ข้ามกาลบันดาลรัก 224.2-224.3

ตอนที่ 224-2 ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลี...

 

เมิ่งอี้เซวียนเดินมาเบื้องหน้าเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิง คิดจะปกป้องพวกเขาไว้ด้านหลัง ไม่คิดว่าเด็กน้อยทั้งสองใช้มือปัดเขาออก พูดด้วยใบหน้าฮึกเหิม “พี่อี้เซวียน ท่านไม่ต้องสนใจพวกเรา เรื่องน่าสนุกเช่นนี้ พวกเราก็อยากเข้าร่วม”


 


 


ได้ฟังวาจาของเด็กน้อยทั้งสอง เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี รู้สึกว่าควรจะทบทวนตัวเองหรือไม่ ต่อไปไม่ควรสอนพวกเขาเช่นนี้อีก ทว่าสองมือยังกอดอกนิ่ง พูดอย่างเบาสบาย “พวกเจ้าทั้งหมด หากเอาชนะได้ วันนี้อยากกินอะไร ข้าจะทำให้พวกเจ้ากิน หากเอาชนะไม่ได้ นับแต่พรุ่งนี้ไป เพิ่มเวลาฝึกซ้อมอีกหนึ่งชั่วยาม”


 


 


เพิ่มอีกหนึ่งชั่วยาม หมายความว่าต้องตื่นเช้ากว่าทุกวันนี้อีกหนึ่งชั่วยาม แปลว่าแทบจะไม่เหลือเวลาให้นอนแล้ว ทั้งสี่คนสั่นผวาเข้าไปถึงทรวง


 


 


หลิวลี่ยังคงร้องโวยวายอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าพวกเศษสวะ ยังไม่รีบลงมือ อยากถูกโบยใช่หรือไม่?”


 


 


หน้าที่สำคัญของบ่าวพวกนี้คือคุ้มครองความปลอดภัยให้หลิวลี่ อย่าให้เกิดเรื่องใดขึ้นกับนาง ตอนนี้หลิวลี่ถูกเตะติดต่อกันสองครั้งซ้อน หากกลับไปแล้วให้นายท่านฮูหยินทราบเรื่อง จักต้องถลกหนังพวกเขาไม่เหลือแน่ เพื่อทำคุณไถ่โทษ กลับไปจะได้รับโทษน้อยลง บ่าวทั้งหมดต่างหันหน้ามองกัน แสดงกระบวนท่าดุดันปะทะเข้าหาพวกเขาทั้งหมด


 


 


เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงยังเด็ก พวกเขาไม่เห็นอยู่ในสายตา ต่างจับจ้องไปที่เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉ หมายจะเผด็จศึกสองคนนั้น ส่วนเด็กน้อยทั้งสองปล่อยให้คุณหนูจัดการเองก็พอ


 


 


เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงเห็นไม่มีใครสนใจพวกเขา จึงโบกมือโบกไม้คอยให้กำลังใจข้างๆ “พี่อี้เซวียน พี่เหลียงไฉ จัดการพวกเขาเลย”


 


 


เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉก็แสดงท่าตั้งรับ โต้ตอบกลับไป


 


 


บ่าวทั้งหมดนี้น้าหญิงของหลิวลี่คัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของนาง ย่อมมีฝีมือไม่ธรรมดา ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันสิบกว่ากระบวนท่า ไม่เพียงไม่มีใครถูกกำราบ เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉยังเริ่มจะเพลี้ยงพล้ำแล้ว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่นัยน์ตาลง ไม่มีท่าทีเบาสบายเหมือนเมื่อครู่


 


 


หลิวลี่ที่เห็นว่าฝ่ายตัวเองกำลังได้เปรียบ ยิ่งให้หยิ่งลำพอง พูดให้สัญญา “หากวันนี้พวกเจ้าจัดการพวกไม่รู้จักที่ตายสองคนนี้จนตายได้ กลับไปข้าจะไปบอกท่านน้าหญิง ให้นางมอบเงินให้พวกเจ้าคนละห้าสิบตำลึง”


 


 


บ่าวทั้งหมดยิ่งให้ฮึกเหิม เพิ่มความเร็วโรมรันโจมตี กระบวนท่ายิ่งดุดันเ**้ยมโหด


 


 


ซุนเหลียงไฉพลาดท่าโดนเตะเข้าอย่างจัง ขาอ่อนจนเกือบจะคุกเข่าไปกับพื้น


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพลันเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว แล้วก็ถอยหลังกลับ เม้มปากยืนดูพวกเขาหน้าประตู


 


 


เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงก็ไม่ร้องให้กำลังใจแล้ว เบิกตาลุกวาวมองเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉอย่างเป็นห่วง


 


 


ซุนเหลียงไฉฝึกวรยุทธ์มานาน นึกว่ายอดเยี่ยมไร้เทียมทานแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้จะต้องมาถูกบ่าวคนหนึ่งเตะต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน จนเกือบต้องขายหน้า ให้เกิดไฟโทสะพลุ่งพล่าน ตรงเข้าตอบโต้บ่าวที่เตะเขาอย่างหน้ามืดตามัว ด้านหลังเกิดช่องโหว่ให้โจมตี บ่าวคนหนึ่งลอยตัวถีบเขาจากด้านหลัง ทำเขาโซเซไปหลายก้าว ก่อนจะล้มหน้าคะมำลงไป ครู่ใหญ่ถึงลุกขึ้นมาได้


 


 


ชาวบ้านโดยรอบร้องอุทาน


 


 


เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงหวีดร้องวิ่งเข้าหา คิดจะพยุงซุนเหลียงไฉขึ้น


 


 


บ่าวสองคนแยกกันลงมือกับพวกเขา


 


 


เด็กน้อยทั้งสองหลบได้อย่างคล่องแคล่ว แยกเท้าตั้งรับด้วยใบหน้าไม่สะทกสะท้าน จ้องเขม็งไปที่บ่าวที่เข้ามาลงมือกับตัวเอง


 


 


หลิวลี่หัวเราะคลุ้มคลั่ง “เมิ่งเชี่ยนโยว ข้านึกว่าเจ้าไปได้สินค้าชั้นดีที่ไหนมา ที่แท้ก็แค่ตุ่มหนอง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขยับ ถามซุนเหลียงไฉ “เหลียงไฉ ต้องการให้ข้าออกโรงหรือไม่?”


 


 


ซุนเหลียงไฉลุกขึ้นยืน เช็ดเลือดที่มุมปาก ตอบอย่างแน่วแน่ “ไม่ต้อง หากวันนี้ข้าเอาชนะพวกเขาไม่ได้ ไม่ต้องให้เจ้าพูด ต่อไปข้าจะเพิ่มการฝึกวรยุทธ์ขึ้นวันละสองชั่วยามเอง”


 


 


เมิ่งอี้เซวียนใช้กระบวนท่ารวบรัดจัดการบ่าวให้ถอยการโจมตีออกไปได้ ถอยหลังมาข้างกายซุนเหลียงไฉ ถามอย่างเป็นห่วง “เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”


 


 


ซุนเหลียงไฉบ้วนเลือดในปากออกมา ตอบว่า “ไม่เป็นไร ข้าประมาทคู่ต่อสู้เอง ข้านึกว่าเป็นพวกลูกกระจ๊อกชั้นต่ำ ไม่นานก็จัดการได้ ไม่คิดว่าพวกมันจะพอมีฝีมือ ดูท่าพวกเราต้องตั้งใจเล่นกับพวกมันซักตั้งแล้ว”


 


 


เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า


 


 


ในตอนนี้มีบ่าวสองสามคนตรงเข้ามาโรมรัน


 


 


ทั้งสองเข้ารับมือ ครั้งนี้ไม่มืออ่อนอีก และไม่ประมาทคู่ต่อสู้แล้ว ใช้ความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง ไม่นานทั้งสองก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ


 


 


บ่าวสองคนที่แยกกันจัดการเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงนึกว่าพวกเขาเป็นเพียงเด็กอายุห้าหกขวบ จับพวกเขามารุมซ้อมสักยกง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก ไม่คิดว่าเด็กน้อยทั้งสองจะลื่นไหลว่องไว พวกเขาคว้าตัวไม่ได้เลย ไม่นานก็เหนื่อยหอบแฮ่กๆ


 


 


เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉที่หลังจากได้เปรียบ เริ่มมีความมั่นใจ เพิ่งความดุดันให้กระบวนท่า


 


 


ไกลออกไปเหวินเปียวที่ได้รับทราบข่าวพาคนวิ่งเข้ามา เห็นเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉถูกรุมทำร้าย คิดจะเข้าไปช่วย


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตวาดห้ามเขา “ไม่ต้อง” แล้วชี้บ่าวสองคนที่กำลังต่อกรกับเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิง “จัดการพวกเขาสองคนก่อน”


 


 


เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงอายุยังน้อย ช่างฉอเลาะจำนรรจา เป็นความสุขของคนทั้งครอบครัว เห็นเด็กน้อยทั้งสองถูกผู้ชายร่างสูงใหญ่สองคนรุมทำร้าย เหวินเปียวและเหวินหู่ให้โมโหเดือดดาล ก้าวเท้าอาดๆ เข้าไป แยกกันประเคนลูกถีบใส่บ่าวทั้งสองคน


 


 


บ่าวทั้งสองคนถูกถีบเซถลาไปหลายก้าว ยังไม่ทันยืนนิ่ง พวกอู๋ต้าก็รุมเข้ามา ประเคนทั้งมือและเท้าใส่ทั้งสองคน “เจ้าพวกรนหาที่ตาย กล้ามาทำร้ายคุณชายน้อยของพวกเรา ไปตายซะ”


 


 


บ่าวที่น่าสงสารทั้งสองคน ยังไม่ทันรู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ถูกพวกเขารุมอัดจนหน้าบวมปูด ร้องครวญครางไม่หยุด


 


 


เห็นสภาพน่าสมเพชของทั้งสองคน ชาวบ้านทนดูต่อไปไม่ไหว ต่างต้องเบือนหน้าหนี


 


 


กระทั่งทั้งสองคนหายใจรวยริน นอนไม่ไหวติงอยู่บนพื้น พวกอู๋ต้าถึงยอมหยุด ยืนอีกด้าน มองดูเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉต่อกรบ่าวที่เหลือ


 


 


จู่ๆ ก็มีคนเข้ามามากมาย อึดใจเดียวก็เล่นงานพรรคพวกตัวเองจนไม่ไหวติง บ่าวที่เหลือลนลานสติหลุด กระบวนท่าจู่โจมเกิดช่องโหว่บ่อยครั้ง


 


 


เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉฉวยโอกาสนี้ลงมือ ไม่นานก็จัดการพวกเขาจนหมอบราบคาบ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเพียงแค่ไม่ต้องช่วยต่อกรกับกลุ่มบ่าว แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำอย่างไรหลังจากที่พวกเขาถูกจัดการแล้ว พวกอู๋ต้าก็เข้าไปรุมกระทืบพวกบ่าวที่ยังไม่ทันลุกขึ้นมา ไม่นานบ่าวที่เหลือก็หมดเรี่ยวแรงขัดขืนเหมือนบ่าวสองคนก่อนหน้า


 


 


เพียงพริบตาเดียว เหตุการณ์ก็เปลี่ยนตาลปัตร หลิวลี่และเหล่าสาวใช้งงเป็นไก่ตาแตก


 


 


หน้าที่ในตอนนี้ของพวกอู๋ต้าก็คือคุ้มครองคนในครอบครัว ทว่าเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้น หากไม่เพราะมีชาวบ้านหวังดีวิ่งไปบอกพวกเขาที่โรงงาน พวกเขาก็คงไม่รู้เรื่องเลย เมิ่งเชี่ยนโยว หลิวลี่และซุนเหลียงไฉยังดี หากคุณชายน้อยทั้งสองคนเป็นอะไรขึ้นมา พวกเขาคงขอขมารับผิดไม่ทัน พวกอู๋ต้ายิ่งคิดก็ยิ่งให้โกรธเกรี้ยว เดินแกว่งเข้าหาหลิวลี่และกลุ่มสาวใช้ หลิวลี่ตกใจถอยหลังกรูด กรีดร้องเสียงหลง “พวกเจ้าอย่าเข้ามานะ!”


 


 


พวกอู๋ต้าหน้าตาถมึงทึง บรรดาสาวใช้ต่างตกใจถอยหนีตัวสั่น


 


 


หลิวลี่คว้าสาวใช้คนหนึ่งบังหน้าตัวเองไว้ ฝืนกัดฟันพูดว่า “ท่านน้าชายข้าเป็นขุนนางใหญ่ของหัวเมือง เขาและท่านน้าหญิง รักข้าดั่งลูกในไส้ หากพวกเจ้ากล้าตีข้า เขาไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่”


 


 


พวกอู๋ต้าชะงักฝีเท้า ลังเลว่าจะลงมือดีหรือไม่


 


 


หลิวลี่เห็นพวกเขาไม่กล้าเดินเข้ามา ก็ให้กำเริบได้ใจ ปัดสาวใช้ออก พูดอย่างเหิมเกริม “กลัวแล้วสิ ว่าแล้วว่าพวกเจ้าไม่แน่จริง หากท่านน้าชายข้าจะเอาชีวิตพวกเจ้า ง่ายดายเหมือนบี้มดตัวหนึ่ง”


 


 


เสียงเย็นเยียบของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “งั้นหรือ? ข้าก็อยากเห็นว่า เขาจะบี้พวกเราให้ตายได้อย่างไร”


 


 


หลังจากได้ฟัง พวกอู๋ต้าก็เข้าใจนัยแฝงจากคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยวทันที เริ่มขยับฝีเท้า


 


 


เห็นท่าทีดุดันของพวกเขา ครั้งนี้หลิวลี่หวาดกลัวจริงๆ แล้ว กรีดร้องกลับไปหลบหลังสาวใช้


 


 


บุตรสาวจะได้แต่งงานกับขุนนาง เป็นที่พึ่งพิงในภายภาคหน้าของตนเอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เช่นนั้นความหวังของตนเองก็พังทลาย สะใภ้หลิวกุ้ยเกรงว่าพวกอู๋ต้าจะทำร้ายหลิวลี่ รีบเข้าไปกางแขนเบื้องหน้านาง “ใครกล้าแตะต้องบุตรสาวข้า ข้าขอสู้ตาย”


 


 


พอคิดถึงเรื่องที่สองสามีภรรยาหลิวคอยหาเรื่องนายหญิงของตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน พวกอู๋ต้าอยากจะสั่งสอนพวกเขามานานแล้ว ทว่าช่วงที่ผ่านมา พวกเขาสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ก่อเรื่องขึ้นอีก พวกเขาจึงไม่กล้าลงมือ ตอนนี้สะใภ้หลิวกุ้ยมายืนขวางหน้าหลิวลี่ บัญชีใหม่บัญชีเก่าจะได้สะสางพร้อมกันทีเดียว อู๋ต้าไม่แม้แต่จะคิด ก็ตวัดมือตบไปที่ใบหน้าสะใภ้หลิวกุ้ยฉาดใหญ่


 


 


อู๋ต้าเป็นคนกำยำ ทั้งฝึกวรยุทธ์ทุกวัน แรงมือนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ สะใภ้หลิวกุ้ยถูกตบจนเซไปอีกด้าน ใบหน้าครึ่งซีกบวมเห่อฉับพลับ


 


 


ชาวบ้านสูดลมหายใจเย็นเข้าปาก ในเวลาเดียวกันก็ให้รู้สึกได้ชำระแค้น


 


 


หลิวลี่ตกใจกรีดร้องลั่น เสียงหวีดร้องดังแสบแก้วหู


 


 


อู๋ต้าขมวดคิ้วเกร็ง ร้องคำราม “หุบปาก!”


 


 


หลิวลี่ตกใจปิดปากควับ ยืนตัวสั่นหลบด้านหลังสาวใช้


 


 


หลี่ลิ่วมีไวพริบดี รู้สึกว่าเรื่องได้หน้าได้ตานี้ไม่ควรให้อู๋ต้าทำคนเดียว จึงยิ้มพูดขอร้อง “พี่ใหญ่ ที่เหลือให้พวกเราจัดการเถอะ”


 


 


อู๋ต้ามองพวกเขาแวบหนึ่ง พยักหน้า


 


 


พวกหลี่ลิ่วเดินขึ้นหน้า พูดกับบรรดาสาวใช้อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน “เห็นแก่ที่พวกเจ้าก็เป็นบ่าว พวกเราจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า รีบหลบออกไป อย่ามาขวางทางพวกเราพี่น้องสั่งสอนนังตัวดีไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนี่”


 


 


แม้สาวใช้จะหวาดกลัว กลับไม่หลบเลี่ยง ยังคงยืนปกป้องเบื้องหน้าหลิวลี่ พูดวิงวอน “พี่ชาย ท่านปล่อยคุณหนูของพวกเราไปเถอะ คุณหนูยังเยาว์วัย กระทำการหุนหันพลันแล่น ท่านอย่าเอาความกับนางเลย”


 


 


หลี่ลิ่วเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “แบบนั้นเรียกว่าหุนหันพลันแล่นเรอะ นางเตรียมตัวมาพร้อมแล้วต่างหาก หากไม่เพราะคุณชายของพวกเรามีวรยุทธ์ เกรงว่าคงถูกพวกเจ้าทำร้ายจนตายไปแล้ว พวกเจ้ารีบถอยออกไป ไม่เช่นนั้นแม้แต่พวกเจ้าก็จะโดนไปด้วย”


 


 


บรรดาสาวใช้ส่ายหน้าไม่หยุด ตะเบ็งเสียงเว้าวอน


 


 


โจวอู่อารมณ์ร้อน พูดว่า “จะไปเสวนากับพวกนางอีกทำไม? อัดพวกนางสักชุดก็ได้แล้ว”


 


 


สาวใช้ที่คุ้มกันหลิวลี่ได้ฟังผวาถอยหลัง


 


 


ซุนเอ้อและจางซานก็หมดความอดทนแล้ว ทั้งสองสบตากัน เข้าไปคว้าหลิวลี่จากด้านหลังสาวใช้ออกมา


 


 


หลิวลี่ตกใจกรีดร้องเสียงหลง


 


 


ซุนเอ้อตวัดตบไปหนึ่งฉาด “ร้องหาพระแสงอะไร เมื่อครู่ตอนบอกให้คนมาทำร้ายคุณชายของพวกเราทำไมถึงไม่ร้อง?”


 


 


หนึ่งปีมานี้หลิวลี่ถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยง ถูกซุนเอ้อตบจนหมุนได้รอบ ล้มคมำหน้าคว่ำไปกับพื้น ปากกระแทกกับพื้นพอดิบพอดี พลันรู้สึกว่าในปากมีสิ่งแปลกปลอม บ้วนออกมาดู กลับเป็นฟันหนึ่งซี่ กรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีด แล้วเป็นลมล้มพับไป


 


 


สาวใช้เห็นนางล้มไปกับพื้น ตกใจถลาเข้าไปร้องเรียก “คุณหนู” กระทั่งเห็นปากหลิวลี่เต็มไปด้วยเลือด ทั้งในมือยังมีฟันหนึ่งซี่ มีสาวใช้สองคนถึงกับเสียขวัญหมดสติตามไป


 


 


สาวใช้ที่เหลือมือเท้าอ่อน คิดจะประคองหลิวลี่ กลับไร้เรี่ยวแรง

 

 

 


ตอนที่ 224-3 ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลี...

 

บุตรสาวจะต้องแต่งไปอยู่เมืองหลวง ตอนนี้กลับถูกตบจนฟันหลุด เช่นนั้นความหวังมิพังทลายหมดสิ้นหรือ สะใภ้หลิวกุ้ยไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ก้มศีรษะร้องคำรามพุ่งเข้าใส่ซุนเอ้อ


 


 


ชาวบ้านต่างสะดุ้งตกใจ ซุนเอ้อยังไม่ทันรู้ตัวก็ถูกสะใภ้หลิวกุ้ยชนหงายเก๋งไปกับพื้น


 


 


สะใภ้หลิวกุ้ยที่ชนซุนเอ้อลงไปนอนแอ้งแม้งได้ ยืนร่างโซเซเล็กน้อย จากนั้นราวกับคนเสียสติ ขึ้นคร่อมขี่ร่างซุนเอ้อ จู่โจมตบตีเขาทุกทิศทุกทาง ร้องก่นด่าสาดเสียเทเสียฟังไม่รู้ความ “ข้าจะตีให้ตายเจ้าคนสารเลว ข้าจะเอาเจ้าให้ตายเจ้าคนสารเลว…”


 


 


ซุนเอ้อถูกตีจนมึน ลืมจะตอบโต้ ถูกตีต่อเนื่องหลายครั้ง


 


 


เป็นอู๋ต้าที่ได้สติกลับมาก่อน เข้าไปกระชากสะใภ้หลิวกุ้ยออก ถึงช่วยซุนเอ้อให้รอดมาได้


 


 


สะใภ้หลิวกุ้ยถูกอู๋ต้ากระชากออกมา ยังคงร้องก่นด่าสองมือกวักแกว่งไม่หยุด


 


 


พวกหลี่ลิ่วรีบเข้าไป ดึงตัวซุนเอ้อขึ้นมา ถามอย่างเป็นห่วง “เจ้าไม่เป็นอะไรนะ”


 


 


ซุนเอ้อได้สติกลับคืนมาแล้ว รู้สึกอัปยศอดสูที่ตัวเองต้องมาถูกผู้หญิงคนหนึ่งตบหน้าต่อหน้าคนมากมาย โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ปรี่เข้าหาสะใภ้หลิวกุ้ยที่ยังคงกระเสือกกระสนจากการฉุดกระชากของอู๋ต้า


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวร้องห้ามเขา “ซุนเอ้อ พอได้แล้ว!”


 


 


ซุนเอ้อชะงักฝีเท้า จ้องมองสะใภ้หลิวกุ้ยอย่างเคืองแค้น


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เจ้าถูกหญิงครองเรือนคนหนึ่งตบหน้าหลายฉาด จะโทษคนอื่นไม่ได้ ต้องโทษที่เจ้าไม่ตั้งใจเรียนเอง นับแต่วันพรุ่งนี้ไป เพิ่มการฝึกวรยุทธ์ของพวกเจ้าอีกคนละครึ่งชั่วยาม”


 


 


พวกหลี่ลิ่วร้องคร่ำครวญในใจ อู๋ต้าเหวี่ยงสะใภ้หลิวกุ้ยไปกับพื้น “ฝากไว้ก่อนเถอะ คอยดูว่าพวกเราจะจัดการเจ้าอย่างไร”


 


 


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้ว่าตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนี้ หรือเพราะความชิงชังที่ภรรยาตนเองปิดบังเรื่องที่มาอาละวาดตอนที่เมิ่งต้าจินดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านโดยพลการ ทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวแจกสูตรให้คนในหมู่บ้าน ตัดหนทางร่ำรวยของครอบครัว จนถึงตอนนี้ หลิวกุ้ยจึงยังไม่พูดอะไรสักคำ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูสาวใช้และบ่าวร่วมถึงหลิวลี่ที่นอนระเกะระกะอยู่หน้าบ้านตัวเอง ขมวดคิ้วสั่งการอู๋ต้า “รีบหามพวกเขาขึ้นรถม้า แล้วเอาตัวออกไป”


 


 


อู๋ต้ารับคำ เดินขึ้นหน้าจะจับหลิวลี่โยนขึ้นรถม้าก่อน


 


 


สาวใช้มือเท้าอ่อนพลันมีเรี่ยวแรง ลนลานพูด “พวกเราจัดการเอง”


 


 


อู๋ต้าหยุดชะงัก คิดในใจว่าไม่ต้องจัดการเองยิ่งดี


 


 


สาวใช้หามหลิวลี่ขึ้นไปบนรถม้าอย่างเหนื่อยยาก และไม่สนใจสาวใช้สองคนที่สลบไปรวมถึงบ่าวที่นอนหายใจรวยริน พูดขอร้องหลิวกุ้ย “นายท่าน พวกเราบังคับรถม้าไม่เป็น รบกวนท่านส่งคุณหนูของพวกเรากลับไปด้วยเถอะ”


 


 


หลิวกุ้ยกำลังจะเดินขึ้นหน้า อู๋ต้าเอ่ยปากพูด “ไม่ได้ เอากลับไปแต่คุณหนูของพวกเจ้า แล้วคนที่เหลือจะทำอย่างไร?”


 


 


สาวใช้คนหนึ่ง “พลั่ก” คุกเขาต่อหน้าเขา พูดวิงวอน “คุณหนูของพวกเราเป็นผู้หญิง จะโดยสารร่วมรถม้ากับบ่าวไพร่ได้อย่างไร หากเรื่องรู้ไปถึงหูนายท่านและฮูหยิน พวกเราจะต้องถูกตีตายทั้งเป็น ขอร้องท่านละ ปล่อยพวกเราไปเถอะ”


 


 


อู๋ต้าหาได้ไยดี กำลังจะเดินหน้าโยนสาวใช้สองนางขึ้นไปบนรถม้าก่อน เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดังขึ้น “อู๋ต้า อย่าให้พวกนางต้องลำบากใจ เจ้าไปบังคับรถเทียมเกวียนมา พาพวกเขาทั้งหมดกลับไป”


 


 


อู๋ต้ารับคำ เข้าไปบังคับรถเทียมเกวียน


 


 


สาวใช้ถอนใจโล่งอก ลุกขึ้นยืน


 


 


หลิวกุ้ยเลี้ยวกลับหัวม้ากลับบ้านไปอย่างเงียบงัน


 


 


สะใภ้หลิวกุ้ยก็ไม่ร่ายรำฟ้อนเล็บแล้ว วิ่งกระเซอะกระเซิงตามหลังไป


 


 


อู๋ต้าบังคับรถเทียมเกวียนออกมา โยนบ่าวที่จะตายมิตายแหล่ขึ้นไปบนรถ โยนสาวใช้สองคนที่สลบไปไว้ด้านบนสุด แล้วบังคับรถเทียมเกวียนส่งไปที่บ้านหลิวกุ้ยพร้อมหลี่ลิ่วและโจวอู่


 


 


ชาวบ้านเห็นว่าเรื่องสนุกจบแล้ว ต่างจับกลุ่มกระซิบกระซาบแยกย้ายไป


 


 


กระทั่งกลุ่มคนแยกย้ายไปหมดแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถึงพูดกับซุนเหลียงไฉว่า “ไปเอาน้ำกลั้วปากก่อน ข้าจะไปเอายาให้เจ้า”


 


 


ซุนเหลียงไฉโบกมือ พูดอย่างไม่แยแส “ไม่ต้อง บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น สองวันก็หายแล้ว”


 


 


“งั้นหรือ?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างมีนัยแฝง


 


 


ซุนเหลียงไฉรีบพยักหน้า กลับพลาดไปถูกบาดแผลในปาก ร้อง “ซี้ด” ด้วยความเจ็บปวด แล้วส่ายหน้าพลัน


 


 


เหวินเปียวและเหวินหู่ร้อนรนเข้ามารับผิด “เป็นความผิดของพวกเราเอง ทำให้คุณชายซุนได้รับบาดเจ็บ”


 


 


“เขาไม่ตั้งใจร่ำเรียนเอง เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้าด้วย อย่าได้แบกความรับผิดชอบทุกอย่างไว้กับตัวเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด


 


 


เหวินเปียวตอบว่า “หน้าที่ของพวกเราคือคุ้มครองความปลอดภัยของคนในครอบครัว ตอนนี้คุณชายซุนได้รับบาดเจ็บ เป็นความบกพร่องของพวกเรา”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เป็นความรับผิดชอบของพวกเจ้าจริงๆ เอาอย่างนี้ ลงโทษพวกเจ้าทั้งหมดกวาดลานหน้าบ้าน ห้ามให้ท่านแม่ข้าทราบเรื่องเด็ดขาด”


 


 


สิ้นเสียง ก็เห็นเมิ่งชื่อ เมิ่งเอ้ออิ๋น เมิ่งเสียน เมิ่งฉีวิ่งเข้ามาแต่ไกล


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวร้องครวญคราง พูดเสียงเบา “หมดกัน ข้าต้องถูกบ่นอีกแล้ว”


 


 


เป็นดังคาด เมิ่งชื่อวิ่งมาถึงหน้าบ้าน เห็นหยดเลือดกระจายไปทั่ว ยังไม่ทันหายใจทั่วท้อง ก็กล่าวตำหนิ “โยวเอ๋อร์ แม่บอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่? เจ้าโตเป็นสาวแล้ว ไม่ควรเอะอะอะไรก็ลงไม้ลงมือ ทำเช่นนี้จะส่งผลเสียงต่อชื่อเสียงของเจ้า”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยกสองมือจ้าละหวั่น “ท่านแม่ พวกชาวบ้านก็เห็นแล้ว ข้าถอยออกมาตั้งไกล ไม่ได้เข้าร่วมเลยตั้งแต่ต้นจนจบ”


 


 


บุตรสาวที่เลี้ยงมาเองกับมือเมิ่งชื่อย่อมรู้จักนิสัยนางดี เมื่อนางบอกว่ามิได้ลงมือจักต้องไม่ได้ลงมือ จึงถอนใจโล่งอก แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “พวกเจ้าไม่เป็นอะไรนะ”


 


 


เมิ่งอี้เซวียนและเมิ่งเจี๋ย เมิ่งชิงส่ายหน้า พูดเป็นเสียงเดียวกัน “ไม่เป็นอะไรขอรับ”


 


 


ซุนเหลียงไฉก็ส่ายหน้าตามไปด้วย กลับกระทบถูกบาดแผลในปาก ร้อง “ซี้ด” อีกครั้ง


 


 


เมิ่งชื่อรีบเข้าไปถามไถ่ “เหลียงไฉ เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”


 


 


ครั้งนี้ซุนเหลียงไฉไม่กล้าส่ายหน้า แต่โบกมือหยอยๆ “ท่านป้า ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแค่ตอนหกล้มพลาดกระแทกโดนปาก ทำให้ปากด้านในแตก”


 


 


“รีบเข้าไปในบ้าน ให้พี่ใหญ่เจ้าดูอาการ หากว่าร้ายแรง พวกเราจะไปเชิญหมอมา” เมิ่งชื่อลนลานพูด


 


 


ซุนเหลียงไฉกำลังจะปฏิเสธ เมิ่งเชี่ยนโยวกลับส่งสายตาให้เขา ซุนเหลียงไฉรีบกลับคำพูด “ขอบคุณท่านป้า” พูดจบเดินนำเข้าไปในบ้าน


 


 


คนทั้งหมดเดินตามเข้าไป ทิ้งพวกเหวินเปียวไว้ทำความสะอาดหน้าบ้านให้เรียบร้อย


 


 


กลับเข้ามาในห้อง ซุนเหลียงไฉอ้าปากให้เมิ่งเสียนดูบาดแผลแต่โดยดี


 


 


เมิ่งเสียนตั้งใจดูอย่างละเอียดแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ เพียงกระแทกถูกเล็กน้อยจริงๆ ไม่เป็นอะไรมาก”


 


 


สองสามีภรรยาเมิ่งถึงวางใจลง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าไปเอายาในห้องตัวเองออกมา ยื่นให้เมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านใส่ยาให้เขาหน่อย พรุ่งนี้ก็จะดีขึ้น”


 


 


เมิ่งเสียนรับยามา ใส่ให้ซุนเหลียงไฉอย่างระวัง


 


 


เมิ่งชื่อพูดว่า “พวกเจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ แม่จะทำอาหารเอง ทำเสร็จแล้วค่อยเรียกพวกเจ้า”


 


 


คนทั้งหมดรับคำ กลับเข้าไปในห้องอย่างเชื่อฟัง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตามเมิ่งชื่อเข้าไปในครัว ชี้ผักที่ตัวเองล้างเสร็จแล้วพูดว่า “ท่านแม่ ดูเถิด ข้าล้างผักเสร็จหมดแล้ว กำลังเตรียมจะทำอาหาร เป็นพวกเขาที่เข้ามาหาเรื่อง ทั้งยังตอแยไม่เลิกรา อี้เซวียนและเหลียงไฉทนไม่ไหว ถึงต้องลงมือกับพวกเขา”


 


 


เมิ่งชื่อถอนหายใจพูดว่า “แม่ได้ยินมาหมดแล้ว เรื่องนี้โทษพวกเจ้าไม่ได้ ทว่าตอนนี้สถานะของหลิวลี่ไม่เหมือนแต่ก่อน ได้ยินว่าน้าชายของนางมีอำนาจบารมีใหญ่โตที่หัวเมือง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมาแก้แค้นครอบครัวพวกเราหรือไม่”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูดปลอบใจนาง “ฟ้าสูงพระราชาอยู่แสนไกล ต่อให้เขามีอำนาจมากเพียงใด มือก็ยืดยาวมาไม่ถึงที่นี่หรอก ท่านวางใจเถิด”


 


 


เมิ่งชื่อพยักหน้า “เจ้าพูดมาก็ถูก หัวเมืองไม่รู้ว่าอยู่ห่างจากที่นี่เท่าใด เขาควบคุมมาไม่ถึงที่นี่ แม่คิดมากไปเอง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะต่อกระซิกโอบไหล่นาง พูดโอ้โลม “ท่านมิได้คิดมาก ท่านเพียงเป็นห่วงพวกเรา”


 


 


เมิ่งชื่อหัวเราะตีมือนาง “รู้ก็ดีแล้ว ต่อไปทะเลาะกันคนอื่นให้น้อย ให้แม่คลายกังวลบ้าง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มรับประกัน “ไม่มีปัญหา ต่อไปหากท่านแม่ไม่อนุญาต ข้าจะไม่ลงมือกับใครเด็ดขาดเจ้าค่ะ”


 


 


เมิ่งชื่อขึงตาใส่นาง พูดว่า “คิดว่าแม่ไม่รู้จักนิสัยเจ้าเรอะ เชื่อเจ้าก็แปลกแล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะร่วน


 


 


เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีตามพวกเขาเข้ามาในห้อง สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น


 


 


เมิ่งอี้เซวียนเล่าความตั้งแต่ต้นจนจบออกมา


 


 


เมิ่งฉีฟังจบก็ให้เคืองขุ่น พูดว่า “แม้แต่น้องเล็กก็ไม่ออมมือ รังแกกันเกินไปแล้ว พวกเจ้าทำถูกต้องแล้ว คนพรรค์นี้ตีให้ตายก็ยังนับว่าน้อยไป”


 


 


เมิ่งเสียนพูดว่า “ฆ่าคนตายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จัดการพวกเขาให้ร่อแร่เจียนตาย แล้วส่งกลับไปบ้านหลิวกุ้ยเช่นนี้กำลังดี ต่อให้ภายหน้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา”


 


 


พวกอู๋ต้าบังคับรถเทียมเกวียนนำสาวใช้และบ่าวมาส่งหน้าประตูบ้านหลิวกุ้ย หลังจากช่วยกันโยนคนทั้งหมดไว้ที่พื้นเสร็จก็บังคับรถเทียมเกวียนกลับ


 


 


สาวใช้ถูกเหวี่ยงจนตื่น เห็นตัวเองนอนร่วมกับบ่าวคนอื่นบนพื้น ลนลานลุกขึ้น แล้วมองสังเกตไปโดยรอบ พบว่าเป็นหน้าบ้านหลิวกุ้ยก็ให้โล่งอก พลันนึกได้ว่าหลิวลี่ถูกตบจนฟันหัก ก็หวาดผวาตัวสั่น ชะเง้อมองเข้าไปในลานบ้าน เห็นรถม้าจอดอยู่ในลานบ้าน ยกเท้าเดินเข้าไปในลานบ้าน


 


 


หลิวต้าเป่าหยุดงานวันนี้พอดี กลับมาเยี่ยมภรรยาที่บ้าน เห็นบุรุษหลายชีวิตนอนระเกะระกะหน้าบ้านตนเอง ก็ให้สะดุ้งตกใจ ร้องโวยวายถามสาวใช้ที่เดินมาถึงหน้าประตูแล้ว “พวกเจ้าเป็นใคร?”


 


 


สาวใช้ได้ยินเสียงเขา หันกลับหลัง เห็นชายคนหนึ่งตวาดถามตัวเอง ถามกลับอย่างระแวดระวัง “ท่านเป็นใคร?”


 


 


หลิวต้าเป่าเริ่มใช้น้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าถามว่าข้าเป็นใคร? ข้าต่างหากที่ต้องถามเจ้า พวกเจ้ามาบุกรุกบ้านข้าทำไม?”


 


 


ก่อนจะมาหลิวลี่ได้เล่าสภาพครอบครัวของตนเองให้พวกนางฟังแล้ว ได้ยินหลิวต้าเป่ากล่าวเช่นนี้ สาวใช้เข้าใจทันทีว่าเป็นพี่ชายของหลิวลี่ รีบร้อนทำความเคารพ “ที่แท้คุณชายก็กลับมาแล้ว พวกเราเป็นสาวใช้ของคุณหนูหลิวลี่ วันนี้ตามนางกลับมาเยี่ยมญาติเจ้าค่ะ”


 


 


“น้องสาวข้ากลับมาแล้ว?” หลิวต้าเป่าอุทานด้วยความยินดี แล้วก้าวฉับเข้าไปด้านใน เดินไปได้สองก้าว ถึงนึกขึ้นได้ว่ามีคนนอนเกะกะหน้าประตู หันกลับไปถาม “เกิดอะไรขึ้นกับคนที่อยู่ด้านนอกพวกนั้น?”


 


 


“พวกเขาเป็นบ่าวของคุณหนู ถูกทำร้ายจนมีสภาพเช่นนั้นเจ้าค่ะ”


 


 


หลิวต้าเป่าเกิดความกังขา “เหตุใดพวกเขาถึงถูกทำร้ายจนมีสภาพเช่นนั้น?”


 


 


สาวใช้ตอบไม่ถูก


 


 


“ช่างเถอะ ข้าเข้าไปหาน้องสาวข้าก่อน ถามนางว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” พูดจบ ก้าวฉับๆ เข้าไปด้านใน


 


 


ยังเดินไม่ถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงร้องโหยไห้ปานจะขาดใจ “ลูกสาวแม่ช่างอาภัพนัก ครานี้จะทำอย่างไรกันดี?”


 


 


หลิวต้าเป่าฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของใคร รีบเดินเข้าไปในบ้าน ตอนที่กำลังจะพูดด้วยความดีใจนั้น กลับเห็นหลิวลี่นอนซังกะตายอยู่บนเตียง ส่วนมารดาของตนเองก็หน้าบวมครึ่งซีก ตกใจร้อนรนถามพลัน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดพวกท่านถึงกลายเป็นเช่นนี้?”


 


 


สะใภ้หลิวกุ้ยลุกขึ้นคว้าแขนหลิวต้าเป่า “ต้าเป่าเอ๊ย เจ้ากลับมาแล้ว แม่และน้องสาวเจ้าเกือบจะถูกนังตัวดีเมิ่งเชี่ยนโยวทำร้ายจนตาย”


 


 


เอ่ยถึงเมิ่งเชี่ยนโยว หลิวต้าเป่าใจสั่น ถามอย่างหวาดผวา “พวกท่านทำสิ่งใดให้นางไม่พอใจอีก?”


 


 


สะใภ้หลิวกุ้ยร้อนใจ ยิ่งให้พูดจาไม่รู้เรื่อง “พอน้องสาวเจ้ากลับมา ตั้งใจดีจะไปคุยเรื่องในอดีตกับนาง ไม่คิดว่านังตัวดีสมควรตายนั่น จะทำร้ายแม่และน้องสาวจนมีสภาพเช่นนี้”


 


 


หลิวกุ้ยได้ยินนางพูดกลับดำเป็นขาว แผดเสียงตวาดนางลั่น “หุบปาก เจ้าทำร้ายลี่เอ๋อร์ยังไม่สาแก่ใจหรือไง? ยังคิดจะทำร้ายต้าเป่าอีกเรอะ”


 


 


เห็นหลิวกุ้ยระเบิดอารมณ์ สะใภ้หลิวกุ้ยปิดปากเงียบ ปล่อยแขนหลิวต้าเป่า กลับไปนั่งข้างเตียง คร่ำครวญโหยไห้ต่อ “ลูกสาวแม่ช่างอาภัพนัก ครานี้จะทำอย่างไรกันดี?”


 


 


หลิวต้าเป่าคิดจะถามต่อ บุตรชายคนโตได้ยินเสียงเขาวิ่งออกมาจากในห้อง ฉุดกระชากเขาให้เข้าไปในห้องตัวเอง “ท่านพ่อ ท่านแม่เอาแต่ร้องไห้ ท่านรีบไปดูเถอะ”


 


 


สะใภ้หลิวกุ้ยได้ยินที่เด็กพูด ก็ให้สติกระเจิง ก่นด่าสะใภ้หลิวต้าเป่าแทบอยากจะบีบคอนางให้ตาย “ร้องๆๆ นังตัวซวยรู้จักแต่ร้องไห้ ลี่เอ๋อร์กลายเป็นแบบนี้ เพราะนางเอาแต่ร้องไห้”


 


 


หลิวต้าเป่ารู้ว่ามารดาตัวเองไม่ดีต่อภรรยาตัวเอง แต่ไม่คิดว่าจะไม่ดีกับนางถึงขั้นนี้ ถึงกับโยนความรับผิดชอบนี้ให้ภรรยาตนเอง เกิดอาการไม่พอใจ น้ำเสียงเริ่มไม่ดีตามไปด้วย “ท่านแม่ พวกท่านไปหาเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วถูกทำร้าย เกี่ยวอะไรกับภรรยาข้า? ท่านอย่ามีเรื่องอะไรก็มาโยนใส่นาง”


 


 


บุตรสาวต้องมามีสภาพเช่นนี้ เดิมสะใภ้หลิวกุ้ยก็อัดอั้นเคียดแค้นพอแล้ว ตอนนี้ได้ยินหลิวต้าเป่าช่วยพูดแทนภรรยาอีก สะใภ้หลิวกุ้ยโมโหเลือดขึ้นหน้า พูดข่มขู่ “ต้าเป่า แม่จะบอกให้นะ เจ้าจงหย่ากับนางตัวซวยให้แม่เดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นมีนางไม่มีแม่ มีแม่ไม่มีนาง”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)