ยอดหญิงสกุลเสิ่น 227.2-228.2

ตอนที่ 227-2 เก็บหน้าตายของท่านหน่อย

 

 


 


สวีโย่วเห็นเสิ่นเวยบัญชาการอย่างมีความสุข จิตใจที่ว้าวุ่นก็สงบลงในชั่วขณะ กล่าวด้วยความสำนึกผิดอย่างถึงที่สุด “เดือดร้อนเจ้าแล้ว”


 


 


เสิ่นเวยโบกมืออย่างไม่ถือสา “พูดดี พูดดี ยังดีที่ข้ามีอารมณ์จัดการ แต่ว่าคุณชายใหญ่ วันนี้มีงานให้ท่านทำ” จ้องมองข้างนอกตะโกนเสียงสูง “เจียงไป๋ เข้ามา ถือถาดอาหารนี้ นายของพวกเจ้าจะไปกินข้าวเป็นเพื่อนเสด็จพ่อ ถือโอกาสกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก”


 


 


เจียงไป๋เดินเซ แทบจะหกล้ม ฮูหยินกล้าพูดจริงๆ ระหว่างคุณชายกับท่านอ๋องไหนเลยจะมีความสัมพันธ์พ่อลูก ต่างฝ่ายต่างไม่ถูกชะตากัน เห็นหน้ากันก็ยิ่งอึดอัดใจ ราวกับเป็นคู่แค้น


 


 


เสิ่นเวยแกล้งถลึงตาใส่เจียงไป๋อย่างโหดเ**้ยม “โตตั้งเท่าไรแล้ว แม้แต่เดินยังเดินไม่เป็น เพราะว่าคุณชายใหญ่ไม่ค่อยสนิทกับท่านอ๋องนัก เลยต้องกระชับความสัมพันธ์ในแน่นแฟ้นมิใช่หรือ”


 


 


หันหน้ากล่าวกับสวีโย่วต่อ “ไปถึงเรือนนอกแล้ว เก็บหน้าตายของท่านหน่อย ท่านบอกไปว่าแต่งงานแล้ว รู้ว่าอะไรควรไม่ควรแล้ว ระลึกถึงบุญคุณสอนสั่งของเสด็จพ่อ เด็กที่ร้องไห้เป็นจึงจะมีลูกอมกินรู้หรือไม่ นั่นคือพ่อของท่าน เขาจะตีท่านตายได้หรือ ท่านก็บอกว่าค่าใช้จ่ายจวนอ๋องคับขันท่านเข้าใจได้ หากจำเป็น ในมือภรรยาท่านยังมีหมู่บ้านสินเดิมอยู่หลายหลัง หากไม่ไหวจริงๆ ก็ขายสักสองแห่งมาช่วย หลังจากนั้นก็บอกว่ากลัวเสด็จพ่อกินอาหารเที่ยงไม่ดี เลยตั้งใจเอาเงินของตัวเองมามอบให้…”


 


 


เสิ่นเวยแนะนำทีละประโยคๆ แต่เห็นสีหน้าที่ไร้อารมณ์ใบนั้นองสวีโย่ว นางก็ไม่อยากพูดต่อทันที “ช่างเถอะ หวังให้ท่านพูดจาอ่อนหวานพระอาทิตย์คงขึ้นทางตะวันตก เจียงไป๋ ถึงตอนนั้นก็ช่วยนายพวกเจ้าพูด บอกว่าคุณชายใหญ่เป็นห่วงเสด็จพ่อยิ่งนัก เพียงแต่เขินอายไม่กล้าแสดงออก หรือบอกว่าทุกครั้งที่คุณชายของพวกเราอารมณ์ไม่ดีก็จะไปเดินวนอยู่ข้างนอกเรือนท่านอ๋อง เพียงแต่กลัวเสียหน้าไม่กล้าเข้ามาต่างๆ สรุปแล้วเจ้าแสดงความสามารถตามสบาย ประโยคไหนโจมตีท่านอ๋องได้ก็พูดประโยคนั้น”


 


 


ใบหน้าของเจียงไป๋แทบจะร่วงลงมาในชั่วขณะ “ฮูหยิน นี่ นี่!” จะให้สุภาพบุรุษเช่นเขาพูดจากสะอิดสะเอียนเช่นนี้ เขาพูดไม่ออกหรอก! หากเขาพูดเช่นนี้จริงๆ คาดว่าคงจะไม่ได้โจมตีท่านอ๋องแล้ว ท่านอ๋องต้องสะอิดสะเอียนจนขย้อนอาหารเมื่อคืนออกมาเป็นแน่


 


 


เสิ่นเวยถลึงตาหนึ่งครา “นี่อะไรของเจ้า ปกติเจ้าพูดเก่งนักไม่ใช่หรือ ช่วงเวลาสำคัญกลับทำไมได้หรือ เจ้ารู้สึกสะอิดสะเอียน เช่นนั้นท่านอ๋องก็ต้องรู้สึกสะอิดสะเอียนด้วยไม่ใช่หรือ เจ้าไม่ลองคิดดูบ้าง ที่เขาทำกับนายของพวกเจ้า ข้าจะให้คุณชายใหญ่ไปแสดงความกตัญญูต่อเขาอีกหรือ ไม่มีสมอง รู้จักแต่ต่อยตี เจ้าต้องหัดเรียนด้านนี้บ้าง” เสิ่นเวยชี้ศีรษะ สั่งสอนด้วยความเจ็บใจที่ไม่อาจหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้


 


 


ชั่วพริบตาเจียงไป๋ก็เข้าใจแล้ว “ฮูหยิน หากท่านพูดเช่นนี้บ่าวก็เข้าใจแล้ว!” เพียงแค่ไปสร้างความรำคาญใจมิใช่หรือ ต่อให้จะสะอิดสะเอียนจนขย้อนอาหารเมื่อคืนออกมาเขาก็จะทำภารกิจให้สำเร็จ


 


 


เสิ่นเวยจึงพยักหน้าด้วยความพอใจ “ไปเถอะ ทำให้ดี เจ้ายังไม่แต่งงานไม่ใช่หรือ หากทำดีข้าจะหาภรรยาดีๆ มาให้เจ้า” เสิ่นเวยรับปากอย่างใจกว้าง


 


 


ดวงตาของเจียงไป๋ลุกวาวในชั่วขณะ ตบอกรับปาก “ฮูหยิน บ่าวจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ท่านอย่างดี” เขามองสาวใช้ใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้างกายฮูหยิน พูดในใจ ต่อให้จะต้องขย้อนอาหารเมื่อหลายวันก่อนออกมาก็จะต้องทำงานให้ดี ภรรยา ภรรยาที่อ่อนนุ่มร้อนแรง วันทั้งวันเห็นคุณชายใหญ่แสดงความรักออกนอกหน้า พวกเขาคนโสดเหล่านี้อิจฉาจนตาร้อนผ่าวแล้ว ตอนนี้ฮูหยินเอ่ยปาก ต่อให้เป็นผามีดทะเลเพลิงเขาก็ต้องพุ่งไปข้างหน้า!


 


 


ตอนที่สวีโย่วถือถาดอาหารเดินออกไปที่เรือนนอก ไปทันจิ้นอ๋องกินข้าวเที่ยงพอดี ฟังคำรายงานของคนรับใช้ เขาก็ขมวดคิ้วตามความเคยชิน ลูกอกตัญญูผู้นี้มีเรื่องอะไรอีกแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังคงวางตะเกียบลง


 


 


ตอนที่สวีโย่วเข้ามาจิ้นอ๋องก็ยิ่งประหลาดใจ ไม่ใช่อื่นใด ลูกชายคนโตที่เย็นชาจนเคยชินผู้นั้นของเขาคาดไม่ถึงว่าถือถาดอาหารอยู่


 


 


ไม่รอให้จิ้นอ๋องเอ่ยปาก สวีโย่วก็แย่งพูดขึ้นก่อน “อย่าคิดว่าลูกอยากมา ไม่ใช่เสิ่นซื่อผู้นั้นหรอกหรือ บังคับให้ลูกมาทานข้าวกับท่าน บอกว่าต้นไม้หวังอยู่นิ่งแต่สายลมกลับไม่หยุดพัก ลูกอยากเลี้ยงดูแต่พ่อแม่กลับไม่อยู่รอ ลูกเห็นท่านร่างกายแข็งแรงดี ไม่แน่ว่าอาจจะมีชีวิตอยู่นานกว่าลูกอีก”


 


 


หลายประโยคที่แข็งกระด้างยั่วโมโหจิ้นอ๋องทันที เด็กอันธพาลคนนี้ มายั่วโมโหเขาหรือ


 


 


เจียงไป๋รีบเสริม “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องอย่าได้โมโห คุณชายใหญ่พูดจาไม่เป็น อันที่จริงคุณชายใหญ่เป็นห่วงท่านยิ่งนัก พอฮูหยินใหญ่พูดเขาก็มาทันที ท่านอ๋องท่านเห็นแก่จิตใจกตัญญูของคุณชายใหญ่ก็อย่าได้โกรธเคือง” ทว่าในใจกลับตำหนิ คุณชายใหญ่ของข้า ไม่ใช่ว่าไม่ให้ท่านเปิดปากหรือ ท่านทำให้บ่าวกลัวแทบตาย!


 


 


แม้จิ้นอ๋องจะสงสัย แต่กลับไม่ได้โกรธเพียงนั้น แค่นเสียงหนึ่งครากล่าว “ไม่กล้าหวังให้เจ้ามาเป็นห่วง อย่าทำให้ข้าโมโหมากไปกว่านี้ก็พอ”


 


 


สวีโย่วเองก็แค่นเสียงหนึ่งครั้ง “ใครเป็นห่วงท่าน ล้วนแต่เป็นเสิ่นซื่อที่เรื่องมากรบเร้าจนข้าหงุดหงิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงท่านเสียหน่อย!”


 


 


ความโกรธที่ลดลงของจิ้นอ๋องพุ่งขึ้นฉับพลัน ชี้สวีโย่วกำลังจะก่นด่า ก็เห็นสวี่โย่วส่งของชิ้นหนึ่งเข้ามา กล่าวด้วยความเย็นชา “ให้ท่าน”


 


 


“นี่คืออะไร” จิ้นอ๋องขมวดคิ้วไม่รับ


 


 


สวีโย่วโยนลงบนโต๊ะทันที “ตั๋วเงิน เสด็จลุงให้ลูกมา”


 


 


จิ้นอ๋องหยิบขึ้นมาดู เป็นตั๋วเงินห้าพันตำลึงจริงๆ ก็ยิ่งสงสัย “เสด็จลุงเจ้าให้เจ้าเจ้าก็เก็บไว้เอง ให้ข้าทำไม ข้ามีเงินเหลือใช้” เขาไม่ยอมรับว่าเบื้องลึกในใจเขามีความสุขเล็กน้อย


 


 


สวีโย่วแค่นเสียงหนึ่งครั้ง “ท่านอย่าพยายามอวดตนเลย ข้าไม่หัวเราะท่านหรอก จวนอ๋องไม่ใช่ค่าใช้จ่ายคับขันหรอกหรือ ตั๋วเงินใบนี้ท่านเก็บไว้ใช้เถอะ ล้วนแต่เป็นเสิ่นซื่อผู้นั้น บอกว่าจะขายหมู่บ้านสินเดิมมาสมทบค่าใช้จ่ายในจวน น่าขัน ลูกเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ จะใช้สินเดิมของภรรยาได้อย่างไร”


 


 


“ภรรยาเจ้าจะขายหมู่บ้านมาสททบค่าใช้จ่ายในจวนงั้นหรือ ใครบอกเจ้าว่าค่าใช้จ่ายในจวนคับขัน” จิ้นอ๋องสัมผัสได้ว่าเหตุการณ์ผิดปกติแล้ว จวนอ๋องอันโอ่อ่าของเขาซอกมุมไหนบ้างที่มีเงินไม่พอใช้ ยังต้องให้สะใภ้เอาสินเดิมมาสมทบ


 


 


“พระชายาบอกไม่ใช่หรือ เงินเดือนแต่ละเรือนล้วนแต่ถูกลดมิใช่หรือ สะใภ้คนดีของท่านกลัวท่านเป็นทุกข์ใจ ยังตั้งใจไล่ข้ามาทานข้าวกับท่าน แต่ว่าดูจากสีหน้าท่าทางของท่านแล้ว ยังเกินควรจริงๆ อ้อจริงสิ เสิ่นซื่อยังออกเงินไปสั่งอาหารที่เหลาสุรามาด้วยตัวเอง คาดว่าอีกประเดี๋ยวก็น่าจะมาส่งแล้ว” สวีโย่วชายตามอง นั่งลงตรงข้ามจิ้นอ๋อง


 


 


“พระชายาสั่งลดเงินเดือนค่าใช้จ่ายเรือนพวกเจ้าหรือ” จิ้นอ๋องยังคงไม่เชื่ออย่างยิ่ง


 


 


สวีโย่วหัวเราะเยาะหนึ่งครา “ไม่เพียงแต่เรือนพวกเรา แม้แต่ทั้งเรือนเองก็เป็นเช่นนี้ เอาล่ะท่านพ่อ ท่านไม่ต้องปกปิดแล้ว พรุ่งนี้ลูกจะเข้าวัง ขอร้านค้าหมู่บ้านจำนวนหนึ่งกับเสด็จลุง จวนอ๋องยิ่งใหญ่ลดค่าใช้จ่าย ดังออกไปคงไม่น่าฟังนัก เจียงไป๋ ยังไม่รีบยกกับข้าวออกมาอีก ข้าจะดื่มเป็นเพื่อนเสด็จพ่อสองแก้ว”


 


 


เจียงไป๋รีบจัดโต๊ะอาหาร ยกกับข้าวข้างในออกมาวางบนโต๊ะ ความเลื่อมใสต่อคุณชายใหญ่ของพวกเขาในใจประหนึ่งสายน้ำซัดสาด ใครบอกว่าคุณชายพูดจาไม่เป็นเล่า ดูคุณชายพูดเข้าสิ ทำท่านอ๋องสำลักแทบตาย แต่กลับไม่ได้บันดาลโทสะ แต่ว่าเป็นเช่นนี้ คุณชายแย่งงานของเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าฮูหยินจะยังหาภรรยาให้เขาอีกหรือไม่


 


 


จิ้นอ๋องถลึงตามองกับข้าวสี่อย่างที่วางลง ครู่ใหญ่กว่าจะพูดออก “เจ้ากับภรรยาเจ้าทานของพวกนี้หรือ”


 


 


“ใช่แล้ว!” สวีโย่วตอบอย่างเป็นธรรมชาติ “เมื่อวานยังไม่ได้กิน วันนี้เป็นมื้อแรก นี่ไม่ใช่เพราะในจวนลดค่าใช้จ่ายหรอกหรือ เป็นเรื่องที่หมดหนทาง ทุกคนล้วนแต่กินได้ ลูกมีเหตุผลอะไรให้เรื่องมาก เพียงแค่ข้าวมื้อเดียว ที่ซีเจียงลูกยังเคยกินอาหารที่แย่กว่านี้อีก”


 


 


ชั่วขณะใบหน้าของจิ้นอ๋องก็เหยเกขึ้นมา คิดอยากจะบันดาลโทสะแต่กลับสะกดกลั้นไว้ สวีโย่วไม่สนใจเขา หยิบตะเกียบกินเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาตั้งใจหรือเสแสร้ง เห็นชัดๆ ว่าเป็นกับข้าวของคนใช้ แต่สวีโย่วกลับกินอย่างเอร็ดอร่อยมาก ไม่รังเกียจแม้แต่นิดเดียว นี่ทำให้ใบหน้าของท่าน


 


 


จิ้นอ๋องเคร่งขรึมยิ่งขึ้น


 


 


ตอนที่กินไปได้ครึ่งหนึ่ง อาการที่สั่งไว้ที่เหลาสุราก็มาส่งแล้ว เป็นกับข้าวชุดใหญ่ที่ประณีตสี่อย่าง สวีโย่วลากข้าวสวยหนึ่งถ้วยเข้ามา ในระหว่างนั้นก็คีบอาหารให้พ่อเขาสองครา


 


 


เทียบกับลูกชายที่กินอย่างเอร็ดอร่อย จิ้นอ๋องถือชามไว้แต่กลับยากจะกลืนลง กว่าสวีโย่วจะกินข้าวเสร็จออกไปได้ จิ้นอ๋องก็เรียกบ่าวรับใช้มาสั่งเสียงเบาหลายประโยค บ่าวรับใช้พยักหน้าออกไปแล้ว เขานั่งอยู่ในห้องหนังสือแต่เนิ่นนานอารมณ์กลับไม่อาจสงบลงได้


 


 


ผ่านไปสองเค่อ บ่าวรับใช้ก็กลับมาแล้ว “ท่านอ๋อง”


 


 


“เป็นอย่างไร” จิ้นอ๋องกล่าวถาม


 


 


บ่าวรับใช้ผู้นั้นก้มหน้ากล่าวเสียงเบา “มีเพียงเงินเดือนค่าใช้จ่ายของเรือนคุณชายใหญ่ที่ถูกลด ที่เรือนพระชายา ท่านซื่อจื่อและคุณชายสามต่างก็เป็นปกติ ฮูหยินใหญ่เองก็สั่งคนให้สั่งอาหารข้างนอกมาจริงๆ ส่งไปที่เรือนนายทุกเรือน เรือนตนเองกลับเลือกซื้อเพียงวัตถุดิบธรรมดาๆ” ยิ่งพูดเสียงของเขาก็ยิ่งเบา แม้จะก้มหน้าแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความโกรธบนร่างท่านอ๋อง


 


 


“ท่านอ๋องนี่อาจจะเป็นฝีมือของบ่าวชั้นล่าง…” เขาพูดยังไม่ทันจบ จิ้นอ๋องก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอกฉับพลัน เดินไปถึงหน้าประตูก็หันกลับมาอีกครั้ง กวาดแขนเสื้อปัดของบนโต๊ะทั้งหมดลงพื้น


 


 


“บ่าวหรือ บ่าวกล้าได้เพียงนี้เลยหรือ บ่าวต้องฟังนายหมดไม่ใช่หรือ” จิ้นอ๋องตะโกนด้วยความเดือดดาล


 


 


บ่าวรับใช้สะดุ้งจนใจสั่น ยืนอยู่ตรงนั้นไม่กล้าปริปากอีก


 


 


ซ่งซื่อ เจ้าซ่งซื่อ! ครั้งก่อนภาพวาดตกปลาใต้จันทรานั้นเจ้าบอกว่าภรรยาสวีโย่วมอบให้เจ้าเอง ตนก็เชื่อ ไม่คิดว่าหันหลังกลับมานางจะปฏิบัติต่อโย่วเอ๋อร์อย่างโหดร้าย


 


 


ใช่ เขาไม่ค่อยใส่ใจโย่วเอ๋อร์นัก เพราะทุกครั้งที่เห็นเขา เขาก็จะนึกถึงต้วนซื่อที่ถูกเขาผลักล้มจนคลอดก่อนกำหนด แต่ต่อให้เขาจะไม่ใส่ใจนั่นเองก็เป็นลูกชายของเขา เป็นลูกชายคนโตของเขา แต่เจ้าซ่งซื่อกลับโหดร้ายต่อลูกชายของข้าเช่นนี้ เจ้าหมายความว่าอย่างไร


 


 


“ไป ไปสืบที่ครัวใหญ่ให้ข้า ข้ากลับอยากดูว่าเป็นบ่าวโง่คนไหนกัน” จิ้นอ๋องกัดฟันกล่าว


 


 


พระชายาจิ้นอ๋องเห็นเรือนของลูกเลี้ยงไม่มีการเคลื่อนไหว เสิ่นซื่อผู้นั้นก็ยังโง่สั่งอาหารมาแสดงความกตัญญูให้ตน ในใจก็ยิ่งพอใจ หารู้ไม่ว่าเขาเปิดโปงเรื่องที่เรือนจิ้นอ๋องแล้ว อีกทั้งจิ้นอ๋องก็ยังสะกดกลั้นไฟโกรธทั้งทรวงอกรอชำระกับนาง 

 

 


ตอนที่ 228-1 ความซื่อตรงของท่านเล่า

 

 


 


ฮองเฮาเหนียงเหนียงในวังยังดีใจไม่ถึงสองวันก็มีข่าวจวนจิ้นอ๋องกับจวนเสนาบดีฉินดูดวงสมพงษ์คู่หมั้นออกมา คราวนี้นางเพียงแค่เลิกคิ้ว กลับไม่ได้โมโหมากนัก


 


 


เห็นบันทึกวันเดือนปีเกิดของคุณหนูเจ็ดแซ่ฉินในมือ ในที่สุดหัวใจของพระชายาจิ้นอ๋องก็สงบลงแล้ว กล่าวกับแม่นมซือ “ไม่เสียชื่อที่เป็นบ้านฝั่งมารดาของซูเฟยเหนียงเหนียง มีความรู้มากกว่าตระกูลอื่น มิน่าเล่าท่านเสนาบดีฉินถึงได้รับความเชื่อใจเช่นนี้จากฝ่าบาท เพียงแค่จิตใจส่วนนี้ก็พอจะเห็นได้แล้ว คุณหนูเจ็ดแซ่ฉินมีฐานะอยู่ในวงศ์ตระกูลเช่นนี้จะต้องไม่ด้อยไปกว่าแน่นอน”


 


 


แม่นมซือเองก็กล่าวอย่างหยอกล้อ “คราวนี้พระชายาก็วางใจได้แล้วใช่หรือไม่ ท่านรอดื่มชาสะใภ้เถิด! บ่าวเห็นหน้าตามารยาทของคุณหนูเจ็ดผู้นั้นแล้วเทียบฮูหยินใหญ่ไม่ได้เลย จะต้องปรองดองและรักใคร่กับคุณชายสี่อย่างถึงที่สุดแน่นอน”


 


 


“เทียบกับนางทำไม” แม่นมซือเอาว่าที่สะใภ้สี่มาเทียบกับเสิ่นซื่อ นี่ทำให้ในใจของพระชายาจิ้นอ๋องไม่พอใจเล็กน้อย เสิ่นซื่อเป็นคนโง่เขลาที่เติบโตในชนบท หากไม่ใช่ว่ามีวาสนาหลายส่วน สามารถแต่งกับครอบครัวขุนนางขั้นสี่ได้ก็ไม่เลวแล้ว จะเทียบสตรีสูงศักดิ์ที่มีฐานะในจวนเสนาบดีได้อย่างไร


 


 


แม่นมซือเห็นสีหน้าของพระชายาจิ้นอ๋องก็รู้แล้วว่าตนพูดผิด รีบกล่าวเสริม “ดูสิบ่าวเลอะเลือนจริงๆ เสิ่นซื่อผู้นั้นจะเทียบฮูหยินสี่ของพวกเราได้อย่างไร คนหนึ่งอยู่บนฟ้า คนหนึ่งอยู่บนดิน ไม่ใช่คนบนชั้นเดียวกันเลย!”


 


 


กำลังจะพูดต่อ ถูกพระชายาจิ้นอ๋องโบกมือตัดบท ในใจนางมีความสุข ทว่าปากกลับตำหนิ “พอแล้ว พอแล้ว เสิ่นซื่อก็มีดีของเสิ่นซื่อ คุณหนูเจ็ดก็มีดีของคุณหนูเจ็ด ใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวเดียวกัน มีอะไรให้เทียบ”


 


 


“เพคะ เพคะ พระชายาพูดถูก” แม่นมซือโค้งตัวคล้อยตาม


 


 


พระชายาจิ้นอ๋องกำลังดีใจอยู่ ก็เห็นจิ้นอ๋องเดินมือไพล่หลังเข้ามา พระชายาจิ้นอ๋องก็ตกใจในใจ เหตุใดถึงไม่มีคนรายงานเล่า หลังจากนั้นก็ยิ้มแย้มเข้าไปต้อนรับ “ท่านอ๋องมาได้อย่างไร ข้ากำลังมีเรื่องมงคลใหญ่กำลังจะบอกท่านอ๋อง ฉั่งเอ๋อร์ของพวกเราหมั้นหมายกับคุณหนูเจ็ดแซ่ฉินแล้ว! บุคลิกหน้าตาคุณหนูเจ็ดผู้นั้นล้วนดี จะต้องมัดใจฉั่งเอ๋อร์ เร่งให้เขาพัฒนาได้แน่นอน”


 


 


จิ้นอ๋องมองพระชายาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกในใจก็ซับซ้อน จู่ๆ ก็นึกถึงเหตุการณ์สมรสพระราชทานของลูกชายคนโตขึ้นมา แม้ว่าพระชายาจะยิ้มเหมือนกัน แต่ก็คล้ายไม่ได้ดีใจเหมือนอย่างตอนนี้ ตามหาสาเหตุ จิ้นอ๋องไม่ได้โง่จริงๆ ย่อมเข้าใจได้หลายส่วน


 


 


ตอนนี้เขาจำใจต้องยอมรับ พระชายาของเขา คนเคียงคู่ที่เขาเชื่อใจทั้งยังโปรดปรานมาตลอดยี่สิบกว่าปีคล้ายกับว่าไม่ได้ปฏิบัติต่อโย่วเอ๋อร์ด้วยความใส่ใจเหมือนอย่างที่นางแสดงออกมา เมื่อได้ค้นพบ ก็ทำให้เขาโมโห ละอายใจ แต่กลับอับจนหนทาง


 


 


“ท่านอ๋อง ท่านไม่ดีใจหรือ ใช่ฝ่าบาทพูดอะไรอีกหรือไม่” พระชายาจิ้นอ๋องพูดอยู่นานเห็นท่านอ๋องไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว ก็หยุดชะงักอย่างอดประหลาดใจไม่ได้ ยังคิดว่าฝ่าบาทตำหนิอะไรเขาอีก “ท่านอ๋อง ในทางการ ฝ่าบาทเป็นกษัตริย์ ท่านเป็นขุนนาง ในส่วนตัว ฝ่าบาทเป็นพี่ ท่านเป็นน้อง ฝ่าบาทพูดอะไรก็หวังดีต่อท่านทั้งสิ้น” นางโน้มน้าวเสียงอ่อนโยน


 


 


สายตาที่จิ้นอ๋องมองพระชายาก็ยิ่งซับซ้อน พระชายาจิ้นอ๋องย่อมสังเกตได้แล้ว กล่าวอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกเล็กน้อย “ท่านอ๋อง ท่านมองข้าเช่นนี้ทำไม ทำคนตกใจยิ่งนัก”


 


 


“ใช่เจ้าสั่งลดเงินเดือนค่าใช้จ่ายเรือนโย่วเอ๋อร์หรือไม่” จิ้นอ๋องถามเข้าประเด็น


 


 


พระชายาจิ้นอ๋องตกใจ ทันใดนั้นก็เข้าใจ ดีจริงๆ นางก็ว่าเหตุใดวันนี้ท่านอ๋องถึงได้ผิดปกติอย่างยิ่ง ที่แท้แล้วเด็กชั่วก็ไปฟ้อง ในดวงตาของนางมีความเดือดดาลแวบผ่าน ทว่าใบหน้ากลับมีสีหน้าน้อยใจ “ท่านอ๋อง มีคนพูดพล่ามต่อหน้าท่านหรือ เฮ้อ นี่เองก็เป็นความคิดของข้าที่ไม่ได้อธิบายให้ภรรยาโย่วเอ๋อร์ฟัง จวนอ๋องของพวกเราเพิ่งจะจัดงานสมรส บวกกับผลเก็บเกี่ยวปีนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก ค่าใช้จ่ายในจวนก็ตึงเล็กน้อย ข้าตัดสินใจลดค่าใช้จ่ายแต่ละเรือน โย่วเอ๋อร์ไม่พอใจหรือ ข้าผิดเองที่คิดไม่รอบคอบ ลืมไปว่าเขาร่างกายอ่อนแอ กลับไปข้าจะเอาเงินส่วนตัวสมทบค่าใช้จ่ายเรือนเขา”


 


 


หากเป็นเมื่อก่อน ซ่งซื่อพูดเช่นนี้เขาจะต้องเชื่อแน่นอน แต่ตอนนี้เขานึกถึงคำให้การที่เขาไต่สวนได้จากยายหม่าในครัวใหญ่ด้วยตัวเอง เขาก็ไม่กล้าเชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว “เหตุใดตามที่ข้ารู้มาทั่วทั้งจวนมีเพียงค่ายใช้จ่ายของเรือนโย่วเอ๋อร์ที่ถูกลดเล่า เรือนอื่นๆ ยังคงเป็นปกติ” จิ้นอ๋องกล่าวเสียงเรียบ


 


 


“เอ๋ นึกไม่ถึงว่ามีเรื่องนี้ด้วย” พระชายาจิ้นอ๋องท่าทางตกใจอย่างถึงที่สุด “เป็นไปไม่ได้ ข้าสั่งทั้งจวนเองว่าให้ลดค่าใช้จ่าย นอกจากเรือนท่านอ๋องแล้ว แม้แต่เรือนข้าเองก็ยังลด”


 


 


“จริงหรือ” ทว่าจิ้นอ๋องกลับไม่ได้มองนาง แต่ก้มหน้ากล่าวกับบ่าวรับใช้ “เสี่ยวเฉวียน รายงานใบรายการอาหารเที่ยงของเรือนพระชายา ซื่อจื่อและฮูหยินสามในสามวันนี้ให้พระชายาฟัง”


 


 


บ่าวรับใช้รีบกลั้นใจก้าวขึ้นมาข้างหน้า รายงานรายการอาการของเรือนทั้งสามนี้อย่างชัดเจนและถูกต้องรอบหนึ่ง


 


 


“รายงานรายการของเรือนคุณชายใหญ่ให้พระชายาฟังต่อ” จิ้นอ๋องสั่งเสียงเรียบ


 


 


บ่าวรับใช้ผู้นั้นเองก็รายงานตามจริง


 


 


ตอนนี้หากพระชายาจิ้นอ๋องไม่เข้าใจอีกว่าท่านอ๋องเกณฑ์คนมาประณามเช่นนั้นนางก็คงเป็นคนโง่แล้ว นางไม่คิดว่าท่านอ๋องที่แต่ไหนแต่ไรไม่สนใจเรื่องจุกจิกเรือนหลังจะสืบสาวเรื่องราวได้อย่างชัดเจนเช่นนี้ ในใจอดก่นด่ายายหม่าไม่ได้ ไม่เป็นงาน ไม่เป็นงานเกินไปแล้ว


 


 


“พระชายาเจ้าบอกข้ามา ลดค่าใช้จ่ายเหมือนกัน เหตุใดเรือนของเยี่ยเอ๋อร์กับเหยียนเอ๋อร์ถึงได้กินอย่างโอชะ แต่โย่วเอ๋อร์กับภรรยาของเขากลับกินอย่างเทียบไม่ได้แม่แต่คนรับใช้ที่มีเกียรติ หรือว่าโย่วเอ๋อร์บุตรคนโตผู้นี้สูงศักดิ์ไม่เท่าน้องสองคนของเขา เจ้าใช่ลืมไปแล้วหรือไม่ว่าเขาสองคนคนหนึ่งฝ่าบาทพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นจวิ้นอ๋อง อีกคนหนึ่งเป็นจวิ้นจู่” ใบหน้าของจิ้นอ๋องเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ


 


 


หากเพียงแค่ไม่เป็นธรรมต่อบุตรภรรยาเอกก็ไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้ดังออกไปนอกจวนแล้ว ตอนนี้เนื้อหาข่าวลือข้างนอกเปลี่ยนแล้ว ไม่พูดถึงภาพตกปลาใต้จันทราภาพนั้นแล้ว แต่พูดว่าพระชายาจวนจิ้น


 


 


อ๋องไร้คุณธรรม บีบบังคับให้ลูกสะใภ้ควักเงินสินเดิมออกไปซื้อวัตถุดิบ จวิ้นอ๋องจวิ้นจู่ผู้ยิ่งใหญ่แม้แต่ข้าวยังไม่มีกิน นี่จะต้องถูกทรมานมากเพียงใด


 


 


มิหนำซ้ำข่าวลือนี้ยังดังไปถึงหูของเสด็จพี่เขา เสด็จพี่เขาไม่เรียกเขาเข้าวังมาหลายปีแล้ว คราวนี้เรียกเขาเข้าไปด่าใส่หน้าโครมๆ ขว้างของใส่เขาต่อหน้าขันทีขุนนางทั่วทั้งห้อง หากไม่ใช่ว่าเขากลับเร็ว จะต้องถูกปาใส่จนหัวแตกเลือดไหลแน่นอน สุดท้ายก็ชี้จมูกเขาแล้วกล่าว ‘ลูกคนนี้หากเจ้าไม่อยากได้แล้วก็ส่งมาให้เรา เราไม่รังเกียจที่บุตรเยอะ อ๋องผู้ยิ่งใหญ่ ถูกสตรีหลอกลวง เราอับอายแทนเจ้าเสียจริง’


 


 


จิ้นอ๋องอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี โดยเฉพาะสายตาที่แปลกประหลาดของพี่น้องเหล่านั้นในหมู่ราชนิกุล มองจนเขาหายใจไม่ออก


 


 


กาลเวลาหมุนผ่านไป เห็นพี่น้อง ลูกพี่ลูกน้องที่ตอนแรกเทียบเขาไม่ได้แต่ละคนๆ ต่างก็สร้างคุณูปการในราชสำนัก มีเพียงเขาที่เป็นท่านอ๋องว่างงาน ทุกวันว่างไม่มีอะไรทำ กลางดึกไร้ฝัน เบื้องลึกในใจเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจ


 


 


แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ตนเลือก ทำได้เพียงกัดฟันข่มไว้ในใจ ความชื่นใจเพียงหนึ่งเดียวก็คือเขามีพระชายาที่เข้าใจผู้อื่นอ่อนโยนใจดี รู้จักเขา เข้าใจเขา เคารพเขา รักเขา ซ้ำยังให้บุตรชายสามคนแก่เขา เขาเองก็รู้สึกว่าไม่เสียใจเพียงนั้นแล้ว


 


 


แต่ตอนนี้ความดีงามส่วนนี้เผยใบหน้าแท้จริงอันอัปยศอดสูออกมา เขาก็โกรธจนอยากจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาใช้แรงมากมายเพียงใดจึงจะควบคุมตัวเองไว้ได้


 


 


พระชายาจิ้นอ๋องกระวนกระวายแล้ว นางรู้จักจิ้นอ๋องดีอย่างยิ่ง หากเขาบันดาลโทสะกับตน นางกลับไม่กลัว เพราะว่าท่านอ๋องบันดาลโทสะก็หมายความว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว แต่ตอนนี้ท่านอ๋องนิ่งเงียบเพียงนั้น กระทั่งไม่ว่านางสักคำ นางก็รู้แล้วว่าครั้งนี้ท่านอ๋องโกรธแล้วจริงๆ


 


 


“ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้จริงๆ เห็นชัดๆ ว่าข้าสั่งให้ลดค่าใช้จ่ายทั้งจวน หรือว่าบ่าวในครัวใหญ่จะหลอกลวงเบื้องบน ยายหม่า เรียกยายหม่ามาถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวอย่างแยกแยะ นางตัดสินใจว่าเรื่องนี้ไม่อาจยอมรับได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงโยนออกไปให้คนในครัวใหญ่ดับความโกรธของท่านอ๋อง


 


 


“ยายหม่า เหอะๆ ไม่ต้องเรียกนางหรอก นางถูกข้าลงโทษแล้วโยนไปที่สุสานแล้ว นางรับสารภาพว่าพระชายาสั่งให้นางทำเช่นนี้” ดวงตาจิ้นอ๋องเต็มไปด้วยน้ำเย็นที่เย็นยะเยือก “พระชายาบอกว่าค่าใช้จ่ายในจวนตึงงั้นหรือ ข้าจำได้ว่าเดือนก่อนข้าให้เจ้าไปหนึ่งหมื่นตำลึง นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันก็ใช้หมดแล้วหรือ หากเจ้าดูแลจวนอ๋องไม่ดี ข้าก็ไม่ถือสาจะหาคนมารับหน้าที่แทนเจ้า”


 


 


ยายหม่าถูกโบยตายแล้วหรือ เหตุใดนางถึงไม่ได้ข่าวแม้แต่นิดเดียวเล่า พระชายาจิ้นอ๋องใจเต้นตึกๆ ทันใดนั้นก็ตะโกนร้องขอความเป็นธรรม “ท่านอ๋อง ข้าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านต้องเชื่อข้า! ยี่สิบกว่าปีแล้ว ท่านยังไม่รู้อีกหรือว่าข้าปฏิบัติต่อโย่วเอ๋อร์อย่างไร ตั้งแต่เล็กเขาก็สุขภาพไม่ดี ข้าตั้งท้องแก่ดูแลเขาทั้งคืน! มีของดีๆ ข้าก็ให้เขาก่อน ต่อให้จะเป็นเยี่ยเอ๋อร์ลูกชายสามคนของข้าก็ยังเป็นรอง ข้าใกล้ชิดกับคุณชายใหญ่ยิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านอ๋อง ข้าได้รับความไม่เป็นธรรม” พระชายาร้องทุกข์


 


 


ยังมีประโยคนั้นของท่านอ๋องหมายความว่าอย่างไร หาคนมารับหน้าที่แทนนาง คนที่สามารถรับหน้าที่แทนนางได้ก็มีเพียงชายารอง หรือว่าท่านอ๋องจะแต่งชายารอง หรือคิดจะยกฐานะเรือนหลังคนไหน


 


 


อันที่จริงนางก็ได้รับความไม่เป็นธรรมจริงๆ นางเพียงแค่ทนเห็นเสิ่นเวยได้รับความสำคัญจากฮองเฮาเหนียงเหนียงไม่ได้ คิดจะกลั่นแกล้งนาง ที่นางบอกว่าลดเงินเดือนก็ลดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำมากเกินไปกลับไม่กล้า ใครจะรู้ยายหม่าผู้นั้นในครัวใหญ่คิดว่าตัวเองฉลาด คิดว่าพระชายาเกลียดคุณชายใหญ่ฮูหยินใหญ่ เพื่อที่จะเอาใจพระชายา จึงย่ำยีพวกเขาสุดแรงมิใช่หรือ


 


 


พระชายาจิ้นอ๋องเสียใจยิ่งนัก เสียใจที่ไม่ได้สั่งยายหม่าให้ชัดเจน กระทั่งยายหม่าคิดว่าตัวเองฉลาดเอาภาระมาให้นาง สมควรตาย สมควรตายจริงๆ ต่อให้จิ้นอ๋องไม่ลงโทษนาง ตนก็ยอมให้นางมีชีวิตอยู่ไม่ได้เช่นกัน 

 

 


ตอนที่ 228-2 ความซื่อตรงของท่านเล่า

 

 


 


จิ้นอ๋องมองด้วยสายตาเย็นชา เห็นนางร้องไห้อย่างปวดใจ ในใจก็อ่อนลงอย่างอดไม่ได้ นึกถึงโย่วเอ๋อร์ตอนเด็กๆ พระชายาก็ดูแลเขาดีจริงๆ มีครั้งหนึ่งโย่วเอ๋อร์ไข้ขึ้นสูง พระชายาตั้งท้องอยู่ก็ไปเฝ้าเขาสองวันหนึ่งคืน ด้วยเหตุนี้จึงเจ็บท้องคลอด และเพราะว่าดูแลโย่วเอ๋อร์ที่ป่วย พระชายาจึงละเลยเยี่ยเอ๋อร์และเหยียนเอ๋อร์ กระทั่งเด็กซนสองคนนี้ตกลงไปในสระน้ำ หากไม่ใช่ว่าคนรับใช้พบเห็นก็คงจะเสียชีวิตไปนานแล้ว


 


 


เรื่องราวแต่ละเรื่องๆ แวบผ่านเบื้องหน้าเขา จิ้นอ๋องก็ลังเลแล้ว แต่นึกถึงคำตักเตือนของเสด็จพี่ หัวใจของเขาก็แข็งขึ้นมาอีกครั้ง ซ้ำเขายังไม่กล้าเชื่อซ่งซื่อทั้งหมด เขาแยกแยะไม่ได้ว่าประโยคไหนของนางเป็นจริง ประโยคไหนเป็นเท็จ


 


 


“หลังจากนี้เรื่องในเรือนโย่วเอ๋อร์สองสามีภรรยาเจ้าก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว” จิ้นอ๋องพูดการตัดสินใจของเขาออกมา ฝั่งหนึ่งเป็นภรรยา ฝั่งหนึ่งเป็นลูกชาย เขาเองก็ลำบากใจอย่างยิ่งเช่นกัน!


 


 


หัวใจของพระชายาจิ้นอ๋องดิ่งลึก แต่กลับได้ยินจิ้นอ๋องพูดต่อ “สำหรับครัวใหญ่ ในเมื่อเจ้าดูแลได้ไม่ดีเช่นนั้นก็ให้ภรรยาโย่วเอ๋อร์มาดูแลแทนแล้วกัน ไม่มีธุระเจ้าก็ไม่ต้องออกจากเรือนแล้ว” พูดจบ ไม่แม้แต่จะมองพระชายาสักปราดเดียว ก้าวยาวเดินออกไปแล้ว


 


 


พระชายาจิ้นอ๋องล้มนั่งลงบนพื้นทันที หัวใจหนึ่งดวงจมดิ่งถึงก้นเหว แม้จิ้นอ๋องจะไม่ได้พูดตรงๆ แต่นางก็รู้ว่าท่านอ๋องกักบริเวณนางแล้ว สำหรับนายหญิงผู้หนึ่งแล้วนี่เป็นเรื่องอัปยศอดสูงมากเพียงใด! นางยังจะมีหน้าไปเจอลูกสะใภ้กับคนรับใช้ในจวนอีกหรือ หากข่าวดังออกไป จวนเสนาบดีฉินจะถอนหมั้นด้วยเหตุนี้หรือไม่ นางไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว


 


 


ยังมีครัวใหญ่ ใครไม่รู้บ้างว่าครัวใหญ่มีกำไรที่สุด หลายปีมานี้เพราะว่านางดูแลครัวใหญ่ ทรัพย์สินส่วนตัวในมือจึงเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ


 


 


ตอนแรก นางพูดจาน่าฟังว่าเป็นบุตรสาวอธิการบดีสำนักราชบัณฑิต อันที่จริงกลับตัวเปล่าเข้าจวนจิ้นอ๋อง ไม่มีสินเดิมแม้แต่นิดเดียว นางเองก็เคยวางแผนจะแย่งสินเดิมของต้วนซื่อ แต่สินเดิมของต้วนซื่อถูกฮ่องเต้องค์ก่อนเก็บกลับไปนางจึงทำไม่ได้ หมดหนทางนางจึงวางแผนส่วนงานบ้านในจวน ดูแลจวนอ๋องมาหลายปีเพียงนี้นางสะสมทรัพย์สินส่วนตัวได้เป็นกอบเป็นกำ


 


 


ทว่าตอนนี้กลับเอาครัวใหญ่ที่มีรายรับมากที่สุดไป มิหนำซ้ำคนที่ให้ยังเป็นหนามยอกอกของนาง นี่จะให้นางยอมได้อย่างไร


 


 


“ท่านอ๋อง เหตุใดจิตใจของท่านถึงได้เ**้ยมโหดเพียงนี้” พระชายาจิ้นอ๋องหัวเราะเหอๆ ขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความเหน็บแนม ความรักไม่ทำให้คนทั้งสองหวาดระแวงบ้าอะไร หลอกลวง หลอกลวงทั้งนั้น


 


 


เห็นพระชายาที่ราวกับถูกผีสิง เหล่าคนรับใช้ก็ตกใจแทบแย่ ยังคงเป็นแม่นมซือกับหวาเยียนหวา


 


 


อวิ๋นที่กล้าหาญเข้าไปพยุง “พระชายา ท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ท่านอ๋อง เอ่อท่านอ๋องจะต้องถูกคนชั่วลวงหลอกแน่นอน ท่านอย่าได้ท้อใจ อีกไม่กี่วันท่านอ๋องหายโกรธ ท่านก็ค่อยอธิบายกับเขาใหม่”


 


 


ทว่าพระชายาจิ้นอ๋องกลับหัวเราะเหอๆ เพียงเท่านั้น ราวกับว่าไม่ได้ยิน นางโซเซลุกขึ้นยืน เพิ่งจะเดินไปได้ก้าวเดียวก็โผล้มลงบนพื้นหมดสติไปแล้ว


 


 


แม่นมซือและคนอื่นๆ ตื่นตกใจ “พระชายา พระชายา พระชายาท่านเป็นอะไรไป เร็ว รีบไปเชิญหมอมา!” ทั่วทั้งเรือนแตกตื่นวุ่นวาย


 


 


จิ้นอ๋องที่กลับไปถึงเรือนนอกในใจก็รู้สึกไม่ดี เดิมเขาไม่อยากเป็นคนเด็ดขาด วันนี้ลงโทษพระชายาแล้ว ในใจเขาก็หนักอึ้ง อย่างไรเสียนั่นก็คือพระชายาของเขา มารดาของลูกทั้งสามของเขา คนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ! พวกเขาอยู่เป็นคู่ครองกันมายี่สิบกว่าปี ยี่สิบกว่าปี!


 


 


ชั่วพริบตาใบหน้างามเคล้าน้ำตาใบหน้าของพระชายากับอาหารที่จืดชืดหลายอย่างนั้นก็วนเวียนปรากฎอยู่ตรงหน้าเขา ก่อกวนจนจิตใจของเขาไม่อาจสงบนิ่งได้ในชั่วขณะ เขากระทั่งคิดว่า เหตุใดโย่วเอ๋อร์ถึงต้องกลับมา หากเขาไม่กลับมา พระชายาจะยังเป็นพระชายาทรงคุณธรรมผู้นั้น เขาเองก็ไม่อาจมีเรื่องวุ่นวายใจมากเพียงนี้ได้ แต่สติปัญญาก็บอกเขาว่าเขาคิดเช่นนี้ผิดแล้ว ไม่ถูกต้อง โย่วเอ๋อร์เป็นบุตรคนโตของเขา เหตุใดเขาถึงจะกลับมาไม่ได้


 


 


ข่าวพระชายาจิ้นอ๋องหมดสติดังมาถึงเรือนของจิ้นอ๋องแล้ว คนรับใช้ย่อมไม่กล้าเมินเฉย รายงานไปข้างในทันที จิ้นอ๋องได้ยินแล้ว ก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก เดินไปได้สองก้าวก็ชะงักฝีเท้า กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “หมดสติก็ตามหมอ มาตามข้าได้ประโยชน์อันใด”


 


 


เดินกลับมาอย่างฉุนเฉียว ชนขอบโต๊ะในชั่วขณะ โมโหจนถีบโต๊ะอย่างแรงหลายครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าระบายความโกรธใคร


 


 


บ่าวภายในห้องต่างก็ห่อไหล่ พยายามลดการมีอยู่ของตัวเอง ไม่กล้าไปเป็นตัวโชคร้ายของท่านอ๋อง


 


 


หัวใจของจิ้นอ๋องเสมือนมีหญ้าขึ้น รำคาญสุดขีด “เสี่ยวเฉวียน เอาสุรามา เอาสุรามาให้ข้า!” เขาตะโกนเสียงดัง


 


 


บ่าวรับใช้ลังเลเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็ยังคงนำสุราไปให้จิ้นอ๋อง


 


 


ใช้สุราดับทุกข์ความทุกข์ก็ยิ่งเพิ่ม ที่หมายถึงก็คืออย่างจิ้นอ๋องนี้ เขาดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า ไม่รู้ว่าดื่มไปมากน้อยเพียงใด แต่จิตใจกลับยิ่งกระจ่าง ไม่เมาแม้แต่นิดเดียว โมโหจนเขาอยากจะขว้างแก้วสุรา


 


 


บ่าวรับใช้ยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างอกสั่นขวัญแขวน ท่านอ๋องดื่มสุราไปสองไหแล้ว หากดื่มต่อไปอีก…


 


 


“ท่านอ๋อง หากท่านไม่วางใจพวกเราไปดูที่เรือนพระชายาก็ย่อมได้” บ่าวรับใช้กล่าวด้วยความระมัดระวัง


 


 


ทว่าจิ้นอ๋องกลับถลึงตาใส่เขา “ดูอะไรกัน มีอะไรให้น่าดู ไม่วางใจหรือ ข้ามีอะไรให้ไม่วางใจ ดื่มสุรา ข้าจะดื่มสุรา”


 


 


บ่าวรับใช้ไม่กล้าพูดต่อแล้ว แต่ก็ไม่กล้าปล่อยท่านอ๋องดื่มต่อไป หากท่านอ๋องดื่มจนเป็นอะไรไป ต่อให้เขามีสิบชีวิตก็รับผิดชอบไม่ไหว!


 


 


ซื่อจื่อกับคุณชายสามต่างก็ไปทำงานที่ที่ว่าการ คุณชายสี่ชอบเที่ยวเล่น ไม่อยู่ในจวนเช่นกัน มีเพียงคุณชายใหญ่ที่อยู่ในจวน ได้ ไปหาคุณชายใหญ่มาโน้มน้าวแล้วกัน


 


 


ฝั่งสวีโย่วได้ข่าวก็ไม่อยากไปอย่างยิ่ง โน้มน้าวอะไรกัน ดื่มให้ตายไปเลยสิ! ดื่มตายแล้วจะได้รีบแยกบ้าน!


 


 


เสิ่นเวยอ่านความคิดสวีโย่วได้ทันที แอบกลอกตาขาวให้เขา โน้มน้าวบ่าวรับใช้พูดนั้น “คุณชายใหญ่นิสัยดื้อรั้นเล็กน้อย ข้าจะลองเกลี้ยกล่อมเขา พ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนกลับไปก่อน อีกประเดี๋ยวคุณชายใหญ่จะตามไป”


 


 


บ่าวรับใช้ไหนเลยจะไม่รู้นิสัยของคุณชายใหญ่ ตอนนี้ฮูหยินใหญ่ยอมโน้มน้าว เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก กลับไปด้วยความซาบซึ้งขอบคุณ


 


 


เมื่อบ่าวรับใช้ไปแล้ว เสิ่นเวยก็จิ้มหัวสวีโย่วอย่างไม่เกรงใจ “ท่านโง่หรือไ พ่อท่านดื่มสุราตายแล้วท่านก็แยกบ้านไม่ได้แล้ว มีพ่อท่านค้ำยันอยู่ พระชายาจึงไม่กล้าทำอะไร หากพ่อท่านไม่อยู่ พระชายาก็จะเป็นใหญ่เพียงผู้เดียวในจวนจิ้นอ๋อง ไม่แน่ว่าอาจจะเล่นลูกไม้อะไรอีก นางถือความชอบธรรมในการเป็นผู้อาวุโส แม้ว่าพวกเราจะไม่กลัว แต่ก็ยุ่งยากที่สุดน่าเบื่อที่สุด!”


 


 


“ไม่ไป!” สวีโย่วนั่งนิ่งไม่ขยับ “เขายังมีลูกกตัญญูอีกหลายคนมิใช่หรือ มาหาลูกอกตัญญูเช่นข้าทำไม”


 


 


“โอ้โห ท่านกล้าแล้วใช่หรือไม่ ใครกันที่บอกว่าหลังจากนี้จะเชื่อฟังข้า ข้าเพิ่งจะแต่งเข้ามาได้ไม่กี่วันท่านก็เปลี่ยนไปแล้วหรือ หรือว่าจะหลอกคนมาอยู่ในกำมือหรือ ความซื่อตรงและการรักษาสัตย์ของท่านเล่า” เสิ่นเวยกอดอกชายตามองเขา “ไม่ไปก็ต้องไป มิเช่นนั้นตั้งแต่วันนี้ไปท่านไปนอนในห้องหนังสือ” เสิ่นเวยข่มขู่


 


 


สวีโย่วได้รับความไม่ธรรมอย่างยิ่ง “คาดไม่ถึงว่าฮูหยินปฏิบัติเช่นนี้กับข้าเพียงเพื่อคนนอกคนหนึ่ง”


 


 


เสิ่นเวยถลึงตาใส่เขาอย่างอารมณ์ไม่ดี “คนนอกอะไร นั่นคือพ่อเจ้าไม่ใช่หรือ”


 


 


“ไม่ใช่ นั่นคือพ่อเรา!” สวีโย่วแก้ไขด้วยสีหน้าจริงจัง ฟังเด็กคนนี้พูดคำก็พ่อท่านสองคำก็พ่อท่าน เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก!


 


 


เสิ่นเวยแค่นเสียงหนึ่งคราไม่ได้พูดอะไร จิ้นอ๋องไม่ใช่พ่อนางเสียหน่อย นางมีพ่อกากๆ คนหนึ่งแล้ว นั่นก็คือพ่อแท้ๆ หมดหนทาง ไม่รับไว้ไม่ได้ แต่นางไม่อยากมีอีกคน วาสนานี้เก็บไว้ให้มารแซ่สวีใช้ดีกว่า


 


 


“ไปเถอะ ไปเถอะ พ่อท่านเป็นคนหูเบา อ่อนไหว ท่านไม่ไปแสดงความกตัญญูแล้วจะให้คนอื่นไปหรือ ท่านไม่ต้องพูดอะไร ท่านไปนั่งตรงนั้นพ่อท่านก็รู้สึกได้ว่าในใจท่านมีเขาแล้ว มีการอยู่เป็นเพื่อนแบบหนึ่งเรียกว่าอยู่ด้วยเงียบๆ รู้หรือไม่ ตอนนี้พ่อท่านกระวนกระวายใจ กำลังต้องการอยู่ ท่านหลอกให้เขาดีใจ เมื่อเขาเปิดใจไม่แน่ว่าอาจจะให้พวกเราย้ายไปจวนจวิ้นอ๋องเลย คิดถึงชีวิตที่เป็นอิสระหลังออกไปสิ ไปเถอะ ไปเถอะ” เสิ่นเวยพูดหลอกล่อ


 


 


ครั้งก่อนหลังเจียงไป๋กลับมาก็รายงานสถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ นางประหลาดใจมาก แท้จริงแล้วทุกคนก็มองผิดไป คุณชายใหญ่ของนางไหนเลยจะสงวนท่าที เห็นชัดๆ ว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์พูดจาเป็น ดูสิ ดูสิ พูดแต่ละประโยคล้วนทำให้คนสำลักตายได้ แต่พ่อเขาคาดไม่ถึงว่ายังตกหลุมพรางเขา ไม่เพียงแต่ไม่ไล่เขาออกไป ยังสั่งคนไปสืบครัวใหญ่ด้วยตัวเอง ไอหยา ท่านพี่มีสามารถยิ่งนัก! หลังจากนั้นก็สามารถหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตากอากาศได้แล้ว เสิ่นเวยมีความสุขนัก!


 


 


“หรือว่า ท่านก็พูดจายั่วโมโหคนเยอะๆ เหมือนครั้งที่แล้วให้เขาเอือมระอา ตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในช่วงเสียอกเสียใจ ท่านไม่ไปดูหน่อยหรือ ถือโอกาสซ้ำเติมต่างๆ นานา” ดวงตาของเสิ่นเวยมีประกายกะพริบวาบ กะพริบแสงชั่วร้าย


 


 


สวีโย่วมองเด็กน้อยที่พยายามโน้มน้าว ในใจก็อยากหัวเราะ แต่ใบหน้ากลับแน่นตึง “อยากให้ข้าไปเพียงนี้เลยหรือ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องมีรางวัลหน่อยแล้วกระมัง” ดวงตาที่เป็นประกายกวาดมองริมฝีปากแดงสวยของนาง


 


 


เสิ่นเวยย่อมสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขาแล้ว ถลึงตามองเขาอย่างแรง ก่นด่าคนผีทะเลในใจ ริมฝีปากนางเพิ่งจะหายบวม ไม่อาจถูกเขาทำให้เสียหายได้อีก


 


 


แต่เห็นท่าทางไม่ยินดีประหนึ่งท่านชายนั่นของสวีโย่ว เสิ่นเวยก็ทำได้เพียงเขย่งปลายเท้าจูบลงบนริมฝีปากของเขาเล็กน้อย “เอ้า รางวัล! ไปได้แล้ว ไปได้แล้ว”


 


 


สวีโย่วจะพอใจได้อย่างไร กำลังจะจับเด็กน้อยมาจูบใหม่อีกครั้ง เสิ่นเวยก็บิดตัววิ่งหนีไปก่อนแล้ว สวีโย่วกระทืบเท้าอย่างเคียดแค้น เจตนานั้นชัดเจน เด็กแสบ รอก่อนเถอะ ค่อยกลับมาจัดการเจ้าทีหลัง


 


 


เสิ่นเวยแลบลิ้นใส่เขา ยิ้มอย่างเบิกบานใจ เหอะ ไม่กลัวเจ้าหรอก! มาสิ มาสิ! มากัดข้าสิ!


 


 


ท่าทางพึงพอใจนั้นทำให้สวีโย่วอยากจะกดนางไว้ใต้ร่างแล้วลงโทษเสียทันที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)