อัจฉริยะสมองเพชร 2280-2283

ตอนที่ 2280 กร๊วบ!

 

“นี่มัน…” จางเซวียนผงะ “…เครื่องเก็บงำมิติ?”


ลูกทรงกลมนั้นไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่เป็นมรดกตกทอดกันมาภายในตระกูลหลัว และตอนนี้อยู่ในครอบครองของหลัวฉีฉี…เครื่องเก็บงำมิติ!


หลัวชวนฉิงเคยบอกไว้ตั้งแต่ตอนที่เขาออกจากทวีปแห่งปรมาจารย์ได้ไม่นานว่าหลัวฉีฉีก็ออกจากที่นั่นมาแล้วเช่นกัน เขาคิดว่าเธอน่าจะเดินทางไปยังมิติเบื้องบน แต่แม้จะมอบหมายภารกิจให้ทั้ง 6 สำนักใหญ่ตามหาตัวเธอแล้ว ก็ยังไม่มีแม้แต่ข่าวคราว


ด้วยเหตุนั้น จางเซวียนจึงสงสัยว่าเธออาจเดินทางมาที่สรวงสวรรค์ จึงสั่งการให้ 6 สำนักใหญ่ตามหาตัวเธอต่อไป และหากพบก็ให้ดูแลเธอให้ดีระหว่างที่เขามุ่งหน้ามายังสรวงสวรรค์


เมื่อมาถึงสรวงสวรรค์แล้ว จางเซวียนได้ข่าวบางอย่างที่พอจะเป็นเงื่อนงำว่าหลัวฉีฉีอยู่ที่นี่ แต่นั่นแหละ เขาไม่นึกเลยว่าเธอจะปรากฏตัวอย่างปุบปับในช่วงเวลาแบบนี้ แถมปกป้องเขาจากการโจมตีของจอมราชันย์ด้วย!


ใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศก็ชะงักที่ถูกขัดจังหวะ


มันตั้งคำถามอย่างหงุดหงิด “ฉีฉี คุณทำอะไรน่ะ?”


ฟึ่บ!


เครื่องเก็บงำมิติสั่นสะท้านเล็กน้อยก่อนจะกลายร่างเป็นสาวสวยคนหนึ่ง สาวสวยคนนั้นประสานมือและตอบว่า “ฝ่าบาท เขาคือคนที่ฉันชอบ ขอวิงวอนให้เมตตาเขาด้วย!”


เธอไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลัวฉีฉี


ครั้งล่าสุดที่จางเซวียนพบเธอก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่เธอยังคงเป็นสาวน้อยผู้อ่อนหวานและเงียบขรึมในความทรงจำของเขาเหมือนเดิม เมื่อเธอหันมามองเขา จางเซวียนเห็นร่องรอยของความคาดหวังระคนกับอารมณ์และความรู้สึกที่หลากหลายซับซ้อน


แม้เธอจะดูไม่ต่างจากเดิม แต่พละกำลังที่มีกลับเหนือชั้นกว่าแต่ก่อนมาก เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก็พบว่าเธอเป็นนักรบระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดแล้ว เหมือนกับฟู่เจียงเฉิน


จางเซวียนเคยสงสัยว่าทำไมกระแสจิตปรารถนาที่เขาได้มาจึงเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน แต่เมื่อคิดดูอีกที อารมณ์และความรู้สึกของหลัวฉีฉีน่าจะมีบทบาทไม่น้อย


เครื่องเก็บงำมิติที่มีวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุด…


ในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้ แน่นอนว่าเธอแข็งแกร่งกว่าฟู่เจียงเฉินมาก บางทีอาจสู้ตัวต่อตัวกับไป๋เย่ฉิงหงได้ด้วยซ้ำ


เห็นสาวน้อยเอาตัวเองเข้าขวางราชันย์เทพเจ้าโดยไม่ลังเลเพื่อประโยชน์ของเขา จางเซวียนได้แต่กำหมัดแน่น


“ ความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณ…ไม่ใช่แค่ความชอบ” หลัวฉีฉีพูดขณะยิ้มอย่างขมขื่น


จากนั้น เธอก็หันไปประสานมือให้ใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศ “เขา…คือคนที่ฉันชอบ ฝ่าบาท, ฉันขอวิงวอนให้คุณไว้ชีวิตเขาด้วย!”


เห็นภาพนี้ จางเซวียนอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงครั้งหนึ่งที่สาวน้อยถึงกับยอมเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลของตัวเองเพื่อเขา ทำให้รู้สึกว่าประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอยเดิม


นี่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยและไม่มีวันเข้าใจ ตัวเขาไม่เคยแม้แต่จะให้คำสัญญาหรือความหวังกับเธอสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น หลัวฉีฉีก็ยังพร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อเขา


เรื่องนี้ทำให้จางเซวียนทั้งสำนึกในบุญคุณและรู้สึกผิด


“คนที่คุณไม่อาจลืมเขาได้…คือชายผู้นี้หรือ?” ใบหน้าขนาดใหญ่ถามด้วยความสงสัย “แต่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณเลยนะ ฉันมองตาของเขาออก รู้เลยว่าเขามีคนอื่นอยู่ในหัวใจแล้ว ฉีฉี…มันคุ้มค่าแล้วหรือที่คุณจะเป็นปฏิปักษ์กับฉัน เพื่อใครคนหนึ่งที่ไม่แม้แต่จะมีใจให้คุณด้วยซ้ำ?”


ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง คำพูดนั้นดูคล้ายกับคำแนะนำจากเพื่อนสู่เพื่อน


“ฉันก็ไม่รู้…แต่ขอแค่เขาปลอดภัย…”


หลัวฉีฉียืนจังก้าอยู่ตรงหน้าจอมราชันย์ สีหน้าของเธอไม่แสดงอารมณ์มากนัก มีเพียงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว


“…เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับฉันแล้ว!”


“ทำไมคุณถึงทำแบบนี้?” ใบหน้านั้นถอนหายใจเฮือก


เทพธิดาหลิงหลงรู้มาตลอดว่าสาวน้อยมีชายผู้หนึ่งอยู่ในหัวใจของเธอตลอดมา แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นชายคนนี้


หลัวฉีฉีเงยหน้า “ฝ่าบาท ฉันเชื่อว่าคุณคงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่มีความละโมบโลภมาก เธอจงใจและพยายามเอาเปรียบเขา จางเซวียนเพียงแค่ตอบโต้การคุกคามของเธอเท่านั้น หากเราสืบสาวราวเรื่องให้ดี ก็ถือว่าไม่ยุติธรรมหากจะป้ายความผิดให้เขา ดังนั้น ฝ่าบาท, ฉันขอวิงวอนให้คุณไว้ชีวิตจางเซวียนและปล่อยให้เขาจากไป!”


เธอไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนหัวรั้น แต่หากเกี่ยวข้องกับจางเซวียน ก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยอมถอย


“ตรงนั้นไม่ใช่ปัญหา ต่อให้ลูกน้องของฉันทำผิด ฉันก็ควรเป็นคนลงโทษเธอเอง ถ้าเขาซึ่งเป็นคนนอกลอยนวลไปได้หลังจากจงใจสังหารลูกน้องของฉัน น่านฟ้าหลิงหลงของเราจะตกเป็นที่ครหาเย้ยหยันของคนอื่นๆ” ใบหน้าขนาดใหญ่ตอบ


เธอรู้ดีว่าจางเซวียนไม่ใช่คนผิด แต่น่านฟ้าหลิงหลงเป็นส่วนหนึ่งของสรวงสวรรค์ ไม่ใช่มิติปิดที่แยกตัวออกจากส่วนอื่นๆของโลก ชื่อเสียงมีความสำคัญมากเมื่อต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เธอจึงไม่อาจประนีประนอมได้


“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็เต็มใจรับการลงโทษแทนเขา” หลัวฉีฉีกัดฟันตอบ


นึกไม่ถึงว่าสาวน้อยจะยอมทำขนาดนี้ ใบหน้าที่อยู่กลางอากาศขมวดคิ้ว


“ฉีฉี ถอยไป ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” จางเซวียนโพล่งออกมาขณะโผขึ้นสู่กลางอากาศและมายืนอยู่ตรงหน้าสาวน้อย


เขาเป็นหนี้บุญคุณตัวเธอมากพอแล้ว จะปล่อยให้เธอต้องเดือดร้อนเพราะเขาอีกได้อย่างไร?


พละกำลังของเขาอาจยังอ่อนด้อย แต่เมื่อได้รับสายเลือดของไก่น้อย ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งและทนทายาด ด้วยสภาพนี้ เทพธิดาหลิงหลงย่อมไม่อาจสังหารเขาได้โดยง่าย


แถมเขายังมีหน้าหนังสือสีทองอีกหน้าหนึ่งอยู่กับตัว มันอาจไม่เพียงพอจะรับมือกับพละกำลังของจอมราชันย์ แต่ก็น่าจะต้านทานเศษเสี้ยวเจตจำนงของเทพธิดาหลิงหลงได้


“ฉันก็คิดว่าคุณคงมีดีพอตัว…” ใบหน้านั้นตั้งข้อสังเกตเมื่อเห็นอากัปกิริยาของจางเซวียน “กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาของคุณด้วยตัวเอง แปลว่าคุณยังพอมีความรับผิดชอบอยู่บ้าง”


ถ้าเป็นคนอื่น ต่อให้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ก็คงไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าจอมราชันย์ แต่ชายหนุ่มพร้อมจะเผชิญกับทุกอย่างเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของเขา


บางที นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้หลัวฉีฉียอมทุ่มเทและอุทิศชีวิตให้


“คำพิพากษาเบื้องต้นของฉันคือตัดตอนวรยุทธของคุณเสีย แต่ในเมื่อฉีฉีช่วยวิงวอนให้คุณ ฉันก็จะยกเว้นและผ่อนปรนให้ เศษเสี้ยวของเจตจำนงของฉันที่คุณเห็นอยู่นี้ก่อตัวขึ้นจากพลังจิตวิญญาณภายในเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง มีพละกำลังราวหนึ่งในร้อยส่วนของพละกำลังทั้งหมดที่ฉันมี ถ้าคุณต้านทานการโจมตีด้วยพละกำลังเต็มพิกัดจากฉันได้ ฉันจะปล่อยผ่านเรื่องวันนี้ไป แต่ถ้าไม่…โทษตัวเองก็แล้วกันที่ไม่ได้เรื่อง!” ใบหน้านั้นกล่าว


“ฝ่าบาท…” หลัวฉีฉีทักท้วงด้วยสีหน้าซีดเผือด


แม้ใบหน้าขนาดใหญ่จะก่อตัวขึ้นจากพลังจิตวิญญาณ แต่เรื่องจริงก็คือมันมีเจตจำนงของจอมราชันย์อยู่ อย่าว่าแต่จางเซวียน ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติโดยทั่วไปก็ไม่อาจต้านทานมันได้!


“ฉันตัดสินใจแล้ว ถ้าอ่อนข้อให้ขนาดนี้แล้วเขายังเอาตัวไม่รอด เขาก็ไม่คู่ควรให้คุณใส่ใจแล้วล่ะ!”


เจตจำนงอันทรงพลังร่อนลงมาจากกลางอากาศ หลัวฉีฉีเงียบกริบ ไม่อาจส่งเสียงพูดหรือเคลื่อนไหวได้


เป็นไปได้ว่าเทพธิดาหลิงหลงน่าจะสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเธอไว้ชั่วคราวเพื่อไม่ให้เธอเข้ามาก้าวก่าย


“เริ่มเถอะ!”


เมื่อรู้แล้วว่าไม่มีทางหนีพ้น จางเซวียนตั้งต้นถ่ายทอดพลังปราณของเขาจนเต็มพิกัดเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีของเทพธิดาหลิงหลง


แม้การโจมตีจะมีความรุนแรงเพียงหนึ่งในร้อยส่วนของพละกำลังที่เธอมี แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะประมาทได้


ฟึ่บ!


จางเซวียนโบกมือ ดาบระดับราชันย์เทพเจ้าลอยละลิ่วกลับเข้าสู่ฝ่ามือของเขา เขากวัดแกว่งมันเข้าใส่ใบหน้านั้น


จางเซวียนสำแดงศิลปะเพลงดาบ 3 ชนิดของเวทนาสวรรค์ออกมาพร้อมๆกัน จากนั้นก็ควบคุมกระแสดาบฉีให้ก่อตัวเป็นปราการขนาดใหญ่ตรงหน้า


“ทั้งที่อายุยังน้อย แต่ก็ทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบของตัวเองได้แล้ว ไม่เลว…” ใบหน้าขนาดใหญ่พยักหน้า


ครู่ต่อมา พละกำลังมหาศาลก็พุ่งเข้าใส่จากด้านบน ปราการที่สร้างขึ้นโดยใช้ศิลปะเพลงดาบทั้ง 3 ชนิดแตกสลายไปอย่างรวดเร็ว


“ช่างเป็นพละกำลังที่น่าทึ่งอะไรอย่างนี้…” จางเซวียนพึมพำ


สำหรับจอมราชันย์ น้อยกว่านี้คงไม่ได้ แม้พละกำลังเพียงหนึ่งในร้อยส่วนของเทพธิดาหลิงหลง ก็เหนือชั้นเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว


“คงต้องเสี่ยงแล้วล่ะ…”


หากศิลปะเพลงดาบของเขาพ่ายแพ้และพละกำลังนั้นพุ่งมาถึงตัวเมื่อไหร่ เขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่


พูดกันตามตรง จางเซวียนออกจะมั่นใจว่าเขาจะเอาตัวรอดจากบททดสอบครั้งนี้ได้ เพราะหลังจากที่กายเนื้อได้รับการบ่มเพาะจากทะเลสาบจันทร์กระจ่างแล้ว มันก็สามารถเยียวยาตัวเองให้ฟื้นคืนจากอาการบาดเจ็บสาหัสต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ขอแค่เขามีเวลามากพอ


แต่ปัญหาก็คือเขาต้องรีบกลับน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดเพื่อให้ทันการประลอง จะได้มีคุณสมบัติเพียงพอต่อการได้เข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ


หากเขาพลาดโอกาส ครั้งต่อไปคืออีก 100 ปีนับจากนี้ จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้!


จางเซวียนจึงพยายามสุดตัวที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ


เพราะไม่มีทางเลือก เขาเรียกหน้าหนังสือสีทองจากหอสมุดเทียบฟ้าออกมา


แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัว “ให้ผมทำแทนเถอะ!”


จากนั้น ไก่น้อยก็กระโดดออกจากจุดตันเถียนและอ้าปากกว้าง


“กร๊วบ!”


มันสูดหายใจเฮือก จากนั้นก็กลืนใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศลงไป ร่างของไก่น้อยพองโตจนดูเหมือนบอลลูนพองเกินขนาดที่ลอยอยู่อย่างเงียบๆกลางอากาศ


จางเซวียนอ้าปากค้าง


เขารู้ว่าไก่น้อยสามารถกลืนกินของล้ำค่าและของอื่นๆที่แข็งแกร่งกว่ามันหลายเท่าได้ แต่นี่คือเศษเสี้ยวเจตจำนงของจอมราชันย์นะ!


แกคิดดีแล้วหรือที่กลืนของแบบนี้ลงไป?


อย่างน้อย เหลือหน้าของเธอไว้สักหน่อยจะดีกว่าไหม?


ไม่ใช่เฉพาะจางเซวียนที่ผงะเมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนที่ได้เห็นก็มีสภาพไม่ต่างจากเขา


ใบหน้านั้นเปรียบเสมือนตัวแทนของเทพธิดาหลิงหลง แต่แล้วไก่ตัวหนึ่งก็กลืนมันลงไป


หลัวฉีฉีมองไก่น้อยด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ


ถ้าเธอรู้เสียก่อนว่าจางเซวียนมีไม้ตายที่ทรงพลังขนาดนี้ คงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวตั้งแต่แรก


“เอิ๊กกกก!”


ไก่น้อยร่างอ้วนปล่อยเสียงเรอดังสนั่นออกมาต่อหน้าต่อตาทุกคน ก่อนที่ลำตัวของมันจะหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าเดิม


ขณะที่กำลังหดตัว มันก็เลียริมฝีปากด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนยังไม่ค่อยพอใจ


วิ้งงง!

 

 

 


ตอนที่ 2281 ซุปเปอร์ไก่

 

หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าขนาดใหญ่อีกหน้าหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ แต่คราวนี้ เพราะไม่มีพลังจิตวิญญาณชั้นยอดคอยหล่อเลี้ยง ใบหน้านั้นจึงดูพร่าเลือนไปเล็กน้อย


แต่ก็แน่นอนว่าเจตจำนงที่อยู่ในนั้นยังคงสร้างแรงกดดันหนักหน่วงให้กับผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า


“คุณ…”


แทนที่จะโมโหเดือด ใบหน้าขนาดใหญ่กลับจ้องดูไก่น้อยด้วยสีหน้าที่อธิบายได้ยาก


…..


“ผมคือไก่น้อย อสูรของจางเซวียน…ถ้าคุณจะเล่นงานเจ้านายของผมล่ะก็ ข้ามศพผมไปก่อน!” ไก่น้อยใช้ปีกเท้าสะเอวและประกาศอย่างภาคภูมิใจ


อสูร? ไก่น้อย?


ใบหน้าขนาดใหญ่ออกจะบิดเบี้ยวเมื่อได้ยินคำนั้น “คุณรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณหรือเปล่า?”


“รู้สิ!” ไก่น้อยตอบอย่างมั่นใจ “ผมคืออสูรในตำนานที่ครั้งหนึ่งมีอำนาจบงการทั่วทั้งดินแดน…ซุปเปอร์ไก่”


ใบหน้านั้นอ้าปากค้างอีกครั้งก่อนจะจับจ้องจางเซวียนด้วยสายตาที่พยายามประเมินอีกฝ่าย


หากก่อนหน้านี้ เทพธิดาหลิงหลงเคยคิดว่าชายหนุ่มเป็นแค่นักรบผู้ปราดเปรื่องที่มีวิธีการพิเศษบางอย่างอยู่กับตัว ตอนนี้เธอก็ไม่กล้าคิดแบบนั้นแล้ว


การที่ชายหนุ่มสามารถทำความเข้าใจเทคนิควรยุทธและศิลปะเพลงดาบที่เหนือชั้นกว่าสวรรค์ ทั้งยังครอบครองหนังสือที่สังหารได้แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรตินั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง…


แต่เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะสามารถทำให้บุคคลผู้นั้นย่อมจำนนและกลายเป็นอสูรของเขาได้ แถมยังล้างสมองอีกฝ่ายให้คิดว่าตัวเองเป็นไก่ได้ด้วย! ซึ่งบุคคลผู้นั้นก็ภาคภูมิใจเสียเหลือเกินกับชื่ออันแสนจะน่าอับอาย


นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?


ทุกอย่างในสรวงสวรรค์ดูจะสับสนอลหม่านไปหมดแล้ว!


“ในเมื่อคุณต้านทานการโจมตีของฉันได้ ฉันจะถือว่าเรื่องนี้จบ”


ในฐานะราชันย์เทพเจ้า เทพธิดาหลิงหลงไม่อาจคืนคำ ไม่ว่าชายหนุ่มจะใช้วิธีไหน แต่เรื่องจริงก็คือเขารับมือกับการโจมตีของเธอได้


ใบหน้าขนาดใหญ่นั้นคำราม “คุณไปได้แล้ว!”


“ขอบคุณ!” จางเซวียนประสานมือขณะถอนหายใจอย่างโล่งอก


ถึงไก่น้อยจะกลืนกินใบหน้าที่อยู่กลางอากาศได้ แต่ตราบใดที่ยังอยู่ในดินแดนของน่านฟ้าหลิงหลง พวกเขาก็ยังคงเสียเปรียบ เพราะหากเทพธิดาหลิงหลงตัดสินใจออกโรงด้วยตัวเอง จางเซวียนก็ไม่มีทางรับมือไหวอยู่ดี


ดังนั้น นี่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขา


จางเซวียนหันกลับไปพูดกับฟู่เจียงเฉิน “นักปรุงยาฟู่ ผมขอขอบคุณที่คุณช่วยผมหลอมยา ซึ่งเมื่อครู่นี้ผมก็ช่วยยกระดับวรยุทธให้คุณ แถมยังมอบความรู้เรื่องการหลอมยาให้ระหว่างที่เราดำเนินกระบวนการหลอมยาด้วย นั่นคงเพียงพอจะชดเชยสิ่งที่คุณช่วยเหลือผมแล้วนะ”


พูดกันตามตรง จางเซวียนยังคงโมโหฟู่เจียงเฉินที่หักหลังเขาในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพียงเพื่อช่วยไป๋เย่ฉิงหง เขาเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายตกที่นั่งลำบาก แต่ก็ไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น


มิตรภาพของทั้งคู่จึงขาดจากกันโดยปริยาย


“ผมสำนึกในบุญคุณสำหรับคำชี้แนะของคุณ นักปรุงยาจาง” ฟู่เจียงเฉินโค้งคำนับอย่างงาม


ก่อนหน้านี้เขายังเห็นจางเซวียนเป็นรุ่นน้อง แต่หลังจากได้เห็นกับตาว่าอีกฝ่ายสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติได้อย่างง่ายดาย แถมยังกลืนกินเจตจำนงของจอมราชันย์ไปด้วย ก็ไม่กล้าทำตัวแบบเดิมอีก แถมยังรู้สึกผิดไม่น้อยกับการกระทำก่อนหน้านี้ของตัวเอง


“ฉีฉี…”


หลังจากพูดกับฟู่เจียงเฉิน จางเซวียนหันไปสบตาสาวน้อยที่ยืนอยู่ข้างหลังและเรียกชื่อเธอด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน


เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าจะมองหน้าเธออย่างไร เธอทำอะไรให้เขามามากมาย แต่สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด…เขากลับให้เธอไม่ได้


ขณะที่จางเซวียนกำลังอับจนถ้อยคำ สาวน้อยก็มองหน้าเขาด้วยนัยน์ตาแจ่มใสและถามว่า “ปรมาจารย์จาง ฉัน…จะติดตามคุณและศึกษาเรื่องการหลอมยากับคุณต่อไปได้ไหม?”


ได้ยินคำนั้น จางเซวียนหัวเราะออกมาขณะพยักหน้า “ได้สิ”


หลัวฉีฉียิ้มสดใสราวกับดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ “เยี่ยมเลย”


เธอหันไปมองใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศ จากนั้นก็คุกเข่าก่อนจะพูดว่า “ฝ่าบาท ฉันสำนึกในบุญคุณของคุณอย่างมากที่ช่วยชีวิตฉันไว้จากคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งมิติ แถมยังมอบทรัพยากรให้ฉันมากมาย ทำให้ยกระดับวรยุทธได้อย่างรวดเร็ว เป็นเพราะความช่วยเหลือของคุณที่ทำให้ฉันพัฒนาตัวเองได้มากขนาดนี้ ฉันจะไม่มีวันลืมสิ่งที่คุณทำให้ฉันเลย!”


คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าที่อยู่กลางอากาศขมวดคิ้ว


“ฝ่าบาท ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าทันทีที่ฉันได้ข่าวคราวของเขา ต่อให้มีอันตรายแบบไหนรอคอยอยู่เบื้องหน้า ฉันก็จะตามหาเขาและไปอยู่เคียงข้างเขาให้ได้ ในเมื่อตอนนี้เขามาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว ฉันก็ขอจากไปพร้อมกับเขาเลย หวังว่าฝ่าบาทจะอวยพรให้” หลัวฉีฉีพูดขณะโค้งคำนับอย่างมีพิธีรีตองหลายครั้ง


ใบหน้านั้นนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันรู้แล้วล่ะ รู้ตั้งแต่ตอนที่ได้ข่าวเรื่องยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธและยาเม็ดเพิ่มความงาม แต่ไม่ได้บอกคุณ เพราะเกรงว่าคุณจะรีบจากไป แต่นั่นแหละ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”


ด้วยความอึกทึกครึกโครมที่จางเซวียนสร้างขึ้นในน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน เทพธิดาหลิงหลงซึ่งเป็นถึงจอมราชันย์จะไม่รู้เรื่องนั้นได้อย่างไร?


เธอแค่ห่วงว่าหลัวฉีฉีอาจจากไปทันทีที่รู้ข่าว จึงจงใจปิดเรื่องนี้ไว้ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ชายหนุ่มก็มาถึงที่นี่และสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่กว่าเดิมเสียอีก


เอาจริงๆนะ หมอนี่คือตัวสร้างปัญหา!


ไม่เข้าใจเลยว่าผู้หญิงดีๆอย่างฉีฉีหลงใหลผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไร…


“ช่างเถอะ ไปตามหาความสุขและความฝันของคุณได้แล้ว” ใบหน้านั้นกล่าว “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าผู้หญิงที่เขาชอบจะมีอะไรเหนือกว่าคุณ!”


เทพธิดาหลิงหลงรู้ว่าสาวน้อยที่เธอช่วยชีวิตไว้จากคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งมิติเป็นร่างที่แปรสภาพมาจากเครื่องเก็บงำมิติ แม้ในสรวงสวรรค์ เครื่องเก็บงำมิติก็ยังถือเป็นทรัพย์สมบัติชั้นยอด ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำให้สาวน้อยสำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าได้ภายในเวลาไม่นาน


ด้วยความปราดเปรื่องระดับนี้ คงแทบไม่มีใครในสรวงสวรรค์ที่จะเทียบชั้นกับเธอได้


เทพธิดาหลิงหลงไม่รู้ว่าจางเซวียนชอบใคร แต่เธอไม่เชื่อว่าจะมีผู้ชายคนไหนต้านทานสาวน้อยผู้สมบูรณ์แบบเพียบพร้อมอย่างหลัวฉีฉีได้นานนัก


“ขอบคุณฝ่าบาท!” หลัวฉีฉีตอบอย่างดีอกดีใจก่อนจะหันกลับไปมองจางเซวียน


หลังจากที่เธอได้ข่าวว่าเขาเดินทางออกจากทวีปแห่งปรมาจารย์ ก็รีบฝ่าปราการแห่งมิติเพื่อตามหาเขาทันที ไม่นึกเลยว่าจะได้มาถึงสรวงสวรรค์


เธอคิดว่าคงอีกนานกว่าจะได้เจอชายหนุ่มอีกครั้ง การพบกันอย่างกะทันหันครั้งนี้จึงถือเป็นความอัศจรรย์ใจครั้งใหญ่


จางเซวียนพยักหน้าให้หลัวฉีฉีก่อนจะหันกลับไปพูดกับใบหน้าที่อยู่กลางอากาศ “ที่ผ่านมา ฉีฉีอยู่ภายใต้การดูแลของฝ่าบาทมาตลอด จึงเป็นหน้าที่ของผมในฐานะอาจารย์ของเธอที่จะต้องขอบคุณและทำอะไรสักอย่างเป็นการตอบแทน”


“ตอบแทน? คุณคิดจะตอบแทนบุญคุณของฉัน? ตอบแทนด้วยการสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติและกลืนกินเจตจำนงของฉันนี่นะ?” ใบหน้านั้นคำราม


ทันทีที่เทพธิดาหลิงหลงได้ยินคำว่า “ตอบแทน” จากปากของจางเซวียน ก็รู้สึกได้ถึงคลื่นโทสะที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ


คุณสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของฉันตั้งแต่มาถึงที่นี่ได้ไม่นาน แถมยังให้อสูรของคุณกลืนกินเจตจำนงของฉันด้วย!


การกระทำเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เธอเสียหายอะไรมากมายก็จริง แต่ชื่อเสียงของเธอก็ด่างพร้อย


“ไม่ใช่แน่” จางเซวียนหัวเราะเจื่อนๆ


“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดล่ะก็ ฝ่าบาท, คุณนอนไม่ค่อยหลับใช่ไหม?”


จางเซวียนพบว่าไม่อาจใช้หอสมุดเทียบฟ้ามองทะลุข้อบกพร่องของจอมราชันย์ได้ แต่สำหรับเจตจำนงของเทพธิดาหลิงหลง เขาพอจับสังเกตอะไรได้บางอย่าง


เทพธิดาหลิงหลงคือจอมราชันย์ที่มีพละกำลังสูงส่งมาก เป็นแถวหน้าของนักรบรุ่นเดียวกัน แต่เธอกำลังทุกข์ทรมานจากปัญหาใหญ่ข้อหนึ่ง ซึ่งก็คือการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ!


จะว่าไป นักรบระดับเธอไม่จำเป็นต้องหลับต้องนอนก็ได้ ต่อให้เธอไม่ได้พักติดต่อกันเป็น 10 ปี สภาพร่างกายก็จะไม่เสื่อมโทรมแม้แต่น้อย


แต่นั่นแหละ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ก็ยังคงนอนหลับพักผ่อน เพื่อให้ร่างกายและหัวสมองได้หยุดพัก


คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศขมวดคิ้ว


ชายหนุ่มพูดถูก เธอนอนไม่หลับจริงๆ ซึ่งไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่รู้สึกง่วงสักนิด ว่าแต่…ชายหนุ่มรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?


แม้แต่หลัวฉีฉีก็ยังไม่รู้เลย!


“ฝ่าบาทวางใจเถอะ ผมเป็นนักปรุงยา ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาของคุณ แต่ก็มั่นใจว่าไม่ช้าคงคิดออก หวังว่าผมคงใช้สิ่งนี้ตอบแทนบุญคุณที่คุณมีต่อฉีฉีได้” จางเซวียนประสานมือ


วรยุทธของเขายังอ่อนด้อย การรับมือกับปัญหาที่แม้แต่เทพธิดาหลิงหลงยังแก้ไม่ได้จึงเป็นเรื่องยาก แต่ขอแค่เขายกระดับวรยุทธได้สำเร็จ ก็น่าจะหาวิธีแก้ไขปัญหาของเธอได้


“ฉันจะรอก็แล้วกัน…”


ใบหน้านั้นเลือนหายไปจากท้องฟ้า


จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันไปพูดกับหลัวฉีฉี “ไปกันเถอะ”


หลัวฉีฉีหันมายิ้มให้ก่อนจะพยักหน้าอย่างเงียบๆ แล้วทั้งคู่ก็เดินทางออกนอกเมือง


…..


ในตำหนักขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศภายในเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง สุภาพสตรีคนหนึ่งเอาสองมือไพล่หลังขณะเฝ้ามองจางเซวียนกับหลัวฉีฉีที่กำลังจากไป


ถ้าจางเซวียนเห็นใบหน้าของสุภาพสตรีผู้นี้ ก็คงประหลาดใจที่พบว่า มันเหมือนกันเป๊ะกับใบหน้าขนาดใหญ่ที่ปรากฏเมื่อครู่


เธอคือเทพธิดาหลิงหลงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง!


“สงสัยจริงว่าความรักมันยิ่งใหญ่แค่ไหน ผู้คนถึงพยายามตามล่าไขว่คว้ามันขนาดนี้…” เทพธิดาหลิงหลงพึมพำกับตัวเอง


“ฉีฉี ฉันได้แต่หวังว่าคุณจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของคุณในวันนี้ ฉันรับรู้ได้ว่าเจ้าหนุ่มคนนั้น ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลยกับคนที่เพียบพร้อมอย่างคุณ ฉันพอดูออกว่าเขาจะเลือกใครระหว่างคุณกับผู้หญิงคนนั้น เชอะ ถ้าฉันรู้ว่าแม่นั่นเป็นใครล่ะก็ จะต้องสั่งสอนบทเรียนให้เธอแน่ๆ…”


ยังไม่ทันที่เทพธิดาหลิงหลงจะพูดจบ มิติที่อยู่รอบตัวเธอก็สั่นสะท้าน กระดานสีทองแผ่นหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ


เห็นสิ่งนั้น เทพธิดาหลิงหลงรีบเก็บกิริยา ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง


“เทพธิดาหลิงหลงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง รับคำบัญชา!” กระดานสีทองส่งเสียงวางอำนาจ


“คุณจะต้องเดินทางไปยังน่านฟ้าเสรีเดี๋ยวนี้!”


“จอมราชันย์หลินชีอยากพบฉันหรือ?” เทพธิดาหลิงหลงชะงัก แต่ไม่กล้าขัดคำสั่ง


เธอรีบตอบ “ฉันรับคำบัญชา!”


ร่างของเธอสั่นสะท้านเล็กน้อย เทพธิดาหลิงหลงหายวับไปทันที

 

 

 


ตอนที่ 2282 จอมราชันย์หลินชี

 

เทพธิดาหลิงหลงโบกมือ จากนั้นก็ฉีกกระชากมิติออกจากกันเพื่อตามแผ่นกระดานสีทองไป พริบตาต่อมา เธอก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูบานใหญ่ที่โอบล้อมด้วยม่านหมอก


น่านฟ้าเสรี, ตำหนักสวรรค์เสรี


ประตูบานนั้นปิดสนิท


“เทพธิดาหลิงหลงแห่งน่านฟ้าหลิงหลงมาขอคารวะจอมราชันย์หลินชี!” เทพธิดาหลิงหลงค้อมตัวลงต่ำและรอคอยอย่างอดทนให้ประตูเปิด


คำว่า ‘เก้าจอมราชันย์แห่งเก้าน่านฟ้า’ ทำให้ดูเหมือนว่าจอมราชันย์ทั้งเก้ามีสถานภาพทัดเทียมกัน แต่เฉพาะจอมราชันย์ด้วยกันเท่านั้นที่รู้ว่าผู้กุมอำนาจตัวจริงของสรวงสวรรค์ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าเสรี


บริเวณโดยรอบเงียบกริบ ไม่มีแม้แต่ลมพัดหรือเสียงกู่ร้องของอสูรชนิดใดๆ


บรรยากาศตรงนั้นนิ่งงันจนรู้สึกอึดอัด


เทพธิดาหลิงหลงเฝ้ารออย่างอดทนอยู่กลางสภาพแวดล้อมที่แสนจะหนักอึ้ง ในใจของเธอพยายามขบคิดหาเหตุผลของการถูกเรียกตัวครั้งนี้


อีกฝ่ายส่งกระดานสีทองไปเชิญเธอมาที่นี่ แต่เมื่อเธอมาถึง ประตูก็ยังคงปิดสนิท ไม่มีใครออกมารับ แถมเธอก็ไม่รู้สักนิดว่าควรทำอย่างไร


เธอนึกไม่ออกเลยว่าเคยทำอะไรที่ทำให้จอมราชันย์หลินชีขุ่นเคือง!


เทพธิดาหลิงหลงรออีกครู่ใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอส่งเสียงดังขึ้นเล็กน้อยเพื่อประกาศว่าตัวเธออยู่ที่นี่ “เทพธิดาหลิงหลงแห่งน่านฟ้าหลิงหลงมาขอคารวะจอมราชันย์หลินชี!”


เธอมาถึงได้ราว 1 ชั่วโมงแล้ว แถมยังแสดงกิริยานอบน้อมตลอดเวลา ซึ่งไม่ใช่เพราะเธอยืนตัวตรงไม่ได้ แต่เพราะไม่กล้า


เทพธิดาหลิงหลงเฝ้ารออีก 1 ชั่วโมง แต่ประตูบานใหญ่ก็ไม่มีทีท่าจะเปิด ขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าควรกลับก่อนแล้วมาใหม่วันหลังหรือไม่ เสียงหนึ่งก็ดังก้องมาจากส่วนลึกของตำหนักสวรรค์เสรี


“นี่คือตัวโคลนที่สร้างขึ้นจากเศษเสี้ยวเจตจำนงของฉัน ฉันให้โอกาสคุณ 3 กระบวนท่าในการเอาชนะมัน!”


ฟึ่บ!


ทันทีที่สิ้นเสียง สาวน้อยคนหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าเทพธิดาหลิงหลง


สาวน้อยสวมเสื้อคลุมสีขาวที่ดูเรียบง่ายทว่าสง่างาม เธอมีรังสีที่ดูเหมือนจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ทำให้แทบไม่อาจจับสังเกตการปรากฏตัวของเธอได้


เทพธิดาหลิงหลงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ


เธอนึกไม่ออกเลยว่าเคยทำอะไรให้จอมราชันย์หลินชีขุ่นเคืองใจ ก็แล้วทำไมถึงต้องเอาชนะเจตจำนงของอีกฝ่ายให้ได้ภายใน 3 กระบวนท่า?


“ก็ได้”


เทพธิดาหลิงหลงยังงุนงง แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรขัดใจอีกฝ่าย เธอยืดตัวขึ้นและถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนจะพุ่งเข้าเล่นงานสาวน้อยโดยใช้พลังจากฝ่ามือ


มิติที่อยู่โดยรอบแยกออกจากกันราวกับกระดาษแผ่นบางๆที่ถูกฉีกขาด รอยแยกแห่งมิติสีดำปรากฏบนร่างของสาวน้อยผู้นั้น


แต่รอยแยกแห่งมิติดูจะทำอันตรายเธอไม่ได้ ราวกับเธอไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงในโลกใบนี้


“หนึ่ง” สาวน้อยเสื้อคลุมสีขาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย


เทพธิดาหลิงหลงชะงักที่พบว่าการโจมตีของเธอไม่อาจทำอันตรายอีกฝ่ายได้ เธอกัดริมฝีปากแล้วตัดสินใจใช้พละกำลังเต็มพิกัด เทพธิดาหลิงหลงชูกำปั้นทั้งสองขึ้นแล้วปล่อยสองหมัดเข้าใส่คู่ต่อสู้ของเธอพร้อมๆกัน


ในแง่ของพละกำลังและความปราดเปรื่อง เธอเป็นหนึ่งใน 2-3 อันดับแรกของเก้าจอมราชันย์ แม้แต่จอมราชันย์มังกรเมฆก็ยังต้องรับมือกับเธอด้วยความระมัดระวัง


เมื่อถ่ายทอดพลังทั้งหมดเข้าสู่ทั้งสองหมัด เรี่ยวแรงที่มีอานุภาพทำลายล้างก็ทำให้โลกปั่นป่วน การโจมตีของเทพธิดาหลิงหลงไม่ได้ทำให้เกิดแค่รอยแยกแห่งมิติ แต่ทั้งมิติที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกทำลายจนกลายเป็นฝุ่นผงไปด้วย


มิติที่เสถียรคือหนึ่งในรากฐานของสิ่งมีชีวิต การฉีกกระชากมิติคือการทำลายทุกชีวิตที่อยู่ภายในมิติแห่งนั้น


แต่สาวน้อยเสื้อคลุมขาวก็ยังไม่เคลื่อนไหว เธอปล่อยให้พละกำลังทำลายล้างนั้นฉีกกระชากทั่วทั้งร่างกาย แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่อาจทิ้งร่องรอยไว้ได้เลย


“สอง” สาวน้อยเสื้อคลุมขาวนับ


รู้ดีว่าครั้งนี้คือโอกาสสุดท้ายของเธอ เทพธิดาหลิงหลงนำเลือดหยดหนึ่งออกจากหว่างคิ้วแล้วจุดมันให้ลุกโพลง พริบตาต่อมา รังสีของเธอก็พวยพุ่งอย่างดุเดือด


เธอรวบรวมพละกำลังทั้งหมดเข้าสู่ฝ่ามือและเล่นงานคู่ต่อสู้อีกครั้ง


คราวนี้ พลังจากฝ่ามือของเธอแข็งแกร่งกว่าการโจมตีครั้งแรกอย่างน้อย 2 เท่า แต่แทนที่จะเกิดการแตกสลายหรือแยกตัวออกจากกัน มิติที่อยู่โดยรอบกลับบิดเบี้ยว


พลังฝ่ามือพุ่งเข้าใส่ร่างของสาวน้อยเสื้อคลุมขาวอย่างจัง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่สะทกสะท้านสักนิดกับการถูกโจมตี


เสียงหนึ่งดังเข้าหูเทพธิดาหลิงหลง “สาม”


จากนั้น สาวน้อยเสื้อคลุมขาวก็ชูนิ้วขึ้นและกระดิกเบาๆ


พลั่ก!


เทพธิดาหลิงหลงถูกสอยกระเด็นไป เธอกระอักเลือดออกมาขณะหมุนคว้างกลางอากาศ ก่อนจะร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรงด้วยใบหน้าซีดเผือด


การถูกโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้เธอบาดเจ็บสาหัส


เห็นชัดว่าทั้งคู่อยู่คนละชั้นกัน


เทพธิดาหลิงหลงกัดฟันอดกลั้นความเจ็บปวดไว้ขณะกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน เธอก้มศีรษะและพูดว่า “จอมราชันย์หลินชี ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะ…แต่ขอถามหน่อยได้ไหมว่าฉันทำอะไรผิด?”


จอมราชันย์แห่งน่านฟ้าเสรีแทบไม่เคยเรียกตัวจอมราชันย์คนไหน


การที่อีกฝ่ายเรียกตัวเธอมาเพียงเพื่อจะทำกับเธอแบบนี้…นั่นหมายความได้อย่างเดียว คือเธอได้ทำอะไรบางอย่างที่ทำให้จอมราชันย์หลินชีไม่พอใจ


แต่เรื่องของเรื่องก็คือ…


ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรให้คุณขุ่นเคือง! อย่างน้อยที่สุดคุณก็น่าจะบอกฉันสักหน่อยว่าฉันทำอะไรผิด เพื่อฉันจะได้จดจำไว้และไม่ทำอีก?


คุณเรียกตัวฉันมาที่นี่และตั้งต้นซ้อมฉันโดยไม่บอกเหตุผลอะไรเลย…


แล้วฉันต้องทำอย่างไร?


“คุณต้องฝึกฝนหนักกว่านี้อีกมากนะถ้าอยากสั่งสอนบทเรียนให้ฉัน พละกำลังในเวลานี้ของคุณน่ะ…ยังห่างไกล!”


สาวน้อยเสื้อคลุมขาวทิ้งท้าย จากนั้นก็แปรสภาพเป็นหยดน้ำใสและร่วงลงสู่พื้น


ไม่น่าเชื่อเลยว่าคู่ต่อสู้ที่เธอต้องรับมือด้วยคือตัวโคลนที่ทำจากน้ำเพียงหยดเดียว!


จอมราชันย์แห่งน่านฟ้าเสรีช่างเหนือชั้นกว่าจอมราชันย์คนอื่นจริงๆ


ขณะที่เทพธิดาหลิงหลงยังคงอัศจรรย์ใจกับประสิทธิภาพการต่อสู้ของจอมราชันย์หลินชี ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยในคำพูดของอีกฝ่าย


สั่งสอนบทเรียนให้คุณ?


คุณเก่งกาจเสียขนาดนี้ ต่อให้ฉันมีความกล้ามากกว่านี้อีก 10 เท่า ก็ไม่บังอาจสั่งสอนบทเรียนให้คุณหรอก!


เดี๋ยวก่อน…เราเพิ่งพึมพำเมื่อครู่นี้เองว่าจะสั่งสอนบทเรียนให้แม่สาวที่จางเซวียนชอบ ก็พอดีกับที่กระดานสีทองแผ่นนั้นปรากฏและเรียกเรามาที่นี่…หรือว่า…


เทพธิดาหลิงหลงมีสีหน้าพรั่นพรึงขึ้นมาทันที


ถ้าสิ่งที่เธอคิดอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องจริง จางเซวียนก็คือคนที่แสนจะน่าสะพรึง


มีอสูรแบบนั้น แถมด้วยคนรักแบบนี้…


เขาเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงจริงๆหรือ?


ดูเหมือนวันนี้อะไรๆจะไม่เป็นใจ ต่อไปเราจะต้องอยู่ห่างจากหมอนั่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้…


เทพธิดาหลิงหลงไม่แน่ใจว่าข้อสันนิษฐานของเธอถูกต้องหรือไม่ และไม่กล้าหาคำตอบด้วย ถึงอย่างไร หลีกเลี่ยงทุกปัญหาไว้ก่อนก็ย่อมดีที่สุด


เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็โบกมือและกลับสู่น่านฟ้าหลิงหลง


…..


หลังจากกลับถึงตำหนักได้ไม่นาน สุภาพสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งก็พรวดพราดเข้ามาในห้องและทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้า “ขอแสดงความยินดีอย่างที่สุด ฝ่าบาท!”


“แสดงความยินดี?”


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนหนึ่งของเธอเพิ่งถูกสังหาร แต่เธอก็เล่นงานเจ้าตัวการไม่ได้ แถมเมื่อครู่นี้ก็ถูกเรียกตัวไปที่น่านฟ้าเสรีเพียงเพื่อจะถูกซ้อม


เธอนึกไม่ออกเลยว่าจะมีอะไรที่ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นได้ในช่วงเวลาแบบนี้


“ฝ่าบาท สองนักรบที่คุณนำตัวมาจากภูเขาสวรรค์สร้างได้ฝึกฝนวรยุทธในกระจกเงาแห่งมิติและเวลาแล้ว โดยเมื่อครู่นี้ พวกเขาสำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดพร้อมผ่านการทดสอบด้วย” สุภาพสตรีวัยกลางคนรายงาน


“พวกเขาผ่านการทดสอบแล้ว” เทพธิดาหลิงหลงตาโตด้วยความประหลาดใจก่อนจะยิ้มอย่างยินดีปรีดา


นี่คือข่าวดีที่สุดที่เธอได้รับหลังจากผ่านวันอันเหน็ดเหนื่อยยาวนาน


เธอนำตัวนักรบผู้ปราดเปรื่องทั้งสองมาจากภูเขาสวรรค์สร้างและทุ่มเททรัพยากรมากมายเพื่อบ่มเพาะทั้งคู่ การฝ่าด่านวรยุทธของพวกเขาจะทำให้น่านฟ้าหลิงหลงอยู่ในสถานภาพที่ได้เปรียบกว่าเดิมมากสำหรับการรับมือกับกระแสการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณที่ใกล้จะมาถึง


อย่างน้อยที่สุด น่านฟ้าหลิงหลงก็จะไม่ถูกบีบบังคับให้ตกเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างที่เคยเป็นมา


“ไปดูกันเถอะ” เทพธิดาหลิงหลงพูดขณะรีบออกเดินไปยังกระจกเงาแห่งมิติและเวลา


เมื่อมองจากภายนอก กระจกเงาแห่งมิติและเวลาดูไม่ต่างอะไรกับกระจกเงาทั่วไป แต่สิ่งที่อยู่ในนั้นคือมิติที่กระแสกาลเวลาที่ไหลเร็วกว่ากระแสกาลเวลาในสรวงสวรรค์ถึงพันเท่า


พูดอีกอย่างก็คือ หากนับตั้งแต่ตอนที่เธอพาตัวนักรบทั้งคู่กลับมาจากภูเขาสวรรค์สร้าง เวลาก็ผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว


น่าประทับใจเหลือเกินที่ทั้งสองสำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ร้อยปี เพราะตอนที่เทพธิดาหลิงหลงนำทั้งคู่กลับมาที่นี่ พวกเขายังเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าเท่านั้น


เทพธิดาหลิงหลงเพ่งสมาธิ จากนั้นก็นำตัวสองนักรบที่อยู่ภายในกระจกเงาออกมา


ทั้งคู่เป็นสุภาพสตรี


คนหนึ่งดูสงวนท่าทีและเงียบขรึม ขณะที่อีกคนแผ่คลื่นพลังงานเย็นเยียบออกมา


แม้จะใช้เวลายาวนานหลายร้อยปีอยู่ในกระจกเงาแห่งมิติและเวลา แต่ดูเหมือนเดือนปีที่ผ่านไปไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้กับทั้งคู่เลย พวกเธอยังคงดูเหมือนเมื่อครั้งแรกที่ได้เข้าสู่กระจกเงาบานนั้น


ทันทีที่ทั้งสองออกจากกระจกเงา รังสีทรงพลังที่เข้มข้นพอจะฉีกกระชากมิติโดยรอบได้ก็ระเบิดออกจากร่างของพวกเธอ


แม้จะเป็นแค่นักรบระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุด แต่รังสีที่ทั้งสองแผ่ออกมาก็ทรงพลังเสียยิ่งกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติโดยทั่วไปเสียอีก


ไม่ว่าจะเป็นเทคนิควรยุทธหรือผลที่ได้จากการบ่มเพาะ ทั้งคู่คือราชันย์เทพเจ้าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการก้าวไปเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ


เทพธิดาหลิงหลงพิจารณานักรบทั้งสองด้วยความพึงพอใจยิ่งกว่าเดิม


นัยน์ตาของเธอเปี่ยมความคาดหวังขณะพูดว่า “คุณทั้งสองเป็นนักรบระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดแล้ว ซึ่งหมายความว่าคุณแข็งแกร่งพอที่จะแบกรับพละกำลังของความทรงเกียรติ พวกคุณเต็มใจจะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของฉันไหม?”

 

 

 


ตอนที่ 2283 เทพธิดาหลิงหลงสติแตก (1)

 

“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ?” นักรบทั้งสองทวนคำอย่างลังเล


นักรบคนไหนก็ตามที่สำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดและได้การยอมรับจากจอมราชันย์ก็จะมีโอกาสได้สัมผัสสิ่งที่เรียกว่าตำแหน่งทรงเกียรติ ตำแหน่งทรงเกียรตินี้จะทำให้พวกเขามีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าเดิม กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดรองลงมาจากจอมราชันย์


ผู้ที่ไม่มีโอกาสได้รับตำแหน่งทรงเกียรติจากจอมราชันย์จะพบว่าวรยุทธของพวกเขาชะงักงัน ต่อให้เก่งกาจปราดเปรื่องสักแค่ไหน ก็แทบไม่มีอะไรเหนือกว่าราชันย์เทพเจ้าโดยทั่วไป


“ใช่แล้ว” เทพธิดาหลิงหลงพยักหน้า


แต่เดิม เธอตั้งใจจะมอบตำแหน่งทรงเกียรติให้หลัวฉีฉีเพื่อแทนที่ไป๋เย่ฉิงหงที่เสียชีวิตไป แต่อีกฝ่ายกลับเลือกเดินทางไปกับจางเซวียน


แต่ถึงอย่างนั้น ทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดี น่านฟ้าหลิงหลงเสียราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไปคนหนึ่ง แต่ก็ได้นักรบผู้ทรงพลังมาใหม่ถึง 2 คน ซึ่งนั่นจะทำให้น่านฟ้าของเธอมีสถานภาพเทียบเท่ากับน่านฟ้าที่เหลือเลยทีเดียว


เห็นทั้งคู่ลังเล เทพธิดาหลิงหลงขมวดคิ้ว “พวกคุณไม่เต็มใจจะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของฉันหรือ?”


“พวกเรายินดีหากการได้รับตำแหน่งทรงเกียรติจะทำให้เรามีพละกำลังและอำนาจมากกว่าเดิม แต่…” สาวน้อยผู้เงียบขรึมและสงวนกิริยานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเรารับตำแหน่งราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของคุณ ก็แปลว่าต้องทำตามคำสั่งของคุณโดยปราศจากเงื่อนไขใช่ไหม? หากคุณสั่งให้พวกเราทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับญาติสนิทมิตรสหายของเรา เราก็ต้องทำตามหรือ?”


เทพธิดาหลิงหลงหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย “คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ การได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหมายถึงการได้การยอมรับจากดินแดนหนึ่งในสรวงสวรรค์ กระแสจิตปรารถนาของผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนนั้นจะถูกส่งไปหาคุณ”


“ถ้าคุณได้การยอมรับจากดินแดนต่างๆภายในอาณาเขตของน่านฟ้าหลิงหลง ก็ถือว่าคุณเป็นบริวารของฉัน แต่ตำแหน่งทรงเกียรตินั้นไม่มีข้อบังคับหรอกว่าคุณจะต้องทำตามคำสั่งของฉันโดยปราศจากเงื่อนไข”


“ถ้าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติต้องทำตามทุกคำสั่งของจอมราชันย์โดยไม่มีข้อโต้แย้งล่ะก็ นั่นคงไม่ใช่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแล้ว แต่เป็นหุ่นกระบอก!”


ได้ยินคำนั้น นักรบทั้งสองพยักหน้า


“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็เต็มใจจะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของน่านฟ้าหลิงหลง”


“ดี!” เทพธิดาหลิงหลงยกมือ แล้วลำแสงเจิดจ้าก็ตรงเข้าโอบล้อมนักรบทั้งสองไว้


ในชั่วพริบตา สิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณของน่านฟ้าหลิงหลงก็ได้ยินเสียงหนึ่งที่ตรงเข้าสู่หัวสมอง


“ประชากรทุกคนของน่านฟ้าหลิงหลง ฟังคำพูดของฉัน ด้วยการกระทำที่ไร้ความชอบธรรมและทำให้เสื่อมเสียเกียรติ ไป๋เย่ฉิงหงถูกถอดออกจากตำแหน่งทรงเกียรติของเธอแล้ว ตอนนี้ ฉันขอประกาศว่าหวังหยิ่งกับเว่ยหรูเหยียนจะรับตำแหน่งแทนที่เธอในฐานะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของน่านฟ้าหลิงหลง!”


ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนในน่านฟ้าหลิงหลงมีภาพสาวสวย 2 คนปรากฏในหัวสมองของพวกเขา ทุกคนรีบทรุดตัวลงคุกเข่า


“คารวะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหวังหยิ่งกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเว่ยหรูเหยียน!”


อายุขัยของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรตินั้นยาวนานกว่าแสนปี ตำแหน่งทรงเกียรติทุกตำแหน่งจึงหมายถึงอำนาจยิ่งใหญ่ที่แทบจะเรียกว่าคงอยู่ตลอดไป


เนิ่นนานมาแล้วที่น่านฟ้าหลิงหลงมีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเพียง 2 คน เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปว่าไป๋เย่ฉิงหงถูกสังหาร หลายคนพากันกังวลว่าน่านฟ้าหลิงหลงจะสูญเสียสมดุลของการคานอำนาจที่มีต่อน่านฟ้าอื่นๆ แต่แล้วก็กลับตรงกันข้าม เพราะเทพธิดาหลิงหลงได้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติมาใหม่ 2 คนแทบจะในทันที


ไม่ใช่นักรบทุกคนที่สำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดแล้วจะได้ตำแหน่งผู้ทรงเกียรติ ผู้ที่ได้ตำแหน่งนี้ล้วนเป็นนักรบผู้โดดเด่นที่มีความปราดเปรื่องเหนือชั้นกว่านักรบรุ่นเดียวกัน


เมื่อผู้คนมากมายพร้อมใจกันยอมจำนนให้ สาวน้อยทั้งสองพลันรู้สึกถึงเจตจำนงอันทรงพลังที่ซึมซาบเข้าสู่ร่างของพวกเธอ ราวกับได้การยอมรับจากทั้งโลก ทั้งคู่พบว่าสามารถเข้าถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าของโลกใบนี้


“หรือนั่นคือเจตจำนงของโลก?”


หวังหยิ่งกับเว่ยหรูเหยียนตาโต


เทพธิดาหลิงหลงหัวเราะเบาๆขณะไขข้อสงสัย “การได้รับตำแหน่งผู้ทรงเกียรติจากจอมราชันย์จะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อพลังปราณหรือวรยุทธที่คุณมี แต่จิตวิญญาณของคุณจะได้การยอมรับจากเจตจำนงของโลก ทำให้คุณเข้าถึงอำนาจหลากหลายรูปแบบของโลกใบนี้ เพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ให้สูงขึ้นได้อีกมาก”


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไม่ได้ทรงพลังเพราะวรยุทธที่เหนือชั้นหรือพลังปราณที่มีความบริสุทธิ์มากกว่า แต่เป็นเพราะสิทธิพิเศษต่างๆที่เป็นผลจากตำแหน่งผู้ทรงเกียรตินั้น


ความพิเศษเหล่านี้มาจากการได้การยอมรับจากเจตจำนงของโลก ทำให้พวกเขาเข้าถึงพละกำลังและอำนาจที่เหนือชั้นเกินกว่าราชันย์เทพเจ้าคนไหนๆจะเอื้อมถึง


“เข้าใจแล้ว…”


เมื่อรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของอำนาจ นักรบทั้งสองนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น


นับตั้งแต่วินาทีที่ได้การยอมรับจากเจตจำนงของโลก ก็รู้ทันทีว่าแม้ตำแหน่งผู้ทรงเกียรติจะมาจากเทพธิดาหลิงหลง แต่ตราบใดที่พวกเธอยังไม่ตายหรือยอมสละมันด้วยความเต็มใจ ก็ไม่มีทางที่ใครจะฉกฉวยอำนาจนี้ไปจากพวกเธอได้


ต่อให้เทพธิดาหลิงหลงก็ไม่มีสิทธิ์!


“ขอบคุณฝ่าบาท” ทั้งคู่โค้งคำนับอย่างงามขณะแสดงความสำนึกในบุญคุณ


เทพธิดาหลิงหลงพยักหน้าอย่างพอใจขณะจับจ้องอีกฝ่าย “พวกคุณไม่คิดจะเรียกฉันว่าอาจารย์หรือ?”


เธอคือผู้พาทั้งคู่ออกจากภูเขาสวรรค์สร้าง ใช้อำนาจของกระจกเงาแห่งมิติและเวลาเพื่อเร่งการพัฒนาวรยุทธ ทั้งยังให้คำชี้แนะครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของเธอ ทั้งคู่ก็ไม่มีทางผ่านบททดสอบของการได้รับตำแหน่งทรงเกียรติอย่างรวดเร็วขนาดนี้


ระหว่างตัวเธอกับนักรบทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ที่ปรากฏชัดก็จริง แต่เทพธิดาหลิงหลงรู้สึกได้ถึงความผูกพันของอาจารย์กับลูกศิษย์


และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอคิดจะยอมรับใครสักคนเป็นศิษย์สายตรง


เทพธิดาหลิงหลงไม่มีโอกาสได้ใช้เวลากับสองสาวมากนัก แต่พึงพอใจในตัวทั้งคู่อย่างมาก หวังหยิ่งเป็นคนถือตัวและสงวนท่าที แต่มีน้ำใจดีกับทุกคนรอบตัว ส่วนเว่ยหรูเหยียน แม้จะเย็นชา แต่ก็จริงใจกับผู้ที่เธอสนิทสนมด้วย


เทพธิดาหลิงหลงคิดว่าหากได้รับทั้งคู่เป็นศิษย์สายตรงก็คงจะดีมาก


“ต้องขออภัยด้วย ฝ่าบาท, แต่ก่อนหน้านี้เราสองคนเคยบอกไว้ว่าเรามีอาจารย์แล้ว” หวังหยิ่งประสานมือ


“ฉันรู้ว่าคุณมีอาจารย์แล้ว แต่เขาจะเทียบชั้นกับตัวฉันได้อย่างไร เขาก็แค่ผู้ให้คำชี้แนะกับคุณในช่วงแรกของเส้นทางวรยุทธเท่านั้น!” เทพธิดาหลิงหลงขมวดคิ้ว


เธอรู้ว่าสาวน้อยทั้งสองมีอาจารย์ตั้งแต่ตอนที่นำตัวทั้งคู่มาจากภูเขาสวรรค์สร้าง ในครั้งนั้น ทั้งคู่ไม่ค่อยเต็มใจจะมากับเธอ และยืนกรานว่าต้องทิ้งข้อความไว้ให้ท่านอาจารย์ก่อน


ซึ่งจะว่าไป การแสดงความเคารพที่หวังหยิ่งกับเว่ยหรูเหยียนมีให้ท่านอาจารย์ของพวกเธอก็ทำให้เทพธิดาหลิงหลงพอใจในตัวทั้งคู่มากขึ้นอีก


เธอคิดว่าไม่ช้าทั้งคู่ก็คงลืมอาจารย์คนเก่าและหันมาภักดีกับตัวเธอ ใครจะไปรู้ว่าอาจารย์เพียงคนเดียวที่ทั้งสองให้การยอมรับจะยังคงเป็นเขา?


ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจความภักดีของหวังหยิ่งกับเว่ยหรูเหยียน แต่เธอเป็นจอมราชันย์นะ!


แค่เธอเอ่ยปาก ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนในโลกใบนี้ก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นศิษย์สายตรงของเธอ


แต่หลังจากลงทุนลงแรงไปมากมาย ทั้งสองก็กลับปฏิเสธที่จะยอมรับเธอเป็นอาจารย์


อาจารย์คนเก่าของพวกเธอมีดีอะไรนักหนา!


ลงท้าย หมอนั่นก็เป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าคนหนึ่งที่ให้คำชี้แนะในช่วงแรกของการฝึกฝนวรยุทธเท่านั้น มีความสำคัญอะไรที่จะต้องจงรักภักดี?


“ฝ่าบาท ฉันคงต้องขอร้องคุณว่าอย่าดูถูกท่านอาจารย์ของพวกเรา” เว่ยหรูเหยียนพูด “เขาทำอะไรให้พวกเรามากมายเกินกว่าที่เราจะชดใช้ได้ และหากต้องเลือก เราก็ขอเลือกคืนวรยุทธที่มีอยู่ในเวลานี้ให้คุณ”


“ฝ่าบาท เขาคืออาจารย์เพียงคนเดียวที่พวกเราจะยอมรับในชั่วชีวิตนี้ และความตั้งใจนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” หวังหยิ่งพูด “ขออภัยในความดื้อรั้นของพวกเราด้วย”


“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้…”


เทพธิดาหลิงหลงได้แต่ส่ายหน้าอย่างเสียดายเมื่อเห็นความตั้งใจเด็ดเดี่ยวของทั้งคู่ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ตั้งคำถาม “พวกคุณรู้เรื่องการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณไหม?”


หวังหยิ่งพยักหน้า “ก็พอรู้บ้าง”


ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วสรวงสวรรค์ แม้พวกเธอจะใช้เวลาปลีกวิเวกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็พอรู้ข่าวคราวบางส่วนจากเหล่าองครักษ์


ถ้าไม่ใช่เพราะการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณ ต่อให้พวกเธอจะปราดเปรื่องแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จอมราชันย์จะให้ความสำคัญถึงขนาดช่วยยกระดับวรยุทธให้


“การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณจะเกิดขึ้นทุก 10 ปี ถือเป็นเรื่องใหญ่ของทั้งเก้าน่านฟ้า” เทพธิดาหลิงหลงอธิบาย “ในช่วงเวลานั้น ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติและราชันย์เทพเจ้าก็อาจเสียชีวิตได้อย่างง่ายดาย”


“ถึงพวกคุณจะได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เช่นเดียวกับตอนที่ฉันพบพวกคุณที่ภูเขาสวรรค์สร้าง จอมราชันย์คนอื่นๆก็พบผู้สืบทอดของพวกเขาเหมือนกัน ผู้สืบทอดเหล่านั้นจะได้รับคำชี้แนะเป็นการส่วนตัวจากจอมราชันย์ที่นำตัวพวกเขาไป จึงเชื่อได้เลยว่าพวกเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือด้วยได้ยากมาก”


“หากคุณไม่ยอมรับฉันเป็นอาจารย์ ฉันก็ไม่อาจถ่ายทอดเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงกว่านี้ให้คุณได้ ซึ่งคุณจะตกอยู่ในอันตรายหากต้องเผชิญหน้ากับคนพวกนั้น อาจถึงกับเสียชีวิตได้เลยทีเดียว”


“อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลย คุณเคยได้ยินชื่อชายหนุ่มชื่อเจิ้งหยางที่ถูกจอมราชันย์ตะวันแผดเผานำตัวไปบ้างไหม? เท่าที่ฉันรู้ ชายหนุ่มคนนั้นได้รับตำแหน่งทรงเกียรติตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้ เขารับมือได้แม้แต่กับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่คร่ำหวอดการสู้รบ หากคุณต้องเผชิญหน้ากับเขาระหว่างการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณล่ะก็ โอกาสที่จะเอาชนะได้ย่อมมีน้อยมาก…”


“พวกเราเคยได้ยินชื่อเขา…” หวังหยิ่งพยักหน้า “เขาเป็นศิษย์น้องที่ 4 ของฉัน!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)