อัจฉริยะสมองเพชร 2276-2279

ตอนที่ 2276 ราชายาเม็ด!

 

กระแสพลังงานที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันทำให้ร่างกายของฟู่เจียงเฉินกระชุ่มกระชวยและเพิ่มระดับพลังปราณให้สูงขึ้นอีก พร้อมกันนั้น ร่างกายของเขาก็ได้รับการขัดเกลาและทรงพลังกว่าเดิม


สิ่งนี้จะทำให้ฟู่เจียงเฉินก้าวข้ามด่านสุดท้ายและสำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุด


“ผมฝ่าด่านวรยุทธ…สำเร็จแล้วหรือ?” ฟู่เจียงเฉินถึงกับเงอะงะ


ด้านคอขวดที่เขาพยายามต่อสู้ฝ่าฟันมาหลายปีแหลกสลายไปได้อย่างง่ายดาย


ครั้งหนึ่ง เขาเคยได้รับความช่วยเหลือเป็นเครื่องตอบแทนจากเทพธิดาหลิงหลง โดยเธอช่วยเยียวยาสภาวะร่างกายของเขา แต่ในครั้งนั้น แม้เทพธิดาหลิงหลงก็ยังจนปัญญา แล้วชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ากลับทำได้อย่างง่ายดาย?


“ผ่านไป 20 อึดใจแล้วนะ! เลิกลังเลเสียที รีบเพิ่มอุณหภูมิของหม้อหลอมยา!” จางเซวียนตะโกนก้องเมื่อรู้สึกได้ว่าฟู่เจียงเฉินเริ่มใจลอยเรื่อยเปื่อย


คำพูดนั้นฉุดฟู่เจียงเฉินออกจากภวังค์ เขารีบถ่ายทอดพละกำลังที่ได้มาใหม่เข้าสู่หม้อหลอมยา


รวมแล้ว เขาต้านทานอยู่ได้เพียง 30 วินาทีเท่านั้น ซึ่งก็เสียไปแล้ว 20 วินาทีให้กับการฝ่าด่านวรยุทธ หากไม่รีบ พลังปราณในร่างกายคงเหือดแห้งหมดเสียก่อนที่หม้อหลอมยาจะทันมีอุณหภูมิเหมาะสม ซึ่งนั่นจะทำให้พวกเขาล้มเหลว


แต่นั่นแหละ ต่อให้ผิดพลาดก็ยังไม่สาหัสเท่าไหร่ ตราบใดที่ยังไม่ได้ใส่หญ้าราชันย์เทพเจ้าลงไป เพราะในบรรดาสมุนไพรทั้งหมดที่อยู่ในหม้อ สมุนไพรชนิดเดียวที่แทบไม่มีทางหามาได้อีกก็คือหญ้าราชันย์เทพเจ้า และสูตรยาก็สามารถปรับเปลี่ยนได้เสมอแล้วแต่สิ่งที่จางเซวียนมีอยู่


แต่ปัญหาก็คือ…จางเซวียนไม่มีเวลามากขนาดนั้น!


พวกเขาใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงในการขัดเกลาสมุนไพรชนิดอื่นๆอีก 107 ชนิด ซึ่งหากต้องตั้งต้นใหม่ก็ไม่ทันการแล้ว และไม่เพียงแต่จะต้องเสียเวลาหาสมุนไพรชุดใหม่ ฟู่เจียงเฉินยังต้องการเวลาฟื้นฟูพลังงานของเขาด้วย


จางเซวียนคงเดินทางกลับน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดไม่ทันแน่!


เพราะฉะนั้น เขาต้องทำจนสำเร็จให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม


“ได้” ฟู่เจียงเฉินตอบหนักแน่น


แม้เขาจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ขัดเกลาวรยุทธเลย ปริมาณพลังปราณที่มีอยู่ในร่างกายจึงยังคงเท่าเดิม


เขาไม่แน่ใจว่าทำไมจางเซวียนถึงอาจหาญเพิ่มอุณหภูมิของหม้อหลอมยาอย่างพรวดพราด แต่รู้ดีว่าสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือต้องทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย


กระแสพลังปราณที่บริสุทธิ์กว่าพวยพุ่งเข้าสู่หม้อหลอมยา ทำให้เปลวไฟลุกโชนแผดเผายิ่งกว่าเดิม อุณหภูมิภายในหม้อหลอมยาค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น


ผ่านไป 5 อึดใจ หน้าผากของฟู่เจียงเฉินมีเหงื่อเกาะพราว เขาชำเลืองมองจางเซวียนและพูดว่า “ผมใกล้จะถึงขีดสุดของความอดทนแล้ว คงเพิ่มอุณหภูมิให้สูงกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ…”


เขาฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จแล้วก็จริง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสขัดเกลาวรยุทธ ซึ่งหากบรรลุเงื่อนไขตามที่กำหนดไม่ได้ ก็คงไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้อีก


“หม้อร้อนได้ที่แล้วนะ รักษาระดับอุณหภูมิไว้!” จางเซวียนสั่งการ


เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อย เขาควรจะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่ารากฐานวรยุทธของผู้ที่เอาแต่กินยาก็ย่อมอ่อนแอเป็นธรรมดา


จางเซวียนคิดว่าฟู่เจียงเฉินน่าจะเพิ่มอุณหภูมิของเปลวไฟได้อย่างง่ายดายหลังจากที่ฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จแล้ว แต่ลงท้าย อีกฝ่ายก็ทำได้แค่ยกระดับอุณหภูมิได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น


คำว่า ‘เท่าที่จำเป็น’ หมายถึงอุณหภูมิต่ำสุดที่ใช้หลอมละลายหญ้าราชันย์เทพเจ้า แต่นั่นยังไม่สูงพอจะทำให้เกิดการหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้น เขาจึงยังไม่มั่นใจเต็มที่ว่ายาเม็ดจะก่อตัวได้อย่างเหมาะสม


“ช่างมันเถอะ!”


รู้ดีว่าจะมัวลังเลตอนนี้ไม่ได้ จางเซวียนนำหญ้าราชันย์เทพเจ้าทั้ง 4 ต้นออกมาและถ่ายทอดพลังปราณของเวทนาสวรรค์เข้าไป ก่อนจะโยนหญ้าพวกนั้นลงไปในหม้อหลอมยา


ฟู่!


ทันทีที่พลังปราณของจางเซวียนสัมผัสกับของเหลวที่กำลังเดือดปุดอยู่ในหม้อ เปลวไฟภายในหม้อหลอมยาก็เข้มข้นขึ้นทันที อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก


หญ้าราชันย์เทพเจ้าที่แสนจะทนทายาดเริ่มหลอมละลายเข้ากับของเหลวที่มีอยู่


3 อึดใจ…


2 อึดใจ…


“เร็วเข้าสิ!” จางเซวียนกำหมัดแน่น


ต้องใช้เวลาสักพักกว่าหญ้าราชันย์เทพเจ้าจะหลอมรวมเข้ากับของเหลวในหม้อได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าฟู่เจียงเฉินหมดแรงแล้ว


1 อึดใจ!


“ผมเสียใจด้วย ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ…”


ฟู่เจียงเฉินหน้าซีดเผือดจากการใช้แรงเกินขนาด ร่างของเขาโงนเงนไปมาเหมือนเส้นบะหมี่ก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น


เขาใช้พลังปราณหยดสุดท้ายที่เหลืออยู่ในร่างกายไปจนหมด


เมื่อสูญเสียแหล่งพลังงาน เปลวไฟในหม้อหลอมยาก็มอดลงทันที อุณหภูมิภายในหม้อตกฮวบ


โชคดีที่ในชั่วพริบตาที่ฟู่เจียงเฉินล้มลงไป การหลอมรวมกันระหว่างของเหลวที่มีคุณสมบัติทางยากับหญ้าราชันย์เทพเจ้าในหม้อก็เสร็จสมบูรณ์ เกิดแรงสั่นสะท้านอย่างรุนแรงจากหม้อหลอมยาขณะที่ยา 4 เม็ดกระเด็นออกมาจากในนั้น


ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ์ขั้นราชันย์เทพเจ้า สำเร็จแล้ว!


“ผมไม่มีแรงวิ่งไล่ยาแล้วล่ะ…”


เห็นยาเม็ดกระเด็นออกจากหม้อหลอมยา ฟู่เจียงเฉินตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร


เขาดีใจที่ทำสำเร็จในวินาทีสุดท้ายและหลอมสมุนไพรชนิดต่างๆให้กลายเป็นยาเม็ดจนได้ เนิ่นนานแล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จมากขนาดนี้เมื่อทำการหลอมยา


แต่เพราะเขาหมดเรี่ยวแรงแล้ว จึงไม่อาจใช้พลังงานปิดกั้นหม้อหลอมยาเพื่อป้องกันไม่ให้ยาเม็ดหนีไปได้ ยาเม็ดระดับขั้นนี้มีจิตวิญญาณของตัวเอง ดังนั้น หากไม่รีบคว้ามันไว้และทำการกำจัดจิตวิญญาณของพวกมัน ตัวเขากับจางเซวียนก็อาจต้องจบกระบวนการหลอมยาด้วยมือเปล่า!


ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง ขณะที่ยาทั้ง 4 เม็ดนี้…แม้จะยังไม่ถึงขั้นราชันย์เทพเจ้า แต่ก็ไม่ห่างจากนั้น


ต่อให้ฟู่เจียงเฉินเองก็จับยาเม็ดพวกนั้นได้ยาก เพราะพลังปราณของเขาเหือดแห้งไปหมดแล้ว นับประสาอะไรกับจางเซวียน


พูดอีกอย่างก็คือ…


แม้พวกเขาจะหลอมยาสำเร็จ แต่ก็ต้องนั่งจนปัญญาเฝ้ามองยาเม็ดที่ลงทุนลงแรงด้วยความเหนื่อยยากลอยหนีไป


ฟึ่บ!


ขณะที่ฟู่เจียงเฉินกำลังครุ่นคิด ยาเม็ดเหล่านั้นก็ปะทะเข้ากับปราการที่เขาติดตั้งไว้รอบห้อง และหนีขึ้นสู่ท้องฟ้า


“ทำไมถึงมียาแค่ไม่กี่เม็ด?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


จากการกะประมาณของเขา ด้วยหญ้าราชันย์เทพเจ้า 4 ต้นและเทคนิคการหลอมยาอันแม่นยำของฟู่เจียงเฉิน พวกเขาควรได้ยาอย่างน้อย 10 เม็ด ไม่นึกเลยว่าจะเหลือแค่ 4


แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาจะมาบ่น เขารีบชักดาบออกมาแล้วกระโจนขึ้นสู่กลางอากาศ


ฟึ่บ!


กระแสดาบฉีมากมายนับไม่ถ้วนระเบิดออก แปรสภาพเป็นตาข่ายขนาดใหญ่


หัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปม!


จางเซวียนรู้ดีว่ายาเม็ดเหล่านี้ทรงพลังแค่ไหน จึงใช้ศิลปะเพลงดาบที่แข็งแกร่งที่สุดของเขารับมือกับพวกมันโดยไม่ลังเล


นี่คือศิลปะเพลงดาบที่เขาทำความเข้าใจเมื่อครั้งอยู่ในมิติเบื้องบน แต่ในเมื่อตอนนี้ความเข้าใจเรื่องเวทนาสวรรค์ของเขาล้ำลึกกว่าเดิมแล้ว ทั้งแนวคิดและประสิทธิภาพของมันจึงสูงขึ้นด้วย แถมเขายังสำแดงมันโดยใช้ดาบที่มีวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้า


ในชั่วพริบตา ตาข่ายขนาดใหญ่ก็ปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า โอบล้อมยาเม็ดที่กำลังพยายามหลบหนีเอาไว้ทั้งหมด


จางเซวียนออกแรงดึง แล้วตาข่ายกระแสดาบฉีก็กลับสู่มือของเขา


ยาเม็ดต่างต่อสู้ดิ้นรนจนสุดแรง แต่ไม่อาจหนีรอดจากตาข่ายได้ ด้วยอานุภาพของกระแสดาบฉี จิตวิญญาณของมันถูกกำจัดออกไปอย่างรวดเร็ว


จางเซวียนโบกมือ จากนั้นก็รวบรวมยาเม็ดทั้งหมดมาเก็บไว้ในกล่องหยก “เรียบร้อย!”


หลังจากจับยาเม็ดทั้งหมดที่หนีไปกลับคืนมาได้ จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่เขากำลังจะเดินไปตรวจสอบอาการของฟู่เจียงเฉิน เงาหนึ่งก็พาดผ่านนัยน์ตาของเขา


ยาเม็ดหนึ่งหนีรอดจากหม้อหลอมยาไปได้ มันพุ่งฉิวออกไปด้วยความเร็วสูงเกินกว่าที่จางเซวียนจะทันตั้งตัว มันดำดิ่งเข้าสู่หมู่เมฆ กลายเป็นจุดดำๆที่อยู่กลางอากาศ


“แย่แล้ว นั่นมันราชายาเม็ด!” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความอัศจรรย์ใจ


โดยทั่วไป ยาเม็ดที่ถูกหลอมจากหม้อใบเดียวกันจะมีอานุภาพทางยาในระดับเท่าๆกัน แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้าง


หญ้าราชันย์เทพเจ้าจำนวนมากเกินไปถูกโยนลงไปในหม้อหลอมยาขณะที่กระบวนการหลอมเป็นไปอย่างรวบรัดเพราะฟู่เจียงเฉินหมดแรง สิ่งนี้ส่งผลให้การกระจายพลังงานของฤทธิ์ยาไปสู่ยาเม็ดต่างๆนั้นเป็นไปอย่างไม่ทั่วถึง


ผลที่ได้ก็คือ ยาเม็ดหนึ่ง, หรือที่รู้จักกันในชื่อราชายาเม็ด ลงเอยด้วยการได้ส่วนแบ่งของฤทธิ์ยาในปริมาณมากที่สุด


อันที่จริง คุณสมบัติทางยาของราชายาเม็ดมีมากกว่ายาเม็ดอื่นๆหลายเท่า ในแง่ของพลังงาน มันเทียบชั้นได้กับราชันย์เทพเจ้าเลยทีเดียว!


ไม่น่าแปลกใจแล้วที่เขาเห็นยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธเพียง 4 เม็ด ทั้งที่คาดไว้ว่าน่าจะมีเป็นสิบเม็ด ก็เพราะฤทธิ์ยาส่วนใหญ่ไปอยู่กับราชายาเม็ดจนหมดนี่เอง!


ไม่เพียงเท่านั้น จิตวิญญาณของยาเม็ดยังได้รับการพัฒนามากขึ้นอีกด้วย มันมีสติปัญญาเทียบเท่ากับมนุษย์


นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันซ่อนตัวอยู่ในหม้อหลอมยาขณะที่ยาเม็ดอื่นๆพยายามหลบหนี รอจนสบโอกาสเหมาะเพื่อจะได้หลบหนีบ้าง ดังนั้น พอจางเซวียนไม่ทันระวัง มันก็พุ่งออกไป


ความอดทนและความสามารถในการกะประมาณเวลาของมันจัดว่าน่าทึ่ง


ถ้าจางเซวียนปล่อยให้ราชายาเม็ดหนีไปได้ เขาคงพลาดโอกาสการได้ทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าอย่างแท้จริง


“แกคิดว่าฉันจะปล่อยให้แกหนีไปหรือ?” จางเซวียนคำรามขณะถ่ายทอดพลังปราณไปที่ฝ่าเท้าของเขาและกระโจนพรวดขึ้นสู่กลางอากาศ


ฟิ้วววว!


เขาพุ่งไปยังทิศทางเดียวกันกับราชายาเม็ด ทิ้งไว้แต่แรงกระเพื่อมอยู่ด้านหลัง


เพราะจางเซวียนขับเคลื่อนเคล็ดวิชาบันไดสวรรค์ธุลีแดงจนสุดกำลัง เขาจึงบินได้เร็วกว่ายาเม็ดนั้นเสียอีก!


…..


“ นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง…บินได้?” ฟู่เจียงเฉินตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ


กฎเกณฑ์ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ข้อหนึ่งของสรวงสวรรค์ก็คือมีแต่นักรบระดับราชันย์เทพเจ้าเท่านั้นที่บินได้ แต่นี่…


การที่อีกฝ่ายเอาชนะยาทั้ง 4 เม็ดได้ด้วยกระบวนท่าเดียวก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่ายังบินได้ด้วย แถมใช้ความเร็วที่ไม่ได้ช้ากว่าเขาเลยสักนิด


ชายหนุ่มทำแบบนี้ได้อย่างไร?


ฟู่เจียงเฉินนึกสงสัยครู่หนึ่งว่าเขาตาฝาดหรือเปล่า


ราชายาเม็ดที่กำลังหลบหนีก็ชะงักเมื่อเห็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงไล่ตามมาติดๆ เมื่ออีกฝ่ายใกล้ถึงตัวมันเต็มทีแล้ว มันก็รีบแปลงร่างเป็นชายหนุ่มที่ดูดุดันและหันกลับมาเพื่อจะตบหน้าเขา


มันเป็นกระบวนท่าง่ายๆ แต่มีพละกำลังสูงส่งจนน่าสะพรึง

 

 

 


ตอนที่ 2277 ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ

 

ในแง่ของความแข็งแกร่ง ราชายาเม็ดมีพละกำลังเทียบเท่ากับราชันย์เทพเจ้าเลยทีเดียว


“ฮึ่มมมม!”


จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด เขาหยุดกึกเพื่อหลบการโจมตี ก่อนจะตอบโต้ด้วยดาบในมือ เขาพบว่าแม้จะสูญเสียพลังปราณเทียบฟ้าไป แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ก็ไม่ได้ลดลงเลย กลับแข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ


ปัญหาเดียวก็คือเขามีพลังปราณในปริมาณที่น้อยกว่าเมื่อก่อนมาก จึงไม่อาจใช้พลังปราณอย่างบุ่มบ่ามได้


ด้วยเหตุนี้ จบการต่อสู้ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!


ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาไม่ได้มีแค่การสูญสลายของพลังปราณและการหลบหนีของราชายาเม็ด แต่เรื่องนี้ยังก่อให้เกิดความวุ่นวายระดับหนึ่งด้วย เขารู้สึกได้ว่าในช่วงเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่อึดใจ ผู้คนหลายสิบกำลังใช้การรับรู้จิตวิญญาณของตัวเองสำรวจมาทางนี้ ถ้าเขาไม่รีบแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว สถานการณ์จะบานปลายจนเกินควบคุมแน่


ความตายเท่านั้นที่ทำให้หนอนไหมปล่อยเส้นใย เถ้าถ่านเท่านั้นที่ทำให้น้ำตาเทียนเหือดแห้ง!


จางเซวียนสำแดงศิลปะเพลงดาบที่เขาทำความเข้าใจได้จากเวทนาสวรรค์ เส้นด้ายเรียวยาวพุ่งออกจากดาบของเขา ตรงเข้าห่อหุ้มราชายาเม็ดเอาไว้ ราวกับแสงไฟวูบสุดท้ายก่อนเทียนจะมอดดับ หรือเส้นไหมเส้นสุดท้ายของหนอนไหมตัวหนึ่ง เส้นด้ายเรียวยาวนั้นรัดรึงราชายาเม็ดไว้อย่างแน่นหนา ทำให้มันไม่อาจหลบหนีได้


“คุณ…”


ราชายาเม็ดถึงกับอัศจรรย์ใจ


เทพเจ้าสวรรค์สร้างกับราชันย์เทพเจ้าควรจะเป็นนักรบที่เรียกได้ว่าอยู่คนละชั้น มันคิดว่าตัวมันคงใช้พละกำลังที่มีอยู่กำจัดชายหนุ่มออกไปได้อย่างง่ายดาย ใครจะไปรู้ว่าจะติดกับเสียตั้งแต่ยังไม่ทันเสร็จสิ้นการโจมตี?


นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงทรงพลังขนาดนี้เชียวหรือ?


“จัดการ!”


รู้ดีว่าคงไม่อาจรักษาสภาพนี้ไว้ได้นานเพราะพลังงานที่มีจํากัด การต่อสู้ด้วยพละกำลังเต็มพิกัดเมื่อครู่และการสำแดงศิลปะเพลงดาบถึงสองชนิดทำให้พลังของเขาเหือดแห้งไวมาก จางเซวียนรีบดึงเส้นด้ายที่ทำจากกระแสดาบฉีเข้าหาตัวเพื่อจับราชายาเม็ดให้อยู่หมัด


“อ๊ากกกกก!”


ราชายาเม็ดส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างของมันค่อยๆหดเล็กลง แปรสภาพจากชายหนุ่มมาเป็นยาเม็ดกลมๆ ในเวลาเดียวกัน จิตวิญญาณที่ถือกำเนิดขึ้นในนั้นก็แหลกสลายไปด้วย


จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อในที่สุดก็ปราบราชายาเม็ดได้สำเร็จ เขายื่นมือออกไป กำลังจะคว้าราชายาเม็ดเอาไว้ ก็พอดีกับที่ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่การไหลเวียนของกระแสพลังปราณก็ขัดขืนเจตจำนงของเขา ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน


“เกิดอะไรขึ้น?” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกใจ


จากนั้น เขาเห็นสุภาพสตรีหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา


เธอใช้นิ้วเรียวยาวคีบราชายาเม็ดไว้อย่างแผ่วเบา


“สหาย ยาเม็ดนี้คือยาที่ศาลาหญ้าเขียวอ่อนของฉันทุ่มเงินมหาศาลเพื่อหลอมมัน ขอบคุณที่ช่วยจับไว้ให้ ฉันรู้สึกสำนึกในบุญคุณอย่างยิ่งต่อความช่วยเหลือของคุณ” สุภาพสตรีผู้นั้นพูดยิ้มๆ


“ศาลาหญ้าเขียวอ่อน?” จางเซวียนทวนคำพร้อมกับหรี่ตา เขาพยายามถ่ายทอดพลังปราณเพื่อทำลายฉนวนที่สกัดกั้นเขาไว้


ราชายาเม็ดคือยาที่มีอานุภาพช่วยให้นักรบคนหนึ่งฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าได้ ไม่มีกลุ่มอำนาจไหนในสรวงสวรรค์ที่ต้านทานไหวกับความเย้ายวนใจขนาดนี้


จางเซวียนจึงกังวลมาตลอดว่าอาจจะมีใครพยายามฉกฉวยราชายาเม็ดไปจากเขา ซึ่งก็ดูเหมือนเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว


แม่นี่ดูละโมบโลภมาก เธอตั้งใจมาที่นี่เพื่อฉกฉวยทรัพย์สมบัติของเขา แถมยังมีหน้าอ้างความชอบธรรมสูงส่งและชื่อเสียงของตัวเองด้วย


สรวงสวรรค์คือสถานที่ที่ไร้กฎเกณฑ์ ลงท้าย กำปั้นที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นคือผู้ชนะ


“ใช่” สุภาพสตรีผู้นั้นตอบอย่างวางมาดขณะนำตราหยกอันหนึ่งออกมา “นี่คือตราสัญลักษณ์ของศาลาหญ้าเขียวอ่อนของเรา ในเมื่อคุณมีความดีความชอบครั้งใหญ่ พวกเราก็ควรมอบรางวัลให้เป็นการตอบแทน ด้วยตราหยกอันนี้ คุณมีสิทธิ์เลือกหนังสือเทคนิควรยุทธเล่มไหนก็ได้ตามแต่ต้องการที่ศาลาหญ้าเขียวอ่อนของเรา!”


เธอสะบัดข้อมือแล้วยื่นตราหยกให้จางเซวียน


“นี่คือเรื่องที่คุณแต่งขึ้นเพื่อขโมยทรัพย์สมบัติของผมหรือ?” จางเซวียนคำรามขณะหักตราหยกเป็น 2 ท่อนโดยไม่ลังเล “ในสายตาคุณ ผมดูเหมือนไอ้โง่หรือไง?”


การที่อีกฝ่ายจะสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเขาและขโมยยาเม็ดไปก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เธอถึงกับกล้าทึกทักว่ายาเม็ดนั้นเป็นของเธอด้วย จางเซวียนไม่เคยเห็นใครหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้!


“ขโมยทรัพย์สมบัติของคุณ? นั่นคือยาเม็ดที่ฉันจ่ายเงินสูงลิ่วเพื่อหลอมมันนะ ใครก็ตามที่พอจะมีสามัญสำนึกสักหน่อยย่อมดูออกว่ามันเหนือชั้นเกินกว่าที่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงคนหนึ่งจะมีปัญญาหลอม!” สุภาพสตรีผู้นั้นสะบัดแขนเสื้อและคำราม “จะพูดอะไรก็คิดให้ดีเสียก่อน!”


“การหลอมยาเม็ดนี้อาจเกินความสามารถของผมก็จริง ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ฟู่เจียงเฉิน ผมนำสมุนไพรและเทคนิคการหลอมยามาให้เขา แต่สุดท้าย ยาเม็ดก็หลบหนีไปทันทีที่เราหลอมมันสำเร็จ คุณบอกว่าคุณคือผู้หลอมมัน ถ้าอย่างนั้น…ทำไมไม่บอกผมสักหน่อยว่าใช้สมุนไพรชนิดไหนบ้าง และขั้นตอนการหลอมเป็นอย่างไร?” จางเซวียนถาม


“ฟู่เจียงเฉิน?” สุภาพสตรีผู้นั้นหัวเราะลั่น “ดูเหมือนคุณจะรู้ไม่น้อยเลยนี่ ใช่! ฉันคือผู้สั่งการให้เขาหลอมยาเม็ดให้ ซึ่งฉันก็จัดหาสมุนไพรให้เขาด้วย เด็กน้อย มันไม่ถูกต้องหรอกนะที่จะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่แน่ล่ะ ฉันจะพิสูจน์ความชอบธรรมให้คุณ เรียกฟู่เจียงเฉินมาที่นี่ และให้เขายืนยันว่าใครคือเจ้าของยาตัวจริง!”


เมื่อพูดจบ เธอก็หันกลับไปทางคฤหาสน์แล้วตะโกนก้อง “ฟู่เจียงเฉิน รีบออกมาที่นี่เลย!”


คำพูดของเธอถูกส่งตรงไปหาฟู่เจียงเฉินผ่านทางพลังปราณ


ระหว่างนั้น จางเซวียนรีบประเมินสถานการณ์อย่างเคร่งเครียด


บริเวณนั้นไม่มีใครอยู่เลย แต่เขารู้สึกได้ว่ามีผู้คนจำนวนหลายสิบกำลังใช้การรับรู้จิตวิญญาณเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ เหตุที่สุภาพสตรีผู้นี้กล่าวอ้างว่ายาเม็ดเป็นของเธอตั้งแต่ต้นก็เพื่อยืนยันความชอบธรรม ด้วยวิธีนี้ จะไม่มีใครมีเหตุผลหนักแน่นพอที่จะแย่งชิงราชายาเม็ดกับเธอ


เพราะไม่อย่างนั้น ก็สุ่มเสี่ยงกับการสูญเสียชื่อเสียง


ด้วยสิ่งนี้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีสถานภาพสูงส่งไม่เบาในเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง


“คุณนี่แน่นอนจริงๆนะ ไม่มีความละอายสักนิดที่ขโมยยาเม็ดของคนอื่น บอกผมมาว่าคุณเป็นใคร?” จางเซวียนคำราม


“คุณรู้จักศาลาหญ้าเขียวอ่อน แต่ไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร?” สุภาพสตรีผู้นั้นหัวเราะเบาๆ


“ฉันคือไป๋เย่ฉิงหง!”


“ไป๋เย่ฉิงหง?” จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที “ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ?”


ตอนที่จางเซวียนเพิ่งมาถึงเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง เขาได้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองทั่วไปภายในเมืองหลวงแห่งนี้จากองครักษ์ที่ประจำอยู่บริเวณค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ เขาได้รู้ว่านอกจากเทพธิดาหลิงหลง ยังมีอีกสองคนที่ควรจับตา


ทั้งสองคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติชางกวนหยุนหวันกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่ฉิงหง


ทั้งคู่มีสถานภาพทัดเทียมกัน แต่ละคนกุมอำนาจครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง


ในฐานะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของสรวงสวรรค์ซึ่งเป็นสุภาพสตรีที่งดงาม เธอมีทั้งผู้สวามิภักดิ์และกลุ่มอำนาจผู้ทรงพลังคอยติดตามเธออยู่มากมาย


จางเซวียนนึกว่าแม่ผู้หญิงหน้าไม่อายที่พยายามฉกฉวยยาเม็ดของเขา อย่างมากก็คงเป็นแค่นักรบระดับราชันย์เทพเจ้า นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ


แต่เมื่อคิดดูอีกที ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจะอยากได้ราชายาเม็ดไว้ในครอบครอง เพราะยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าแต่ละเม็ดมีศักยภาพในการสร้างราชันย์เทพเจ้าคนใหม่ ซึ่งอานุภาพของราชายาเม็ดย่อมสูงกว่านั้นอีกหลายเท่า หากใช้มันอย่างเหมาะสม อาจสร้างราชันย์เทพเจ้าคนใหม่ขึ้นได้อีกอย่างน้อย 4 คนเลยทีเดียว


ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็คงไม่อาจระงับความโลภไว้ได้เมื่อมีผลประโยชน์ก้อนใหญ่อยู่ตรงหน้า!


เมื่อเห็นว่าในที่สุดอีกฝ่ายก็รู้จักตัวตนของเธอ ไป๋เย่ฉิงหงเอาสองมือไพล่หลังไว้ วางท่าราวกับราชินี เธอลดสายตาลง เห็นฟู่เจียงเฉินที่ยังอ่อนระโหยโรยแรงบินเข้ามาอย่างช้าๆ


เมื่อครู่นี้เขาใช้พลังงานไปจนหมด แต่ก็เรียกคืนพลังงานกลับมาได้ไม่น้อยด้วยการกินยาเม็ดที่มีอยู่กับตัว


“ฟู่เจียงเฉินคารวะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่!”


ฟู่เจียงเฉินประสานมือและโค้งคำนับอย่างงาม ไม่กล้าแสดงความกระด้างกระเดื่องแม้แต่น้อย


ไป๋เย่ฉิงหงพยักหน้า


“ที่ฉันเรียกคุณมาที่นี่ ก็เพื่อให้คุณบอกกล่าวให้ทุกคนได้รู้แน่ชัดว่าใครคือเจ้าของยาเม็ดนี้…ฉันคือผู้จัดหาสมุนไพรและสูตรยาสำหรับการหลอมยาเม็ดนี้ให้คุณใช่ไหม?”


“คือ…” ฟู่เจียงเฉินหน้าเสียเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาชำเลืองมองจางเซวียนอย่างกระวนกระวายก่อนจะกัดริมฝีปาก “ใช่!”


“นักปรุงยาฟู่ คุณ…”


จางเซวียนคิดไม่ถึงว่าฟู่เจียงเฉินจะทรยศเขาดื้อๆแบบนี้ คำที่เขาใช้เรียกขานอีกฝ่ายเปลี่ยนจาก ‘พี่ฟู่’ ไปเป็น ‘นักปรุงยาฟู่’ โดยอัตโนมัติ


“นักปรุงยาจาง เป็นความจริงที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่เป็นผู้สั่งการให้ผมหลอมยานี้ ผมว่าคงจะดีที่สุดถ้าคุณยอมถอยไปเสียและไม่สร้างความวุ่นวาย…”


“ผมสร้างความวุ่นวาย?” จางเซวียนตัวสั่นด้วยแรงโทสะ แต่แล้วก็หัวเราะลั่นพร้อมกับส่ายหน้า “ดูเหมือนน่านฟ้าหลิงหลงจะรวมหัวกันกลั่นแกล้งคนนอกอย่างผมนะ”


เขานำหญ้าราชันย์เทพเจ้ามาที่นี่ และยอมจ่ายเงินสูงลิ่วเพื่อให้การหลอมยาเป็นไปอย่างเรียบร้อย แต่ตอนนี้พวกนั้นกลับขโมยยาไปเป็นของตัวเอง!


ดูเหมือนคนเหล่านี้ใช้ความได้เปรียบจากวรยุทธที่อ่อนด้อยของเขามาบิดเบือนความจริงเพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว


“บังอาจ! ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่เมตตาถึงขนาดไม่ถือสากับความอวดดีของคุณ เพราะคุณมีความดีความชอบที่จับยาเม็ดนั้นได้ แต่แทนที่คุณจะแสดงความสำนึกในบุญคุณต่อเธอ กลับอาจหาญพูดจาอวดดีออกมา รนหาที่ตายหรือไง?” ฟู่เจียงเฉินตวาดก้องอย่างวางอำนาจ


คำพูดนั้นทำให้ความโมโหของจางเซวียนทะลุจุดเดือด แต่หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงโทรจิตของฟู่เจียงเฉินดังอยู่ในหัว

 

 

 


ตอนที่ 2278 ทำลายมันซะ!

 

“น้องจาง ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่เคยชินกับการทำตัวแบบนี้เสียแล้ว ต่อให้ผมเข้าข้างคุณ เธอก็จะต้องหาทางเล่นงานคุณอยู่ดีทันทีที่คุณออกจากเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลงไป ถ้าคุณคิดจะสู้ ผมสามารถรายงานเรื่องนี้ต่อราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติชางกวนเพื่อให้เธอพิพากษาแทนเราได้ แต่สุดท้าย ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั้งคู่ก็มีสถานภาพทัดเทียมกัน หากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่ยืนกรานในการตัดสินใจของเธอ พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี! เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าน่าจะดีที่สุดหากคุณยอมรับความพ่ายแพ้…”


“คุณกำลังบอกว่าผมควรปล่อยให้เธอทำอะไรตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ?” จางเซวียนแค่นเสียง


“เราไม่มีทางเลือก! นั่นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรตินะ พวกเราทำอะไรไม่ได้หรอก! ต่อให้เธอนำราชายาเม็ดไป คุณก็ยังเหลือยาอีก 4 เม็ดให้ใช้ แต่ถ้าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ ผมเกรงว่าเธออาจใช้กำลังสร้างความรุนแรง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ไม่เพียงแต่คุณจะต้องกลับไปมือเปล่า ชีวิตของคุณยังอาจตกอยู่ในอันตรายด้วย” ฟู่เจียงเฉินอุทานด้วยความเป็นห่วง


เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าพลเมืองธรรมดาสามัญไม่มีวันเอาชนะอำนาจของผู้มีตำแหน่งใหญ่โตในบ้านเมืองได้ ไป๋เย่ฉิงหงคือหนึ่งในผู้กุมอำนาจของเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง ทั้งยังเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติซึ่งมีพละกำลังเป็นรองแค่จอมราชันย์เท่านั้น


รู้ดีว่าเถียงกับฟู่เจียงเฉินไปก็ไม่มีประโยชน์ จางเซวียนหันกลับไปมองไปไป๋เย่ฉิงหงและเชิดหน้าถาม “ถ้าผมปฏิเสธล่ะ?”


เพราะตั้งรกรากอยู่ในน่านฟ้าหลิงหลง ฟู่เจียงเฉินจึงมีเรื่องให้ต้องใคร่ครวญมากมายหากจะทำตัวเป็นอริกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ แต่จางเซวียนไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น!


จริงอยู่ว่าสุภาพสตรีที่อยู่ตรงหน้าเขามีหน้าตาสวยงดงาม แต่ความสวยจะมีประโยชน์อะไรหากสิ่งที่อยู่ภายในคือหัวใจที่เหม็นเน่าราวกับยาพิษ?


เขาพยายามเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างที่สุดแล้วเพื่อไม่สร้างความวุ่นวายหรือก่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครมใดๆ แต่นี่คือหนึ่งในสิ่งที่เขาทนไม่ได้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องความถ่อมตัวและการเก็บเนื้อเก็บตัวเงียบอีกแล้ว


ถ้าเขาปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง แน่นอนว่าจะต้องมีซ้ำแล้วซ้ำอีก


ถึงเวลาแล้วที่จะต้องประกาศให้ใครรู้ว่าแม้ตัวเขา, จางเซวียน จะเพิ่งมาถึงสรวงสวรรค์ได้เพียงเดือนเดียว แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ!


“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่” เมื่อตัดสินใจแล้ว จางเซวียนระงับความโกรธไว้ขณะจ้องหน้าไป๋เย่ฉิงหงด้วยแววตาสุขุมเยือกเย็น “ผมจะให้โอกาสคุณนะ ยอมรับความจริงและสารภาพผิดเสีย”


“ทั้งๆที่รู้แล้วว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่เป็นใคร ยังกล้าพูดจาวางโตแบบนั้นออกมา เขาสติดีหรือเปล่า?”


“สมงสมองคงไปหมดแล้ว!”


ผู้ที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่พากันอุทานด้วยความตกใจ


“ฉันสุภาพกับคุณมาตลอดเพราะเห็นว่าคุณเป็นแขกของน่านฟ้าหลิงหลงของเรา แถมยังช่วยจับยาเม็ดของฉันไว้ แต่ดูเหมือนคุณจะทดสอบความอดทนอดกลั้นของฉันเหลือเกิน คิดว่าฉันไม่กล้าเล่นงานคุณหรือไง?” ไป๋เย่ฉิงหงจ้องจางเซวียนด้วยสายตาเลือดเย็น


แรงกดดันมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้แผ่ซ่านออกจากร่างของเธอ ครอบคลุมทั้งเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลงไว้ ท้องฟ้ามืดมิด บรรยากาศหนักอึ้งขึ้นมาทันที


ทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลงรับรู้ถึงแรงกดดันนี้ได้ แต่สำหรับจางเซวียน เขารับศึกหนักกว่าคนอื่นเพราะเป็นเป้าหมายโดยตรงที่ถูกแรงกดดันพุ่งเข้าใส่ เขาเริ่มหายใจขัด พลังปราณก็ดูจะแข็งทื่อ


ถ้าไม่ใช่เพราะดาบระดับราชันย์เทพเจ้าที่เขาถืออยู่ในมือช่วยปัดป้องแรงกดดันบางส่วนออกไป เขาคงร่วงลงจากกลางอากาศแล้ว


นี่เป็นพละกำลังที่แม้แต่ราชันย์เทพเจ้ายังไม่อาจต้านทานได้ นับประสาอะไรกับนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง!


อำนาจของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติช่างน่าสะพรึงจริงๆ


จางเซวียนรีบขับเคลื่อนเวทนาสวรรค์ ในที่สุดแรงกดดันที่พุ่งเข้าใส่เขาก็ค่อยบรรเทาลง เขาส่ายหัวและเปรยอย่างเบื่อหน่าย “ผมให้โอกาสคุณแล้วนะ แต่คุณก็ไม่เห็นคุณค่าของมันเอาเสียเลย ผมคงทำอย่างอื่นไม่ได้แล้วล่ะ”


เห็นจางเซวียนยังคงพูดจาโอหังทั้งที่ยืนอยู่หน้าประตูนรกแล้ว ไป๋เย่ฉิงหงคำราม “ฮึ่มมม! เจ้าคนอวดดีที่ไม่รู้จักเจียมกะลาหัว!”


เนิ่นนานมาแล้วที่ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเธอแบบนี้ เธอยกมือขึ้น หมายจะสั่งสอนบทเรียนให้ชายหนุ่ม แต่ยังไม่ทันจะได้เคลื่อนไหว ร่างของเธอก็แข็งทื่อ


พละกำลังมหาศาลตรึงร่างของเธอไว้อย่างปุบปับ สกัดกั้นพละกำลังของเธอไว้หมด


ไป๋เย่ฉิงหงรีบเงยหน้ามองด้วยความตกใจ เห็นหนังสือสีทองเล่มหนึ่งลอยอยู่เงียบๆเหนือศีรษะของเธอ


“นะ…นั่นมันอะไรกัน?” ไป๋เย่ฉิงหงพึมพำ


หนังสือที่ลอยอยู่เหนือศีรษะทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก ราวกับมีผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่ากำลังจับจ้องเธออยู่ เธอไม่อาจถอยหรือหลบหนีได้ ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน


ดูเหมือนสรวงสวรรค์จะปฏิเสธการมีอยู่ของตัวเธอด้วย


“มันก็แค่หนังสือเล่มหนึ่ง” จางเซวียนตอบ


เขาไม่อยากทำขนาดนี้ แต่ทนไม่ไหว เขาให้โอกาสเธอมาแล้วหลายหน ในเมื่อเธอไม่ยอมเปลี่ยนใจ ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปรานี


จางเซวียนรู้ดีว่าการกระทำแบบนี้จะต้องทำให้เทพธิดาหลิงหลงขุ่นเคือง แต่เขาไม่แยแสแล้ว


“คุณใช้กำลังข่มขู่ทำร้ายผู้ที่อ่อนแอกว่า ทั้งยังไม่มีความละอายหรือสำนึกผิดในการกระทำของตัวเองสักนิด ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าตลอดชีวิตอันยาวนานที่ผ่านมาของคุณ คุณทำเรื่องชั่วร้ายใดไว้บ้าง ในเมื่อไม่มีใครพิพากษาคุณได้ ผมนี่แหละจะเป็นคนทำเอง!” จางเซวียนประกาศลั่นขณะโบกมืออย่างวางมาด


โครมมมม!


เกิดเสียงโครมราวกับภูเขาถล่ม หนังสือเทียบฟ้าร่วงลงมาจากกลางอากาศ


“มะ…ไม่!”


ไป๋เย่ฉิงหงคิดว่าคู่ต่อสู้ของเธอเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงธรรมดาคนหนึ่งที่เธอสามารถเล่นงานได้สบาย ไม่นึกไม่ฝันสักนิดว่าอีกฝ่ายจะมีของล้ำค่าทรงพลังระดับนี้อยู่กับตัว


เธอพยายามรวบรวมพละกำลังทั้งหมดเพื่อต้านทานหน้าหนังสือสีทอง แต่ด้วยแรงกระแทกหนักหน่วงของหนังสือเล่มนั้น แขนของเธอหักเป็นท่อนๆทันที


ไป๋เย่ฉิงหงไม่อาจต้านทานได้แม้เพียงหนึ่งอึดใจ


“นะ…นั่นมันอะไร?” ไป๋เย่ฉิงหงโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความพรั่นพรึง


เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าผู้เดียวที่ยับยั้งราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติได้ก็คือจอมราชันย์ ก็เพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้ไป๋เย่ฉิงหงกล้าทำอะไรตามอำเภอใจโดยไม่ห่วงเรื่องผลที่จะเกิดตามมา


เธอไม่เคยคาดคิดว่านักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงคนหนึ่งจะมีของล้ำค่าที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่กับตัว


ไป๋เย่ฉิงหงรู้สึกราวกับถูกน้ำหนักทั้งหมดของสรวงสวรรค์กดทับอยู่บนร่าง มันคือพละกำลังที่เทียบชั้นได้กับเรี่ยวแรงของจอมราชันย์ แม้เธอจะเป็นถึงราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ แต่ก็ไม่อาจต้านทานพละกำลังระดับนี้ได้


“ฉันจะไม่ยอมตายแบบนี้! ทำลาย…ทำลายมันซะ!”


ไป๋เย่ฉิงหงกรีดร้องออกมาสุดเสียงขณะพยายามปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดที่มีเข้าใส่หนังสือที่ลอยอยู่เหนือร่างของเธอ เกิดคลื่นพลังงานที่ปรากฏเป็นแรงกระเพื่อมอยู่กลางอากาศขณะที่เธอพยายามดึงดูดกระแสจิตปรารถนาทั้งหมดที่มีอยู่ในน่านฟ้าหลิงหลงเข้ามาคุ้มกันตัวเอง


ในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้ส่วนตัว ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไม่ได้แตกต่างจากราชันย์เทพเจ้าโดยทั่วไปมากนัก ความเหนือชั้นกว่าของพวกเขาคือความสามารถในการควบคุมกระแสจิตปรารถนาภายในอาณาเขตของตัวเองและแปรเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นพละกำลัง


สิ่งนั้นทำให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติมีอำนาจที่แทบไม่มีใครต้านทานได้ในดินแดนของตัวเอง


แต่ไม่ว่าไป๋เย่ฉิงหงจะพยายามดึงดูดกระแสจิตปรารถนาเข้ามามากแค่ไหน ก็ไม่อาจประชันกับพละกำลังของสรวงสวรรค์ได้ ปราการที่เธอสร้างขึ้นจากกระแสจิตปรารถนาแตกสลายไปโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ


สิ่งนี้ทำให้ไป๋เย่ฉิงหงประหวั่นพรั่นพรึงอย่างหนัก


เธอรู้ดีว่าหากไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อยับยั้งหนังสือเล่มนั้น คงได้กลายเป็นเนื้อบดภายในอีก 2-3 อึดใจแน่


“วะ-ไว้ชีวิตฉันเถอะ! ฉันผิดไปแล้ว ฉันเห็นว่ายาเม็ดนั้นมีพลังงานเข้มข้น จึงเกิดความละโมบโลภมากขึ้นมา ฉันไม่ควรทึกทักเอาว่ามันเป็นของตัวเองด้วยความเห็นแก่ตัวแบบนั้น เรื่องจริงก็คือฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายาเม็ดนั้นคืออะไร และมาจากไหน…”


ไป๋เย่ฉิงหงตัดสินใจสละชื่อเสียงของเธอและยอมรับผิดโดยไม่ลังเล เพราะหากต้องเลือกระหว่างชื่อเสียงกับชีวิต ชีวิตก็ย่อมสำคัญกว่า


“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่พยายามขโมยยาเม็ดของคนอื่นหรือ?”


“เมื่อครู่นี้เธอพูดออกมาได้น่าเชื่อถือเสียจนผมเชื่อสนิท ไม่นึกเลยว่าเป็นแค่การแสดง!”


“ผมมองเธอเป็นเทพธิดาตลอดสองสามร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กหนุ่มอายุ 20 ปีนู่นน่ะ! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติผู้น่าภาคภูมิจะทำอะไรชั่วร้ายแบบนี้…”


“แหม แต่คุณก็เห็นแล้วนี่ว่ายาเม็ดนั้นมีพลังงานมากแค่ไหน คุณแน่ใจหรือว่าจะไม่ทำแบบเดียวกับเธอถ้าทำได้?”


“อะ-เอ่อ…ผมก็พอเข้าใจเหตุผลที่เธอทำแบบนั้นอยู่นะ แต่มันก็…”


ผู้ที่เฝ้าดูเหตุการณ์โดยใช้การรับรู้จิตวิญญาณต่างพากันอึ้ง


เพราะไป๋เย่ฉิงหงปรากฏตัวขึ้นทันทีที่ยาเม็ดถูกจับได้ แถมยังพูดจาด้วยความมั่นอกมั่นใจมาตลอด ทุกคนจึงเชื่อสนิทว่ายาเม็ดเป็นของเธอ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอคือนักฉวยโอกาส…


การยอมรับครั้งนี้ทำลายชื่อเสียงของเธอในฐานะเทพธิดาของชายนับไม่ถ้วนจนป่นปี้


สุดท้าย ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีทางที่จะปราศจากความละโมบได้อย่างสิ้นเชิง


“คำพูดของคุณไม่มีความหมายอะไรกับผมแล้วล่ะ การแสดงความเสียใจน่ะทำได้ง่ายจะตายเมื่อรู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา ผมก็ให้โอกาสคุณแล้ว แต่คุณไม่รับมันไว้เอง ตอนนี้ก็รับผิดชอบกับการตัดสินใจของคุณไปก็แล้วกัน” จางเซวียนตอบอย่างไม่แยแส


ต่อให้วายร้ายที่ร้ายกาจที่สุดในโลกก็ย่อมกล่าวคำขอโทษอย่างไม่ลังเลหากมีดาบจ่ออยู่ที่คอหอย แล้วการยอมรับคำขอโทษแบบนี้ไว้จะมีประโยชน์อะไร?


ด้วยการยกระดับครั้งล่าสุดของหอสมุดเทียบฟ้า ระยะเวลาที่หน้าหนังสือสีทองคงอยู่จึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จางเซวียนใช้เจตจำนงของเขาสั่งการให้มันพุ่งเข้าใส่ร่างของไป๋เย่ฉิงหงด้วยพละกำลังที่หนักหน่วงกว่าเดิม

 

 

 


ตอนที่ 2279 ยอมรับโทษทัณฑ์ของคุณซะ

 

เธอพ่ายแพ้ราบคาบเพราะแรงกดดันนั้น กระดูกกระเดี้ยวทุกส่วนในร่างกายแตกละเอียด เลือดสดๆไหลออกมาจากทุกทวาร อาบร่างของเธอให้เป็นสีแดงก่ำ


แม้จะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่มีพละกำลังมหาศาล แต่ก็ยังก้าวไม่พ้นขีดจำกัดของสรวงสวรรค์ แน่นอนว่าพวกเขาไม่อาจต้านทานได้


“ช้าก่อน!”


ลมหอบใหญ่พัดมา แล้วร่างงดงามอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏตัว


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอีกคนหนึ่งของน่านฟ้าหลิงหลง ชางกวนหยุนหวัน!


“ไป๋เย่ฉิงหงคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่ได้รับเลือกจากฝ่าบาทโดยตรง การที่คุณสังหารเธอจึงถือเป็นการแสดงความกระด้างกระเดื่องอย่างรุนแรงต่ออำนาจของฝ่าบาท การกระทำของคุณบ่งบอกเจตนาของคุณอย่างชัดเจนแล้ว แต่ฉันขอให้คุณไว้ชีวิตเธอก็แล้วกัน” ชางกวนหยุนหวันพูด


“คุณกำลังขู่ผมในนามของจอมราชันย์หรือ?” จางเซวียนมองชางกวนหยุนหวันด้วยสายตาเย็นเยียบ


ราชันย์เทพเจ้ากับจอมราชันย์ของน่านฟ้าหลิงหลงช่างรวมหัวกันดีเสียจริง ตอนที่ไป๋เย่ฉิงหงพยายามขโมยยาเม็ดของเขา พวกนั้นก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้อีกฝ่ายวางโตโอหังและทำอะไรตามใจ แต่เมื่อสถานการณ์พลิกผัน ก็ ‘เห็น’ และเข้ามาขัดจังหวะทันที


พวกนั้นมีสิทธิ์อะไรมาร้องขอให้เขาประนีประนอม? คิดจะใช้พละกำลังข่มขู่อย่างนั้นหรือ?


ฝันไปเถอะ!


“ต่อให้ฉันไม่พูดอะไร คุณก็ควรจะรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในนั้น เกียรติยศศักดิ์ศรีของจอมราชันย์ไม่ใช่สิ่งที่จะถูกลบหลู่ได้” ชางกวนหยุนหวันพูด


จอมราชันย์คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และไป๋เย่ฉิงหงคือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเทพธิดาหลิงหลงให้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของน่านฟ้าหลิงหลง ดังนั้น ผู้เดียวที่มีอำนาจเหนือเธอก็จะต้องเป็นเทพธิดาหลิงหลงเท่านั้น


การสังหารไป๋เย่ฉิงหงจึงถือเป็นความพยายามท้าทายอำนาจของเทพธิดาหลิงหลงโดยตรง


“ผมเข้าใจดีว่าคุณหมายความว่าอะไร แต่การให้เกียรติคนแบบเธอให้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรตินี่…ดูเหมือนเทพธิดาหลิงหลงจะสายตาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นะ การปล่อยให้คนแบบนี้บริหารและดูแลน่านฟ้าหลิงหลงย่อมทำให้เสื่อมเสียเกียรติของเทพธิดาหลิงหลงแน่ ให้ผมกำจัดแกะดำแทนเธอก็แล้วกัน!” จางเซวียนประกาศ


“มะ-ไม่…!”


ไป๋เย่ฉิงหงร้องโหยหวนก่อนจะบี้แบนอยู่กับพื้น จิตวิญญาณของเธอแหลกสลายไปในทันที ไม่หลงเหลืออะไรเลย


“คะ-คุณ…” ชางกวนหยุนหวันคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าสังหารไป๋เย่ฉิงหงทั้งที่เธออ้างชื่อจอมราชันย์แล้ว ริมฝีปากของเธอสั่นสะท้านขณะชี้หน้าเขา “กล้าดีอย่างไรถึงได้…”


แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ อีกฝ่ายก็ส่งสายตาเชือดเฉือนใส่และตอบอย่างเลือดเย็น “หุบปากเสียถ้าคุณไม่อยากตาย!”


ชางกวนหยุนหวันตัวสั่นด้วยความโกรธ แต่เพราะได้เห็นอานุภาพของหนังสือเล่มนั้นด้วยตาตัวเองแล้ว จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก


ขนาดไป๋เย่ฉิงหงที่มีพละกำลังทัดเทียมกับเธอยังถูกฆ่าตายในชั่วพริบตา ถ้าเธอกล้าพูดอะไรออกไป ก็น่าจะประสบชะตากรรมเดียวกัน


เหล่าราชันย์เทพเจ้าและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่จับตาดูเหตุการณ์อยู่ก็พากันเงียบกริบ ทุกคนตัวสั่นไม่หยุดเมื่อได้เห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น…


นั่นคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ, ผู้ที่ไม่มีใครยับยั้งได้เว้นเสียแต่จอมราชันย์ แต่ในชั่วพริบตา คนระดับนั้นก็ถูกสังหาร แถมอีกคนก็ถูกว่าใส่หน้าอย่างรุนแรงต่อหน้าสาธารณชนจนไม่กล้ามีปากมีเสียง


เจ้าหนุ่มน่าสะพรึงคนนั้นมาจากไหน?


ในเวลาเดียวกัน ฟู่เจียงเฉินก็ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว


เขาให้ความเคารพยกย่องจางเซวียนเสมอ ทั้งยังเชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายจะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต แต่ใครจะไปรู้ว่าชายหนุ่มจะมีพละกำลังสูงส่งถึงขนาดสังหารราชันย์เทพเจ้าและทำให้เทพธิดาของเขาหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรสักคำ?


โชคดีเหลือหลายที่เขาไม่ได้พยายามทำอะไรระหว่างที่ช่วยอีกฝ่ายหลอมยา ไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงเป็นศพไปแล้ว


…..


“เดี๋ยวก่อน หรือว่าเขาคือ…จางเซวียน?”


“จางเซวียน? คุณหมายถึงจางเซวียนจากน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนที่เป็นผู้คิดค้นยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ…นักปรุงยาจาง?”


“ใช่ เขานั่นแหละ ในงานวันนั้นผมก็อยู่ที่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ได้เห็นเขาด้วย ผมจดจำเขาได้แม่นยำเลยล่ะ….”


“อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายได้ ในฐานะผู้คิดค้นยาเม็ดเพิ่มความงามและยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกที่เขาจะมียาเม็ดที่น่าทึ่งขนาดนั้น”


“ถ้าเขาสังหารราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย นั่นหมายความว่าเขามีจอมราชันย์คอยหนุนหลังใช่ไหม? สงสัยเหลือเกินว่าเป็นใคร…”


ฝูงชนบางส่วนที่กำลังเฝ้าดูเหตุการณ์จดจำจางเซวียนได้


จางเซวียนสร้างความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่ไว้ที่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ถึงขนาดที่ชื่อเสียงของเขาแพร่สะพัดมาจนถึงที่นี่


หลังจากหักหน้าชางกวนหยุนหวันแล้ว จางเซวียนก็ใช้กระแสดาบฉีมัดราชายาเม็ดไว้ ก่อนจะเก็บมันเข้าไปในกล่องหยกใบหนึ่ง


ในตอนนั้น เขารู้สึกได้ทันทีถึงรังสีอำมหิตที่มาจากใจกลางเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง


พื้นที่ที่เคยเงียบงันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ขณะที่พลังงานภายในเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลงพวยพุ่งเข้าสู่ศูนย์กลาง แรงกดดันมหาศาลแผ่ซ่านออกมาจากที่ไหนสักแห่ง


“เทพธิดาหลิงหลงก็เอาด้วยหรือ?” จางเซวียนพึมพำขณะหรี่ตา


เขาได้เห็นพละกำลังของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติด้วยตาของตัวเองแล้ว และรู้ว่าหน้าหนังสือสีทองมีประสิทธิภาพมากพอจะเล่นงานพวกนั้น


แต่พลังงานที่รวมตัวกันอยู่กลางอากาศในเวลานี้แข็งแกร่งกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเสียอีก มันเหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงโตที่ส่องแสงเจิดจ้า มีอานุภาพรุนแรงเสียจนสิ่งมีชีวิตทั้งจากโลกนี้และโลกอื่นไม่อาจต้านทานได้


สำหรับสถานการณ์แบบนี้ ความเป็นไปได้เพียงข้อเดียวคือมีราชันย์เทพเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง!


ดูเหมือนเทพธิดาหลิงหลงแห่งน่านฟ้าหลิงหลงจะยังให้ความสำคัญกับกิจธุระต่างๆในดินแดนของเธออยู่มาก เธอไม่อาจนิ่งเฉยได้เมื่อเห็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติในอาณัติของตัวเองถูกสังหาร


“ฝ่าบาท?”


ฟู่เจียงเฉินกับคนอื่นๆก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ทุกคนหน้าถอดสีด้วยความพรั่นพรึง พวกเขารีบก้มศีรษะและโค้งคำนับจนศีรษะแตะพื้น ไม่กล้าแม้จะเงยหน้า


ชางกวนหยุนหวันก็ทรุดตัวลงคุกเข่า แต่สีหน้าตึงเครียดของเธอถูกแทนที่ด้วยความโล่งอก


เธอคงไม่รู้จะทำอย่างไรหากจอมราชันย์ยังนิ่งเฉยทั้งที่เห็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของเธอถูกสังหารในดินแดนของตัวเอง


ฟึ่บ!


พลังงานนั้นสะสมรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและแปรสภาพเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า ดูราวกับดวงอาทิตย์


แทนที่จะปรากฏตัว เทพธิดาหลิงหลงเลือกส่งเจตจำนงเศษเสี้ยวหนึ่งของเธอมาแทน


“ไม่นึกเลยว่าจะมีใครบังอาจถึงขนาดกล้าสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของฉัน!”


เสียงเทพธิดาหลิงหลงเสียดแทงเข้าไปในจิตวิญญาณของทุกคน ทำให้ผู้ฟังจมดิ่งอยู่กับความรู้สึกอับจนปัญญา


ใบหน้าขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่คือเศษเสี้ยวหนึ่งของเจตจำนงของจอมราชันย์ แต่เพียงเท่านั้น ก็เหนือชั้นเกินกว่าที่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงอย่างเขาจะรับมือได้


“ยอมรับโทษทัณฑ์ของคุณซะ!”


จางเซวียนรู้ดีว่าเขาคงถูกสังหารแน่หากเทพธิดาหลิงหลงลงมือ จึงรีบเตรียมหน้าหนังสือสีทองไว้ หน้าหนังสือสีทองนั้นสูญเสียพลังงานไปกว่าครึ่งแล้วหลังจากเล่นงานไป๋เย่ฉิงหง แต่ก็ยังคงไม่หายไป จางเซวียนจึงคิดจะใช้มันเล่นงานใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศ


ใบหน้านั้นคำราม “คุณประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้วล่ะ!”


ฟึ่บ!


หน้าหนังสือสีทองหายวับไปทันที ราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน


ท่าไม้ตายที่ทำให้เขาเอาชนะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติได้อย่างง่ายดายไม่อาจต้านทานได้แม้เพียงเศษเสี้ยวเจตจำนงของจอมราชันย์!


จางเซวียนตัวแข็งเมื่อเห็นภาพนั้น


เขาเคยคิดว่าต่อให้ทำร้ายเทพธิดาหลิงหลงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะถ่วงเธอไว้ได้สักระยะหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาอาจไม่เหลือแม้แต่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ได้?


จางเซวียนยังมีหน้าหนังสือสีทองอีกหน้าหนึ่งอยู่ในหอสมุดเทียบฟ้า แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่กล้าใช้มันอย่างบุ่มบ่าม


“คนหนุ่มก็เลือดร้อนแบบนี้แหละ แต่ความโอหังเกินขนาดก็เป็นเรื่องไม่สมควร” ใบหน้านั้นโพล่งออกมาขณะก้มลงจับจ้องจางเซวียน


จางเซวียนใจเต้นตึกตัก


เขารีบชูดาบระดับราชันย์เทพเจ้าและสำแดงศิลปะเพลงดาบที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป


แต่ยังไม่ทันที่กระแสดาบฉีของเขาจะไปได้ไกล มันก็เริ่มแยกตัวออกจากกัน พริบตาต่อมา จางเซวียนรู้สึกเจ็บแปลบที่แขนก่อนที่ดาบระดับราชันย์เทพเจ้าจะถูกสอยกระเด็นจนหลุดมือ แล้ว พละกำลังหนักหน่วงก็ตรงเข้าปะทะแผงอกของเขา ทำให้เขาร่วงลงไปกองกับพื้นและบาดเจ็บสาหัส


เส้นสายสีทองในกล้ามเนื้อของจางเซวียนจัดการเยียวยาบาดแผลอย่างรวดเร็ว


“คุณแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดนะ…”


ใบหน้าขนาดใหญ่ออกจะประหลาดใจที่เห็นจางเซวียนต้านทานการโจมตีได้ มันตั้งต้นประเมินเขาอีกครั้งก่อนจะพูดออกมา “ในฐานะจอมราชันย์ ฉันจะไม่เอาความอ่อนด้อยของคุณมาเป็นข้อได้เปรียบ ฉันไว้ชีวิตคุณก็ได้ แต่การลงโทษก็เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ทั้งที่เป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง แต่คุณบังอาจสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของฉันในดินแดนของฉันเอง ไม่แม้จะแยแสหรือให้เกียรติฉันสักนิด หากฉันปล่อยผ่านการกระทำอันชั่วร้ายครั้งนี้ไป น่านฟ้าหลิงหลงคงถูกเย้ยหยันไปอีกนาน!”


เสียงนั้นประกาศก้อง “ฉันขอประกาศเลยว่าคุณจะต้องถูกถอดถอนวรยุทธ!”


จางเซวียนพบว่าร่างของเขาถูกพละกำลังมหาศาลชนิดหนึ่งบีบรัดไว้ พลังปราณที่อยู่ภายในจุดตันเถียนเริ่มเสื่อมสลายไปราวกับถูกใครสูบมันออกจากร่าง


“ฮะ…”


ด้วยความตกใจ จางเซวียนพยายามต่อต้านพละกำลังนั้น แต่พบว่าหมดเรี่ยวแรงจนไม่อาจทำอะไรได้เลย


ราวกับคำบัญชาของเทพธิดาหลิงหลงได้กลายเป็นกฎเกณฑ์ของโลก ทำให้เขาไม่อาจต่อสู้ดิ้นรนได้


เราจะต้องพบจุดจบที่นี่จริงๆหรือ? ไม่น่ะ…ต่อให้เธอเป็นจอมราชันย์ ก็แล้วอย่างไร? เราไม่ยอมถูกสังหารอย่างง่ายดายแบบนั้นหรอก!


จางเซวียนกัดฟันและกำลังจะนำหน้าหนังสือสีทองหน้าสุดท้ายออกมาเพื่อเล่นงานใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศ ก็พอดีกับที่พละกำลังที่บีบรัดร่างของเขาไว้แตกสลายไปอย่างฉับพลัน


จางเซวียนเงยหน้ามอง เห็นลูกทรงกลมลูกหนึ่งหมุนติ้วอยู่ระหว่างตัวเขากับใบหน้านั้น การปรากฏของมันทำให้มิติที่อยู่ในพื้นที่ดูจะแข็งทื่อไป แม้พละกำลังมหาศาลของจอมราชันย์ก็ไม่อาจเอาชนะการควบคุมมิติของลูกทรงกลมลูกนั้นได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)