ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 231-238

 ตอนที่ 231 ผูกกันเป็นญาติบุญธรรม


เหอปี้อวิ๋นนั้นกลับคิดตรงข้าม เธอไม่ได้ใช้สมองคิดเยอะขนาดนั้น ขั้นตอนไม่สำคัญ ผลสรุปต่างหากที่เธอให้ความสำคัญ เธอกระวนกระวายไม่รู้จะพูดคุยกับจ้าวอิงหนานอย่างไร ด้านจ้าวอิงหนานก็วิ่งลงบันไดมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง นี่เป็นโชคก้อนใหญ่ที่หล่นมาจากสวรรค์จริงๆ!


แม้ว่าคนอื่นจะพูดว่าอู่เหมยหน้าตาเหมือนจ้าวอิงหนาน แต่เหอปี้อวิ๋นไม่ใส่ใจเลยสักนิด ถึงแม้ว่าอู่เหมยจะหน้าตาไม่เหมือนตัวเธอเอง แต่ก็เป็นเธอคลอดออกมาจากท้องร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างไม่ต้องสงสัย


เมื่อกี้เธอดูแล้ว อู่เหมยกับจ้าวอิงหนานอันที่จริงแล้วไม่ได้เหมือนกันขนาดนั้น คนขี้โม้พวกนั้นอยากจะประจบเอาใจก็ช่าง บนโลกนี้มีคนเป็นหมื่นเป็นล้านคน หน้าตาเหมือนกันมีเยอะแยะ ยังมีคนที่ห่างกันเป็นหมื่นลี้พันลี้หน้าตาเหมือนกันได้เลย!


อีกทั้งแม้อู่เหมยจะไม่เหมือนเธอ แต่กลับเหมือนนังสารเลวคนนั้นมากกว่า ตามที่แม่ของเธอบอกว่านังสารเลวนั่นหน้าตาเหมือนคุณย่าของเธอ ถ้าอย่างนั้นอู่เหมยจะหน้าตาเหมือนคุณย่าทวดก็ไม่แปลกอะไร


ถึงแม้ว่าการนึกถึงศัตรูคู่อาฆาตในวันวานนั้นจะทำให้อารมณ์เสีย แต่พอมีเรื่องที่น่ายินดีจากจ้าวอิงหนาน เหอปี้อวิ๋นก็ปัดความไม่สบายใจทิ้งไปอย่างรวดเร็วและมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง


การผูกญาติเป็นญาติบุญธรรมนั้นเธอยินยอมเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะรับปากเดี๋ยวนี้ แต่หัวหน้าครอบครัวอย่างอู่เจิ้งซือยังไม่ได้พูดอะไร เหอปี้อวิ๋นก็ไม่กล้ากระทำเกินอำนาจ วันนี้เธอทำให้อู่เจิ้งซือไม่พอใจมามากแล้ว ถ้าหากว่าทำผิดอีกเรื่อง อู่เจิ้งซือจะต้องด่าเธอแน่ๆ


จ้าวอิงหนานเห็นอู่เจิ้งซือเงียบไม่ส่งเสียงอยู่นาน ดูแล้วทั้งไม่ดีใจและไม่โกรธ เธอดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ ก็เลยไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เธอเป็นคนที่นิสัยตรงไปตรงมา และไม่ชอบที่สุดคือคนที่ดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่


“อาจารย์อู่ หรือว่าคุณรู้สึกว่าฉันไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่บุญธรรมของเหมยเหมย? ได้หรือไม่ได้ก็รีบพูดสิ!” จ้าวอิงหนานเร่งรัดอย่างไม่พอใจ


เหอปี้อวิ๋นในใจนั้นร้อนรนมาก กลัวว่าเป็ดที่ต้มสุกแล้วจะบินหนีไป รีบร้อนพูดขึ้นมาว่า “”อาจารย์จ้าวอย่าเข้าใจผิด คุณอู่เขาไม่ได้ไม่เห็นด้วยแน่นอน….”


พูดยังไม่ทันจบ อู่เจิ้งซือก็จ้องเขม็งมาอย่างเย็นชา แววตาเย็นชานั้นทำให้เหอปี้อวิ๋นตกใจกลัวเป็นอย่างมาก จึงรีบกลืนคำพูดครึ่งหลังนั้นลงคอไปอย่างรวดเร็ว พลางหัวเราะอย่างเก้อเขิน


อู่เจิ้งซือนั้นยังคงลังเลใจ เขายังคงกลัวว่าโลกนี้จะเล็กจนทำให้พบเจอกับคนคุ้นเคย ถึงแม้ว่าจะคิดถึงทุกวันทุกคืน แต่เขากลับไม่อยากพบเจอ อยู่ห่างกันเป็นหมื่นลี้พันลี้แบบนี้ดีกว่า


แต่เขาก็กังวลอีกว่าเขาจะคิดมากเกินไป พลาดโอกาสที่จะได้เป็นญาติกับตระกูลสยง นิสัยวิตกกังวลกับผลได้ผลเสียของตนเองนั้น ทำให้ปกติจิตใจที่ไม่เด็ดขาดอะไรของอู่เจิ้งซือยิ่งทวีความลังเลและไม่มีความเด็ดขาดขึ้นไปใหญ่ พอเห็นจ้าวอิงหนานเร่งรัด เขาเลยพูดได้แค่เพียงว่า “จะผูกกันเป็นญาติไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่อย่างนั้นอาจารย์จ้าวก็เรียกอาจารย์สยงมาด้วย พวกเราพูดคุยรายละเอียดกันในห้องดีไหม?”


“ก็ได้ มู่มู่ลูกไปเรียกพ่อลงมาแป๊บนึงสิ” จ้าวอิงหนานไม่มีการอ้อมค้อม


สยงมู่มู่มองอู่เหมยอีกครั้ง วิ่งขึ้นไปข้างบน เขาควรจะกลับไปถามพ่อตัวเอง ดูว่าพ่อจะนึกออกหรือไม่


สถานการณ์ที่ดูจะวุ่นวายก็กลายเป็นดี คนอื่นๆ ต่างก็อิจฉาริษยากันเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาต่างก็เป็นปัญญาชน ยังไงก็ไม่มีการแสดงอารมณ์ออกมาให้สังเกตเห็น ทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุข มีบางคนยกมือเสนอตัวเองว่าจะเป็นคนกลางให้ แต่ว่าต่างก็โดนอู่เจิ้งซือหัวเราะเลี่ยงๆ ไป


ต่อให้พวกเขาจะผูกญาติกัน เขาก็ควรจะหาคนที่มีคุณธรรมและบารมีมาเป็นคนกลาง คนที่วุ่นวายมั่วซั่วพวกนี้จะนับเป็นอะไรได้


ส่วนอู่เหมยนั้น ตั้งแต่จ้าวอิงหนานพูดเรื่องผูกญาติกันเธอก็ยังคงสับสนมึนงงอยู่ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมา ข้างหูต่างก็เป็นเสียงจ้อกแจ้กจอแจของคนรอบข้าง สมองของเธอยิ่งมึนงงเข้าไปใหญ่


ในชาตินี้มีเรื่องหลายเรื่องที่ไม่เหมือนชาติที่แล้ว ชาติที่แล้วเธอไม่รู้จักเหยียนหมิงซุ่น และก็ไม่รู้จักสยงมู่มู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมาบรรจบพบกับจ้าวอิงหนาน อู่เหมยมีความสับสนงุนงงเล็กน้อย ชาตินี้ยังจะเป็นชีวิตของเธอในชาตินั้นที่เธอเคยผ่านมันมาก่อนได้หรือ?


…………………………………………………………………


ตอนที่ 232 ทำไมไม่ตบอู่เยวี่ยสักหนึ่งที


สยงมู่มู่เรียกพ่อที่กำลังตกตะลึงแล้วลากตัวเขาลงมาอย่างรวดเร็ว ตรงเอวยังผูกผ้ากับเปื้อนลวดลายดอกไม้น่ารักไว้ คนอื่นๆ พอเห็นก็เกิดปากกระตุก รีบหันหัวหลบ นัยน์ตายิ้มๆ กันทั้งหมด


มิน่าล่ะห้องครัวของตระกูลสยงถึงสร้างไว้ในห้อง ผู้ชายอกสามศอกกลับเอาแต่ทำกับข้าวอยู่ที่ระเบียงช่วยกลุ่มผู้หญิงทั้งวัน ดูไม่ได้เลยจริงๆ ทำเสียห้องสกปรกไปหมด แต่ดันไม่มีคนหัวเราะเขา


คุณพ่อสยงนั้นพอได้เห็นหน้าของอู่เหมยที่บวมเหมือนหัวหมูก็ตกใจเป็นอย่างมาก ลูกชายขึ้นมาถามคำถามเขาแปลกๆ เรื่องอื่นๆ ก็ไม่ได้พูดอย่างละเอียด แค่รู้ว่าอู่เหมยโดนตี ภรรยาของเขาพบเห็นความไม่เป็นธรรมก็ออกตัวไปช่วย บอกว่าจะรับเอาอู่เหมยมาเป็นลูกบุญธรรม


เรื่องนี้แน่นอนว่าเขาไม่ได้ไม่พอใจหรือมีความเห็นอะไร อู่เหมย เด็กคนนี้เขาก็ชอบ อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทของลูกชายเขา เขายิ่งไม่มีเหตุผลอะไรมาไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว


“อิงหนาน เรื่องอะไรก็ตามของบ้านเราเธอเป็นคนตัดสินใจก็พอ ไม่ต้องมาปรึกษาหารือกับผม ให้คุณเป็นคนตัดสินใจเถอะ” คุณพ่อแซ่สยงทำหน้าตาประมาณว่า ‘ภรรยาของฉันใหญ่ที่สุด’ มองจนผู้ชายคนอื่นๆ ตาร้อน พวกผู้หญิงก็อิจฉาริษยาอย่างมาก


จ้าวอิงหนานบุ้ยปากเป็นสัญญาณไปทางอู่เจิ้งซือ “อาจารย์อู่ไม่เชื่อว่าคำพูดของฉันจะมีผล ก็เลยต้องรบกวนคุณสามีลงมาแล้ว คุณว่าเหมยเหมยหน้าตาเหมือนกับฉันไหม? แต่ก่อนฉันก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไร แต่ตอนนี้พอได้มองดูดีๆ ฉันก็เข้าใจแล้ว มิน่าล่ะแค่เห็นเด็กคนนี้ก็ชอบเลย”


จ้าวอิงหนานดีใจจนขยี้หัวอู่เหมย โชคดีที่ช่วงนี้อู่เหมยบำรุงร่างกายเป็นอย่างดี ผมก็เปลี่ยนเป็นสีดำมันเงาเรียบลื่น ไม่ถึงกับเหมือนขยี้รังนก อู่เหมยได้แต่มองจ้าวอิงหนานที่เล่นหัวเธออย่างจนปัญญา แต่ในใจกลับอบอุ่นยิ่งนัก


เมื่อสักครู่เธอคิดจนเข้าใจแล้ว ไม่ว่าชาตินี้จะเป็นอย่างไร อู่เยวี่ยก็เป็นคู่อริของเธอ เหอปี้อวิ๋นก็ช่วยกันก่อกรรมทำชั่ว ความแค้นยังไงก็ต้องชำระ ข้อนี้ไม่จำเป็นต้องกังขา เพราะฉะนั้นเธอแค่ต้องจำเรื่องนี้ให้ขึ้นใจก็พอ


สำหรับเหยียนหมิงซุ่นกับสยงมู่มู่ น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของชาตินี้ สำหรับเธอแล้วนี่นับว่าเป็นเรื่องดี อย่างน้อยเธอก็คงไม่เหมือนชาติก่อนที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายอีกแล้ว มีเพื่อนยังไงก็ดีกว่าไม่มีเพื่อนอยู่แล้ว!


ทุกคนต่างก็กลับบ้านไปกินข้าวกันหมด อาจารย์แม่จางก็ดีใจไปกับอู่เหมย ที่มากกว่านั้นคืออิจฉา ความคิดที่จะรับเป็นลูกบุญธรรมนั้นเธอคิดมานานและครุ่นคิดอย่างถ้วนถี่แล้ว แต่เมื่อรู้จักนิสัยใจคอของเหอปี้อวิ๋นคู่สามีภรรยา ก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่อาจมาผูกญาติกับคนอย่างเธอแน่นอน อีกทั้งเธอก็เป็นแค่แม่บ้านธรรมดาๆ ไม่มีงานทำ คงดูแลปกป้องอู่เหมยไม่ได้ จ้าวอิงหนานนี่แหละคือคนที่เหมาะสมที่สุด


อาจารย์จ้าวมีความเจริญก้าวหน้าอีกทั้งวงศ์ตระกูลก็ดี เวลาเหอปี้อวิ๋นอยู่ต่อหน้าเธอก็แทบจะโค้งคำนับให้จนหลังตรงไม่ได้เลยทีเดียว อีกทั้งดูแล้ว จ้าวอิงหนานก็รักใคร่อู่เหมยจริงๆ จะต้องปกป้องเด็กที่น่าสงสารคนนี้ได้แน่


อู่เหมยรู้สึกได้ถึงความห่วงใยผ่านทางสายตาของอาจารย์แม่จาง จึงเงยหน้าหันไปทางเธอและยิ้มให้อย่างซาบซึ้ง เมื่อกี้มีคนมาตั้งมากมาย แต่มีเพียงแค่อาจารย์แม่จางเพียงคนเดียวที่ยืนหยัดออกตัวเพื่อเธอ น้ำใจของอาจารย์แม่จางในครั้งนี้เธอไม่มีวันลืม หลังจากนี้ถ้าอาจารย์แม่จางต้องการความช่วยเหลือจากเธอ เธอจะต้องตอบแทนบุญคุณอาจารย์แม่จางแน่นอน


จ้าวอิงหนานเห็นหน้าอู่เหมยบวมจนดูไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ยิ่งรังเกียจเหอปี้อวิ๋นมากขึ้น นี่คือคิดว่าลูกสาวเป็นคู่อริแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงมือหนักขนาดนี้!


“มู่มู่ไปหยิบกล่องยาในบ้านลงมาให้หน่อยสิ”


เหอปี้อวิ๋นรีบพูดขึ้นมาว่า “ในบ้านมียาขี้ผึ้ง มู่มู่ไม่ต้องไปหยิบหรอก”


จ้าวอิงหนานปากกระตุกเล็กน้อย เหน็บแนมว่า “ยาขี้ผึ้งบ้านฉันทำมาพิเศษ ประสิทธิภาพดีกว่ายาขี้ผึ้งธรรมดา บาดแผลบองเหมยเหมยหนักขนาดนี้ อาจารย์เหอไม่ปวดใจ แต่ฉันปวดใจจนเจ็บไปหมด”


เหอปี้อวิ๋นยิ่งหัวเราะยิ่งเก้อเขิน แต่ลึกๆ ในใจด่าบรรพบุรุษของจ้าวอิงหนานไปสิบแปดโคตร หัวเราะอย่างไม่จริงใจพูดว่า “นิสัยของฉันใจร้อนเกินไป ตอนที่อดทนไม่ไหวก็จะลงมือหนักไปหน่อย คราวหลังจะระวังกว่านี้”


สยงมู่มู่โมโหจนทนไม่ไหวพูดว่า “น้าเหอ ทำไมน้าถึงชอบมีนิสัยรุนแรงกับอู่เหมยล่ะ? สอบประจำเดือนนี้อู่เยวี่ยทำคะแนนตกลงไปมาก ทำไมน้าไม่ตบหน้าอู่เยวี่ยสักที แต่ตรงกันข้ามกลับนำความโมโหนั้นมาลงที่อู่เหมยแทน แปลกจริงๆ!”


…………………………………………………………………


ตอนที่ 233 เธอต้องเรียนรู้คุ้นเคยคำว่าพ่ายแพ้


เหอปี้อวิ๋นโดนคำพูดของสยงมู่มู่ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายชั่วขณะ หน้าเดี๋ยวเขียวคล้ำเดี๋ยวขาวซีด กับสยงมู่มู่นั้นเธอรู้สึกไม่เข้าตาและไม่ชอบเป็นอย่างมาก ทำตัวไม่มีการศึกษาเลยสักนิด ก็ไม่รู้ว่าจ้าวอิงหนานสอนลูกชายอย่างไร เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บนิ้วมือของเยวี่ยเยวี่ย


“มู่มู่ไปทางนั้นไป ผู้ใหญ่เขากำลังพูดกัน สอดปากเข้ามาทำไม?” จ้าวอิงหนานแสร้งตำหนิ


สยงมู่มู่หัวเราะฮิๆ หันไปทางอู่เหมยทำหน้าหลอกผี แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ว่าคำพูดของเขากลับมีอานุภาพอย่างยิ่ง พูดหนึ่งประโยคเหมือนคนอื่นพูดสิบประโยค เฮ้อ!


“มู่มู่ของฉันเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมาคนหนึ่ง มีอะไรก็พูดตรงๆ ไม่ใช่คนมีเล่ห์เหลี่ยมอะไร อาจารย์เหออย่าถือสาหาความกับเด็กเลยนะ!” จ้าวอิงหนานพูดยิ้มๆ


เหอปี้อวิ๋นหน้าเหยเกหัวเราะ ในใจคับแค้นใจจะตาย แต่ก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้แม้แต่เพียงนิดเดียว กัดฟันจนฟันกรามจะแตกอยู่รอมร่อ


สำหรับเธอแล้ว สยงมู่มู่ก็เหมือนคางคกขึ้นวอกำลังกำเริบเสิบสาน ครั้งนี้เยวี่ยเยวี่ยล้มไม่เป็นท่า ทำให้สยงมู่มู่ได้โชคดีนี้ไป ดูครอบครัวนี้สิ ยกหางจนแทบจะชูขึ้นถึงฟ้าแล้ว เหอะ! เดือนหน้าอันดับหนึ่งจะต้องเป็นของเยวี่ยเยวี่ยแน่นอน ถ้าสยงมู่มู่คิดอยากจะเอาละก็ ไม่ต้องคิดหรอก


ใจของอู่เจิ้งซือก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เชิญคนบ้านสยงเข้าห้องอย่างมีมารยาท อู่เยวี่ยล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อยแล้ว สดชื่นผ่อนคลาย จะมีก็แค่ดวงตาเท่านั้นที่ยังแดงๆ ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น อู่เยวี่ยที่อยู่ในบ้านได้ยินอย่างชัดเจน ในใจยิ่งรู้สึกไม่พอใจ


ทั้งอิจฉาอู่เหมยที่ได้รับสายใยจากจ้าวอิงหนาน แล้วก็โมโหสยงมู่มู่ไอ้คางคกขึ้นวอนี่ อารมณ์ของเธอก็ยิ่งขุ่นมัว มองไปที่ใครก็จะพลันรู้สึกว่าพวกเขากำลังหัวเราะเยาะเธอ


“คุณอาสยง คุณน้าจ้าว สวัสดีค่ะ” อู่เยวี่ยทักทายอย่างมีมารยาท


จ้าวอิงหนานเหลือบมองเธอแวบนึง ในใจไม่ใช่ว่าไม่พอใจ แค่ไม่ได้ที่หนึ่งก็ทำท่าเหมือนจะตายแบบนี้ เหอะ! แต่ก่อนยกหางขึ้นสูงขนาดนั้น ทั้งวันจะได้ยินเหอปี้อวิ๋นคุยโม้ในโรงเรียน แต่ตอนนี้กลับมาเป็นโฉมหน้าเดิมแล้วสินะ?


มู่มู่ของเธอถ้าได้ใช้ฝีมือสักเล็กน้อย ที่หนึ่งก็แค่ของกล้วยๆ อู่เยวี่ยของคุณจะนับเป็นอะไรได้?


สำหรับครั้งนี้ที่ลูกชายได้ที่หนึ่ง ลึกๆ จ้าวอิงหนานก็รู้สึกปลื้มอกปลื้มใจ มีแม่ที่ไหนจะไม่ชอบเวลาที่ลูกตัวเองได้ที่หนึ่งกันล่ะ พ่อแม่จำพวกที่ปากก็บอกว่าไม่สนใจว่าลูกจะได้คะแนนเท่าไร คนพวกนี้ในใจไม่รู้ว่าสนใจเรื่องนี้มากขนาดไหน แค่พูดแบบนั้นก็เพราะต้องการปลอบใจตัวเองก็แค่นั้น!


“เยวี่ยเยวี่ยปล่อยวางหน่อย อย่าให้ความสนใจเรื่องอันดับมาก ไหนเลยจะมีขุนศึกที่ไม่เคยแพ้ รบแพ้บ้างก็เป็นเรื่องปกติ พวกเราต้องเรียนรู้และคุ้นเคยที่จะแพ้บ้าง”


อู่เยวี่ยรู้สึกเหมือนหัวใจโดนทิ่มแทง ลมหายใจอัดแน่นอยู่ที่อก แต่ก็ฝืนยิ้มออกมา น่าเกลียดกว่าตอนร้องไห้อีก


เหอปี้อวิ๋นโกรธแค้นจนคันฟันไปหมด อะไรคือต้องเรียนรู้คุ้นเคยที่จะแพ้ เยวี่ยเยวี่ยของเธอคือขุนศึกที่ไม่มีวันแพ้ จะพ่ายแพ้ได้อย่างไรกัน?


จ้าวอิงหนานคนนี้กำลังอิจฉา อิจฉาชัดๆ!


อู่เหมยได้ฟังแล้วก็รู้สึกสะใจ ก้มหน้าลงหัวเราะตามใจ มีดเล่มนี้ของจ้าวอิงหนานแทงได้สะใจจริงๆ!


เธอก็ควรเรียนรู้ศิลปะการพูดของจ้าวอิงหนานไว้บ้าง สำหรับเหอปี้อวิ๋นกับอู่เยวี่ย คนแบบนี้ไม่ควรที่จะให้เกียรติด้วย ต้องแทงลงไปแรงๆ


อู่เจิ้งซือไม่ได้มีใจจะไปใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ สิ่งที่เขาให้ความสนใจก็คือหน้าตา หลังจากที่ลังเลมาสักพัก ในที่สุดก็เปิดปากพูด “เหมยเหมยสามารถทำให้อาจารย์จ้าวชื่นชอบได้ก็เป็นวาสนาของเธอ อีกทั้งเหมยเหมยกับอาจารย์จ้าวก็มีหน้าตาคล้ายกัน ก็แสดงว่าเหมยเหมยกับอาจารย์จ้าวมีวาสนาต่อกัน ขอเพียงเหมยเหมยเห็นดีด้วย พวกเราผู้ใหญ่แน่นอนว่าไม่คัดค้าน”


จ้าวอิงหนานยิ้มนิดๆ มองอู่เหมย หน้าอู่เหมยหลังจากได้ทายาขี้ผึ้งแล้ว อาการบวมแดงก็ลดลงไปมาก มองดูก็ไม่น่าตกใจขนาดนั้นแล้ว เธอพยักหน้านิดๆ จ้าวอิงหนานหัวเราะอย่างพึงพอใจ มองไปที่อู่เจิ้งซืออีกครั้ง


“พูดขึ้นมาก็แปลกจริงๆ อาจารย์จ้าวเป็นคนเมืองหลวง แต่บ้านผมเป็นคนเมืองจินเกิดและเติบโตที่นี่ ทำไมเหมยเหมยถึงได้มีหน้าตาคล้ายอาจารย์จ้าวกันนะ? อาจารย์สยงคุณว่าแปลกหรือไม่แปลกล่ะ?” อู่เจิ้งซือพูดล้อเล่น


………………………………………………


ตอนที่ 234 ความคิดของเหอปี้อวิ๋น


จ้าวอิงหนานหัวเราะพลางพูดว่า “เหมยเหมยเธอกับฉันมีวาสนาต่อกัน ดูเราสองแม่ลูกสิ ตาจมูกเหมือนกันมาก สามีคุณว่าใช่ไม่ใช่?”


“ใช่ พวกเธอต่างก็เป็นคนสวย คนหนึ่งก็เป็นคนสวยคนโต อีกคนก็เป็นคนสวยคนเล็ก”


พ่อสยงพยักหน้ายิ้มๆ ภรรยาพูดอะไรก็ถูกทั้งหมดแหละ ถึงแม้ว่าอันที่จริงแล้วเขาจะไม่ได้รู้สึกว่าอู่เหมยเหมือนภรรยาของตัวเองขนาดนั้น แต่กลับเหมือนภรรยาของน้องชายของเขามากกว่า ถึงแม้ว่าภรรยาของน้องขายเขาจะเคยเจอแค่สองครั้ง อีกทั้งยังเจอแบบรีบๆ แต่ไฝสีแดงชาดเม็ดนั้นกลับติดอยู่ในความทรงจำของเขาอย่างลึกซึ้ง


จ้าวอิงหนานมองบนใส่พ่อสยง ตั้งแต่หัวจรดเท้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีของความสุข เหอปี้อวิ๋นมองจนขนลุกไปทั้งร่าง แต่ก็อิจฉาความรักของคู่สามีภรรยาคู่นี้ที่รักกันมาก


เหมือนเธอกับอู่เจิ้งซือ ถึงแม้ว่าจะเป็นคู่รักกันก็ยังไม่เหมือนสองคนนั้นที่ตอนนี้ตัวติดกันอย่างกับกาว สิบกว่าปีที่เป็นสามีภรรยากัน ต่อหน้าสาธารณชนยังจะทำตัวน้ำเน่า ช่างหน้าไม่อาย ขายขี้หน้าจริงๆ!


ในใจของอู่เจิ้งซือรู้สึกเหยียดหยามพ่อสยงเป็นอย่างมาก ตามที่เขาเห็น พ่อสยงเป็นแมงดาที่เกาะผู้หญิงกินและขี้ขลาดตาขาวคนหนึ่ง ขายหน้าผู้ชายที่สุดจริงๆ!


แต่ว่าบนหน้าของเขาไม่แสดงออกแม้แต่น้อย เมื่อผ่านการครุ่นคิดครั้งแล้วครั้งเล่า อู่เจิ้งซือก็ตัดสินใจไม่ละทิ้งการผูกญาติครั้งนี้ เขารู้สึกว่าการที่จ้าวอิงหนานกับอู่เหมยหน้าตาเหมือนกันนั้นน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น ไหนเลยที่จะเป็นคนคนนั้น!


ในเมื่อเหมยเหมยก็ไม่ได้ไม่เห็นด้วย ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็เป็นไปตามนี้ สามารถเป็นลูกบุญธรรมของพวกคุณสามีภรรยาได้ก็เป็นวาสนาของเหมยเหมย” อู่เจิ้งซือเห็นชอบอย่างยินดี


จ้าวอิงหนานเป็นคนนิสัยใจร้อน เธอให้อู่เหมยเรียกเธอว่าแม่บุญธรรมในทันที อีกทั้งยังถอดกำไลหยกจากมือ บอกว่าให้อู่เหมยเป็นของขวัญที่ได้พบหน้ากัน อู่เจิ้งซือมองจนคิ้วขมวด เขาเป็นคนที่เข้มงวดในเรื่องของกฏเกณฑ์ ท่าทางของจ้าวอิงหนานทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจจริงๆ


มีอย่างที่ไหนที่คิดอยากจะผูกญาติก็ผูกได้เลยตามใจ?


แม้กระทั่งคนกลางก็ยังไม่มี เป็นกระทำที่มั่วซั่วจริงๆ!


พ่อสยงก็โดนการกระทำภรรยาของตัวเองทำให้กลืนไม่เข้าตายไม่ออก ตีจ้าวอิงหนานเบาๆ พูดเสียงเบาอีกว่า “อิงหนานอย่าใจร้อน การผูกญาติไม่ใช่ว่าแค่พูดก็ได้แล้ว พวกเราต้องหาคนกลางที่เหมาะสมอีก เลือกฤกษ์งามยามดีอีก สองบ้านนั่งลงมาจัดพิธีทำความรู้จักกัน อย่างนี้สิถึงจะได้มาตรฐาน!”


จ้าวอิงหนานเบะปากอย่างไม่พอใจ ทำหน้ามุ่ยส่งเสียงบ่นว่า “กฏเกณฑ์เยอะจริงๆ!”


อู่เจิ้งซือขมวดคิ้วอีกครั้ง พ่อสยงรีบพูดขึ้นมาว่า “ผมว่าเรื่องคนกลางคงต้องรบกวนอาจารย์อู่ ผมกับอิงหนานอยู่ที่นี่ยังไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องคน อาจารย์อู่รู้สึกอย่างไร?”


“การเคารพเทียบไม่ได้กับทำตามคำสั่ง อาจารย์สยงรู้สึกว่าท่านผู้เฒ่าเหยียนเป็นยังไง?” อู่เจิ้งซือก็ไม่อยากจะพูดกับจ้าวอิงหนานอีกต่อไป เขาถือว่ามองออกแล้ว ครอบครัวนี้ก็มีพ่อสยงที่เข้าใจในหลักทำนองคลองธรรม อีกสองคนนั้นที่โง่แล้วก็ตรรกะมั่วนิ่ม


พ่อสยงพยักหน้ายิ้มๆ “ท่านผู้เฒ่าเหยียนมีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง ลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง แน่นอนว่าเหมาะสมที่สุด ส่วนเรื่องฤกษ์ยาม…”


จ้าวอิงหนานร้อนใจส่งเสียงเอะอะว่า “ฉันว่าเลือกวันไม่ดีเท่าเสี่ยงวัน ยังไงก็วันนี้แหละ”


พ่อสยงตีเบาๆ ที่ภรรยาของตัวเองอย่างปลอบโยน บอกให้ใจเย็นๆ ไม่เห็นคิ้วของอู่เจิ้งซือหรือว่าจะรวมกันเป็นก้อนเดียวกันแล้ว จ้าวอิงหนานเบะปาก มิน่าล่ะลูกชายถึงบอกว่าอู่เจิ้งซือเป็นคนหัวโบราณ เป็นไปตามที่พูดไว้ไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว


อู่เจิ้งซือกลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับฤกษ์ยามมากนัก ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้เชื่อสิ่งนี้มากนัก เพียงแค่เขาไม่พอใจทัศนคติที่ไม่รอบคอบของจ้าวอิงหนาน ผูกญาติเป็นเรื่องที่สำคัญขนาดนี้ จะปฏิบัติแบบขอไปทีได้อย่างไร?


วันนี้จะเร่งด่วนเกินไปหน่อย ผมว่าไม่งั้นก็พรุ่งนี้ตอนบ่ายเป็นไง? อาจารย์สยงคุณว่ายังไง?” อู่เจิ้งซือมีเจตนาขัดจ้าวอิงหนาน


พ่อสยงพยักหน้าพูดว่า “งั้นก็เป็นพรุ่งนี้ตอนบ่าย แล้วพรุ่งนี้ตอนเย็นทั้งหมดก็ทานข้าวกันที่บ้านผม ผมจะเตรียมกับข้าวดีๆ เหล้าดีๆเตรียมให้พร้อม”


อู่เจิ้งซือพอใจจนหัวเราะออกมา อย่างนี้ถึงจะเป็นวิธีการผูกญาติที่ถูกต้อง!


ตลอดการสนทนาเหอปี้อวิ๋นไม่ได้ออกเสียงเลย สมองของเธอกำลังทำงานด้วยความเร็วสูง มีความคิดที่ค่อนข้างจะใจกล้ามากลอยขึ้นมา ดวงตายิ่งประกายแสงแวววับ


………………………………………………


ตอนที่ 235 ลักษณะท่าทางดูไม่ได้เลย


ภาพที่เหอปี้อวิ๋นคิดฝันนั้นสวยงามมาก นังโง่อู่เหมยสามารถเข้าตาจ้าวอิงหนานได้ ก็เลยได้เห็นว่าจ้าวอิงหนานนั้นทัศนวิสัยคงไม่ได้ดีเด่อะไร เยวี่ยเยวี่ยของเธอนั้นทั้งฉลาด ทั้งสวย ใครเห็นใครก็รัก คะแนนก็ดี เหนือกว่านังเด็กสมควรตายอย่างอู่เหมยไม่รู้ตั้งกี่เท่า


จ้าวอิงหนานจะต้องรู้สึกเกรงใจที่เมื่อกี้ไม่ได้พูดเรื่องจะรับอู่เยวี่ยเป็นลูกบุญธรรมออกมาอย่างแน่นอน ทำไมเธอไม่หาโอกาสออกมาพูดให้เยวี่ยเยวี่ยได้รู้จักกับญาติบุญธรรม ด้วยความฉลาดเฉลียวของเยวี่ยเยวี่ย จะต้องทำให้จ้าวอิงหนานมีความสุขแน่นอน แล้วหลังจากนี้เธอก็จะได้รับประโยชน์อีกมากมายมหาศาล!


ครั้งนี้พ่อสยงและอู่เจิ้งซือก็รู้สึกเบิกบานใจและได้เลือกเวลาที่จะผูกญาติกันเรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวที่จะอำลากัน เหอปี้อวิ๋นก็ยิ้มเข้าสู้รีบพูดขึ้นมาว่า “ไม่อย่างนั้นข้าวกลางวันก็กินกันที่บ้านฉันเถอะ วันหลังต่างก็เป็นคนกันเองแล้ว!”


“เยวี่ยเยวี่ย รีบไปหุงข้าวทำกับข้าวเร็ว หุงข้าวเยอะหน่อยนะ พ่อแม่บุญธรรมของลูกจะกินข้าวที่นี่” เหอปี้อวิ๋นหันไปทางอู่เยวี่ยตะโกนเสียงดัง อีกทั้งยังกะพริบตาส่งสัญญาณถี่ๆ อู่เยวี่ยเข้าใจในฉับพลัน แม้จะรู้สึกว่าเหอปี้อวิ๋นทำแบบนี้จะเป็นการลดเกียรติกันเกินไป แต่เธอก็ยังเดินไปหุงข้าว


จ้าวอิงหนานตะลึงงัน แต่ไม่นานก็เข้าใจเจตนาของเหอปี้อวิ๋นอย่างรวดเร็ว มองเหอปี้อวิ๋นที่คิดเองเออเองอย่างเยาะหยัน ผู้หญิงคนนี้เป็นพวกยิ่งให้เกียรติก็ยิ่งได้ใจจริงๆ!


อู่เจิ้งซือขมวดคิ้วอีกครั้ง ส่งสัญญาณเตือนเหอปี้อวิ๋นอย่างไม่โจ่งแจ้ง เพียงแต่ตอนนี้ในใจเหอปี้อวิ๋นคิดแต่จะให้ลูกสาวคนโตได้เกาะผู้มีอิทธิพลอย่างจ้าวอิงหนานไว้ ไหนเลยจะสนใจอู่เจิ้งซือ จึงแสร้งทำเป็นไม่เห็น


สยงมู่มู่เป็นคนปากไวแถมยังปากตรงกับใจ คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ในสายตานั้นแค่เม็ดทรายครึ่งเม็ดก็ต้องเอาออก เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกดีกับเหอปี้อวิ๋นอยู่แล้ว ตอนนี้เห็นเธอหน้าหนาขนาดนี้ ก็รู้สึกรังเกียจจนไม่รู้จะเทียบกับอะไรดี อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะพูดว่า “น้าเหอคงความจำไม่ดีใช่ไหม? คนที่แม่ผมยอมรับเป็นลูกบุญธรรมก็คืออู่เหมย ไม่ใช่ลูกรักคนโตของน้าอย่างอู่เยวี่ย คุณน้าอย่าสับสนสิ”


จ้าวอิงหนานส่งสายตาที่พึงพอใจไปให้กับลูกชาย สยงมู่มู่ขยิบตาให้ แม่ลูกต่างยิ้มให้กัน


รอยยิ้มของเหอปี้อวิ๋นหยุดชะงักลง พอโดนเด็กน้อยพูดฉีกหน้า ก็รู้สึกอารมณ์เสียในใจ แต่เพื่ออนาคตของลูกสาวสุดที่รักของเธอ ต่อให้รับไม่ได้ก็ต้องอดทน เหอปี้อวิ๋นฝืนหัวเราะแห้งๆ พูดว่า “มู่มู่เธอเนี่ยไม่เข้าใจอะไร เหมยเหมยกับเยวี่ยเยวี่ยเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน รักใคร่ผูกพันกันลึกซึ้ง แม่บุญธรรมของเหมยเหมยก็เหมือนเป็นแม่บุญธรรมของเยวี่ยเยวี่ยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน จะแบ่งฝักแบ่งฝ่ายให้ชัดเจนทำไม!”


อู่เหมยก้มหัวลง หัวเราะเยาะอยู่ในใจ พอมีผลประโยชน์ก็เป็นพี่น้องที่ดีเลยนะ!


ท่าทางแบบนี้ดูไม่ได้จริงๆ!


“แม่ ที่หนูโดนตบนี่ก็เป็นเพราะพี่สาวถึงโดนตบ ให้พูดอีกหนูก็ไม่เห็นจำได้ว่าพี่สาวดีกับหนูมาก แม่พูดแบบนี้ช่างน่าตกตะลึงจริงๆ!” อู่เหมยพูดเสียงเย็น


อู่เจิ้งซือมองอู่เหมยอย่างไม่พอใจ นิสัยใจคอของลูกสาวคนเล็กยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งแข็งกร้าว อีกทั้งยังชอบเอาเรื่องไม่ดีในบ้านไปประกาศให้ข้างนอกรู้ นี่ไม่ใช่นิสัยที่ดี หลังจากนี้เขาค่อยพูดคุยกับลูกสาวคนเล็กดีๆ


เหอปี้อวิ๋นฉวยโอกาสตอนไม่มีคนสังเกตจ้องถมึงทึงไปที่อู่เหมยอย่างโมโห จ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ อู่เหมยไม่กลัวจ้องหน้ากลับ เธอไม่ขี้ขลาดเหมือนในอดีตเลยแม้แต่น้อย เหอปี้อวิ๋นแปลกใจและตกใจมาก เป็นความลึกลับจนรู้สึกว่าน่าหวาดกลัว


เธอรีบหลบสายตา ไม่มองอีกต่อไปแต่หันไปทางจ้าวอิงหนานแทนแล้วหัวเราะพูดว่า “เด็กๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องพูดจามั่วซั่ว พวกเธอเป็นพี่น้องกันก็ต้องรักใคร่กันดีอยู่แล้ว!”


จ้าวอิงหนานหัวเราะเบาๆ พูดอย่างมีความหมายอื่นแฝงอยู่ในคำพูดว่า “จะดีไม่ดีไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน ฉันยอมรับแต่อู่เหมยมาเป็นลูกบุญธรรมของฉัน สำหรับอู่เยวี่ยนั้น เหอปี้อวิ๋น คุณก็เลี้ยงดูฟูมฟักเองเถอะ ฉันคงไม่ไปแย่งกับคุณหรอก!”


เหอปี้อวิ๋นยิ้มค้าง เธอไหนเลยจะคิดว่าจ้าวอิงหนานจะไม่รับน้ำใจเช่นนี้ ไม่ไว้หน้ากันเธอเลยสักนิด พูดแบบนี้จะให้เธอตอบรับอย่างไร?


จ้าวอิงหนานไม่รอเธอรับคำ ก็พูดต่ออีกว่า “ดังนั้นพวกเราต่างคนต่างคิด เหมยเหมยเรียกฉันว่าแม่บุญธรรม อู่เยวี่ยก็ให้เรียกฉันว่าน้าจ้าวหรืออาจารย์จ้าวได้ทั้งหมด แค่อย่าเรียกแม่บุญธรรม แบบนั้นจะทำให้สับสนได้ง่ายน่ะ”


……………………………………………..


ตอนที่ 236 อย่าทำให้แม่ของพวกเราเสียหน้า


คำพูดของจ้าวอิงหนานไม่มีความปรานี ทำให้อู่เจิ้งซือและเหอปี้อวิ๋นถึงกับหน้าเสีย แค่จะยิ้มยังฝืนยิ้มออกมาไม่ได้ อู่เจิ้งซืออดกลั้นความไม่พอใจ พูดเสียงหนักว่า “อาจารย์จ้าวพูดก็ถูก เดิมทีก็คนละคนกัน ปี้อวิ๋นเธอไม่รู้ระเบียบกฏเกณฑ์ ทำให้พวกคุณเขาหัวเราะเยาะแล้ว”


“ไม่เป็นไร ในบ้านมีคนรู้กฏเกณฑ์ก็ดี แต่ว่าอาจารย์อู่หลังจากนี้คุณควรจะอบรมสั่งสอนอาจารย์เหอ อย่าให้คนอื่นเขาหัวเราะเยาะเอาได้นะ” จ้าวอิงหนานพูดอย่างไม่เกรงใจเป็นอย่างมาก พูดเหน็บแนมเหอปี้อวิ๋นจนไม่มีอะไรดีเหลือในตัวสักอย่าง


ผู้หญิงคนนี้ เธอเองก็มองแล้วไม่เข้าตาตั้งแต่แรก เดิมก็เป็นภรรยาที่หยาบคาย ความรู้ตื้นเขิน ฟุ้งเฟ้อ หัวสูง โง่เขลา ชอบจงใจแกล้งทำเป็นสวยมีระดับฐานะสูงส่ง เป็นภรรยาตัวอย่างที่สูงค่า ถุย! ต่อให้ตือโป๊ยก่ายจะเสียบต้นหอมให้จมูกยาวยังไงก็ไม่กลายเป็นช้างหรอกนะ ไม่ต่างกับเหอปี้อวิ๋นที่เจตนาเสแสร้งทำตัวเหนือคนทั่วไปไม่หยุด ดูไม่น่ามองเลยจริงๆ


สีหน้าของเหอปี้อวิ๋นเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวซีด ผิวหน้าของเธอยังไม่หนาระดับมีดปืนฟันแทงไม่เข้า พอโดนจ้าวอิงหนานกระแทกแดกดันถากถางเยาะเย้ยติดกันเช่นนี้ เธอจะรับไหวที่ไหน คิดแค่อยากจะหารอยแยกที่พื้นมุดลงไป


อู่เจิ้งซือยิ่งรู้สึกทนไม่ได้ ถึงแม้เหอปี้อวิ๋นจะทำไม่ถูก แต่จ้าวอิงหนานตบหน้าต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ยิ่งทำให้เขาเกิดความรู้สึกไม่พอใจ ถ้าไม่ใช่เพราะอำนาจทรัพย์สินบ้านพ่อแม่ของจ้าวอิงหนานล่ะก็ เขาก็จะสามารถเป็นปรปักษ์ได้ทันที ไม่สนการผูกญาตินี่แล้ว


จ้าวอิงหนานโกรธแทนอู่เหมยออกมาอย่างเต็มที่มาก จิตใจก็สบายขึ้นเยอะ หัวเราะพร้อมกับอำลาอู่เจิ้งซือ พ่อสยงหันไปทางอู่เจิ้งซือหัวเราะปลอบใจ พูดเสียงเบาว่า “อิงหนานของผมก็เป็นพวกนิสัยไม่ค่อยดี อาจารย์อู่อย่าถือสาเธอเลยนะ!”


อู่เจิ้งซือยิ้มออกมานิดหน่อย แสดงออกถึงท่าทีของเขา สยงมู่มู่จับพ่อของตัวเองเอาไว้ พูดอย่างไม่อดทนว่า “แม่ก็ไม่ได้พูดอะไรผิด แม่ของพวกเราไหนเลยที่จะให้ใครที่ไหนก็ได้มาเรียกแม่บุญธรรมมั่วๆ ซั่วๆ? พ่อก็อย่าทำให้แม่ของพวกเราเสียหน้า!”


อันที่จริงครอบครัวนี้ก็เดินไปไกลหลายเมตรแล้ว แต่เสียงดังของสยงมู่มู่นั้นสะท้อนกลับมาให้ได้ยินอย่างขัดเจน บนระเบียงทางเดินอู่เยวี่ยที่กำลังหุงข้าวอยู่นั้น เลือดฝาดบนใบหน้านั้นหายไปอย่างรวดเร็ว อดรนทนไม่ไหว ปิดหน้าวิ่งถลาเข้ามา หันไปตวาดใส่เหอปี้อวิ๋น!


“ต้องโทษแม่ทั้งหมด ใครให้แม่พูดคำพูดพวกนั้น แม่ทำให้หนูขายขี้หน้าหมดแล้ว!”


พลาดท่าเสียทีเรื่องสอบประจำเดือนบวกกับการเหน็บแนมเย้ยหยันของจ้าวอิงหนานและสยงมู่มู่ ปมประสาทของอู่เยวี่ยก็ขาดผึงทันที พลันร้องไห้คร่ำครวญขึ้นมา


เหอปี้อวิ๋นปวดใจเป็นอย่างมาก หันไปทางอู่เยวี่ยขอโทษซ้ำๆ ลักษณะท่าทางอ่อนน้อมเอาใจ อู่เยวี่ยไม่สนเธอเลยสักนิด เอาแต่โทษเธออย่างต่อเนื่อง


“เป็นความผิดของแม่ทั้งหมด สอบประจำเดือนถ้าไม่ใช่เพราะเนื้อเน่าๆ ของแม่ หนูก็ไม่มีทางสอบได้ห่วยขนาดนี้หรอก ตอนนี้ยังจะทำให้หนูไม่มีหน้าต่อสยงมู่มู่ตรงนั้นอีก ถ้าหากว่าสยงมู่มู่ไปโรงเรียนแล้วเอาไปพูด เพื่อนๆ นักเรียนจะต้องหัวเราะเยาะหนูแน่ๆ หนูจะไปเรียนได้ยังไง?”


เหอปี้อวิ๋นรู้สึกผิดจนปวดใจอีกครั้ง ที่มากกว่านั้นคือรู้สึกเสียใจ ที่จริงแล้วก็เป็นความผิดของเธอ ทำร้ายเยวี่ยเยวี่ยจนสอบผิดพลาด อีกทั้งยังทำให้เธอขายหน้าต่อหน้าเพื่อนนักเรียนอีก เฮ้อ! ระยะนี้เรื่องราวทั้งหลายทั้งแหล่ไม่ราบรื่นเลยจริงๆ!


อู่เหมยมองดูการแสดงละครโศกของสองแม่ลูกอย่างเงียบๆ หน้าไม่แสดงออกใดๆ นี่แค่เริ่มต้นเองนะ!


แค่ไม่รู้ว่าถ้าอู่เยวี่ยไม่โดดเด่นดีเลิศเหมือนแต่ก่อนแบบนั้นแล้ว หัวใจความเป็นแม่ของเหอปี้อวิ๋นยังจะสามารถเสมอต้นเสมอปลายได้อยู่ไหม?


“พ่อคะ พ่อหิวแล้วล่ะสิ? หนูไปทำข้าวกลางวันนะคะ”


อู่เหมยไม่อยากดูอีกต่อไป ท้องก็เริ่มประท้วงแล้ว ตอนบ่ายเธอยังต้องไปห้องเรียนเยาวชนเพื่อเข้าเรียนอีก ไม่มีเวลาว่างมาดูสองแม่ลูกคู่นี้แสดงละครหรอกนะ


ท้องของอู่เจิ้งซือนั้นหิวตั้งนานแล้ว เพราะตอนนี้ก็เลยเวลาเที่ยงมาตั้งนานแล้ว เขามองไปที่เหอปี้อวิ๋นอย่างไม่พอใจ แม้กระทั่งอู่เยวี่ยก็ตำหนิด้วย สอบได้ไม่ดีก็เอาแต่ตำหนิคนอื่น ไม่รู้จักหาสาเหตุจากตนเองก่อน นี่ไม่ใช่นิสัยที่ดีเลย


ที่สำคัญคือ แต่ไหนแต่ไรมาอู่เยวี่ยไม่เคยทำกับข้าวให้คนที่เป็นพ่ออย่างเขาเลย กลับกันอู่เหมยยังเป็นห่วงว่าเขาจะหิวไม่หิว อีกทั้งอู่เหมยสองเดือนนี้ปฏิกิริยา อารมณ์ และการกระทำก็ไม่เลวเป็นอย่างยิ่ง ลำดับความพอใจของอู่เจิ้งซือที่มีต่อเธอก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ตาชั่งในใจของอู่เจิ้งซือเอนเอียงไปทางอู่เหมยโดยไม่รู้ตัว


……………………………………………..


ตอนที่ 237 ชำระความในเวลาที่เหมาะสม


อู่เหมยนำข้าวที่อู่เยวี่ยซาวไว้แล้วเทออกมาครึ่งหนึ่ง นำกะละมังมาแช่ไว้ ใส่น้ำลงในเตาหุงต้ม และนำปลาที่เหอปี้อวิ๋นซื้อกลับมาขอดเกล็ดปลาออก ลงมือได้อย่างคล่องแคล่วมาก เพียงแต่แผลบวมแดงบนใบหน้านั้นทำให้ขัดตานัก รอยนิ้วมือสีแดงสด มีบางส่วนที่เป็นสีม่วงแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าใช้แรงกำลังมากกว่าคนตีอีก


อู่เจิ้งซือเริ่มขมวดคิ้วอีกครั้ง นึกขึ้นมาได้ก่อนหน้านั้นที่ขายขี้หน้าที่ระเบียงทางเดิน เมื่อกี้ที่เขาเพิ่งจะสงบอารมณ์ลงได้ก็เริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง หันไปทางสองแม่ลูกที่ยังส่งเสียงน่ารำคาญแล้วตวาดว่า “ร้องไห้ไปจะมีประโยชน์อะไร? เยวี่ยเยวี่ยลูกอย่าเอาแต่หาข้อแก้ตัว สอบได้ไม่ดีนอกจากปัจจัยอื่น ก็ต้องมองและวิเคราะห์ปัญหาจากสภาพจริงด้วย แน่นอนว่าสาเหตุหนึ่งก็มาจากตัวของหนูเองที่ชอบยึดเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นหลัก ตอนนี้ที่หนูควรทำก็คือสำรวจข้อผิดพลาดและข้อบกพร่องของตัวเอง หาสาเหตุที่พลาดท่าให้ได้ ไม่ใช่มาร้องไห้สะอึกสะอื้นที่นี่”


ในปากอู่เยวี่ยรู้สึกขมเหมือนอมสมุนไพรก็ไม่ปาน พ่อก็เป็นคนหัวสูงวางท่าแบบนี้ ไม่มีอีกแล้วที่หนึ่งในใจของพ่อ แม้กระทั่งอู่เหมยเธอก็ยังเทียบไม่ได้ ดูสิ ตอนนี้ก็เริ่มชักสีหน้าแล้ว


เหอปี้อวิ๋นไม่พอใจพูดว่า “คุณอู่ เยวี่ยเยวี่ยเธอจะเป็นคนที่ชอบยึดเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นหลักได้ยังไง เธอ…”


“คุณหุบปากเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวผมค่อยมาคิดบัญชีกับคุณ เยวี่ยเยวี่ยกลับห้องไปพิจารณาตัวเอง สอบครั้งต่อไปก็พยายามสอบให้ดี” อู่เจิ้งซือเข้มงวดเด็ดขาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พูดอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น


เหอปี้อวิ๋นเงยหน้ามองไปที่อู่เจิ้งซือ เจอใบหน้าดุร้ายของเขาที่แสดงออกมาว่าจะไม่ทนอีกต่อไปเข้าทำให้ตกใจเป็นอย่างมาก เธอเข้าใจในทันทีว่าอู่เจิ้งซือโมโหแล้ว นี่คือความเงียบก่อนที่พายุฝนจะมาถึง


เธอดันหลังอู่เยวี่ยที่กำลังรู้สึกหดหู่ใจ ให้เธอรีบเข้าห้องไป อู่เจิ้งซือตอนนี้กำลังจะถึงจุดระเบิด ไม่ควรยั่วยุให้เขาโมโห


หลังจากพาอู่เยวี่ยเข้าห้องแล้ว อู่เจิ้งซือให้เหอปี้อวิ๋นไปที่ห้อง หน้าตาเย็นชาตลอดเวลา ทำเอาเหอปี้อวิ๋นจิตใจกระสับกระส่ายร้อนรนอยู่ข้างหลัง ใจเต้นรัวเป็นกลอง อู่เหมยยืนอยู่เงียบๆ ข้างหลัง แอบฟังฟังความเคลื่อนไหวอยู่ที่ช่องประตูจากข้างใน อยากรู้ว่าอู่เจิ้งซือจะจัดการสั่งสอนเหอปี้อวิ๋นอย่างไร


วันนี้เธอก่อความวุ่นวายอู่ข้างนอกแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรอู่เจิ้งซือเป็นคนรักหน้าตาอยู่แล้ว เขาไม่โมโหสิถึงจะแปลก!


อู่เจิ้งซือมองเหอปี้อวิ๋นที่ก้มหน้าไม่พูดไม่จาอย่างเย็นชา ในสายตามีความรังเกียจเล็กน้อย แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่ทันได้สังเกตถึง


ความจริงแล้วความรู้สึกที่เขามีให้กับเหอปี้อวิ๋นไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมาก ตอนนั้นมีคนแนะนำผู้หญิงให้เขาเยอะมากทั้งหน้าตาที่ล้ำเลิศ พื้นฐานความรู้ก็สูงมาก แต่เขากลับไม่หลงรัก เขากลับมองแค่คนคนนั้น


ตกหลุมรักแรกพบ!


แต่เธอไม่ชอบเขา เธอชอบผู้ชายอีกคน แต่ตัวเขาเอง แม้กระทั่งบอกรักก็ยังไม่เคยบอก เธอก็แต่งงานกับผู้ชายอีกคนไปแล้ว เขาจึงทำได้แค่นำความรักนี้เก็บซ่อนไว้ลึกสุดใจ


ส่วนเหตุผลที่ทำไมแต่งกับเหอปี้อวิ๋น เพราะว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นลูกพี่ลูกน้องของคนๆ นั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพวกเมื่อรักใครแล้วก็จะรักสิ่งหรือคนที่เกี่ยวข้องกับคนคนนั้นหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพราะอยากจะปลอบใจตัวเอง ตัวเขาเองก็ยังพูดได้ไม่แน่ชัด


สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ท่าทางการแสดงออกของเหอปี้อวิ๋นก็เรียกได้ว่าไม่เลว ระหว่างสามีภรรยาก็ไม่มีอะไรให้เขินอาย ถึงแม้จะไม่นับว่าเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวดูดดื่มอะไร แต่ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่สองเดือนนี้เหอปี้อวิ๋นยิ่งนานวันยิ่งทำให้ระดับความน่าพอใจน้อยลงมามาก


หยาบคายอย่างยิ่ง ไม่สุภาพเรียบร้อย ไม่รู้จักหลักการสำคัญ…


เมื่อก่อนทำไมเขาถึงไม่ค้นพบว่าตัวเหอปี้อวิ๋นนั้นมีข้อบกพร่องมากมายขนาดนี้?


เหอปี้อวิ๋นโดนอู่เจิ้งซือมองจนหวาดกลัวอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทำได้แค่ควักเอาความกล้าหาญออกมาแล้วพูดว่า “คุณอู่ คุณเรียกฉันเข้ามามีอะไร?”


อู่เจิ้งซือขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดที่ตรงไหนอีก โฉดเขลาเบาปัญญาจริงๆ


“เหอปี้อวิ๋น คุณกำลังแกล้งโง่ใส่ผมหรือว่าโง่จริง? ผมอธิบายคุณครั้งแล้วครั้งเล่าว่า สั่งสอนลูกต้องให้เหตุผลก่อน ถ้าไม่สุดวิสัยจริงๆ อย่าลงมือ คุณกลับทำหูทวนลมกับคำพูดของผม เหอะ! เหอปี้อวิ๋น ในเมื่อคุณเก่งกล้าสามารถขนาดนี้ งั้นวันหลังเงินเดือนของคุณก็เอาออกมาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านออกคนละครึ่งด้วยแล้วกัน”


อู่เจิ้งซือรู้ลึกถึงหลักการตีงูเจ็ดนิ้ว สำหรับเหอปี้อวิ๋นแล้ว นอกจากเงินก็ไม่มีอะไรที่จะบีบบังคับเธอได้อีกแล้ว


…………………………………………………


ตอนที่ 238 เจ็บเหมือนเสียคนรักไป


เหอปี้อวิ๋นตกใจจนหน้าซีด มองอู่เจิ้งซืออย่างไม่กล้าที่จะเชื่อ “คุณอู่ เมื่อก่อนคุณไม่ได้บอกว่า เงินเดือนของฉัน ให้ฉันใช้ตามใจยังไงก็ได้ไม่ใช่หรือคะ?”


อู่เจิ้งซือส่งเสียงเย็นชาออกทางจมูก “เมื่อก่อนผมก็บอกให้คุณสอนลูกด้วยเหตุผลและกฏเกณฑ์เหมือนกัน ทำไมคุณถึงไม่ฟัง? ผมก็ขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับคุณแล้ว เดือนหน้าผมจะเริ่มให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของคุณสี่สิบหยวน ค่าใช้จ่ายในบ้านคนละครึ่ง ส่วนสิ่งของที่ใช้ในบ้านถ้าหากมีอะไรลดลงละก็ เปลี่ยนผมมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทน ส่วนคุณก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว”


พูดจบเขาก็ไม่มองเหอปี้อวิ๋นที่หน้าตาเศร้าหมองอย่างที่สุด กลับนั่งลงเขียนรายงาน อีกเดี๋ยวก็จะไปกินข้าว เขายังต้องไปหาท่านผู้เฒ่าเหยียนพูดเรื่องผูกญาติ พรุ่งนี้ยังต้องเริ่มทำพิธีผูกญาติกับบ้านตระกูลสยงอีก เขาควรรีบหาโอกาสเขียนรายงานเล่มนี้ เพราะได้คุยกับสำนักพิมพ์ผู้จัดพิมพ์หนังสือไว้นานแล้ว ถ้ายังไม่ส่งอีกก็จะผิดคำพูดจนเสียความน่าเชื่อถือได้


ไม่ง่ายเลยกว่าเหอปี้อวิ๋นจะสงบลงมา พยายามบังคับให้ตัวเองไม่โมโห บ้านพ่อแม่ของเธอไม่มีกำลังที่จะช่วย สู้อู่เจิ้งซือไม่ได้อย่างสิ้นเชิง เรื่องเงินเดือนเธอควรจะคิดหาหนทางพูดเกลี้ยกล่อมอู่เจิ้งซือถึงจะถูก เงินเดือนของเธอหนึ่งเดือนมีแค่ห้าสิบหกหยวนแปดเจี่ยว หักไปสี่สิบหยวนยังจะเหลือใช้เท่าไรกัน?


อีกทั้งตอนนี้มาตรฐานในการดำรงชีวิตในบ้าน หนึ่งเดือนแปดสิบหยวนเดิมทีก็เหลือไม่เยอะ เธอคิดจะยักยอกเงินก็ทำไม่ได้ ที่สามารถเหลือไว้ก็เป็นเงินเดือนอันน้อยนิดที่น่าสงสารของเธอก้อนนั้น


แต่ว่าสิบกว่าหยวนนั้นจะสามารถทำอะไรได้?


เธอกลับบ้านแม่ยังต้องใช้จ่ายมากสิบกว่าหยวนอีก!


ยังมีโทรศัพท์กับตู้เย็นของเธออีก ถ้าเรื่องนี้เป็นไปแบบนี้อย่างไม่มีกำหนดจะยิ่งแย่ แต่ไหนแต่ไรมาอู่เจิ้งซือก็ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ เงินที่เขาควักออกมาใช้จ่ายมากหน่อยก็ใช้ไปกับหนังสือไร้สาระ ถึงแม้ว่าบ้านจะยากจนข้นแค้นแต่ไหนก็ตาม เขาก็คงจะไม่แม้แต่ขมวดคิ้ว


“คุณอู่ พวกเรามีอะไรก็พูดกันดีๆ คุณอย่าเอาเรื่องเงินเดือนมาเป็นเรื่องได้ไหม?” เหอปี้อวิ๋นพยายามพูดด้วยดีๆ


 “เรื่องนี้ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าเป็นแบบนี้แหละ คุณออกไปเถอะ อย่าอยู่ตรงนี้รบกวนผม” อู่เจิ้งซือไม่อดทนพลันโบกมือไล่


เหอปี้อวิ๋นมีลมหายอัดแน่นอยู่เต็มอก จ้องเขม็งมองที่หลังของอู่เจิ้งซืออย่างโมโห กัดปากอย่างเอาเป็นเอาตาย นานมากถึงออกจาห้องไปอย่างไม่ยินยอม เวลานี้อู่เจิ้งซือกำลังอารมณ์เสีย รอเขาอารมณ์เย็นลงค่อยพูด เงินเดือนของเธอถึงยังไงก็ไม่สามารถใช้จ่ายในบ้านได้อย่างเด็ดขาด


เมื่อก่อนตอนเธออยู่บ้านแม่ เธอเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ที่ไม่สะดุดตา คนที่ทุกคนชื่นชมก็เป็นนังสารเลวนั่น ก็ไม่รู้ว่านังนั่นเป็นตายร้ายดียังไง ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด เธอเหอปี้อวิ๋นได้แต่งงานอย่างดีที่สุด สภาพการเงินก็มีฐานะดีที่สุด เมื่อก่อนลูกพี่ลูกน้องพวกนั้นที่ดูถูกเธอไว้ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอิจฉาริษยาเธอมากแค่ไหน!


ถ้าในมือไม่มีเงิน จะยังยืดหลังให้ตรงได้อย่างไร?


สายตาของพี่น้องที่บ้านเธอทั้งอิจฉาริษยาคับแค้นใจนั้น เธอยังจะได้เห็นอีกไหม?


ดังนั้นเงินเดือนก้อนนี้เธอจะให้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ถึงยังไงอู่เจิ้งซือก็เป็นพวกหูเบาเชื่อคนง่าย เธอพูดดีๆ ไม่กี่ประโยค จะต้องเปลี่ยนความคิดของอู่เจิ้งซือได้แน่นอน เหอปี้อวิ๋นมีความเชื่อมั่นเต็มร้อย


แต่ที่เธอไม่รู้ก็คือ ครั้งนี้อู่เจิ้งซือตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ลมปากของเธอคงจะใช้การไม่ได้แล้วล่ะ!


อู่เหมยแอบย่องมาที่ระเบียงทางเดินตั้งนานแล้ว ก่อนที่เหอปี้อวิ๋นจะออกมา มองเหอปี้อวิ๋นที่หน้านิ่วคิ้วขมวด เธอกลับมีความสุขมาก ความเจ็บบนใบหน้าก็ดีขึ้นมาหน่อย ต้องสั่งสอนเหอปี้อวิ๋นอย่างรุนแรงแบบนี้แหละ


ยังมีอู่เยวี่ย เมื่อสักครู่สยงมู่มู่ทำให้เธอฮึดสู้มาก ก็ไม่รู้ว่าสอบครั้งนี้อู่เยวี่ยสอบได้ที่เท่าไร ดูแล้วเหมือนว่าแม้กระทั่งสามอันดับแรกก็คงสอบไม่ได้!


ฮ่าๆ ฉิวฉิวนี่เป็นดาวนำโชคของเธอจริงๆ วันหลังทุกครั้งที่มีการสอบก็ใส่วัตถุดิบให้อู่เยวี่ยนิดหน่อย อันดับหนึ่งเธอก็อย่าคิดอย่าฝันว่าจะได้มาเลยตลอดชีวิต ก็เหมือนที่ป้าจ้าวพูด ควรจะให้อู่เยวี่ยได้เรียนรู้คุ้นเคยกับความพ่ายแพ้บ้าง!


พอคิดถึงจ้าวอิงหนาน กระแสไออุ่นล้นทะลักเข้ามาในใจของอู่เหมย อดไม่ได้ที่จะลูบคลำใบหน้าของตัวเอง เธอกับจ้าวอิงหนานหน้าตาเหมือนกันหรือ?


ทำไมตัวเธอเองไม่รู้สึกล่ะ?


ถ้าสมมติว่าจ้าวอิงหนานเป็นแม่ของเธอจริงๆ คงจะดีมาก!


…………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)