อัจฉริยะสมองเพชร 2248-2251

ตอนที่ 2248 รนหาที่ตาย!

 

ทั้งคู่ผ่านประตูบานหนึ่งเข้าไป แล้วสังเวียนประลองขนาดใหญ่ก็ปรากฏตรงหน้า ทั้งคู่เห็นภาพที่ทำให้จังงัง


มีนักรบมากกว่า 12 คนนอนแผ่อย่างอ่อนระโหยอยู่บนสังเวียนประลอง ทุกคนหน้าซีดเผือด ท่ามกลางคนเหล่านั้น ชายเสื้อคลุมสีขาวคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความเป็นผู้ชนะ


ราวครึ่งนาทีก่อน…


หลังจากการต่อสู้ทั้งหมดผ่านพ้นไป ก็เหลือเสิ่นถูเฟิงเพียงคนเดียว


“นี่คือผู้ติดโผการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้าของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนหรือ? ผมว่านะ…มันไม่ควรจะมีอีกแล้วล่ะถ้านักรบที่ติดโผมีความสามารถแค่นี้…”


น้ำเสียงของอ้าวหัวไม่ได้บ่งบอกการดูถูก มันเรียบเฉยราวกับเขากำลังพูดถึงข้อเท็จจริงธรรมดาๆข้อหนึ่ง


เขาไม่คิดว่า 10 อันดับแรกของผู้ติดโผการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้าจะอ่อนแอขนาดนี้ ดูเหมือนจัดอันดับไปก็ไร้ประโยชน์


“คุณจะรีบพูดไปหน่อยไหม? เอาชนะผมให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยพูด!” เสิ่นถูเฟิงคำราม


เพียง 2-3 นาที อ้าวหัวไม่เพียงแต่เอาชนะฉีเยว่ ยังรวมถึงนักรบอีก 7 คนใน 10 อันดับแรกด้วย เขาไม่ได้ใช้เทคนิคการต่อสู้ใดๆเลย อาศัยแค่พละกำลังของร่างกายเท่านั้น ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งขนาดไหน อ้าวหัวก็เล่นงานอีกฝ่ายได้ภายในกระบวนท่าเดียว


เรื่องนี้ชี้ชัดว่ากายเนื้อของอ้าวหัวเข้าถึงระดับที่เรียกว่าเป็นสุดยอด


“หยุดพล่ามแล้วดวลกันเสียทีดีไหม?” อ้าวหัวพูดอย่างเคร่งขรึมขณะพุ่งเข้าใส่เสิ่นถูเฟิง


เสิ่นถูเฟิงสะบัดข้อมือและชักดาบออกมา เขาแทงมันออกไปด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง


ประกายเย็นเยียบของดาบแทบจะตัดอากาศให้ขาดด้วยความคมกริบของมัน


พละกำลังของผู้ที่ติดโผการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้านั้นถือว่าน่าทึ่ง กายเนื้อของเขามีประสิทธิภาพสูง ศิลปะเพลงดาบที่สำแดงออกมาก็ทรงพลังเสียจนแม้แต่ดาบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงของเขาก็แทบจะต้านทานความแข็งแกร่งนั้นไม่ได้


“น่าสนใจนี่!”


เห็นศิลปะเพลงดาบอันไร้เทียมทานของเสิ่นถูเฟิง อ้าวหัวไม่กล้าต่อสู้อย่างบุ่มบ่ามเหมือนเคย เขายับยั้งการโจมตีไว้และยืดแขนออกไป แขนนั้นกระตุกและเปลี่ยนสภาพกลายเป็นกรงเล็บมังกรขนาดใหญ่


ในชั่วพริบตา รังสีแรงกล้าก็ระเบิดออกมา ทำให้ทุกคนพากันหายใจหายคอไม่ออก


สายเลือดมังกรเลือดบริสุทธิ์!


ดาบของเสิ่นถูเฟิงถูกกรงเล็บมังกรเล่นงานอย่างหนัก เสียงเคร้งของโลหะดังก้องไปทั่ว ไม่ว่าเสิ่นถูเฟิงจะออกแรงมากแค่ไหนก็ไม่อาจแทงทะลุเกล็ดเหล่านั้นได้


กายเนื้อที่มีวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้า? เสิ่นถูเฟิงตัวเย็นเฉียบ


หลังจากได้สู้กับอ้าวหัวตัวต่อตัว เขาจึงรู้ว่าอีกฝ่ายน่าสะพรึงแค่ไหน


นั่นอธิบายได้เลยว่าทำไมอ้าวหัวถึงเอาชนะนักรบอีก 9 คนได้ด้วยการใช้พละกำลังของร่างกายเพียงอย่างเดียว อันที่จริง ลำพังกายเนื้อของเขาก็เทียบได้กับของล้ำค่าระดับราชันย์เทพเจ้าแล้ว


ไม่สิ คงไม่ใช่น่ะ เราคิดว่าคงมีแค่กรงเล็บของเขาเท่านั้นที่มีวรยุทธถึงขั้นราชันย์เทพเจ้า ส่วนกายเนื้อน่าจะยังเทียบเท่ากับของล้ำค่าระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงอยู่ แต่แค่นี้ก็น่ากลัวแล้ว เสิ่นถูเฟิงคิด


ถ้าทั้งเนื้อทั้งตัวของอ้าวหัวมีวรยุทธเทียบเท่ากับราชันย์เทพเจ้า คงไม่มีทางที่เขาจะเป็นแค่ผู้รั้งอันดับ 9 ของน่านฟ้ามังกรเมฆ เพราะแค่กรงเล็บอันเดียวก็มีประสิทธิภาพเกินพอแล้ว


สมกับที่เป็นมังกรสายเลือดบริสุทธิ์


สายเลือดนี้น่าเกรงขามเหลือเกิน นักรบคนไหนที่ต้องเผชิญหน้ากับมันก็ล้วนแต่สิ้นหวัง


หลังจากปะทะกันอีกหลายครั้ง ดาบในมือของเสิ่นถูเฟิงก็แหลกละเอียดก่อนที่เขาจะถูกกระแทกอย่างจังเข้าที่หน้าอก จากนั้นก็เหมือนกับคนอื่นๆ เขาล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง


เสิ่นถูเฟิงยกมือกุมหัวใจไว้แน่น เขาหอบหายใจหนักหน่วง พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว


ทั้งที่เป็นผู้รั้งอันดับ 1 ของการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้า แต่เขาก็สู้อ้าวหัวไม่ได้!


“น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนทำได้เท่านี้หรือ?” อ้าวหัวส่ายหน้าอย่างผิดหวัง


ในตอนนั้น สองร่างก็เดินเข้ามา


จางเซวียนกับฉีหลิงเอ๋อ


“ดูเหมือนเราจะมาได้เวลาพอดี พวกเขากำลังต่อสู้กันเพื่อจัดอันดับ!” จางเซวียนตาโตด้วยความยินดีปรีดา


เขายังกังวลอยู่ว่าคงต้องรอนานกว่าจะมีใครสักคนตอบรับคำท้าดวล ใครจะไปรู้ว่าจะได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งอยู่ในสังเวียนประลองแล้ว ซึ่งเท่าที่เห็น ดูเหมือนพวกเขาเพิ่งเสร็จสิ้นการดวลไปหมาดๆ


ถ้าอย่างนั้น เขาก็แค่ท้าทายผู้ที่ยังยืนอยู่เพื่อเข้าแทนที่อันดับของอีกฝ่าย


ง่ายดายเหลือเกิน!


เขายังดวงดีไม่น้อยทีเดียว!


“ผมเห็นแล้วว่าคุณเอาชนะคู่ต่อสู้ได้หลายคน คุณคงแข็งแกร่งไม่เบา” จางเซวียนพูดขณะชำเลืองมองผู้บาดเจ็บที่นอนระเกะระกะอยู่บนสังเวียนประลอง


ขนาดฉีเยว่ซึ่งรั้งอันดับ 6 ก็ยังพ่ายแพ้ นั่นหมายความว่าชายเสื้อคลุมสีขาวที่ยืนอยู่บนเวทีมีอันดับสูงกว่านั้นอีก ใช่ไหม?


แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาไม่ได้อยากเป็นอันดับ 1 ของการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้าอยู่แล้ว ทั้งหมดที่ต้องการก็แค่สิทธิ์ในการเข้าใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่เท่านั้น


“ไอ้งั่งใจกล้าอีกคนหนึ่งสินะ?”


เห็นชายหนุ่มเดินตรงเข้าหาเขาโดยปราศจากความกลัว อ้าวหัวระเบิดเสียงหัวเราะ เขามองชายหนุ่มและถามเย้ย “คุณคิดจะท้าดวลกับผมหรือ?”


“ใช่ อันดับของคุณในการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้าคือเท่าไหร่? ต้องขออภัยด้วยที่พูดแบบนี้ แต่ผมไม่อยากเสียเวลาสู้กับใครที่อยู่ในอันดับเกินกว่า 30” จางเซวียนตอบ


แม้ฉีเยว่ซึ่งรั้งอันดับ 6 จะนอนแผ่ แต่จางเซวียนก็ไม่มีทางรู้ว่าเป็นฝีมือของชายเสื้อคลุมสีขาวคนนี้หรือไม่ ทั้งยังไม่เห็นราชันย์เทพเจ้าผู้ดูแลสังเวียนเลยสักคน จึงไม่แน่ใจว่าการดวลที่เพิ่งจบลงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับหรือเปล่า


ดังนั้น พูดจากับชายเสื้อคลุมขาวให้เข้าใจกันเสียก่อนย่อมดีกว่า


อ้าวหัวคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มผู้มาใหม่จะโอหังยิ่งกว่าตัวเขา สีหน้าของเขาเคร่งเครียด นัยน์ตาเย็นเยียบขณะตอบว่า “ผมรั้งอันดับ 9”


“ไม่แปลกใจแล้ว…” จางเซวียนพยักหน้า


เป็นไปได้ว่านักรบอันดับ 9 คนนี้น่าจะประสบความโชคดีบางอย่างที่ทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าที่เคย ถึงขนาดที่ฉีเยว่ซึ่งรั้งอันดับ 6 ก็สู้ไม่ได้


เห็นชายหนุ่มจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองโดยไม่ใส่ใจเขา อ้าวหัวออกจะหงุดหงิด


“คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร? ผมคือ…”


“ไม่เป็นไร ไม่ต้องลำบากลำบนแนะนำตัวหรอก ขอแค่คุณอยู่ใน 30 อันดับแรก ก็ไม่แตกต่างอะไรสำหรับผม” จางเซวียนตอบยิ้มๆ


เขากระโจนขึ้นไปบนเวที จากนั้นก็โบกมือและถามว่า “เราจะเริ่มกันได้หรือยัง?”


“ไอ้หนุ่มโอหัง คงอยากถูกซ้อมเต็มทีสินะ!”


อ้าวหัวรู้ว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะเล่นงานชายหนุ่มโอหังคนนี้ก็คือใช้พละกำลังเหนือชั้นจากหมัดของเขา จึงกระทืบเท้าอย่างแรงและพุ่งเข้าใส่จางเซวียนด้วยความเร็วสูงราวกับทะลุมิติ


ภาพนั้นทำให้จางเซวียนตาโต


สมกับเป็นนักรบที่รั้งอันดับสูงของการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้า ความเร็วของเขาเหนือชั้นกว่านักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงทั่วไปเสียอีก!


จางเซวียนไม่หลบ เขาก้าวออกไปเพื่อเผชิญหน้ากับแรงโถมของอ้าวหัว


จางเซวียนกำลังอยากให้การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการประชันประสิทธิภาพของกายเนื้ออยู่พอดี จึงเรียกได้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเขา เพราะจุดอ่อนของเขาในเวลานี้คือระดับวรยุทธของจิตวิญญาณ


เสิ่นถูเฟิงที่นอนแผ่อยู่กับพื้นถึงกับตกตะลึงที่เห็นชายหนุ่มกล้าประจันหน้ากับอ้าวหัว เขาพยายามกล้ำกลืนความเจ็บปวดแสนสาหัสเอาไว้แล้วตะโกนออกไปเพื่อเตือนชายหนุ่ม “อย่าประจันหน้ากับการโจมตีของเขา!”


อ้าวหัวคือผู้เชี่ยวชาญของน่านฟ้ามังกรเมฆซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ประสิทธิภาพของกายเนื้อ การใช้กำลังปะทะกับหมอนั่นย่อมไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย!


ขณะที่ทุกคนคิดว่าจางเซวียนจะต้องถูกอ้าวหัวเล่นงานยับเหมือนพวกเขา เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น


พลั่ก!


พละกำลังที่ไม่มีใครต้านทานได้ของอ้าวหัวปะทะร่างของจางเซวียนอย่างจัง แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ดูเหมือนแรงปะทะนั้นจะตีกลับเข้าใส่ตัวเขา ทำให้ร่างของอ้าวหัวกระเด็นไปและร่วงลงมากระแทกพื้น


“อะไรกัน?” เสิ่นถูเฟิงกับคนอื่นๆที่ยังไร้เรี่ยวแรงพากันตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ


อ้าวหัวใช้กระบวนท่าเดียวกันกับที่เล่นงานพวกเขาจนราบคาบไปเมื่อครู่ ไม่นึกเลยว่าชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาก็ใช้กระบวนท่าแบบเดียวกันนั้นปราบอ้าวหัวได้


เอาชนะปีศาจจากน่านฟ้ามังกรเมฆด้วยการประชันประสิทธิภาพของกายเนื้อ…


สุดแสนจะเหลือเชื่อ!


อ้าวหัวก็งุนงงกับสถานการณ์ที่พลิกผัน เขาเงยหน้าขึ้นประเมินคู่ต่อสู้ เห็นอีกฝ่ายเอี้ยวคอซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังอบอุ่นร่างกาย


ชายหนุ่มมองมาที่เขาด้วยนัยน์ตาเปี่ยมความกระตือรือร้นขณะพูดว่า “น่าทึ่งมาก! คุณฝึกฝนกายเนื้อมาอย่างดีทีเดียว มาเถอะ ดวลกันต่อ อย่ามองผมด้วยสายตาตกอกตกใจแบบนั้น…ผมยังไหว และจะปล่อยให้คุณทำทุกอย่างตามใจ ตกลงไหม?”


ตั้งแต่ผ่านการบ่มเพาะร่างกาย จางเซวียนยังไม่พบอาวุธชิ้นไหนที่แทงทะลุผิวหนังของเขาได้ จึงไม่อาจระบุประสิทธิภาพของเส้นสายสีทองที่ซ่อนอยู่ในกล้ามเนื้อของเขา


กว่าจะพบคู่ต่อสู้สักคนที่มีกายเนื้อแข็งแกร่งพอก็ไม่ง่าย เพราะฉะนั้น ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยโอกาสทองในการทดสอบความแข็งแกร่งของกายเนื้อให้หลุดมือไป


“คุณ…”


อ้าวหัวโมโหจนแทบบ้า


นี่คุณพยายามจะเยาะเย้ยผมด้วยการบอกว่าผมไม่มีทางทำให้คุณบาดเจ็บได้ใช่ไหม?


ไอ้สารเลว! แกกล้าเย้ยหยันคนของเผ่าพันธุ์มังกรแบบฉันได้อย่างไร?


ให้อภัยไม่ได้!


อ้าวหัวใช้มือยันพื้นเพื่อลุกขึ้นยืน เขาก้าวยาวๆออกไปและพุ่งเข้าใส่จางเซวียนด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า


ขณะที่กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ เกล็ดก็เริ่มปรากฏบนผิวหนังของเขา มันคือการแปรสภาพร่างกายบางส่วนของเผ่าพันธุ์มังกรเมฆ


เทคนิคนี้คือการป้องกันตัวที่ทำให้ผู้นั้นปกป้องตัวเองจากการถูกโจมตีร่างกายได้ ความทนทานของเกล็ดจะทำให้ผิวหนังแข็งแกร่งจนไม่มีดาบหรือหอกเล่มไหนสามารถแทงทะลุ


นักรบทั่วไปไม่อาจฝ่าด่านการป้องกันตัวแบบนี้ได้เลย


แต่ขณะที่อ้าวหัวโถมตัวเข้าใส่จางเซวียนอีกครั้ง ความเจ็บปวดแสนสาหัสแบบเดิมก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เขารู้สึกราวกับกระดูกซี่โครงทั้งหมดถูกหักเป็นท่อนๆ อ้าวหัวถูกสอยกระเด็นไปอีกครั้ง


“โอ้โห! คราวนี้ดีกว่าเดิมอีกนะ ไม่เลวเลย ดูเหมือนคุณก็ทำได้ถ้าตั้งใจจริง มาเถอะ ลองอีกสักครั้งหนึ่ง ขอแค่คุณทำให้ผมบาดเจ็บได้ ผมก็ไม่รังเกียจที่จะมอบเงินให้หรือแม้แต่รับคุณเป็นศิษย์!” จางเซวียนพูดอย่างตื่นเต้น

 

 

 


ตอนที่ 2249 เลิกเพ้อฝันเสียที!

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบคู่ต่อสู้ที่สามารถบ่มเพาะกายเนื้อของตัวเองจนถึงระดับที่ตัวเขามองว่าน่าพอใจ…


ที่สำคัญ ชายเสื้อคลุมสีขาวคนนี้ก็ยังอายุไม่มาก


ดูเหมือนสรวงสวรรค์จะมีผู้เชี่ยวชาญซ่อนตัวอยู่มากมาย!


ชายเสื้อคลุมขาวคนนี้ปราดเปรื่องกว่าจัวเหยียนมาก บางทีอาจมีสติปัญญาดีพอที่จะเป็นลูกศิษย์ของเขา


“แกมันชั่วช้า รนหาที่ตายแล้ว!” อ้าวหัวโมโหจนตัวแทบระเบิด


เขามาที่นี่เพื่อท้าทายผู้ที่ติดโผการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้าของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ซึ่งเมื่อเขาเอาชนะเสิ่นถูเฟิงผู้รั้งอันดับ 1 ได้อย่างง่ายดาย ก็เหมาว่านักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างของที่นี่คงไม่ได้เรื่อง


ใครจะไปคิดว่าหลังจากนั้นจะต้องเจอกับปีศาจตนนี้?


ไม่เพียงแต่กายเนื้อของหมอนี่จะแข็งแกร่งเสียจนไม่มีทางเอาชนะได้ ความโอหังของเขายังเป็นที่สุดด้วย กล้าพูดว่าจะรับคู่ต่อสู้เป็นศิษย์หากสามารถทำให้เขาบาดเจ็บ…


บ้าที่สุด! คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าพูดอะไรแบบนี้?


เลิกเพ้อฝันเสียที!


“ฮะ…” เสิ่นถูเฟิงกับคนอื่นๆแทบคลั่ง


พวกเขาคิดว่าอ้าวหัวหลงตัวเองสุดๆแล้ว แต่ยังมีคนอาการหนักกว่า!


“เป็นเขานี่เอง…”


ฉีเยว่ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บที่นอนแบ็บอยู่กับพื้นจดจำจางเซวียนได้ เขากำหมัดแน่นและกลั้นใจ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง


แม้แทบทุกคนในเมืองหลวงจะเคยได้ยินชื่อจางเซวียน แต่มีน้อยคนมากที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา ซึ่งฉีเยว่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้เห็นกับตาว่าบรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลฉีทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าจางเซวียนและเรียกเขาว่า ‘จอมราชันย์’!


คนระดับนี้จะพ่ายแพ้ให้กับเทพเจ้าสวรรค์สร้างจากน่านฟ้ามังกรเมฆได้อย่างไร?


“ฉันจะฆ่าแก!”


คราวนี้อ้าวหัวตัดสินใจทุ่มสุดตัว


ฝ่ามือของเขาแปรสภาพเป็นกรงเล็บมังกรอีกครั้ง เขาตะปบกรงเล็บเข้าใส่จางเซวียน


“เอ๊ะ? คุณคืออสูรสวรรค์สร้างที่แปลงร่างได้หรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


เพราะการดวลครั้งนี้เป็นแค่การดวลทั่วๆไป จางเซวียนจึงไม่คิดจะใช้ดวงตาหยั่งรู้กับหอสมุดเทียบฟ้า เลยเพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นว่าตัวตนที่แท้จริงของคู่ต่อสู้ของเขาคืออสูรสวรรค์สร้าง


“ก็แล้วไง? คุณจะร้องขอความเมตตาตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ!”


อ้าวหัวคำรามก้องและตวัดกรงเล็บเข้าใส่หัวไหล่ของจางเซวียน ซึ่งจางเซวียนก็ทำแบบเดิม เขาไม่คิดจะหลบ


เสียงกระดูกแหลกละเอียดดังก้อง จางเซวียนมองหัวไหล่ของเขา เห็นเสื้อคลุมฉีกขาดจนเห็นผิวหนัง มีปื้นยาวสีขาวปรากฏ ซึ่งอีกนิดเดียวก็ดูเหมือนเลือดจะออก


“เยี่ยมเลย!” จางเซวียนอุทานอย่างตื่นเต้น


แต่ทันทีที่พูดจบ ปื้นสีขาวก็หายวับไป ราวกับไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน


ดูเหมือนความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายของเขาจะทรงพลังมาก ปื้นสีขาวนั่นไม่ลึกพอที่จะคงสภาพอยู่ได้แม้เสี้ยววินาที เขาจึงไม่มีโอกาสทดสอบประสิทธิภาพของเส้นสายสีทอง


จางเซวียนเงยหน้าอย่างร้อนใจและเร่งอ้าวหัว “การโจมตีครั้งก่อนน่ะ คุณทำได้ดีมาก มาเถอะ ลองอีกที ผมจะยืนนิ่งๆและปล่อยให้คุณเล่นงานผม ถ้าผมหลบล่ะก็ ปรับแพ้ได้เลย!”


“อ๊ากกกก! ฉันจะฆ่าแก!”


อ้าวหัวกุมศีรษะเหมือนคนบ้า


จางเซวียนถูกตะปบครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งอ้าวหัวก็ปล่อยพละกำลังเต็มพิกัดทุกครั้ง เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี ปื้นสีขาวหลายปื้นปรากฏบนผิว แต่เลือดก็ไม่ออก แถมปื้นเหล่านั้นยังหายไปทันทีหลังจากปรากฏได้เพียงครู่เดียว ราวกับอ้าวหัวช่วยเกาให้


ครู่ต่อมา อ้าวหัวก็ถอดใจด้วยความสิ้นหวัง เขามองร่างกายที่ไร้รอยขีดข่วนของจางเซวียนก่อนจะสำรวจกรงเล็บของตัวเอง จากนั้นก็ร้องโหยหวน


ร่างของอีกฝ่ายเหมือนหินผาที่ไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนได้ไม่ว่าเขาจะออกแรงแค่ไหน


การตะปบซ้ำๆทำให้เล็บของเขาฉีก แถมเกล็ดก็หลุดออกมา ราวกับเขาคือผู้ถูกทำร้ายเสียเอง


ขณะที่อ้าวหัวเงยหน้ามองชายหนุ่มอีกครั้ง อีกฝ่ายก็ดูจะตื่นเต้นหนักกว่าเดิม “เร็วเข้า เอาอีกที คุณแค่ต้องออกแรงเพิ่มสักหน่อย รู้หรือเปล่าว่าเกือบทำให้ผมเลือดไหลได้แล้ว!”


อ้าวหัวถึงกับเซ คุณดูไม่ออกหรือไงว่าผมพยายามจะฆ่าคุณ? ช่วยหยุดแนะนำผมสักที ทำอย่างกับเรากำลังจีบกันอย่างนั้นแหละ!


มังกรก็มีศักดิ์ศรีนะ!


คราวนี้คุณทำให้ผมโมโหจริงๆแล้ว!


อ้าวหัวคำรามก้องเสียจนทั้งสังเวียนประลองสั่นสะท้าน เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดขณะกลายสภาพเป็นมังกรตัวมหึมาที่มีความยาวหลายร้อยเมตร เขาขดตัวอยู่กลางอากาศเหนือตำหนักบาดาล ราวกับเทพเจ้าที่กำลังก้มลงมองพื้นโลก


“เดี๋ยวก่อน คุณคือมังกรสายเลือดบริสุทธิ์หรือ?” จางเซวียนผงะ


พูดกันตามตรง เขานึกว่าอีกฝ่ายเป็นแค่อสูรสวรรค์สร้างธรรมดา จึงแข็งแกร่งกว่านักรบโดยทั่วไปอยู่สักหน่อย ไม่เคยคิดสักนิดว่าหมอนี่คือสมาชิกของเผ่าพันธุ์มังกร!


เขาเคยได้ยินเรื่องเผ่าพันธุ์มังกรตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่เผ่าพันธุ์มังกรส่วนใหญ่ที่เขาได้พบก็เป็นแค่สายเลือดรุ่นหลังซึ่งไม่ได้มีสายเลือดบริสุทธิ์ แม้แต่ในมิติเบื้องบน ก็เจอแค่เผ่าพันธุ์เสมือนมังกรเท่านั้น


ในเมื่อหมอนี่กลายร่างเป็นอสูรทรงพลังได้ ก็ชัดเจนว่าเขาคือมังกรสายเลือดบริสุทธิ์


“ก็ใช่น่ะสิ! ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าคุณทำอะไรลงไป? คุณเหยียดหยามมังกรสายเลือดบริสุทธิ์ เตรียมตัวเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของเผ่าพันธุ์มังกรได้เลย!” อ้าวหัวตวาดก้องขณะพ่นเปลวไฟออกมาปกคลุมท้องฟ้าเหนือตำหนักบาดาล


เปลวเพลิงลามไปทั่วห้องอย่างรวดเร็วจนทุกคนทำอะไรไม่ถูก


“พวกเราจบเห่แน่…”


เสิ่นถูเฟิงกับคนอื่นๆหน้าซีดด้วยความพรั่นพรึง


ลมหายใจมังกรคือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดที่เผ่าพันธุ์มังกรใช้ มีอานุภาพรุนแรงกว่ากรงเล็บเสียอีก ลมหายใจมังกรของมังกรเลือดบริสุทธิ์ที่มีวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงตัวหนึ่งรุนแรงพอที่จะเอาชนะได้แม้แต่ราชันย์เทพเจ้า!


จางเซวียนทำเกินไปแล้วที่เย้ยหยันอ้าวหัวแบบนี้


เขาควรจะรู้จักยับยั้งชั่งใจบ้าง แต่กลับยั่วโมโหอ้าวหัวจนอีกฝ่ายเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงและใช้ไม้ตายขั้นสูงสุด แล้วพวกเขาจะรับมือกับความรุนแรงระดับนี้ได้อย่างไร?


ต่อให้นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่อาจต้านทานพละกำลังระดับนี้ได้


“นายน้อยจาง?” ฉีหลิงเอ๋อพึมพำอย่างหวาดหวั่น


ยังไม่ทันที่เธอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จางเซวียนก็ตั้งต้นต่อสู้กับชายที่อยู่บนสังเวียนเสียแล้ว ตอนแรกเธอก็ออกจะหวั่นใจ แต่เมื่อเห็นจางเซวียนถือไพ่เหนือกว่า ก็ตัดสินใจปล่อยให้เป็นไปตามนั้น


แต่ทันทีที่ชายเสื้อคลุมขาวกลายร่างเป็นมังกร เธอก็รู้เลยว่าทุกคนคงจบเห่


มังกรสายเลือดบริสุทธิ์คือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และอ้าวหัวคือมังกรสายเลือดบริสุทธิ์ผู้รั้งอันดับ 9 ในเผ่าพันธุ์ของเขา เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงมาก


ทุกคนตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก แต่จางเซวียนไม่ได้แสดงความวิตกแม้แต่น้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักรบที่แข็งแกร่งระดับนี้ เขากลับลูบคางอย่างครุ่นคิดขณะเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา


ว่ากันว่าแปดโน้ตมังกรสวรรค์มีอานุภาพต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่มีสายเลือดมังกร เราสงสัยว่ามันจะใช้ได้ผลกับมังกรสายเลือดบริสุทธิ์หรือเปล่า…แต่นั่นแหละ ก็ต้องลองดูสักหน่อย คงไม่เสียเวลาเท่าไหร่…


เมื่อคิดได้ จางเซวียนเงยหน้า และ…


“มู! มู!”


พลั่ก!


มังกรตัวมหึมากลางอากาศที่กำลังพ่นลมหายใจฟืดฟาดเพื่อสังหารทุกคนดูเหมือนจะถูกกระแทกด้วยอะไรสักอย่าง มันหน้าซีดเผือดขณะร่วงลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ร่างยาวเฟื้อยบิดไปมาไม่หยุด


อ้าวหัวดูเหมือนกิ้งก่าที่ถูกไฟช็อต


“ฮะ?”


บริเวณนั้นเงียบกริบ


เสิ่นถูเฟิง ฉีเยว่ และคนอื่นๆตกตะลึงจนพูดไม่ออก หลายคนทึ้งผมออกมาทั้งกระจุกโดยไม่รู้ตัว


ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนออกอาการแบบนั้น


กิ้งก่าตัวใหญ่ที่ชักดิ้นชักงออยู่กับพื้นคือผู้รั้งอันดับ 9 ของการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้าแห่งน่านฟ้ามังกรเมฆ ซึ่งแม้แต่ผู้รั้งอันดับ 1 อย่างเสิ่นถูเฟิงก็เทียบชั้นไม่ได้


พวกเขาคิดว่าคราวนี้น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนคงถูกเหยียดหยามยับเยิน กลายเป็นตัวตลกของทั้ง 9 น่านฟ้า ใครจะคิดว่าผู้ช่วยชีวิตจะปรากฏตัวในเวลานี้?


ไม่เพียงแต่เขาจะใช้พละกำลังของกายเนื้อปราบอ้าวหัวได้ ยังส่งเสียงคำรามจนทำให้อีกฝ่ายชักดิ้นชักงอทั้งที่กลายร่างเป็นมังกรแล้ว!


เขาทำได้อย่างไร?


“มันคือแปดโน้ตมังกรสวรรค์…”


“ผมเข้าใจว่ามังกรสายเลือดบริสุทธิ์ทุกตัวเปล่งเสียงนั้นได้ แต่ทำไมอ้าวหัวถึงชักกระตุกแบบนี้?”


“คุณพูดถูกที่ว่ามังกรสายเลือดบริสุทธิ์ทุกตัวเปล่งเสียงแปดโน้ตมังกรสวรรค์ได้ แต่ดูเหมือนภาษาที่ใช้จะมีหลายระดับขั้น เรื่องนี้มีตำนาน แต่ผมก็ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร…”


“ตำนาน?”


“ว่ากันว่าเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่สวรรค์กับโลกเพิ่งแยกออกจากกันและโลกกำลังปั่นป่วนอย่างหนัก ดินแดนทางทิศตะวันออกสั่นสะเทือนเพราะแรงดึงดูดจากดวงอาทิตย์ที่ขึ้นทางทิศตะวันออก ในตอนนั้น จอมราชันย์มังกรเมฆปรากฏตัวและตรึงดินแดนดังกล่าวให้หยุดนิ่งอยู่กับที่ เขาพินิจพิจารณาสภาวะของโลกและสร้างแปดโน้ตมังกรสวรรค์ขึ้นมา มังกรสายเลือดบริสุทธิ์ทุกตัวสามารถเปล่งเสียงตัวโน้ตทั้งแปดได้ แต่ประสิทธิภาพของเสียงเหล่านั้นขึ้นอยู่กับความกลมกลืนระหว่างตัวโน้ตกับธรรมชาติซึ่งเป็นผลมาจากระดับความบริสุทธิ์ของสายเลือด”


“จอมราชันย์มังกรเมฆไม่เหมือนกับจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นที่ดำเนินชีวิตโดยไร้ความปรารถนาใดๆ เป็นที่รู้กันว่าเขามีทายาทมากมาย มีลูกชายทั้งหมด 9 คน ซึ่งนั่นคือที่มาของคำว่า ‘บุตรทั้ง 9 ของมังกร’…”


“ใช่ หลายปีที่ผ่านมานี้ ครอบครัวของเขาขยายกิ่งก้านสาขาออกไปอีกหลายชั่วคน แม้ทายาทรุ่นปัจจุบันจะยังถือว่าเป็นมังกรสายเลือดบริสุทธิ์ แต่สายเลือดของพวกเขาก็เบาบางจนแทบไม่น่าเชื่อ ด้วยเหตุนี้ หากพวกเขาเผชิญหน้ากับมังกรสายเลือดบริสุทธิ์ที่มีความบริสุทธิ์ของสายเลือดมากกว่า และผู้นั้นเปล่งเสียงแปดโน้ตมังกรสวรรค์ ก็จะรู้สึกถึงความคับข้องภายในอันเป็นผลจากระดับความเข้มข้นของสายเลือดที่แตกต่างกัน…”


“ผมเข้าใจแล้ว หมายความว่าชายหนุ่มคนนั้นคือผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งของเผ่าพันธุ์มังกรเช่นกัน และน่าจะมีสายเลือดที่บริสุทธิ์กว่าอ้าวหัวใช่ไหม?”


เสิ่นถูเฟิงกับคนอื่นๆที่ยังนอนแผ่เริ่มกระซิบกระซาบกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ส่วนฉีเยว่กับฉีหลิงเอ๋อก็จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยนัยน์ตาเบิกโพลง ทั้งคู่อดสงสัยไม่ได้ว่ากำลังฝันไปหรือเปล่า


บรรพบุรุษเก่าแก่บอกไว้ว่าเขาคือเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ๆถึงไปเกี่ยวข้องกับน่านฟ้าแห่งมังกรเมฆ?


เขามีกี่ตัวตนกันแน่?


เป็นไปได้ไหมที่ใครสักคนซึ่งครอบครองสายเลือดจอมราชันย์จะเปลี่ยนแปลงสภาวะโดยธรรมชาติของสายเลือดของเขาได้อย่างฉับพลัน?


ดูๆไปก็ยิ่งเหลวไหลขึ้นทุกที!

 

 

 


ตอนที่ 2250 บรรพบุรุษ

 

ถ้าพวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าทั้งเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณและจอมราชันย์มังกรเมฆล้วนเป็นชาย คงสงสัยว่าทั้งคู่แอบมีความสัมพันธ์ลับๆกันหรือเปล่า!


ส่วนจางเซวียนที่อยู่บนสังเวียนประลองก็ยังไม่รู้ตัวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงครั้งใหญ่ เขาเดินตรงเข้าหามังกรตัวมหึมาที่ยังคงชักกระตุกและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายซึ่งแทบจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเขาเสียอีก จากนั้นก็เอ่ยถาม “ว่าอย่างไร? จะยอมแพ้ไหม? ผมน่ะอยากเล่นกับคุณอีกสักรอบ แต่พอดีมีธุระต้องทำ…”


ทั้งๆที่ยังชักกระตุก แต่มังกรตัวมหึมาก็เริ่มลดขนาดลงจนสุดท้ายก็กลายร่างกลับเป็นมนุษย์


อ้าวหัวกัดริมฝีปากอย่างร้อนใจ เขารีบทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นและโค้งคำนับ “ศิษย์น้องอ้าวหัวคารวะบรรพบุรุษ!”


“บรรพบุรุษ?” จางเซวียนงง


เกิดอะไรขึ้นล่ะนี่?


เขาก็แค่ทดสอบดูว่าแปดโน้ตมังกรสวรรค์มีผลต่อมังกรสายเลือดบริสุทธิ์หรือเปล่า ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะใช้ได้ผลดีขนาดนี้ เพราะไม่เพียงแต่คู่ต่อสู้ของเขาจะร่วง ยังแถมเรียกเขาว่าบรรพบุรุษด้วย


การต่อสู้เมื่อครู่นี้ทำให้สมองของหมอนี่กระทบกระเทือนหรือไง?


จางเซวียนงง แต่ก็คุ้นชินกับสถานการณ์พิลึกพิลั่นแบบนี้ จึงไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เขาพยักหน้า “ตอนนี้ผมเข้าแทนที่อันดับ 9 ของคุณในการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้าได้แล้วใช่ไหม?”


“เอ่อ…” อ้าวหัวมองหน้าจางเซวียนด้วยแววตาสงสัยระคนหวาดกลัว เขาเอ่ยถามอย่างลังเล “คะ-คุณไม่เคยเข้าร่วมการทดสอบที่น่านฟ้ามังกรเมฆเลยหรือ?”


อีกฝ่ายมีสายเลือดที่บริสุทธิ์กว่าตัวเขาหลายเท่า ถ้าชายผู้นี้เคยเข้าร่วมการทดสอบ ก็น่าจะรั้งอันดับสูง แต่อ้าวหัวรู้ว่าทั้ง 8 อันดับก่อนหน้าเขาเป็นใคร ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ใช่หนึ่งในคนเหล่านั้น!


เขาไม่เคยเข้าร่วมการทดสอบมาก่อนเลยหรือ?


จางเซวียนมองอ้าวหัวและนิ่งไปครู่หนึ่ง “ผมอยู่ในน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน จะเข้ารับการทดสอบที่น่านฟ้ามังกรเมฆได้อย่างไร?”


การต่อสู้เมื่อครู่นี้คงเขี่ยสมองของหมอนี่กระเด็นกระดอนไปหมดแล้ว! มันเรื่องอะไรถึงถามคำถามประหลาดแบบนั้น?


“ฮะ?” อ้าวหัวงงอีกครั้งกับคำตอบของจางเซวียน


หรือว่าชายหนุ่มคือบรรพบุรุษคนหนึ่งที่บังเอิญอยู่ในน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน?


เมื่อลองคิดดู ในทุกๆปี น่านฟ้ามังกรเมฆของเขาจะพบคนจำนวนหนึ่งจากน่านฟ้าอื่นที่มีสายเลือดมังกร เพียงแต่สายเลือดของคนเหล่านั้นมักจะเบาบางมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอคนนอกซึ่งมีสายเลือดบริสุทธิ์กว่าตัวเขาเสียอีก


อ้าวหัวอยากถามต่อ แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มมองเขาอย่างหงุดหงิดราวกับเขาเป็นพวกนักต้มตุ๋นที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองพ่ายแพ้ จึงถอนหายใจเฮือกใหญ่และตอบว่า “ผมรั้งอันดับ 9 ของน่านฟ้ามังกรเมฆ ดังนั้น การดวลของเราจึงไม่ส่งผลต่อการจัดอันดับของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน…ผู้รั้งอันดับ 1 ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน, เสิ่นถูเฟิง คือชายผู้นั้นที่ผมเพิ่งเอาชนะไป ใช่…คุณชี้ถูกคนแล้วล่ะ คนที่มีเลือดกรังที่มุมปากนั่นแหละ ใช่แล้ว…”


เห็นสายตาทุกคู่เปลี่ยนมาจับจ้องเขา เสิ่นถูเฟิงพยายามวางมาดสุขุมที่สุดและพูดว่า “ใช่ ผมคือผู้รั้งอันดับ 1 ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน!”


คงดูดีกว่านี้มากถ้าริมฝีปากของเขาไม่เปรอะเลือดและใบหน้าไม่บวมเป่งแบบนี้


จางเซวียนอ้าปากค้าง


หมอนั่นคือผู้รั้งอันดับ 1 จริงๆหรือ?


เพราะฉะนั้น พูดง่ายๆก็คือก่อนที่ตัวเขาจะมาถึงที่นี่ อีกฝ่ายก็ถูกเล่นงานไปแล้วใช่ไหม?


เรื่องนี้อธิบายได้เลยว่าทำไมคู่ต่อสู้ของเขาถึงกลายร่างเป็นมังกรสายเลือดบริสุทธิ์ได้! หลังจากงุนงงอยู่นาน สุดท้ายก็กลับกลายเป็นว่าเขามาจากน่านฟ้าแห่งมังกรเมฆนี่เอง


ฉีหลิงเอ๋อพูดไม่ออก


เธอเพิ่งกลับเมืองหลวงได้ไม่นาน ยังไม่รู้จักมักคุ้นกับผู้ติดโผการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้า ด้วยเหตุนี้ จึงไม่รู้ว่าผู้รั้งอันดับ 1 ก็อยู่ที่นี่ด้วย


เธอคิดว่าพวกที่นอนแผ่ล้วนแต่อ่อนแอกว่าฉีเยว่ ใครจะไปรู้ว่าแม้แต่ผู้รั้งอันดับ 1 ก็อยู่ที่นี่?


เพราะฉะนั้น ชายที่จมูกหักและหน้าตาบวมเป่งคนนี้ก็คือนักรบอันดับ 1 ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน…ผู้ที่เป็นสเปกในฝันของหญิงสาวมากมายนับไม่ถ้วน!


แย่สิ้นดี!


ไม่แปลกใจแล้วที่นายน้อยจางบอกไว้ว่าเขาจะท้าทายใครก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะสุดท้ายเขาก็มีพละกำลังมากพอจริงๆ…


นอกจากใช้เวลาฝ่าด่านวรยุทธเพียงสองอึดใจ ยังเอาชนะผู้รั้งอันดับ 1 ที่ฝึกฝนวรยุทธมาไม่รู้กี่ปีได้อย่างง่ายดาย


สายเลือดจอมราชันย์ช่างน่าสะพรึงเสียจริงๆ!


ฉีหลิงเอ๋ออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจให้กับความเหลื่อมล้ำของผู้คนที่มีมาแต่กำเนิด


ดูเหมือนถึงเวลาแล้วที่เธอจะเปลี่ยนวิธีคิด ควรเลิกใช้สามัญสำนึกทำความเข้าใจจางเซวียนเสียที


จอมราชันย์คือความผิดปกติของธรรมชาติ เพราะพวกเขาทำในสิ่งที่คนอื่นไม่อาจทำได้ ทุกคนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากให้ความยำเกรง


“ในเมื่อคุณเอาชนะผู้รั้งอันดับ 1 ได้ และจากนั้นผมก็ชนะคุณ แสดงว่านับรวมกันได้ใช่ไหม?”


หลังจากได้สู้กันแล้ว จางเซวียนก็ไม่คิดว่าคู่ต่อสู้ของเขาเป็นอะไรที่พิเศษไปกว่าไม้ประดับ เขามีสีหน้ายุ่งยากใจ จากนั้นก็ชำเลืองมองบรรดานักรบที่นอนระเกะระกะอยู่กับพื้นขณะพึมพำ “ผมควรท้าดวลกับคนพวกนี้เพื่อความแน่ใจด้วยหรือเปล่า?”


เหล่าอัศวินอิสระก็ไม่ได้อยู่ดูแลการดวลที่นี่ เขาจึงไม่แน่ใจว่าการต่อสู้เมื่อครู่นี้จะได้การยอมรับไหม ถึงอย่างไร ปลอดภัยไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย เพราะไม่อย่างนั้น คงยุ่งยากไม่น้อยหากเขาต้องกลับมาดวลอีกครั้ง


“อะ-อะไรนะ? ยะ-อย่าทำแบบนั้นเลย!” เสิ่นถูเฟิงโพล่งออกมา “ผมจะรายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดต่อเหล่าอัศวินเสรีและยอมแพ้คุณ”


เขายินดียอมแพ้และสละตำแหน่งมากกว่าจะพ่ายแพ้ยับเยินให้ใครคนหนึ่งที่เห็นกันชัดๆว่าเหนือชั้นกว่าเขา


ขนาดอ้าวหัวยังไม่ต่างอะไรกับเด็กทารกเมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้ และตัวเขาเองก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กทารกเมื่ออยู่ต่อหน้าอ้าวหัว…


ต่อให้เขาฝึกฝนวรยุทธอีกร้อยปี ก็มองไม่เห็นหนทางที่จะเอาชนะชายหนุ่มได้ เว้นเสียแต่จะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าได้สำเร็จ ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น รีบยอมแพ้เพื่อปกป้องตัวเองไม่ให้ต้องทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นจะดีกว่า


“อย่างนั้นหรือ? ถ้าได้แบบนั้นก็ดี” จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก


เรื่องนี้จบง่ายกว่าที่เขาคิดไว้มาก แต่ทันทีที่เขาหวนนึกถึงเงื่อนไขของการเข้าถึงความเป็นเลิศในวิชาชีพ ก็พลันปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง


ใช่สิ เดี๋ยวก่อน…


จางเซวียนหันไปถามอ้าวหัว “เมื่อครู่นี้คุณบอกว่าคุณมาจากน่านฟ้าแห่งมังกรเมฆ?”


“ใช่แล้ว บรรพบุรุษ” อ้าวหัวตอบอย่างนอบน้อม


“ผมรู้มาว่าน่านฟ้ามังกรเมฆส่งนายแพทย์กลุ่มหนึ่งมาที่นี่เพื่อท้าทายสมาคมนายแพทย์ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน นั่นเป็นความจริงหรือเปล่า?”


“เป็นความจริง ผมคือคนหนึ่งในกลุ่มนั้น” อ้าวหัวตอบ


“ผมอยากเข้ารับการประเมินทักษะการรักษาโรคเพื่อให้ได้รับสิทธิ์เข้าใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ แต่พวกสมาคมนายแพทย์กำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัวรับมือกับพวกคุณในการประลองนายแพทย์ จึงไม่มีเวลาจัดการเรื่องอื่น ถ้าผมจะขอให้กลุ่มของคุณทำการทดสอบผมแทน…จะเป็นไปได้ไหม?” จางเซวียนถาม


หลังจากถามรายละเอียดจากฉีหลิงเอ๋อ เขาก็รู้ว่าเพียงแค่ได้การรับรองจากใครสักคนที่มีชื่อเสียงในสาขาวิชาชีพนี้ก็เพียงพอแล้ว


ในเมื่อกลุ่มนายแพทย์ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนติดภารกิจอื่น ขอความช่วยเหลือจากน่านฟ้าแห่งมังกรเมฆก็ได้!


เป้าหมายของเขาคือการได้ใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่เท่านั้น ใครจะเป็นผู้ทดสอบก็ไม่สำคัญ


“คุณอยากเข้ารับการประเมินทักษะการรักษาโรคหรือ?” อ้าวหัวถาม


จางเซวียนพยักหน้า “ถูกต้อง”


อ้าวหัวครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ผมคิดว่าน่าจะทำได้ เพราะประธานสมาคมนายแพทย์และเหล่าผู้อาวุโสก็มากับพวกเรา ด้วยสถานภาพของพวกเขาในแวดวงนายแพทย์ ก็น่าจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นผู้เปิดการทดสอบ…ผมจะพาคุณไปหาพวกเขาก็แล้วกัน”


แม้น่านฟ้ามังกรเมฆจะมีมังกรสายเลือดบริสุทธิ์เป็นผู้ปกครอง แต่ก็ไม่ได้มีแต่สมาชิกของเผ่าพันธุ์มังกรเท่านั้น ยังมีมนุษย์ทั่วไปอาศัยปะปนอยู่ด้วย ซึ่งประธานสมาคมนายแพทย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น


ถึงจะไม่ได้มีสายเลือดมังกร แต่ทักษะการรักษาโรคของเขาก็เป็นเลิศจนได้รับความเคารพจากน่านฟ้าอื่นๆ


“ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมเลย” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่


เมื่อประตูบานหนึ่งปิด อีกบานก็จะเปิดออก


เมื่อกี้นี้เองที่เขาเพิ่งถูกสมาคมนายแพทย์ปฏิเสธ ใครจะไปคิดว่าจะได้เจอกับนายแพทย์จากน่านฟ้ามังกรเมฆขณะที่เขาพยายามจะเข้าไปเป็น 1 ใน 30 คนของการจัดอันดับศักยภาพของราชันย์เทพเจ้า?


ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เขาไม่ต้องเสียเวลาไปหาสมาคมอื่น


ถึงจางเซวียนจะมั่นใจในทักษะวิชาชีพอื่นๆของเขา แต่ก็ยังลังเลที่จะเปิดเผยให้ใครเห็น เขาสำแดงความเก่งกาจเหนือชั้นเรื่องการหลอมยาไปแล้ว ถ้าโชว์เหนือมากกว่านี้ ก็จะดึงดูดสายตาของผู้คนให้มาจับจ้องเขาโดยไม่จำเป็น


จางเซวียนรีบไปพบอัศวินเสรีพร้อมกับเสิ่นถูเฟิงเพื่อยืนยันอันดับของเขาในการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้า ก่อนจะตามอ้าวหัวไปยังที่พักของบรรดานายแพทย์จากน่านฟ้าแห่งมังกรเมฆ


โชคดีที่บ้านพักของพวกเขาอยู่ไม่ไกล นั่นคือเหตุผลที่อ้าวหัวมีเวลาแวะมาท้าทายนักรบคนอื่นๆที่นี่


“คุณอยากใช้ทักษะการรักษาโรคของคุณยืนยันว่าคุณมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้ใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ใช่ไหม?”


หลังจากเข้าสู่บ้านพักได้ไม่นาน ผู้อาวุโส 2 คนก็เดินออกมา สุภาพสตรีสูงวัยที่อยู่ทางซ้ายมองจางเซวียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


“นั่นคือความตั้งใจของผม” จางเซวียนตอบ


“สิทธิ์การใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของทั้ง 9 น่านฟ้า จำนวนผู้ได้รับสิทธิ์นั้นจึงมีจำกัด สำหรับน่านฟ้ามังกรเมฆของเรา มีนายแพทย์เพียง 2 คนเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์นี้ คือเราทั้งคู่”


“แต่เราจะให้โอกาสคุณพิสูจน์ตัวเอง ขอแค่คุณเอาชนะเราสองคนได้ เราก็จะมอบสิทธิ์นั้นให้” ชายชราที่อยู่ทางขวาเสริม


“ตกลงตามนั้น!” จางเซวียนพยักหน้า


เขารู้ดีว่าถึงอย่างไรก็ต้องแข่งขันเพื่อให้ได้รับสิทธิ์ จึงเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วก่อนจะเดินทางมาที่นี่


“ดี!” ชายชราพูด


“ผมคือประธานสมาคมนายแพทย์ของเมืองหลวงมังกรเมฆ, เลี่ยวชิง ไม่ทราบว่าผมควรเรียกคุณอย่างไร?”


เป็นธรรมเนียมที่จะต้องถามชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่ายในเมื่อพวกเขากำลังจะดวลกัน


“ผมชื่อจางเซวียน”


“จางเซวียน?” เลี่ยวชิงทวนคำพร้อมกับพยักหน้าก่อนจะตัวแข็งทื่อ นัยน์ตาของเขาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ตัวสั่นไม่หยุด


“หรือว่า…คุณคือผู้คิดค้นยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธและยาเม็ดเพิ่มความงาม, นักปรุงยาจางเซวียน?”


“ใช่ ผมเอง” จางเซวียนตอบ

 

 

 


ตอนที่ 2251 ศิลาจารึกอาการ

 

เลี่ยวชิงซวนเซเล็กน้อยก่อนจะรีบโค้งคำนับอย่างงาม “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตผม, ผู้มีพระคุณ! ไม่จำเป็นต้องแข่งขันอะไรแล้ว ทักษะการรักษาโรคของคุณเหนือชั้นกว่าผมแน่นอน…”


จางเซวียนชะงัก ฉีหลิงเอ๋อก็งงหนัก


อะไรกันอีกล่ะคราวนี้?


ทำไมวันนี้ทุกคนถึงตื่นเต้นเสียเหลือเกิน? รู้ไหมว่าการต้องรับมือกับความตื่นเต้นของพวกคุณน่ะมันเหนื่อย!


เห็นจางเซวียนกับฉีหลิงเอ๋องุนงง นายแพทย์วัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านข้างอธิบาย “ประธานเลี่ยวได้รับความบอบช้ำภายในอย่างรุนแรงตั้งแต่การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งก่อน ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เขาได้ศึกษาวิธีการเยียวยาและทดลองใช้ทุกรูปแบบ แต่ไม่ได้ผล”


“เมื่อ 2 ปีที่แล้ว อาการบอบช้ำภายในของเขากำเริบหนัก ความเสียหายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ประธานเลี่ยวคิดว่าเขาคงต้องจบชีวิตแล้ว แต่เมื่อสองสามวันก่อน…มีคนซื้อยาเม็ดเพิ่มความงามและนำมามอบให้เขา ตอนแรกประธานเลี่ยวก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ แต่หลังจากกินยาเม็ดเพิ่มความงามเข้าไป ก็พบว่าอาการบอบช้ำภายในทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงเอ่ยปากขอให้สหายคนหนึ่งนำยาเม็ดเพิ่มความงามมาให้อีก ซึ่งหลังจากกินไป 10 เม็ด ไม่เพียงแต่อาการบอบช้ำจะหายเป็นปลิดทิ้ง ยังรู้สึกได้ว่าอายุขัยเพิ่มขึ้นอีกมาก ประธานเลี่ยวจึงสำนึกในบุญคุณของคุณอย่างสุดซึ้ง!”


จางเซวียนพยักหน้า


ความมหัศจรรย์ของยาเม็ดเพิ่มความงามมาจากพลังปราณเทียบฟ้าที่ถูกถ่ายทอดเข้าไป มันมีอานุภาพเยียวยาอาการบอบช้ำภายในร่างกายและฟื้นฟูพลังชีวิตของผู้นั้นได้ ส่งผลให้อายุขัยยาวนานขึ้นอีกมาก


“ผมทั้งลงทุนลงแรงและทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีเพื่อทำความเข้าใจและเยียวยาอาการบอบช้ำ แต่ก็ไม่พบวิธีรักษา ลงท้าย กลับเป็นยาเม็ดของคุณที่ทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย เพียงเท่านั้นยังไม่มากพอจะชี้ชัดอีกหรือว่าทักษะการรักษาโรคของคุณเหนือชั้นกว่าผม?”


“เอ่อ…ผมว่าก็ไม่ผิดเสียทีเดียวหรอกถ้าคุณจะมองในแง่นั้น”


จางเซวียนกำลังคิดจะปฏิเสธคำชมด้วยความถ่อมตัว แต่เมื่อพิจารณาอีกที สิ่งที่ประธานเลี่ยวพูดมาก็มีส่วนจริง เขาคงดูเป็นคนเลอะเทอะหากปฏิเสธคำชมที่เห็นๆกันอยู่ จึงได้แต่รับไว้อย่างไม่ค่อยเต็มใจ


พลังปราณเทียบฟ้ามีอานุภาพเยียวยาอาการบาดเจ็บเกือบทุกประเภท แต่ความรู้เรื่องวิถีทางแห่งการรักษาโรคของจางเซวียนก้าวไปไกลกว่านั้น การที่เขาได้เป็นนายแพทย์ระดับ 9 ดาวเมื่อครั้งอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์คือหลักฐานชี้ชัดถึงทักษะที่เขามี


จางเซวียนคงต้องเถียงกับจิตใต้สำนึกของตัวเองหากจะบอกว่าทักษะการรักษาโรคของเขาอ่อนด้อยกว่าประธานเลี่ยว!


“เอาล่ะ ผมจะส่งข้อความกลับไปเดี๋ยวนี้เพื่อดำเนินกระบวนการให้เสร็จสิ้น จากนั้นก็จะมอบตราสัญลักษณ์การเข้าใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ให้คุณทันที” เลี่ยวชิงพูด


อันที่จริง ประธานเลี่ยวไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการประลองนายแพทย์ก็ได้ เพราะสำหรับวงการนายแพทย์ เขามีตำแหน่งสูงส่งพอจนไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเอง แต่เหตุผลหลักที่เขามาที่นี่ก็เพราะอยากพบผู้มีพระคุณของเขา และจะได้กล่าวคำขอบคุณอีกฝ่ายด้วยตัวเอง


ซึ่งในเมื่อผู้มีพระคุณเอ่ยปากขอ เขาก็พร้อมจะทำตามคำขอนั้นเพื่อตอบแทนบุญคุณ


ขณะที่ประธานเลี่ยวกำลังจะนำตราหยกสื่อสารชนิดพิเศษออกมาเพื่อถ่ายทอดคำสั่ง ชายชราอีกคนหนึ่งก็พรวดพราดเข้ามาในห้องและร้องออกมา “ประธานเลี่ยว คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะ!”


“รองประธานหวัง มีปัญหาอะไร?” ประธานเลี่ยวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


ผู้ที่พรวดพราดเข้ามาในห้องคือรองประธานสมาคมนายแพทย์ของเมืองหลวงมังกรเมฆ, หวังเฟย


“นักปรุงยากับนายแพทย์คือ 2 อาชีพที่แยกจากกันอย่างสิ้นเชิง การนำ 2 อาชีพนี้มาผสมผสานกันเพียงเพราะมีความเหมือนบางประการนั้นถือว่าไม่ถูกต้อง มัน…ไม่เหมาะสม!” หวังเฟยแย้ง


เขายอมรับว่าทักษะการปรุงยาของชายหนุ่มเหนือชั้นกว่าใครๆในเวลานี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เห็นอานุภาพของยาเม็ดเพิ่มความงามมากับตา แต่การหลอมยาก็คือการหลอมยา ต่อให้ยาเม็ดของนักปรุงยาคนหนึ่งจะไร้เทียมทานแค่ไหน ก็ไม่อาจทำให้นักปรุงยาผู้นั้นกลายเป็นนายแพทย์ได้!


บทบาทของนายแพทย์คือวินิจฉัยอาการป่วยของคนไข้และหาวิธีการรักษาที่ดีที่สุดเพื่อรักษา ส่วนนักปรุงยาก็ทำหน้าที่นำสมุนไพรชนิดต่างๆมาหลอมเป็นยาเม็ดเพื่อสกัดเอาคุณสมบัติทางยาของมันออกมา


รูปแบบความเชี่ยวชาญของทั้งสองอาชีพถือว่าต่างกันอย่างสิ้นเชิง


การมอบสิทธิ์ในการเข้าใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ให้ชายหนุ่มคนนี้ย่อมหมายความว่าประธานเลี่ยวยอมรับโดยอ้อมว่าทักษะการรักษาโรคของตัวเขายังอ่อนด้อยกว่าชายหนุ่ม ซึ่งถ้าต่อไปอีกฝ่ายเกิดสำแดงความด้อยประสิทธิภาพออกมา ก็จะนำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคมนายแพทย์ที่ประธานเลี่ยวอุตส่าห์สั่งสมมาด้วยความเหนื่อยยาก


“ประธานเลี่ยว โปรดทบทวนการตัดสินใจของคุณด้วย”


นายแพทย์คนอื่นๆพากันเข้ามาในห้องและโค้งคำนับ


“ผมเป็นหนี้บุญคุณนักปรุงยาจาง และอยากตอบแทนเขา อีกอย่าง ก็ถึงเวลาที่ผมควรจะเกษียณแล้ว เอาล่ะ อย่าพูดอะไรอีกเลย นี่คือการตัดสินใจของผม” ประธานเลี่ยวโบกมือ


อันที่จริง เขาเองก็มีความเห็นแบบเดียวกันกับนายแพทย์คนอื่นๆ คือรู้สึกว่าแม้จางเซวียนจะสามารถหลอมยาที่มีอานุภาพน่าทึ่ง แต่ทักษะการรักษาโรคของอีกฝ่ายก็น่าจะยังอ่อนด้อยอยู่


เหตุผลหลักที่เขายอมทำตามคำขอก็เพราะอยากตอบแทนบุญคุณ


เมื่อเทียบกับชีวิตของเขา ประธานเลี่ยวรู้สึกว่าชื่อเสียงที่อาจด่างพร้อยไปบ้างนั้นไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย


จางเซวียนเข้าใจความกังวลของนายแพทย์คนอื่นๆและไม่ได้อารมณ์เสีย “ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ เราทำตามกระบวนการที่ถูกต้องจะดีไหม? วิธีที่ใช้กันโดยทั่วไปก็คือการประลองนายแพทย์ ใช่หรือเปล่า? ในเมื่อทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ก็เริ่มกันเลยดีกว่า!”


ตัวเขายังอายุน้อย แถมเพิ่งมาถึงสรวงสวรรค์ได้ไม่นาน จึงเป็นธรรมดาที่ใครๆจะพากันแคลงใจในความสามารถของเขา


“คุณจะท้าทายพวกเราเข้าสู่การประลองนายแพทย์?” ประธานเลี่ยวตั้งคำถาม


“ผมพร้อมตลอดอยู่แล้ว” จางเซวียนตอบยิ้มๆ


“คือ…”


ประธานเลี่ยวออกจะลังเล แต่เมื่อเห็นจางเซวียนตัดสินใจแน่วแน่ สุดท้ายก็พยักหน้า


“การประลองนายแพทย์แบ่งออกเป็น 4 หัวข้อใหญ่ คือการเฝ้าสังเกต การดมกลิ่น การซักถาม และการสัมผัส ในแต่ละขั้นตอน คุณจะต้องบันทึกการวินิจฉัยของคุณลงไป ระบุอาการป่วยที่ปรากฏ ระบุวิธีรักษา และตรวจสอบให้ได้ว่าการรักษาของคุณได้ผลหรือไม่”


จางเซวียนพยักหน้า


เขายังสงสัยอยู่ว่าการประลองนายแพทย์มีรายละเอียดอย่างไร ซึ่งเท่าที่เห็นก็ดูจะไม่ต่างจากการ วินิจฉัยคนไข้ของนายแพทย์คนหนึ่ง เพียงแต่…


“แล้วคนไข้ล่ะ? มีคนไข้เข้ามาอยู่ในการประลองหรือเปล่า?” จางเซวียนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่หากจัดการประลองโดยมีชีวิตของคนไข้เป็นเดิมพัน


นั่นคือการขัดต่อจรรยาบรรณที่นายแพทย์พึงมี


“ไม่มีอย่างแน่นอน!” ประธานเลี่ยวตอบ จากนั้นก็มองจางเซวียนขณะตั้งคำถามอย่างสงสัย “หรือว่า…คุณไม่รู้ว่าการประลองนายแพทย์คืออะไร?”


ชายหนุ่มคือผู้เสนอให้จัดการประลองนายแพทย์ แต่เท่าที่พูดมา ดูเหมือนเขาจะไม่รู้อะไรสักอย่าง!


ประธานเลี่ยวคิดว่าเขาจะยอมแพ้ให้ชายหนุ่มแบบง่ายๆเพื่อจะได้ตอบแทนบุญคุณ แม้จะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเก่งกาจกว่าเขาเรื่องวิถีทางของการรักษาโรค แต่ในฐานะผู้คิดค้นยาเม็ดเพิ่มความงาม ทักษะการรักษาโรคของอีกฝ่ายก็คงไม่ย่ำแย่เกินไป


แต่ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ อะไรๆดูจะไม่เป็นไปตามนั้น


นายแพทย์คนหนึ่งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการประลองนายแพทย์คืออะไร…ตกลงเขาเป็นนายแพทย์หรือเปล่า?


“นายแพทย์ชั้นนำของทั้ง 9 น่านฟ้าร่วมมือกันสร้างของล้ำค่าชิ้นหนึ่งขึ้นมา เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘ศิลาจารึกอาการ’ เราใช้ของสิ่งนี้สำหรับจัดการประลองนายแพทย์”


เมื่อเห็นว่าจางเซวียนไม่รู้อะไรเลย ประธานเลี่ยวได้แต่ส่ายหัวและอธิบาย


ดูเหมือนความกังวลของรองประธานหวังจะไม่ใช่เรื่องที่อีกฝ่ายคิดไปเอง


เท่าที่เห็นในเวลานี้ ทักษะการรักษาโรคของชายหนุ่มคงไม่ได้โดดเด่นนัก เพราะไม่มีทางที่นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะไม่รู้รายละเอียดของการประลองนายแพทย์


“ศิลาจารึกอาการ?”


“ใช่ ศิลาจารึกอาการคือสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งที่สามารถบันทึกสภาวะร่างกายของคนไข้ได้อย่างแม่นยำ มันใช้ข้อมูลที่เก็บไว้ฉายภาพเสมือนจริงของคนไข้ขึ้นมาเพื่อบอกรายละเอียดต่างๆกับนายแพทย์ ถ้าคุณหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้ คนไข้เสมือนจริงก็จะหายจากอาการเจ็บป่วย”


ขณะที่เลี่ยวชิงพูด เขาก็นำหินก้อนหนึ่งออกมาและเคาะมันเบาๆ


หินก้อนนั้นปล่อยเสียงหึ่งออกมาแผ่วๆ ก่อนจะฉายภาพของมนุษย์ 10 คน ภาพเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นโดยค่ายกลที่ถูกจารึกไว้บนก้อนหิน


ภาพเสมือนจริงของมนุษย์ทั้ง 10 คนที่ปรากฏดูอ่อนระโหยโรยแรงมาก ราวกับกำลังทุกข์ทรมานจากโรคร้ายที่อาจรุนแรงถึงตาย พวกเขาไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานหากไม่ได้รับการรักษา


“คนไข้ทั้ง 10 กำลังทุกข์ทรมานด้วยโรคที่มีผู้พยายามรักษามันตั้งแต่หลายร้อยหลายพันปีก่อน สภาวะของพวกเขาถูกบันทึกไว้ในศิลาจารึกอาการด้วยกรรมวิธีพิเศษบางอย่าง ทำให้เราสร้างภาพเสมือนจริงของพวกเขาได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนไข้ทั่วไป เราสังเกตอาการ ดมกลิ่น ซักถาม และจับชีพจรของพวกเขา สี่วิธีการนี้จะทำให้เราสามารถระบุอาการป่วยและเสนอวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสม”


เห็นจางเซวียนยังคงมองคนไข้เสมือนจริงด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความไม่แน่ใจ เลี่ยวชิงเสริม “ไม่ต้องกังวลหรอก อาการป่วยของคนไข้เหล่านี้ไม่ได้ล้าสมัย หลายอาการยังคงมีอยู่ในยุคปัจจุบัน อาจเปลี่ยนแปลงไปบ้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่งจากการทำปฏิกิริยากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไป อีกอย่าง ข้อมูลนี้ถูกจารึกไว้หลายปีแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกที่ใครสักคนจะจดจำอาการได้ทั้งหมด”


“คนไข้เสมือนจริงจะปรากฏตัวแบบสุ่มในแต่ละครั้งที่ศิลาจารึกอาการถูกเปิดใช้งาน เพราะฉะนั้น คุณวางใจได้เลยว่าไม่มีใครเล่นตุกติกได้”


จางเซวียนพยักหน้าอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินคำนั้น


การรักษาคนไข้เป็นอะไรที่มากกว่าการใช้ความจำ โรคเดียวกันอาจมีอาการที่แตกต่างกันไปมากมาย ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของผู้นั้น เงื่อนไขเหล่านี้ทำให้วิธีการรักษาและการใช้ยาที่นายแพทย์แนะนำจะต้องมีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามความเหมาะสม


ดังนั้น หากคนไข้เสมือนจริงคือคนเดียวกันในทุกครั้งที่เปิดใช้งานศิลาจารึกอาการ ผู้เข้ารับการทดสอบก็อาจท่องจำอาการของคนไข้มาล่วงหน้าและรักษาพวกเขาได้อย่างไร้ที่ติ ซึ่งจะทำให้การทดสอบเปล่าประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แต่สุดท้าย ก็ดูเหมือนเขาจะประเมินความเข้มข้นของการประลองนายแพทย์ต่ำไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)