


พลังจิตวิญญาณที่อยู่ในน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นบริสุทธิ์มากเสียจนแม้ตัวเขาซึ่งเป็นถึงราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ไม่อาจซึมซับมันอย่างผลีผลาม แต่ชายหนุ่มกลับนำไปใช้ยกระดับวรยุทธได้อย่างง่ายดาย


ที่ผ่านมา อ้าวเฟิงยังคิดอยู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นค่อนข้างประหลาด แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ!


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า…บุคคลที่ฟ้าลิขิตให้เป็นจอมราชันย์ ไม่น่าแปลกใจแล้วที่เขาซึมซับน้ำที่ปฐพีเข้มข้นได้อย่างง่ายดาย


อ้าวเฟิงพลันนึกอะไรได้บางอย่าง เขาเปรย “ผู้อาวุโส ผมรู้มาว่าที่นี่มีของล้ำค่าชิ้นหนึ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์กับคุณ”


“อย่างนั้นหรือ?” จางเซวียนย้อนถาม


“ไกลออกไปจากที่นี่ราว 5,000 ลี้ ผมเห็นหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์จำนวนหนึ่งขึ้นอยู่ในรอยแยกแห่งมิติ ด้วยระดับวรยุทธของผม ผมไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่นั้น แต่ถ้าเป็นคุณล่ะก็ ผู้อาวุโส, ผมเชื่อว่าคุณน่าจะเข้าไปได้สบาย” อ้าวเฟิงพูด


“หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์?” จางเซวียนตาโต “คุณกำลังพูดถึงสมุนไพรในตำนานที่มีประโยชน์แม้แต่กับวรยุทธของจอมราชันย์ใช่ไหม?”


เขาได้อ่านเรื่องสมุนไพรชนิดนี้จากหนังสือเล่มหนึ่งที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้


ในเวลานี้ สมุนไพรส่วนใหญ่ไม่มีประโยชน์กับเขาแล้ว เขาจึงต้องการบางอย่างที่มีระดับขั้นสูงกว่าเดิมเพื่อยกระดับวรยุทธ


อ้าวเฟิงพยักหน้า


“พาผมไปที!” จางเซวียนพูด


ในแง่ของประสิทธิภาพ หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์จะต้องเหนือชั้นกว่าน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นอย่างแน่นอน เขาอาจฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุดได้สำเร็จ หรืออาจถึงขั้นจอมราชันย์เลยทีเดียว!


“แล้วเราจะทำอย่างไรกับเขา?”


อ้าวเฟิงชี้นิ้วไปที่ราชันย์เทพเจ้าที่เพิ่งเปิดโปงเรื่องจางเซวียนกับหูเสี่ยว


“ผมว่าเราไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิตเขาหรอก” จางเซวียนตอบขณะสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่แยแส


“ดะ-ได้โปรด ไว้ชีวิตผมด้วย…” ราชันย์เทพเจ้าผู้นั้นร้องขอความเมตตาขณะที่พลันรู้สึกว่าสูญเสียการควบคุมร่างกายของตัวเอง ร่างของเขาส่ายไปมาขณะที่พลังปราณเกิดการปั่นป่วนอย่างหนัก เพียงครู่เดียว ร่างนั้นก็ระเบิด


ทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณของเขาถูกกำจัดจนสิ้นซาก


ถ้าจางเซวียนไม่แข็งแกร่งพอ การเปิดโปงของราชันย์เทพเจ้าผู้นี้อาจทำให้เขาต้องเสียชีวิต ซึ่งในสถานที่อย่างทะเลท่วมท้น การร้องขอความปรานีจากศัตรูเป็นเรื่องโง่เง่าเต็มที


ใครต่อใครอาจดูแคลนเขาเพราะการประนีประนอมที่เขามอบให้อีกฝ่าย


อ้าวเฟิงกับราชันย์เทพเจ้าคนอื่นๆต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น


ตอนที่พวกเขาเห็นชายหนุ่มยอมปล่อยหูเสี่ยวไป ก็คิดว่าอีกฝ่ายอายุยังน้อยและมีเมตตา แต่หลังจากได้เห็นภาพนี้…


ก็นั่นแหละ ถือว่าโง่เง่าเต็มทีที่จะปีนเกลียวกับใครสักคนที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่อาจเทียบชั้นกับเขาได้


อ้าวเฟิงแสนจะยินดีปรีดาที่ตัวเขายังคงยึดมั่นในหลักการและไม่ได้ทรยศชายหนุ่ม ไม่อย่างนั้น นี่คงเป็นชะตากรรมของเขาเช่นกัน


“ไปกันเถอะ!”


จางเซวียนไม่แยแสราชันย์เทพเจ้าที่เหลือ เขาเร่งอ้าวเฟิงให้นำทางไป


…..


หูเสี่ยวหน้าดำคร่ำเครียด เขากัดฟันกรอดขณะพึมพำอย่างเคียดแค้น “ไม่ใช่ใครอื่นแน่…เขาจะต้องเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า!”


การสรุปข้อเท็จจริงไม่ได้ยากเกินไป


นอกเสียจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า จะมีใครอื่นนอกจากเหล่าจอมราชันย์ที่มีพละกำลังน่าสะพรึงขนาดนี้?


“เขาอาจเก่งกาจไร้เทียมทานก็จริง แต่แล้วอย่างไรล่ะ? ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่าของเรา ที่ได้รับการบ่มเพาะจากจอมราชันย์ฟู่เหมิงด้วยตัวเองก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเขาสักนิด!” หูเสี่ยวครุ่นคิดถึงสาวน้อยผู้กล้าหาญคนนั้นขณะกำหมัดแน่น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)