ยอดหญิงสกุลเสิ่น 225.2-227.1
ตอนที่ 225-2 สวีโย่วออกมือ
“เหนียงเหนียงโปรดระงับโทสะ เพื่อคนแบบนั้นแล้วไม่ควรค่าให้เสียสุภาพ” กุ้ยกูกูรีบเกลี้ยกล่อม “เพียงแค่การสมรสก็เท่านั้นเอง ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเจตนาของจิ้นอ๋อง บ่าวว่า คุณชายสี่เทียบคุณชายใหญ่ไม่ได้หรอกเพคะ”
ฮองเฮาเหนียงเหนียงคล้ายครุ่นคิด ครู่ใหญ่จึงพยักหน้า ความโกรธบนใบหน้าหายหมดจด “เจ้าพูดถูก ข้าร้อนใจเกินไปเอง” ทั่วทั้งจวนจิ้นอ๋องผู้ที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ที่สุดก็คือคุณชายใหญ่ผู้นั้น แม้แต่จิ้นอ๋องยังต้องถอยหลังให้ หากคุณชายใหญ่ยืนอยู่ฝั่งไท่จื่อ เช่นนั้นนางยังจะกลัวอะไร
“ไท่จื่อเล่า ไปดูสิว่าไท่จื่อทำอะไรอยู่ หากว่างก็ถือโอกาสไปเยี่ยมเยียมจวนจิ้นอ๋องสักหน่อย มีสายโลหิตบรรพบุรุษเดียวกัน อย่าทำตัวเหินห่างจึงจะถูก” ฮองเฮาเหนียงเหนียงออกคำสั่ง คิดครู่หนึ่งก็เสริมอีกหนึ่งประโยค “ไปเชิญไท่จื่อเฟยมา”
“เหนียงเหนียงทรงพระปรีชาญาณ” กุ้ยกูกูเอ่ยชมหนึ่งประโยค กล่าวเตือน “เหนียงเหนียง ยังมีจยาฮุ่ยจวิ้นจู่”
ฮองเฮาเหนียงเหนียงพยักหน้า “ใช่ ยังมีจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ กุ้ยกูกูลำบากเจ้าวิ่งเที่ยวหนึ่งแทนข้าแล้ว” เจ้าซ่งซื่ออยากแต่งคุณหนูจวนเสนาบดีอ๋องเป็นลูกสะใภ้มิใช่หรือ เช่นนั้นข้าก็จะให้เกียรติจยาฮุ่ยจวิ้นจู่เยอะๆ ทำเจ้าอกแตกตายไม่ได้ก็ทำให้เจ้าหงุดหงิดตายได้
ฝั่งฉินซูเฟยเองกลับมีความสุขยิ่งนัก “ชั่วพริบตาอิงเอ๋อร์ก็โตเป็นสาวแต่งงานได้แล้ว ตอนนั้นที่แม่เข้าวังอาสามยังไม่แต่งงานเลย อวี้เอ๋อร์ พรุ่งนี้หากเจ้าไม่ยุ่งก็ไปเยี่ยมตาเจ้าที่จวนเสนาบดีเสีย ไปพูดคุยกับตาเจ้าเยอะๆ มีแต่จะเป็นประโยชน์กับเจ้าไม่มีข้อเสีย ยังมีน้าทั้งหลายของเจ้าด้วย แม้ว่าเจ้าจะสูงศักดิ์เป็นองค์ชาย แต่นี่ล้วนแต่เป็นญาติจริงๆ สนับสนุนลูกได้”
“เสด็จแม่ ลูกทราบแล้ว พรุ่งนี้จะไปเยี่ยมท่านตา ลูกเองก็ไม่ได้พูดคุยกับท่านตามาสักพักแล้ว ยังคิดถึงเขาอยู่บ้างจริงๆ ยังมีท่านน้า วันก่อนเสด็จพ่อชมท่านน้า บอกว่าเขามีความรู้แข็งขัน ความคิดก็ปราดเปรียว” องค์ชายรองสวีอวี้ยิ้มพลางพูด
“จริงหรือ เช่นนั้นก็ดีจริงๆ” รอยยิ้มบนใบหน้าฉินซูเฟยกว้างขึ้น “ตั้งแต่เล็กน้าเจ้าก็ไม่ชอบพูด แม่เป็นห่วงว่าเขาโตไปแล้วจะเป็นหนอนหนังสือเสียอีก ตอนนี้แม่ก็วางใจแล้วจริงๆ” ท่านพ่อมีตำแหน่งอำนาจ พี่น้องก็มานะบากบั่น ด้วยเหตุนี้ ฝ่าบาทจึงให้ความสำคัญแก่นาง นางจะไม่ดีใจได้อย่างไร
องค์ชายรองก็มีความสุขอย่างถึงที่สุด เขาเป็นคนที่มีปณิธานแรงกล้า บ้านฝั่งมารดามีอำนาจมีอิทธิพล ฝั่งเสด็จพ่อก็ยังพอพูดได้ กำลังสนับสนุนของเขาเยอะอย่างถึงที่สุด
“เสด็จแม่ หากการสมรสครั้งนี้สำเร็จ ญาติผู้น้องฉั่งก็จะโตกว่าลูกหนึ่งรุ่น” องค์ชายรองพลันกล่าว
ฉินซูเฟยคิดๆ ดูแล้วก็ถูก อิงเอ๋อร์เป็นบุตรสาวของอาสาม ญาติผู้น้องของตน แม้ว่าจะอายุน้อยกว่าลูกชาย แต่ลูกชายก็ต้องเรียกนางว่าน้าเล็ก หากสองตระกูลแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์สำเร็จจริงๆ ฉั่งเอ๋อร์ก็จะกลายเป็นน้าเขยเล็กของลูกชายมิใช่หรือ
“พวกเจ้าต่างก็วิเคราะห์กันไปต่างๆ ความจริงแล้ว ในเมืองหลวงตระกูลใดบ้างไม่ใช่ญาติกับญาติ” ฉินซูเฟยกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย
“ถูกต้อง” องค์ชายรองพยักหน้า กล่าวต่อ “เสด็จแม่ ท่านควรรับน้าเล็กมาอยู่เป็นเพื่อนท่านในวังสามสี่วันหรือไม่”
สองตระกูลผูกสัมพันธ์หากว่าสำเร็จ จวนจิ้นอ๋องก็จะยืนอยู่ฝั่งตน แม้ว่าท่านน้าจิ้นอ๋องจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับราชสำนัก แต่เสด็จพ่อก็ยังคงปฏิบัติต่อเขาดียิ่งนัก ญาติผู้พี่เยี่ยญาติผู้พี่เหยียนต่างก็ค่อนข้างมีความสามารถ ในหมู่บุตรหลานราชนิกุลน้อยนักที่จะมีคนพัฒนา แม้แต่เสด็จพ่อยังชื่นชม
อ้อ ยังมีญาติผู้พี่โย่ว ฝ่าบาทโปรดปรานยิ่งกว่าพวกเขาองค์ชายเหล่านี้เสียอีก หากไม่ใช่ว่าเขาร่างกายไม่ดี เกินครึ่งปีพักรักษาตัวอยู่บนเขา แม้แต่เขายังอดคิดมากไม่ได้
ฉินซูเฟยชายตามองลูกชายปราดหนึ่ง กล่าวอย่างเคืองๆ “นี่ต้องให้เจ้าสอนหรือ ก่อนเจ้ามาแม่ก็ส่งคนไปจวนเสนาบดีฉินแล้ว”
องค์ชายรองยิ้ม “ลูกเองก็เพียงแค่พูดไปตามปากก็เท่านั้นเอง แต่ไหนแต่ไรเสด็จแม่ทำอะไรก็ไว้ใจได้เสมอ หากมีเวลาว่างท่านก็สั่งสอนหลานซื่อให้มากหน่อย”
หลานซื่อก็คือพระชายาองค์ชายรอง มีฐานะเดิมอยู่ในจวนหลานกั๋วกง เป็นพระชายาองค์ชายที่ฉินซูเฟยเลือกให้ลูกชายเป็นอย่างดี ไม่ว่าอะไรก็ดี ฉลาดมีความสามารถ ใส่ใจองค์ชายรอง อย่าเดียวที่ไม่ดีก็คือ หึงหวง ยอมให้องค์ชายรองเข้าใกล้สตรีคนอื่นไม่ได้
ฉินซูเฟยมองลูกชายที่งามสง่า ในใจก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ จึงกล่าวอย่างแฝงความนัย “อวี้เอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าก็ไม่ขาดเหลืออะไรแล้ว ที่ขาดเพียงอย่างเดียวคือ ลูกชาย โดยเฉพาะลูกภรรยาเอก เสด็จพ่อเจ้าให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ที่สุด พวกเราเป็นราชนิกุล สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือทายาทสืบทอด หลานซื่อหึงหวงมากเกินไปหน่อย แต่เจ้าก็คิดถึงหลานกั๋วกงบิดานาง แรงสนับสนุนส่วนนี้ใช่สตรีคนอื่นในเรือนหลังของเจ้าจะให้เจ้าได้หรือไม่ เจ้าต้องรีบให้หลานซื่อคลอดบุตรภรรยาเอกจึงจะถูกต้อง”
องค์ชายรองเองก็รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญ กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เสด็จแม่วางใจ ในใจลูกมีหนทาง”
ฉินซูเฟยตบมือของลูกชายเบาๆ ท่าทางชื่นชมอย่างยิ่ง
จู่ๆ ในเมืองก็มีข่าวลือ บอกว่าท่านเสนาบดีฉินได้ภาพวาดใหม่มา ดีใจจนขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือชื่นชมหนึ่งวันเต็ม รู้หรือไม่ว่าภาพวาดของใคร บอกไปแล้วเจ้าจะต้องสะดุ้งตกใจ จางเต้าจื่อศิลปินชื่อดังในรัชสมัยก่อนรู้จักหรือไม่ ใช่แล้ว ก็คือภาพตกปลาใต้จันทราผลงานที่โด่งดังที่สุดของเขา
จากนั้นก็มีคนถาม ภาพๆ นั้นไม่ใช่ถูกแม่ทัพใหญ่หร่วนให้เป็นสินเดิมแก่ลูกสาวหรือ เหตุใดถึงไปอยู่ในมือท่านเสนาบดีฉินได้เล่า
หลังจากนั้นก็มีคนขยิบตาอย่างลับๆ ย่อมต้องมีคนส่งให้แน่นอน
ใครเป็นคนส่งเล่า นอกจากเจ้าของภาพแล้วยังมีใครได้อีก
เมื่อทุกคนคิดถึงเจ้าของภาพ ก็นึกถึงจยาฮุ่ยจวิ้นจู่คุณหนูสี่แซ่เสิ่นจวนจงอู่โหวที่เดินขบวนสินสอดสิบลี้ไปยังจวนจิ้นอ๋องเมื่อไม่กี่วันก่อน นางเป็นหลานสาวตาของแม่ทัพใหญ่หร่วน สินเดิมของหร่วนซื่อก็ถูกทิ้งไว้ให้นางทั้งหมดมิใช่หรือ
เมื่อหวนนึกถึงเรื่องจวนจิ้นอ๋องกับจวนเสนาบดีฉินกำลังจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ทุกคนก็มองหน้ากันไปมา ต่างก็รู้สึกว่าตนเห็นข้อเท็จจริงแล้ว ไอหยา ที่แท้แล้วก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!
ด้วยเหตุนี้ทิศทางของข่าวลือจึงเปลี่ยนแล้ว จากภาพตกปลาใต้จันทราของจางเต้าจื่อก็กลายเป็นจวนจิ้นอ๋องวางแผนแย่งสินเดิมของสะใภ้ลูกเลี้ยงไปเป็นของหมั้นลูกชายตัวเอง
เมื่อข่าวลือนี้ดังออกไป การแพร่ขยายก็เร็วอย่างยิ่ง!เพียงแค่ช่วงเช้า เหลาสุราโรงเตี๊ยมแต่ละแห่งต่างก็รู้ทั่วแล้ว ผู้คนก็เห็นใจจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ที่ถูกแย่งสินเดิมกับคุณชายใหญ่จวนจิ้นอ๋องที่ร่างกายอ่อนแอขี้โรคเป็นอย่างมาก ดูสิ ดูสิ ต่อให้เสิ่นซื่อจะได้รับพระราชบรรดาศักดิ์เป็นจวิ้นจู่ นางเองก็เป็นลูกสะใภ้ ผู้เป็นแม่สามีคิดจะหาเรื่องนางก็ทำได้ง่ายๆ มิใช่หรือ
ยังมีคุณชายใหญ่ เห็นชัดๆ ว่าเป็นบุตรภรรยาเอกคนโตของจวนจิ้นอ๋อง แต่กลับป่วยออดแอดกระทั่งอายุยี่สิบกว่าปีกว่าจะแต่งภรรยาได้ แม้แต่ตำแหน่งซื่อจื่อก็ถูกแย่งไป หากไม่ใช่ว่าฝ่าบาทสงสารพระราชทานบรรดาศักดิ์จวิ้นอ๋องให้เขา ก็ไม่รู้ว่าทุกวันนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร น่าสงสาร น่าสงสารยิ่งนัก!
เห็นใจจยาฮุ่ยจวิ้นจู่กับคุณชายใหญ่เสร็จแล้ว ก็มีเรื่องใหญ่กระทั่งรื้อเรื่องในอดีตที่น่าอับอายของพระชายาจิ้นอ๋องซ่งซื่อเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนขึ้นมา เรื่องของนางแต่ละจวนที่อายุพอๆ กับนางต่างก็ทราบ ใครให้เรื่องในปีนั้นวุ่นวายจนดังกระฉ่อนไปทั่วเล่า แม้ว่าทุกคนจะไม่ถกเถียงเสียงดังกันออกนอกหน้า แต่ในที่ลับก็ยังคงแอบกระซิบกระซาบ ไม่ว่าอย่างไรก็ปิดกั้นจิตใจขี้นินทาดวงนั้นของผู้คนไม่ได้หรอก!
ผ่านไปอีกหลายวัน ข่าวลือก็เปลี่ยนอีกแล้ว เพราะว่าจู่ๆ ผู้จัดการใหญ่ของเรือนเจี้ยเป่าเปิดเผยว่าภาพตกปลาใต้จันทราในมือท่านเสนาบดีฉินเป็นของปลอม ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
ให้ตายเถอะ หน้าไม่อายเกินไปแล้ว แย่งสินเดิมของสะใภ้ยังไม่พอ เอาสินเดิมของสะใภ้ไปเป็นของหมั้นลูกชายตนก็ยังไม่พอ คาดไม่ถึงว่ายังหน้าไม่อายเก็บของแท้ไว้ที่ตัวเอง ของที่มอบให้ท่านเสนาบดีฉินเป็นของปลอมที่คัดลอกมา สายตาสั้นเกินไปแล้วหรือไม่
อีกทั้งยังมีคนแสดงท่าทีสงสัย ต่อให้จะเป็นพระชายา แต่ก็เป็นเพียงสตรีเรือนหลัง กล้าเอาของปลอมไปหลอกท่านเสนาบดีฉินหรือ คงไม่ใช่ว่าจิ้นอ๋องเห็นสัตว์ล่าจิตใจก็เบิกบานจึงเก็บของแท้ภาพนั้นไว้เองหรอกกระมัง จิ้นอ๋องหลงใหลผลงานภาพวาดของจางเต้าจื่ออย่างถึงที่สุดมิใช่หรือ
มีคนกระโดดออกมาคัดค้านทันที อย่างไรเสียจิ้นอ๋องก็เป็นท่านอ๋องคนหนึ่ง ไม่อาจทำเรื่องไร้คุณธรรมเช่นนี้ได้ คงจะเป็นพระชายาจิ้นอ๋องที่เล่นลูกไม้ นางบอกว่านางไม่กล้าหลอกท่านเสนาบดีฉินงั้นหรือ เช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดแล้ว คิดดูสิว่านางเป็นพระชายาจิ้นอ๋องได้อย่างไร แม้แต่ฮ่องเต้องค์ก่อน แม้แต่ราชวงศ์นางยังกล้าวางแผน จะกลัวอะไรกับท่านเสนาบดีฉินคนหนึ่ง
สรุปแล้วข่าวลือนี้เปลี่ยนไปทุกวัน ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับจวนจิ้นอ๋อง
เสิ่นเวยประหลาดใจยิ่งนัก นางยังไม่ทันได้ลงมือ เหตุใดข่าวลือถึงออกมาแล้ว เป็นเทวดาตนไหนที่ทำเรื่องดี นางมองสวีโย่วที่นั่งไขว้ห้างสบายใจอยู่บนตั่งนุ่ม ชั่วขณะก็เข้าใจแล้ว
หมอนี่ มีฝีมือยิ่งนัก! ในเมื่อเรื่องเจ้าก็จัดการแล้ว เช่นนั้นข้าก็ลากม้านั่งมานั่งดูละครดีกว่า! ปีนี้นั่งกินเผือกคงเป็นเรื่องที่สนุกที่สุดแล้ว!
เสิ่นเวยดูละครอย่างมีความสุขมาก พระชายาจิ้นอ๋องที่เป็นบุคคลหลักในข่าวลือโมโหแทบแย่อยู่แล้ว นางดูแลเรื่องภายในจวนอ๋อง สั่งสมอำนาจไว้มากอย่างยิ่ง บ่าวรับใช้ข้างล่างได้ยินข่าวลือก็ไม่กล้าบอกนาง คนสนิทข้างกายนางก็ไม่ค่อยกล้าออกจากจวนอ๋อง ยังคงเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของนางเห็นข่าวลือยิ่งดังยิ่งไปกันใหญ่ ในใจก็เป็นห่วง อดไม่ได้มาปรึกษาหนทางแก้ไขกับนางถึงบ้าน นางจึงได้รู้ว่ามีข่าวลือเช่นนี้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว
ตอนที่ 226-1 การเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่าย
พระชายาจิ้นอ๋องโมโหจนพังโต๊ะเครื่องแป้ง “สืบ ไปสืบมาให้ข้า!” ชัดเจนว่าพุ่งเป้ามาที่จวนจิ้นอ๋อง อันที่จริงแล้วก็คือพุ่งเป้ามาที่นาง แม้เนื้อหาในข่าวลือจะพัวพันไปถึงท่านอ๋อง แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเกี่ยวข้องกับนาง โดยเฉพาะเรื่องในอดีตเหล่านั้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
พระชายาจิ้นอ๋องสูดหายใจเข้าลึก พยายามระงับไฟโกรธในใจ ทว่าแววตากลับมีพายุโหมกระหน่ำ อดีตอันน่ารังเกียจที่ตัวนางเองยังแทบจะลืมไปแล้วเหล่านี้กลับถูกคนเปิดโปงอีกครั้งหลังผ่านไปยี่สิบกว่าปี ซ้ำยังพูดได้อยากมีเค้ามีมูล นี่จะไม่ให้นางตกใจและยิ่งสงสัยได้อย่างไร
ใครกัน ใครที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับนาง หากนางหาคนผู้นี้ออกมาได้ นางจะต้องเฉือนคนผู้นี้เป็นหมื่นเป็นพันชิ้น เช่นนี้จึงจะทำให้ความเคียดแค้นในใจนางสงบลงได้
แม่นมซือกับหวาอวิ๋นกลับยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าลำบากใจ ข่าวลือแพร่ขยายมาหลายวันแล้ว ขอบเขตก็กว้างเพียงนั้น พวกนางจะเริ่มสืบจากตรงไหน ทั้งสองสบตากันปราดหนึ่ง ยังคงเป็นแม่นมซือที่ก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วกล่าว “พระชายา สืบจากข้างนอกหรือสืบจากในจวนอ๋อง”
เล็บของพระชายาจิ้นอ๋องแทบจะจิกเข้าไปในฝ่ามือ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วงหนึ่งครา กัดฟันกล่าว “สืบภายในจวนอ๋อง” นางยังไม่เสียสติ ข่าวลือลุกลามไปทั่วตรอกซอกซอยแล้ว จะต้องสืบอะไรไม่ได้แน่นอน แต่ในจวนกลับยังสืบได้ ดูว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือคนแรก สืบหาเบาะแส ดูว่าจะสามารถสืบอะไรออกมาได้บ้างหรือไม่
อันที่จริงผู้ต้องสงสัยในใจพระชายาจิ้นอ๋องก็คือลูกเลี้ยงที่เป็นหนามยอกอกผู้นั้นของนาง อย่างไรเสียทั่วทั้งจวนอ๋องคนที่ไม่ถูกกับนางก็คือลูกเลี้ยงที่ลึกลับแปลกประหลาดผู้นี้ ภาพผืนนั้นก็เป็นสินเดิมของภรรยาเขา แม้ว่าจะเป็นของปลอม แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคให้เขาเอามาสร้างสถานการณ์
ทันใดนั้นนางก็ปฏิเสธข้อสงสัยนี้ อย่างไรเสียเรื่องอัปยศในบ้านไม่อาจแพร่สู่ข้างนอก จวนจิ้นอ๋องเสียเกียรติ คุณชายใหญ่จวนอ๋องเช่นเขาจะยังเหลือเกียรติอะไรได้ มิหนำซ้ำหากคนชั่วผู้นี้จะแพร่ข่าวลือก็คงจะแพร่ไปนานแล้ว จะยังรอถึงวันนี้ได้หรือ
พระชายาจิ้นอ๋องกลับไม่ได้สงสัยเสิ่นเวย ในสายตานาง เสิ่นเวยก็คือคนโง่ขี้ขลาดผู้หนึ่ง อย่างนางน่ะหรือ จัดการเรือนตัวเองได้ก็ไม่เลวแล้ว ยังจะวางแผนปล่อยข่าวลืออีกหรือ ประเมิณนางสูงเกินไปจริงๆ!
หากเสิ่นเวยรู้ความคิดของพระชายาจิ้นอ๋อง จะต้องแขวะสวีโย่วอย่างภูมิใจสุดขีดแน่นอน ‘ดูสิ บอกแล้วว่าเจ้าทำหน้าตายทั้งวันราวกับคนอื่นติดหนี้เจ้าไม่ได้ ไม่เอื้อต่อการสามัคคีปรองดองให้จวนอ๋องสงบสุข! เจ้าต้องเรียนรู้จากข้า จุๆ ดูสิว่าตัวอย่างที่ดีของข้าฝังลึกเข้าไปในใจคนมากเพียงใด!’
ฝังลึกในใจคนจริงๆ เห็นชัดๆ ว่าทำให้คนแตกแยก แต่ทุกคนกลับไม่คิดว่าเป็นนาง แต่ว่าจิ้นหวัง
เฟยเองก็ไม่ได้อคติกับสวีโย่ว ข่าวลือนี้ไม่ใช่ว่าออกมาจากหมอนี่หรอกหรือ
แม่นมซือกับหวาเยียนต่างก็ถอนหายใจหนึ่งคราอย่างโล่งอก สืบในจวนง่ายกว่าสืบนอกจวนเยอะ
สองคนนี้ไปสืบข่าวลือแล้ว แต่จิ้นอ๋องกลับเดินเข้ามาด้วยความโมโหเดือดดาล พระชายาจิ้นอ๋องเพิ่งจะยกยิ้มก็ถูกความโกรธบนใบหน้าของท่านอ๋องทำให้สะดุ้งตกใจ “ท่านอ๋องเป็นอะไรไป เหตุใดถึงโมโหเพียงนี้” นางก้าวเข้าไปปรนนิบัติอย่างอ่อนโยน
ทว่าจิ้นอ๋องกลับสะบัดมือของนางออก ชี้พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวด้วยสีหน้าซับซ้อน “เจ้าถามข้าว่าเหตุใดถึงโมโห พระชายาไม่ใช่รู้ดีอยู่แก่ใจหรือ”
พระชายาจิ้นอ๋องงุนงงทั้งใบหน้า จากนั้นก็น้อยใจเล็กน้อย “ดูท่านอ๋องพูดเข้า หรือว่าข้าทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจหรือ” ทว่าในใจกลับเต้นแรงขึ้นมา
จิ้นอ๋องมองพระชายาจิ้นอ๋องนิ่งๆ มองจนนางแทบจะประคับประคองต่อไปไม่ได้ก็แค่นเสียงหึหนึ่งครา “เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าภาพตกปลาใต้จันทราภาพนั้นเจ้าไม่ได้สั่งคนส่งไปให้ท่านเสนาบดีฉิน นั่นเป็นของปลอม! นั่นเป็นของปลอม! เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่านั่นเป็นของปลอมก็ยังจะส่งไปให้ท่านเสนาบดีฉิน เจ้า เจ้า!” จิ้นอ๋องโมโหจนสะบัดแขนเสื้อเบือนหน้าหนี
ไม่กี่วันก่อนเขาก็รู้สึกว่าสายตาที่คนอื่นมองเขาค่อนข้างผิดปกติ วันนี้ไปดื่มสุรากับสหายที่เหลาสุรา ก็บังเอิญเจอเสด็จพี่กง เขาเข้ามาทักทายตน ซ้ำยังถามเขาอย่างยิ้มแย้มว่าขอไปชมภาพตกปลาใต้จันทราของแท้ที่จวนได้หรือไม่
เขาไม่สบายใจ เขาไหนเลยจะมีภาพตกปลาใต้จันทราของแท้ ที่สะใภ้ใหญ่กลับมีภาพหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เป็นของปลอม
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ เสด็จพี่หวังก็ไม่เชื่อ ยังพูดจาไร้ต้นสายปลายเหตุทำนองว่าเขาเก็บไว้คนเดียว ก่อนไปรอยยิ้มที่แฝงเลศนัยก็ยิ่งทำให้เขาจับต้นชนปลายไม่ถูก
ผู้มีความสามารถเช่นเขาก็รู้สึกผิดปกติแล้ว หมดอารมณ์ดื่มสุรา เรียกบ่าวรับใช้เข้ามาถามไถ่ บ่าวรับใช้มีสีหน้าลำบากใจ อำๆ อึ้งๆ เล่าเรื่องข่าวลือให้ฟัง เขาจึงเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเสด็จพี่กงจึงมีท่าทางเช่นนี้ คิดว่าภาพตกปลาใต้จันทราของแท้อยู่ในมือเขางั้นหรือ
จิ้นอ๋องโมโหจนจมูกเบี้ยว ซ่งซื่อผู้นี้! สามารถแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับจวนเสนาบดีฉินได้เขาเองก็ยินดี แต่เขาไม่คิดว่าซ่งซื่อจะกล้าถึงเพียงนั้น รู้อยู่แก่ใจว่าภาพในมือภรรยาโย่วเอ๋อร์เป็นของปลอมก็ยังกล้าส่งไปให้ท่านเสนาบดีฉิน นางคิดว่าท่านเสนาบดีฉินหลอกง่ายหรือไร
เมื่อคิดถึงเนื้อหาในข่าวลือ เขาก็หงุดหงิดจนอยากฆ่าคน บอกว่าของจริงถูกเขาเก็บไว้งั้นหรือ ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่เช่นเขาเป็นคนสายตาสั้นเช่นนั้นหรือไร แย่งสินเดิมลูกสะใภ้ต้องถูกคนนินทาลับหลัง ต่อให้เขาจะชอบภาพของจางเต้าจื่อก็รู้จักความหนักเบาของเรื่อง!
ซ่งซื่อ เป็นเพราะซ่งซื่อ ดูท่าแล้วหลายปีมานี้เขาจะโปรดปรานนางเกินไปแล้ว กระทั่งนางลืมกฎระเบียบและลำดับความสำคัญ
เพื่อเรื่องนี้จริงๆ ด้วย! ในใจพระชายาจิ้นอ๋องกลับถอนหายใจหนึ่งคราอย่างโล่งอก สูดหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง แสร้งทำท่าทางเศร้าระทม “ท่านอ๋อง ข้าอยู่กับท่านมาหลายปีเพียงนี้ ท่านยังไม่รู้จักนิสัยข้าอีกหรือ แม้ว่าจะมีหนทางอื่น ข้าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้หรือ ไม่ใช่ว่าทำเพื่อฉั่งเอ๋อร์ทั้งนั้นหรือ”
พูดถึงตรงนี้เสียงของพระชายาจิ้นอ๋องก็สั่นเครือ “ฉั่งเอ๋อร์ไม่ได้มานะบากบั่นเท่าพี่ชายทั้งหลายของเขา แต่นั้นก็เป็นเลือดเนื้อของข้า ยังคงเป็นข้าที่พยายามคลอดออกมา ข้าจะไม่คิดเรื่องอนาคตเพื่อเขาได้อย่างไร คุณหนูเจ็ดตระกูลฉินเป็นญาติผู้น้องของซูเฟยเหนียงเหนียง ในภายหน้ามีองค์ชายรองดูแล ข้าเองก็วางใจแล้ว ท่านอ๋อง ข้าล้วนแต่ทำเพื่อฉั่งเอ๋อร์ของพวกเรา!”
ท่านอ๋องได้ยินพระชายาเอ่ยถึงฉั่งเอ๋อร์ ในใจก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ฉั่งเอ๋อร์คลอดก่อนกำหนด เร็วกว่าวันที่หมอหลวงคาดการณ์ยี่สิบวัน สำหรับเหตุผลน่ะหรือ เกี่ยวข้องกับเขา หากไม่ใช่ว่าเขาควบคุมไม่ได้ในชั่วขณะ พระชายาตั้งท้องแก่ปรนนิบัติเขา ก็คงไม่ถึงกับเจ็บท้องคลอดทำให้ฉั่งเอ๋อร์คลอดก่อนกำหนด หวัง
เฟยเองก็แทบจะเสียสละชีวิต ดังนั้นลูกคนนี้เขาเองก็ตามใจหลายส่วน คิดถึงตรงนี้ ความโกรธบนใบหน้าเขาก็ลดลงเล็กน้อย
พระชายาจิ้นอ๋องลอบมองความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของจิ้นอ๋อง กล่าวต่อ “ข้าเองก็ไม่ได้บอกว่าเป็นของแท้ พูดเพียงแค่ว่าได้ภาพของจางเต้าจื่อมาหนึ่งภาพ ไม่รู้ว่าแท้หรือปลอม ส่งไปให้ท่านเสนาบดีฉินชมเล่น นั่นเองก็ไม่ใช่ว่าข้าแย่งมา ภรรยาโย่วเอ๋อร์แสดงความกตัญญูมอบให้ข้าด้วยตัวเอง เพียงแค่ภาพผืนหนึ่ง เหตุใดถึงเกิดข่าวลือมากเพียงนี้ได้ ข้าว่า นี่จะต้องมีผู้ไม่หวังดีใส่ร้ายใช้อุบายกับจวนจิ้นอ๋องของเรา อิจฉาที่พวกเรากับจวนเสนาบดีฉินแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ คิดจะก่อกวนการสมรสครั้งนี้ ท่านอ๋อง พวกเราอย่าได้ตกหลุมพรางคนไม่ดี!”
จิ้นอ๋องใจเต้นอย่างอดไม่ได้ ใช่แล้ว เหตุใดเขาถึงคิดถึงจุดนี้ไม่ได้เล่า แม้ว่าตัวเขาจะไม่มีหน้าที่สำคัญ แต่อย่างไรเสียก็เป็นผู้ชาย มักจะอยู่ข้างนอก ในด้านความรู้ย่อมมีมากกว่าพระชายาจิ้นอ๋องที่อยู่แต่เรือนหลัง
เมื่อพระชายาจิ้นอ๋องเอ่ยว่ามีคนตั้งใจใส่ร้ายจวนจิ้นอ๋อง เขาก็นึกถึงองค์ชายหลายคนในหมู่พี่น้องของเขา หรือว่าจะมีคนคิดว่าเขายืนอยู่ฝั่งองค์ชายรองขัดขวางผลประโยชน์ของเขา เหอะ แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับจวนเสนาบดีฉินเป็นเพียงแค่การหาบ้านพ่อตาที่มีกำลังสนับสนุนให้ฉั่งเอ๋อร์ก็เท่านั้น เขาไม่ได้โง่ เขาเป็นน้องชายมารดาเดียวกันกับฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน เป็นอาขององค์ชายทั้งหมด ไม่ว่าใครที่อยู่ในตำแหน่งนั้นล้วนแต่ต้องเคารพเขา ชีวิตดีๆ ของเขาไยจะต้องไปลุยน้ำขุ่นนี้ด้วย
“ท่านอ๋อง ท่านต้องสืบให้ดีๆ! นี่เกี่ยวข้องกับจวนจิ้นอ๋องทั้งหมดของเรา ไม่รู้เหมือนกันว่าคนผู้นี้เป็นใคร เหตุใดจิตใจถึงได้เ**้ยมโหดเพียงนี้” พระชายาจิ้นอ๋องมองจิ้นอ๋องอย่างกระตือรือร้น หางตามีประกายกะพริบวาบ
จิ้นอ๋องแค่นเสียงหนึ่งครา สืบเขาต้องสืบแน่นอน แต่ว่าคราวนี้ซ่งซื่อก็ทำไม่เหมาะสมเกินไปจริงๆ ต้องสั่งสอนเสียหน่อย เขาเหลือบตาขึ้น ชายตามองสาวใช้ใหญ่สองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ถือโอกาสชี้กล่าว “ห้องหนังสือนอกของข้าขาดสาวใช้ปรนนิบัติหมึกพู่กันสองคน เอาเป็นพวกเจ้าสองคนแล้วกัน”
สาวใช้ใหญ่สองคนนี้ได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นั่นก็คือหวาลู่กับหวาฉังที่ส่งให้สวีโย่วครั้งก่อนแล้วถูกปฏิเสธ
หวาลู่กับหวาฉังเป็นคนที่พระชายาจิ้นอ๋องตั้งใจเลือกออกมาคิดจะส่งไปที่เรือนของลูกเลี้ยง หน้าตาและเรือนร่างย่อมต้องดีเลิศ ครั้งก่อนส่งออกไปไม่ได้ ในใจหวาลู่กับหวาฉังก็กังวลเล็กน้อย กลัวว่าจะถูกพระชายาโมโหตำหนิ ไม่คิดว่าวันนี้ท่านอ๋องจะสั่งให้พวกนางไปปรนนิบัติที่ห้องหนังสือนอก นี่ก็คือโชคที่ตกลงจากสวรรค์
บอกว่าเป็นสาวใช้ที่ปรนนิบัติหมึกพู่กัน แต่ใครบ้างไม่รู้ว่าปรนนิบัติหมึกพู่กันเป็นเรื่องรอง ปรนนิบัติท่านอ๋องจึงจะเป็นเรื่องจริง หากได้รับความชอบใจจากท่านอ๋อง สามารถให้กำเนิดบุตรได้ เช่นนั้นความร่ำรวยมีเกียรติในภายหลังก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
ทั้งสองคนคิดถึงตรงนี้ ในใจก็ตื่นเต้นขึ้นมา สายตาที่มองจิ้นอ๋องก็ยิ่งแรงกล้าไม่ปิดบัง
ตอนที่ 226-2 การเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่าย
พระชายาจิ้นอ๋องเองก็ตกใจ ทันใดนั้นสีหน้าก็เหยเก นางไม่คิดว่าท่านอ๋องจะตบหน้านางเช่นนี้ “ท่านอ๋อง” นางมองออกไป ในดวงตามีความร้องขอ น้ำตาเม็ดใหญ่กลิ้งอยู่ในดวงตาคู่สวยของนาง แต่กลับฝืนไม่ยอมให้ไหลลงมา
จิ้นอ๋องนึกถึงเด็กสาวที่ถูกเขาหักหลังถูกคนอื่นส่งไปบำเพ็ญตนที่อารามชีผู้นั้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน นางเองก็มองตนด้วยความน้อยใจอย่างเช่นวันนี้ เกือบจะทำให้หัวใจของเขาอ่อนลง แต่เขาก็นึกถึงแววตาที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของเสด็จพี่กง จากนั้นจึงพยายามแข็งใจ “ทำไม พระชายาตัดใจไม่ได้หรือ”
หวาลู่กับหวาฉังเองก็ได้สติกลับมาแล้ว เหลือบมองไปทางพระชายาด้วยความหวาดกลัวปราดหนึ่ง พวกนางเป็นสาวใช้ข้างกายพระชายา ย่อมต้องรู้วิธีการที่พระชายาใช้กับอนุภรรยาเรือนหลังเป็นอย่างดี แต่หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เทียบความร่ำรวยมีเกียรติไม่ได้ ทั้งสองก้มหน้าคุกเข่าอยู่ตรงหน้าพระชายาจิ้นอ๋อง
ใบหน้าของพระชายาจิ้นอ๋องก็ยิ่งเหยเก หญิงชั่วสองคนนี้ หญิงชั่วเกลือเป็นหนอน! พกนางคิดว่าไปห้องหนังสือนอกแล้วจะเลื่อนขั้นได้ในวันเดียวงั้นหรือ หึ อย่าฝัน
“ในเมื่อท่านอ๋องถูกใจพวกเจ้าสองคน นี่ก็เป็นวาสนาของพวกเจ้าทั้งสอง ไปห้องหนังสือนอกรับใช้ท่านอ๋องให้ดี อย่าให้เสียหน้าข้า” พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“บ่าวจะจำคำสั่งสอนของพระชายา ไม่ทำให้พระชายาผิดหวังเพคะ” ทั้งสองพากันแสดงความจงรักภัคดี ทว่าความดีใจในแววตาไม่ว่าอย่างไรก็เก็บไว้ไม่อยู่
นี่ทำให้พระชายาจิ้นอ๋องยิ่งแค้นเคือง อยากจะฆ่าเด็กสองคนนี้ทันทีจริงๆ “จำคำพูดที่พวกเจ้าพูดวันนี้ให้ดี ลุกขึ้นเถอะ ยังคุกเข่าอยู่ทำไม กลับไปเก็บของแล้วตามท่านอ๋องไปทำงานที่ห้องหนังสือนอกเสีย” โบกมือไล่สองคนนี้ออกไป
เมื่อจิ้นอ๋องไปแล้ว พระชายาจิ้นอ๋องก็บันดาลโทสะอีกครั้ง คนรับใช้ทั่วทั้งเรือนต่างก็นิ่งเงียบด้วยความหวาดกลัว
ข่าวๆ นี้ทำให้อู๋ซื่อกับหูซื่อที่กำลังมาทางนี้ตัดสินใจถอยทัพกลับไป หูซื่อบำรุงครรภ์อยู่ที่เรือนของตน รู้ข่าวนี้ช้าเล็กน้อย แต่ก็ยังเร็วกว่าพระชายาจิ้นอ๋อง อู๋ซื่อรู้ข่าวเร็วอย่างยิ่ง บ้านฝั่งแม่นางส่งข่าวมาบอกนาง
ทั้งสองคนรู้แล้วก็แสร้งทำเป็นไม่รู้โดยไม่ได้นัดหมาย หนึ่งคือข่าวลือพัวพันไปถึงพ่อสามี พวกนางเป็นลูกสะใภ้ไม่ควรเปิดปาก สองคือแผนการก่อกวนเล็กๆ ในใจพวกนาง แม่สามีท่านไม่ใช่แสดงตนว่าเป็นสตรีมีคุณธรรมมาโดยตลอดหรอกหรือ เหตุใดถึงยังมีอดีตที่อัปยศเช่นนี้ได้ เหตุใดถึงยังทำเรื่องอดสูเช่นการแย่งสินเดิมลูกสะใภ้ได้อีก แม้ว่าจะเป็นแม่สามี แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อจิตใจที่อยากจะเห็นความสนุกสนานของพวกนาง มิเช่นนั้นจะพูดกันได้อย่างไรว่าแม่ยายลูกสะใภ้เป็นศัตรูกันแต่กำเนิด
อู๋ซื่อกลับไปถึงเรือนก็อารมณ์ไม่ดีอย่างมาก ท่านย่าฝั่งมารดาของนางป่วย เมื่อวานนางกลับจวนอู๋กั๋วกงไปเยี่ยม สายตาที่พี่สาวน้องสาวและพี่สะใภ้ทั้งหลายมองนางก็แปลกประหลาด ท่ามกลางความยินดีบนความทุกข์ของผู้อื่นยังแฝงไปด้วยความเห็นใจรางๆ เมื่อสบสายตานางก็หันมองไปทางอื่นทันที ทำให้นางอึดอัดยิ่งนัก
โดยเฉพาะน้องสาวของนาง คาดไม่ถึงว่าถามนางต่อหน้าทุกคนว่าสินเดิมของนางใช่มอบแสดงความกตัญญูให้แม่สามีหมดแล้วหรือไม่ แต่ไม่ว่านางจะอธิบายอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ
เดิมพี่สาวน้องสาวทั้งหมดในบ้านก็มีนางที่แต่งงานดีที่สุด เป็นคนที่พวกนางอิจฉาตาร้อน นางเคยมีความสุขกับเกียรติยศนี้อย่างยิ่ง แต่วันนี้พี่สาวน้องสาวของนางที่เคยอิจฉาตาร้อนเหล่านั้นกลับมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ไม่ก็ส่งสายตาเห็นอกเห็นใจมองนาง ราวกับกำลังบอกว่า ‘แต่งงานกับตระกูลสูงแล้วอย่างไร ไม่ใช่ว่าต้องถูกแม่สามีกลั่นแกล้ง แม้แต่สินเดิมของตนยังปกป้องไว้ไม่ได้หรอกหรือ’ จะไม่ทำให้นางอัดอั้นได้อย่างไร
ส่วนคนต้นเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือพระชายาจิ้นอ๋องแม่สามีของนาง แม่สามีเอาสินเดิมของสะใภ้ใหญ่ส่งเป็นของขวัญจึงทำให้เกิดเรื่อง นี่ทำให้ในใจอู๋ซื่อเหยียดหยามการกระทำของแม่สามีอย่างถึงที่สุด สินเดิมของสตรีที่ไหนบ้างไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของตน แม้แต่สามียังไม่มีสิทธิ์แตะ แม่เลี้ยงสามีเช่นท่านกลับเอาสินเดิมของลูกสะใภ้ ใครจะยังกล้าให้บุตรสาวแต่งเข้ามาในจวนจิ้นอ๋องอีก
สินเดิมของสะใภ้ใหญ่เจ้าจะเอาก็เอาไป เก็บไว้ในคลังส่วนตัวของตนก็ได้แล้ว เจ้าดันเอาไปส่งเป็นของขวัญ นี่ไม่ใช่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวอย่างชัดเจนหรือ
อู๋ซื่อไม่ชอบแม่สามีผู้นี้อย่างถึงที่สุด แต่กลับอับจนหนทาง ใครให้นางแต่งงานกับสามีผู้เป็นลูกชายคนโตของแม่สามีเล่า
อู๋ซื่อพิงตั่งนอนโมโหโกรธา เมื่อรู้ว่าลูกสาวสองคนวิ่งเข้ามาเรียกท่านแม่ด้วยเสียงเจื้อยแจ้วจึงเผยรอยยิ้มออกมา มองลูกสาวทั้งสองที่อ่อนนุ่มราวกับไข่มุก ความไม่พอใจต่อแม่สามีในใจอู๋ซื่อก็เพิ่มขึ้นอีกขั้น
ลูกสาวของนางน่ารักเช่นนี้ ทั้งรู้ประสาทั้งเชื่อฟัง แต่แม่สามีกลับไม่ชอบ วันทั้งวันพร่ำเพ้อถึงแต่หลานชาย หลานชาย ท้องนั้นของน้องสะใภ้สามยังดูไม่ออกว่าท้องนางก็ดูแลประหนึ่งไข่หงส์แล้ว เหอะ ข้าจะคอยดูว่าถึงตอนนั้นจะคลอดอะไรออกมาได้ หากเป็นบุตรสาวเหมือนกันเช่นนั้นก็คงมีความสุขยิ่งนัก
ฝั่งหูซื่อแม้ว่าจะไม่อัดอั้นใจเหมือนเช่นอู๋ซื่อ แต่ฮูหยินไหวเซียงโหวแม่นางก็มากระซิบกระซาบสั่งสอนนางถึงบ้าน ให้นางตั้งใจดูแลสินเดิมให้ดี
การเคลื่อนไหวของข่าวลือวุ่นวายจนใหญ่โตเช่นนี้ จวนจงอู่โหวที่เป็นบ้านฝั่งมารดาของเสิ่นเวย
ย่อมไม่อาจนิ่งดูดายได้ ไม่เห็นหรือว่า เขามาหนุนหลังบุตรสาวถึงบ้านแล้ว
คนที่มาไม่ใช่ฮูหยินสวี่ซื่อ แต่เป็นนายท่านผู้เฒ่าเสิ่นโหวท่านปู่ของเสิ่นเวย เขาไม่ได้ไปหาพระชายาจิ้นอ๋อง แต่เขาส่งเทียบเชิญไปที่มือของจิ้นอ๋องโดยตรง อ้าปากก็ถาม “ท่านอ๋อง ใช่ค่าใช้จ่ายของจวนอ๋องไม่พอใช่หรือไม่!” ทำเอาจิ้นอ๋องอับอาย อยากจะแทรกแผ่นดินหนีอย่างยิ่ง
อย่ามองว่าจิ้นอ๋องเป็นท่านอ๋อง เมื่อเขาอยู่ต่อหน้านายท่านผู้เฒ่าเสิ่นโหวผู้ปราดเปรื่องก็ไม่น่าเกรงขามอย่างยิ่งจริงๆ ท่าทีของนายท่านผู้เฒ่าโหวดียิ่งนัก บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่เป็นมิตรตั้งแต่ต้นจนจบ แต่คำพูดที่พูดออกมากลับสามารถทำให้คนสำลักตายได้ บ้างก็ว่า ‘เจ้าสี่ของพวกเราไม่รู้ประสา จะให้แม่สามีเอ่ยปากขอได้อย่างไร ควรมอบให้ด้วยตัวเองจึงจะแสดงความกตัญญูได้’ บ้างก็ว่า ‘ท่านอ๋อง พวกเราก็เป็นญาติกันแล้ว หากจวนอ๋องมีปัญหาท่านก็เอ่ยปากได้ไม่ต้องเกรงใจ ข้ายังมีทองสอง**บที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ยังไม่ได้แตะ’ …
จิ้นอ๋องอยากจะคุกเข่าให้นายท่านผู้เฒ่าเสิ่นโหวยิ่งนัก ขอเพียงแค่ให้เขาหยุดพูด ส่งนายท่านผู้เฒ่าเสิ่นโหวไปแล้ว จิ้นอ๋องก็วิ่งไปบันดาลโทสะอย่างรุนแรงที่เรือนของพระชายาจิ้นอ๋องอีกครั้ง คืนนั้นก็ใช้หาวลู่หวาฉังสองคน
พระชายาจิ้นอ๋องที่ได้ข่าวแล้วก็โมโหอย่างเลี่ยงไม่ได้ มิหนำซ้ำเสิ่นเวยยังวิ่งมาสร้างความรำคาญใจเพิ่ม ทั้งขอโทษ ทั้งสำนึกผิด ปาดน้ำตาสาบานด้วยความบริสุทธิ์ใจ บอกว่าไม่ใช่นางที่ปล่อยข่าวในบ้านจริงๆ ไม่ใช่นางที่ให้ท่านปู่มาบ้านจริงๆ
ในใจพระชายาจิ้นอ๋องอัดอั้น แต่จำใจต้องเค้นรอยยิ้มออกมาปลอบนาง อัดอั้นจนแม้แต่ความคิดอยากตายนางก็มีแล้ว
การทำงานของแม่นมซือกับหวาเยียนมีประสิทธิภาพสูงอย่างยิ่ง ไม่นานนักก็สืบได้ว่าข่าวลือออกมาจากครัวใหญ่ หญิงชรารับใช้แซ่หลี่เป็นคนพูดคนแรก
ยายหลี่ถูกพามาตรงหน้าพระชายาจิ้นอ๋องก็รู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรม “พระชายาโปรดไว้ชีวิต! ไม่มีใครสั่งบ่าว บ่าวเพียงแค่ออกจากเรือนไปซื้อผักก็ได้ยินคำไม่กี่คำ จึงเล่าให้ทุกคนฟัง เป็นบ่าวที่ปากไม่ดี พระชายา บ่าวไม่กล้าอีกแล้ว ท่านไว้ชีวิตบ่าวครั้งนี้ได้หรือไม่” นางร้องห่มร้องไห้พยายามตีปากตัวเอง
พระชายาจิ้นอ๋องใบหน้าเคร่งขรึม ดวงตามีประกายเลือนรางแวบผ่าน โบกมือ “ลากออกไป ลากออกไป บ่าวขี้นินทาเช่นนี้จะเก็บไว้ทำอะไร ขายทิ้งเสีย” คำพูดหนึ่งประโยคที่เรียบง่ายก็ตัดสินชะตาชีวิตของยายหลี่แล้ว
พระชายาจิ้นอ๋องก่ายหน้าผาก รู้สึกว้าวุ่นใจนิ่งนัก อดคิดไม่ได้ ใช่นางมีดวงไม่สมพงกับเสิ่นซื่อหรือไม่ มิเช่นนั้นเหตุใดตั้งแต่วันที่นางเข้าจวนมาก็มีแต่เรื่องวุ่นวายโกลาหล ไม่มีสักวันที่สบายใจ อืม ต้องไปหาพระอาจารย์เสียหน่อยแล้ว นางคิดคำนวณเงียบๆ ในใจ อันที่จริงเรื่องที่นางเป็นกังวลที่สุดยังคงเป็นเรื่องแต่งงานกับจวนเสนาบดีฉิน
ก่อนข่าวลือจะแพร่ออกไป พวกเขาสองตระกูลก็นับได้ว่าตกลงกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้เดิมควรเป็นวันดูดวงสมพงษ์คู่หมั้น ทว่าจวนเสนาบดีฉินสั่งคนมามาเลื่อนวัน ไม่รู้ว่าเลื่อนวันครั้งนี้จะเป็นการเลื่อนจริงๆ หรือว่ายกเลิกการสมรสเสียเลย เพื่อการสมรสครั้งนี้แล้ว ทั้งก่อนทั้งหลังนางทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากเพียงใด หากไม่สำเร็จ เฮ้อ นางทุบขา มีความรู้สึกเหมือนโยนหินใส่เท้าตัวเองอยู่เสมอ
สำหรับจิ้นอ๋องนางกลับไม่เป็นกังวล นางใช้ชีวิตร่วมกับเขามาหลายปีเพียงนั้น รู้นิสัยเขาเป็นอย่างดี เขาโมโหเพียงเพราะอับอายก็เท่านั้นเอง อันที่จริงเขาเป็นคนหูเบา รอให้ผ่านไปหลายวันเขาหายโกรธแล้ว ตนค่อยพูดจาหวานๆ หว่านล้อมเขาสองสามประโยคก็ไม่เป็นไรแล้ว
หวาลู่หวาฉังเด็กชั่วสองคนนั้น เชื่อฟังก็พอแล้ว หากไม่เชื่อฟัง เหอะ ที่นางมีคือวิธีจัดการพวกนางให้ตาย ในบ่อน้ำเรือนหลังตระกูลใดบ้างไม่มีผีอาฆาต
องค์ชายรองสวีอวี้หน้านิ่งนั่งอยู่ในห้องหนังสือของเสนาบดีฉินท่านตาของเขา “ท่านตาท่านว่าตัวการเบื้องหลังข่าวลือนี้คือใคร” เดิมตระกูลฝั่งมารดากับจวนจิ้นอ๋องจะแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์เขาดีใจอย่างยิ่ง ไม่คิดว่าจู่ๆ ข่าวลือที่เกี่ยวกับจวนจิ้นอ๋องจะลือกันไปทั่ว แม้จะไม่ได้เอ่ยถึงเขาโดยตรง แต่แววตาคลุมเครือที่มองมาทางเขาเหล่านั้นก็ยังคงทำให้เขากระวนกระวายใจ
ท่านเสนาบดีฉินมององค์ชายรองปราดหนึ่ง กล่าวช้าๆ “สืบออกมาว่าเป็นใครบงการแล้วมีเจตนาใดงั้นหรือ องค์ชายรองควรจะมองการณ์ไกลกว่านี้” ท่าทางผ่อนคลายนั้นไม่สนใจข่าวลืออย่างสิ้นเชิง “ห้ามปากประชาชนยิ่งกว่าห้ามสายน้ำ ปล่อยพวกเขาพูดไป พูดจนพอพูดจนเบื่อย่อมต้องไม่พูดต่อเอง”
“แต่คนพูดมากเข้า ก็ทำลายล้างได้!” องค์ชายรองยังคงไม่วางใจเล็กน้อย
เสนาบดีฉินลูบหนวดยิ้ม “เกี่ยวอะไรกับพวกเราเล่า คนที่ชื่อเสียงถูกทำลายคือจวนจิ้นอ๋อง คือจิ้น
พระชายากับจิ้นอ๋อง ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นเรื่องดีเมื่ออิงเอ๋อร์แต่งเข้าไป”
องค์ชายรองตกใจเล็กน้อย “ท่านตา การสมรสนี้ยังดำเนินต่อหรือ”
“แน่นอน สองตระกูลตกลงกันแล้วเหตุใดจะไม่ทำต่อเล่า จวนเสนาบดีไม่ใช่คนไม่รักษาคำพูด” ท่านเสนาบดีฉินเลิกคิ้ว “จวนจิ้นอ๋องไม่ทำให้อิงเอ๋อร์เสียหน้าหรอก” เขากล่าวอย่างแฝงความนัย
องค์ชายรองใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มแล้ว กล่าวกับท่านเสนาบดีฉินด้วยความจริงใจ “ยังคงเป็นท่านตาที่รอบคอบ มิน่าเล่าเสด็จแม่ถึงให้ลูกมาเรียนรู้จากท่านเยอะๆ”
ท่านเสนาบดีฉินยิ้มอีกครั้ง ใบหน้าเมตตาสิบสองส่วน “องค์ชายรองอายุเท่านี้ก็ไม่เลวอย่างยิ่งแล้ว เก่งกว่าน้าเจ้าเสียอีก”
เขามองหลานชายที่สง่าผ่าเผยผู้นี้ กล่าวในใจ จะต้องไม่เสียดายที่จะส่งเขาขึ้นไปบนที่นั่งสูงนั่น ตระกูลฉินเองก็จะได้ร่ำรวยไปอีกหลายสิบปี
ส่งองค์ชายรองไปแล้ว ท่านเสนาบดีฉินก็หลุบตายิ้มเยาะ คนอื่นไม่รู้ว่าข่าวลือเป็นมาอย่างไร แต่เขากลับรู้ดี ไม่ใช่ฝีมือของคุณหนูสี่แซ่เสิ่นที่เข้ามาสืบจวนเสนาบดียามดึกจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ที่ฝ่าบาทพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้หรอกหรือ เด็กคนนั้นยอมเสียเปรียบไม่ได้ พระชายาจิ้นอ๋องรนหาที่ตายเอาสินเดิมของนางไป นางไม่ตอบแทนสักหน่อยสิแปลก
แต่ว่านางคิดจะขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรตนก็ไม่อาจทำให้นางสมปรารถนาได้เช่นกัน
ตอนที่ 227-1 เก็บหน้าตายของท่านหน่อย
เมื่อข่าวลือโด่งดัง ฮองเฮาเหนียงเหนียงในวังก็มีความสุขแล้ว ดูสิ คนที่ไม่ถูกชะตากับซ่งซื่อไม่ได้มีนางเพียงคนเดียว นางไม่ต้องออกมือก็มีคนแย่งนางจัดการแล้ว ทุกวันนางส่งขันทีในวังออกจากวังไปสืบข่าว ข่าวลือหนึ่งวันหนึ่งฉบับ ทุกวันฮองเฮาเหนียงเหนียงก็ยิ้มแย้มดีใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นใบหน้าที่ดำคร่ำเครียดใบนั้นของซูเฟย อาหารค่ำนางก็ทานเพิ่มอีกหนึ่งถ้วย
อาศัยโชคดีของข่าวลือ เสิ่นเวยถูกฮองเฮาเหนียงเหนียงเรียกเข้าวังสองครั้งแล้ว ครั้งแรกกุ้ยกูกูมานางยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่ใช่เพิ่งจะน้อมสำนึกพระมหากรุณาธิคุณหรือ สำหรับข้ออ้างที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงอยากพบนางนางไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง ยังคงเป็นสวีโย่วที่พูดกับนางด้วยความสุขุม “เจ้าไปก็พอแล้ว”
สำหรับสวีโย่ว เสิ่นเวยยังคงเชื่อใจอย่างยิ่ง
เมื่อถึงตำหนักคุนหนิงแล้ว ท่าทีของฮองเฮาเหนียงเหนียงก็กระตือรือร้นยิ่งนัก ชมนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ารอบหนึ่ง ทำเอาคนหน้าหนาเช่นเสิ่นเวยยังรู้สึกเขินอาย
หลังจากนั้นฮองเฮาเหนียงเหนียงก็เปลี่ยนเรื่อง มองนางด้วยความสงสาร ถามไถ่ชีวิตในจวนอ๋องของนาง บอกเป็นนัยว่าหากได้รับความไม่เป็นธรรมใดๆ นางสามารถช่วยนางได้
เสิ่นเวยรีบลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจบอกว่านางอยู่ในจวนอ๋องทุกอย่างล้วนดี พ่อแม่สามีรักใคร่ น้องสะใภ้รักกันฉันมิตร สามีเคารพ บ่าวชั้นล่างก็ปฏิบัติตามกฎ ขอบคุณฝ่าบาทที่พระราชทานการสมรสที่ดีเช่นนี้ให้นาง
ท่าทางของสตรีอายุน้อยที่กระวนกระวายใจนั้นฮองเฮาเหนียงเหนียงเห็นแล้วก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ กล่าวในใจ นี่คือคนจริงใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์
ในเมื่อบอกเป็นนัยไม่ได้ผล เช่นนั้นก็บอกตรงๆ แล้วกัน ฮองเฮาเหนียงเหนียงเอ่ยถึงข่าวลือในเมืองหลวงต่อ ถามนางว่าภาพวาดตกปลาใต้จันทราภาพนั้นเกิดอะไรขึ้น
เสิ่นเวยย่อมพูดความจริง นางบอกว่าภาพผืนนั้นเป็นนางมอบให้แม่สามีด้วยตัวเอง อีกทั้งภาพผืนนั้นยังเป็นของปลอมจริงๆ
ฮองเฮาเหนียงเหนียงไหนเลยจะเชื่อ ปีนั้นใครบ้างไม่รู้ว่าผลงานภาพวาดชื่อดังของจางเต้าจื่อในรัชสมัยก่อนถูกแม่ทัพใหญ่หร่วนส่งเป็นสินเดิมให้ลูกสาว และผู้จัดการใหญ่เรือนเจี้ยนเป่าก็ตรวจสอบด้วยตาตัวเองว่าเป็นของแท้ เหตุใดจู่ๆ ถึงกลายเป็นของปลอมได้เล่า เด็กโง่คนนี้ คนอื่นหลอกเจ้าก็ยังไม่รู้
สำหรับการมอบให้ด้วยตัวเองก็ยิ่งมีเหตุผลอย่างยิ่ง คนมีอุบายเช่นนั้นอย่างซ่งซื่อไหนเลยจะขอสิ่งของกับนางตรงๆ พูดอ้อมค้อมบอกเป็นนัยเล็กน้อย คนที่เป็นลูกสะใภ้เช่นเจ้าก็ต้องถวายให้เองอย่างเชื่อฟังมิใช่หรือ
ฮองเฮาเหนียงเหนียงถุยน้ำลายใส่พระชายาจิ้นอ๋องซ่งซื่อครั้งหนึ่งในใจ ยิ่งรู้สึกว่าจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ผู้นี้เป็นคนโง่ สายตาที่มองนางก็ยิ่งอ่อนโยน ตอนที่ลายังใจป้ำให้บำเหน็จจำนวนมาก
เสิ่นเวยนำบำเหน็จของฮองเฮาเหนียงเหนียงกลับจวนจิ้นอ๋อง สายตาที่คนรับใช้ในจวนมองนางก็ไม่เหมือนเดิมในชั่วขณะ ดูท่าแล้วฮูหยินใหญ่ผู้นี้จะเข้าตาฮองเฮาเหนียงเหนียงแล้ว หลังจากนี้ใครจะกล้าดูแคลนอีก
แม้แต่อู๋ซื่อกับหูซื่อก็ยังคับแค้นใจ นางทั้งสองเข้าจวนมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นฮองเฮาเหนียงเหนียงเรียกไปเข้าเฝ้าเลยสักครั้ง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงบำเหน็จ
ครั้งที่สองฮองเฮาเหนียงเหนียงเรียกพบอีกเสิ่นเวยก็มีประสบการณ์มากขึ้นแล้ว อย่างไรเสียนางก็เพียงแค่แสดงท่าทางสตรีอายุน้อยฮองเฮาเหนียงเหนียงถามอะไรก็ตอบไปตามตรงก็ได้แล้ว หากว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงถามถึงพระชายาจิ้นอ๋อง นางเพียงแค่ยิ้มก็พอ หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็พูดถึงแม่สามีดีๆ ทำนองว่าใจกว้างเมตตา ปฏิบัติต่อนางดี
แม้ในใจฮองเฮาเหนียงเหนียงจะไม่สบายใจ แต่กลับไม่อาจพาลโมโหลงที่เสิ่นเวยได้ เพียงแค่คิดว่าซ่งซื่อใช้อุบายสูงหลอกจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ เช่นนี้ก็ดี นิสัยเช่นนี้จึงจะผูกมิตรง่าย
เสิ่นเวยนำเงินบำเหน็จจำนวนมากของฮองเฮาเหนียงกลับจวนอีกครั้ง ในใจก็มั่นใจแล้วว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงไม่ถูกกับพระชายาจิ้นอ๋อง เดิมหลักการศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน เสิ่นเวยรู้สึกว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงที่พึ่งนี้ยังคงต้องเล่นละครตบตาต่อไป แม้ว่าจะเห็นแก่บำเหน็จก็ตาม
เสิ่นเวยถูกฮองเฮาเหนียงเหนียงเรียกพบสองครั้ง อีกทั้งยังได้บำเหน็จมาไม่น้อย พระชายาจิ้นอ๋องที่เดิมหงุดหงิดอยู่แล้วก็ยิ่งไม่พอใจ เมื่อไรกันที่เสิ่นซื่อผู้นี้ตามราวี อยู่ในจวนเงียบๆ ไม่ได้หรือไร ฐานะเดิมไม่ดีก็สายตาสั้นหลงใหลในเกียรติยศอันจอมปลอม
เมื่อได้ยินคนรับใช้ในจวนเอ่ยด้วยความอิจฉาว่าฮูหยินได้รับความโปรดปรานจากฮองเฮาเหนียงเหนียง ได้บำเหน็จมากน้อยเพียงใด ไฟโกรธเบื้องลึกในใจพระชายาจิ้นอ๋องก็เก็บไว้ไม่อยู่อีกต่อไป กระทั่งหน้ามืดใช้อุบาย ลดเงินเดือนของเรือนลูกเลี้ยงเสียเลย
เสิ่นเวยเห็นกับข้าวหร็อมแหร็มที่ส่งมา ก็ลูบจมูกหัวเราะ เถาจือที่ไปนำอาหารมาโมโหแทบตายอยู่แล้ว “ฮูหยินท่านยังหัวเราะอยู่อีก พวกนางกลั่นแกล้งคนเกินไปแล้ว”
เมื่อวานนางไปรับอาหารที่ครัวใหญ่ คนของครัวใหญ่ยังกระตือรือร้น เพิ่มตับห่านให้นางหนึ่งจาน ใครจะรู้วันนี้ไปอีกใบหน้าฝีปากนั้นกลับเปลี่ยนแล้ว ชี้ลวกๆ อย่างไม่แยแส “นั่น อาหารของคุณชายใหญ่กับฮูหยินใหญ่อยู่ตรงนั้น”
เถาจือมองดู กับข้าวธรรมดาสี่อย่าง ล้วนแต่เป็นผัก ไม่มีน้ำแกงแม้แต่ถ้วยเดียว ปกติสาวใช้ใหญ่หลายคนเช่นพวกนางยังกินดีกว่านี้ สีหน้าของนางก็ไม่ดีทันที คิดว่าฮูหยินเพิ่งแต่งเข้ามา นางจึงยกยิ้มถามหนึ่งประโยค “ใช่เข้าใจผิดแล้วหรือไม่” ดวงตาจ้องมองอาหารชั้นดีเต็มโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง
แม่บ้านหม่าในครัวชายตามองปราดหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด “แม่นางเถาจือไม่ต้องมองหรอก ไม่ผิด อาหารของคุณชายใหญ่กับฮูหยินใหญ่ก็คือชุดนี้ เจ้าเองก็รู้ ช่วงนี้แห้งแล้ง เก็บเงินไว้หมดซื้ออะไรไม่ได้ ทำอาหารเหล่านี้ได้ก็ไม่ง่ายอย่างยิ่งแล้ว คุณชายใหญ่กับฮูหยินใหญ่เป็นคนมีเหตุผลเพียงนั้น จะต้องเห็นใจความลำบากของบ่าวเช่นพวกเราแน่นอน”
เถาจือโมโหแทบแย่ ช่วงนี้แห้งแล้ง แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องเก็บเงินจนซื้ออะไรไม่ได้อย่างที่แม่บ้านหม่าว่า! นี่มันเจตนาชัดๆ
“เช่นนั้นอาหารเหล่านี้เล่า อย่าบอกว่าเป็นเงินเดือนของพวกท่านแม่บ้านหม่า” เถาจือชี้อาหารชั้นดีบนโต๊ะอีกฝั่งหนึ่งแล้วถามอย่างเย็นชา
แม่บ้านผู้นั้นหัวเราะเยาะเหยียดหยาม กล่าวอย่างไม่สนใจ “ดูแม่นางเถาจือพูดเข้า อาหารเหล่านี้ย่อมต้องเป็นเงินเดือนของพระชายา คุณชายใหญ่กับฮูหยินใหญ่เป็นชนรุ่นหลังไม่อาจแย่งผู้อาวุโสมิใช่หรือ”
“คุณชายใหญ่กับฮูหยินใหญ่ของพวกเราย่อมกตัญญูต่อท่านอ๋องพระชายา เพียงแต่ท่านอ๋องกับพระชายาเพียงแค่สองคน จะทานอาหารที่เยอะเพียงนี้หมดได้อย่างไร” เถาจือถามกลับ แม่บ้านหม่าผู้นี้เห็นชัดๆ ว่าหาข้ออ้างมาปฏิเสธ ท่านอ๋องพระชายาเป็นผู้อาวุโสอะไร คาดว่านายทั้งจวนต่างก็กินอาหารอันโอชะ กลั่นแกล้งแต่เรือนของพวกนางมากกว่ากระมัง
แม่บ้านหม่ากลอกตาทั้งคู่ “นี่ไม่ใช่ว่ายังมีฮูหยินซื่อจื่อกับฮูหยินสามอีกหรือ ฮูหยินซื่อจื่อมีคุณหนูอายุน้อยสองคน ฮูหยินสามตั้งครรภ์ อาหารมื้อนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องละเอียดหน่อยมิใช่หรือ ข้าคิดว่าฮูหยินใหญ่คงไม่ถึงกับแย่งอาหารของหลานสาวกับหญิงตั้งครรภ์หรอกกระมัง”
เถาจือโมโหจนตัวสั่นไปทั่วทั้งร่าง ตั้งใจแกล้งเรือนพวกนางจริงๆ ด้วย ฮูหยินเพิ่งจะแต่งเข้ามาได้ไม่กี่วันก็ถูกย่ำยีเช่นนี้แล้วหรือ เถาจืออยากจะตบหน้าแม่บ้านหม่าสักฉาดจริงๆ ทนแล้วทนอีกจึงควบคุมตัวเองไว้ได้ เพราะนางรู้ว่าแม่บ้านหม่าเป็นเพียงแม่บ้านในครัวใหญ่คนหนึ่ง ให้ความกล้ามหาศาลแก่นางก็ไม่กล้าเหยียดหยามนาย ข้างหลังนางจะต้องมีคนหนุนหลังแน่นอน คนผู้นี้เป็นใครในใจเถาจือย่อมรู้ดี
เพราะว่ารู้ดีนางจึงอดทนไม่ก่อเรื่อง แม้ฮูหยินจะบอกว่าขอเพียงแค่มีเหตุผลก็ไม่ต้องกลัวจะก่อเรื่อง แต่อย่างไรเสียนั่นก็คือแม่สามีของฮูหยิน!
“ได้ แม่บ้านหม่าพูดเองนะ” เถาจือวางกับข้าวจืดชืดไม่กี่จานนั้นเข้าไปในถาดแล้วถือออกไปอย่างรวดเร็ว นางกลัวว่าอยู่ต่อไปนางจะอดทำลายครัวใหญ่ไม่ได้
“ฮูหยิน ท่านไม่เห็นสีหน้าฝีปากของคนใช้กลุ่มนั้น นายทั้งจวนมีแต่เรือนพวกเราที่ถูกลดเงินเดือน เห็นชัดๆ ว่ากลั่นแกล้งท่าน บ่าว บ่าวอดโมโหไม่ได้” เถาจือยังคงฉุนเฉียว
เสิ่นเวยมองสวีโย่วอย่างอดไม่ได้ “แม่เลี้ยงท่านเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ช่วงนี้ดูเหมือนข้าไม่ได้หาเรื่องนางนี่” ทันใดนั้นก็กล่าวอย่างคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ “หรือว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงเรียกข้าเข้าวังเลยขัดตานาง”
เห็นสวีโย่วพยักหน้า เสิ่นเวยก็อดก่ายหน้าผากไม่ได้ “ใจแคบเกินไปแล้ว!” อุบายแค่นี้ อนุภรรยาเหล่านั้นที่เรือนหลังจวนจิ้นอ๋องก็ไร้ประโยชน์เกินไปหน่อยแล้วกระมัง
ทั่วทั้งร่างสวีโย่วถูกความเย็นเยียบแผ่ซ่าน ถือถาดอาหารกำลังจะเดินออกไปข้างนอก เสิ่นเวยรีบเรียกเขาไว้ “เดี๋ยวๆๆ ท่านจะไปไหน”
สวีโย่วชะงักฝีเท้า แต่ไม่หันหน้ากลับมา “เอาอาหารนี้ไปมอบให้เสด็จพ่อทาน” เขารู้สึกว่าบนใบหน้าร้อนผ่าว เพิ่งจะพูดไปว่าจะทำให้เวยเวยมีชีวิตที่สงบสุข วันนี้กลับถูกตบหน้าแล้ว
“กลับมา กลับมา” เสิ่นเวยจนใจทั้งใบหน้า “ดูสิท่านใจร้อนแบบนี้ ต้องแก้”
สวีโย่วไม่ขยับ เสิ่นเวยทำได้เพียงก้าวเข้าไปดึงเขากลับมา แย่งถาดอาหารในมือเขามาวางไว้บนโต๊ะ “ท่านเอาแต่จะไปทะเลาะกับเสด็จพ่อไม่ได้ แสดงความกตัญญูไม่ได้มีเพียงวิธีนี้วิธีเดียว”
“พี่เฉินเล่า ให้นางพาคนสองคนออกจวนไปเลือกซื้อวัตถุดิบ แม่นมมั่ว เจ้าไปสั่งอาหารดีๆ สี่ชุดที่เหลาสุราด้วยตัวเอง หากมีคนถามก็บอกว่าจวนจิ้นอ๋องลดค่าใช้จ่าย ข้าฮูหยินเป็นห่วงผู้อาวุโส สงสารหลานสาวอายุน้อยกับน้องสะใภ้สามที่ตั้งครรภ์อยู่ ควักเงินสินเดิมมาจ่ายเอง” เสิ่นเวยขึ้นเสียงสั่ง
สวีโย่วเข้าใจเจตนาของนางทันที คิ้วขมวดมุ่น “เหตุใดถึงไม่สั่งอีกชุดเล่า” เขาชายตามองถาดอาหารบนโต๊ะ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เสิ่นเวยกล่าว “ท่านคงไม่คิดว่าข้าจะกินของพวกนี้หรอกกระมัง ไม่ใช่ว่าสั่งไว้สี่ชุดแล้วหรือ พอให้เรือนของพวกเรากินได้พอดี ส่วนเรือนอื่นๆ เลือกกับข้าวอย่างสองอย่างส่งไปเป็นพิธีก็พอแล้ว” ใครจะโง่ส่งไปจริงๆ เล่า
ใบหน้าที่เฉยชาของสวีโย่วกระตุกเล็กน้อย ใช่แล้ว เขาลืมไปได้อย่างไรว่าเด็กคนนี้ไม่ยอมเสียเปรียบที่สุด หลังจากนั้นก็ได้ยินเสิ่นเวยกล่าวต่อ “คุณชายใหญ่ ตอนที่ข้ากลับจวนโหวแรกๆ ก็เจอเรื่องแบบนี้เหมือนกัน รู้หรือไม่ว่าข้าจัดการอย่างไร ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “ข้าพังครัวใหญ่ บ่ายวันนั้นนายทั้งหมดในจวนจงอู่โหวไม่ได้กินข้าวตรงเวลา แต่ว่าคราวนี้ข้าไม่ได้คิดจะพังครัวใหญ่ ข้าคิดว่าให้พระชายาจัดการด้วยตัวเองตรงกับเจตนาของข้ามากกว่า”
ในเมื่อส่งมาถึงหน้าประตู เช่นนั้นข้าก็ไม่ถือสาจะตัดแขนเจ้าอีกข้าง ยายหม่าผู้นั้นเป็นผู้จงรักภัคดีของพระชายาจิ้นอ๋องนี่!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น