ข้ามกาลบันดาลรัก 230.2-230.3
ตอนที่ 230-2 ป้ายหยกปรากฏ สืบถามเหวิน...
เหวินเป้ายกก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งออกมา ขบวนปี่แตรกล่าวขอบคุณอีกครั้ง นั่งบนเก้าอี้เตี้ย รีบกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งจนหมดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว จากนั้นลุกขึ้นกล่าวขอบคุณแล้วกลับบ้าน
เมิ่งอี้ หูจื่อและเหวินเป้าเริ่มทำความสะอาดร้าน สะใภ้เหวินทั้งสามคนเข้ามาถามพวกเขาว่าต้องการกินรสใด แล้วเข้าไปต้มก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งต่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับพวกนาง “พวกเขากินจุ ต้มเยอะอีกหน่อย แล้วใส่หมูกับผักมากขึ้นอีกหน่อย”
สะใภ้เหวินเปียวรับคำ
ในที่สุดก็หมดงานแล้ว ซุนวั่งโล่งอกโล่งใจ ทิ้งตัวแน่นิ่งลงบนเก้าอี้
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาแวบหนึ่ง เกิดความคิดบางอย่างขึ้น แอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
พวกเมิ่งอี้เก็บกวาดร้านค้าจนสะอาด ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งก็ต้มเสร็จแล้ว ไม่รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวเรียก พวกเขาที่หิวไส้กิ่ว ยกชามขึ้นซดกินอย่างไม่รีรอ
ไม่รู้ว่าเพราะหิวมาก หรือเพราะก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งอร่อยมากจริงๆ ซุนวั่งกินทีเดียวสามชามรวด ถึงวางชามนั่งเรอเอิ๊กๆ
ส่วนคนอื่นๆ ก็กินอิ่มแล้ว เหวินเหลียนเก็บชามตะเกียบเข้าไปล้างหลังร้าน
ซุนวั่งพักผ่อนครู่หนึ่ง ถึงลุกขึ้นถามนาง “ในร้านไม่มีธุระใดแล้ว ข้าไปได้แล้วหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มหวานให้เขา
ซุนวั่งเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของนางก็ให้ขวัญผวา ตกใจลุกลนถาม “เจ้ามีอะไรก็พูดมาตามตรง”
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บคืนรอยยิ้ม พูดอย่างขึงขัง “เช่นนั้นข้าจะพูดแล้ว”
ซุนวั่งแสดงอาการป้องกันตัวโดยอัตโนมัติ ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว พูดว่า “พูดมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดตามตรง “ท่านก็เห็นแล้ว ข้าเพิ่งเปิดร้าน คนงานไม่พอ ต้องรบกวนให้มาช่วยทุกวัน นับแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป”
ซุนวั่งโต้แย้งเสียงดังลั่นพลัน “ข้าไม่เห็นด้วย ข้ายังต้องไปเที่ยวเล่นดื่มชากับมิตรสหาย ไฉนเลยจะมีเวลามาช่วยเจ้าได้ทุกวัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวชักสีหน้า พูดว่า “เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแล้ว ท่านตกลงก็ต้องมา ไม่ตกลงจะให้ข้าไปจับตัวมาจากที่บ้านข้าก็จะทำ”
ซุนวั่งกระทืบเท้าเสียใจ “รู้เช่นนี้ข้าไม่หาเรื่องเห็นแก่ความคึกคักมากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งก็ดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งพูดกระตุ้นให้เขาสำนึก “ถูกต้อง หากท่านไม่มา ข้าคงนึกถึงคนว่างงานเช่นท่านไม่ออก”
ซุนวั่งเสียใจจนอยากจะโหม่งศีรษะกับกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด ไม่แม้แต่จะกล่าวลาเมิ่งเชี่ยนโยว ก้าวฉับๆ ออกไปจากร้าน มุ่งหน้ากลับบ้านทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวมองแผ่นหลังเขาโพล่งหัวเราะ
ปัดกวาดเช็ดถูภายในร้านสะอาดหมดจดแล้ว เมิ่งอี้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบ ถึงลงกลอนประตู
คนทั้งหมดนั่งบนรถม้า เหวินเป้าบังคับรถม้ากลับบ้านอย่างมั่นคง
ในบ้านไม่มีคน เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งให้ทุกคนกลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ แล้วหอบ**บเงิน หยิบกุญแจออกมาเปิดประตู เดินเข้ามา พลิกมือปิดประตูใหญ่ เดินตรงเข้ามาที่ห้องตัวเอง ไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวนอก ก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเตา ดึงผ้านวมเข้ามาห่ม เข้าสู่ห้วงนิทราไปทันที
นอนหลับเต็มๆ ไปหนึ่งชั่วยามกว่า ถึงถูกเสียงกังขาของเมิ่งชื่อปลุกให้ตื่น “โยวเอ๋อร์ ลูกกลับมาแล้วหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวลืมตาตื่น ขานรับคำ
เสียงถามต่อเนื่องของเมิ่งชื่อดังลอยมา “วันนี้ที่ร้านค้าขายดีหรือไม่?” สิ้นเสียง คนก็เดินเข้ามาอยู่ในห้องเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นนั่งบนเตียงเตา ตอบกลับ “ท่านแม่ ท่านมองดูสภาพเหนื่อยล้าเช่นนี้ของข้าก็น่าจะทราบแล้ว วันนี้ที่ร้านขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทำเอาพวกเราทั้งหมดเหนื่อยสายตัวแทบขาด”
เมิ่งชื่อดีใจซักถาม “วันนี้เจ้าขายได้เงินเท่าใด?”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “วันนี้ท่านพ่อตามาช่วยเก็บเงิน ข้ายังไม่ได้นับเจ้าค่ะ”
“ท่านพ่อตา?” เมิ่งชื่อตกใจถาม “เขามาช่วยได้อย่างไร?”
“เขาเข้ามากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งกับเพื่อน ถูกข้าจับได้ ภายใต้ความจำนนจำต้องอยู่ช่วย” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ
เมิ่งชื่อไม่วางใจถามต่อ “เขาไม่ก่อเรื่องอันใดนะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ครั้งก่อนถูกข้ากำราบไปอย่างสาหัส ตอนนี้เจียมเนื้อเจียมตัวขึ้นมาก วันนี้ก็เลยอยู่ช่วยทั้งวันอย่างเชื่อฟัง แล้วก่อนที่เขาจะไป ข้ายังบอกเขาว่า ต่อไปให้เขาเข้ามาช่วยทุกวันด้วยเจ้าค่ะ”
“เขาตกลงหรือ?” เมิ่งชื่อตกใจถาม
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอ่อน “ย่อมไม่ตกลงเจ้าค่ะ แต่ท่านวางใจได้ ข้ามีวิธีทำให้เขาตกลง”
เมิ่งชื่อเริ่มเป็นกังวล พูดโน้มน้าวนาง “โยวเอ๋อร์ หากที่ร้านขาดคน เอาจากที่บ้านไปเพิ่มก็ได้แล้ว ไยต้องหาเรื่องยุ่งยากด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “วันๆ เขาไม่ทำงานทำงาน เอ้อระเหยลอยชาย คบแต่เพื่อนกินเพื่อนเกเร สักวันจะต้องก่อปัญหายุ่งยาก ถึงตอนนั้นคงต้องเป็นพี่ใหญ่ออกโรงจัดการ ไม่เช่นนั้นข้าหางานให้เขาทำเสียแต่ตอนนี้ สกัดความยุ่งยากในภายหน้า”
ซุนเชี่ยนและซุนวั่งสองพ่อลูกต่างไม่ถูกชะตากัน แต่หากเกิดเรื่องขึ้นกับซุนวั่ง ซุนเชี่ยนจะไม่ดูดำดูดีไม่ได้ จึงเป็นหน้าที่ทางอ้อมของเมิ่งเสียนด้วย เมิ่งชื่อเข้าใจความลำบากใจของเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว ถอนหายใจพูดว่า “ลูกว่าเหตุใดซุนซ่านเหรินถึงเลี้ยงบุตรชายเช่นนี้ออกมาได้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเจตนาพูด “ข้าก็ไม่รู้ วันหน้าข้าพบเขาจะถามให้นะเจ้าคะ?”
เมิ่งชื่อขบขันที่ถูกนางแหย่เย้า จิตใจที่กลัดกลุ้มพลันมลายหายไปสิ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน เปิด**บเงินออก หยิบสมุดบัญชีข้างในออกมา แล้วผลัก**บเงินไปตรงหน้าเมิ่งชื่อ “นี่เป็นเงินขายของวันนี้ ท่านแม่ช่วยข้านับหน่อยเถิด”
เมิ่งชื่อมองดูเหรียญเงินเกือบเต็ม**บ ดีใจตัวโยน กลับไปหยิบเชือกในห้องตัวเองมา นั่งบนเตียงเตา ลงมือนับเงิน
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดสมุดบัญชีหน้าสุดท้าย ตอนเห็นยอดเงินสุทธิ ก็ตกใจตัวลอย ขายได้ถึงสามสิบกว่าตำลึง
เมิ่งชื่อนับเงินอยู่ประมาณสามเค่อถึงนับเสร็จทั้งหมด เงยหน้าพูดอย่างไม่เชื่อ “โยวเอ๋อร์ วันนี้พวกเจ้าขายได้ถึงสามสิบกว่าตำลึง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า วางสมุดบัญชีในมือลง พูดด้วยอารามดีใจ “ข้าก็ไม่คิดว่าจะขายได้มากเช่นนี้ อีกทั้งวันนี้พวกเรายังขายเพียงครึ่งราคาด้วย”
เมิ่งชื่อถลึงตาโต ร้องยินดีถาม “เจ้าหมายความว่า ต่อไปร้านจะขายได้วันละห้าหกสิบตำลึง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะ วันนี้เปิดร้านวันแรก คนชอบความแปลกใหม่ จึงมากันค่อนข้างมาก ไม่ทราบว่าผ่านไปสักระยะหนึ่งจะเป็นอย่างไร?”
“ก็คงไม่แตกต่างมาก อย่างน้อยก็ได้วันละสามสิบตำลึง” เมิ่งชื่อพูดอย่างเชื่อมั่น
เมิ่งเชี่ยนโยวก็พอจะมีความมั่นใจ ไม่พูดสนับสนุนอีก นับออกมาหนึ่งพันอีแปะเก็บใส่**บ ผลักเงินส่วนที่เหลือไปตรงหน้าเมิ่งชื่อ “เงินหนึ่งพันอีแปะนี้เอาไว้เป็นเงินทอนสำหรับวันพรุ่งนี้ ส่วนเงินพวกนี้ท่านนำไปเก็บไว้เถอะเจ้าค่ะ”
เมิ่งชื่อหยิบก้อนเงินเม็ดเล็กเม็ดน้อยและเหรียญอีแปะที่ร้อยไว้แล้ว กลับเข้าไปเปิดตู้บนหัวเตียงเตาห้องตัวเอง นำเงินทั้งหมดใส่ใน**บเงินของครอบครัว ตอนที่กำลังจะปิดตู้ เห็นห่อผ้าใบย่อมวางด้านข้าง ขบคิดครู่หนึ่ง หยิบออกมาวางไว้ ปิดตู้ให้เรียบร้อย แล้วหยิบห่อผ้ากลับเข้ามาในห้องเมิ่งเชี่ยนโยว วางห่อผ้าไว้เบื้องหน้านางพูดว่า “นี่เป็นเสื้อผ้าและสิ่งของติดตัวตอนที่เก็บอี้เซวียนมาได้ ตอนนี้แม่ขอมอบให้เจ้า เจ้าต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สถานะของอี้เซวียนแล้ว ไม่แม้แต่จะมอง ก็ผลักกลับไปข้างเมิ่งชื่อ “ท่านแม่เก็บไว้เถอะ ข้าเป็นคนสำเพร่าประมาท จะทำหายเอาได้”
เมิ่งชื่อผลักกลับไป “ในตู้ของแม่ ตอนนี้มีแต่เงินอีแปะและก้อนตำลึงเม็ดเล็กเม็ดน้อย หากวันไหนไม่ระวังไปกระแทกถูกป้ายหยกในนั้น ตอนที่คนในครอบครัวอี้เซวียนมาตามหา พวกเราจะไม่มีหน้าพบพวกเขา”
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงจำได้ลางๆ ว่าเคยได้ยินเมิ่งชื่อพูดว่า ตอนที่เมิ่งเอ้ออิ๋นเก็บเมิ่งอี้เซวียนได้ นอกจากเงินยี่สิบตำลึงแล้ว ยังมีป้ายหยกอีกหนึ่งชิ้น จึงเปิดห่อผ้าออกอย่างใคร่รู้ ยกยิ้มพูดว่า “ข้าดูหน่อยว่าป้ายหยกนี้…” ยังพูดไม่จบดี ก็นั่งตัวแข็งทื่อ หยิบป้ายหยกขึ้นพลิกดูซ้ำไปซ้ำมา
เมิ่งชื่อเห็นปฏิกิริยาผิดปกติของนาง หยั่งเชิงถาม “โยวเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไร? ป้ายหยกนี้มีอะไรผิดปกติหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้ามองเมิ่งชื่อ ริมฝีปากระริกครู่ใหญ่ ถึงเปล่งเสียงถามขึ้น “นี่ก็คือป้ายหยกข้างกายอี้เซวียน?”
เมิ่งชื่อตกใจในปฏิกิริยาของนาง ลุกลนพยักหน้า พูดว่า “ป้ายหยกนี้ถูกวางไว้พร้อมเงินยี่สิบตำลึง ในตอนนั้นเพื่อช่วยชีวิตเจ้า พวกเรานำเงินยี่สิบตำลึงนั้นไปใช้ ส่วนป้ายหยกนี้ต่อให้พวกเราลำบากข้นแค้นอย่างไรก็ไม่เคยแตะต้อง ด้วยกลัวว่าหากวันใดมีคนมาตามหา พวกเราไม่มีสิ่งของแทนกาย จะทำให้อี้เซวียนพลาดจากการพิสูจน์ตัวตนกับครอบครัว”
“ข้าจำได้ว่าท่านเคยพูดอีกว่า ชื่อของอี้เซวียนก็ได้คนที่ทิ้งเขาเอาไว้ตั้งให้ใช่หรือไม่?” เมิ่งเชี่ยนโยวร้อนใจถาม
เมิ่งชื่อพยักหน้า หยิบตู้โตว[1]ผืนน้อยในห่อผ้าออกมา ที่ปลายด้านหนึ่งของตู้โตวปักอักษรอี้เซวียนสองตัว
“เหล่านี้เป็นสิ่งของที่พ่อเจ้าเก็บได้ข้างกายเขาตอนที่อุ้มเขากลับมา นอกจากเงินยี่สิบตำลึงนั้นแล้ว พวกเราก็มิได้แตะต้องสิ่งอื่นอีก ตอนที่พ่อเจ้าเห็นชื่อที่ปักบนตู้โตวก็ยังให้ประหลาดใจ เหตุใดถึงมีแต่ชื่อแต่ไม่มีแซ่” เมิ่งชื่อพูด
“ยังมีกระดาษอะไรทิ้งไว้อีกหรือไม่เจ้าคะ?” เมิ่งเชี่ยนโยวลูบคลำอักษรสองตัวที่ปักชายตู้โตว ร้อนใจถาม
เมิ่งชื่อส่ายหน้า “ไม่มี ของทั้งหมดอยู่ตรงนี้แล้ว”
เมิ่งชื่อพลิกของทั้งหมดออกดูอย่างละเอียดอีกครั้ง แม้แต่เสื้อผ้าทุกจุดทุกมุมก็ลูบคลำจนหมด แต่ก็ไม่พบกระดาษหรือสิ่งอื่นใดอีก
เมิ่งชื่อเห็นปฏิกิริยาของนาง ประหลาดใจถาม “โยวเอ๋อร์ เจ้ากำลังหาสิ่งใด?”
“ปกติเวลาที่ทิ้งขว้างเด็กควรจะทิ้งกระดาษ บอกเหตุผลของการทิ้งขว้างมิใช่หรือเจ้าคะ? ข้าหาดูว่ามีหรือไม่” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบโดยไม่เงยหน้า
เมิ่งชื่อพูดว่า “เจ้าไม่ต้องหาแล้ว ตอนที่พ่อเจ้าอุ้มอี้เซวียนกลับมา พวกเราหาดูอย่างละเอียดแล้ว มีสิ่งของเพียงเท่านี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดค้นหา ใคร่ครวญเล็กน้อย แยกเมิ่งชื่อออกไป “ท่านแม่ ท่านรีบไปทำอาหารเถิด ประเดี๋ยวพวกเขาน่าจะเลิกกลับมาแล้ว”
เมิ่งชื่อมองดูท้องฟ้า รีบลุกขึ้นเดินออกไป ทั้งไม่ลืมกำชับนาง “เจ้าต้องเก็บของเหล่านี้ไว้ให้ดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ารับประกัน “วางใจเถอะเจ้าค่ะ ท่านแม่ ข้าจะเก็บของเหล่านี้ไว้ใน**บของข้า ใครก็แตะต้องไม่ได้”
เมิ่งชื่อวางใจไปทำอาหาร
[1]ตู้โตว เสื้อชั้นในของสตรีจีนโบราณ สำหรับคาดรอบอกและมีสายผ้าผูกที่คอกับเอว
ตอนที่ 230-3 ป้ายหยกปรากฏ สืบถามเหวิน...
เมิ่งเชี่ยนโยวมองจากหน้าต่างเห็นนางเข้าไปในครัวแล้ว รีบลงจากเตียงเตา ไม่ทันใส่รองเท้า รีบลงกลอนประตูห้องตัวเอง หยิบป้ายหยกที่ฉู่เหวินเจี๋ยให้นางออกมาจากใต้สุดของ**บที่วางไว้ด้านข้างออกมา วางไว้ข้างป้ายหยกของอี้เซวียน
ป้ายหยกทั้งสองชิ้นเกือบจะเหมือนกันทุกประการ จุดเล็กน้อยที่แตกต่างกันคือป้ายหยกของฉู่เหวินเจี๋ยจะมีรูขนาดเล็กทรงกลมทางซ้าย ส่วนของเมิ่งอี้เซวียนจะมีรูขนาดเล็กทรงกลมอยู่ทางขวาของป้ายหยก
เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องมองป้ายหยกทั้งสองชิ้นนี้ตาเขม็ง ใช้สมองคิดทบทวนข้อมูลที่ตัวเองรับรู้ว่ามาทั้งหมดอีกครั้ง ยังคงไม่เข้าใจว่าฉู่เหวินเจี๋ยและเมิ่งอี้เซวียนมีความสัมพันธ์ใดต่อกัน เหตุใดพวกเขาถึงมีป้ายหยกเหมือนกัน หรือที่ฉู่เหวินเจี๋ยจะต้องมาตำบลชิงซีทุกปี ก็เพื่อมาตามหาเมิ่งอี้เซวียน
เมิ่งเชี่ยนโยวเอาแต่นั่งขบคิดในห้อง จนลืมเวลาไปสนิท กระทั่งเมิ่งเจี๋ยมาเคาะประตูห้องนาง ใช้น้ำเสียงใสกังวานของเด็กพูดว่า “ท่านพี่ ท่านแม่ให้มาตามไปกินข้าวขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงตื่นขึ้นมาจากภวังค์ พบว่าด้านนอกฟ้ามืดสนิทแล้ว ตนเองไม่ได้เปิดไฟ ภายในห้องมืดมิด รีบตอบว่า “ทราบแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
เสียงฝีเท้าเมิ่งเจี๋ยดังไกลออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวคลำหาที่จุดไฟ หยิบป้ายหยกขึ้นมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้ง หลังจากจดจำภาพสลักแน่นไว้ในหัวสมองแล้ว ถึงเก็บป้ายหยกทั้งสองชิ้นไว้ด้านล่างสุดของ**บ ทั้งวางเสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยกองสุมไว้ใน**บ แล้วถึงลงกลอน ครั้งนี้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เก็บกุญแจไว้อีกด้านมั่วๆ แล้ว แต่กำเอาไว้ในมือแน่น คิดว่าวันพรุ่งจะต้องหาเชือกสักเส้นมาร้อยกุญแจเปล่าเปลือยดอกนี้ แขวนไว้กับคอตัวเอง
ทุกคนกลับกันมาหมดแล้ว เมิ่งเอ้ออิ๋นได้ยินเมิ่งชื่อพูดว่าวันนี้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งยุ่งมาก วันเดียวก็ขายได้ถึงสามสิบกว่าตำลึง ก็ให้ดีอกดีใจ
เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีก็ดีใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมิ่งฉี ดูแลงานในโรงงานมาหลายวัน แต่ละวันผลิตเส้นแป้งมันฝรั่งทั้งชนิดแห้งและเปียกออกมาไม่น้อย กลับยังขายไม่ได้สักหนึ่งจิน กำลังจะท้อแท้อ่อนแรง พอได้ยินว่าวันนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ในที่สุดก็เริ่มมีความมั่นใจต่อโรงงานแป้งมันฝรั่งแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในครัว ทุกคนต่างใช้แววตายินดีมองนาง แม้แต่เมิ่งอี้เซวียนก็ใช้แววตาสุกสกาวมองนางอย่างเลื่อมใส เมิ่งชื่อเรียกให้นางรีบนั่งลง ถามอย่างเป็นห่วง “เจ้าผล็อยหลับไปในห้องอีกแล้วหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเลยตามเลย พูดว่า “วันนี้ค่อนข้างเหนื่อย พอกลับมาจากในเมือง ก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงเตา หากไม่เพราะท่านแม่ตะโกนเรียก คาดว่าข้าคงจะหลับไปจนถึงเช้า”
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ เมิ่งเอ้ออิ๋นให้ปวดใจเป็นห่วง พูดว่า “พรุ่งนี้ให้พี่ใหญ่และพวกอู๋ต้าเข้าไปช่วยเถอะ เจ้าอยู่พักที่บ้านสักวัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ร้านเพิ่งจะเปิดทำการ ข้าต้องเข้าไปดูด้วยตัวเองระยะหนึ่ง อีกอย่างพี่ใหญ่และพวกอู๋ต้าต่างก็มีงานที่ได้รับมอบหมายแล้ว ไม่ต้องให้พวกเขาไปหรอก พรุ่งนี้ข้าจะให้เหวินเปียวและเหวินหู่ รวมถึงเหวินจงไปด้วย น่าจะเพียงพอแล้ว” พูดถึงตรงนี้ ก็คิดขึ้นได้เรื่องหนึ่ง พูดอย่างดีใจว่า “จริงด้วย พี่หูจื่อกลับมาจากจังหวัดแล้ว หลงจู๊ให้เขาลาพักกลับมาเยี่ยมบ้านได้สามวันเจ้าค่ะ”
“หูจื่อกลับมาแล้วเรอะ! ป้าหวังเจ้าบ่นถึงทุกวัน บอกว่าเขาควรจะกลับมาตั้งนานแล้ว กลับไม่ได้ข่าวคราวเลย กลัวจะเกิดเรื่องกับเขา ยังคิดว่าอีกสองสามวันหากยังไม่กลับมา จะให้เจ้าช่วยไปถามที่เหลาจวี้เสียนให้หน่อย” เมิ่งชื่อพูดด้วยความยินดี
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “วันนี้โชคดีที่ได้พี่หูจื่อมาช่วย ไม่เช่นนั้นพวกเราทั้งหมดคงได้เหนื่อยจนฟุบคลานเป็นแน่”
เมิ่งอี้เซวียนที่เอาแต่นั่งฟังทุกคนพูดเงียบๆ ดวงตากลับจับจ้องเมิ่งเชี่ยนโยวไม่วางตา
นับตั้งแต่ครั้งก่อนที่หลิวลี่เข้ามาก่อเรื่อง เมิ่งอี้เซวียนก็มักจะจับจ้องมาที่ตนเอง เมิ่งเชี่ยนโยวคุ้นชินเสียแล้ว จึงไม่สนใจ ปล่อยเขามองตามสบาย แต่วันนี้นางมีเรื่องในใจ จึงส่งสายตามองกลับไป
เมิ่งอี้เซวียนผงะเล็กน้อย แล้วแสดงสีหน้าปริ่มเปรม
เมิ่งเชี่ยนโยวนึกถึงเรื่องป้ายหยก ขมวดคิ้วเกร็งแน่น
สีหน้าปริ่มเปรมของเมิ่งอี้เซวียนจางหาย มองนางอย่างไม่เป็นสุข
เมิ่งเชี่ยนโยวได้สติกลับคืนมา เม้มริมฝีปากถาม “การเรียนในช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ข้างานยุ่งมาก ไม่มีเวลาไต่ถามเจ้าเลย”
เมิ่งอี้เซวียนแย้มยิ้มเจิดจ้า พยักหน้าหนักแน่น “การเรียนไม่มีปัญหา ท่านอาจารย์บอกว่าด้วยความรู้ของข้าในตอนนี้ ปีหน้าจะต้องสอบซิ่วไฉได้”
“เช่นนั้นก็ดี” เมิ่งชื่อกล่าวด้วยความยินดี
เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ดีใจมาก น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ “หากเป็นดังที่เจ้าพูด ปีหน้าเจ้าก็ไปเข้าสอบซิ่วไฉพร้อมเหรินเอ๋อร์ได้แล้ว?”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า
เมิ่งเอ้ออิ๋นยิ่งให้ตื้นตันใจ “นั่นก็หมายความว่า ปีหน้าสกุลของเราจะมีซิ่วไฉสองคนแล้ว!”
“มีสามคน พ่อเอ๊ย มีสามคน เจ้าลืมว่าท่านพ่อก็เป็นซิ่วไฉแล้วเรอะ” เมิ่งชื่อแก้ให้เขาอย่างตื้นตันไปด้วย
เมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้าหงึกๆ “ใช่ๆๆ มีสามคน มีสามคน”
เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีก็ดีใจเป็นอย่างมาก เมิ่งเสียนพูดว่า “อี้เซวียน พอเจ้าสอบซิ่วไฉได้ ข้าจะออกเงิน จัดงานหลิวสุ่ยสีอย่างยิ่งใหญ่ให้ห้าวันเลย”
เมิ่งฉีไม่เห็นด้วย “ห้าวันจะพอได้อย่างไร สิบวัน ต้องสิบวัน พี่ใหญ่ออกเงินห้าวัน ข้าออกเงินห้าวัน ครอบครัวเราจะจัดงานหลิวสุ่ยสีอย่างยิ่งใหญ่สิบวัน”
ครั้งนี้เมิ่งชื่อไม่ตระหนี่แล้ว พยักหน้าเห็นพ้อง พูดอย่างเบิกบาน “ว่าตามฉีเอ๋อร์ จัดสิบวัน หากเงินไม่พอ แม่มีให้เอง”
ทั้งครอบครัวยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้นฮึกเหิม ราวกับว่าเมิ่งอี้เซวียนสอบซิ่วไฉได้แล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเมิ่งอี้เซวียนอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง แล้วพูดออดอ้อนเมิ่งชื่อว่า “ท่านแม่ เมื่อไหร่จะกินข้าวได้เจ้าค่ะ ข้าหิวจะแย่แล้ว”
เรื่องน่ายินดีมีเข้ามาไม่หยุด น้ำเสียงเมิ่งชื่อเจือแววเบิกบาน “ไม่ต้องรีบ ได้กินเดี๋ยวนี้” พูดจบ หันหลังไปจัดการสำรับอาหาร
เมิ่งเชี่ยนโยวคิดจะลุกขึ้นช่วย เมิ่งเสียนรั้งนางไว้ “วันนี้เจ้าเหนื่อยแล้ว ไม่ต้องขยับ ข้าช่วยท่านแม่เอง”
ไม่นานอาหารก็ถูกยกเข้ามา เพื่อเป็นรางวัลให้เมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งชื่อตั้งใจทำอาหารสี่จานน้ำซุปหนึ่งชาม
ทั้งครอบครัวกินอาหารค่ำอย่างมีความสุข
พวกเมิ่งอี้เซวียนสี่คนกลับเข้าห้องไปทำการบ้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าห้องตัวเอง เป่าไฟมอดดับ นอนบนเตียงเตาเงียบๆ แล้วปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดขบคิดใหม่อีกครั้ง ยังคงไม่พบความเกี่ยวพันธ์ใดๆ ในนั้น
เมิ่งชื่อเห็นไฟในห้องเมิ่งเชี่ยนโยวดับมืด นึกว่านางหลับไปอีกแล้ว หันไปพูดกับเมิ่งเอ้ออิ๋นอย่างประหลาดใจ “โยวเอ๋อร์เป็นอะไรไป? เมื่อก่อนไม่ว่าเหนื่อยเพียงใดก็ไม่เคยนอนเร็วเช่นนี้”
เมิ่งเอ้ออิ๋นรับคำ “คงเพราะช่วงเวลานี้ไม่ค่อยได้พักผ่อนเต็มที่ วันนี้ก็เหนื่อยจนไม่เหลือพลัง ดังนั้นพักผ่อนเล็กน้อยจึงไม่เพียงพอ พวกเราต้องเบาเสียงหน่อย อย่ารบกวนนาง ให้นางนอนให้เต็มอิ่มเพียงพอ”
คงเป็นเพราะเหนื่อยมากจริงๆ คิดมาคิดไป เมิ่งเชี่ยนโยวก็จมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา หลับยาวไปถึงเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ตื่นขึ้นมาในโมงยามปกติที่เคยตื่น ลืมตาขึ้น สวมเสื้อผ้าลุกจากเตียง เปิดประตูออกมา
เมิ่งเสียน เมิ่งฉี เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉก็เดินไล่หลังกันออกมาจากในห้อง สุดท้ายเป็นเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงที่เอาแต่ขยี้ตา เห็นชัดว่ายังไม่ตื่นดี
คนทั้งหมดเดินมาถึงนอกลาน เหวินเปียวและเหวินหู่รวมถึงอู๋ต้า เมิ่งเสียวเถี่ยก็มารอด้านนอกแล้ว
เริ่มจากให้คนทั้งหมดยืดเส้นยืดสาย จากนั้นเหวินเปียวและเหวินหู่เป็นผู้นำ ลงมือสอนวรยุทธ์
เมิ่งอี้เซวียนเดินตามเหวินเปียวเข้ามาในลานโล่ง คิดจะฝึกวรยุทธ์กับเหวินเปียว
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องทักเขา พูดว่า “ไม่ได้ตรวจสอบวรยุทธ์ของเจ้ามานานแล้ว ให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าพัฒนาไปถึงไหนแล้ว”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า แยกขาตั้งท่ารับ
คนอื่นๆ ต่างหยุดท่าทางล้อมวงรับชม แม้แต่เหวินเปียวก็ยืนเฝ้าชมอย่างตั้งใจอีกด้าน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น