อัจฉริยะสมองเพชร 2316-2139

 ตอนที่ 2136 นี่คือรังสีสวรรค์?

ดูเหมือนดาบของจางเซวียนกำลังเต้นรำไปตามจังหวะของปรมาจารย์ขงมากกว่า


แล้วเขาจะเอาชนะได้อย่างไรในการต่อสู้แบบนี้?


“หรือนี่คือความสามารถของลิขิตสวรรค์?” จางเซวียนใจหายวาบ


เขาเคยได้ยินปรมาจารย์ขงพูดถึงความสามารถนี้มาก่อน แต่อีกฝ่ายไม่ได้ใช้มันตอนที่ปะทะกับตัวโคลน เขาจึงไม่ได้ใส่ใจ เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่ามันน่าสะพรึงขนาดไหน


สิ่งนี้ดูคล้ายคลึงกับความสามารถของสายเลือดของขงซือเหยา…วาจาสิทธิ์!


ต่อให้เขาหาข้อบกพร่องเพื่อเล่นงานอีกฝ่ายได้ก็ย่อมไร้ประโยชน์ ในเมื่อดาบของเขายินยอมพร้อมใจจะทำตามเจตจำนงของปรมาจารย์ขง


นี่มันเหนือชั้นไปกว่าระดับของศิลปะเพลงดาบ กลายเป็นกฎเกณฑ์ของโลกไปแล้ว ด้วยการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของโลก ปรมาจารย์ขงจะสามารถควบคุมทุกอย่างรอบตัวไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่มีอะไรทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนได้


นี่คือการต่อสู้ที่จางเซวียนไม่มีวันชนะ!


“ผมไม่มีทางพ่ายแพ้ให้นักรบที่มีวรยุทธระดับเดียวกันหรอก” จางเซวียนตวาดอย่างหงุดหงิด


นอกเสียจากตัวโคลน เขาจะไม่มีวันยอมแพ้ใครก็ตามที่มีวรยุทธระดับเดียวกัน คู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของเจตจำนงของปรมาจารย์ขง เขาจะแพ้ได้อย่างไร?


จางเซวียนไม่มีวันยอมให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น!


เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบการโจมตี ขณะที่สำแดงศิลปะเพลงดาบด้วยมือขวา ก็ปล่อยเทคนิคการต่อสู้ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยมือซ้าย


ราวกับจางเซวียนแยกร่างออกเป็นสองคนในชั่วพริบตา ร่างหนึ่งเชี่ยวชาญศิลปะเพลงดาบ ส่วนอีกร่างเชี่ยวชาญเทคนิคการต่อสู้ การโจมตีจากทั้ง 2 ฝั่งยังถูกหลอมรวมเข้ากับเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า ด้วยพละกำลังนี้ เขายิ่งกว่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะก่อตั้งสำนักของตัวเองและบงการทั้งทวีปที่ถูกลืม!


ด้วยสิ่งนี้ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของจางเซวียนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2 เท่า


“ไม่เลวนี่” เจตจำนงของปรมาจารย์ขงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา


ปรมาจารย์ขงทำตามแบบอย่างจางเซวียน เขาสำแดงศิลปะเพลงดาบด้วยมือขวาและเทคนิคการต่อสู้ด้วยมือซ้าย ปัดป้องการโจมตีของจางเซวียนได้โดยปราศจากปัญหาใดๆ


เห็นภาพนั้น จางเซวียนขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัว


นี่คือพละกำลังที่แท้จริงของปรมาจารย์ขง?


หรือเหตุที่ตัวโคลนของเขาเคยเอาชนะปรมาจารย์ขงได้ก็เพราะในครั้งนั้นอีกฝ่ายยังไม่ได้ฟื้นคืนพละกำลังดังเดิม?


หลังจากปะทะกันไปสิบกว่าครั้ง จางเซวียนก็รู้สึกว่าในท้ายที่สุดจะต้องพ่ายแพ้แน่ เขายังคงยืนไหว แต่รู้สึกได้ว่าทิศทางของการต่อสู้เริ่มจะเข้าทางปรมาจารย์ขงมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้ทำให้เขากังวลใจมาก


จางเซวียนหรี่ตา นัยน์ตาของเขาฉายแววโหดเหี้ยมออกมาแวบหนึ่ง


ดูเหมือนเราจะต้องทดลองเทคนิคใหม่กับเขาเสียแล้ว…


เวทนาสวรรค์


ตราบใดที่เป็นเทคนิควรยุทธ มันก็เป็นเทคนิคการต่อสู้เช่นกัน


เวทนาสวรรค์คือแนวคิดที่เขาได้มาจากแรงบันดาลใจ การจะปรับเปลี่ยนมันให้เป็นเทคนิคการต่อสู้จึงไม่ได้ยากเย็น


มนุษย์ที่อ่อนไหวล้วนเกิดจากสวรรค์ที่ไร้อารมณ์ สรวงสวรรค์คงอ่อนล้าหากพวกเขามีความรู้สึก


เมื่อแนวคิดนั้นผุดขึ้นในหัวสมองของจางเซวียน ข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของปรมาจารย์ขงก็เผยให้เห็นตรงหน้า


ที่ไหนก็ตามที่ดาบของปรมาจารย์ขงผ่านไป เส้นสายสีเทาจะปรากฏขึ้นมา เส้นสีเทาเหล่านี้ค่อยๆร้อยรัดเข้าด้วยกันจนกลายเป็นบางอย่างที่เหมือนกับตาข่าย


นี่คือพลังที่จำกัดการเคลื่อนไหวของเขาไว้ ทำให้เขาอยู่ในสถานะที่เพลี่ยงพล้ำ


ลิขิตสวรรค์ แม้เส้นสายเหล่านี้จะกระจัดกระจายใช้ระเบียบ แต่ก็ยังมีรูปแบบและกฎเกณฑ์ของมัน เกือบจะเหมือนการถักทอขึ้นเป็นตาข่ายสวรรค์ มันไม่ได้แน่นหนาอะไรมากมาย แต่หากได้กัดใครแล้วก็ไม่มีวันปล่อย…จางเซวียนวิเคราะห์สิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย


ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีความเข้าใจที่ล้ำลึกในลิขิตสวรรค์ เป็นเพราะแนวคิดที่เกิดขึ้นใหม่ จางเซวียนจึงมองเห็นกฎเกณฑ์ที่อยู่เบื้องหลังศิลปะเพลงดาบของปรมาจารย์ขงได้


การสะท้อน…นั่นคือหัวใจของศิลปะเพลงดาบของปรมาจารย์ขง เป็นคุณสมบัติที่ทุกสิ่งมีชีวิตในโลกมี เป็นเนื้อแท้ของกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ


ขอแค่วัตถุสองชิ้นเคลื่อนไหวในความถี่ที่สะท้อนซึ่งกันและกัน ต่อให้วัตถุที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย


พูดกันตามตรง จางเซวียนไม่รู้ว่าศิลปะเพลงดาบลิขิตสวรรค์มีข้อบกพร่องหรือไม่ แต่ด้วยการบีบบังคับคู่ต่อสู้ให้ทำตามกฎเกณฑ์ของเขา จางเซวียนก็ค่อยๆนำพาอีกฝ่ายเข้าสู่ความถี่เดียวกันกับเขาและเอาชนะได้สำเร็จ


ถ้าจะยกตัวอย่างแบบโง่ๆจากชีวิตเก่าของเขา ก็เหมือนกับการที่คนงี่เง่าสักคนจะลากคุณลงไปให้ตกต่ำอยู่ในระดับเดียวกันและใช้ประสบการณ์ของเขาเกทับคุณ!


จางเซวียนพลันเข้าใจ ศิลปะเพลงดาบลิขิตสวรรค์สามารถถักทอตาข่ายภาพลวงตาที่บังคับให้คู่ต่อสู้ยอมทำตามกฎเกณฑ์ของมัน ถ้าเราใช้ศิลปะเพลงดาบที่สามารถปฏิเสธกฎเกณฑ์ของเขา ก็จะเอาชนะเขาได้…


จางเซวียนหัวเราะหึๆ จากนั้นก็ขับเคลื่อนเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าเข้าสู่ดาบถงซัง และรีบถักทอตาข่ายขนาดใหญ่ที่ทั้งเหมือนและไม่เหมือนกับตาข่ายของปรมาจารย์ขง


หัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปม!


บทกวีบทหนึ่งผุดขึ้นในหัวสมองของจางเซวียน


ด้วยวิธีนี้ ศิลปะเพลงดาบชุดแรกของเวทนาสวรรค์ก็ถูกคิดค้นขึ้น


ด้วยการสะบัดดาบถงซัง ศิลปะเพลงดาบของปรมาจารย์ขงดูจะแข็งทื่อไปทันที ตาข่ายที่เขาถักทอขึ้นก่อนหน้านี้ทับซ้อนกับตาข่ายของจางเซวียน ทำให้มันพันกันยุ่งเหยิง สุดท้ายปรมาจารย์ขงก็ไม่อาจปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระได้


เมื่อระเบียบกฎเกณฑ์ที่เขาสร้างขึ้นเกิดความยุ่งเหยิงขึ้นมา ปรมาจารย์ขงสูญเสียการควบคุมพื้นที่โดยรอบ เขาไม่อาจใช้กฎเกณฑ์ที่สร้างขึ้นมาบีบบังคับจางเซวียนได้อีกต่อไป


หากเป็นอย่างนี้ สุดท้ายจางเซวียนก็จะเป็นอิสระ


จางเซวียนก้าวออกไปทันทีเพื่อตามไปเล่นงานเจตจำนงของปรมาจารย์ขงให้สิ้นซาก แต่พริบตาต่อมา อีกฝ่ายก็ถอยไปหนึ่งก้าวและถอนตัวออกจากอาณาบริเวณของการต่อสู้


“การที่คุณค้นพบข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของผมและทำลายกฎเกณฑ์ของผมได้ภายในระยะเวลาอันสั้นบ่งบอกว่าคุณคือผู้ปราดเปรื่องและมีไหวพริบ คุณมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เป็นเทพเจ้า” ปรมาจารย์ขงหัวเราะหึๆขณะลูบเครา


“เรายังสู้กันไม่จบเลย” จางเซวียนหรี่ตามองปรมาจารย์ขงอย่างสงสัย


เพราะสามารถทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบอันทรงพลัง ปรมาจารย์ขงจึงล่าถอยได้อย่างง่ายดายโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าเขายังไม่ได้ใช้พละกำลังเต็มพิกัด ถ้าการต่อสู้ดำเนินไป ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจางเซวียนจะได้ชัยชนะ


ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ปรมาจารย์ขงถอยออกไปทำไม?


“สำหรับที่นี่ จะแพ้หรือชนะก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เป้าหมายเดียวของผมคือทดสอบผู้เข้าท้าทายที่มีคุณสมบัติและความชอบธรรมเพียงพอจะได้เป็นเทพเจ้า คุณเอาชนะค่ายกลหัวใจสูญเสียความทรงจำได้โดยใช้เวลาเพียง 1 ใน 10 ของที่กำหนด ทั้งยังทำความเข้าใจเจตจำนงของเทพเจ้าได้ถึง 7 รูปแบบ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมองทะลุศิลปะเพลงดาบของผมและคิดค้นศิลปะเพลงดาบชนิดใหม่ที่รับมือกับมันได้ทันท่วงที ความปราดเปรื่องของคุณนั้นไม่มีใครเทียบได้จริงๆ” ปรมาจารย์ขงตั้งข้อสังเกต


“ทดสอบ? ผู้เข้าท้าทาย?” จางเซวียนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น


ปรมาจารย์ขงพยายามจะฆ่าเขาเพื่อเข้าครอบครองหอสมุดเทียบฟ้าไม่ใช่หรือ?


ทำไมเปลี่ยนท่าทีปุบปับแบบนี้?


ดูเหมือนเจตจำนงที่อยู่ตรงหน้าเขาจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับปรมาจารย์ขงที่เขาเคยพบ


จางเซวียนกำลังจะซักไซ้สิ่งที่ค้างคาใจ ก็พอดีกับที่ปรมาจารย์ขงพูดขึ้นมา “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คุณได้รับการถ่ายทอดมลทินสวรรค์ใช่ไหม?”


คำพูดนั้นทำให้จางเซวียนระแวดระวังขึ้นมาทันที


เขาเคยนึกสงสัยว่าเจตจำนงที่อยู่ตรงหน้าอาจเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่ปรมาจารย์ขงคนก่อนที่พูดถึงมลทินสวรรค์ แต่ดูเหมือนในที่สุดเขาก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา


“เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ…หอเทพเจ้ายกย่องเชิดชูผู้แข็งแกร่งเสมอ ดังนั้น ผู้เข้าท้าทายที่ประสบความสำเร็จจะได้รับอนุญาตให้ทิ้งเจตจำนงของพวกเขาไว้เพื่อทำการทดสอบผู้เข้าท้าทายคนต่อไป คุณเองก็ควรทิ้งเจตจำนงของคุณไว้ที่นี่ด้วย เพื่อจะได้ทดสอบเหล่าผู้เข้าท้าทายรุ่นหลัง” ปรมาจารย์ขงพูดยิ้มๆ


ขณะที่เขาพูด ร่างของเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน


จางเซวียนเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง ถึงอย่างไรเจตจำนงก็เป็นแค่สิ่งที่ผ่านเข้ามาในโลกใบนี้ หลังจากปฏิบัติภารกิจสำเร็จแล้ว ก็จะสูญสลายไป


เมื่อตอนที่เขาอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ เมื่อไรก็ตามที่พยายามจะถามปรมาจารย์ขงเรื่องสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิด อีกฝ่ายก็จะรีบสลายตัวไปทุกครั้ง


“ส่วนเรื่องรังสีสวรรค์ พระราชวังแห่งนี้จะมอบมันให้คุณเองทันทีที่คุณออกจากที่นี่…”


จากนั้นก็เกิดเสียงป๊อบเบาๆ ปรมาจารย์ขงสลายตัวไป


เห็นภาพนั้น จางเซวียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หรือว่าจะมีปรมาจารย์ขงตัวจริงกับปรมาจารย์ขงตัวปลอม?


ปรมาจารย์ขงที่เขาเพิ่งพบเมื่อกี้นี้เหมือนกับปรมาจารย์ขงที่เคยพบเมื่อตอนอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ มีแววของความเมตตากรุณาอยู่ในส่วนลึกของดวงตาของเขา ให้ความรู้สึกว่าอีกฝ่ายคือผู้ที่พร้อมปกป้องโลกจากพายุทั้งมวล สิ่งนี้แตกต่างกันลิบลับกับปรมาจารย์ขงที่ช่วยชีวิตเขาไว้จากหอเทพเจ้า!


หรือว่าเจตจำนงที่เพิ่งสูญสลายไปจะมาจากปรมาจารย์ขงตัวจริง?


ช่างมันเถอะ! ไม่ว่าปรมาจารย์ขงจะเป็นคนดีหรือไม่ ถ้าเราได้รับรังสีสวรรค์และกลายเป็นเทพเจ้าแล้ว ก็จะไม่มีอะไรสร้างปัญหาได้อีก!


จางเซวียนทิ้งเจตจำนงไว้ที่ชั้น 3 ก่อนจะลงบันไดหิน


การที่พระราชวังแห่งนี้อนุญาตให้เขาทิ้งเจตจำนงไว้ที่นี่ก็แปลว่าเขาได้การยอมรับจากมันแล้ว เมื่อจางเซวียนกลับถึงบริเวณทางเข้าที่เขาเดินเข้ามา ประตูนั้นก็ปรากฏอีกครั้ง เขาเห็นตัวโคลนยืนอยู่ข้างธรณีประตู กำลังรอคอยอย่างอดทนให้เขากลับออกไป


จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเดินเข้าไปหาตัวโคลนก่อนจะหันไปมองรอบๆเพื่อเก็บภาพพระราชวังขนาดมหึมาที่อยู่ตรงหน้าไว้


วังนี้ยังคงตั้งตระหง่านต้านทานกระแสลม ทันใดนั้น แสงสีทองอร่ามก็แผ่ซ่านออกมาแล้วพุ่งขึ้นไปตามช่องว่างระหว่างเสาหิน 2 ต้น


รังสีนี้ให้ความเจิดจ้าและอบอุ่น แผ่แรงกดดันมหาศาลเข้าสู่จิตวิญญาณของผู้พบเห็น


นี่คือรังสีสวรรค์?


ดูเหมือนปรมาจารย์ขงจะไม่ได้โกหกเขา


แสงสีทองอร่ามนี้หนักอึ้งเหมือนพลังจิตวิญญาณหน้าตาเหมือนปรอทที่เขาได้พบในทวีปแห่งปรมาจารย์ เขารู้สึกว่าทางเดินพลังปราณอาจฉีกขาดได้ถ้าบุ่มบ่ามซึมซับมันเข้าไป


เป็นไปได้ว่าพลังนี้เป็นสิ่งที่คู่ควรแต่กับเทพเจ้าตัวจริงเท่านั้น


พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเขาซึมซับรังสีสวรรค์เข้าไป ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้เข้าถึงระดับขั้นของเทพเจ้า นั่นจะทำให้ไม่มีใครในทวีปที่ถูกลืมเทียบชั้นกับเขาได้อีก!


ตอนที่ 2137 ขอดูหน่อยเถอะ

จางเซวียนนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น เขากระโจนขึ้นสู่กลางอากาศ พุ่งเข้าใส่รังสีสีทอง


แต่ยังไม่ทันจะถึงที่หมาย กระแสดาบฉีก็ระเบิดและพาดผ่านเส้นทางของเขา มันตัดมิติให้แยกออกจากกัน เกิดรอยแยกแห่งมิติระหว่างจางเซวียนกับรังสีสีทองนั้น


ด้วยความประหลาดใจ จางเซวียนรีบหยุดการเคลื่อนไหว


“คุณได้รับความขอบคุณอย่างสูงสุดจากผม ผมรู้ว่าคุณทำได้ และคุณก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง…”


ฟึ่บ!


จากนั้น กระจกเงาบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ มือหนึ่งยื่นออกมาจากผิวหน้าของกระจกเงาและใช้นิ้วคีบรังสีสีทองไว้


จากนั้น รังสีสีทองทั้งหมดก็ถูกซึมซับเข้าสู่ขวดหยกและหายวับไป


แล้วร่างนั้นก็หันกลับมา…ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปรมาจารย์ขง!


จางเซวียนกำหมัดแน่นด้วยความโมโห


“คุณไม่ใช่ปรมาจารย์ขง คุณเป็นใคร?” จางเซวียนตั้งคำถามพร้อมกับหรี่ตา


เขาเคยคิดว่ามันออกจะประหลาดที่อีกฝ่ายไม่เคยปรากฏตัวแม้จะมีโอกาสเหมาะๆมากมายให้เล่นงานเขา กลับกลายเป็นว่าปรมาจารย์ขงซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่ามาตลอด รอคอยช่วงเวลาที่เขาจะได้รังสีสวรรค์ เพื่อจะได้ฉกฉวยมันไปจากเขา!


แต่…ก่อนที่จางเซวียนจะเข้าสู่พื้นที่นี้ เขาตรวจสอบทั่วทั้งบริเวณอย่างถี่ถ้วนแล้ว ไม่พบว่ามีมิติลี้ลับหรืออะไรทำนองนั้น แล้วอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นจากไหน เดินทางทะลุมิติมาถึงที่นี่ได้อย่างไร?


ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าเจตจำนงที่เขาได้พบในพระราชวังเป็นตัวจริง ก็แปลว่าผู้ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาน่าจะเป็นตัวปลอม


นั่นอธิบายได้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่รู้รายละเอียดของประตูทะลุมิติในเมืองชวนเจียง อีกทั้งเจตจำนงที่เขาพบในพระราชวังก็ดูจะไม่แน่ใจเรื่องการมีอยู่ของมลทินสวรรค์


“ผมจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่ปรมาจารย์ขง?” สีหน้าของชายที่อยู่กลางอากาศบูดเบี้ยวด้วยแรงโทสะ “ผมเป็นเขา เป็นเขามาตลอด!”


ฟึ่บ!


ปรมาจารย์ขงปล่อยพลังออกจากฝ่ามือด้วยความโกรธเกรี้ยว


กระแสบรรยากาศเกิดความปั่นป่วนพลุ่งพล่าน พลังจากฝ่ามือทำให้รอยแยกแห่งมิติเกิดขึ้นทั่วไป จางเซวียนไม่กล้าเข้าใกล้กว่านั้น


เขาแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก! จางเซวียนหรี่ตา


การที่อีกฝ่ายทำลายมิติได้อย่างง่ายดายบ่งบอกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าสมัยที่ปะทะกับตัวโคลนมาก แต่ไม่มีร่องรอยของลิขิตสวรรค์อยู่ในพลังฝ่ามือนั้น และเทคนิคการต่อสู้ที่เขาใช้ก็ไม่มีองค์ประกอบที่เป็นแก่นสารของโลก นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้เทคนิคการต่อสู้เทียบฟ้า


ยิ่งไปกว่านั้น ถึงการโจมตีของเขาจะทรงพลัง แต่ก็ไม่มากพอที่จะมีอิทธิพลต่อทุกกฎเกณฑ์ที่อยู่รอบตัวเขา


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหมอนี่เป็นตัวปลอม…


ปรมาจารย์ขงครอบครองเศษเสี้ยวหนึ่งของสวรรค์เช่นกัน จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องใช้เทคนิคการต่อสู้เทียบฟ้า


ก่อนหน้านี้จางเซวียนเคยสงสัย แต่ก็ไม่แน่ใจนักเพราะไม่เคยเห็นผู้คนรอบตัวคนไหนใช้เทคนิคการต่อสู้เทียบฟ้ามาก่อนนอกจากตัวเขา ดังนั้นจึงเข้าใจผิดว่าการโจมตีของอีกฝ่ายเข้าถึงระดับของเทคนิคการต่อสู้เทียบฟ้า


แต่เมื่อได้เห็นความเก่งกาจที่เจตจำนงของปรมาจารย์ขงสำแดงออกมา ก็ชัดเจนว่าการโจมตีของชายที่อยู่ตรงหน้าเขายังคงอ่อนด้อย


เรื่องนี้มีความเป็นไปได้เพียงข้อเดียว…


แม้เขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นตัวปลอมแน่นอน!


“คืนรังสีสวรรค์ให้ผม!”


รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ควรครุ่นคิดสงสัย จางเซวียนชักดาบถงซังออกมา จากนั้นก็เรียกตัวโคลนให้ออกมาสมทบ ด้วยการกวัดแกว่งดาบเป็นชุดอย่างรวดเร็ว จางเซวียนสร้างตาข่ายดาบฉีร้อยรัดปรมาจารย์ขงตัวปลอมไว้


หัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปม!


จางเซวียนสำแดงศิลปะเพลงดาบที่เพิ่งทำความเข้าใจได้หมาดๆโดยปราศจากความลังเล


เขารู้ดีว่ากำลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เคี้ยวยาก ถึงขนาดที่เจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าที่เขาทำความเข้าใจได้สำเร็จก็ไม่มีประโยชน์มากนัก จึงเลือกใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขารู้จักตั้งแต่เริ่มการต่อสู้


“เป็นศิลปะเพลงดาบที่น่าทึ่ง…แต่วันนี้ผมจะไม่สู้กับคุณหรอก ทันทีที่ผมได้เป็นเทพเจ้า หอสมุดของคุณก็จะตกเป็นของผม จะไม่มีใครในโลกนี้ยับยั้งผมได้!” ปรมาจารย์ขงหัวเราะลั่นขณะกระโจนกลับเข้าไปในกระจกเงาและหายวับไป


“เวรละ!” จางเซวียนหน้าตึง


ไม่แปลกใจแล้วที่หมอนี่ไม่ยอมทำอะไรนับตั้งแต่หายตัวไปครั้งนั้น จางเซวียนคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังหาวิธีฟื้นฟูพละกำลังให้แข็งแกร่งดังเดิม ใครจะไปรู้ว่าเป้าหมายของหมอนี่คือยื้อเวลาเพื่อจะได้ฉกฉวยรังสีสวรรค์ของเขา!


อันที่จริง อีกฝ่ายคงรู้แล้วว่าไม่อาจนำหอสมุดเทียบฟ้าไปจากเขาได้ จึงจงใจจัดฉากให้เกิดเรื่องแบบนี้


ว่าแต่…ทำไมปรมาจารย์ขงถึงไม่เข้าท้าทายบททดสอบของพระราชวังด้วยตัวเอง? เป็นเพราะเขาไม่อาจเข้าท้าทายได้ หรือท้าทายแล้วแต่ไม่สำเร็จ?


ในเมื่อเจตจำนงที่ถูกทิ้งไว้บนชั้น 3 ของพระราชวังเป็นของปรมาจารย์ขงตัวจริง ก็เป็นไปได้ว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะใช้วิธีการบางอย่างป้องกันไม่ให้ปรมาจารย์ขงตัวปลอมเข้ามา เหมือนกับการที่ตัวโคลนของเขาไม่อาจเข้าไปในพระราชวังได้


เดี๋ยวก่อน หรือว่า…


จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาหันไปจับจ้องตัวโคลนที่กำลังยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ


ตัวโคลนของเขาดูจะไม่ได้รู้สึกอับอายที่ถูกพระราชวังปฏิเสธ ถ้าจะมีความรู้สึกใดๆอยู่บ้าง ก็คงเป็นแค่ความผิดหวังที่ไม่ได้โชว์เหนือ


จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเบนสายตากลับมา ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมัวคิดเรื่องที่เกิดขึ้น เราจะปล่อยให้หมอนั่นหนีไปไม่ได้ ถ้าเขาได้ซึมซับรังสีสวรรค์และเข้าถึงระดับของเทพเจ้าเมื่อไหร่ เราคงไม่มีโอกาสเล่นงานเขาได้อีก


จางเซวียนอดกังวลไม่ได้กับสถานการณ์ที่เป็นอยู่


ตั้งแต่แรก ปรมาจารย์ขงตัวปลอมก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเขาอยู่แล้ว ถ้าหมอนั่นฝ่าด่านวรยุทธได้จริงๆ เขาคงสู้ไม่ไหวแน่ ต่อให้สามารถรวบรวมนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มาเป็นสมัครพรรคพวกได้มากแค่ไหนก็ตาม


เหตุผลเดียวที่ปรมาจารย์ขงตัวปลอมเก็บตัวเงียบก็เพราะยังหาตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธไม่พบ แต่ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างออกไปแล้ว เพราะเขาได้รับรังสีสวรรค์


ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จางเซวียนต้องยับยั้งอีกฝ่ายให้ได้!


เพียงแต่…ตอนนี้หมอนั่นหนีไปไกลลิบ


ต่อให้มีอะไรที่เขาจะทำได้ ก็ต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ก่อน!


แท่นบูชาถูกทำลายไปแล้ว เขาไม่มีทางกลับสู่ทวีปที่ถูกลืมได้อีก ถ้าเมื่อครู่นี้ได้รังสีสวรรค์มา ก็จะ เข้าถึงระดับขั้นของเทพเจ้าได้สำเร็จ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ก็แค่ฝ่ามิติกลับไป


แต่ตอนนี้เส้นทางของเขาถูกทำลายไปแล้วอย่างสิ้นเชิง


เหตุผลเดียวที่ทำให้ปรมาจารย์ขงเดินทางทะลุมิติได้ก็เพราะกระจกดำล้ำเลิศกับรองเท้าเลือนหาย จางเซวียนหวนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า


แม้รองเท้าเลือนหายจะไม่ใช่ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่ก็มีความสามารถพิเศษในการเดินทางทะลุมิติ เมื่อใช้ร่วมกับกระจกดำล้ำเลิศ ปรมาจารย์ขงก็สามารถเดินทางได้รวดเร็วชนิดที่จางเซวียนไม่อาจทำอะไรได้เลย!


นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนัก มันหมายความว่าถ้าปรมาจารย์ขงคิดจะทำร้ายบรรดาศิษย์สายตรงของเขา เขาก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้


จางเซวียนร้อนใจไม่น้อย แต่ก็ยังคงขบคิดโดยใช้เหตุผล เขารีบทบทวนทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดหลายวันที่ผ่านมาเพื่อหาวิธีแก้ไขสถานการณ์


“ปรมาจารย์ขงฉกฉวยคำตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ ไปจากที่นี่ และผู้ก่อตั้งสำนักดาบเมฆเหินก็นำตัวอักษรไปอีกครึ่งหนึ่ง การที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยที่นี่ก็หมายความว่าพระราชวังแห่งนี้น่าจะเป็นหอเทพเจ้าของจริง แปลว่าสถานที่ที่เราเคยเข้าไปในครั้งนั้นเป็นหอเทพเจ้าของปลอม!”


ก่อนหน้านี้ จางเซวียนเคยคิดว่าจุดที่เขาถูกนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 10 คนโจมตีคือหอเทพเจ้าของจริง แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนเขาจะเข้าใจผิด


เป็นไปได้ว่าที่นั่นคือสถานที่ที่ปรมาจารย์ขงตัวปลอมจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษเพื่อใช้เล่นงานให้เขาจนมุม ซึ่งแท้ที่จริง มันอาจเป็นสำนักงานใหญ่ของหอนิรันดร์ก็ได้!


เมื่อลองนึกดู ก็ออกจะประหลาดที่ไม่มีใครอยู่ในสำนักงานใหญ่ของหอนิรันดร์สักคนตอนที่เขาไปถึง แถมทั่วทั้งบริเวณก็มีค่ายกลระเบิดถูกติดตั้งไว้มากมาย…


คนสติดีที่ไหนจะฝังระเบิดไว้รอบๆสำนักงานใหญ่ของตัวเอง ราวกับคาดเดาไว้แล้วว่าจะถูกศัตรูบุก มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย!


เป็นไปได้ว่าตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา สะพานเบื้องบนน่าจะเชื่อมโยงกับพระราชวังที่เขาเข้าไปเมื่อครู่นี้ ซึ่งก็คือหอเทพเจ้าของจริง ไม่อย่างนั้น ปรมาจารย์ขงตัวจริงกับผู้ก่อตั้งสำนักดาบเมฆเหินจะเข้าไปฉกฉวยตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ จากที่นั่นได้อย่างไร?


แล้วพวกเขากลับสู่มิติเบื้องบนและก่อตั้งสำนักของตัวเองขึ้นเป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ของทวีปที่ถูกลืมด้วยวิธีไหน?


ถ้าที่นี่คือหอเทพเจ้าของจริง ก็น่าจะเชื่อมโยงกับสะพานเบื้องบนด้วย


จางเซวียนตั้งต้นสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างถี่ถ้วนโดยใช้ดวงตาหยั่งรู้


พื้นที่ที่แท่นบูชาถูกทำลายไปว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น บริเวณโดยรอบมืดมิด ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตให้เห็นแม้แต่ชนิดเดียว


ไม่มีร่องรอยของสะพานเบื้องบนด้วย


หรือเขาเข้าใจผิด?


จางเซวียนเดินวนรอบวัง แต่ไม่มีเส้นทางหรือทางเดินใดๆให้เห็น ราวกับวังนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า ขณะที่เขากำลังจนปัญญา สายตาก็พลันจับจ้องที่เสาหิน 2 ต้นที่ดูเหมือนจะตรึงพระราชวังให้อยู่กับที่


เขาเห็นเสาคู่นี้ตั้งแต่แรกที่มา


พวกมันดูเหมือนจะพุ่งทะลุความว่างเปล่าขึ้นไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และเขาก็ไม่อาจวิเคราะห์ได้ว่ามันทำจากวัตถุชนิดไหน ทั้งหมดที่พอจะสันนิษฐานได้ก็คืออย่างน้อยพวกมันจะต้องเป็นของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ อยู่ในระดับที่จางเซวียนไม่อาจใช้พละกำลังของเขาทำลายมัน


หรือว่านี่คือสะพานเบื้องบนของจริง?


จางเซวียนตรวจสอบบริเวณโดยรอบอีกหลายครั้ง แต่ไม่มีอะไรที่ดูจะใกล้เคียงกับการเป็นสะพานเบื้องบนเลย บางทีเสาหิน 2 ต้นนี้อาจเป็นกุญแจ!


ขอดูหน่อยเถอะ


จางเซวียนรีบเก็บตัวโคลนเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติก่อนจะกระโจนเข้าไปในพระราชวัง เขาคว้าเสาต้นหนึ่งไว้แน่นและเริ่มปีนป่ายขึ้นไป


จางเซวียนไม่รู้ว่าเสาหินมีความสูงแค่ไหน แต่ก็ปีนขึ้นไปเรื่อยๆจนพระราชวังที่อยู่ด้านหลังกลายเป็นเพียงจุดเล็กๆ


เขาใช้เวลาปีนขึ้นไปราว 4 ชั่วโมง ก่อนในที่สุดจะพบกับชั้นบรรยากาศ ลำแสงหนึ่งปรากฏขึ้นที่ปลายสุดของความว่างเปล่าอันมืดมิด


จากนั้น จางเซวียนพลันรู้สึกว่ารอบตัวเขากลายเป็นสิ่งที่ดูไม่คุ้นเคย เขาเพิ่งปีนขึ้นมาได้ครู่เดียว แต่จู่ๆก็ต้องกอดเสาหินไว้แน่นเพื่อกันไม่ให้ตัวเองร่วงลงไป


ตอนที่ 2138 สังหารเธอ?

เขาเคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาแล้วตอนที่ปีนป่ายจากโขดหินสมอสวรรค์ขึ้นสู่สะพานเบื้องบน ตอนนั้นเขาก้าวจากมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติหนึ่ง ทำให้ศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน


จางเซวียนรู้สึกว่าเขาปีนป่ายขึ้นมาในแนวดิ่ง ซึ่งนั่นหมายความว่าหอเทพเจ้าจะต้องอยู่ข้างล่าง แต่เท่าที่เห็นในเวลานี้ ดูเหมือนหอเทพเจ้าจะอยู่เหนือศีรษะของเขา


เขามองไปรอบตัว เห็นห้องโถงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งอยู่ด้านล่าง


หรือนั่นคือหอเทพเจ้าของปลอม?


จางเซวียนจดจำได้ในทันที


นั่นคือสถานที่ที่เขาถูกนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 10 คนเล่นงานพร้อมๆกัน และปรมาจารย์ขงตัวปลอมช่วยชีวิตเขาไว้


“แปลว่าพระราชวัง 2 แห่งนี้เชื่อมโยงถึงกันและกัน…” จางเซวียนพลันเข้าใจ


เสาหินทั้งสองต้นเชื่อมต่อกับด้านบนสุดของหอเทพเจ้าของปลอม เขาเคยคิดว่ามันคงถูกสร้างไว้เพียงเพื่อความสวยงาม แต่กลับกลายเป็นว่าหอเทพเจ้าของปลอมไม่ใช่ปลายสุดของมัน


ถ้าเขาเดินทางต่อไปอีกหน่อย ก็น่าจะเข้าสู่หอเทพเจ้าของจริงได้


ปรมาจารย์ขงน่าจะกลับมาที่นี่…


จางเซวียนตาโต เขารีบปกปิดรังสีของตัวเองไว้ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่หอเทพเจ้าของปลอม


ถ้าเขาคาดเดาไม่ผิด นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่เขาเคยต่อสู้ด้วยในครั้งนั้นล้วนแต่เป็นบริวารของปรมาจารย์ขงตัวปลอม หรือพูดอีกอย่าง หอเทพเจ้าของปลอมก็คือฐานที่มั่นหลักของอีกฝ่าย!


ดูเหมือนปรมาจารย์ขงตัวปลอมจะมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อพยายามฝ่าด่านวรยุทธหลังจากได้รังสีสวรรค์ไปแล้ว


จางเซวียนรู้ว่าเขาต้องหาทางฉกฉวยรังสีสวรรค์กลับคืนมาให้ได้ ขอแค่เขาฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ ศัตรูก็จะทำอันตรายเขาไม่ได้อีก


จางเซวียนลัดเลาะกำแพงหอเทพเจ้าของปลอมไปอย่างเงียบๆและเข้าไปในนั้น


บางที พวกหอเทพเจ้าคงคิดว่าไม่มีใครสามารถบากบั่นมาถึงที่นี่ หรือไม่ก็ไม่มีใครกล้าบุกเข้ามา แต่ไม่มีม้าเร็วคอยอารักขาเลย


จางเซวียนสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างระแวดระวัง


พระราชวังนี้กว้างใหญ่ไพศาล จางเซวียนกวาดสายตาไปโดยรอบอย่างรวดเร็วเพื่อหาที่ซ่อนของปรมาจารย์ขง ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงฝีเท้า 2 ชุด


ชายสองคนพูดคุยกันขณะที่เดินเข้ามา


“หัวหน้าสั่งให้สังหารเธอ!”


ไม่มีคนนอกอยู่แถวนั้น ทั้งคู่จึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าความลับจะรั่วไหล


“สังหารเธอ?”


“ใช่ ก่อนหน้านี้เราต้องการตัวเธอให้มาร่ายมนต์เพื่อเปิดใช้งานแท่นบูชาและประกอบพิธีกรรม แต่ตอนนี้ ขอแค่หัวหน้าของพวกเราได้เป็นเทพเจ้า ก็จะทำทุกอย่างได้โดยไม่ต้องใช้แท่นบูชา ไม่สำคัญแล้วว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่…”


“จริงด้วย ทันทีที่หัวหน้าได้เป็นเทพเจ้า พวกเราจะต้องได้รับรางวัลอย่างงามแน่ ขอแค่เราทำตามคำสั่งของเขา ก็อาจมีโอกาสเข้าถึงระดับนั้นได้เหมือนกัน”


“อย่างนั้นหรือ? งั้นก็รีบจัดการเถอะ!”


เสียงสนทนาค่อยๆห่างออกไป


เปิดใช้งานแท่นบูชาและประกอบพิธีกรรม? พวกนั้นหมายถึงหัวหน้าตู้? จางเซวียนขมวดคิ้ว


เมื่อลองคิดดู ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นตู้ชิงหย่วนก็คือในห้องโถงแห่งนี้ ดูเหมือนเธอจะยังอยู่ที่นี่ และแน่นอนว่าน่าจะกำลังตกอยู่ในอันตราย


เราต้องช่วยชีวิตเธอก่อน แล้วค่อยทำอย่างอื่น จางเซวียนคิดพร้อมกับหรี่ตา


ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างว่องไว เขาไปปรากฏตัวตรงหน้าชายทั้งคู่และกวัดแกว่งดาบถงซัง


ประกายเย็นเยียบแผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้อง


พลั่ก! พลั่ก!


นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้งสองคนลงไปกองกับพื้นก่อนที่จะทันได้ตอบโต้ จางเซวียนรีบเก็บศพทั้งคู่เข้าสู่แหวนเก็บสมบัติของเขาทันที


เมื่อตอนที่เขายังเป็นแค่นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ก็สามารถสังหารนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้ด้วยการฟาดฟันเพียงครั้งเดียว ในเมื่อตอนนี้เขาฝ่าด่านวรยุทธและทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จแล้ว การสังหารคู่ต่อสู้ที่มีวรยุทธระดับนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องท้าทายอีกต่อไป จางเซวียนทำได้ในชั่วพริบตาโดยไม่ก่อให้เกิดคลื่นรบกวนของพลังจิตวิญญาณโดยรอบแม้แต่น้อย


หลังจากกำจัดทั้งคู่แล้ว จางเซวียนก็ปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาให้เป็นหนึ่งในสองคนนั้นและเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้วยสิ่งนี้ การปลอมตัวของเขาก็สมบูรณ์แบบ


จางเซวียนตั้งต้นเดินหน้าต่อไป


พระราชวังแห่งนี้กว้างใหญ่มาก แต่มีอยู่ไม่กี่ห้อง จางเซวียนพอคาดเดาได้ว่าตู้ชิงหย่วนถูกกักขังไว้ที่ไหนจากทิศทางที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้งคู่มุ่งหน้าไป


ไม่ช้าเขาก็มาถึงห้องหนึ่งที่ถูกล็อคไว้ ด้วยการสะบัดข้อมือ จางเซวียนนำกุญแจดอกหนึ่งที่ดึงมาจากนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์และเปิดประตูได้โดยไม่เกิดความยุ่งยากใดๆ


ในห้องนั้น เขาเห็นสุภาพสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่ใจกลางห้อง สองมือและสองขาถูกพันธนาการไว้ ทำหน้าที่สกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเธอ ผมเผ้าของอีกฝ่ายยุ่งเหยิง สีหน้าอ่อนล้า รังสีที่แผ่ออกมาก็อ่อนระโหยโรยแรงมาก


ดูเหมือนเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส


เห็นเขาเข้าไป ตู้ชิงหย่วนเงยหน้ามอง ดูเหมือนเธอกำลังพยายามสั่นคลอนความมุ่งหมายของปรมาจารย์ขง


“เขาสั่งให้คุณมาฆ่าฉันใช่ไหม?” ตู้ชิงหย่วนตั้งคำถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย


เธอพอรู้อยู่แล้วว่าชะตากรรมแบบไหนรอคอยเธออยู่


แทนที่จะตอบคำถาม จางเซวียนปิดประตูให้สนิทก่อนจะเดินเข้าไปช้าๆ


“ในเมื่อเขาจงใจทำลายแท่นบูชา ก็หมายความว่าตัวฉันไม่มีค่าอะไรกับเขาแล้ว” ตู้ชิงหย่วนพึมพำ


แท่นบูชาเป็นของล้ำค่าที่เธอซึมซับไว้ จึงเป็นธรรมดาที่จะรับรู้ได้ว่ามันถูกทำลาย


จางเซวียนรู้ว่าเหตุผลที่ปรมาจารย์ขงนำตัวตู้ชิงหย่วนมาก็เพื่อใช้ประโยชน์จากแท่นบูชาของเธอ ดังนั้น เหตุผลเดียวที่ตู้ชิงหย่วนพอจะคิดออกสำหรับการที่ปรมาจารย์ขงปล่อยให้แท่นบูชาถูกทำลายก็คืออีกฝ่ายพบวิธีบรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้วโดยไม่ต้องใช้แท่นบูชา


เบี้ยหมากรุกที่ไร้ค่าย่อมถูกเขี่ยทิ้ง


“ไม่นึกเลยว่าฉันจะพบจุดจบแบบนี้…” ตู้ชิงหย่วนมองเหม่อ ความสิ้นหวังปรากฏในดวงตาของเธอ


เธอนึกภาพไม่ออกว่าเมื่อไม่มีเธอแล้วตำหนักคว้าดาวจะเป็นอย่างไร ศิษย์สายตรงของเธอยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบภาระของหัวหน้าตำหนักคว้าดาวคนใหม่ และแม้เจียงเหยาจะสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว พละกำลังของอีกฝ่ายก็ยังอ่อนด้อยกว่านักรบผู้คร่ำหวอดช่ำชอง


ตำหนักคว้าดาวกำลังตกที่นั่งลำบาก หอเทพเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับหอนิรันดร์ และมีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะถอนรากถอนโคน 6 สำนักใหญ่เร็วๆนี้ เพื่อจะได้กุมอำนาจและบงการทั้งทวีปที่ถูกลืม


ความอ่อนแอเพียงเล็กน้อยในช่วงเวลาแบบนี้ย่อมหมายถึงความตาย


ก็เพราะเหตุผลดังกล่าว เธอจึงเลือกไว้ใจและฝากความหวังไว้กับบุคคลที่ไม่มีใครรู้จัก-จางเซวียน เธอหวังว่าชายหนุ่มผู้สามารถสร้างปาฏิหาริย์มากมายจะช่วยปกป้องตำหนักคว้าดาวได้แม้ไม่มีเธออยู่


แต่สุดท้าย เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองตัดสินใจถูกหรือไม่ จางเซวียนจะเต็มใจปกป้องตำหนักคว้าดาวหรือเปล่า?


เธอเกลียดการที่ตัวเองขัดสนจนปัญญาแบบนี้ และยิ่งเจ็บปวดเมื่อนึกภาพโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นกับตำหนักคว้าดาวที่ปราศจากเธอ


ตู้ชิงหย่วนหลับตาครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอลุกขึ้นยืน จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ใช้นิ้วสางผมก่อนจะเสียบปิ่นปักผมให้เข้าที่เข้าทาง


จากนั้นก็จ้องหน้าชายที่เพิ่งเข้ามาและพูดว่า “ต่อให้ฉันต้องตาย ก็ขอตายอย่างมีเกียรติ”


ขณะที่รอให้อีกฝ่ายโจมตี เสียงสุขุมนุ่มลึกก็ดังขึ้น “เราพบกันเป็นครั้งที่สองแล้วใช่ไหม หัวหน้าตู้?”


ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอเปลี่ยนสภาพกลายเป็นชายหนุ่มอายุราว 20 ต้นๆต่อหน้าต่อตา


“จางเซวียน?”


ตู้ชิงหย่วนตัวแข็ง จากนั้นก็เริ่มตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น


เธอได้ยินเรื่องของชายผู้นี้เป็นครั้งแรกจากปากของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ


ในตอนนั้น ตู้ชิงหย่วนรู้สึกว่าเรื่องนี้แสนจะพิลึกพิลั่น ชายหนุ่มจากโลกเบื้องล่างจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณและกลายเป็นคนรักของเธอได้อย่างไร?


แต่ไม่ช้าตู้ชิงหย่วนก็ได้รับเสียงเรียกจากอำมาตย์เฉินหย่ง จึงลงไปยังโลกเบื้องล่างด้วยตัวเอง เธอได้พบกับชายหนุ่มเป็นครั้งแรกในตอนนั้น ซึ่งก็ไม่เห็นความน่าประทับใจใดๆในตัวเขา แต่การตัดสินใจของเขาทำให้เธอพอใจ จึงพาหวู่เฉินกลับขึ้นมายังมิติเบื้องบนและเยียวยารักษาอีกฝ่าย


หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ข่าวว่าจางเซวียนมาถึงทวีปที่ถูกลืม และภายในเวลาไม่กี่วัน ก็กลายเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหิน ไม่มีคำไหนจะบรรยายความอัศจรรย์ใจของเธอตอนที่รู้ข่าวนั้นได้


เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมชายหนุ่มถึงเข้าตาเทพเจ้าแห่งวิญญาณ


ตู้ชิงหย่วนตั้งใจเดินทางไปเยือนสำนักดาบเมฆเหินเพื่อขอพบจางเซวียน แต่เขาออกจากสำนักไปแล้ว เธอทิ้งหวู่เฉินไว้ที่สำนักดาบเมฆเหินก่อนจะกลับมาที่ตำหนักคว้าดาวตามลำพัง


หลังจากนั้นไม่นาน เหล่านักรบของหอเทพเจ้าก็บุกตำหนักคว้าดาวและเรียกร้องให้เธอส่งมอบแท่นบูชาให้พวกเขา รู้ดีว่าไม่อาจรับมือกับอีกฝ่ายได้ ตู้ชิงหย่วนจึงทิ้งเจตจำนงไว้ก่อนจะหลบหนีไปพร้อมกับแท่นบูชา ใครจะไปคิดว่าหัวหน้าขงคนนั้นจะหาตัวเธอพบ?


สุดท้ายเธอก็ถูกจับและนำตัวมากักขังไว้ที่นี่


ตู้ชิงหย่วนคิดว่าที่นี่คงเป็นจุดจบของเธอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้เห็นจางเซวียนที่ปลอมตัวเป็นหนึ่งในนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ของที่นี่


ชายหนุ่มยิ้มให้ จากนั้นก็ชักดาบออกมาและพูดว่า “หัวหน้าตู้ ผมขอรบกวนให้คุณถอยไปก้าวหนึ่ง”


รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาของการรำลึกอดีตและซักไซ้เรื่องราวใดๆ ตู้ชิงหย่วนจึงถอยไปก้าวหนึ่งและยกแขนขึ้น


ชายหนุ่มสูดหายใจลึก จากนั้นก็กวัดแกว่งดาบ


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


เกิดเสียงเคร้งจากการกระทบกันของโลหะ 4 ครั้ง


พันธนาการที่ร้อยรัดข้อมือและข้อเท้าของเธอร่วงลงไปกองกับพื้น


แม้พันธนาการเหล่านั้นจะไม่ใช่ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่การที่มันสามารถกักขังนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ไว้ได้ก็หมายความว่ามีความแข็งแกร่งไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้น จางเซวียนก็ใช้พละกำลังของเขาทำลายมันได้อย่างง่ายดาย


หลังจากตัดโซ่ ชายหนุ่มยื่นขวดหยกใบหนึ่งให้เธอ “ดื่มเสีย!”


ตู้ชิงหย่วนรีบเปิดจุกขวดหยกและดื่มสิ่งที่อยู่ในนั้นลงไป ครู่ต่อมาก็ตาโตด้วยความประหลาดใจ


เธอรู้ดีว่าตัวเองบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน และในเมื่ออายุขัยของเธอก็ใกล้สิ้นสุดเต็มที จึงคิดว่าวรยุทธของตัวเองคงเสียหายเป็นการถาวรแน่ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีพลังชีวิตมากพอจะฟื้นคืนสภาพเดิมได้อีก แต่น้ำเพียงขวดเดียวสามารถเยียวยาอาการบาดเจ็บทั้งหมดของเธอจนหายดีและกลับมีพละกำลังดังเดิม


ตู้ชิงหย่วนมองจางเซวียนอย่างอัศจรรย์ใจ แต่อีกฝ่ายส่ายหัวและพูดว่า “ไม่มีเวลาอธิบายนะ ตามผมมา!”


“ได้” ตู้ชิงหย่วนพยักหน้า


ตอนที่ 2139 โจมตีด้วยวิธีไหน?

เธอรีบขับเคลื่อนพลังปราณและขจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย ทำให้กลายเป็นหัวหน้าตู้ชิงหย่วนผู้สง่างามคนเดิม จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะรีบตามจางเซวียนไปติดๆ


ส่วนจางเซวียนก็ได้แต่ส่ายหน้าเมื่อเห็นตู้ชิงหย่วนยังห่วงสวยแม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขัน เขาเดาะลิ้น จากนั้นก็เปิดประตูและเดินออกไป


ไม่มีใครอยู่ข้างนอกแม้แต่คนเดียว


เมื่อช่วยเหลือตู้ชิงหย่วนได้แล้ว จางเซวียนก็ไม่แยแสกับการปลอมตัว ในเมื่อไม่น่ามีใครทำร้ายเขาได้นอกจากปรมาจารย์ขง จึงเดินหน้าต่อไป


“ทางออกอยู่นั่น” ตู้ชิงหย่วนที่ยังงุนงงเอ่ยขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว


ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ อันตรายที่พวกเขาต้องเผชิญก็มีมากขึ้นเท่านั้น จางเซวียนอาจไม่รู้พละกำลังที่แท้จริงของหัวหน้าขง แต่เธอรู้ดีว่าชายผู้นั้นมีพละกำลังบ้าคลั่งแค่ไหน ในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้ เขาเทียบชั้นได้แม้แต่กับเทพเจ้า!


ไม่เพียงเท่านั้น อีกฝ่ายยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อยู่ใต้บังคับบัญชาอีกมากมาย ทั้งคู่คงตายแน่หากทำให้เขารู้ตัว!


“ผมไม่ได้คิดจะหนี ผมมาที่นี่เพราะปรมาจารย์ขง” จางเซวียนอธิบายยิ้มๆ


คราวนี้เขาให้ตัวโคลนต่อสู้ไปพร้อมๆกัน แถมตัวเขาก็ทำความเข้าใจเวทนาสวรรค์และหัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปมได้สำเร็จแล้ว ตราบใดที่ปรมาจารย์ขงยังไม่ได้เป็นเทพเจ้า โอกาสที่พวกเขาจะเอาชนะได้ก็มีสูงมาก


เหตุผลเดียวที่เขาปลอมตัวก็เพราะเกรงจะก่อให้เกิดความแตกตื่น ทำให้ศัตรูรีบกำจัดตู้ชิงหย่วนหรือไม่ก็ใช้เธอเป็นตัวประกัน ในเมื่อตอนนี้ตู้ชิงหย่วนปลอดภัย ก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรอีก


“ปรมาจารย์ขง? คุณหมายถึงหัวหน้าขงใช่ไหม?” ตู้ชิงหย่วนชะงัก “ลำพังเราสองคนน่ะเอาชนะเขาไม่ได้หรอก ต้องเรียกหานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆ…”


ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นตรงหน้า เสียงหนึ่งตั้งคำถามอย่างสงสัย “คุณเป็นใคร? เดี๋ยวก่อน คุณคือตู้ชิงหย่วนไม่ใช่หรือ? ออกมาได้อย่างไรกัน? พวกเรา!”


เสียงนั้นดังก้องไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่


ในชั่วพริบตา ร่างนับไม่ถ้วนก็ปรากฏตัวขึ้นบริเวณทางเดิน ปิดกั้นเส้นทางหลบหนีทั้งหมดไว้


“นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 13 คน…” ตู้ชิงหย่วนตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึง


ถ้าพวกเธอแอบหนีไปเสียตั้งแต่เมื่อครู่ก่อน ก็คงหนีรอด แต่หมอนี่กลับอยากตามหาหัวหน้าขง!


ตอนนี้ทั้งคู่ถูกล้อมด้วยนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ถึง 13 คนที่ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเธอสักนิด พวกเขาไม่มีทางเอาชีวิตรอดไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ


ตู้ชิงหย่วนรู้สึกราวกับความหวังเมื่อครู่แหลกสลายไปหมดสิ้น ทำให้เธอจมดิ่งเข้าสู่วังวนของความสิ้นหวังอีกครั้ง


เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ คุณไม่บอกฉันสักนิดว่าชายที่คุณพึงพอใจน่ะแสนจะไว้ใจไม่ได้!


“อ้อ เจ้าสำนักจางใช่ไหม? ในเมื่อคุณอุตส่าห์มาเยี่ยมหอนิรันดร์ของเราแล้ว หากไม่ต้อนรับคุณให้สมเกียรติก็คงจะหยาบคายไปหน่อย ใช่หรือเปล่า?” นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนหนึ่งในกลุ่มจดจำจางเซวียนได้


คำพูดของเขาทำให้คนอื่นๆตาลุกโพลง


ทุกคนรู้ดีว่าหัวหน้าขงให้ความสำคัญกับจางเซวียนมากแค่ไหน หากพวกเขาจับตัวชายหนุ่มได้ จะต้องได้รับการตบรางวัลอย่างงามแน่


ฟึ่บ!


เจตนาสังหารเข้มข้นอบอวลไปทั่ว เหล่านักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ชักอาวุธของพวกเขาออกมา


ตู้ชิงหย่วนขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัว เธอขยับเข้าใกล้จางเซวียนและพูดว่า “ด้วยพละกำลังของฉันตอนนี้ ฉันรับมือกับพวกนั้นได้แค่ 2 คนเป็นอย่างมาก ฉันตรวจสอบพวกเขาแล้ว คิดว่าน่าจะพยายามเปิดทางให้คุณหลบหนีได้ด้วยการเล่นงาน 3 คนที่อยู่ตรงหน้าฉัน เพราะฉะนั้นเฝ้าระวังให้ดี รีบหนีไปทันทีที่คุณเห็นช่องทาง ตกลงไหม?”


มีแต่บาดแผลทางร่างกายของเธอเท่านั้นที่ได้รับการเยียวยาจนหายดี ส่วนจิตวิญญาณของเธอยังไม่ได้กลับสู่สภาพเดิม และแท่นบูชาซึ่งเป็นไม้ตายที่มีพละกำลังสูงสุดก็ถูกทำลายไปแล้ว


เมื่อพิจารณาถึงพละกำลังที่มีอยู่ คงน่าทึ่งเต็มทีถ้าเธอเล่นงานนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จากหอเทพเจ้าได้ถึง 2 คน


“หลบหนี?”


“ฉันซาบซึ้งในบุญคุณมากที่คุณเต็มใจฝ่าอันตรายเข้ามาช่วยชีวิตฉัน” ตู้ชิงหย่วนพูดด้วยแววตามุ่งมั่น “แต่อายุขัยของฉันใกล้สิ้นสุดเต็มทีแล้ว ถ้าจะมีใครคนหนึ่งเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ ก็ควรจะเป็นคุณ ฉันขอฝากอนาคตของตำหนักคว้าดาวกับทวีปที่ถูกลืมไว้กับคุณด้วย…”


“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก!” จางเซวียนหัวเราะหึๆเมื่อเห็นท่าทีของตู้ชิงหย่วน


เห็นทั้งคู่สบายอกสบายใจถึงขนาดพูดคุยกันได้ หัวหน้ากลุ่มตวาดก้อง “ทุกคน เล่นงานพวกเขา! เมื่อหัวหน้ากลับมา จะต้องพอใจแน่ถ้าเห็นเราจับตัวจางเซวียนได้!”


เมื่อทนร้อนใจไม่ไหว ทั้งกลุ่มเปิดการโจมตี


ฟิ้ววววว!


กระแสพลังงานแผ่ออกจากบริเวณโดยรอบ เกิดเป็นกรงแน่นหนาที่กักขังจางเซวียนกับตู้ชิงหย่วนไว้


“จางเซวียน รีบหนีไป!” ตู้ชิงหย่วนร้องออกมา


เธอไม่คิดว่าตัวเธอกับจางเซวียนจะมีความรู้ความเข้าใจเรื่องค่ายกลผนึกกำลังมากนัก และรู้ดีว่าต้องติดกับแน่หากมัวรอช้า จึงรีบพุ่งเข้าใส่เพื่อเปิดการโจมตี


แต่แล้วภาพตรงหน้าเธอก็พลันพร่าเลือน กรงพลังงานที่อยู่รอบตัวสลายตัวไปอย่างกะทันหัน ยังไม่ทันที่เธอจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร จางเซวียนก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าหัวหน้ากลุ่มแล้ว เขาบีบคออีกฝ่ายไว้แน่น


จางเซวียนจ้องหน้าหัวหน้านักรบทั้งกลุ่มด้วยสีหน้าที่ดูไม่แยแสจนน่าสะพรึง เขาตั้งคำถาม “หัวหน้าขงอยู่ไหน?”


“ขะ-เขา เขาไม่อยู่…” หัวหน้ากลุ่มตอบด้วยเสียงสั่นเครือ


เขาไม่ทันระมัดระวังตัวกับความรวดเร็วของจางเซวียน เนื้อตัวของเขาสั่นเทาด้วยความตกตะลึง


“เขาไม่อยู่?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


เขาคิดว่าปรมาจารย์ขงน่าจะพยายามซึมซับรังสีสวรรค์ที่นี่…ถ้าอีกฝ่ายไม่อยู่ แล้วจะไปอยู่ที่ไหน?


แบบนี้ไม่ดีแน่ ถ้าปรมาจารย์ขงกลายเป็นเทพเจ้า สิ่งที่จะเกิดตามมาย่อมสร้างความลำบากไม่น้อย พวกเขาจะไม่มีทางรับมือกับอีกฝ่ายได้เลย


“ผมไม่เชื่อคุณ” จางเซวียนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ


นิ้วของเขารัดลำคอของอีกฝ่ายแน่นกว่าเดิม จางเซวียนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกพร้อมกับขมวดคิ้ว “ปรมาจารย์ขงไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ…”


เขาไม่ได้เชื่อถือคำพูดของศัตรูจากสีหน้า แต่ใช้การค้นหาจิตวิญญาณ


ซึ่งก็เป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูด หลังจากที่ออกไป หัวหน้าขงก็ยังไม่ได้กลับมา


ขณะที่จางเซวียนได้แต่ส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด ตู้ชิงหย่วนก็มองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าทึ่งจัด


เมื่อครู่นี้เองที่เธอคิดว่าตัวเธอกับจางเซวียนคงจบเห่แน่ แต่ในชั่วพริบตา อีกฝ่ายก็เล่นงานหัวหน้ากลุ่มได้ ที่น่าหวาดผวากว่านั้นก็คือไม่มีใครในกลุ่มนั้นตรงเข้าช่วยหัวหน้าของพวกเขาเลย ราวกับทุกคนถูกตรึงอยู่กับที่!


ตู้ชิงหย่วนชี้นิ้วไปที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีก 12 คนที่อยู่รอบตัวเธอและพึมพำ “พวกนั้น…”


ทุกคนล้วนแต่ยืนนิ่ง ไม่ขยับตัวสักนิด แต่เธอก็มองเห็นความหวาดกลัวในแววตาส่วนลึกของพวกนั้น ราวกับคนเหล่านี้ได้เห็นบางอย่างที่ทำให้พรั่นพรึงไปถึงจิตวิญญาณ


“มีอะไร?” จางเซวียนโยนร่างหัวหน้ากลุ่มทิ้งไปก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือ


“ทำไมพวกนั้นถึงไม่เคลื่อนไหวเลย?” ตู้ชิงหย่วนถามอย่างระแวง


“พวกเขาตายแล้ว คนตายน่ะเคลื่อนไหวไม่ได้หรอก” จางเซวียนตอบอย่างไม่แยแส ราวกับกำลังพูดถึงความเป็นจริงธรรมดาๆข้อหนึ่ง


เขาเองก็สงสัยว่าตู้ชิงหย่วนตกใจเรื่องอะไร กลับกลายเป็นเรื่องนี้เอง


ในเมื่อพวกนั้นจงใจเล่นงานเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องออมมือให้ จางเซวียนจึงใช้หัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปมเชือดคอทั้ง 12 คนพร้อมกันในคราวเดียว


เขาจงใจไว้ชีวิตหัวหน้ากลุ่มครู่หนึ่งเพื่อเค้นเอาข้อมูล


“พวกนั้นตายแล้ว?” ตู้ชิงหย่วนผงะ


เธอเดินเข้าไปหานักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนหนึ่งอย่างระแวงและผลักร่างของเขา


พลั่ก!


ร่างนั้นร่วงลงไปกองกับพื้น ทำให้พื้นสะเทือนเล็กน้อย แรงสั่นสะเทือนทำให้นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีก 11 คนที่เหลือร่วงลงไปกองกับพื้นเช่นกัน


ตู้ชิงหย่วนขยี้ตาอย่างแรง เกรงว่าจะตาฝาด


หมอนี่เปิดการโจมตีตั้งแต่เมื่อไหร่?


แล้วโจมตีด้วยวิธีไหน?


นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 13 คนถูกสังหารในชั่วพริบตา…เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ?


เขาเพิ่งมาถึงทวีปที่ถูกลืมได้เพียงเดือนเดียว…เป็นไปได้หรือที่ใครสักคนจะทรงพลังได้ในระยะเวลาอันสั้นขนาดนี้?


ตู้ชิงหย่วนแทบหายใจหายคอไม่ออก


เธอเพิ่งคิดอยู่หยกๆว่าชายผู้นี้ไม่คู่ควรกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณสักนิด แต่นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทวีปที่ถูกลืมที่นักรบผู้หนึ่งยกระดับวรยุทธจากนักปราชญ์โบราณขั้น 4 มาเป็นผู้ไร้เทียมทานในหมู่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้ภายในเวลา 1 เดือน!


ถ้าเขามีเวลาอีก 1 เดือน มิกลายเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณเลยหรือ?


เธอพลันรู้สึกราวกับว่าคนอื่นๆต่างคืบคลานเรื่องการพัฒนาวรยุทธ ขณะที่ชายผู้นี้พุ่งทะยานไปข้างหน้า


“รอแป๊บนึงนะ” จู่ๆชายหนุ่มก็พูดออกมา


เขาส่งยิ้มให้ จากนั้นก็เดินเข้าไปถอดแหวนเก็บสมบัติของนักรบแต่ละคน แล้วเก็บทุกศพเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติด้วยการโบกมือ


“ไม่เลว ดูเหมือนพวกนี้จะมียาเม็ดอยู่มากมาย ผมคิดว่าถึงอย่างไรคนของหอนิรันดร์ก็ร่ำรวยไม่เบา” จางเซวียนออกความเห็นพร้อมกับพยักหน้าอย่างพอใจ


เขายังคิดอยู่ว่าจะหายาเม็ดอมตะมหัศจรรย์อีก 70 เม็ดสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธได้จากที่ไหน แต่แล้วก็แสนยินดีปรีดาที่ได้ยาเม็ดมาจำนวนมากกว่านั้นอีกหลังจากสังหารนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ไป 15 คน


สมกับที่เป็นหอนิรันดร์!


“ในเมื่อหัวหน้าขงไม่อยู่ ก็คงไม่มีอันตรายแล้วล่ะ คุณรออยู่ตรงนี้สักครู่นะ ผมจะไปสำรวจรอบๆ” จางเซวียนพูดก่อนจะหายตัวไป


“สำรวจรอบๆ? เขาจะตามหาอะไร?” ตู้ชิงหย่วนยืนงง


จางเซวียนไม่ใส่ใจตู้ชิงหย่วน เขาเดินหน้าเข้าสู่ห้องที่อยู่ด้านในสุด


จากการค้นหาจิตวิญญาณก่อนหน้านี้ จางเซวียนแน่ใจแล้วว่าตอนนี้เขาอยู่ในสำนักงานใหญ่ของหอนิรันดร์


ในเมื่อที่นี่คือสำนักงานใหญ่ ก็แน่นอนว่าจะต้องมีทรัพย์สมบัติมากมาย


เพราะปรมาจารย์ขงฉกฉวยรังสีสวรรค์ของเขาไป ไม่ว่าด้วยวิธีไหน เขาก็จะต้องเอาคืนให้ได้สักหน่อย ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่


ด้วยเหตุนี้ ขณะที่กำลังทำการค้นหาจิตวิญญาณ จางเซวียนก็ตรวจสอบว่าคลังสมบัติของหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่อยู่ที่ไหน


และแน่นอนว่านั่นคือสถานที่ที่เขากำลังมุ่งหน้าไป!


จางเซวียนไปตามเส้นทางที่ได้เห็นในการค้นหาจิตวิญญาณและเดินหน้าต่อไป


นอกจากนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์กลุ่มนั้น ในหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่ก็ไม่มีใครอื่น จางเซวียนสังหารทุกคนหมดแล้ว จึงไม่มีอันตรายใดๆอีก ส่วนค่ายกลที่ถูกติดตั้งไว้โดยรอบก็ไม่เป็นภัยกับผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลระดับจางเซวียน


“ที่นี่แหละ” จางเซวียนพูดยิ้มๆหลังจากตรวจดูพิกัดจนแน่ใจ


เขากวัดแกว่งดาบถงซังเบาๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)