ข้ามกาลบันดาลรัก 228.2-228.3
ตอนที่ 228-2 ผิดจากที่คาดไว้
ท่านอาจารย์โจวพูดต่อ “เชื่อว่าช่วงเวลานี้พวกเจ้าคงจะได้ยินมาบ้าง บ้านเมิ่งไม่เพียงรับอี้เซวียนมาเลี้ยง ทั้งยังหมั้นหมายแม่นางเมิ่งและเขาไว้ตั้งแต่เล็ก หากท่านอ๋องฉียอมรับการแต่งงานนี้ แม่นางเมิ่งก็คือว่าที่พระชายาองค์ชาย พวกเรารับปากการแต่งงานนี้ จะได้เกี่ยวดองกับครอบครัวแม่นางเมิ่งแนบแน่นไปอีกขั้น ภายหน้าเมื่อพวกเราอยู่ในเมืองหลวง จะได้มีเชือกป้องกันอีกเส้น มีเรื่องอันใดสามารถขอร้องนาง ให้ช่วยคุ้มครองความปลอดภัยได้”
โจวเสี้ยวพูดว่า “แต่ข้าได้ยินมาว่าเด็กคนนั้นเกิดมาก็ถูกจับหมั้นหมายกับคุณหนูท่านเสนาบดีฝ่ายกลาโหมตั้งแต่เกิดแล้ว การแต่งงานนี้เกรงว่าจะไม่มีทาง”
ท่านอาจารย์โจวส่ายหน้า “พ่อพบเจอคนมานับไม่ถ้วน ไม่มีทางมองพลาดแน่นอน แม่นางเมิ่งคนนี้เป็นคนมีปณิธานแรงกล้า ในอนาคตข้างหน้า จักเป็นที่รู้จักไปทั่วล้า ยังมีอี้เซวียน หากได้รับการสอนสั่งอย่างเต็มที่ จักมีความสามารถรอบด้านทั้งบุ้นและบู๋ หากสองคนนี้รวมพลังกัน เกรงว่ายากจะมีใครเป็นคู่ต่อสู้ได้ ท่านอ๋องฉีก็เป็นคนใจดีมีเมตตา บ้านเมิ่งเลี้ยงดูเด็กคนนี้ด้วยความลำบากมานานหลายปี เขาไม่มีทางทำลายการแต่งงานนี้ ดังนั้นการแต่งงานนี้มีความเป็นไปได้สูง ส่วนเรื่องคุณหนูของท่านเสนาบดีฝ่ายกลาโหม เกรงจะต้องถอยให้ก้าวหนึ่งแล้ว”
โจวเสี้ยวและโจวหลี่เชื่อฟังท่านอาจารย์โจวมาตลอด ละความกังวลใจลง พยักหน้าเห็นชอบ “เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราเห็นด้วยกับการแต่งงานนี้แล้ว”
ท่านอาจารย์โจวพูดอีกว่า “แม้การแต่งงานนี้จะได้ประโยชน์มากกว่าโทษ แต่อิ๋งเอ๋อร์เป็นลูกหลานที่พวกเรารักใคร่ฟูมฟักมาแต่น้อย พ่อก็ไม่อยากให้นางรู้สึกไม่เป็นธรรม ถามความเห็นนางเสียหน่อยเถอะ หากนางรับปาก พวกเราก็ยินดี หากนางไม่ยินยอม พวกเราจะไม่ฝืนบังคับ ทำได้เพียงพานางกลับเมืองหลวง ร่วมหัวจมท้ายไปกับพวกเรา”
โจวเสี้ยวลุกขึ้น “ข้าจะไปถามความเห็นนางเดี๋ยวนี้”
ท่านอาจารย์โจวพยักหน้า
โจวหลี่จากไป
ท่านอาจารย์โจวและโจวหลี่รออยู่ในหน้อง
ผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ โจวเสี้ยวและสะใภ้ใหญ่โจวก็พาโจวอิ๋งเข้ามาที่เรือน
สะใภ้ใหญ่โจวขอบตาแดงเรื่อ ดูเหมือนจะเพิ่งผ่านการร้องไห้มา ส่วนโจวอิ๋งกลับมีใบหน้าแดงฝาด
สะใภ้ใหญ่โจวและโจวอิ๋งแสดงการคำนับท่านอาจารย์โจว
ท่านอาจารย์โจวถามโจวอิ๋ง “เจ้ายินยอมกับการแต่งงานนี้หรือไม่?”
โจวอิ๋งยิ่งให้ใบหน้าแดงก่ำ พูดอย่างเขินอาย “แล้วแต่ท่านพ่อท่านแม่และท่านปู่ตัดสินใจเจ้าค่ะ”
ท่านอาจารย์โจวรู้คำตอบทันที พยักหน้า ถามสะใภ้ใหญ่โจว “เจ้าตำหนิที่พ่ออนุญาตการแต่งงานนี้หรือไม่”
สะใภ้ใหญ่โจวลนลานพูด “ลูกสะใภ้ทราบว่าท่านพ่อหวังดีต่ออิ๋งเอ๋อร์ ข้าเพียงคิดว่าภายหน้าจะต้องอยู่ไกลจากอิ๋งเอ๋อร์ พลันทำใจไม่ได้”
ท่านอาจารย์โจวปลอบใจนาง “เรื่องในอนาคตใครก็บอกไม่ได้ ไม่แน่ว่าสักวันอิ๋งเอ๋อร์ก็ต้องไปเมืองหลวง”
สะใภ้ใหญ่โจวรู้ดีว่านี่เป็นคำปลอบประโลมของท่านอาจารย์โจว จึงไม่ได้พูดอะไร
เรื่องการแต่งงานของโจวอิ๋งถือว่าตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คนทางครอบครัวเมิ่งกลับร้อนรนกระวนกระวาย
หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวออกมาจากเรือนท่านอาจารย์โจว ขบคิดเล็กน้อย ไม่ตรงไปบ้านเมิ่งจงจวี่ กลับมุ่งหน้ากลับมาบ้าน
ตั้งแต่ที่นางจากไป เมิ่งชื่อได้แต่อยู่ในบ้านอย่างไม่เป็นสุข เห็นนางกลับมาโดยไว หัวใจเย็นวาบ หยั่งเชิงถาม “ท่านอาจารย์โจวไม่เห็นชอบ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบว่า “เขาบอกว่าต้องหารือกับครอบครัวก่อน ภายในสามวันถึงจะให้คำตอบพวกเราเจ้าค่ะ”
“สามวัน นานไปหน่อยหรือไม่?” เมิ่งชื่อกระวนกระวายใจพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “ท่านอาจารย์โจวมิได้รีบปฏิเสธข้า แสดงว่าพวกเขาก็มีใจหวั่นไหว การแต่งงานนี้พวกเราอาจเอื้อมเกินไปจริงๆ พวกเขาขอเวลาใคร่ครวญหลายวันก็มีเหตุผล”
เมิ่งชื่อไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ได้ยินเพียงว่าท่านอาจารย์โจวมีใจหวั่นไหว ร้องยินดีถามพลัน “เช่นนี้ การแต่งงานนี้ก็มีความเป็นไปได้สูง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่กล้ารับรอง พูดเพียงว่า “ท่านแม่ ท่านอาจารย์โจวไม่ให้คำตอบ การแต่งงานนี้ใครก็รับประกันไม่ได้ว่าจะสำเร็จ พวกเราอดทนรออีกสามวันเถอะเจ้าค่ะ”
เมิ่งชื่อบ่นงึมงำอย่างผิดหวัง “วันเดียวแม่ก็รอไม่ไหวแล้ว อีกตั้งสามวัน แม่ไม่ขาดใจตายไปก่อนรึ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มส่ายหน้า
เมิ่งชื่อบ่นเสร็จ เก็บข้าวของเตรียมไปโรงงานกระเป๋านักเรียน
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ท่านแม่ สะใภ้โจวทั้งสองคนอาจจะอยู่หารือเรื่องการแต่งงานของแม่นางโจวที่บ้าน ไม่ได้ไปโรงงาน หากมีคนถาม ท่านก็บอกว่าพวกนางมีธุระที่บ้าน ส่วนที่ว่าเป็นเรื่องอะไร ท่านเองก็ไม่ทราบ”
เมิ่งชื่อพยักหน้า “รู้แล้ว”
เมิ่งอี้เซวียนสะพายกระเป๋านักเรียนเดินหน้าเปื้อนยิ้มออกมาจากในบ้าน เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเขา “หากว่าไม่ไหวจิรงๆ ก็จงบอกท่านอาจารย์ ให้เขาลดทอนวิชาเรียนลง”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้าดีใจ
ซุนเหลียงไฉและเมิ่งเจี๋ยเมิ่งชิงก็สะพายกระเป๋านักเรียนออกมา เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับพวกเขาอีกชุด
ทั้งสี่คนสะพายกระเป๋านักเรียนเดินพ้นประตูออกไปอย่างเบิกบาน
ภายในบ้านเงียบไปถนัดตา
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปที่ห้องฝั่งตะวันตก หยิบสมุนไพรจำนวนหนึ่งออกมา ค่อยๆ บดจนละเอียด เริ่มลงมือปรุงยารักษารอยแผลเป็น
สะใภ้เมิ่งต้าจินรอเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ในบ้าน รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มา สุดท้ายทนรอต่อไปไม่ไหว ลุกขึ้นพรวดตรงมาหานางที่โรงงาน
พวกอู๋ต้าบอกนางว่าวันนี้นายหญิงไม่ได้มาโรงงาน
สะใภ้เมิ่งต้าจินหัวใจเย็บวาบ ไม่มาโรงงาน และไม่ไปบ้านตนเอง การแต่งงานนี้อีกฝ่ายจะต้องไม่ยินยอม นางไม่มีหน้าเข้าไปส่งข่าว จึงไร้อารมณ์เข้าไปถามเมิ่งชื่อ เดินคอตกกลับไปที่บ้าน
เมิ่งอี้กำลังรออยู่ในบ้าน เห็นสีหน้ามารดาตนเองก็ให้ทุกข์ระทมใจ ทว่ายังพูดปลอบใจนาง “ไม่เป็นไรหรอก ท่านแม่ ข้าไม่เหมาะสมกับแม่นางโจวจริงๆ นางไม่ตกลงก็ไม่ผิดจากที่พวกเราคาดเดาไว้ ท่านอย่าได้เสียใจเลย นับแต่วันนี้ไป ลูกจะไม่ไปหน้าประตูโรงงานอีก”
สะใภ้เมิ่งต้าจินได้ฟังเจ็บปวดหัวใจ เกือบจะหลั่งน้ำตาออกมา กล่าวตำหนิตนเอง “เพราะแม้แท้ๆ หากตอนนั้นไม่ให้เจ้าไปทำงานภัตตาคาร ให้เจ้าอยู่บ้านศึกษาความรู้กับท่านปู่เหมือนพี่ใหญ่เจ้าอีกสองสามปี บางทีสกุลโจวอาจจะยอมรับการแต่งงานนี้”
เมิ่งอี้รีบร้อนพูด “ท่านแม่ ข้าสมัครใจไปทำงานเอง ท่านอย่าได้ตำหนิตัวเองเลย”
สะใภ้เมิ่งต้าจินพูดรับประกันกับเขา “วางใจเถอะ อี้เอ๋อร์ แม่จะหาคู่แต่งงานที่ดีให้เจ้าให้ได้”
เมิ่งอี้ฝืนยิ้มเจื่อนๆ ไม่ได้พูดอะไร
สองผู้เฒ่าเมิ่งก็ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้ว ต่างหันหน้ามองกัน ถอนหายใจยาว
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่คิดว่าความเกียจคร้านชั่ววูบของตัวเองจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดใหญ่โต ยังคงนั่งปรุงยาในบ้านอย่างสบายใจ
สองสะใภ้โจวและโจวอิ๋งไม่ได้ไปทำงานเหมือนที่เมิ่งเชี่ยนโยวพูด หญิงสาวที่หวังดีสอบถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เมิ่งชื่อบอกพวกนางไปตามที่เมิ่งเชี่ยนโยวสอน
ชีวิตปกติของทุกคน ล้วนมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย จึงไม่มีใครใส่ใจ
หลังจากครอบครัวท่านอาจารย์โจวหารือเรื่องการแต่งงานของโจวอิ๋งเสร็จ สะใภ้ใหญ่โจวไม่วางใจ พาตัวโจวอิ๋งเข้ามาในห้องตัวเอง ซักไซ้อย่างละเอียดว่านางยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้จริงๆ หรือไม่ หากไม่ยินดี ฉวยโอกาสที่ยังไม่ให้คำตอบบ้านเมิ่ง พูดออกมาก็ยังทัน
โจวอิ๋งเขินหน้าแดง พูดว่า “ท่านแม่ ข้าได้รับการสั่งสอนอย่างเข้มงวดจากท่านปู่และท่านพ่อมาแต่เยาว์ แทบจะประตูใหญ่มิได้ย่างกราย ประตูรองมิได้เหยียบย่าง เพื่อนสนิทรู้ใจก็มีไม่กี่คน นอกจากร่ำเรียนบัญญัติหญิง ก็เรียนงานบ้านงานเรือนกับท่าน เดิมข้านึกว่าชีวิตก็มีเพียงเท่านี้ แต่หลังจากที่มาอยู่ที่นี่ ข้าพบว่าที่แท้ยังมีชีวิตแบบนี้ ไม่ต้องปฏิบัติตัวเยี่ยงคุณหนู อยากหัวเราะก็หัวเราะ อยากร้องไห้ก็ร้องไห้ มีอิสระไร้กฏเกณฑ์ ข้าชอบชีวิตเช่นนี้ ดังนั้น ท่านแม่ ข้ายอมรับการแต่งงานนี้ด้วยใจจริง”
“แต่เจ้าถูกโอ๋มาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยทำไร่ไถนา ภายหน้าเจ้าแต่งงานออกไปจะมีแต่ชีวิตลำบาก” สะใภ้ใหญ่โจวกล่าวด้วยความกลัดกลุ้มกังวล
โจวอิ๋งและเหวินเหลียนอยู่ที่นี่มานาน จึงเรียนรู้พฤติกรรมนั้นของนางมา เดินเข้าคล้องแขนสะใภ้ใหญ่โจว พูดออดอ้อน “ท่านแม่ แต่งงานกับคนบ้านนอกหาได้จักต้องทำไร่ไถนาไม่ ท่านไม่เห็นหรือว่าคนในโรงงาน ในแต่ละวันหาเงินได้ตั้งเท่าไร? ข้ามีฝีมือการเรือนดี ต่อให้ไม่ทำกระเป๋านักเรียน ปักฉากกั้นลมก็สามารถหาเงินได้ไม่น้อย ท่านอย่าได้เป็นกังวลแทนข้าอีกเลย”
สะใภ้ใหญ่โจวเห็นโจวอิ๋งคล้องแขนตนเอง ความรู้สึกปะดังปะเดเข้ามา บุตรสาวมิได้มีพฤติกรรมออดอ้อนเช่นนี้มาหลายปีแล้ว ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย จึงยอมวางใจลง พูดว่า “เมื่อเจ้าชอบชีวิตเบาสบายมีอิสระเช่นนี้ แม่ก็จะไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่ไม่รู้ว่าพี่รองของแม่นางเมิ่งจะเป็นคนเยี่ยงไร”
โจวอิ๋งยิ่งให้หน้าแดงฝาด “ท่านแม่เคยพบเขาแล้ว ก็คือคุณชายคนที่จะมายืนหน้าประตูโรงงานหลังเวลาเลิกงานทุกวันอย่างไรเจ้าคะ”
สะใภ้ใหญ่โจวพยายามย้อนคิดทบทวน ในความทรงจำมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งลางๆ ทว่าไม่เคยพินิจมองให้ดี ตอนนี้เห็นบุตรสาวกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าแดงเรื่อ เกิดแสงสว่างวาบในสมอง ถามขึ้นอย่างไม่เชื่อ “อย่าบอกว่าเขามาเพื่อมองเจ้าทุกวันนะ?”
โจวอิ๋งหน้าแดงจนคั้นเป็นหยดเลือดได้แล้ว
สะใภ้ใหญ่โจวร้องอุทาน “สวรรค์ อิ๋งเอ๋อร์ อย่าบอกว่าเจ้าพึงใจเขาแต่แรกแล้วหรอกนะ? พวกเจ้าไปมีปฏิสัมพันธ์กันตอนไหน?”
โจวอิ๋งถูกสะใภ้ใหญ่โจวถามเรื่องหัวใจ อายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ก้มหัวงุดพูดเสียงเบา “ท่านแม่ยังจำตอนเก็บเกี่ยวมันฝรั่งได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าเกือบล้มคว่ำ มีคุณชายคนหนึ่งเข้ามาประคองข้าไว้ ทำให้ข้าไม่ต้องอับอายต่อหน้าคนมากมาย ก็คือเขาเจ้าค่ะ”
สะใภ้ใหญ่โจวตกตะลึงครู่ใหญ่ถึงพูดว่า “อิ๋งเอ๋อร์ เรื่องใหญ่เช่นนี้เจ้ากลับปิดบังแม่ จะให้แม่พูดอย่างไรดี”
โจวอิ๋งก้มหน้าพูดเสียงแผ่ว “แม้ข้าจะรู้สึกดีกับเขา แต่เรื่องศีลธรรมความถูกต้องข้าก็ยังเข้าใจดี หากไม่เพราะวันนี้แม่นางเมิ่งมาทาบทามสู่ขอ ข้าไม่มีทางพูดเรื่องนี้ออกมาเด็ดขาด”
บุตรสาวมีความรู้สึกดีต่อเมิ่งอี้ สะใภ้ใหญ่โจวก็ให้วางใจอย่างสิ้นเชิง ยามเที่ยงก็ได้บอกเรื่องนี้กับโจวเสี้ยว
เดิมโจวเสี้ยวยังรู้สึกผิดต่อบุตรสาวบ้าง พอได้ยินสะใภ้ใหญ่โจวพูดเช่นนี้ รู้ว่าบุตรสาวก็พอใจเมิ่งอี้ ดีอกดีใจ เข้าไปหาท่านอาจารย์โจวหารือกำหนดการแต่งงานนี้โดยเร็วทันที
ท่านอาจารย์โจวพยักหน้าอนุญาต หลังจากสอนช่วงบ่ายเสร็จ ท่านอาจารย์ฝากให้เมิ่งอี้เซวียนไปบอกเมิ่งเชี่ยนโยว ให้นางเข้ามาหา
ตอนที่เมิ่งอี้เซวียนกลับมาถึงบ้าน เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังรวบรวมเด็กๆ บ้านเหวินและเมิ่งเจี๋ยเมิ่งชิงมาบดยาให้นาง ทั้งให้สัญญากับพวกเขา “ต่อไปหลังจากพวกเจ้าเลิกเรียนกลับมา ให้มาช่วยข้าบดยา ข้าจะให้พวกเจ้าคนละสองอีแปะต่อวัน”
สำหรับพวกเด็กๆ แล้ว เงินสองอีแปะเป็นจำนวนที่สูงมาก เมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่งจะพูดจบ เด็กๆ ก็ไชโยโห่ร้อง มีเพียงซุนเหลียงไฉที่เบ้ปาก พูดด้วยใบหน้าดูแคลน “แค่สองอีแปะ หลอกใช้แรงงานเด็กชัดๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตาใส่เขา พูดว่า “รีบกลับเข้าห้องไปทำการบ้าน หากปีหน้าสอบถงเซิงไม่ได้ ข้าจะให้ท่านอาจารย์เพิ่มการเรียนเจ้าเพิ่มอีกวันละหนึ่งชั่วยาม”
ซุนเหลียงไฉหน้าถอดสี ลนลานสะพายกระเป๋านักเรียนเข้าไปทำการบ้านในห้องทันที
เมิ่งอี้เซวียนเดินยิ้มมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว พูดว่า “ท่านอาจารย์บอกให้เจ้าไปหาเขาที่บ้าน มีเรื่องอยากจะหารือกับเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า กำชับพวกเด็กๆ “พวกเจ้าห้ามนำยาที่บดแล้วมาวางปนกัน พอข้ากลับมาจะจ่ายค่าแรงให้พวกเจ้า”
เด็กๆ ขานรับเบิกบาน
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้บอกกล่าวเมิ่งชื่อ ผลุนผลันเดินมาถึงบ้านท่านอาจารย์
ตอนที่ 228-3 ผิดจากที่คาดไว้
บ่าวเฝ้าประตูได้รับคำสั่งก่อนแล้ว พาเมิ่งเชี่ยนโยวเดินตรงเข้ามาในลานเรือน เรียนบอก “นายท่าน นายหญิง แม่นางเมิ่งมาแล้วขอรับ”
ท่านอาจารย์ไม่ได้ตอบความ สะใภ้ใหญ่โจวเดินออกมาต้อนรับนาง พูดอย่างสนิทสนม “แม่นางเมิ่ง รีบเข้ามาด้านในเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มส่งเสียงทักทาย “ฮูหยินโจว” แล้วเดินตามนางเข้าไป
ภายในห้องมีคนจำนวนมาก ไม่เพียงมีท่านอาจารย์โจวและภรรยา โจวเสี้ยวและภรรยา แม้แต่โจวหลี่และภรรยาก็อยู่ด้วย ทุกคนต่างมองนางด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เห็นภาพตรงหน้านี้ ความกังวลใจของเมิ่งเชี่ยนโยวหดหายกลับคืนสู่สภาพปกติ จากสภาพการณ์นี้ พวกเขาคงจะเห็นด้วยกับการแต่งงานนี้แล้ว
เป็นจริงดังคาด เมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่งจะนั่งลงจากคำเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเองของสะใภ้ใหญ่โจว ท่านอาจารย์โจวก็เอ่ยปากพูดว่า “แม่นางเมิ่ง พวกเราทั้งครอบครัวหารือกันแล้ว ยินยอมให้อิ๋งเอ๋อร์และพี่รองของเจ้าแต่งงานกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวด้วยความปิติ “ดียิ่งนัก ข้าจะกลับไปบอกท่านปู่ท่านย่าและลุงใหญ่เดี๋ยวนี้” พูดจบก็ลุกขึ้น
ท่านอาจารย์โจวร้องเรียกนาง “ช้าก่อนแม่นางเมิ่ง พวกเรายังมีเงื่อนไขไม่ทราบว่าพวกเจ้าจะยอมรับปากหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งกลับลงไปอีกครั้ง พูดอย่างอ่อนน้อม “ท่านพูดเถิด ขอเพียงพวกเราทำได้ จะต้องยอมรับปาก”
ท่านอาจารย์โจวพูดว่า “หนึ่ง พวกเรามาพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว ไม่มีเครือญาติร่วมงาน ดังนั้นพิธีหมั้นพวกเราอยากขอให้จัดอย่างยิ่งใหญ่ นอกจากของหมั้นหมายที่ห้ามขาดแม้เพียงชิ้นเดียวแล้ว คนที่มาร่วมพิธีหมั้นก็ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว อีกอย่าง ตอนที่พวกเจ้าเข้ามาหมั้นหมาย จะต้องหาบของหมั้นเดินวนหมู่บ้านหนึ่งรอบ ให้ชาวบ้านเห็นว่าครอบครัวเจ้าให้ความสำคัญต่ออิ๋งเอ๋อร์มากเพียงใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างระวัง “ของหมั้นหมายนี้ท่านต้องการใช้ประเพณีเมืองหลวงหรือประเพณีชนบท?”
“เข้าเมืองตาหลิ่ว พวกเราย่อมทำตามประเพณีแบบชนบทของพวกเจ้า พวกเราไม่เรียกร้องว่าของหมั้นหมายต้องโดดเด่น พวกเราขอเพียงให้พวกเจ้าพาคนมามากหน่อย แสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญต่ออิ๋งเอ๋อร์ของพวกเรา” ท่านอาจารย์โจวกล่าว
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบทันควัน “เช่นนั้นไม่มีปัญหา เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า ท่านอยากให้มากี่คนพวกเราก็จะมาเท่านั้นคน”
ท่านอาจารย์โจวพูดต่อ “สอง ตอนที่หมั้นหมาย พวกเราจะทำผิดธรรมเนียม ให้พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายออกหน้า”
ข้อนี้เมิ่งเชี่ยนโยวก็รับปากเต็มคำ
ท่านอาจารย์โจวพูดต่อ “เงื่อนไขสุดท้ายอาจจะมากเกินไปบ้าง พวกเจ้าจะต้องรับปาก ให้พี่รองของเจ้าพูดรับรองต่อหน้าชาวบ้าน ไม่ว่าภายหน้าจะยากดีมีจนอย่างไร ก็ห้ามละเลยอิ๋งเอ๋อร์ของพวกเรา และห้ามมีความคิดนอกลู่นอกทาง จะต้องมีอิ๋งเอ๋อร์เป็นภรรยาเป็นคนเดียว แน่นอนว่าพวกเราก็ขอรับประกันว่า อิ๋งเอ๋อร์จะเชื่อฟังสามีอบรมบุตรหลาน กลมเกลียวรักใคร่สามีตราบจนชีวิตจะหาไม่”
เงื่อนไขนี้ก็ไม่ถือว่าลำบากอะไร เพราะไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ครอบครัวท่านอาจารย์โจวย้ายออกไป ทิ้งโจวอิ๋งไว้คนเดียวไม่มีบ้านฝ่ายหญิงพึ่งพิง จักต้องให้พวกเขาวางใจลงบ้าง เมิ่งเชี่ยนโยวจึงพยักหน้ารับคำ “ข้อนี้ก็ไม่มีปัญหา ข้าออกปากรับแทนพี่รองได้เลยเจ้าค่ะ”
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวตบปากรับคำทันควัน ครอบครัวสกุลโจวต่างแย้มยิ้มอย่างสุขใจ
ท่านอาจารย์โจวผ่อนคลายอารมณ์ลงไปได้มาก ลูบเคราคลี่ยิ้มพูดว่า “เมื่อพวกเจ้าสามารถทำตามเงื่อนไขได้ทั้งสามข้อ เช่นนั้นก็หาวันฤกษ์งามยามดียกขบวนเข้ามาสู่ขอเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบลุกขึ้นยืน แสดงความคำนับชุดใหญ่ต่อท่านอาจารย์ ขอบคุณด้วยใจจริงที่เขายอมปล่อยวางค่านิยมความเท่าเทียมยอมรับการแต่งงานนี้
ท่านอาจารย์โจวก็ไม่เบี่ยงบ่าย หัวเราะเหอะๆ รับการคำนับชุดใหญ่จากนาง พูดว่า “แม่นางเมิ่ง อิ๋งเอ๋อร์ยังเด็ก หวังว่าภายหน้าเมื่อพวกเราจากไปแล้วเจ้าจะดูแลนางเรื่อยไป”
“ท่านอาจารย์วางใจเถอะ แม่นางอิ๋งเอ๋อร์แต่งมาอยู่สกุลพวกเรา ก็คือคนในสกุลพวกเรา ไม่ต้องให้ท่านพูด พวกเราก็ต้องดูแลนางเป็นอย่างดี” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
โจวเสี้ยวและภรรยา รวมถึงโจวหลี่และภรรยาต่างไม่ได้ปริปากพูด กระทั่งเมิ่งเชี่ยนโยวขอตัวลา สะใภ้ใหญ่โจวและสะใภ้รองโจวถึงแย้มยิ้มเดินออกมาส่งนางถึงนอกประตูใหญ่
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกให้พวกนางส่งเพียงเท่านี้ ก้าวเท้าฉับๆ ตรงไปบ้านเมิ่งจงจวี่อย่างสุขสำราญใจ
สองสะใภ้โจวมองนางเดินไปไกลแล้ว ถึงหันหลังกลับเข้าบ้าน
สะใภ้เมิ่งต้าจินคาดเดาฝ่ายเดียวว่าสกุลโจวไม่ตอบรับการแต่งงานนี้ ทำเอาบรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความอึมครึมหมองมัว
แม้จะอยู่ในการคาดเดาของตัวเอง เมิ่งจงจวี่ก็ยังเอาแต่ถอนหายใจไม่หยุด เกรงว่าหากท่านอาจารย์โจวโกรธเคืองล้มเลิกการสอนอี้เซวียน พาคนทั้งครอบครัวกลับบ้านเกิด ยิ่งให้เสียใจที่ตอนนั้นไม่ห้ามปราบให้มากกว่านี้
เมิ่งต้าจินก็หน้าเ**่ยวคอตก นั่งไม่พูดอะไรบนเก้าอี้
สะใภ้เมิ่งต้าจินยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีแม้แต่อารมณ์จะทำอาหารค่ำ
เมิ่งอี้เห็นทุกคนมีสภาพเช่นนี้ ให้ตำหนิโทษตัวเอง คอยพูดปลอบใจพวกเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในบ้าน เห็นสภาพของทุกคน มึนงงถามขึ้น “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”
สะใภ้เมิ่งต้าจินฝืนยกยิ้มให้นาง ร้องทักทายนางอย่างไร้อารมณ์ “โยวเอ๋อร์มาแล้ว นั่งก่อนเถอะ”
หญิงชราเมิ่งนั่งขัดสมาธิบนเตียง ตีที่นั่งข้างๆ ตัวเอง ร้องเรียกให้นางมานั่งข้างตนเองเหมือนเคย
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปนั่งข้างหญิงชราเมิ่ง ถามด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่เจ้าคะ?”
เมิ่งจงจวี่ถอนหายใจ “โยวเอ๋อร์ หวังว่าท่านอาจารย์จะไม่พาลโกรธก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งให้งงงวย “ท่านปู่ ท่านพูดอะไร เหตุใดข้าถึงฟังไม่เข้าใจ เหตุใดท่านอาจารย์ต้องพาลโกรธเจ้าคะ?”
“ท่านอาจารย์มิได้ตอบตกลงการแต่งงานนี้หรือ? ท่านปู่เจ้ากลัวท่านอาจารย์จะพาลโกรธอี้เซวียนไปด้วย ได้แต่พะว้าพะวงไม่เป็นสุข” หญิงชราเมิ่งหวังดีอธิบายให้นางฟัง
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งไม่เข้าใจหนัก “ใครบอกพวกท่านว่าท่านอาจารย์ไม่ตอบตกลงการแต่งงานนี้เจ้าคะ?”
สะใภ้เมิ่งต้าจินตอบกลับอย่างเศร้าหมอง “เจ้าเข้าไปบ้านท่านอาจารย์ตั้งแต่เช้า เพิ่งจะมาตอนนี้ ไม่ใช่เพราะกลับไปคิดว่าจะพูดกับพวกเราอย่างไร เพื่อไม่ให้พวกเราต้องผิดหวังหรือ?”
“คุณพระช่วย!” เมิ่งเชี่ยนโยวร้องอุทาน “ที่ข้ามิได้เข้ามาเพราะท่านอาจารย์บอกว่าขอเวลาตัดสินใจ ข้าจึงคิดว่ารอพวกเขามีคำตอบแน่ชัดแล้วค่อยเข้ามา”
เมิ่งต้าจินเงยหน้าพรึ่บ หยั่งเชิงถาม “เช่นนั้นที่เจ้าเข้ามาแปลว่าครอบครัวท่านอาจารย์มีคำตอบแล้วหรือ?”
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งออกมาจากบ้านท่านอาจารย์ ก็รีบตรงมาที่นี่” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
สะใภ้เมิ่งต้าจินยิ่งใช้น้ำเสียงระวัง “ท่านอาจารย์ว่าอย่างไรบ้าง?”
“เขาตอบตกลงการแต่งงานนี้ ให้พวกเราหาวันฤกษ์งามยามดีเข้าไปสู่ขอเจ้าค่ะ”
สิ้นเสียงเมิ่งเชี่ยนโยว ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งบ้าน
ราวกับว่าทั้งครอบครัวไม่เชื่อในคำพูดนาง
ครู่ใหญ่สะใภ้เมิ่งต้าจินถึงถามด้วยอารามยินดี “โยวเอ๋อร์ เจ้าบอกว่า ท่านอาจารย์ตอบตกลงการแต่งงงานนี้กับครอบครัวเรา?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ!”
ทุกคนถึงได้สติกลับคืนมา ต่างยินดีปรีดา
เมิ่งจงจวี่เอาแต่พูดว่าดีๆ ไม่หยุดปาก เมิ่งต้าจินโล่งใจ สะใภ้เมิ่งต้าจินปลาบปลื้มใจจนน้ำตาร่วงเผาะ เอาแต่พูดซ้ำไปมาไม่หยุด “ดียิ่งนัก! ดียิ่งนัก!”
ดวงตาเมิ่งอี้ฉายแววสุกสกาว มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตาเห็น
หญิงชราเมิ่งตื้นตันใจตีมือเมิ่งเชี่ยนโยว พูดไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูปฏิกิริยาของทุกคน ยกยิ้มพูด “ทว่า ท่านอาจารย์เสนอเงื่อนไขออกมาสามข้อ…”
เมิ่งจงจวี่พูดสวนพลัน “อย่าว่าแต่เงื่อนไขสามข้อ ต่อให้เป็นหนึ่งร้อยข้อพวกเราก็ตกลง”
เมิ่งต้าจินและภรรยาพยักหน้าเห็นพ้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มบอกเงื่อนไขทั้งสามข้อกับพวกเขา สุดท้ายพูดว่า “มิได้เป็นเงื่อนไขหนักหนาอะไร ข้าจึงรับปากไปหมดแล้ว พวกท่านไม่ตำหนิว่าข้าทำไปโดยพลการหรอกนะเจ้าคะ?”
“รับปากได้ดี!” หญิงชราเมิ่งกล่าวชม “ต่อให้พวกเขาไม่เอ่ยปาก พวกเราก็ต้องทำเช่นนั้น อย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นพวกเราที่อาจเอื้อมเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองเมิ่งอี้ พูดว่า “พี่รอง เงื่อนไขสุดท้ายข้ารับปากแทนท่านไปอย่างไม่ลังเล หวังว่าภายหน้าท่านจะไม่ทำให้ข้าต้องผิดคำพูด”
เมิ่งอี้ตื่นเต้นดีใจจนหน้าแดงฝาด ได้ฟังพูดริมฝีปากสั่นรับประกันว่า “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าวางใจเถอะ ขอเพียงแต่งงานกันแล้ว ข้ารับรองว่าจะดีกับแม่นางโจวไปทั้งชีวิต”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดกระเซ้า “พี่รองอย่าได้เอ่ยวาจานี้กับข้า ในวันหมั้นหมายท่านค่อยไปพูดกับแม่นางอิ๋งเอ๋อร์เองเถอะ”
ทุกคนหัวเราะครื้นเครง
เมิ่งอี้ลูบศีรษะตัวเองเซื่องๆ หัวเราะตามไปด้วย
เมิ่งจงจวี่ควบคุมความดีใจไว้ไม่อยู่ หยิบปฏิทินจันทรคติออกมาพลิกดู บอกว่าอีกห้าวันให้หลังเป็นวันดี
หญิงชราเมิ่งพูดพลัน “เช่นนั้นก็กำหนดเป็นอีกห้าวันให้หลัง นับแต่พรุ่งนี้ไป พวกเราทั้งหมดเริ่มงาน ตระเตรียมข้าวของสำหรับงานหมั้นแต่เนิ่นๆ”
สะใภ้เมิ่งต้าจินพยักหน้าหงึกหงัก “เจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปจับจ่ายซื้อของในเมืองกับน้องสะใภ้”
กำหนดวันได้แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ลุกขึ้นยืน “เรื่องอื่นๆ พวกท่านหารือเสร็จแล้วค่อยบอกข้านะเจ้าคะ ข้าจะกลับไปบอกท่านพ่อท่านแม่ก่อน ให้พวกเขาก็ดีใจด้วย”
เมิ่งต้าจินและเมิ่งอี้ยิ้มแย้มพานางออกมาส่งถึงหน้าประตู เห็นนางไปไกลแล้ว ถึงหันหลังกลับเข้าบ้านอย่างเบิกบานใจ หารือเรื่องการหมั้นหมายจะต้องพาคนไปจำนวนเท่าใด
เมิ่งเชี่ยนโยวเบิกบานสำราญใจ เยื้องย่างกายฉับไวขึ้นมาก ไม่กี่อึดใจก็กลับมาถึงบ้าน
เด็กๆ ยังตั้งใจช่วยกันบดยาในลานบ้าน ต่างบดวางแยกไว้เป็นกองๆ แล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวปรบมือ ยิ้มพูดกับเด็กๆ ว่า “พอบดยาที่เหลือนี้เสร็จ ข้าก็จะจ่ายเงินค่าแรงให้พวกเจ้า”
เด็กๆ โห่ร้องไชโย
เมิ่งชื่อที่กำลังทำอาหารในครัวได้ยินเสียงนางก็ยื่นหน้าออกมา ถามอย่างรอคอย “โยวเอ๋อร์ มีคำตอบแล้วหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า เดินเข้าไปในห้อง ยิ้มพูดว่า “ท่านอาจารย์ยอมตกลงแล้ว อีกห้าวันให้หลังก็จะมีงานหมั้นเจ้าค่ะ”
เมิ่งชื่อก็ไชโยโห่ร้อง พูดอย่างสุขใจ “ดีเหลือเกิน อี้เอ๋อร์มีกำหนดวันหมั้นแล้ว แม่ค่อยโล่งใจไปอีกเปราะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ
เมิ่งเอ้ออิ๋นที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในบ้านได้ยินเสียงยินดีของเมิ่งชื่อ เดินเข้ามาในห้องครัว ประหลาดใจถาม “พวกเจ้าสองแม่ลูกคุยอะไรกัน? ถึงดีใจเช่นนี้?”
เมิ่งชื่อตอบด้วยน้ำเสียงปลื้มปิติ “งานหมั้นของอี้เอ๋อร์ถูกกำหนดแล้ว อีกห้าวันให้หลังจะเป็นวันหมั้น”
เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ดีใจเป็นอย่างมา พูดว่า “รวดเร็วทันใจยิ่ง ตอบรับเร็วเช่นนี้เลย”
เมิ่งชื่อพูดด้วยน้ำเสียงเห็นพ้อง “ถูกต้องแล้ว ครอบครัวสกุลโจวเป็นคนมาจากเมืองหลวง มีประสบการณ์มาก กระทำเรื่องฉับไว”
เมิ่งเอ้ออิ๋นชะงักในท่าโค้งตัวงอ เงยหน้าถามเมิ่งชื่ออย่างไม่เชื่อ “ครอบครัวสกุลโจวที่เจ้าว่า อย่าบอกว่าคือครอบครัวท่านอาจารย์โจวหรอกนะ”
เมิ่งชื่อตอบอย่างชื่นบาน “ก็ต้องเป็นครอบครัวท่านอาจารย์โจวอยู่แล้ว นอกจากพวกเขา หมู่บ้านพวกเรายังมีใครแซ่โจวอีกเรอะ”
น้ำในมือเมิ่งเอ้ออิ๋นไหลรินกลับเข้าไปในอ่าง มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เชื่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขาคิดอะไร ยกยิ้มพูดปลอบ “ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ท่านอาจารย์ก็ยินดีกับการแต่งงานนี้เจ้าค่ะ”
เมิ่งเอ้ออิ๋นเผยอปาก มองเมิ่งชื่อแล้วกลืนคำพูดที่ปลายลิ้นกลับไป
เมิ่งชื่อกำลังก้มหน้าทำอาหาร ไม่เห็นปฏิกิริยาของเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อว่า “ท่านปู่และลุงใหญ่ก็ดีใจเป็นอย่างมากเจ้าค่ะ”
“ท่านปู่และลุงใหญ่เจ้ามิได้คัดค้าน?” พอเปลี่ยนเรื่องพูด เมิ่งเอ้ออิ๋นถึงได้น้ำเสียงกลับคืนมา
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “คัดค้านเจ้าค่ะ แต่ข้าพูดกล่อมพวกเขาสำเร็จ แล้วให้ข้าเข้าไปพูดทาบทามสู่ขอที่บ้านท่านอาจารย์”
พอได้ยินว่าบิดาและพี่ใหญ่ตนเองเห็นด้วย เมิ่งเอ้ออิ๋นก็วางใจลง จากนั้นก็ดีใจกับเมิ่งอี้ด้วย “แม่นางสกุลโจวไม่เลวเลย อี้เอ๋อร์ได้นางมาเป็นภรรยา ชีวิตจะต้องมีแต่ความสุขสมบูรณ์”
เมิ่งชื่อตื้นตันใจรับคำ “แน่นอนอยู่แล้ว เมิ่งอี้เป็นคนพึงใจเอง ชีวิตภายหน้าจะไม่สุขสมบูรณ์ได้อย่างไร?”
เมิ่งเอ้ออิ๋นเห็นนางปิติเบิกบาน ยกยิ้มส่ายหน้า
ช่วงเวลาหลายวันต่อมา สะใภ้เมิ่งต้าจินและเมิ่งชื่อแทบจะนั่งรถม้าเข้าเมืองทุกวัน แต่ละวันมีแต่ข้าวของกองพะเนินกลับมา
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดกระเซ้าพวกเขา หากไม่ถึงวันหมั้นเสียที เกรงว่าพวกนางคงจะย้ายของทั้งตำบลมาไว้ที่บ้านเป็นแน่
เมิ่งจงจวี่และเมิ่งต้าจินก็กำหนดผู้ที่จะเข้าร่วมงานหมั้นเรียบร้อยแล้ว ล้วนเป็นเด็กหนุ่มและผู้หญิงที่พูดจาฉะฉานในสกุล เลือกมาทั้งหมดหกสิบคน สุดท้ายยังเชิญหัวหน้าสกุลออกหน้า ให้เกียรติครอบครัวโจวอย่างสมศักดิ์ศรี
ท่านอาจารย์โจวได้ยินแล้ว พยักหน้าพออกพอใจ
คนในหมู่บ้านถึงได้รู้ว่าบ้านเมิ่งและบ้านท่านอาจารย์โจวจะเกี่ยวดองกัน ต่างอิจฉาตาร้อนพลัน เอาแต่พูดว่าชาติที่แล้วเมิ่งอี้ทำความดีไว้มากเพียงใด ชาตินี้ถึงได้แต่งงานกับแม่นางที่ดีเช่นโจวอิ๋งได้
ทั้งหมดนี้เมิ่งเชี่ยนโยวมิได้ต้องห่วงกังวล เอาแต่ปรุงยารักษารอยแผลเป็นในบ้าน
สมุนไพรครบสมบูรณ์ ทั้งมีเด็กตัวน้อยช่วยบดยา เมิ่งเชี่ยนโยวจึงปรุงยาได้รวดเร็วดั่งใจหมาย ทว่าตัวยาสำคัญที่สุดใกล้จะหมดแล้ว ร้านยาเต๋อเหรินก็ยังไม่ส่งข่าวมา
ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังคับข้องใจว่าเป็นเพราะท่านปู่ของเหวินชื่อไม่อนุญาตหรือไม่นั้น พนักงานร้านยาเต๋อเหรินก็ขี่ม้าเร็วส่งจดหมายหนึ่งฉบับเข้ามา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น