ยอดหญิงสกุลเสิ่น 230.3-231.1

ตอนที่ 230-3 ฉีกหน้าจนถึงที่สุด!

 

พระชายาจิ้นอ๋องชูมีดฉับพลันคิดอยากจะทรมานเสิ่นเวย แต่นางไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของเสิ่นเวย ไม่เห็นหรือว่า พระชายาจิ้นอ๋องโยนหินใส่เท้าตัวเองอีกแล้ว ทรมานเสิ่นเวยไม่ได้ กลับทรมานตัวเองจนซีดเซียวเป็นอย่างยิ่ง อ้อ คนที่ซีดเซียวเหมือนกันยังมีหวาเยียนกับหวาอวิ๋น ในดวงตาคนทั้งสองนี้เต็มไปด้วยเส้นเลือด ร่างซวนเซ ท่าทางอ่อนแรงคล้ายในไม่ช้าก็จะยืนไม่อยู่แล้ว เสิ่นเวยเห็นแล้วก็สงสารพวกนางยิ่งนัก


 


 


จากนั้นจึงมองสาวใช้ลั่วเหมยของตัวเอง นอกจากคนจะดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย สภาพก็ยังดีกว่าหวาเยียนหวาอวิ๋นหลายร้อยเท่า แม้จะเป็นเช่นนี้เสิ่นเวยก็ยังเสียใจ ลั่วเหมยเด็กคนนี้ดูตัวสูง แต่ความจริงแล้วยังเหลืออีกสองเดือนก็เพิ่งจะอายุครบสิบสาม ยังเป็นเด็กอยู่เลย อยู่ในวัยเจริญเติบโตจำเป็นต้องนอนหลับให้เพียงพอ อดนอนเป็นเพื่อนตนทั้งคืน มันช่าง…เฮ้อ!


 


 


“เจ้าคงเหนื่อยแย่เลย เด็กดี กลับไปจะเพิ่มเงินเดือนให้เจ้า” เสิ่นเวยตบบ่าลั่วเหมยรับปาก


 


 


ทว่าลั่วเหมยกลับยิ้มอย่างซื่อๆ ในดวงตามีความดีใจ “ฮูหยิน บ่าวไม่เหนื่อยแม้แต่นิดเดียว” นางพูดความจริง ตอนที่อยู่ในบ้าน พ่อแม่รักน้องชายคนเล็กมากกว่า งานทั้งหมดล้วนเป็นพวกนางสามพี่น้องที่ทำ กินไม่อิ่ม เสื้อผ้าไม่อุ่น ฟ้ายังไม่สางก็ตื่นขึ้นมาทำงานแล้ว ฤดูหนาวหนาวจัดที่ทำให้คนหนาวตายได้ก็ยังต้องไปซักเสื้อผ้าในแม่น้ำ เป็นเช่นนี้พ่อแม่ก็ยังไม่พอใจยังต้องเฆี่ยนตีดุด่า


 


 


ภายหลังพ่อหกล้มขาหัก น้องชายคนเล็กก็ถูกลมเย็น แม่นางก็ขายพวกนางสามพี่น้องทั้งหมด พี่สาวสองคนอายุมากหน่อย ถูกนายซื้อไปแต่เนิ่นๆ แล้ว เพราะว่านางอายุน้อยกว่า อีกทั้งช่วงวัยเจริญเติบโตก็กินไม่พอ ตัวเล็กผอมซูบ ตลอดมาก็ไม่สามารถขายออกได้ นายทุนรังเกียจนาง ทุกวันให้กินเพียงขนมปังหน้าไหม้หนึ่งชิ้น ซ้ำยังให้นางทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำ ไม่นานนักก็ป่วย ป่วยจนใกล้ตาย นายทุนตัดใจเชิญหมอให้นางไม่ได้ จึงโยนนางลงในทุ่งหญ้า


 


 


หากไม่ใช่ฮูหยินบังเอิญผ่านมาเก็บนางกลับมา นางก็คงจะตายไปนานแล้ว


 


 


ฮูหยินเชิญหมอมาให้นาง จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อแย่งชีวิตนี้ของนางกลับมาจากพญายม นับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของนางก็ราวกับภาพฝัน มีเสื้อผ้าอย่างดี กินดี ซ้ำยังได้เงินเดือน ทุกวันทำเพียงแค่งานเล็กๆ น้อยๆ เพียงนั้น และยังไม่ตีคนด่าคน มิหนำซ้ำยังได้รับบำเหน็จบ่อยครั้ง เพียงแค่หนึ่งปีส่วนสูงของนางก็ค่อยๆ พุ่งพรวดขึ้นไป ใบหน้าก็ขาวแล้ว หน้าตาก็งดงามแล้ว แตกต่างกับเด็กผู้หญิงชนบทที่ป่วนจนใกล้ตายผู้นั้นราวฟ้ากับเหว


 


 


แม่นมกู้ที่สั่งสอนกฎระเบียบพวกนางมักจะพูดอยู่บ่อยๆ เป็นบ่าวรับใช้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความจงรักภักดี อย่าลืมว่าใครให้พวกเจ้ามีชีวิตที่ดีเช่นนี้


 


 


คนอื่นจะคิดอย่างไรนางไม่รู้ แต่นางกลับรู้ว่าฮูหยินมอบชีวิตใหม่ให้นาง ชั่วชีวิตนี้ของนางแม้ว่าจะตายก็ไม่อาจทรยศฮูหยินได้ ดังนั้นนางจึงพยายามทำงานอย่างสุดความสามารถ เรียนรู้กฎระเบียบจากพี่สาวทั้งหลาย หวังว่าตนเองจะมีประโยชน์ขึ้นบ้าง หากมีประโยชน์ขึ้นบ้าง เช่นนี้ก็จะสามารถรับใช้อยู่ข้างกายฮูหยินได้แล้ว


 


 


เป็นดังคาด ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น เพราะว่านางเรียนรู้ไวเชื่อฟังกฎระเบียบ พี่หลีฮวาจึงเลือกนางเข้ามาในกลุ่มสาวใช้ชั้นรอง ในที่สุดนางก็ได้เห็นฮูหยินทุกวันทุกเวลาแล้ว วันนั้นนางดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน คุกเข่าหน้าเตียงกราบไหว้นอกหน้าต่างซ้ำๆ


 


 


เมื่อวานฮูหยินเลือกนางมารับใช้ นางดีใจแทบแย่ ก็แค่อดนอนทั้งคืนมิใช่หรือ สบายยิ่งกว่างานในบ้านทั้งวันเสียอีก


 


 


“เด็กโง่!” เสิ่นเวยลูบศีรษะของลั่วเหมยพลางหัวเราะ


 


 


ส่วนในใจหวาเยียนกับหวาอวิ๋นก็ไม่พอใจยิ่งขึ้นแล้ว


 


 


เสิ่นเวยรู้สึกว่าพระชายาจิ้นอ๋องจะต้องมีแนวโน้มเป็นมาโซคิสม์แน่นอน มิเช่นนั้นเสียเปรียบนางสามครั้งแล้วเหตุใดถึงไม่รู้จักจำบทเรียนเล่า สามคืนติดกันพระชายาจิ้นอ๋องล้วนแต่ไม่สมปรารถนา แต่นางคล้ายเป็นศัตรูกับเสิ่นเวยแล้ว รบทุกครั้งแพ้ทุกครั้ง ไม่เห็นหรือว่า สั่งสาวใช้มาเชิญนางไปดูแลอีกแล้ว


 


 


เสิ่นเวยกลับไม่ได้สนใจ นางเพียงแค่เปลี่ยนที่นอนหลับก็เท่านั้นเอง นางไม่ถือสาทรมานจิ้นหวังอีกหลายรอบ แต่ก็เป็นห่วงว่าหากพระชายาจิ้นอ๋องบังเอิญทรมานจนชีวิตหาไม่ขึ้นมาจะทำอย่างไร ผู้ที่เป็นลูกเลี้ยงคล้ายกับว่าจะต้องไว้ทุกข์ใช่หรือไม่ เมื่อคิดถึงว่าต้องไว้ทุกข์ให้ปีศาจเฒ่าผู้นั้น ในใจเสิ่นเวยก็สะอิดสะเอียนอย่างถึงที่สุด


 


 


สวีโย่วหมดความอดทนนานแล้ว เขาแต่งภรรยาแล้วแต่กลับต้องอยู่คนเดียวในห้องว่างๆ หมายความว่าอย่างไร ปีศาจเฒ่าผู้นั้นสร้างความหงุดหงิดใจให้เขาทุกวัน หากไม่ใช่เสิ่นเวยห้ามเขาไว้อย่างสุดชีวิตเขาก็คงจะพุ่งไปทุบเรือนของพระชายาจิ้นอ๋องนานแล้ว


 


 


เช้าตรู่วันนี้ พระชายาจิ้นอ๋องที่ทรมานตัวเองทั้งคืนอีกครั้งก็ทนต่อไปไม่ได้แล้วเช่นกัน คว้าหมอนหยกบนเตียงขึ้นมาขว้างไปยังเสิ่นเวย บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “เสิ่นซื่อ เจ้ามันจิตใจดำ เจ้ามาดูแลคนป่วยหรือว่ามายั่วโมโหให้ข้าตาย ข้ายังคิดว่าเจ้าเป็นคนดี ดูสิหางจิ้งจอกโผล่ออกมาแล้ว”


 


 


เสิ่นเวยไม่คิดว่าจู่ๆ พระชายาจิ้นอ๋องจะก่อกบฏ รู้สึกเพียงแค่มีของบางอย่างร้องคำรามมาทางตน การตอบสนองของร่างกายเร็วกว่าสมอง หลบไปข้างๆ ด้วยความว่องไว หมอนหยกกระแทกลงบนกำแพงอย่างพนักหน่วง เสิ่นเวยเห็นชัดเจว่าสิ่งที่ปาเข้ามาคือหมอนหยก ดวงตาก็มีความแหลมคมแวบผ่าน พระชายาจิ้นอ๋องคิดจะเอาชีวิตของนาง โชคดีที่เป็นนาง หากเป็นสตรีทั่วไป หมอนหยกใบนี้กระแทกศีรษะ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต


 


 


สบสายตาที่เย็นยะเยือกของเสิ่นเวย ลูกตาดำในดวงตาพระชายาจิ้นอ๋องก็หดเล็กลง แต่กลับยังคงแข็งคอเอ็ดตะโร “ทำไม ข้าพูดผิดหรือ ทิ้งแม่สามีที่ป่วยไม่ดูแล ตนนอนหลับสบายใจ เจ้าเสิ่นซื่อดูแลข้าเช่นนี้หรือ”


 


 


เสิ่นเวยหัวเราะเยาะหนึ่งครา ทันใดนั้นบนใบหน้าก็มีความโมโหและความเสียใจปรากฎขึ้น “ที่แท้แล้วเสด็จแม่ก็เกลียดชังลูกเช่นนี้! ในที่สุดเสด็จแม่ท่านก็พูดความในใจออกมาแล้วไม่ลวงหลอกลูกอีกแล้วใช่หรือไม่ ท่านมีเรี่ยวแรงทำร้ายลูก ดูท่าแล้วอาการป่วยนี้จะเสแสร้งกระมัง ลูกอุส่าวิ่งมาดูแลท่าน อดหลับอดนอนคืนแล้วคืนเล่า ท่านยังมีอะไรไม่พอใจอีก เสด็จแม่ ท่านต้องการจะเอาเปรียบลูกจนตายหรือ ท่านไม่ชอบลูกก็พูดมาได้ตรงๆ ลูกรับรองว่าจะไม่มาขวางหูขวางตาท่าน แต่ท่านทรมานลูกเช่นนี้เพื่ออะไร! อย่างไรเสียลูกก็เป็นจวิ้นจู่ที่ฝ่าบาททรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ ท่านจะให้ลูกมีหน้าอยู่ได้อย่างไร” เสิ่นเวยพูดเสียงดังปิดปากเดินออกไปข้างนอก


 


 


เพิ่งจะเดินออกจากระเบียงทางเดิน ตรงหน้าก็บังเอิญเจอกับจิ้นอ๋อง เสิ่นเวยกลอกตา น้ำตาไหลรินนองหน้า สะอื้นไห้กล่าว “เสด็จพ่อ ลูกดูแลเสด็จแม่ที่ป่วย อดนอนห้าคืนเต็มๆ ห้าคืนเชียว! ไหนเลยจะรู้ว่าเสด็จแม่แกล้งป่วย เพียงเพื่อที่จะทรมานลูก นาง เมื่อครู่นางไม่เพียงแต่ด่าลูก ซ้ำยังคว้าหมอนหยกปาใส่ลูก ชัดเจนว่าต้องการจะบีบบังคับให้ลูกตาย! ลูกไม่มีหน้าจะอยู่ต่อไปแล้ว” ผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าสับขาวิ่งออกไป เย่ว์กุ้ยก็วิ่งตามอยู่ข้างหลัง “ฮูหยิน ฮูหยินท่านอย่าได้เสียใจไป พระชายาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายท่าน”


 


 


จิ้นอ๋องหน้าเปลี่ยนสี “เร็ว เสี่ยวเฉวียนรีบไปดูฮูหยินใหญ่ อย่าให้นางคิดสั้นเป็นอันขาด”


 


 


บ่าวรับใช้รีบวิ่งตามไปแล้ว จิ้นอ๋องขมวดคิ้วมุ่น กระทืบเท้าเดินไปข้างใน


 


 


หากจะบอกว่าจิ้นอ๋องมาได้อย่างไร นี่ยังต้องให้อู๋ซื่อเป็นคนบอก ทุกวันตอนเช้าพระชายาจิ้นอ๋องล้วนแต่มีสภาพอ่อนระโหยโรยแรงอย่างยิ่ง หนึ่งคืนบอกว่าหลับไม่ดียังพูดได้ ไหนเลยจะนอนหลับไม่สนิททุกคืน


 


 


อู๋ซื่อเกิดความสงสัย เรียกหวาเยียนหวาอวิ๋นมาไต่ถาม หวาเยียนกับหวาอวิ๋นเห็นว่าปิดบังไม่ได้ จึงทำได้เพียงอ้ำๆ อึ้งๆ เล่าความจริง เมื่ออู๋ซื่อได้ฟัง แม่สามีเรียกพี่สะใภ้ใหญ่ไปดูแลกลางคืนก็เพื่อที่จะทรมานนาง ชั่วขณะก็ตกใจจนอ้าปากค้าง ท้ายที่สุดก็เหยียดหยามเป็นอย่างมาก


 


 


แม่สามีผู้นี้ของนางตอนแรกเองก็เป็นสตรีสูงศักดิ์ตระกูลดัง เหตุใดอุบายและการมองโลกถึงได้น่ารังเกียจมากขึ้นเรื่อยๆ เล่า โดยเฉพาะทรมานผู้อื่นกลับกลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง นี่จะให้อู๋ซื่อที่มีฐานะเดิมอยู่ในจวนอู๋กั๋วกงมองอย่างไร


 


 


แต่ว่าพระชายาจิ้นอ๋องก็เป็นแม่สามีของนาง แม้ว่านางอยากคิดหาวิธีกลับไม่อาจแสดงออกมาได้ ทำได้เพียงเอ่ยขึ้นต่อหน้าท่านซื่อจื่อสวีเยี่ยอย่างคลุมเครือ ‘เสด็จแม่ป่วยมาหลายวันแล้ว ไม่กี่วันก่อนหมอก็บอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ข้าคิดว่าเสด็จแม่คงจะยังโกรธเสด็จพ่ออยู่ ข้าว่าระหว่างสามีภรรยาไหนเลยจะมีความแค้นข้ามคืนต่อกัน เสด็จแม่อาจจะกลัวเสียหน้า ข้าเป็นสะใภ้ไม่อาจโน้มน้าวมาก ท่านพี่ท่านเป็นลูกชาย ถือโอกาสไปพูดกับเสด็จพ่อสักหน่อย เสด็จแม่ป่วยเช่นนี้ทั้งบ้านต่างก็ไม่สบายใจ พี่สะใภ้ใหญ่ดูแลติดต่อกันห้าคืนแล้ว พี่สามีใหญ่ใช่จะตำหนิหรือไม่’


 


 


สวี่เยี่ยคิดๆ ดูแล้ว หลังไปเยี่ยมพระชายาเสร็จก็ตรงไปพูดกับพ่อเขาที่เรือนนอก ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาพูดกับจิ้นอ๋องอย่างไร สุดท้ายเช้าวันรุ่งขึ้นจิ้นอ๋องก็มาเยี่ยมพระชายาจิ้นอ๋องแล้ว 

 

 


ตอนที่ 231-1 พ่อลูกคุมเชิง

 

ตอนที่จิ้นอ๋องมาถึงในห้องก็กำลังวุ่นวายอลหม่านอยู่ ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ พระชายาจะบันดาลโทสะ ซ้ำยังใช้หมอนหยกปาใส่ฮูหยินใหญ่ กว่าพวกนางจะได้สติกลับมาจากความตื่นตกใจฮูหยินใหญ่ก็วิ่งออกไปแล้ว คิดจะตามไปก็สายแล้ว หรือจะบอกว่าพวกนางไม่กล้าตามไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เห็นหรือว่าพระชายากับฮูหยินใหญ่ต่างก็ฉีกหน้ากันแล้ว พวกนางเป็นสาวใช้ของพระชายา หากไปไล่ตามฮูหยินใหญ่ ตกอยู่ในสายตาของพระชายาใช่จะเป็นการกินบนเรือนขี้บนหลังคาหรือไม่


 


 


พระชายาจิ้นอ๋องเองก็โมโหจนฉุนเฉียว ตบผ้าห่มอย่างแรงสาปแช่งเสียงดัง


 


 


ภาพที่จิ้นอ๋องมองเห็นเป็นสิ่งแรกก็คือหมอนหยกใบนั้นที่ตกอยู่บนพื้น คิดถึงคำพูดของเสิ่นซื่อเมื่อครู่ สีหน้าก็แย่ยิ่งกว่าเดิม เขามองไปบนเตียง หวาเยียนหวาอวิ๋นกำลังล้อมพระชายาเกลี้ยกล่อมอยู่


 


 


“ท่านอ๋อง!” ยังคงเป็นหวาอวิ๋นที่สังเกตเห็นจิ้นอ๋องก่อน ร้องอุทาน รีบทำความเคารพ “บ่าวเคารพท่านอ๋อง” สาวใช้คนอื่นๆ ก็พากันโค้งคำนับ


 


 


พระชายาจิ้นอ๋องมองเห็นจิ้นอ๋องที่ยืนมือไพล่หลังอยู่หน้าประตู ตกใจเช่นกัน หลังจากนั้นความรู้สึกต่างๆ นานาก็จู่โจมหัวใจ “ท่านอ๋อง ในที่สุดท่านก็มาดูข้าแล้วหรือ”


 


 


น้ำเสียงที่เสียใจนั้นทำให้ความทุกข์ทั่วทั้งใจของจิ้นอ๋องหายไปเล็กน้อย นึกได้ว่าเย็นชาต่อนางมาหลายวันแล้ว ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “ป่วยแล้วก็รักษาตัวดีๆ ทรมานตนทำไม”


 


 


เมื่อพระชายาจิ้นอ๋องได้ยินคำพูดนี้ ก็น้อยใจขึ้นมาทันที “ท่านอ๋องยังจำได้อีกหรือว่าข้าป่วย ข้ายังคิดว่าท่านอ๋องโกรธข้า ไม่ยอมเจอหน้าข้าแล้วเสียอีก”


 


 


จิ้นอ๋องถอนหายใจอีกครั้ง แต่ไหนแต่ไรซ่งซื่อหยิ่งในศักดิ์ศรี ตั้งแต่ยังไม่แต่งงานก็ทะนงตน เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้เมื่อไรกัน อดนึกถึงความรักในวันวานไม่ได้ ก้าวเท้าเดินเข้ามาแล้ว


 


 


“พระชายาจ้าเป็นอะไรไป” จิ้นอ๋องเห็นใบหน้าของพระชายาชัดเจน ชั่วขณะก็ตกใจอย่างยิ่ง เพียงแค่ไม่กี่วันสั้นๆ ที่ไม่ได้เจอ พระชายาที่สุขุมสูงศักดิ์เหตุใดถึงแก่ลงมากเพียงนี้ ราวกับหญิงชราที่อายุครึ่งร้อย


 


 


จากนั้นจึงหันหน้าตำหนิสาวใช้ “พวกเจ้ารับใช้พระชายากันอย่างไร พระชายาป่วยหนักเช่นนี้แล้วเหตุใดถึงไม่รายงานให้ข้าทราบ เชิญหมอท่านใดมา เรียกหมอหลวงมาแล้วหรือยัง” ส่วนที่เสิ่นเวยบอกว่าพระชายาแกล้งป่วย คาดว่าเขาคงไม่ได้ยินอย่างสิ้นเชิง หรือไม่เขาก็ได้ยินแต่ไม่เชื่อ อันที่จริงหน้าใบนี้ของพระชายาจิ้นอ๋องมองดูก็รู้แล้วว่าป่วยหนัก


 


 


หวาเยียนหวาอวิ๋นและสาวใช้คนอื่นๆ คุกเข่ายอมรับผิดทันที “บ่าวสมควรตาย เป็นความผิดของบ่าวทั้งสิ้น”


 


 


ยังคงเป็นหวาเยียนที่มีความกล้าหาญกล่าว “ทูลท่านอ๋อง ผู้ที่เชิญมาคือหมออาวุโสหวังแห่งโรงหมอเชียนจินเพคะ” นางแอบมองสีหน้าของท่านอ๋องปราดหนึ่ง ไม่กล้าพูดคำวินิจฉัยของหมออาวุโสหวัง


 


 


ใบหน้าของจิ้นอ๋องตึงลงทันที “เหตุใดถึงไม่เชิญหมอหลวง” ฝีมือการรักษาของหมออาวุโสหวังแห่งโรงหมอเชียนจินไม่เลวอย่างยิ่ง แต่จะเทียบหมอหลวงในวังได้อย่างไร


 


 


หวาเยียนกัดริมฝีปากไม่กล้าพูด และไม่กล้ามองพระชายา นางพูดได้หรือว่าพระชายาไม่ให้เชิญ เพียงแค่ก้มหน้าต่ำๆ


 


 


คนรับใช้ที่คุกเข่าวอยู่ภายในห้องต่างก็ไม่กล้าหายใจแรง จิ้นอ๋องก็ยิ่งโมโห “พวกเจ้ารับใช้นายเช่นนี้หรือ สมควรตาย สมควรตายทั้งหมด”


 


 


ในตอนนี้เอง พระชายาจิ้นอ๋องก็เอ่ยปากเงียบๆ “ท่านอ๋องจะโทษก็โทษข้าเถิด ไม่เกี่ยวกับพวกนาง เป็นข้าที่ไม่ให้พวกนางไปเชิญเอง”


 


 


มือที่ยกขึ้นของจิ้นอ๋องหยุดชะงักกลางอากาศทันที ครู่ใหญ่จึงค่อยๆ วางลง มองพระชายาจิ้นอ๋องด้วยสีหน้าซับซ้อน กล่าวอย่างกลัดกลุ้ม “เจ้า เจ้าจะกลุ้มใจไปไย ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทรมานร่างกายตัวเองได้ เจ้า เฮ้อ!”


 


 


น้ำตาของพระชายาจิ้นอ๋องไหลลงมาทันที นางเบือนหน้าหนี “ท่านอ๋องโกรธข้า ข้ามีชีวิตอยู่จะยังมีความหมายอะไร ไม่สู้ตายไปเสียดีกว่า”


 


 


จิ้นอ๋องได้ยินประโยคนี้ บวกกับสีหน้าป่วยไข้ของพระชายาจิ้นอ๋อง เขาก็เจ็บปวดใจทันที นั่งลงข้างเตียงโอบพระชายาไว้ในอ้อมอก “ตายอะไรอยู่อะไร อย่าพูดจาเหลวไหล! อายุปูนนี้แล้วยังอารมณ์ร้อนเพียงนี้ นี่ไม่ใช่ว่าข้ามาดูเจ้าแล้วหรือ”


 


 


น้ำตาบนใบหน้าของพระชายาจิ้นอ๋องยิ่งไม่หยุดไหล กัดริมฝีปากกล่าวเสียงสั่น “ข้าก็มีนิสัยเช่นนี้ ท่านอ๋องยังไม่รู้อีกหรือ” นางถือโอกาสพิงไปในอ้อมอกของจิ้นอ๋อง แนบใบหน้าลงบนไหล่ของเขา


 


 


จิ้นอ๋องรู้สึกเพียงบนลำคอเปียกชื้น ร้อนผ่าว ในใจก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่ที่รู้จักซ่งซื่อมา นอกจากอุปสรรคช่วงนั้นในตอนแรก พวกเขาร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามากกว่ายี่สิบปี ไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน แม้แต่หน้ายังไม่เคยแดง ยี่สิบกว่าปีมานี้ ซ่งซื่อดูแลจวนอ๋องและชีวิตของเขาเขาได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่เคยทำให้เขาทุกข์ใจมาก่อน


 


 


“เอาล่ะ ถือว่าข้าผิดก็แล้วกัน เจ้าก็เหมือนกัน ทำตัวราวกับเด็ก มิหนำซ้ำยังโมโห เป็นแม่ของลูกแล้ว ไม่กลัวถูกหลานสาวหัวเราะเยาะหรือ” น้ำเสียงของจิ้นอ๋องอ่อนลง คิดแล้วก็กล่าวต่อ “เมื่อครู่ข้าเห็นเสิ่นซื่อร้องไห้วิ่งออกไปแล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าตำหนินางหรือ นางเพิ่งแต่งเข้ามา มีอะไรที่ไม่ถูกเจ้าสอนนางดีๆ ก็ได้แล้ว จะเข้มงวดเพียงนั้นเพื่ออะไร”


 


 


เมื่อได้ยินท่านอ๋องเอ่ยถึงเสิ่นซื่อ ชั่วขณะพระชายาจิ้นอ๋องก็โมโหขึ้นมา “ท่านอ๋อง ข้าไหนเลยจะกล้าตำหนินาง นาง นาง ท่านยังคิดว่านางเป็นคนดีอยู่อีก วันนี้ข้าเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางกับตาแล้ว มาดูแลข้าแต่ไม่ยินยอมพร้อมใจ เอาแต่นอนหลับ ข้าอยากดื่มน้ำนางก็ไม่ยื่นมือให้ นี่ไหนเลยจะมาดูแลข้า ตั้งใจมายั่วโมโหข้ามากกว่ากระมัง ว่านางแค่ประโยคเดียวก็ไม่ได้งั้นหรือ หรือว่าข้าต้องบูชานางเป็นบรรพบุรุษตระกูล” พูดไปพลางอารมณ์ของนางก็เดือดดาลอีกครั้ง ไออย่างแรงขึ้นมา


 


 


“มีอะไรก็พูดกันดีๆ เจ้าเดือดดาลเพียงนั้นทำไม” จิ้นอ๋องรีบช่วยนางตบหลัง รับชาที่หวาเยียนส่งเข้ามาแล้วส่งไปที่ริมฝีปากนาง “มา ดื่มชาสักหน่อย”


 


 


เสียงไอของพระชายาจิ้นอ๋องสงบลงแล้ว จิ้นอ๋องจึงกล่าว “เช่นนั้นเจ้าก็ไม่อาจปาหมอนหยกใส่นางได้! นั่นคือสะใภ้ใหม่ ซ้ำยังเป็นจวิ้นจู่ที่ฝ่าบาททรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ ท่านปู่ก็ยังเป็นราชครูของรัชทายาท เจ้า ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องให้เกียรตินางสักหน่อยหรือไม่” มิหนำซ้ำยังทำต่อหน้าสาวใช้ทั้งห้อง นี่จะให้เสิ่นซื่อเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไม่แปลกใจที่เสิ่นซื่อวิ่งร้องไห้ออกไปเช่นนั้น


 


 


“ไม่ใช่ว่าปาไม่โดนหรอกหรือ” พระชายาจิ้นอ๋องพึมพำปากแข็งหนึ่งครา อันที่จริงในใจนางเองก็ขี้ขลาด แอบดีใจที่หมอหยกใบนั้นปาไม่โดนตัวเสิ่นซื่อ มิเช่นนั้นเรื่องนี้คงไม่อาจลงเอยด้วยดีได้ ตอนนี้นางคิดได้ว่าเสิ่นซื่อคือจวิ้นจู่ คิดได้ว่าเสิ่นซื่อมีฐานะดั้งเดิมจากจวนจงอู่โหว แม้นางจะสูงศักดิ์เป็นพระชายา แต่ในใจนางก็รู้ดีว่าฝ่าบาทไม่ชอบนางเท่าไรนัก หากเสิ่นซื่อหรือว่านายท่านผู้เฒ่าเสิ่นโหวไปร้องทุกข์ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท เช่นนั้นนางก็จะต้องถูกเตือนแน่นอน ศักดิ์ศรีนั้นก็เสียไปอย่างใหญ่หลวง


 


 


จิ้นอ๋องไหนเลยจะฟังไม่ออกว่าพระชายาไม่พอใจ ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “เจ้าน่ะ หากไม่ชอบเสิ่นซื่อจริงๆ ก็ไม่ต้องพบนางสิ ไยจะต้องมาคิดเล็กคิดน้อยกับชนรุ่นหลังคนหนึ่ง อย่างไรเสียนางก็เป็นภรรยาของโย่วเอ๋อร์ เจ้าให้อภัยให้มากหน่อย”


 


 


“ท่านอ๋องคิดเพียงแต่ว่าเสิ่นซื่อได้รับความไม่เป็นธรรม ไม่เคยคิดบ้างเลยหรือว่าข้าเองก็ได้รับความไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะพูดอย่างไรข้าก็เป็นแม่สามี หรือจะต้องให้ข้าไปเอาอกเอาใจลูกสะใภ้ผู้นี้เช่นนาง” พระชายาจิ้นอ๋องไม่พอใจเต็มทรวง ห้าคืนเต็มๆ นางไม่ได้เปรียบเลยแม้แต่นิดเดียว ซ้ำยังทรมานตัวเองจนเป็นเช่นนี้ นี่จะให้นางยอมได้อย่างไร


 


 


จิ้นอ๋องยังไม่คิดจริงๆ ว่าพระชายาได้รับความไม่เป็นธรรม เสิ่นซื่อดูก็รู้ว่าเป็นคนหัวอ่อน ไหนเลยจะกล้ากระด้างกระเดื่องกับคนเป็นแม่สามี พระชายาคงอยากบังคับนางมากกว่ากระมัง มิเช่นนั้นเสิ่นซื่อเองก็คงไม่วิ่งร้องไห้ออกไป


 


 


แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้พระชายายังไม่สบายอยู่ จิ้นอ๋องก็ไม่กล้ายั่วยุนางแล้ว จึงกล่าว “นางเป็นเด็กไม่รู้ประสา เจ้าอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับนางเลย”


 


 


พระชายาจิ้นอ๋องยังคงกระหืดกระหอบ ในตอนนี้เองก็มีเด็กรับใช้วิ่งเข้ามาอย่างลุกลี้ลุกลน “ท่าน ท่านอ๋อง แย่แล้ว! คุณชายใหญ่จะ จะพาฮูหยินใหญ่ย้ายออกจากจวนอ๋อง” เขากุมอกหายใจหอบกล่าว


 


 


“อะไรนะ” จิ้นอ๋องตกใจจนลุกขึ้นยืนในชั่วขณะ “เสี่ยวเฉวียนเล่า เจ้าค่อยๆ พูด เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” ในใจมีลางไม่ดีแล้ว เสิ่นซื่อวิ่งร้องกลับไป โย่วเอ๋อร์จะยอมวางมือยุติเรื่องราวได้อย่างไร


 


 


เด็กรับใช้คนนั้นพยายามกลืนน้ำลาย แล้วกล่าว “พ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนกำลังเกลี้ยกล่อมอยู่ที่เรือนคุณชายใหญ่ ฮูหยินใหญ่ร้องไห้กลับเรือนก็โวยวายจะเอาหัวชนกำแพง คุณชายใหญ่ถามแม่นางเย่ว์กุ้ย ทราบว่าฮูหยินใหญ่ได้รับความไม่เป็นธรรมใหญ่หลวงที่เรือนพระชายา จึงออกคำสั่งให้บ่าวรับใช้ผูกม้าเข้ารถเทียมม้าทันที บอกว่า บอกว่าในเมื่อพระชายาไม่ชอบพวกเขา พวกเขาก็จะย้ายออกไป เลี่ยงไม่ให้ต้องอยู่ขวางหูขวางตาในจวนทำให้คนรังเกียจเดียดฉันท์” เขาลอบมองสีหน้าพระชายาอย่างระมัดระวังแล้วจึงกล่าว “พ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนเกลี้ยกล่อมไม่ได้ จึงสั่งให้ผู้น้อยมารายงานท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”


 


 


“คุณชายใหญ่จะย้ายออกจากจวนอ๋องหรือ ยังไม่ผ่านเดือนสมรสเลย นี่ไม่ใช่จะทำให้คนข้างนอกนินทาข้าลับหลังหรือ ท่านอ๋อง ข้าบอกแล้วว่าเสิ่นซื่อผู้นั้นไม่ใช่คนดี ท่านยังไม่เชื่อ ตอนนี้เชื่อแล้วหรือยัง” บนใบหน้าของพระชายาจิ้นอ๋องมีความโกรธปรากฏอีกครั้ง


 


 


คิ้วของจิ้นอ๋องขมวดมุ่น มองพระชายาปราดหนึ่ง กล่าว “พอแล้ว เจ้าพักก่อนเถิด อย่างลืมเชิญหมอหลวงมาดูเจ้าด้วย ข้าไปดูที่เรือนโย่วเอ๋อร์ก่อน” พูดจบก็ก้าวยาวจากไป


 


 


พระชายาจิ้นอ๋องโมโหจนทุบเตียงอย่างแรง เด็กชั่ว เอาข้ออ้างย้ายออกจากจวนมาขู่ตน กล้านักเจ้าก็ออกไปแล้วอย่าได้กลับมาอีกเลย


 


 


“ถอยไป!” สวีโย่วถลึงตามองพ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนที่ขวางหน้าเขาอยู่ กล่าวอย่างเย็นเยียบ


 


 


พ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนฉีกยิ้ม ร้อนใจจนเหงื่อท่วมศีรษะ “คุณชายใหญ่ มีอะไรก็ปรึกษากันดีๆ ท่านจะย้ายออกจากจวนไม่ว่าอย่างไรก็รอให้ท่านอ๋องมาก่อน ท่านรอสักครู่ อีกประเดี๋ยวท่านอ๋องก็มาถึงแล้ว ท่านกล่าวลาท่านอ๋องก่อนแล้วค่อยไปก็ได้ขอรับ”


 


 


รอยยิ้มบนใบหน้าเขาแทบจะแข็งทื่อแล้ว ในใจสวดมนต์ไม่หยุด ท่านอ๋องท่านรีบมาเร็วๆ บ่าวใกล้จะไม่ไหวแล้ว ต่อให้จะไม่ไหว ท่านอ๋องยังมาไม่ถึงเขาเองก็ไม่กล้าปล่อยไป! มิเช่นนั้นท่านอ๋องจะต้องตำหนิว่าเขาทำงานไม่ได้เรื่องเป็นแน่ “คุณชายใหญ่ ท่านอย่าทำให้บ่าวลำบากใจเลย” เขาหน้าเจื่อน แทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว


 


 


“ตอนนี้เป็นเจ้าต่างหากที่ทำให้ข้าลำบากใจ! ถอยไป!” แววตาของสวีโย่วเย็นเยียบยิ่งนัก พระชายาจิ้นอ๋องยายแก่ตายยากผู้นั้นวันนี้คาดไม่ถึงว่าปาหมอนหยกใส่ภรรยาของเขา นี่จะให้เขาทนได้อย่างไร “หากเจ้ายังไม่ถอยไปอีกก็อย่าหาว่าข้าไร้ความปราณี” เขาบอกเป็นนัยให้เจียงเฮยลากคนออกไปข้างๆ


 


 


ตอนที่จิ้นอ๋องมาถึงก็เห็นเหตุการณ์คุมเชิงนี้เข้าพอดี “หยุดเดี๋ยวนี้!” เขาตะโกนเสียงดัง ฝีเท้าข้างใต้เท้าเร่งความเร็ว “ยังไม่รีบปล่อยเสี่ยวเฉวียนอีก”


 


 


เจียงเฮยได้ยินดังนั้น มุมปากยกขึ้น โยนพ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนที่จับไว้ในมือลงไปบนพื้นทันที เดินกลับมาอยู่ข้างกายนายของเขาด้วยสีหน้าเมินเฉย


 


 


“โอ๊ย!” พ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนถูกผลักล้มก้นกระแทก เจ็บจนเขาแยกเขี้ยวยิงฟันครู่ใหญ่จึงจะคลานขึ้นมา


 


 


สีหน้าจิ้นอ๋องก็ยิ่งไม่ดี ถลึงตาใส่สวีโย่ว “เจ้าจะทำอะไร”


 


 


“เสด็จพ่อก็เห็นแล้วมิใช่หรือ ลูกจะย้ายออกจากจวนอ๋อง จวนจวิ้นอ๋องบูรณะเสร็จนานแล้ว ลูกมีจวนของตัวเอง ไยจะต้องอยู่ทนรับความคับแค้นใจที่นี่ด้วยเล่า” สวีโย่วกล่าวอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ


 


 


“เหลวไหล! กลับมาเดี๋ยวนี้!” จิ้นอ๋องตำหนิเสียงดัง “คับแค้นใจอะไรกัน ไหนเลยจะมีใครทำให้เจ้าได้รับความคับแค้นใจ เจ้าเป็นลูกของข้า ข้ายังอยู่ที่นี่ เจ้าจะย้ายไปไหน”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)