ข้ามกาลบันดาลรัก 229.1-230.1

ตอนที่ 229-1 ดังระเบิด

 

พนักงานมอบจดหมายให้เมิ่งเชี่ยนโยว พูดอย่างนบนอบ “นายท่านของพวกเราบอกว่า หลังจากแม่นางอ่านจดหมายนี้แล้วให้เผาทิ้งทันที” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรับมาเปิดออกอ่านอย่างละเอียด นี่เป็นจดหมายที่ท่านปู่เหวินซื่อเขียนด้วยตัวเอง ในจดหมายเห็นด้วยกับการทำความร่วมมือรวมถึงส่วนแบ่ง ทั้งกำชับเป็นพิเศษว่า เมื่อมีการขายยารักษารอยแผลเป็นนี้ในเมืองหลวง จักต้องสร้างความโกลาหล ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าจะมีสายตามากเพียงใดคอยจ้องตะครุบสกุลเหวิน ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด มีเพียงเขารู้ เหวินซื่อรู้และเมิ่งเชี่ยนโยวรู้เท่านั้น เลี่ยงไม่ให้เกิดความยุ่งยากมาถึงครอบครัวสกุลเมิ่ง ทั้งบอกว่าตัวยาสมุนไพรที่สำคัญนั้น เขาให้คนปันมาจากร้านสาขาทุกแห่งแล้ว ไม่กี่วันก็จะมาถึง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวอ่านจบ เผาจดหมายทิ้งต่อหน้าพนักงาน ให้เขากลับไปบอกเหวินซื่อว่า “ขอเพียงฝั่งพวกเจ้าไม่แพร่งพราย ทางข้าไม่มีทางมีปัญหาเด็ดขาด” 


 


 


พนักงานน้อมรับคำ พลิกตัวขึ้นหลังม้า เร่งความเร็วจากไป 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าไปปรุงยาในบ้านต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น 


 


 


ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ถึงวันหมั้นหมายของเมิ่งอี้แล้ว 


 


 


ในหมู่บ้านนอกจากคนที่ทำงานในโรงงาน คนที่เหลือทั้งชายหญิงเด็กคนแก่ หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ต่างออกมายืนรอดูความคึกคักบนถนนแต่เนิ่นๆ 


 


 


คนบ้านเมิ่งกลับไปรวมตัวกันที่บ้านเมิ่งจงจวี่ วุ่นวายจัดการงานหมั้นที่อีกประเดี๋ยวจะเกิดขึ้น 


 


 


หัวหน้าสกุลของเมิ่งชื่อก็ถูกรับตัวมาอยู่ในบ้าน ร่วมดื่มชาเสวนากับเมิ่งจงจวี่อย่างเบิกบาน 


 


 


สะใภ้เมิ่งต้าจินและเมิ่งชื่อซื้อของมาจำนวนไม่น้อย หญิงชราเมิ่งได้เห็นตำหนิพวกนางไปหนึ่งชุด แล้วแยกสิ่งของส่วนหนึ่งออกมา 


 


 


ทั้งสองมองตาปริบๆ ไม่กล้าปริปาก 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มคล้องแขนหญิงชราเมิ่งดึงนางเข้าไปในบ้านอย่างแนบเนียน แล้วส่งสายตาให้ทั้งสองคน 


 


 


ทั้งสองคนแอบนำสิ่งของจำนวนหนึ่งใส่กลับเข้าไป 


 


 


ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว หัวหน้าสกุลเมิ่งชื่อและสองผู้เฒ่าเมิ่งนั่งบนรถม้านำขบวน ด้านหลังเป็นเด็กหนุ่มกำยำแบกของหมั้นเดินตามหลังมา สุดท้ายเป็นเมิ่งต้าจินและภรรยา เมิ่งเอ้ออิ๋นและภรรยา เมิ่งซานถงและภรรยารวมถึงเมิ่งอี้ที่แต่งกายด้วยชุดใหม่สดชื่นสุขสันต์ 


 


 


คนทั้งหมดยกขบวนเดินทาง วนรอบหมู่บ้านหนึ่งรอบ สุดท้ายมาหยุดหน้าประตูบ้านท่านอาจารย์โจว 


 


 


ท่านอาจารย์โจวพาคนทั้งครอบครัวมารอหน้าประตูนานแล้ว 


 


 


หัวหน้าสกุลอาวุโสลงจากรถม้า ท่านอาจารย์โจวก็เดินขึ้นหน้า น้อมทำความเคารพต่อหน้าชาวบ้าน แสดงกิริยาผู้น้อยที่มีต่อผู้ใหญ่ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ 


 


 


แม้หัวหน้าสกุลอาวุโสจะไม่ทราบว่าเขาเคยเป็นพระอาจารย์ แต่ก็คาดเดาได้ว่าเขามีประวัติไม่ธรรมดา เห็นเขาแสดงความเคารพตนเองชุดใหญ่ ให้รู้สึกตกใจที่ได้รับความรักใคร่ เดินสั่นไหวเข้าไปประคองเขา 


 


 


เมิ่งจงจวี่ก็แสดงความเคารพท่านอาจารย์โจว 


 


 


ท่านอาจารย์โจวยิ้มพูดว่า “ต่อไปพวกเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน ซิ่วไฉเมิ่งมิต้องมากพิธีแล้ว” 


 


 


คนทั้งหมดกล่าวทักทายครู่หนึ่ง วางของหมั้นหมายไว้ด้านนอก ให้บ่าวคอยเฝ้าดู คนที่เหลือถูกเชิญเข้าไปในเรือนพำนัก 


 


 


ชายบ้านสกุลเมิ่งและชายบ้านสกุลโจวอยู่ด้วยกันห้องหนึ่ง หญิงสาวอยู่อีกห้องหนึ่ง ต่างพูดคุยด้วยวาจาเป็นสิริมงคล คนในสกุลเมิ่งชื่อที่ได้รับเชิญให้มาร่วมขบวนพิธีถูกจัดให้นั่งดื่มน้ำชาบนโต๊ะเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ในลานกว้าง 


 


 


เมิ่งอี้ถูกเรียกเข้าไปในห้องรวมของฝ่ายชาย กล่าวรับรองว่าชีวิตนี้จะมีโจวอิ๋งเป็นภรรยาเป็นผู้เดียวต่อหน้าหัวหน้าสกุลอาวุโสและทุกคนในครอบครัว 


 


 


สามพ่อลูกโจวเพิ่งจะได้พินิจพิจมองเมิ่งอี้อย่างละเอียดเป็นครั้งแรก เห็นเขาใบหน้าคมคาย ใสซื่อไร้พิษภัย นับว่าเป็นคนที่สามารถฝากชีวิตไว้ได้ พยักหน้าพึงพอใจ 


 


 


หัวใจที่กลัดกลุ้มกังวลสองดวงของเมิ่งจงจวี่และเมิ่งต้าจินในที่สุดก็ปล่อยวางได้แล้ว 


 


 


ทางฝ่ายผู้หญิงก็ไม่แพ้กัน สะใภ้ใหญ่โจวที่เป็นว่าที่แม่ยายมองว่าที่เขยขวัญยิ่งพิจก็ยิ่งชอบใจ 


 


 


โจวอิ๋งถูกเรียกออกมา ทำความคำนับสะใภ้สกุลเมิ่งทั้งสามคน สะใภ้เมิ่งต้าจินเข้าไปจับมือนาง เอ่ยปากชมเปาะ อยากจะตบแต่งนางกลับบ้านเสียตอนนี้เลย ทั้งเอ่ยปากรับรองกับสะใภ้ใหญ่โจว ตนเองไม่มีบุตรสาว หลังจากโจวอิ๋งแต่งเข้ามาจะปฏิบัติต่อนางเหมือนบุตรสาวแท้ๆ 


 


 


สะใภ้ใหญ่โจวดีใจยิ้มจนปากหุบไม่ลง บอกเป็นนัยว่าบุตรสาวตนเองถูกโอ๋เอาใจมาแต่เยาว์ คงจะทำไร่ไถนาไม่ได้ 


 


 


สะใภ้เมิ่งต้าจินกล่าวว่า “ผิวขาวผุดบอบบางเช่นนี้ อย่าว่าแต่งานในไร่เลย ต่อให้ทำงานในไร่ได้ ข้าก็ทำใจให้นางไปทำไม่ได้” เป็นการรับรองโดยอ้อมว่าจะไม่ให้โจวอิ๋งไปทำงานในแปลงดิน 


 


 


สะใภ้ใหญ่โจวให้โล่งใจ ยิ่งทวีความยินดี 


 


 


เมิ่งอี้ที่ยืนอยู่อีกด้านดวงตาเอาแต่จับจ้องโจวอิ๋ง 


 


 


โจวอิ๋งถูกสายตาเร่าร้อนของเขามองจนอายม้วนไม่กล้าเงยหน้า 


 


 


เมิ่งชื่อเห็นดังนั้น ยิ้มพูดเป็นนัย “ประเพณีชนบท ยามที่ชายหญิงหมั้นหมายสามารถพูดคุยกันตามลำพังได้” 


 


 


สะใภ้ใหญ่โจวเข้าใจทันที ยิ้มบอกโจวอิ๋งให้พาเมิ่งอี้ไปดื่มน้ำชาอีกห้องหนึ่ง 


 


 


โจวอิ๋งเขินอายแดงไปถึงลำคอ ซอยเท้านำไปอีกห้องหนึ่ง เมิ่งอี้ก็เดินตามเข้าไป 


 


 


ทุกคนเสวนากันอีกครึ่งชั่วยาม ของหมั้นหมายด้านนอกก็วางอวดเพียงพอแล้ว หัวหน้าสกุลอาวุโสลุกขึ้นกล่าวอำลาก่อน พาคนในสกุลเมิ่งชื่อเดินเป็นขบวนออกมาจากบ้านท่านอาจารย์โจว 


 


 


คนมุงดูด้านนอกมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ผู้หวังดีจากหมู่บ้านใกล้เคียงก็เข้ามาดูความครึกครื้น 


 


 


กลุ่มคนต่างกระซิบกระซาบชี้มือชี้ไม้ไปที่ของหมั้น ส่งเสียงอึกทึกคึกคัก 


 


 


ท่านอาจารย์โจวเห็นเช่นนั้น จึงให้วางของหมั้นทิ้งไว้ด้านนอก กำชับบ่าวให้รอจนคนที่มาดูความคึกคักแยกย้ายไปถึงเก็บเข้าเรือน 


 


 


ไม่นานข่าวขบวนหมั้นหมายก็แพร่ไปทั่วทั้งตำบลชิงซี เดินไปที่ไหนมีแต่คนพูดถึงอย่างออกรสออกชาติ แม้แต่เหวินซื่อยังได้ยินข่าวนี้ พูดกับหมอชราด้วยใบหน้าตื่นตะลึง “สกุลเมิ่งโชคดีเกินไปแล้วกระมัง พวกเขาได้แต่สิ่งดีไปเสียหมด ในเมืองหลวง หลานสาวพระอาจารย์เป็นที่หมายปองแย่งชิงของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ไม่รู้เท่าใด ไม่คิดว่าครอบครัวพวกเขาจะหยิบชิ้นปลามันไปครอง” 


 


 


หมอชราหัวเราะไม่พูดอะไร 


 


 


การหมั้นหมายอย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริกจบสิ้น ทุกคนกลับสู่สภาพเดิม สิ่งเดียวที่แตกต่างไปคือ เมิ่งอี้ไม่ต้องไปแอบลอบมองโจวอิ๋งหน้าโรงงานอีก 


 


 


โรงงานเส้นแป้งมันฝรั่งเข้ารูปเข้ารอยแล้ว ผลิตเส้นแป้งมันฝรั่งทั้งชนิดแห้งและเปียกออกมา 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวให้คนงานขนส่งมันฝรั่งแจ้งข่าวแก่เถ้าแก่หวัง บอกว่าตนเองผลิตของกินชนิดใหม่ออกมาแล้ว ให้เขาเข้ามาลองดู 


 


 


จากนั้นหยิบเส้นแป้งมันฝรั่งสดใหม่ไปเรือนหลังใหม่ ลงมือต้มก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งรสชาติต่างๆให้พวกเขา บอกพวกเขาว่า ตนเองจะเปิดร้านอาหารในเมือง อยากให้เมิ่งอี้เป็นคนดูแล 


 


 


เมิ่งต้าจินและภรรยาได้ฟังดีใจลิงโลด เมิ่งอี้ก็รับปากทันที 


 


 


พูดปุ๊ปทำปั๊ป เช้าวันถัดมา เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเหวินเปียวบังคับรถม้าพาตนเองและเมิ่งอี้เข้าไปหาร้านที่เหมาะสมในเมือง 


 


 


เมื่อจะเปิดร้านขายอาหาร ก็ต้องเลือกที่มีทำเลดี ผู้คนพลุกพล่าน ทั้งสองนั่งบนรถม้าวนรอบเมืองมาครึ่งวันแล้วก็ยังหาที่เหมาะสมไม่ได้ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเหวินเปียว “ไปเหลาจวี้เสียน เราไปถามหลงจู๊ว่าพอจะรู้จักสถานที่ดีๆ บ้างหรือไม่” 


 


 


เหวินเปียวพยักหน้า บังคับรถม้ามาจอดหน้าเหลาจวี้เสียน 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้ลงจากรถม้า 


 


 


เสี่ยวเอ้อร์ต้อนรับลูกค้าหน้าประตูเห็นเป็นนาง รีบเข้ามาต้อนรับ กล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง “แม่นาง ท่านมาแล้ว” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “รบกวนเจ้าไปเรียกหลงจู๊ให้หน่อยเถิด บอกว่าข้ามีธุระอยากพบเขา” 


 


 


เสี่ยวเอ้อร์รับคำ รีบวิ่งเข้าไป 


 


 


ไม่นานหลงจู๊ก็เดินฉับๆ ออกมา พูดอย่างเบิกบาน “แม่นางเมิ่งมาแล้ว มีเรื่องอะไรไปคุยกันที่ห้องรับรองชั้นบนเถอะ” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ข้าเพียงมีเรื่องเล็กน้อยอยากขอให้หลงจู๊ช่วย ไม่ต้องขึ้นไปแล้ว” 


 


 


“แม่นางเชิญพูด ขอเพียงข้าทำได้จะไม่ปฏิเสธเลย” หลงจู๊รีบร้อนพูด 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “ข้าคิดจะเปิดร้านอาหารเล็กๆ อยากถามหลงจู๊ว่าพอจะทราบว่าที่ไหนมีร้านดีๆ หรือไม่?” 


 


 


หลงจู๊ได้ฟังนิ่งผงะ หยั่งเชิงถาม “ไม่ทราบว่าแม่นางจะเปิดร้านอาหารเช่นไร?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ข้านำมันฝรั่งมาทำเป็นก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง คิดจะเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งรสชาติต่างๆ โดยเฉพาะ ไม่กระทบต่อภัตตาคารของท่านหรอก หลงจู๊มิต้องเป็นกังวล” 


 


 


หลงจู๊ถูกพูดแทงใจดำ ใบหน้าชราแดงเรื่อ หัวเราะร่วนแล้วพูดตามตรง “ที่ภัตตาคารของข้าโด่งดังเช่นนี้ ด้วยอาศัยสูตรอาหารจากแม่นางทั้งนั้น หากแม่นางจะเปิดภัตตาคาร ได้บีบให้เหลาจวี้เสียนสาขานี้เจ๊งไม่เป็นท่าเป็นแน่” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “หลงจู๊พูดหยอกล้อเล่นแล้ว เมื่อข้าขายสูตรอาหารให้ท่านแล้ว จึงไม่มีทางนำมาใช้เองอีก อีกอย่าง ข้าก็มิได้คิดจะเปิดภัตตาคาร ข้าไม่มีความสามารถและกำลังคนเช่นนั้น ข้าเพียงคิดจะเปิดร้านอาหารเล็กๆ ขนาดไม่ต้องใหญ่มาก เทียบเท่าครึ่งหนึ่งของห้องโถงชั้นล่างของภัตตาคารท่านก็พอ” 


 


 


ได้รับการรับรองจากเมิ่งเชี่ยนโยว หลงจู๊ก็วางใจลง พูดว่า “ก่อนที่พวกเราจะซื้อภัตตาคารนี้ ยังได้ซื้อสถานที่เล็กกว่าที่นี่ของฝั่งตรงข้ามไว้ เพิ่งจะซื้อเสร็จ เถ้าแก่ของภัตตาคารแห่งนี้จะพาทั้งครอบครัวไปเมืองหลวงพอดี จึงต้องการขายภัตตาคารนี้ นายใหญ่ของพวกเราจึงซื้อเอาไว้ ปล่อยสถานที่เดิมทิ้งว่างไว้ หากแม่นางไม่รังเกียจ ลองตามข้าไปดูได้” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจยิ่งนัก กล่าวขอบคุณเป็นพรวน “เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านมากจริงๆ ข้าและพี่เมิ่งอี้วนหาในเมืองมาครึ่งวันแล้ว ก็ยังหาที่ดีๆ สักที่ไม่ได้” 


 


 


หลงจู๊ยิ้มพูด “สถานที่นี้พวกเราซื้อไว้สิบกว่าปีแล้ว ปกติเอาไว้เก็บของที่ไม่จำเป็นใช้ มีคนไม่น้อยมาติดต่อขอเช่าสถานที่ นายท่านก็มิได้ตอบตกลง วันนี้ข้าขอตัดสินใจเอง หากเจ้าชอบจะปล่อยให้เจ้าเช่า” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง 


 


 


หลงจู๊ให้นางรอสักครู่ หันหลังกลับเข้าไปเอากุญแจที่เหลาจวี้เสียนออกมา พูดว่า “แม่นางเชิญตามข้ามาเถอะ” 


 


 


พูดจบพาเมิ่งเชี่ยนโยวไปยังร้านฝั่งตรงข้าม 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมาที่นี่หลายครั้ง ไม่เคยสังเกตเลยว่าฝั่งตรงข้ามมีร้านปล่อยว่างอยู่ 


 


 


หลงจู๊เปิดประตูออก สภาพภายในกลับมิได้รกระเกะระกะเหมือนที่เมิ่งเชี่ยนโยวคิดเอาไว้ แต่ข้าวของทั้งหมดกลับวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ 


 


 


หลงจู๊พาคนทั้งสองเดินวนโดยรอบ แล้วพูดว่า “แม่นางคิดว่าห้องนี้พอใช้ได้หรือไม่?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “นอกจากว่าจะใหญ่ไปบ้าง ส่วนอื่นๆ ล้วนเหมาะสมดี” 


 


 


หลงจู๊ยิ้มพูด “แม่นางกำลังเป็นห่วงเรื่องค่าเช่ากระมัง?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่หลบเลี่ยง ยิ้มพูด “พวกเราทำการค้าขนาดเล็ก ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งชามละไม่กี่ร้อยอีแปะ สถานที่นี้มีทำเลดี ทั้งพื้นที่กว้างขวาง เกรงว่ารายรับของพวกเราต่อวันจะไม่พอเป็นค่าเช่าให้ท่าน” 


 


 


หลงจู๊กล่าวอย่างเบิกบาน “ยังไม่ต้องพูดเรื่องค่าเช่า ให้พวกเจ้าใช้ไปก่อน เมื่อการค้าของพวกเจ้าโด่งดังแล้ว ค่อยมาเจรจากัน” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ไม่ได้ การค้าส่วนการค้า น้ำใจส่วนน้ำใจ เราจะเอามาปนกันไม่ได้ หากท่านไม่เก็บค่าเช่า ข้าคงไม่เช่าห้องนี้แล้ว” 


 


 


หลงจู๊หมายจะเกลี้ยกล่อมนาง “ร้านนี้ถูกปล่อยทิ้งร้างมาสิบกว่าปี หาได้มีรายรับใดเข้ามาไม่ หากไม่เพราะแม่นางต้องการใช้ เกรงว่าร้านนี้คงถูกปล่อยทิ้งร้างต่อไป ไยต้องพูดเรื่องค่าเช่า แม่นางวางใจใช้ตามสบายเถอะ ข้ายังพูดคำเดิม รอให้การค้าของแม่นางเข้าที่แล้ว พวกเราค่อยมาคุยเรื่องค่าเช่ากัน” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยังยืนกรานปฏิเสธ “พวกเราตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนเถอะ ข้าจะได้รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป” 


 


 


คบหากันมาสักพักใหญ่แล้ว อย่างไรหลงจู๊ก็พอจะเข้าใจนิสัยของนางบ้าง เห็นนางดื้อดึงไม่ยอม รู้ว่าหากตนเองไม่ยอมรับเงินค่าเช่า นางคงไม่ยอมเช่าร้านแห่งนี้ จึงยิ้มพูดว่า “เมื่อแม่นางอยากให้ เช่นนั้นข้าจะไม่บ่ายเบี่ยงแล้ว หนึ่งปีสองร้อยตำลึงเจ้าพอไหวหรือไม่?” 


 


 


ร้านค้าดีเช่นนี้ หนึ่งปีเพียงร้อยสองตำลึง ไม่ต่างอะไรกับให้เปล่า เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกลับทันควัน “ไหวเป็นอย่างยิ่ง หลงจู๊แน่ใจว่านี่เป็นค่าเช่ารายปี มิใช่รายเดือน?” 


 


 


หลงจู๊หัวเราะเสียงลั่น พูดว่า “ข้าขอรับประกันกับแม่นาง นี่คือราคาค่าเช่ารายปี” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าตัวเองได้เปรียบ หลงจู๊ต้องการให้ตัวเองเช่าเปล่า ทว่าตอนนี้เป็นช่วงต้นของการบุกเบิกกิจการ ยังไม่รู้ว่าเปิดร้านแล้วจะเป็นอย่างไร จึงยิ้มพูดว่า “เช่นนั้นข้าขอแบกหน้าหนาเช่าไปก่อน เมื่อการค้าข้าเจริญรุ่งเรือง ไม่ต้องให้ท่านพูด ข้าจะเพิ่มค่าเช่าให้ท่านไม่น้อยกว่าคนอื่นเลย” 


 


 


หลงจู๊พูดหยอกเย้า “เช่นนั้นก็ว่าตามนี้ ถึงตอนนั้นหากเจ้าไม่ให้ ข้าจะพาเสี่ยวเอ้อร์จากเหลาจวี้เสียนรวมกันมาทวงหนี้เจ้า” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะครืน 


 


 


หลังจากหัวเราะ หลงจู๊พูดว่า “แม่นางดูเถิด ของพวกนี้พอใช้การได้หรือไม่ หากใช้ได้ก็เก็บเอาไว้ หากใช้ไม่ได้ หลังเลิกงานช่วงบ่าย ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อร์มายกออกไป” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง แล้วช่วยกันตรวจดูอย่างละเอียดพร้อมเมิ่งอี้ เลือกเก็บโต๊ะเก้าอี้ที่ถูกเหลาจวี้เสียนคัดออกจำนวนหนึ่ง  

 

 


ตอนที่ 229-2 ดังระเบิด

 

หลังจากเลือกของเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวเดินดูโดยรอบทุกซอกทุกมุมอีกครั้ง เริ่มมีแผนการคร่าวๆ ยิ้มพูดกับหลงจู๊ “วันพรุ่งข้าว่าจะพาคนเข้ามาเก็บกวาดร้านค้า ไม่ทราบว่าของพวกนี้จะย้ายเสร็จในวันนี้เลยได้หรือไม่?” 


 


 


“ไม่มีปัญหา พรุ่งนี้แม่นางเข้ามาได้เลย” หลงจู๊ตอบรับ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวดีอกดีใจ กล่าวขอบคุณหลงจู๊อย่างสุดซึ้งอีกครั้ง แล้วขึ้นนั่งรถม้ากลับบ้านพร้อมเมิ่งอี้ 


 


 


พอเข้ามาในบ้าน ก็เดินตรงไปที่ห้องตัวเอง หยิบกระดาษพู่กัน วาดแผนผังที่ตัวเองคิดไว้ออกมา 


 


 


จากนั้นลุกขึ้นยืน เดินไปหาอู๋ต้าที่โรงงาน กำชับเขาเตรียมสิ่งของที่ตนเองต้องการให้พร้อม ทั้งสั่งพวกเขาวันพรุ่งนี้ให้เหลือสองคนไว้ที่นี่เฝ้าประตูโรงงาน คนที่เหลือให้ตามนางไปเก็บทำความสะอาดร้านค้า 


 


 


อู๋ต้ารับคำ พาซุนเอ้อ โจวอู่ไปเตรียมสิ่งของให้พร้อม 


 


 


วันรุ่งขึ้น อู๋ต้าบังคับรถเทียมเกวียนนำสิ่งของที่เตรียมไว้แล้วและคนทั้งหมด ตามหลังรถม้าของเหวินเปียวมาถึงหน้าร้านค้า 


 


 


เสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งกำลังรออยู่หน้าร้าน เห็นพวกเขาเข้ามา ยื่นกุญแจมอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นาง วันนี้หลงจู๊ค่อนข้างยุ่ง ให้ข้านำกุญแจมามอบให้ท่าน” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรับกุญแจมา กล่าวขอบใจเสี่ยวเอ้อร์ 


 


 


เสี่ยวเอ้อร์โบกไม้โบกมือ วิ่งกลับไปฝั่งตรงข้าม 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดประตูออก ในร้านนอกจากโต๊ะเก้าอี้ที่ตนเองเลือกเอาไว้ ส่วนที่เหลือถูกจัดเก็บจนโล่ง จึงสั่งพวกอู๋ต้าลงมือทำงาน โดยเริ่มจากปัดฝุ่นผนังทุกซอกทุกมุมให้สะอาดเอี่ยม 


 


 


เหล่านี้ล้วนเป็นงานทั่วไป พวกอู๋ต้าต่างทำได้ ไม่ถึงหนึ่งวันก็ปัดฝุ่นเสร็จ 


 


 


ที่เหลือก็คือก่อเตาตามแบบที่ตนเองวาดไว้ 


 


 


ยุ่งวุ่นวายเช่นนี้ห้าหกวัน ร้านก็ปรากฏโฉมใหม่ออกมา 


 


 


พวกอู๋ต้ามองดูความสำเร็จจากแรงกำลังของตัวเอง ต่างพึงพอใจมาก 


 


 


จัดการร้านค้าเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวจัดเตรียมกำลังคน ให้เมิ่งอี้รับผิดชอบงานในร้านค้าทั้งหมด สะใภ้เหวินทั้งสามคนเป็นคนต้มก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง เหวินเหลียนรับหน้าที่เก็บเงินลงบัญชี เหวินเป้ามีหน้าที่บังคับรถม้าพาทุกคนมาส่งทุกวัน รับรองความปลอดภัยของพวกเขา 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไปสั่งผลิตไหแบบพิเศษอีกหนึ่งชุด 


 


 


หลังจากเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวไปหาหลงจู๊ ให้เขาหาวันฤกษ์งามยามดี เพื่อเตรียมเปิดร้าน 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวคิดวิธีหนึ่งได้ หาขบวนปี่แตรสำหรับรับขบวนเจ้าสาวในหมู่บ้าน ให้พวกเขามาตีฆ้องร้องป่าวหน้าร้านในวันเปิดกิจการ ดึงดูดคนผ่านไปมา 


 


 


แล้วก็ถึงวันเปิดกิจการ เมิ่งเชี่ยนโยวพาทุกคนเข้าเมืองมาแต่เช้า เปิดประตูร้านออก เช็ดโต๊ะเก้าอี้ทุกซอกทุกมุมใหม่อีกครั้ง หลังจากทำเสร็จ ขบวนปี่แตรก็มาถึง ตั้งขบวนรออยู่หน้าร้าน 


 


 


คนที่ผ่านไปมาต่างเข้ามาดูอย่างสนใจใคร่รู้ 


 


 


หลงจู๊จากเหลาจวี้เสียนและพ่อครัวใหญ่ก็ยิ้มร่าให้เสี่ยวเอ้อร์หาบของขวัญเข้ามาแสดงความยินดี 


 


 


คนในเมืองเห็นพวกเขาสองคน ยิ่งให้ใคร่รู้ว่าเจ้าของร้านอาหารเปิดใหม่นี้เป็นใครกันแน่ 


 


 


เมื่อถึงเวลา ขบวนปี่แตรส่งเสียงบรรเลง เมิ่งเชี่ยนโยวถึงผ้าแพรสีแดงสดที่คลุมป้ายร้านออก บนป้ายเขียนว่าร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง 


 


 


มันฝรั่งมีแต่เหลาจวี้เสียนที่มีขาย ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งแม้แต่ชื่อก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน กลุ่มคนต่างสนใจใคร่รู้ เฮโลกันเข้ามาสอบถามว่าก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งคือสิ่งใด 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้าส่งสายตาให้ขบวนปี่แตรหยุด เปล่งเสียงดังพูดกับคนที่เข้ามามุงล้อม “ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเป็นอาหารชนิดหนึ่ง โดยทำมาจากมันฝรั่ง พวกเราทำหลากหลายรสชาติ ทุกคนลองเข้ามาลิ้มรสได้ สามวันแรกของการเปิดร้าน ข้ามีส่วนลดพิเศษ ขายครึ่งราคา คิดชามละเพียงหนึ่งร้อยอีแปะ” 


 


 


สิ้นเสียง ครึ่งหนึ่งของกลุ่มคนส่งเสียงสูดลมเข้าปาก ครึ่งราคายังหนึ่งร้อยอีแปะ สิ่งของใดกันถึงแพงหูฉี่เช่นนี้? 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “วันนี้พวกเราเปิดกิจการเป็นวันแรก ยังมีอีกหนึ่งสิทธิพิเศษ ก็คือลูกค้ายี่สิบคนแรกที่เข้ามากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง จะได้ส่วนลดอีกครึ่งราคา หรือก็คือท่านที่เข้ามาตอนนี้จ่ายเพียงห้าสิบอีแปะก็สามารถกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งชามละราคาสองร้อยอีแปะได้แล้ว และพวกเรายังจะแถมยำผักที่ปรุงพิเศษให้ท่านอีกหนึ่งชุดด้วย ไม่เพียงเท่านั้น หากท่านต้องการซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านอีกชุด ก็จ่ายในราคาเท่ากัน” 


 


 


เงินห้าสิบอีแปะสำหรับคนยากจนเป็นเงินก้อนโต แต่สำหรับเศรษฐีในเมืองแล้ว หาได้อยู่ในสายตาไม่ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดจบ ก็มีเศรษฐีชื่นชอบการกินเดินออกมาพูดทันทีว่า “ให้ข้าหนึ่งชาม ข้าอยากชิมนักว่าก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเป็นอาหารเช่นไรกันแน่” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเจตนาเปล่งเสียงดังพูดกับคนผู้นั้น “ท่านช่างมีสายตาแหลมคม ท่านไม่เพียงเป็นคนแรกของตำบลชิงซีที่ได้กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง ท่านยังเป็นคนแรกของแคว้นอู่ที่ได้กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง นับจากนี้ไปอีกสิบปี ใครก็ตามที่เอ่ยถึงก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง ท่านสามารถพูดเรื่องนี้ออกมาได้อย่างเต็มภาคภูมิ” 


 


 


เพียงไม่กี่คำพูดนี้กระตุ้นจิตใจเศรษฐีให้เบิกบาน พูดอย่างสุขใจ “หากก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของเจ้าอร่อย ข้าจะซื้ออีกหลายๆ ชุดกลับไปให้คนที่บ้านชิม” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำเสียงลั่น “ได้เลยเจ้าค่ะ รับรองว่าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ท่านจักต้องกินชามแรกนึกถึงชามที่สอง วันนี้กินแล้วพรุ่งนี้ก็ยังอยากกินอีก” 


 


 


เศรษฐีหัวเราะร่วนเดินเข้าไปในร้าน 


 


 


มีคนที่หนึ่งก็มีคนที่สอง ทุกคนล้วนแต่มีเงิน จะยอมให้ใครโดดเด่นคนเดียวไม่ได้ ด้านหลังมีคนทยอยเดินเข้ามา 


 


 


แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะสังเกตการณ์ รอดูว่าพวกเขากินเสร็จแล้วจะมีความรู้สึกอย่างไร 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่เร่งเร้าพวกเขา ให้ขบวนปี่แตรบรรเลงต่อ 


 


 


หลงจู๊และพ่อครัวใหญ่ที่มาให้กำลังใจแต่แรกเลื่อมใสนางจากใจจริง ยกนิ้วโป้งตั้งชันให้นาง กล่าวชมเชย “วิธีของแม่นางดีเยี่ยมนัก ร้านอาหารของเจ้าจะต้องโด่งดังในชั่วพริบตา เงินทองไหลมาเทมา” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ขอให้สมพรปากพวกท่านทั้งสองเถิด พวกท่านเข้าไปในร้านเถอะ ดูว่าอยากกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งรสชาติใด ข้าจะให้คนทำมาให้พวกท่านคนละชาม” 


 


 


ไม่รอหลงจู๊ปฏิเสธ พ่อครัวใหญ่คนตะกละรีบตอบรับด้วยความยินดี “ดีเลย ต้องขอบใจแม่นางเมิ่งแล้ว” 


 


 


หลงจู๊ลอบถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง 


 


 


พ่อครัวใหญ่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ยิ้มร่าเดินตามเมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปในร้าน 


 


 


หลงจู๊ไม่มีทางเลือก จำต้องเดินตามเข้าไป 


 


 


เมิ่งอี้รับหน้าที่ควบคุมควบการรับรองลูกค้า เห็นพวกเขาเข้ามาก็ตรงเข้าไปต้อนรับ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ท่านไปต้อนรับลูกค้าท่านอื่นเถอะ ข้าจะดูแลพวกเขาสองคนเอง” 


 


 


เมิ่งอี้พยักหน้า หันไปรับรองลูกค้าท่านอื่น 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพาทั้งสองคนมานั่งข้างโต๊ะตัวหนึ่ง คลี่ยิ้มชี้แผ่นป้ายแนะนำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งรสชาติต่างๆ ที่แขวนข้างผนังพูดว่า “พวกท่านดูก่อนเถิดว่าอยากกินรสชาติใด?” 


 


 


ความสนใจของพ่อครัวมีแต่เรื่องกิน มองดูรสชาติแตกต่างกันบนผนังอย่างละเอียด แล้วสั่งรสต้มยำหนึ่งชาม 


 


 


หลงจู๊กลับเอาแต่พินิจมองการออกแบบภายในร้าน พยักหน้าชื่นชม “แม่นางไม่เพียงมีวิธีรับมือลูกค้าได้ดี การออกแบบภายในร้านก็แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร โชคดีที่เจ้ามิได้เปิดภัตตาคาร ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่มีทางรอดแล้ว” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ถ่อมตน “ข้าขอน้อมรับคำชมของหลงจู๊ ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งข้าจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งได้เหมือนเหลาจวี้เสียน มีสาขากระจายไปทั่ว” 


 


 


หลงจู๊หัวเราะร่วน “แม่นางมีความมุ่งมั่นทะเยอทะยาน ข้าขออวยพรให้แม่นางประสบความสำเร็จ” 


 


 


ในวันนี้หลงจู๊เพียงกล่าวตามมารยาทเท่านั้น แต่ไม่กี่ปีให้หลัง เมิ่งเชี่ยนโยวก็ทำสำเร็จจริงๆ ฝั่งตรงข้ามเหลาจวี้เสียนทุกสาขา จะมีร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งหนึ่งแห่ง 


 


 


หลงจู๊ต้องการแบบน้ำใส 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเหวินเหลียนบอกต่อไปยังห้องครัว ให้พวกนางทำสองชามนี้มาให้หลงจู๊และพ่อครัวใหญ่ก่อน 


 


 


อาศัยช่วงเวลารอก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มพูดกับคนตรงข้ามทั้งสอง “เมื่อพวกเราเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ข้าคงต้องขออาศัยใบบุญเหลาจวี้เสียนของพวกท่าน หากลูกค้าในร้านพวกท่านอยากกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง บอกพวกเขาไม่ต้องข้ามมา ให้เสี่ยวเอ้อร์เข้ามาซื้อกลับไปก็พอ” 


 


 


หลงจู๊หัวเราะผงกศีรษะ กำลังจะพูด ลูกค้าคนแรกที่เข้ามากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งส่งเสียงร้องอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ “ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งนี้อร่อยเกินไปแล้ว ข้าไม่เคยกินอาหารที่เลิศรสเช่นนี้มาก่อนเลย” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น ฉวยโอกาสพูดว่า “พวกเราไม่เพียงทำเส้นแป้งมันฝรั่งเอง แม้แต่การตุ๋นน้ำซุปก็เป็นสูตรเฉพาะของพวกเราเอง ในนั้นใส่ของดีมีประโยชน์ลงไปมากมาย เงินห้าสิบอีแปะเป็นแค่ค่าน้ำซุปเท่านั้น ดังนั้นวันนี้ถือว่าทุกคนได้กำไรแล้ว” 


 


 


แขกทุกคนกินกันเหงื่อไหลไคล้ย้อย กินไปพลางร้องซี้ดซ้าดไปพลาง ทำให้คนที่เห็นเจริญอาหารตามไปด้วย 


 


 


พ่อครัวกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ เอาแต่มองไปด้านหลัง หวังให้ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของตัวเองยกออกมาโดยไว 


 


 


ลูกคนคนอื่นๆ ต่างชื่นชมไม่ขาดปาก 


 


 


คนด้านนอกเห็นคนในร้านกินอย่างเอร็ดอร่อย ต่างอดใจไม่ไหว เฮโลกันเข้ามากอีกไม่น้อย 


 


 


ลูกค้าคนแรกเห็นเช่นนั้น รีบร้อนตะโกนบอก “ข้ามาเป็นคนแรก เอามาให้ข้าอีกสามชุดข้าจะซื้อกลับบ้าน” 


 


 


เมิ่งอี้รับคำ ตะโกนบอกเข้าไปด้านหลัง “กลับบ้านสามชุด” 


 


 


พริบตาเดียวก็ขายได้สี่ชุด บวกกับของลูกค้าคนอื่นๆ เมิ่งเชี่ยนโยวนับคร่าวๆ เดินออกมาตะโกนพูดหน้าร้าน “ลูกค้ายี่สิบคนแรกของวันนี้เต็มแล้ว ลูกค้าที่จะเข้ามาหลังจากนี้จะคิดราคาชามละหนึ่งร้อยอีแปะ” 


 


 


พวกคนที่ชอบลิ้มลอง กลับลังเลไม่ตัดสินใจ ต่างเสียใจไม่น้อย ลองหยั่งเชิงถาม “แม่นางน้อย พอจะเพิ่มจำนวนอีกหน่อยได้หรือไม่ พวกเราก็อยากกิน” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “นี่เป็นกฎของทางร้าน ข้าทำผิดกฎไม่ได้” 


 


 


ทุกคนต่างผิดหวัง ลังเลใจว่าจะเข้าไปกินหรือไม่ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตะโกนพูดต่อ “ทว่าลูกค้าที่เข้ามากินตอนนี้ ข้าจะแถมผักดองให้พวกท่านอีกท่านละหนึ่งจาน ผักดองนี้พวกเราก็ดองกันเอง พวกท่านจะหากินที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว” 


 


 


กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งในราคาชามละห้าสิบอีแปะไม่ได้แล้ว แต่ได้กินผักดองเพิ่มอีกจานก็นับว่ากำไรแล้ว เริ่มมีคนหวั่นไหว เดินเข้าไปในร้าน 


 


 


เมิ่งอี้คนเดียวรองรับไม่ไหว เมิ่งเชี่ยนโยวตะโกนให้เหวินเป้าเข้ามาช่วย 


 


 


ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของหลงจู๊และพ่อครัวใหญ่ถูกยกเข้ามา 


 


 


พ่อครัวใหญ่ทนรอต่อไปไม่ไหว หยิบตะเกียบคีบเส้นแป้งมันฝรั่งขึ้นเป่า ใส่เข้าปาก เคี้ยวหงุบๆ คำโต ไม่ทันกลืนลงคอ ก็ชูนิ้วหัวแม่โป้งให้เมิ่งเชี่ยนโยว พูดงุบๆ งับๆ ฟังไม่ได้ศัพท์ “แม่นาง นี่ก็คือก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งหรือ? อร่อยล้ำเกินไปแล้ว ข้าเป็นพ่อครัวมาหลายปี ไม่เคยกินของอร่อยเท่านี้มาก่อนเลย” 


 


 


หลงจู๊ชิมหนึ่งคำ พยักหน้าสนับสนุน “เป็นรสชาติที่แปลกพิสดารยากจะพรรณนา ทำให้กินแล้วหยุดไม่อยู่” 


 


 


ชาวบ้านน้อยคนที่จะรู้จักพ่อครัวใหญ่ แต่คนที่พอมีอันจะกินในเมืองต่างรู้จักหลงจู๊เป็นอย่างดี ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ยิ่งทำให้อยากกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งมากขึ้น ต่างร้องระงมสั่งให้ตัวเองคนละชาม 


 


 


คนที่ได้กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งแล้วต่างตื่นเต้นคึกคัก คนที่ยังไม่ได้กินกระสับกระส่ายร้องเรียก คนด้านนอกที่ถูกแรงจูงใจเข้ามาเห็นเช่นนี้ ให้เกิดความประหลาดใจใคร่รู้ เดินเข้ามาอีกจำนวนหนึ่ง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่คิดว่าจะมีคนมากเช่นนี้ จึงไม่ได้จัดเตรียมเสี่ยวเอ้อร์ไว้ เห็นสภาพการณ์เช่นนี้ กล่าวขอโทษหลงจู๊และพ่อครัวใหญ่ เดินมาที่โต๊ะเก็บเงิน พูดกับเหวินเหลียน “เจ้าออกไปช่วยเถอะ ข้าเก็บเงินเอง” 


 


 


เหวินเหลียนรับคำ เดินเข้าไปช่วย 


 


 


สะใภ้เหวินทั้งสามคนด้านหลังต่างยุ่งเท้าไม่ติดพื้น แม้แต่หายใจเต็มแรงก็ยังไม่มีเวลา 


 


 


หลงจู๊เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ร้องถามเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง ต้องการให้ข้าเรียกเสี่ยวเอ้อร์เข้ามาช่วยหรือไม่?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหันมอง เมิ่งอี้วิ่งวุ่นจนเหงื่อโทรมกาย แม้แต่เวลาเช็ดเหงื่อยังไม่มี เอาแต่ต้อนรับลูกค้า เหวินเหลียนและเหวินซงไม่เคยทำงานเช่นนี้ เห็นชัดว่าลนลานทำอะไรไม่ถูก จึงไม่เกรงใจ ผงกศีรษะ “ขอบคุณหลงจู๊ ท่านส่งเสี่ยวเอ้อร์สักคนมาก็พอ” 


 


 


หลงจู๊กระวีกระวาดกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งในชามจนหมด กลับไปสั่งเสี่ยวเอ้อร์เข้ามาช่วย 


 


 


พ่อครัวใหญ่ไม่ได้ไป ตั้งใจมองแผ่นป้ายแนะนำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งรสชาติต่างๆ อีกรอบ ราวกับยังไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเมื่อครู่ จนน้ำลายแทบจะหกออกมาอยู่แล้ว 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นอาการของเขาก็ให้หลุดขำ ถามเขาว่ายังอยากกินรสชาติใด จะทำให้เขาอีกชาม 


 


 


พ่อครัวใหญ่พยายามควบคุมตัวเอง โบกมือพูดว่า “ไม่ต้องแล้ว วันนี้พวกเจ้าเปิดร้านเป็นวันแรก คนมาก ข้าไม่อยู่ก่อกวนแล้ว เอาไว้ตอนเที่ยงข้าทำงานเสร็จ จะแวะเข้ามาอีกที” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้เลย รอท่านทำงานเสร็จ ให้เสี่ยวเอ้อร์เข้ามาบอกก่อน ข้าจะได้ทำเตรียมไว้ให้” 


 


 


สายมากแล้ว ในเหลาจวี้เสียนก็เริ่มมีลูกค้าเข้ามาไม่น้อย พ่อครัวไม่รอช้า บอกลาเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วกลับไป  

 

 


ตอนที่ 229-3 ดังระเบิด

 

ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งสามชุดที่ลูกค้าคนแรกต้องการทำเสร็จแล้ว เหวินเป้ายกออกมา วางลงตรงหน้าเขาบนโต๊ะ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปข้างตู้ตั้งพื้นด้านหลัง หยิบไหสั่งทำพิเศษที่ล้างสะอาดแล้วสามใบเข้ามา เทก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งทั้งสามชามลงในไหต่อหน้าลูกค้า จากนั้นปิดฝา ยกยิ้มพูดกับลูกค้าว่า “นี่เป็นไหที่พวกเราตั้งใจทำขึ้นสำหรับลูกค้าที่ซื้อกลับบ้าน หากท่านกินหมดแล้ว ล้างให้สะอาด ส่งกลับคืนมาให้พวกเรา พวกเราจะคืนค่าไหให้ใบละห้าอีแปะ”


 


 


ลูกค้าย่อมยินดี จ่ายเงินทันที


 


 


เมิ่งอี้ผูกเชือกไหทุกใบ ลูกค้ารับมาเดินออกไปอย่างเบิกบาน


 


 


ลูกค้าที่หัวใสหน่อยเริ่มไม่พอใจ ถามเสียงดัง “ถ้าไหใบหนึ่งได้เงินคืนห้าอีแปะ เช่นนั้นพวกเราที่กินในร้านไม่ขาดทุนเรอะ?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอธิบาย “ลูกค้าทุกคนที่กินอาหารในร้าน จะได้ผักดองเป็นของแถมหนึ่งจาน ผักดองนี้อย่าว่าแต่ข้างนอกไม่มีขาย ต่อให้มีขาย เงินห้าอีแปะก็ซื้อกินไม่ได้ ท่านคิดว่าท่านได้กำไรหรือขาดทุนกันเล่า?”


 


 


ลูกค้นคนอื่นตอบแทนเขา “ย่อมต้องได้กำไร”


 


 


ลูกค้าที่ไม่พอใจ ขยี้ศีรษะหัวเราะแหะๆ แก้เก้อ


 


 


ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งถูกส่งเข้ามาไม่ขาดสาย ลูกค้าที่ได้กินต่างยกนิ้วโป้งชื่นชมไม่หยุดปาก ทำเอาคนที่มุงดูด้านนอกอดใจไม่ไหวเดินเข้ามากอีกกลุ่มใหญ่


 


 


ทุกคนต่างยุ่งจนหัวหมุน เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะเข้าไปช่วย ที่ประตูมีคนพูดด้วยน้ำเสียงชื่นบาน “น้องโยวเอ๋อร์ ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวถามด้วยความประหลาดใจ “พี่หูจื่อ เป็นท่านได้อย่างไร? ท่านกลับมาเมื่อใด? เหตุใดข้าถึงไม่ได้ยินป้าหวังพูดถึงเลย”


 


 


หวังหู่เข้ามาในร้าน ด้านหนึ่งช่วยเก็บถ้วยชามบนโต๊ะ อีกด้านตอบนาง “ข้าเพิ่งกลับมาเมื่อวาน หลงจู๊ให้ข้าหยุดสามวัน ข้าเตรียมจะกลับบ้านวันนี้ เมื่อครู่หลงจู๊กลับไปบอกให้เสี่ยวเอ้อร์เข้ามาช่วยที่นี่ ข้าได้ยินเข้า จึงอาสาสมัครเข้ามา”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวให้ฉงน “ท่านมิได้บอกว่าไม่นานก็จะกลับมาหรือ? เหตุใดถึงปล่อยเวลายาวนานเช่นนี้?”


 


 


หูจื่อตอบกลับ “ตอนที่ข้าเตรียมจะกลับบ้าน เกิดเรื่องกับเสี่ยวเอ้อร์สองคนในภัตตาคาร พวกเขาลาออกไป คนงานไม่พอ ข้าจึงต้องอยู่ในจังหวัดต่ออีกระยะหนึ่ง กระทั่งเสี่ยวเอ้อร์ที่รับเข้ามาใหม่คล่องงานแล้ว ข้าถึงได้กลับมา”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า


 


 


มีหูจื่อมาช่วย คนอื่นไม่มีท่าทีลนลานทำผิดทำถูกอีก เมิ่งเชี่ยนโยวจึงจัดวางงานใหม่ทั้งหมด ให้เหวินเหลียนมีหน้าที่ล้างชามหลังร้าน เหวินเป้าเป็นคนยกก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่ทำเสร็จแล้วเข้ามา เมิ่งอี้และหูจื่อมีหน้าที่ต้อนรับลูกค้าและเก็บโต๊ะ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้ว่าง นอกจากเก็บเงิน ลงบัญชีแล้ว ยังช่วยเก็บถ้วยชามเช็ดโต๊ะด้วย


 


 


เสียงปี่แตรด้านนอกคอยบรรเลงไม่หยุด ดึงดูดผู้คนเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ลูกค้าเหลาจวี้เสียนก็ถกถามกันว่าฝั่งตรงข้ามขายอาหารอะไรกันแน่ ถึงขายดีเช่นนี้


 


 


หลงจู๊ได้ยินลูกค้าถกถามกัน เปล่งเสียงพูดว่า “ฝั่งตรงข้ามคือร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเปิดใหม่ เป็นอาหารแปลกใหม่ที่ทำมาจากมันฝรั่ง เมื่อครู่ข้ากับพ่อครัวใหญ่ไปกินมาแล้ว รสชาติเลิศล้ำนัก และวันนี้เป็นวันเปิดกิจการวันแรก มีส่วนลดครึ่งราคา หนึ่งชามขายเพียงหนึ่งร้อยอีแปะ หากพวกท่านอยากลองชิม ข้าให้เสี่ยวเอ้อร์ไปซื้อกลับมาให้พวกท่านได้”


 


 


พวกลูกค้าต่างเคยกินมันฝรั่งแล้ว ไม่ว่าทำเป็นอาหารชนิดไหนก็อร่อยลิ้น ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่ว่านี้มีรสชาติเช่นไร ทุกคนต่างสนใจใคร่รู้ อีกอย่างเงินหนึ่งร้อยอีแปะสำหรับลูกค้าที่มากินข้าวที่เหลาจวี้เสียนได้อย่างพวกเขาถือเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว มีคนร้องพูดขึ้นทันควัน “สั่งมาให้พวกเราทุกคนในโต๊ะนี้คนละหนึ่งชาม พวกเราอยากชิมความแปลกใหม่”


 


 


หลงจู๊รับคำ ตอบกลับ “ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งมีทั้งหมดสี่รสชาติ ต้มยำ หมาล่า เผ็ดน้อย น้ำใส ไม่ทราบว่าท่านต้องการกินรสชาติใด?”


 


 


“พวกเรามีสี่คนพอดี เอามาชามละรสชาติก็แล้วกัน” ลูกค้าตอบ


 


 


หลงจู๊สั่งเสี่ยวเอ้อร์ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งสี่ชามกลับมาทันที


 


 


เสี่ยวเอ้อร์วิ่งเหยาะๆ เข้ามาในร้าน ร้องตะโกนว่า “แม่นาง ลูกค้าต้องการก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งสี่ชาม ชามละหนึ่งรสชาติขอรับ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวขานรับคำ “ทราบแล้ว เจ้ากลับไปบอกให้ลูกค้ารอสักครู่ เมื่อทำเสร็จข้าจะให้คนยกไปส่ง”


 


 


เสี่ยวเอ้อร์วิ่งเหยาะๆ กลับมา บอกลูกค้ารอสักครู่ ประเดี๋ยวจะมีคนยกก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งมาส่ง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวบอกคนด้านหลังให้ต้มก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งสี่ชามนี้ออกมาก่อน ทั้งกำชับเหวินเป้า ประเดี๋ยวพอยกไปส่ง อย่าเพิ่งคิดเงินทันที ให้หลงจู๊เก็บเงินรวมสุดท้ายทีเดียว


 


 


ทุกคนทำงานว่องไว ไม่นานก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งรสชาติต่างกันสี่ชามก็ถูกยกลงจากเตา เหวินเป้าหยิบถาดวางก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งสี่ชามส่งมาที่เหลาจวี้เสียน บอกหลงจู๊ว่า “หลงจู๊ทำเสร็จแล้ว ไม่ทราบว่าลูกค้าโต๊ะไหนสั่งขอรับ?”


 


 


หลงจู๊ใช้มือบอก เหวินเป้ายกถาดเดินผ่านโต๊ะหลายตัว มาถึงโต๊ะของลูกค้า วางก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งทั้งสี่ชามต่อหน้าพวกเขาคนละชาม


 


 


บริเวณที่เหวินเป้าเดินผ่าน กลุ่มคนจะได้กลิ่นหอมประหลาดลอยผ่าน ต่างทำจมูกฟุดฟิด สายตาเคลื่อนตามร่างของเขาไปถึงโต๊ะตัวนั้น เห็นลูกค้าหยิบตะเกียบขึ้นกินคำโต อากัปกิริยาพออกพอใจนั้น ทำพวกเขาหวั่นไหว


 


 


เหวินเป้าหันหลังเดินมาโต๊ะคิดเงิน พูดกระซิบกับหลงจู๊ “แม่นางพวกเราบอกว่า ให้ท่านช่วยเก็บเงินค่าก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งด้วยขอรับ”


 


 


หลงจู๊เข้าใจโดยพลัน พยักหน้าพึงพอใจ


 


 


เหวินเป้าถือถาดเดินกลับไป ยังไม่ทันก้าวพ้นประตู ก็มีลูกค้าตะโกนพูด “ข้าขอด้วยหนึ่งชาม”


 


 


เสียงตะโกนฉับพลันนี้ ทำลูกค้าคนอื่นๆ ก็สั่งก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งให้มาส่งตามไปด้วย


 


 


หลงจู๊บอกให้เหวินเป้ากลับไป แล้วยิ้มพูดกับลุกค้า “ทุกท่านอยากได้กี่ชาม รสชาติอะไร บอกกับข้า ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อร์ไปสั่งให้ขอรับ”


 


 


ลูกค้าต่างบอกรสชาติที่ตัวเองต้องการ หลงจู๊จดบันทึกตามลำดับการสั่งก่อนหลังยื่นให้เสี่ยวเอ้อร์ ให้เขาส่งไปให้เมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


ช่วงเวลาไม่นาน ลูกค้าในร้านเปลี่ยนไปหลายชุดแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะผลจากกลยุทธ์ส่วนลด หรือคนที่กินแล้วนำไปโฆษณาบอกต่อ หรือเพราะบรรยากาศการเปิดร้านวันแรกเต็มไปด้วยความคึกคัก ดึงดูดให้คนเข้ามามาก สรุปก็คือลูกค้าในร้านมากขึ้นเรื่อยๆ ภายในร้านที่ใหญ่โตกว้างขวางเต็มไปด้วยผู้คน ไม่มีที่ว่างเลยสักที่


 


 


เมิ่งอี้และหวังหู่วิ่งวุ่นกันจนแม้แต่น้ำยังไม่มีเวลาดื่ม เส้นเสียงแหบแห้งไปตามๆ กัน


 


 


สะใภ้เหวินทั้งสามคนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้มีเวลายืดหลังขึ้นมาเลย


 


 


แม้แต่เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยุ่งจนเหนื่อยล้าไปหมด


 


 


เสี่ยวเอ้อร์นำรายการสั่งก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งรสชาติต่างๆ ที่ลูกค้าต้องการส่งมาให้ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือกลัดกลุ้มกันแน่


 


 


ยินดีที่ในที่สุดก็เป็นเหมือนกับที่ตนเองคาดคิดไว้ อาศัยใบบุญของเหลาจวี้เสียน ตนเองไม่ต้องป่าวประกาศก็มีลูกค้าเรียกร้องอยากซื้อก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง กลัดกลุ้มก็คือพวกเขาต้องการทีเดียวยี่สิบสามสิบชุด หากทำให้พวกเขาเสร็จ เกรงว่าลูกค้าในร้านตัวเองคงต้องทนรอไม่ไหว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมองลูกค้าที่นั่งรอกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเต็มร้าน แล้วมองใบรายการในมือ ขบคิดครู่หนึ่ง หยิบเงินอีแปะ ให้หูจื่อไปซื้อเม็ดก๋วยจี้จำนวนหนึ่งมา


 


 


หูจื่อคุ้นเคยกับในเมืองดี ไม่นานก็ซื้อเม็ดก๋วยจี้กลับมา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยววางเม็ดก๋วยจี้ไว้ในจานผักดอง วางไว้โต๊ะละจาน แล้วยิ้มพูดกับลูกค้าที่กระวนกระวายใจรอคอย “วันนี้ลูกค้าค่อนข้างมาก ทำให้ทำไม่ทัน ทุกท่านทำใจร่มๆ แทะเม็ดก๋วยจี้รอสักครู่นะเจ้าคะ”


 


 


ลูกค้าไม่เคยเจอเรื่องดีเช่นนี้มาก่อน นั่งรอก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งยังมีเม็ดก๋วยจี้ให้กินเล่น จิตใจที่กระสับกระส่ายค่อยผ่อนคลายลง คว้าเม็ดก๋วยจี้ขึ้นมากำหนึ่งกินไปพลางคุยไปพลาง


 


 


เสียงอึกทึกจางหายไปถนัดตา เมิ่งเชี่ยนโยวโล่งอก นำใบรายการของหลงจู๊วางตรงหน้าสะใภ้เหวินเหวินเปียว สั่งการนาง “ทำส่งไปให้เหลาจวี้เสียนก่อนห้าชาม จากนั้นค่อยทำในร้านห้าชาม แล้วทำวนกลับไป กระทั่งทำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่ส่งให้เหลาจวี้เสียนเสร็จ”


 


 


สะใภ้เหวินเปียวพยักหน้ารับ


 


 


แม้ลูกค้าที่ยังไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งในร้านไม่ส่งเสียงร้องเร่งเร้าแล้ว แต่ด้านนอกยังมีคนเดินเข้ามาไม่ขาด ลูกค้าที่กินแล้วยังไม่ย่อยดี ก็จะถูกคนด้านหลังรบเร้าไล่กดดัน ต้องการที่นั่ง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นว่าไม่ได้การ หันไปบอกเมิ่งอี้ “พี่เมิ่งอี้ เช่นนี้ไม่ถูกต้อง พวกเราต้องคิดหาวิธีหาคนมาช่วยเพิ่ม”


 


 


สิ้นเสียง ด้านนอกมีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา คนนำหน้าเดินไปพลางพูดว่า “ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเป็นอาหารแปลกใหม่ วันนี้ข้าเลี้ยงเอง ทุกคนกินกันให้เต็มที่”


 


 


สิ้นเสียงก็เดินเข้ามาในร้านแล้ว ตะโกนพูดเสียงลั่น “พวกเราต้องการห้า…”


 


 


คำต่อจากนั้นถูกกลืนกลับลงไปหลังจากเห็นเมิ่งเชี่ยนโยว ไม่พูดพร่ำทำเพลง หันหลังเตรียมเผ่น


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาให้ดีใจยกใหญ่ ตะโกนดังลั่น “หยุดเดี๋ยวนี้” 

 

 


ตอนที่ 230-1 ป้ายหยกปรากฏ สืบถามเหวิน...

 

ซุนวั่งหยุดชะงักฝ่าเท้า ยืนแน่นิ่งไม่ขยับ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมาจากโต๊ะคิดเงิน เดินอ้อมตัวพวกเขามาหยุดตรงหน้าเขา ยิ้มตาหยีพูดว่า “ท่านพ่อตา ไม่ได้เจอกันนานนะเจ้าค ะ”


 


 


ซุนวั่งเห็นนางยิ้มหวานก็ให้ขนหัวลุก ตกใจขนลุกชูชันไปทั้งตัว ถอยหลังไปโดยอัตโนมัติสองสามก้าว ถามอย่างหวาดผวา “เจ้าคิดจะทำอะไร?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวคงสภาพสีหน้าเดิม ชี้สภาพภายในร้านแย้มยิ้มหวานพูดว่า “ท่านดูเถิด คนเข้ามาในร้านมากเกินไป พวกเราทำงานไม่ทัน พอจะขอให้ท่านช่วยได้หรือไม่?”


 


 


น้ำเสียงที่เมิ่งเชี่ยนโยวซักถาม บวกกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม ใครต่างก็คิดว่านางถามด้วยความสุภาพเกรงใจ มีเพียงซุนวั่งที่รู้ว่า หากเขาไม่รับปาก วันนี้คงไม่มีวันได้ออกไปจากประตูนี้ แต่พอเขากวาดตามองเพื่อนที่มาด้วยกัน ให้รู้สึกว่าจะมาขายหน้าต่อหน้าพวกเขาไม่ได้ จึงปฏิเสธอย่างชัดเจน ริมฝีปากสั่นระริก “ข้าทำอะไรไม่เป็นทั้งนั้น จะช่วยอะไรเจ้าได้?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งไม่เข้าใจความหมายของเขา พูดอย่างไม่เคืองโกรธ “ช่วยได้ ท่านเพียงคอยเก็บเงินอยู่ตรงนั้นได้หรือไม่”


 


 


ครอบครัวซุนวั่งทำการค้า ย่อมต้องเรียนรู้การเก็บเงินคิดบัญชีมาแต่เยาว์ หากเขาพูดต่อหน้าคนมากมายว่าตนเองเก็บเงินไม่เป็น ก็เท่ากับตบหน้าตัวเองดังฉาด ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ไม่พูดว่าตกลงหรือไม่ตกลง


 


 


กลุ่มเพื่อนที่มาในวันนี้ของซุนวั่งเพิ่งจะคบหากัน ย่อมไม่รู้จักเมิ่งเชี่ยนโยว เห็นซุนวั่งมีท่าทีไม่เต็มใจ จึงเอ่ยปากช่วยพูดแทนเขา “แม่นางน้อย เมื่อท่านพี่ซุนวั่งไม่ยินดีช่วยเจ้า เจ้าก็อย่าฝืนใจบังคับเขาเลย”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมองซุนวั่ง น้ำเสียงเจือแววข่มขู่ ถามเขา “ท่านพ่อตา ท่านไม่ยินดีจะช่วยงานนี้หรือ?”


 


 


ซุนวั่งรับรู้ได้ถึงลมเย็นวาบผ่านลำคอ ตกใจพยักหน้าฉับพลัน “ข้ายินดี ข้ายินดี”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปแบมือยักไหล่ใส่เพื่อนๆ ของเขา ยิ้มตาหยีพูดว่า “พวกท่านเห็นไหม ท่านพ่อตายินดีจะช่วย”


 


 


กลุ่มเพื่อนของเขามองเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วมองซุนวั่ง ถามอย่างฉงน “ท่านพี่ซุนวั่ง เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าท่านหวาดกลัวเด็กสาวคนนี้?”


 


 


ซุนวั่งมองเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง ยืดตัวแอ่นอกฝืนตอบกลับว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร?”


 


 


หนึ่งคนในนั้นถามต่อ “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าท่านไม่ยินดีอย่างเห็นได้ชัด ไยจึงตกลงรับคำเล่า?”


 


 


ซุนวั่งยังคงแอ่นอกตอบกลับ “หาใช่ไม่ เราสองครอบครัวเกี่ยวดองกันแล้ว ร้านนางงานยุ่งจนทำไม่ทัน ข้าอยู่ช่วยก็สมควรแล้ว”


 


 


แม้พวกเขาจะยังกังขา ทว่าซุนวั่งกล่าวเช่นนี้แล้ว พวกเขาจึงไม่รู้จะพูดอย่างไรอีก


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มพูดกับทุกคน “ต้องขอโทษพวกท่านด้วย ท่านพ่อตาต้องอยู่ช่วยที่นี่ พวกท่านค่อยมาวันหลังเถิดนะเจ้าคะ”


 


 


คนหนึ่งโบกมือ “ไม่เป็นไร ท่านพี่ซุนวั่งทำงานเถอะ พวกเรากินของพวกเราเอง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าถาม “เช่นนั้นใครเป็นคนจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยว”


 


 


อีกคนหนึ่งตอบกลับ “ย่อมต้องเป็นท่านพี่ซุนวั่ง เพราะเขาที่ชวนพวกเรามา”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวลากเสียงยาว ถามซุนวั่งอย่างเชื่องช้าวังเวง “งั้น…หรือ?”


 


 


ซุนวั่งตกใจตัวสั่นเทิ้ม ลนลานโบกมือพูดว่า “วันนี้ข้าต้องอยู่ช่วยที่ร้าน ไม่ว่างดูแลพวกเจ้า พวกเราค่อยรวมตัวกันทีหลังเถอะ” พูดจบ ขยิบตาให้พวกเขาไม่หยุด


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยืนมองท่าทีเขาอีกด้าน ไม่พูดสิ่งใด


 


 


คนกลุ่มนั้นคงถูกกลิ่นหอมของก๋วยเตี๋ยวเย้ายวนจนไม่ได้สติ พอได้ยินซุนวั่งบอกว่าไม่เลี้ยงแล้ว ก็ให้ร้อนรน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านพี่ซุนวั่ง ท่านทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ท่านเป็นคนเชิญพวกเรามาเองแท้ๆ เหตุใดถึงกลับคำพูดเล่า?”


 


 


ซุนวั่งขยิบตาจนเกือบจะเป็นตะคริวแล้ว เห็นพวกเขาไม่ยอมเข้าใจความหมายของตัเวอง เริ่มร้อนใจ พูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “ข้าบอกจะเลี้ยงพวกเจ้าก็ถูก แต่ตอนนี้ข้ายุ่ง เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่รู้ความบ้าง”


 


 


คนทั้งหมดเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน ความสัมพันธ์ยังไม่ลึกซึ้ง ได้ยินซุนวั่งกล่าวว่าพวกเขาต่อหน้าคนมากมาย หน้าบางรับไม่ได้ ตอกกลับอย่างเกรี้ยวกราด “เป็นเจ้าที่พูดออดอ้อนเชิญพวกเรามา ตอนนี้กลับเป็นพวกเราที่ไม่รู้ความ คนชั้นต่ำตลบตะแลงเช่นเจ้า ต่อไปพวกเราจะไม่แยแสอีก”


 


 


คนทั้งหมดพยักหน้าสมทบ


 


 


ปกติซุนวั่งจะได้รับการยกย่องต่อหน้าคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ก็ให้เคืองขุ่น “มีครั้งไหนออกมาไม่ใช่ข้าเลี้ยงข้าวพวกเจ้า ไม่แยแสก็ดี ข้าจะได้ประหยัดเงินไม่น้อย”


 


 


“เจ้า…” คนทั้งหมดสะอึกกึกพูดไม่ออก สะบัดชายแขนเสื้อ หมุนตัวโกรธเกรี้ยวออกไปจากร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวแอบขำในใจ ต่อหน้ากลับชูนิ้วโป้งให้ซุนวั่ง “ท่านพ่อตายอดเยี่ยมที่สุด พวกหน้าด้านหน้าทนสมควรโดนเช่นนี้แล้ว”


 


 


เห็นพวกเขาจากไป ซุนวั่งให้เสียใจยิ่งนัก เผยอปากจะร้องเรียกพวกเขา เมิ่งเชี่ยนโยวกลับพูดเช่นนี้ ใบหน้าแดงเรื่อ ลูบจมูกตัวเองไม่พูดอะไร


 


 


มีซุนวั่งมาช่วยสับเปลี่ยน เมิ่งเชี่ยนโยวไปช่วยต้อนรับลูกค้าหน้าประตูแทน เมิ่งอี้และหูจื่อลดแรงกดดันไปได้ไม่น้อย


 


 


ยุ่งวุ่นวายมาถึงช่วยบ่าย ถึงไม่มีลูกค้าในร้านแล้ว แต่คนในร้านรวมถึงซุนวั่งต่างเหนื่อยสายตัวแทบขาด


 


 


หลงจู๊เหลาจวี้เสียนเข้ามาคิดบัญชีให้เมิ่งเชี่ยนโยว เห็นแต่ละคนเหนื่อยล้าอ่อนแรง ยกยิ้มพูดว่า “เปิดร้านวันแรก พวกท่านตระเตรียมคนไม่พร้อม เลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นเช่นนี้ ต่อไปเมื่อเข้าที่เข้าทางแล้วก็จะดีเอง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนม้านั่ง โบกมือให้หลงจู๊ ถือว่าทักทายเขาแล้ว พูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้าคาดการณ์ผิดเอง ข้านึกว่าวันแรกจะไม่มีคนเข้ามากินมาก จึงไม่ได้เตรียมคนไว้มากๆ โชคดีที่ได้พี่หูจื่อและท่านพ่อตามาช่วย ไม่เช่นนั้นวันนี้ได้โกลาหลไม่เป็นท่าเป็นแน่”


 


 


หลงจู๊ไม่เคยเห็นท่าทีเกียจคร้านเช่นนี้ของเมิ่งเชี่ยนโยวมาก่อน รู้ว่านางเหน็ดเหนื่อยมากจริงๆ ยกยิ้มสายหน้า นำเงินค่าก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งออกมา “นี่เป็นเงินค่าก๋วยเตี๋ยวที่ลูกค้ากินไปวันนี้ทั้งหมด แม่นางตรวจดูก่อนว่าถูกหรือไม่”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่แม้แต่จะยกมือ ยกคางเล็กน้อยไปทางซุนวั่ง “มอบให้เขาเถอะ”


 


 


หลงจู๊ยิ้มแล้วนำเงินมาวางบนโต๊ะคิดเงิน


 


 


ซุนวั่งรับปากอย่างแกนๆ ตรวจกับใบรายการที่หลงจู๊เขียนมาให้ก่อนหน้า ครบถ้วนพอดี หยิบพู่กันจรดลงบนสมุดบัญชี


 


 


หลงจู๊อยู่ในเมืองมาหลายปี ย่อมรู้จักซุนวั่ง รู้ว่าเขาเป็นคนมีนิสัยเช่นไร เห็นเขาช่วยจดบัญชีให้อย่างว่านอนสอนง่าย เกิดความประหลาดใจ พินิจมองเขาไม่วางตา


 


 


ซุนวั่งไม่ได้เขลา รู้ความหมายแฝงในแววตาเขาที่มองมา ใบหน้าแดงวาบ


 


 


หลงจู๊รีบเก็บคืนสายตาตนเอง ยิ้มพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “ข้ากลับก่อนนะ หากมีเรื่องอะไรให้ข้าช่วย ให้คนไปตะโกนเรียกได้”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น เดินออกมาส่งเขา พูดว่า “ขอบคุณหลงจู๊มาก พวกเราจะพักสักครู่หนึ่ง พอเก็บของเสร็จก็จะกลับบ้านเจ้าค่ะ”


 


 


หลงจู๊หยุดชะงัก ประหลาดใจถาม “การค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า พวกเจ้าไม่ขายตอนค่ำด้วยหรือ?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “วันนี้ต่างเหนื่อยล้ากันแย่แล้ว หากเปิดตอนค่ำอีก เกรงจะต้องเหนื่อยจนสามวันก็ลุกไม่ขึ้น พักก่อนดีกว่า น้ำไหลแต่น้อยจะไหลได้ยาวนาน”


 


 


หลงจู๊พยักหน้า ไม่พูดมากอีก เดินกลับไปเหลาจวี้เสียน


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตะโกนเรียกขบวนปี่แตรด้านนอกเข้ามา สั่งสะใภ้เหวินทั้งสามคน “ไปต้มก๋วยเตี๋ยวมาให้พวกเขาคนละชาม ให้พวกเขากินก่อนกลับบ้าน”


 


 


ทั้งสามพยักหน้า เดินไปที่ครัวด้านหลัง


 


 


หัวหน้าขบวนปี่แตรตกใจโบกไม้โบกมือ “แม่นาง ไม่ได้เด็ดขาด พวกเราไปซื้อวอโถว[1]ทางโน้นมากินก็ได้แล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดกับพวกเขา “ข้าเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวพวกท่านเอง พวกท่านเหนื่อยมานานแล้ว อย่าปฏิเสธเลย”


 


 


ขบวนปี่แตรกล่าวขอบคุณไม่หยุด


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ พูดกับซุนวั่ง “จ่ายเงินค่าแรงในวันนี้ให้พวกเขา คนละห้าสิบอีแปะ”


 


 


ซุนวั่งจ่ายเงินค่าแรงให้พวกเขาทีละคน ทั้งจดลงสมุดบัญชีอย่างเป็นระบบ


 


 


 


 


 


 


[1] วอโถว อาหารประเภทแป้งของคนจีนทางเหนือ ทำจากแป้งข้าวโพดและถั่วเหลือง รูปร่างคล้ายหมั่นโถวแต่รสชาติจะแห้งกระด้างกว่า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)