อัจฉริยะสมองเพชร 2236-2241

ตอนที่ 2236 ฝ่าด่านวรยุทธ

 

“คุณหมายถึงนักปรุงยาโจวเฟิง?” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทาจับจ้องอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้


“ใช่ เขานั่นแหละ!” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีดำตอบ


“โจวเฟิงเป็นศิษย์สายตรงของฟู่เจียงเฉิน, ใช่ไหม? ทักษะการหลอมยาของเขาย่อมเหนือชั้นกว่าเราสองคนมาก แต่คนอย่างเขาก็ไม่อาจทำความเข้าใจยาเม็ดเพิ่มความงามได้?” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทาถามอย่างไม่อยากเชื่อ


ฟู่เจียงเฉินคือนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในสรวงสวรรค์ ร่ำลือกันว่าครั้งหนึ่งเขาเคยหลอมยาเม็ดให้เหล่าจอมราชันย์


ฟู่เจียงเฉินมีศิษย์สายตรงอยู่มากมายทั่วทั้งสรวงสวรรค์ แต่ละคนได้เป็นนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่นักปรุงยาด้วยกัน ซึ่งโจวเฟิงก็เป็นหนึ่งในศิษย์สายตรงระดับหัวกะทิของเขา


“ตอนนี้ นักปรุงยาคนหนึ่งที่ผมเคยชี้แนะก็อยู่ในสมาคมนักปรุงยาของเมืองหลวง เขาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ดูเหมือนสมาคมนักปรุงยาจะซื้อยาเม็ดเพิ่มความงามที่วางขายในท้องตลาดมา 3 เม็ด พวกเขาตรวจสอบคุณสมบัติทางยาและกระบวนการหลอมจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ข้อสรุปที่ได้แต่ละครั้งก็เหมือนเดิม-มันไม่ต่างอะไรกับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำ!” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทาพูด


การตรวจสอบกรรมวิธีการหลอมยาไม่ใช่งานง่าย ผู้ตรวจสอบจะต้องมีทั้งความรู้ เวลา และความพยายาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่พอเป็นไปได้ ซึ่งนั่นทำให้ในท้ายที่สุด ยาเม็ดราคาแพงหลายขนานก็ถูกด้อยคุณภาพลงไป


“จะต้องมีส่วนผสมบางอย่างในยาเม็ดเพิ่มความงามที่ทำให้มันแตกต่างจากยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า เพียงแต่พวกเรายังหาไม่เจอ…” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีดำกำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิด


เขารู้แน่แก่ใจว่ายาเม็ดเพิ่มความงามจะต้องมีบางอย่างที่พิเศษ แต่มันก็ไม่ยอมเผยความลับนั้นออกมาเสียที ทำให้ขัดอกขัดใจมาก


ในตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทาก็อุทานออกมา “เดี๋ยวก่อน…ดูนั่นสิ! ใช่อาจารย์ฟู่เจียงเฉินหรือเปล่า?”


ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีดำรีบมองตาม เห็นอสูรบินได้ตัวหนึ่งลอยอยู่ไม่ห่างออกไป ที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดคือชายชราคนหนึ่งที่มีเคราขาวโพลน และมีอีกสองสามคนยืนระวังหลังให้อย่างแข็งขัน ดูเหมือนไม่กล้าหาที่นั่งหากผู้อาวุโสยังอยู่


หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นนักปรุงยาโจวเฟิงที่พวกเขาเพิ่งพูดถึง


“เขานั่นแหละ!” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีดำอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ “ผมเคยได้รับเกียรติให้พบเขาและฟังการบรรยายของเขาครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ผมท่องตระเวนไปทั่วทั้ง 9 น่านฟ้า คุณคงไม่รู้หรอกว่าผมประทับใจการสอนของเขาแค่ไหน…แล้วทำไมเขาถึงมาด้วยตัวเอง?”


“จริงด้วย เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชันย์เทพเจ้า แต่ก็ยังมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง หรือว่าเขากำลังค้นคว้าเรื่องยาเม็ดเพิ่มความงามเหมือนกัน และยังไม่อาจทำความเข้าใจมันได้?” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทาตั้งข้อสังเกตอย่างลังเล


นั่นเป็นเหตุผลข้อเดียวที่เขาคิดออก


“ก็เป็นไปได้…ถ้าแม้แต่นักปรุงยาที่เก่งกาจที่สุดในสรวงสวรรค์ยังไม่สามารถทำความเข้าใจยาเม็ดเพิ่มความงาม ผมก็จินตนาการไม่ถูกแล้วว่าผู้หลอมยาเม็ดเพิ่มความงามจะน่าทึ่งขนาดไหน!” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีดำหันไปมองเวทีด้วยสายตาที่บ่งบอกความทึ่งจัด


นั่นคือฟู่เจียงเฉิน, นักรบระดับราชันย์เทพเจ้า ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยหลอมยาเม็ดให้จอมราชันย์! หากคนระดับนี้ยังล้วงความลับของยาเม็ดเพิ่มความงามไม่ได้ เรื่องนี้คงใหญ่โตกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก


…..


“ถ้ายาเม็ดเพิ่มความงามมันน่าทึ่งขนาดนั้น ทำไมเราไม่ลักพาตัวนักปรุงยาและบังคับให้เขาเปิดเผยสูตรยาล่ะ?” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในหมู่ฝูงชนถามสหายของเขา “อย่าบอกนะว่าคุณไม่กล้าทำอะไรเพียงเพราะตอนนี้พวกเราอยู่ในเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน!”


ด้วยความที่เป็นเมืองหลวงของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ระเบียบและกฎหมายจึงถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวด แต่อาชญากรรมก็ยังเกิดขึ้นเนืองๆ


เห็นได้ชัดว่ายาเม็ดเพิ่มความงามเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรมหาศาล ทั้งยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจของนักปรุงยาอีกหลายคนในเมืองหลวง จึงเป็นธรรมดาที่น่าจะมีผู้คนมากมายอยากสังหารเขา


“ไม่ใช่อยู่แล้วล่ะน่ะ! ในสายตาคุณ ผมดูเหมือนพลเมืองดีหรือไง?” สหายของชายวัยกลางคนผู้นั้นคำราม แต่แล้วก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมส่งทีมเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง 3 คนออกไปลักพาตัวเขา แต่ก็ขาดการติดต่อกับคนพวกนั้นระหว่างที่กำลังปฏิบัติภารกิจ เมื่อตรวจสอบอีกที ก็พบว่าทั้ง 3 เสียชีวิตแล้ว!”


“นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง 3 คนถูกฆ่า? นักปรุงยานั่นเก่งกาจขนาดนั้นเลยหรือ?” ชายวัยกลางคนหรี่ตาด้วยความตกใจ


ด้วยจำนวนราชันย์เทพเจ้าและราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่มีอยู่จำกัดในสรวงสวรรค์ นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง 3 คนจึงถือเป็นกองกำลังชั้นยอด แต่พวกเขากลับต้องตายระหว่างการปฏิบัติภารกิจ หรือว่านักปรุงยาผู้นั้นเป็นราชันย์เทพเจ้า?


“หมอนั่นน่ะไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก เรื่องนี้เป็นฝีมือตระกูลฉี!” สหายของเขาตอบ


“ตระกูลฉี?”


“ใช่ หัวหน้าตระกูลฉีประกาศว่าใครก็ตามที่กล้าแตะต้องนักปรุงยาผู้นี้จะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลฉี และมีราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งคัดค้านคำประกาศดังกล่าว โดยมองว่าเป็นการใช้อำนาจอย่างเผด็จการ”


“แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ก็ถูกเล่นงานอย่างหนัก แถมถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวงด้วย ว่ากันว่าบรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลฉีเป็นผู้ลงมือด้วยตัวเอง” สหายของเขาพูดต่อ


“บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลฉี? คุณหมายถึง…ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติฉีเหมิง?” ชายวัยกลางคนหน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึง


ถ้ายาเม็ดเพิ่มความงามมีมูลค่ามหาศาลอย่างที่ใครๆร่ำลือกัน ก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงเข้าไปจับตัวนักปรุงยาและรีดเอาสูตรยาจากเขา แต่หากบรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลฉีเข้ามาเกี่ยวข้อง…


ฉีเหมิงคือนักรบคนหนึ่งที่เคยกุมอำนาจของโลกใบนี้เคียงคู่กับจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่น อำนาจของเขาในน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนนั้นยิ่งใหญ่อย่างไม่มีใครเทียบ ไม่มีใครขัดขวางความโกรธเกรี้ยวของเขาได้ เว้นเสียแต่จอมราชันย์จะออกโรงด้วยตัวเอง!


ถ้านักปรุงยาผู้นั้นได้รับการคุ้มครองจากคนระดับนี้ พวกเขาก็ไม่ควรยื่นมือเข้าไปแตะต้อง เว้นเสียแต่จะอยากตายเต็มที


“คุณเข้าใจแล้วสิ ใช่ไหม? ผมบอกเรื่องนี้ก็เพราะเห็นแก่ความสนิทสนมของเราหรอกนะ ขอแนะนำคุณให้ล้มเลิกความคิดเสีย ไม่อย่างนั้นจะตายไม่รู้ตัว!” สหายของเขาเตือน


ถ้านักปรุงยาไม่มีหนทางปกป้องตัวเองหลังจากปล่อยยาที่มีอานุภาพไร้เทียมทานขนาดนี้ออกมา ป่านนี้ก็คงถูกสังหารไปหลายรอบแล้ว


สรวงสวรรค์หรือแม้แต่เมืองหลวงของทั้ง 9 น่านฟ้าไม่ได้สงบสุขอย่างที่ดูเหมือนจะเป็น


…..


ที่คฤหาสน์ลอยได้ขนาดมหึมาในน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งประสานมือขณะรายงาน “บรรพบุรุษเก่าแก่ ผมตรวจสอบเรื่องนั้นแล้ว เป็นฝีมือของตระกูลฉี”


เสียงหนึ่งที่บ่งบอกความสงสัยดังออกมาจากในห้อง “ฉีเหมิงเคยได้รับบาดเจ็บสาหัส แถมตัวเขาก็ไม่ต่างจากผม อายุขัยของเขาใกล้สิ้นสุดแล้วเหมือนกัน เขาเก็บตัวเงียบมาตลอดเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างศัตรู แล้วทำไมจู่ๆ ถึงเลือกปกป้องนักปรุงยานิรนามคนหนึ่ง? ต่อให้ยานั่นจะน่าทึ่งสักแค่ไหน ก็ไม่น่าจะมีผลอะไรกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติมากนักหรอก!”


เขาคือราชันย์ผู้ทรงเกียรติอีกคนหนึ่งของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน, ไป๋ถังเฉว่!


เมื่อสำเร็จวรยุทธระดับนี้แล้ว ก็แทบไม่มีอะไรดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้อีก


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติส่วนใหญ่ปลีกตัวจากกิจธุระทางโลก พวกเขาแสวงหาการใช้ชีวิตแบบเงียบๆและสงบสุข ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆฉีเหมิงถึงลุกขึ้นมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้


ไม่เพียงเท่านั้น ยังทำร้ายราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัสด้วย…


ทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดศึกกับกลุ่มอำนาจที่สนับสนุนราชันย์เทพเจ้าคนนั้น ทำให้ตระกูลฉีมีศัตรูที่ทรงพลังเพิ่มขึ้นอีก


“ผมก็ไม่รู้รายละเอียดนะ รู้แค่ว่าตระกูลฉีซื้อยาเม็ดเพิ่มความงามจำนวน 1,000 เม็ดเพื่อมอบให้สมาชิกรุ่นหลัง ทำให้ศักยภาพและประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก โดยเฉพาะฉีเยว่ ผมได้ยินว่าตอนนี้เขาเริ่มเข้าถึงความลับของราชันย์เทพเจ้าแล้ว และมีความเป็นไปได้ว่าคงฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จในอนาคตอันใกล้” ชายวัยกลางคนรายงาน


“เขาใกล้จะฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ? ยานั้นน่าทึ่งขนาดนั้นจริงๆหรือ?”


“ใช่” ชายวัยกลางคนตอบ เขาหยิบกล่องหยกใบหนึ่งออกมาแล้วยื่นออกไป “ลองตรวจสอบดูเถอะ”


กล่องหยกลอยเข้าไปในห้อง


เป่ยถังเฉว่ที่อยู่ในห้องเปิดกล่องหยกแล้วหยิบยาเม็ดออกมาตรวจสอบด้วยความสงสัย จากนั้นก็กลืนมันลงไป


“ฮะ…” เป่ยถังเฉว่หรี่ตาด้วยความตกใจ “ผมสัมผัสได้ถึงรังสีของจอมราชันย์ในยาเม็ดนี้!”


“จอมราชันย์?” ชายวัยกลางคนตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึง


“ใช่! ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ยาเม็ดนี้ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำธรรมดา แต่พลังปราณของจอมราชันย์ที่อยู่ภายในส่งผลให้มันมีอานุภาพพิเศษ” เป่ยถังเฉว่วิเคราะห์อย่างเคร่งขรึม


“นี่คือความเห็นของผมในเวลานี้ เท่าที่ผมรู้ พลังปราณของจอมราชันย์ตัวจริงน่าจะบริสุทธิ์กว่าที่เห็น แต่ขณะเดียวกันก็ไม่น่ามีอานุภาพเยียวยาอาการบอบช้ำภายในได้ ผมคิดว่าคงต้องหาทางพบปะฉีเหมิงเพื่อไขข้อข้องใจเรื่องนี้แล้วล่ะ”


เขาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับฉีเหมิงและจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นมาเนิ่นนานแล้ว จึงมีโอกาสได้รับรู้พละกำลังมหาศาลของจอมราชันย์


พลังงานของจอมราชันย์นั้นบริสุทธิ์มาก ทั้งยังมีแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งโลกกำลังถล่มใส่


เขามีความรู้สึกแบบเดียวกันนี้กับยาเม็ดเพิ่มความงาม แต่ความเข้มข้นของพลังงานในนั้นลดลงไปหลายเท่า


“บรรพบุรุษเก่าแก่ คุณตั้งใจจะพบปะคนผู้นั้นจากตระกูลฉีหรือ?” ชายวัยกลางคนถาม


“ผมก็ควรทำแบบนั้นแหละ ผมเคยคิดว่าตาเฒ่านั่นล้างมือจากทุกอย่างแล้ว แต่ดูเหมือนจะมองเขาผิดไป กลับกลายเป็นผมที่ล้าหลังใครเขาหมด ต่อให้ผู้ที่หลอมยาเม็ดเพิ่มความงามไม่ใช่จอมราชันย์ แต่ก็น่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ถ้าเราไม่รู้เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ในเมื่อตอนนี้รู้แล้ว ก็คงทำหูหนวกตาบอดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นตระกูลเป่ยถังของเราจะล้าหลังตระกูลฉีตลอดกาล!” เป่ยถังเฉว่พูดขณะลุกขึ้นยืน


แม้เขาจะไม่รู้ว่ายาเม็ดถูกหลอมขึ้นด้วยวิธีไหน แต่ประสิทธิภาพระดับนี้ก็เพียงพอจะแสดงให้เห็นแล้วว่ามันคือของจริง


ถ้ายังมีบางสิ่งในโลกที่แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอย่างเขายังไม่อาจทำความเข้าใจมันได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีจอมราชันย์เข้ามาเกี่ยวข้อง


เรื่องนี้เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง หากเขาได้ร่วมมือกับตระกูลฉี ก็มีโอกาสได้ผลประโยชน์อย่างงาม แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ตระกูลเป่ยถังก็มีแต่จะล้าหลังไปเรื่อยๆ



 

 

 


ตอนที่ 2237 มหาสมุทรนรกโลกันต์

 

ที่ใจกลางภูเขาลอยได้ซึ่งตระกูลฉีพำนักอยู่ บรรพบุรุษเก่าแก่ฉีเหมิงนั่งอยู่บนโขดหินพร้อมเบ็ดตกปลาคันหนึ่งในมือ


ตรงหน้าเขาคือทะเลสาบขนาดเล็ก มีปลาแหวกว่ายไปมาให้เห็นเป็นระยะ


ฉีเหมิงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวราวกับเป็นรูปปั้น แต่แล้วก็ยิ้มออกมาและพูดว่า “สงสัยอะไรก็ถามผมได้เลย ไม่ต้องแอบดูหรอก”


ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ ไม่มีใครอยู่ตรงหน้า


ฟึ่บ!


แต่หลังจากพูดจบได้ไม่นาน ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวบนผิวน้ำ จู่ๆก็โผล่มาราวกับถูกส่งทะลุมิติมาที่นี่ แถมการเคลื่อนไหวของเขายังไม่ก่อให้เกิดคลื่นรบกวนใดๆ ผิวน้ำก็ไม่กระเพื่อม เหมือนเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของภาพในจินตนาการ


เขาคือบรรพบุรุษของตระกูลเป่ยถัง, เป่ยถังเฉว่


“ตาเฒ่าฉี ยาเม็ดเพิ่มความงามกับจางเซวียนคนนั้นคืออะไรน่ะ?”


ฉีเหมิงดูจะเดาไว้แล้วว่าจะได้ยินคำถามแบบนี้ เขายกมือ “รอสักเดี๋ยวหนึ่งเถอะ เสิ่นถูหลิ่วเชียงกำลังมา เขามาถึงเมื่อไหร่ ผมจะอธิบายให้คุณฟัง”


ไม่ช้า อีกร่างหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ


เขาคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนสุดท้ายของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน, เสิ่นถูหลิ่วเชียง


“ตามผมมา”


เห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ฉีเหมิงลุกขึ้นยืน เขาสะบัดเสื้อคลุมเบาๆ เกิดแรงกระเพื่อมในอากาศ พริบตาต่อมา พวกเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าทะเลสาบจันทร์กระจ่าง


ฉีเหมิงหันไปถาม “คุณสองคนเห็นการเปลี่ยนแปลงของทะเลสาบไหม?”


“การเปลี่ยนแปลงของทะเลสาบ?” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั้งสองพิจารณาทะเลสาบจันทร์กระจ่างอย่างถี่ถ้วน หน้าซีดขึ้นมาทันทีด้วยความอัศจรรย์ใจ “นั่นมัน…หยดเลือดของจอมราชันย์ใช่ไหม?”


รังสีในทะเลสาบจันทร์กระจ่างปั่นป่วนมาก มีทั้งหยดเลือดและสมุนไพรหลายชนิดผสมปนเปกันอยู่ภายใน ทำให้ยากจะแยกแยะได้ว่ามีอะไรอยู่ในทะเลสาบบ้าง แต่ทั้งคู่ก็บอกได้ด้วยการมองเพียงแวบเดียว


ที่ผ่านมา ทะเลสาบจันทร์กระจ่างเป็นแค่สถานที่บ่มเพาะกายเนื้อ แม้จะถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นยอดของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน แต่ก็พอจะหาที่อื่นที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ได้


แต่หลังจากมันผสมผสานเข้ากับหยดเลือดของจอมราชันย์ ก็กลายเป็นดินแดนสวรรค์ประทานสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ บางที…อาจเป็นรองแค่แอ่งลาวาอมตะเท่านั้น


“ใช่” ฉีเหมิงพยักหน้า “พวกคุณบอกได้ไหมว่าเป็นหยดเลือดของจอมราชันย์คนไหน?”


“เอ่อ…” เป่ยถังเฉว่ใช้การรับรู้จิตวิญญาณของเขากวาดทั่วทั้งทะเลสาบ ครู่ต่อมาก็รีบหันไปมองเสิ่นถูหลิ่วเชียงราวกับจะขอความมั่นใจ


ทั้งคู่พยักหน้าพร้อมกันก่อนที่เป่ยถังเฉว่จะถามอย่างลังเล “นี่คือ…หยดเลือดของจอมราชันย์แห่งนางฟ้าอมตะใช่ไหม?”


“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน!” ฉีเหมิงพยักหน้า “ทะเลสาบกลายเป็นแบบนี้หลังจากที่จางเซวียนลงไปฝึกฝนวรยุทธ แต่ก็นั่นแหละ ถึงพลังงานจะเข้มข้นรุนแรงขึ้นมาก แต่ก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้แล้ว”


ประสิทธิภาพการบ่มเพาะกายเนื้อของทะเลสาบจันทร์กระจ่างมีมากขึ้นหลังจากที่ได้ผสมผสานเข้ากับหยดเลือดของจอมราชันย์ แต่ในขณะเดียวกัน พลังงานที่อยู่ในนั้นก็เกรี้ยวกราดรุนแรงกว่าเดิมมาก จนไม่ว่านักรบคนไหนก็ไม่อาจลงไปได้อีก


จอมราชันย์คือผู้ยิ่งใหญ่ หยดเลือดของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่นักรบทั่วไปจะซึมซับได้โดยง่าย ในสภาพนี้ ต่อให้อัจฉริยะระดับฉีเยว่ก็คงไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปเผชิญหน้ากับมัน


เมื่อนึกถึงทะเลสาบจันทร์กระจ่างที่เขาลงทุนลงแรงและเสียเงินมหาศาลเพื่อสร้างมัน แต่กลับมาใช้การไม่ได้แบบนี้ ฉีเหมิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจ


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอีก 2 คนก็พูดไม่ออกกับเรื่องที่ได้รับรู้ ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าเป่ยถังเฉว่จะเอ่ยถามอย่างลังเล “คุณหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จางเซวียนจะเป็น…”


ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตระกูลฉีถึงทำทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนจางเซวียน ถึงขนาดยอมเสี่ยงต่อการมีเรื่องกับกลุ่มอำนาจอื่น ลงท้ายก็เป็นเพราะมีกลุ่มอำนาจที่สูงส่งกว่าเข้ามาเกี่ยวข้องนี่เอง


รวมแล้ว ในสรวงสวรรค์มีจอมราชันย์เพียง 10 คน ซึ่งรวมถึงจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ด้วย ในจำนวนนี้ มี 2 คนที่ไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็น คือจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าเสรีกับจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าดาบสวรรค์


พูดอีกอย่างก็คือ โลกนี้มีจอมราชันย์ 8 คน


สำหรับสรวงสวรรค์ การได้เกี่ยวข้องกับจอมราชันย์ในทางใดทางหนึ่งถือเป็นเกียรติสูงสุด การที่จอมราชันย์คนหนึ่งมาเยือนตระกูลฉีเพื่อฝึกฝนวรยุทธและปรับเปลี่ยนสภาพโดยธรรมชาติของทะเลสาบจันทร์กระจ่างเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์นั้น!


ในฐานะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ พวกเขามีพละกำลังในระดับที่เป็นที่อิจฉาตาร้อนของคนทั้งโลก แต่ก็รู้ดีว่าพละกำลังที่มีนั้นไม่ได้สลักสำคัญเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าจอมราชันย์


“เดี๋ยวก่อน ไม่น่าใช่นะ…” เสิ่นถูหลิ่วเชียงโพล่งออกมา “ถ้าเป็นหยดเลือดของจอมราชันย์ ต่อให้ที่นี่ยังไม่อาจเทียบชั้นกับแอ่งลาวาอมตะ แต่ก็ไม่น่าจะห่างกันเท่าไหร่”


“พวกคุณจำได้ไหมว่าแอ่งลาวาอมตะน่าสะพรึงแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ผู้ที่ได้การยอมรับเป็นพิเศษ ก็ไม่มีใครเข้าไปในนั้นได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินสูงลิ่ว และนั่นรวมถึงราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอย่างพวกเราด้วย! แต่ตอนนี้ก็เห็นชัดว่าทะเลสาบจันทร์กระจ่างยังไม่ถึงระดับนั้น พวกเรายังซึมซับพลังจิตวิญญาณของมันได้อยู่ ซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าหยดเลือดในทะเลสาบยังห่างไกลกับการเข้าถึงระดับของราชันย์เทพเจ้า ต่อให้จะคล้ายกันแค่ไหนก็ตาม”


หยดเลือดของราชันย์เทพเจ้าควรจะทรงพลังพอที่จะทำลายทั้งภูเขาลอยได้ที่พวกเขาพำนักอยู่ ตอนนี้ทะเลสาบจันทร์กระจ่างเปลี่ยนไปเพราะอานุภาพของหยดเลือดก็จริง แต่ในแง่ของพละกำลัง มันยังคงอ่อนด้อย


สิ่งนี้พิสูจน์เรื่องที่พวกเขาเพิ่งพูดไป


“ผมก็งงเหมือนกัน แต่พวกคุณคงรู้เรื่องของน่านฟ้าอมตะแล้ว” ฉีเหมิงพูดอย่างระมัดระวัง


เมื่อหวนนึกถึงข่าวที่พวกเขารู้มา ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั้ง 2 ครุ่นคิดหนัก


ผ่านไปครู่ใหญ่ เป่ยถังเฉว่ก็เงยหน้า “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เราต้องรายงานเรื่องนี้ต่อจอมราชันย์”


ฉีเหมิงส่ายหัว “จอมราชันย์เพิ่งเดินทางเข้าสู่มหาสมุทรนรกโลกันต์ พวกเราคงยังติดต่อเขาไม่ได้เร็วๆนี้หรอก”


“มหาสมุทรนรกโลกันต์?” ทั้งคู่ทวนคำอย่างงุนงง


พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน


“ดูเหมือนจอมราชันย์ตั้งใจจะหลอมกายเนื้อให้ผู้ที่ปรากฏตัวในสระบาดาลเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว” ฉีเหมิงพูดต่อ


“เข้าใจแล้ว…”


ทั้งคู่พยักหน้า


เมื่อหนึ่งเดือนก่อน จิตวิญญาณดวงหนึ่งปรากฏตัวในสระบาดาาล เป็นจิตวิญญาณที่มีพละกำลังมากและดึงดูดความสนใจของจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นในทันที เพื่อบ่มเพาะจิตวิญญาณดวงนี้ จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นลงทุนถึงขนาดใช้ความสามารถเรื่องมิติและเวลาของเขาเพื่อเร่งพัฒนาประสิทธิภาพของจิตวิญญาณดวงนั้น


แม้จิตวิญญาณดวงที่ว่าจะยังมีพละกำลังไม่ถึงขั้นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ แต่ก็แข็งแกร่งพอจะเอาชนะราชันย์เทพเจ้าส่วนใหญ่ได้


จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นเข้าสู่มหาสมุทรนรกโลกันต์เพื่อหลอมกายเนื้อให้จิตวิญญาณดวงนั้น คงไม่ถือว่าเกินจริงหากจะพูดว่าเขาทุ่มสุดตัว


“นี่เป็นครั้งแรกที่จอมราชันย์ใส่ใจเรื่องของคนอื่น” เสิ่นถูหลิ่วเชียงตั้งข้อสังเกต “ผมอยากรู้เหลือเกินว่าจิตวิญญาณดวงนั้นมีอะไรพิเศษ เป็นผู้หญิงหรือเปล่า?”


อย่าว่าแต่ราชันย์เทพเจ้า ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ไม่มีความหมายในสายตาของจอมราชันย์


แต่คนระดับนั้นกำลังจะหลอมกายเนื้อให้จิตวิญญาณดวงหนึ่ง หากจะบอกว่าพวกเขาไม่สงสัยเลยก็คงไม่จริง


พวกเขารู้จักจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นมาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายทำแบบนี้


หรือว่าจิตวิญญาณดวงนั้นทำให้จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นเกิดความหลงใหลคลั่งไคล้?


ฉีเหมิงเลิกคิ้ว เขารีบปรามเป่ยถังเฉว่กับเสิ่นถูหลิ่วเชียง “ระมัดระวังคำพูดด้วย!”


เสิ่นถูหลิ่วเชียงหัวเราะเจื่อนๆ “ฮ่าฮ่าฮ่า ก็แค่บังเอิญคิดขึ้นมา…”


เขาไม่ได้ตั้งใจจะก้าวก่ายความลับของจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่น เพียงแต่อยากรู้ และอีกสองคนที่อยู่ด้วยก็ล้วนเป็นสหายเก่าแก่ จึงอดไม่ได้ที่จะช่างเจรจากว่าปกติสักหน่อย


“ผมพอรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง ว่ากันว่าจิตวิญญาณดวงนี้มาจากโลกเบื้องล่าง แต่ไม่ใช่ผู้หญิงหรอก ดูเหมือนมันจะได้รับกระแสจิตปรารถนาจนสภาวะที่สำแดงออกมามีลักษณะคล้ายคลึงกับจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นอย่างน่าประหลาด ก็เพราะความสงสัยนี่แหละที่ทำให้จอมราชันย์ตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือจิตวิญญาณดวงนั้น”


เป่ยถังเฉว่เล่าเรื่องที่เขารู้มา


จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นล้างมือจากกิจการงานต่างๆของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนแล้ว โดยพวกเขารับหน้าที่ดูแลบริหารแทน ด้วยเหตุนี้ จึงรู้ความลับมากมายที่คนอื่นๆไม่รู้


เมื่อรู้ว่าจิตวิญญาณดวงนั้นไม่ใช่ผู้หญิง อีก 2 คนพยักหน้าอย่างโล่งอก


“ไม่ว่าจางเซวียนจะเกี่ยวข้องกับน่านฟ้าอมตะหรือไม่ เรื่องนี้ก็เกินกว่าอำนาจการตัดสินใจของพวกเรา ผมคิดว่าคงไม่ดีนักหากทำอะไรหุนหันพลันแล่นไป” ฉีเหมิงพูด “ในเมื่อตอนนี้พวกคุณรู้ความจริงจากผมแล้ว ผมก็เชื่อว่าคงจะรู้ด้วยนะว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร ไปจากที่นี่กันเถอะ แล้วทำในสิ่งที่พวกเราควรทำ”


เสิ่นถูหลิ่วเชียงกับเป่ยถังเฉว่พยักหน้าอย่างเห็นพ้องก่อนจะหายวับไป


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไม่มีความสามารถในการทะลุมิติ แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวของพวกเขาเร็วกว่าที่ตาเปล่าจะมองเห็น ทำให้เกิดภาพที่ดูคล้ายกับการทะลุมิติ


…..


ที่สระบาดาล, เมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน


องครักษ์ที่เคยพบจางเซวียนเข้าไปในอาณาบริเวณสระบาดาลอีกครั้งเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ที่นั่น


ตลอด 7 วันที่ผ่านมา ภาพลวงตาของจางเซวียนขยายขนาดขึ้นจนใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป แถมยังดูสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ รังสีที่แผ่ออกมาก็รุนแรงเข้มข้นกว่าเดิม


“ตอนนี้ผู้คนมากมายพากันมอบจิตปรารถนาให้เขา ทั้งนักรบระดับเทพเจ้าและเทพเจ้าสวรรค์สร้าง แถมเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ…”


องครักษ์กลืนน้ำลาย


ก่อนหน้านี้ ตอนที่กระแสจิตปรารถนาของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติกับราชันย์เทพเจ้าอีก 3 คนทำให้ภาพลวงตาขยายใหญ่ขึ้นจนเท่ากับคนจริง พวกเขาก็คิดว่าคงยากที่ชายหนุ่มจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้ ไม่คิดเลยว่าภาพลวงตาของเขาจะขยายใหญ่ขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว


แต่คราวนี้ เพราะจิตปรารถนาส่วนใหญ่มาจากนักรบระดับเทพเจ้าและเทพเจ้าสวรรค์สร้าง อานุภาพของมันจึงไม่โดดเด่นนัก


“กระแสจิตปรารถนาที่มาจากเทพเจ้าและเทพเจ้าสวรรค์สร้างยังอ่อนด้อยไปสักหน่อย หากเขาได้การยอมรับจากราชันย์เทพเจ้าอีกสักสองคน ก็คงมีภาพลวงตาที่มีขนาดใหญ่เป็นที่สองของที่นี่” องครักษ์คนที่ 2 ตั้งข้อสังเกตพร้อมกับพยักหน้า


“คุณพูดถูก แต่การจะได้รับการสนับสนุนจากราชันย์เทพเจ้านั้นไม่ง่ายนะ เพียงเท่านี้ก็น่าทึ่งแล้วที่เขาได้การยอมรับจากราชันย์เทพเจ้าถึง 3 คน! นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะก้าวหน้าไปกว่านี้ได้อย่างไร…” องครักษ์คนแรกส่ายหน้า



 

 

 


ตอนที่ 2238 ไม่มีทางจำผิดแน่…

 

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ภาพลวงตาก็กระตุกอีกครั้ง


ภาพลวงตานั้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ใหญ่เป็น 2 เท่าในชั่วพริบตา


ความสูงของภาพลวงตาของจางเซวียนเหนือกว่า 1 จ้าง ทำให้กลายเป็นภาพลวงตาที่ใหญ่ที่สุดในสระบาดาล!


“นี่คือ…จิตปรารถนาของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ 2 คน?”


องครักษ์ทั้งสองถึงกับเข่าอ่อน ทั้งคู่ทรุดฮวบลงกับพื้น ความตกตะลึงเกินขนาดทำให้พวกเขาพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนจะเสียสติ


เมื่อครู่นี้ ทั้งคู่เพิ่งพูดไปหยกๆว่าการจะได้การยอมรับจากราชันย์เทพเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่แล้วภาพลวงตาของชายหนุ่มก็ได้รับกระแสจิตปรารถนาจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอีก 2 คน…


ทั่วทั้งสรวงสวรรค์มีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติราว 30 คนเท่านั้น และโดยเฉลี่ย จอมราชันย์คนหนึ่งจะได้รับกระแสจิตปรารถนาจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ 3 คน…


แต่ชายหนุ่มคนนี้ก็ทำแบบนั้นได้!


ภูมิหลังของเขาเป็นอย่างไรกันแน่?


ทั้งคู่สบตากันอย่างอัศจรรย์ใจสุดขีด


ลงท้าย ก็ดูเหมือนพวกเขาประเมินความสามารถของชายหนุ่มต่ำไป


…..


เมื่อเข้าสู่บริเวณจัตุรัส จางเซวียนถึงกับตกใจที่เห็นผู้คนออกันล้นหลาม


ฝูงชนที่เขาเห็นมีจำนวนมากกว่าที่คิดไว้มาก


จางเซวียนสูดหายใจลึก จากนั้นก็สั่งการให้อสูรสวรรค์สร้างบินได้พาเขาร่อนลงสู่เวทีเพื่อจะได้เริ่มการสาธิต แต่ในตอนนั้น ก็พลันรู้สึกได้ถึงกระแสความอบอุ่นที่พุ่งตรงเข้าสู่จิตวิญญาณ ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของเขาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง


ไม่ช้า วรยุทธของจิตวิญญาณของจางเซวียนก็เข้าถึงระดับเทพเจ้าขั้นกลาง-สูงสุด อีกเพียงก้าวเดียวก็จะได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง


“เกิดอะไรขึ้น?” จางเซวียนงุนงง


เขายังไม่ได้เริ่มการสาธิตเลยด้วยซ้ำ มีใครส่งกระแสจิตปรารถนามาให้เขาโดยไม่ได้ตั้งใจหรือเปล่า?


 


วรยุทธของจิตวิญญาณของจางเซวียนเพิ่งถึงระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นกลางได้ไม่นาน ตามการคาดเดาของเขา น่าจะใช้เวลาอย่างน้อยราวครึ่งเดือนกว่าจะยกระดับวรยุทธขึ้นไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงได้


แล้วทำไมวรยุทธของจิตวิญญาณของเขาถึงพัฒนารวดเร็วขนาดนี้?


กระแสจิตปรารถนาไหลบ่าเข้าสู่ร่างของเขาราวกับกระโดดลงไปในแม่น้ำเชี่ยวกราก…


ถ้าเป็นแบบนี้ เราคงยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงได้ภายในคืนเดียว!


จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ


ครั้งแรกที่ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง เขายังเป็นคนหนุ่มที่เปี่ยมด้วยความหวังและความทะเยอทะยาน เขาเคยคิดว่าคงสำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าภายใน 2-3 วัน แต่สัปดาห์หนึ่งผ่านไป…ก็ยังไม่สำเร็จแม้แต่วรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง


จางเซวียนอับอายกับความไร้ประสิทธิภาพของเขามาก


ถ้าระดับวรยุทธยังไต่เตาะแตะอยู่แบบนี้ เขาก็ไม่รู้แล้วว่าต่อไปจะมองหน้าบรรดาลูกศิษย์อย่างไร


ภายใต้คำชี้แนะของเหล่าจอมราชันย์ ลูกศิษย์ของเขาคงมีทรัพยากรให้ใช้มากมาย เดาได้ไม่ยากว่าวรยุทธของพวกนั้นคงพุ่งพรวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


เฮ้ออออ…การฝึกฝนวรยุทธช่างยากเย็นเสียจริงๆ


ต้องเสียทั้งหยดเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตา เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมใครๆถึงพูดแบบนี้


จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็กระโจนขึ้นเวทีพร้อมกับฉีหลิงเอ๋อและคนอื่นๆ


…..


ฝูงชนเงียบกริบทันทีเมื่อดาวเด่นปรากฏตัว สายตาของพวกเขาบ่งบอกความกังขา


“นั่นคือนักปรุงยาผู้หลอมยาเม็ดเพิ่มความงามหรือ?”


“ยังหนุ่มเหลือเกิน!”


“ไม่เพียงแค่หนุ่ม ยังดูดีด้วย! น่า ฉันยอมรับก็ได้ ฉันสนใจเขา, โอเคไหม?”


“ฉันว่าเธอสนใจยาเม็ดเพิ่มความงามของเขามากกว่า!”


เมื่อความนิยมในยาเม็ดเพิ่มความงามพุ่งพรวดและชื่อ ‘จางเซวียน’ แพร่สะพัดออกไป หลายคนก็เริ่มสนใจอยากรู้ว่านักปรุงยาผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นคนนี้จะมีรูปร่างหน้าตาแบบไหน บางคนคิดว่าเขาอาจเป็นชายชราภูมิปัญญาล้ำลึกที่อุทิศชีวิตให้กับการหลอมยา


ไม่มีใครคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นชายหนุ่มที่มีอายุแค่ 20 ต้นๆ


และที่สำคัญกว่านั้น ยังดูดีด้วย


ชายหนุ่มที่ทั้งฉลาดและหล่อเหลาย่อมมีชื่อเสียงในหมู่สาวๆ สายตาของสุภาพสตรีหลายคนในหมู่ฝูงชนเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น


ฉีหลิงเอ๋อก้าวออกมา “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เป็นเกียรติของฉันที่ได้พบพวกคุณทุกคนในวันนี้ ฉันคือฉีหลิงเอ๋อจากตระกูลฉี เป็นผู้ส่งคำเชิญไปหาพวกคุณ”


ในฐานะนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ เธอไม่อาจเปล่งเสียงให้ดังพอที่จะแน่ใจว่าฝูงชนจะได้ยินอย่างทั่วถึง จึงมีการจัดเตรียมค่ายกลไว้ล่วงหน้าเพื่อขยายเสียงให้ทุกคนได้ยินทั่วกัน ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนหรือมีสิ่งรบกวนใดๆก็ตาม


ฉีหลิงเอ๋อยังเป็นมือใหม่เรื่องการทำธุรกิจในเมืองหลวง แต่การที่เธอได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากตระกูลฉีในการจัดงานครั้งนี้ก็ถือเป็นการประกาศชัดเจนแล้วว่าเธอคือผู้มีสิทธิ์มีเสียงไม่น้อยภายในตระกูล


คงโง่เง่าเต็มทีหากจะทำตัวเป็นศัตรูกับใครคนหนึ่งที่มีตระกูลฉีหนุนหลัง


“ผู้ที่ยืนข้างฉันคือจางเซวียน, นักปรุงยาผู้อยู่เบื้องหลังยาเม็ดเพิ่มความงาม ฉันเชิญพวกคุณมาที่นี่ไม่ใช่เพียงเพื่อพูดถึงยาเม็ดเพิ่มความงาม แต่เพื่อแนะนำพวกคุณให้รู้จักยาเม็ดขนานใหม่อีก 2 ขนานที่นักปรุงยาจางคนนี้เป็นผู้หลอม” ฉีหลิงเอ๋อพูดก่อนจะถอยออกไปเพื่อส่งต่อเวทีให้จางเซวียน


“ผมเชื่อว่าพวกคุณเกือบทุกคนที่นี่คงรู้จักคุ้นเคยกับประสิทธิภาพของยาเม็ดเพิ่มความงามแล้ว” จางเซวียนพูด


ผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่ล้วนเคยได้ยินกิตติศัพท์ของยาเม็ดเพิ่มความงาม หรือไม่ก็เคยใช้มันกับตัวเอง


เพราะไม่อย่างนั้น ใครเล่าจะเสียเวลามารวมตัวกันเพื่อรอดูสิ่งที่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามีไว้เพื่ออะไร?


“ยาเม็ดเพิ่มความงามช่วยบ่มเพาะผิวพรรณของคุณ ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม กระชับ และยืดหยุ่นกว่าเดิม” จางเซวียนพูด “นอกจากนั้น ยังช่วยเยียวยาอาการบอบช้ำภายในและยืดอายุขัยของคุณได้ด้วย…มีบางคนในหมู่พวกคุณได้ทดลองยานี้ด้วยตัวเองและเล่าสู่กันฟังแล้ว ผมจึงจะไม่พูดมาก”


“อย่างที่ฉีหลิงเอ๋อบอกไว้ วัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้คือเพื่อแนะนำยาเม็ด 2 ขนานใหม่ที่ผมเพิ่งคิดค้นขึ้นมา”


“อันดับแรก ผมขอแนะนำยาเม็ดเพิ่มความงามเวอร์ชั่นอัพเกรด ซึ่งก็คือยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ รายละเอียดที่ผมแนบไปพร้อมกับคำเชิญนั้นไม่ได้ผิดพลาดหรือเกินจริง มันมีอานุภาพในการเพิ่มโอกาสการฝ่าด่านวรยุทธของนักรบได้ถึง 50% ซึ่งหมายความว่าผู้ที่กินยาเม็ดนี้เข้าไปย่อมแน่ใจได้ว่าจะสามารถก้าวข้ามด่านคอขวดที่เผชิญอยู่”


“สิ่งหนึ่งที่นักรบส่วนใหญ่กังวลเมื่อต้องกินยาเม็ดก็คือผลข้างเคียงของมัน แต่ผมรับประกันได้เลยว่ายาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธไม่มีผลข้างเคียงพวกนั้น คุณไม่ต้องกังวลเลยว่าในอนาคตอาจต้องเผชิญกับอุปสรรคในการฝึกฝนวรยุทธเพราะกินยาเม็ดนี้เข้าไป ยิ่งไปกว่านั้น ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธยังมีประสิทธิภาพตามแบบของยาเม็ดเพิ่มความงามด้วย มันจะทำให้ผิวพรรณของคุณผ่องใสกว่าเดิม อีกทั้งเยียวยาอาการบอบช้ำภายในพร้อมกับยืดอายุขัย…และที่สำคัญที่สุดก็คือ อร่อย!”


“เพิ่มโอกาสของความเป็นไปได้ในการฝ่าด่านวรยุทธถึง 50%?”


“นั่นจะยืนยันความสำเร็จของการฝ่าด่านวรยุทธได้เลยนะ?”


“มีประสิทธิภาพเหมือนกับยาเม็ดเพิ่มความงามด้วยหรือ?”


“นักรบส่วนใหญ่เพิ่มโอกาสการฝ่าด่านวรยุทธได้เพียง 20% จากการขัดเกลาวรยุทธอย่างเหมาะสม ซึ่งหากได้กินยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธด้วย โอกาสของความสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นอีกมาก!”


“บ้าไปแล้ว!”


“เขาบอกด้วยนะว่าไม่มีผลข้างเคียง มันจะเหลือเชื่อไปหรือเปล่า?”


ฝูงชนด้านล่างส่งเสียงหารือกัน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่อยู่บนหลังอสูรสวรรค์บินได้ก็พากันสนใจสิ่งที่จางเซวียนพูด


พวกเขาอาจไม่ได้ต้องการยาเม็ดเพื่อกินเอง แต่ก็มอบมันให้เหล่าทายาทได้ ยานี้จะช่วยให้นักรบเพิ่มพละกำลังขึ้นมากภายในระยะเวลาอันสั้น และนั่นคือกุญแจที่จะขยายอิทธิพลของตระกูลให้กว้างไกลกว่าเดิม


…..


โจวเฟิงยืนอยู่บนหลังอสูรสวรรค์สร้างบินได้ตัวหนึ่ง เขามองผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ด้านหน้าและถามด้วยความสงสัย “ท่านอาจารย์ การหลอมยาเม็ดแบบนี้เป็นไปได้จริงๆหรือ?”


อีกฝ่ายคือนักปรุงยาผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในสรวงสวรรค์, ฟู่เจียงเฉิน!


“ผมบอกไม่ได้หรอกว่าเป็นไปได้จริงหรือเปล่า แต่ไม่ด่วนตัดสินใจจะดีกว่า โลกนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่อยู่เหนือความเข้าใจของพวกเรา…รอดูไปก่อนเถอะ เขานำยาเม็ดออกมาเมื่อไหร่ พวกเราก็จะรู้เอง” ฟู่เจียงเฉินตอบโดยไม่ละสายตาจากเวที


ในฐานะราชันย์เทพเจ้า เขาอยู่มาหลายพันปีแล้ว ได้พบอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องอย่างเหลือเชื่อมาก็มาก


หากใช้สามัญสำนึกของเขา เขาคิดว่ายาเม็ดที่สามารถเพิ่มโอกาสการฝ่าด่านวรยุทธได้ถึง 50% เปอร์เซ็นต์นั้นเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี สิ่งอำนวยความสะดวกแบบนี้ไม่น่าจะมีอยู่จริง…แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้


เพราะเมื่อ 2-3 ทศวรรษก่อน จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ก็เคยประสบความสำเร็จในแบบที่ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นไปไม่ได้เช่นกัน


บางทีชายหนุ่มอาจเป็นแบบนั้น


…..


“ผมเข้าใจว่าพวกคุณคงยังแคลงใจในสิ่งที่ผมพูด จึงนำยาเม็ดมาที่นี่ด้วยเพื่อสาธิตประสิทธิภาพของมัน!”


จางเซวียนสะบัดข้อมือ เขานำกล่องหยกออกมาใบหนึ่งและเปิดฝา เผยโฉมยาเม็ดรูปกลมต่อสายตาทุกคน


ไม่มีคลื่นความถี่ พลังจิตวิญญาณ หรือรังสีอันน่าทึ่งใดๆ เมื่อมองจากระยะไกล ยาเม็ดนั้นดูแสนจะธรรมดา


“นั่นมันยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางใช่ไหม?”


“ผมหลอมยานั่นมากว่า 100 ปีแล้ว ไม่มีทางจำผิดแน่…”


“ยาเม็ดเพิ่มความงามดูเหมือนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำ ขณะที่ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธก็ดูเหมือนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลาง…เขาจะเปลี่ยนรูปแบบยาเม็ดของเขาบ้างไม่ได้หรือไง?”


ฝูงชนพากันขมวดคิ้วเมื่อเห็นยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ แม้แต่ฟู่เจียงเฉินก็พูดไม่ออก


เขาเคยคิดว่าอย่างน้อยที่สุดก็คงระบุประสิทธิภาพของยาเม็ดได้เมื่อได้เห็นของจริง…แต่ดูเหมือนเขาจะคิดเยอะไป!


ตั้งแต่วินาทีที่ได้เห็นยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ ก็รู้ทันทีว่ามันคงเหมือนยาเม็ดเพิ่มความงาม ที่ต่อให้จับมาผ่าซีกและใช้เวลาวิเคราะห์หลายต่อหลายวัน ก็ยังไม่อาจล้วงลึกความลับที่อยู่เบื้องหลังได้


“เขาคงเป็นอัจฉริยะเรื่องการหลอมยาผู้หาตัวจับยาก…” ฟู่เจียงเฉินถอนหายใจเฮือกใหญ่


“ท่านอาจารย์ อะไรทำให้คุณพูดแบบนั้น?” โจวเฟิงถาม


หมอนั่นยังไม่ได้สาธิตประสิทธิภาพของยาเม็ดด้วยซ้ำ แต่ท่านอาจารย์ของเขาก็เอ่ยปากชมเสียแล้ว



 

 

 


ตอนที่ 2239 เริ่มกันเถอะ

 

“ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ดชนิดไหน ก็จะต้องมีสัญญาณที่บ่งชี้ลักษณะตามธรรมชาติของมัน ยาเม็ดฟื้นฟูสภาพร่างกายมักมีส่วนผสมของหญ้าหรือดอกไม้ที่ช่วยลดการอุดตันของลิ่มเลือด ส่วนยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธก็มักทำจากดอกไม้ฝ่าด่านวรยุทธหรือกลิ่นหอมที่ช่วยบ่มเพาะทางเดินพลังปราณ…แต่ยาเม็ดเพิ่มความงามที่ชายหนุ่มคนนี้หลอมออกมา แม้จะมีประสิทธิภาพน่าทึ่ง แต่ก็ดูไม่ต่างอะไรสักนิดกับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า คุณรู้หรือเปล่าว่ามันเป็นแบบนี้เพราะอะไร?” ฟู่เจียงเฉินตั้งคำถาม


โจวเฟิงส่ายหน้า


ถ้าเขารู้คำตอบ คงไม่ต้องทำถึงขนาดเชิญท่านอาจารย์ให้มาที่นี่เพื่อล้วงความลับของอีกฝ่าย


“ง่ายนิดเดียว เขาใช้เทคนิคการหลอมชนิดพิเศษเพื่อปกปิดความลับในยาเม็ดของเขา” ฟู่เจียงเฉินตอบ


“ปกปิด? ทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ?” โจวเฟิงถามอย่างงงๆ


แทนที่จะตอบคำถามของศิษย์สายตรงของเขา ฟู่เจียงเฉินตั้งคำถามกลับ “ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำคือหนึ่งในยาเม็ดขั้นพื้นฐานที่สุดของสรวงสวรรค์ ด้วยความสามารถของคุณในเวลานี้ คุณคิดว่าวิธีหลอมยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำมีกี่วิธี?”


“ผมคิดว่าราว 100 วิธีนะ” จัวเฟิงตอบ


“พูดให้ง่ายขึ้น ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำคือกระบวนการขั้นพื้นฐานของการดึงเอาพลังจิตวิญญาณจากสมุนไพรมากักเก็บไว้ในรูปยาเม็ด การผสมผสานกันของสมุนไพรกับกรรมวิธีการหลอมยาที่ให้ผลแบบเดียวกันนั้นมีหลายรูปแบบ ปัญหาก็คือเราจะค้นพบวิธีการที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างไร?”


“เหตุผลที่คุณสรุปได้ว่ามีวิธีหลอมยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำอยู่ราว 100 วิธีก็เพราะคุณมีพื้นฐานด้านวิชาปรุงยาที่แน่นพอ ไม่ได้สักแต่ทำตามสูตรยาที่ตกทอดกันมา คุณเข้าใจธรรมชาติของสมุนไพรและรู้ว่าสมุนไพรแต่ละชนิดที่ทำปฏิกิริยากันในสภาวะต่างกันก่อให้เกิดผลแบบไหนได้บ้าง ดังนั้น คุณจึงค้นพบวิธีการหลากหลายที่นำมาซึ่งประสิทธิผลแบบเดียวกัน”


ฟู่เจียงเฉินจับจ้องชายหนุ่มที่อยู่บนเวที แววตาของเขาบ่งบอกความยำเกรง


“ก็เหมือนกับชายหนุ่มคนนั้นนั่นแหละ แม้ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธที่เขาหลอมจะดูไม่ต่างอะไรกับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลาง ถึงขนาดที่ไม่อาจใช้การรับรู้จิตวิญญาณแยกแยะ แต่อันที่จริง เขาได้ใช้สมุนไพรล้ำค่าหลากหลายชนิดขัดเกลามันและจงใจหลอมให้อยู่ในรูปของยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลาง เพื่อปกปิดสูตรยาของเขาไว้ไม่ให้ใครลอกเลียนแบบได้”


“เป็นผลงานที่น่าทึ่งจริงๆ!” จัวเฟิงตาโตเมื่อพลันเข้าใจ


อันที่จริง สิ่งที่ชายหนุ่มทำก็เหมือนกับการที่ผู้เชี่ยวชาญด้านยาพิษในสรวงสวรรค์สามารถลักลอบใส่ยาพิษที่มีฤทธิ์รุนแรงถึงตายเข้าไปในยาเม็ดทั่วไปได้โดยไม่มีใครรู้


เพียงแต่สิ่งที่ชายหนุ่มปกปิดไว้ไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นธรรมชาติที่แท้จริงของยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธของเขา


ซึ่งนั่นก็เหมาะเจาะลงตัว เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีทางที่ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางจะเพิ่มโอกาสการประสบความสำเร็จในการฝ่าด่านวรยุทธได้ถึง 50%


…..


ส่วนจางเซวียนที่อยู่บนเวทีก็พูดต่อ


“คำพูดใดๆก็ล้วนไร้ความหมายจนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความจริง ในเมื่อผมนำยาเม็ดออกมาแล้ว ก็ต้องสาธิตประสิทธิภาพของมันเพื่อให้พวกคุณมั่นใจว่านี่ไม่ใช่การหลอกลวง!”


“มีใครในที่นี้สนใจอยากทดสอบประสิทธิภาพของยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธไหม? เพื่อขจัดข้อสงสัยว่าผมอาจใช้หน้าม้า ผมขออาสาสมัครสักคนที่เป็นคนดังและได้รับความเชื่อถือจากผู้คนทั่วไปในเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน และผู้นั้นจะต้องอยู่ในสภาวะที่ใกล้จะเข้าถึงการฝ่าด่านวรยุทธด้วย”


วัตถุประสงค์ของการสาธิตก็เพื่อโน้มน้าวใจให้ฝูงชนเชื่อว่ายาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธมีประสิทธิภาพอย่างที่เขาพูดไว้ ดังนั้น จึงไม่มีความหมายอะไรหากคนที่เขาเลือกไม่น่าเชื่อถือพอที่จะทำให้ทุกคนแน่ใจว่าไม่ได้กำลังถูกหลอก


“ผมคือจางเหิงจากหน่วยองครักษ์หลวงของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน วรยุทธของผมติดแหงกอยู่ที่ระดับเทพเจ้าขั้นสูงสุดมากว่า 10 ปีแล้ว องครักษ์ทุกคนในเมืองนี้ยืนยันให้ผมได้!”


ยังไม่ทันที่ใครจะได้โต้ตอบ ชายชราคนหนึ่งก็อาสาและกระโจนขึ้นไปบนเวที


“ให้เหล่าองครักษ์ยืนยันให้คุณแล้วมีประโยชน์ตรงไหน? ใครจะไปรู้ว่าพวกนั้นร่วมมือจัดฉากกับคุณหรือเปล่า? ผมทดสอบเองดีกว่า! ผมคือทหารรับจ้างของหน่วยคุ้มกัน ระดับวรยุทธของผมคือเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ-สูงสุด พ่อบ้านตระกูลฉียืนยันตัวตนของผมได้”


“พวกคุณน่ะไม่น่าเชื่อถือสักคน ให้ผมทดสอบดีกว่า!”


เกิดความอลหม่านครั้งใหญ่ เพียงไม่กี่อึดใจ ผู้มาร่วมงานกว่า 40 คนก็กระโจนขึ้นไปบนเวที


พวกเขายังไม่เชื่อสนิทใจว่ายาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธเป็นของจริง แต่การที่ชายหนุ่มเชิญผู้คนกลุ่มใหญ่มาร่วมงานของเขาได้ รวมถึงข้อเท็จจริงที่ตระกูลฉีให้การสนับสนุน ก็ทำให้ทุกคนมีความหวัง


มีความเป็นไปได้สูงที่เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องจริง และนั่นจะเป็นโอกาสทองของพวกเขาในการฝ่าด่านวรยุทธ ทุกคนจึงตัดสินใจแบกรับความเสี่ยงด้วยการเอ่ยปากอาสา


“คือ…”


เห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้า จางเซวียนถึงกับอึ้ง ไม่รู้ว่าควรเลือกใคร


ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกลางอากาศ “ผมเสนอชื่อศิษย์น้องคนหนึ่งของผมได้ไหม?”


จากนั้น ฟู่เจียงเฉินก็ร่อนลงมา


 


“นั่นคือนักปรุงยาหมายเลข 1 ของสรวงสวรรค์, ฟู่เจียงเฉิน!”


“เดี๋ยวววว เดี๋ยวนะ เขาอาจเป็นนักปรุงยาที่โด่งดังที่สุดในสรวงสวรรค์ก็จริง แต่ยังไม่ใช่หมายเลข 1 หรอก, ใช่ไหม? ผมได้ยินว่าจอมราชันย์พิชิตสวรรค์คือบรมครูตัวจริงด้านการหลอมยา ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ไม่มีใครทำได้ใกล้เคียงกับเขาเลย!”


“คุณคิดบ้าอะไรน่ะ เปรียบเทียบราชันย์เทพเจ้ากับจอมราชันย์นี่นะ? ราชันย์เทพเจ้าไม่มีทางแข่งขันกับจอมราชันย์ได้อยู่แล้ว! แต่ถ้าไม่นับจอมราชันย์ล่ะก็ ทักษะของฟู่เจียงเฉินถือว่าเป็นเลิศ ต่อให้เขาไม่ใช่หมายเลข 1 แต่อย่างน้อยๆก็ต้องติด 1 ใน 5!”


“ผมก็เถียงไม่ได้ แต่พูดก็พูดเถอะ เขาควรจะอยู่ที่น่านฟ้าหลิงหลงไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”


ฝูงชนจำฟู่เจียงเฉินได้ทันทีและเริ่มซุบซิบกัน


นอกจากเป็นราชันย์เทพเจ้า การเป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจไร้เทียมทานที่สุดก็เกินพอจะทำให้ชื่อเสียงของเขากระฉ่อนทั่วทั้งสรวงสวรรค์แล้ว


จางเซวียนไม่รู้จักฟู่เจียงเฉิน แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฝูงชน ก็ดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา จึงพยักหน้าและตอบว่า “ได้เลย ผมยิ่งกว่ายินดี”


ฟู่เจียงเฉินไม่มัวมีพิธีรีตอง เขายกมือ แล้วชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังก็กระโจนลงจากอสูรสวรรค์สร้าง ลงมาที่เวที


“เขาคือหานฉี, ศิษย์หลานของผม เป็นนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูง เพิ่งสำเร็จวรยุทธได้ไม่นาน ผมคาดว่าโอกาสประสบความสำเร็จในการฝ่าด่านวรยุทธของเขาตอนนี้น่าจะมีอยู่ราว 30%” ฟู่เจียงเฉินพูด


ในเมื่อศิษย์หลานของเขาคือผู้ได้รับเลือกให้ทดสอบประสิทธิภาพของยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ เขาก็ควรอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้น ชื่อเสียงของเขาอาจด่างพร้อยหากมีใครกล่าวหาว่าเขาร่วมมือจัดฉากกับชายหนุ่ม


ทันทีที่ฟู่เจียงเฉินพูดจบ หานฉีที่อยู่บนเวทีก็สำแดงวรยุทธของเขาให้ฝูงชนได้เห็น


เขาเป็นนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงจริงๆ แต่มีร่องรอยที่บ่งบอกว่าวรยุทธของเขายังไม่มั่นคงเท่าไหร่ แถมยังไม่ได้รับการขัดเกลาด้วย เห็นชัดว่าเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จเมื่อไม่นานมานี้


“พวกเราเชื่อมั่นในความซื่อตรงของนักปรุงยาฟู่ ด้วยสถานภาพของเขา ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องโกหก!”


“ผมก็ไว้ใจเขาเช่นกัน”


“ผมรู้มานานแล้วว่านักปรุงยาฟู่เป็นคนเที่ยงธรรม…”


เสียงตะโกนสนับสนุนฟู่เจียงเฉินดังกึกก้องไปทั่วทั้งจัตุรัส


ไม่ว่าจางเซวียนจะเลือกใครขึ้นมาเป็นผู้ทดสอบยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ ฝูงชนก็ยังคงแคลงใจ เพราะด้วยอิทธิพลของตระกูลฉี อาจมีใครจัดฉากตบตาพวกเขาก็ได้


แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหากผู้อาสาคือฟู่เจียงเฉิน


ในฐานะราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนของสรวงสวรรค์ ฟู่เจียงเฉินไม่จำเป็นต้องจัดฉากตบตาใคร อีกอย่าง ตลอดหลายพันปีที่เขามีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะนักปรุงยาหมายเลข 1 ของสรวงสวรรค์ ก็ขึ้นชื่อเรื่องความยุติธรรมและเป็นกลาง แทบไม่เคยมีข่าวลือในแง่ลบเกี่ยวกับตัวเขา ทำให้ได้รับความเชื่อถือมาก


เมื่อมีฟู่เจียงเฉินเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็เป็นอันไว้ใจในความบริสุทธิ์ของผลการทดสอบได้


“เริ่มกันเถอะ” จางเซวียนพูด


เขาคิดว่าคงต้องลำบากเอาการกว่าจะทำให้ฝูงชนไว้ใจ แต่การเข้ามาของฟู่เจียงเฉินช่วยแบ่งเบาปัญหาได้มาก


จางเซวียนกระดิกนิ้วและยื่นยาเม็ดที่อยู่ในกล่องให้หานฉี


หานฉีหยิบยาเม็ดขึ้นมาและกลืนลงไปทันที


ฟิ้วววว!


พลังจิตวิญญาณเข้มข้นพวยพุ่งเข้าสู่จุดตันเถียนของเขา


หานฉีไม่มัวลังเล เขารีบทรุดตัวลงนั่งและตั้งต้นซึมซับคุณสมบัติทางยาที่อยู่ในยาเม็ดนั้น


ระหว่างนั้น ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างก็เฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจดจ่อจนแทบจะหยุดหายใจ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ เกรงว่าจะขัดจังหวะการฝึกฝนวรยุทธของอีกฝ่าย


แต่โชคดีที่ไม่ต้องรอนาน เพียงไม่ถึง 3 นาที ทุกคนก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังงานสวรรค์ของหานฉีก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเสียงดังสนั่นราวพายุจากร่างของเขา เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ…


ตูมมมม!


ทุกอย่างที่สะสมไว้ระเบิดตูม รังสีทรงพลังพุ่งขึ้นสู่กลางอากาศ ในชั่วพริบตา หานฉีก็ฝ่าด่านคอขวดที่สกัดกั้นวรยุทธของเขาได้สำเร็จ


“นี่…เขาฝ่าด่านวรยุทธได้ง่ายๆแบบนี้เลยหรือ?”


“ยังไม่ถึง 5 นาทีเลย!”


ทุกคนกลืนน้ำลายด้วยความตกใจ


แทบไม่มีนักรบคนไหนในสรวงสวรรค์ที่ใฝ่ฝันจะได้เป็นราชันย์เทพเจ้า ลำพังแค่วรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างก็ถือเป็นความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของพวกเขาแล้ว


นักรบระดับเทพเจ้ามากมายต่างดิ้นรนจนสุดกำลังเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ บางคนใช้เวลาทั้งชีวิต แต่ก็ยังล้มเหลว ส่วนชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาทำสำเร็จภายในไม่ถึง 5 นาที!


ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธน่าทึ่งขนาดนั้นจริงๆหรือ?


ฟู่เจียงเฉินก็หรี่ตาอย่างไม่อยากเชื่อ


ตัวเขาก็สามารถหลอมยาเม็ดที่เพิ่มโอกาสให้นักรบระดับเทพเจ้าฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง แต่ยาเม็ดที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่เขาหลอมได้ก็เพิ่มโอกาสได้เพียง 20% เท่านั้น แถมนักรบคนหนึ่งยังกินยาได้เพียงเม็ดเดียวและครั้งเดียว ไม่อย่างนั้นก็ต้องเสี่ยงกับผลข้างเคียงรุนแรง


จะว่าไป ต่อให้ยาเม็ดของชายหนุ่มช่วยเพิ่มโอกาสการฝ่าด่านวรยุทธได้ถึง 50% จริงๆอย่างที่เขาบอก แต่ก็ไม่น่าเห็นผลรวดเร็วขนาดนี้



 

 

 


ตอนที่ 2240 ใครมาก่อนได้ก่อน

 

เขารู้ความสามารถของศิษย์หลานคนนี้ดี หานฉียังต้องขับเคลื่อนพลังงานสวรรค์อีกหลายสิบครั้งกว่าจะขัดเกลามันจนมีคุณภาพดีพอ ซึ่งนั่นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 15 ชั่วโมง!


แต่ระยะเวลาดังกล่าวถูกร่นลงไปจนเหลือเพียง 5 นาที…


ดูเหมือนยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธจะทรงพลังและน่าสะพรึงกว่าที่คิด


ฟู่เจียงเฉินรีบถามหานฉี “รู้สึกอย่างไรบ้าง?”


ในตอนนั้น หานฉีเพิ่งเสร็จสิ้นการรักษาระดับวรยุทธให้คงที่ เขาลุกขึ้นยืนและตอบด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย “มันน่าทึ่งกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก! ไม่ใช่ 50% นะ ผมรู้สึกว่ายาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธเพิ่มโอกาสการฝ่าด่านวรยุทธให้ผม…อย่างน้อยก็ 60%เลยทีเดียว!”


เพราะรู้สภาวะร่างกายของตัวเองดี หานฉีจึงรู้ว่าโอกาสที่เขาจะฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จในสภาพนี้มีน้อยมาก จะบอกว่า 30% ก็ยังเยอะไป!


แต่เขากลับฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จอย่างง่ายดายและราบรื่น ราวกับไม่มีด่านคอขวดเลย สำหรับเขา ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธขนานนี้มีประสิทธิภาพเกินกว่าที่นักปรุงยาหนุ่มบอกไว้


อันที่จริง เขาเต็มใจจะพูดเลยว่ายาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธเพิ่มโอกาสในการฝ่าด่านวรยุทธให้เขาถึง 100%!


“ไร้เทียมทานขนาดนั้นเชียวหรือ?” ฟู่เจียงเฉินถึงกับอึ้งเมื่อได้ฟังความเห็นของหานฉีที่มีต่อยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ


“ผมไม่กล้าโกหกคุณหรอก อาจารย์ปู่ฟู่! ผมสาบานด้วยทั้งชีวิตของผมและเกียรติยศของนักปรุงยาว่าสิ่งที่ผมพูดไปไม่มีอะไรผิดเพี้ยนสักนิด” หานฉีตอบอย่างเคร่งขรึม


เมื่อหานฉีถึงกับเอ่ยปากสาบาน ฝูงชนที่ยังแคลงใจก็พากันเงียบกริบด้วยความตกตะลึง


นี่คือสิ่งที่จางเซวียนคาดหวังจะให้เกิดขึ้นจากการสาธิตยาเม็ดของเขา เขารู้ดีว่าต้องตีเหล็กตอนที่ยังร้อน จึงก้าวออกไป “ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ, พี่หาน ผมเชื่อว่าสิ่งนี้คงเพียงพอจะพิสูจน์แล้วว่าประสิทธิภาพของยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธที่ผมพูดไปนั้นไม่ได้มีอะไรเกินจริง! เอาล่ะ ผมจะประกาศราคาและจำนวนยาเม็ดที่จะวางขายในวันนี้!”


คำพูดนั้นฉุดผู้ฟังออกจากภวังค์ ทุกคนรีบหันกลับมามองจางเซวียน


นี่คือส่วนสำคัญที่สุดของการสาธิต ต่อให้ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธจะมีประสิทธิภาพน่าทึ่งแค่ไหน ก็เปล่าประโยชน์หากพวกเขาไม่อาจซื้อหามันได้


เกิดความเงียบงันที่ทำให้ผู้ฟังพากันกระวนกระวายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จางเซวียนจะพูดต่อ “เพราะเป็นยาเม็ดที่ทำให้นักรบสามารถก้าวข้ามด่านคอขวดของเขา จึงเป็นธรรมดาที่สนนราคาของยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธจะสูงกว่ายาเม็ดเพิ่มความงาม ยาเม็ดเพิ่มความงามมีราคาเม็ดละ 1,500 เหรียญสวรรค์ ส่วนยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธจะมีราคาสูงกว่านั้น 10 เท่า…คือ 15,000 เหรียญสวรรค์!”


“15,000 เหรียญสวรรค์?”


“นี่มันปล้นกันกลางวันแสกๆ!”


“แพงไป! นักรบส่วนใหญ่ไม่มีปัญญาซื้อหรอก ต่อให้เก็บเงินทั้งชีวิต!”


“ถึงจะราคาสูง แต่ประสิทธิภาพของมันก็น่าทึ่งอย่างที่พวกเราได้เห็น ถือว่าคุ้มค่าอยู่นะ…”


ฝูงชนต่างหน้าเจื่อนเมื่อรู้ราคาของยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ


15,000 สวรรค์…เงินจำนวนนั้นมากพอจะซื้อบ้านในทำเลใจกลางเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนได้เลยทีเดียว แล้วต้องเสียเงินมากขนาดนั้นกับยาเพียง 1 เม็ด…


แต่ก็นั่นแหละ แม้วรยุทธระดับเทพเจ้าขั้นสูงกับระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำจะห่างกันเพียงขั้นเดียว แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นคนละชั้น ถ้ายาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธทำให้พวกเขาก้าวข้ามความห่างนั้นได้จริงๆ ก็คุ้มค่าที่จะซื้อ ไม่ว่าจะต้องเสียเงินเท่าไหร่ก็ตาม


อายุขัยที่ยาวนานกว่ากันหลายเท่าและสถานภาพสูงส่งนั้นไม่อาจซื้อหาได้ด้วยการใช้เงินเพียงอย่างเดียว เว้นเสียแต่จะซื้อยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ


“พวกคุณคิดว่ามันแพงไปไหม?” จางเซวียนตั้งคำถามขณะจับจ้องสีหน้าของฝูงชน


แล้วเขาก็ยิ้มออกมา “ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ในเมื่อวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดตัวยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ ถ้าผมยังยืนกรานจะขายราคานั้น พวกคุณส่วนใหญ่คงถอย ด้วยเหตุนี้…เฉพาะวันนี้เท่านั้น! พวกคุณไม่ต้องจ่ายเงิน 15,000 เหรียญ, 12,000 เหรียญ หรือแม้แต่ 10,000 เหรียญสวรรค์ ทั้งหมดที่ต้องจ่ายคือ 9,980 เหรียญสวรรค์เท่านั้น! ใช่…พวกคุณไม่ได้ฟังผิด เงิน 9,980 เหรียญสวรรค์ก็ซื้อยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธเม็ดหนึ่งได้ เข้าใจตรงกันนะว่าสิ่งที่พวกคุณกำลังซื้อไม่ได้เป็นแค่ยาเม็ดหนึ่ง ด้วยราคาไม่ถึง 10,000 เหรียญสวรรค์ ก็มอบความมั่นคงให้ชีวิตของคุณ สร้างอนาคตที่สดใสกว่าให้คนที่คุณรักได้!”


“9,980 เหรียญสวรรค์?”


“ยังไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ…”


“เยี่ยม! ราคาลดลงมาถึงหนึ่งในสาม!”


ทุกคนต่างตื่นเต้น


9,980 เหรียญสวรรค์ยังคงเป็นราคาสูงลิ่วสำหรับยาเม็ดเดียว แต่ก็เป็นข้อเสนอที่ดีกว่า 15,000 เหรียญสวรรค์มาก การรับประกันโอกาสในการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างด้วยสนนราคาเพียงไม่ถึง 10,000 เหรียญสวรรค์…มีอะไรเย้ายวนใจกว่านี้ไหม?


ขอแค่ใครสักคนมีเงินมากพอ ก็คงโง่เง่าเต็มทีถ้าไม่ซื้อยานี้!


“ผมเอา!”


“นักปรุงยาจาง, ผมรับ 2 เม็ด!”


“ของผม 4 เม็ดเลย! 4 เม็ดนะ!”


ฝูงชนพากันตะโกนสั่งซื้อโหวกเหวก


เมื่อเห็นว่ากลไกการโฆษณาแบบล้างสมองของโทรทัศน์ในชีวิตเก่าของเขาใช้ได้ผล จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขายกมือและพูดว่า “กรุณาเงียบสักครู่หนึ่งเถอะ”


“ไม่ใช่ว่าผมไม่เต็มใจจะขายยาเม็ดให้พวกคุณ แต่กระบวนการหลอมยานี้ซับซ้อนมาก ด้วยข้อจำกัดเรื่องส่วนผสมและพลังงานของผม ผมจึงไม่อาจหลอมยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธในปริมาณที่มากพอที่จะทำให้ทุกคนพอใจได้ ในเวลานี้ ผมมียาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธอยู่กับตัวเพียง 100 เม็ดเท่านั้น ซึ่งเมื่อขายหมด ก็บอกไม่ได้ว่ารอบ 2 จะวางขายเมื่อไหร่…จะมีรอบ 2 หรือเปล่าก็ยังไม่รู้!”


กลยุทธการตลาดแบบของขาด!


ถึงเขาจะผลิตยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธได้ง่ายๆ แต่ก็รู้ดีเกินกว่าจะนำยาทั้งหมดที่มีในสต๊อกออกมาขายในคราวเดียว เพราะมูลค่าของมันจะตกฮวบ และไม่ช้าผู้คนก็จะลืมเลือน ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น ก็จะไม่ได้รับกระแสจิตปรารถนาจากคนเหล่านี้อีก


“พวกคุณได้ยินไหม? มีแค่ 100 เม็ดนะ เร็วเข้า! แจ้งทางบ้านของพวกเราให้เตรียมเงิน! อะไรนะ? นี่คุณถามผมจริงๆหรือว่าจะหาเงินได้จากไหน? คิดสิคิด! ขายบ้าน ขายอสูร…ตอนนี้หาเงินมาให้ได้ก็พอ! ขอแค่ผมฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างได้สำเร็จ ต่อไปจะซื้อบ้านอีกกี่หลังก็ได้!”


“นี่ พ่อรูปหล่อ…จะซื้อยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธให้ฉันไหม? ซื้อให้ฉันหนึ่งเม็ดสิ แล้วคืนนี้ฉันจะเป็นของคุณ…”


“ให้นรกกินเถอะ! ต่อให้ผมต้องล้มละลายขายตัว ผมก็ต้องซื้อยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธให้ได้!”


“นี่ อย่าแซงคิว! ถ้ามีอีกหนล่ะก็ ผมจะเชือดคอคุณซะ!”


ทุกคนต่างคลุ้มคลั่ง แทบไม่มีใครเก็บกิริยาได้เมื่อเจอกับความเย้ายวนใจระดับนี้


ฟู่เจียงเฉินอ้าปากค้าง เขาเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นานกว่าจะปิดปากได้


เขาคือนักปรุงยาที่มีเกียรติและมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในสรวงสวรรค์ และยาเม็ดของเขาก็เป็นที่เสาะหาของนักรบทุกคน มีนักรบมากมายที่พร้อมจะคุกเข่าให้เพียงเพื่อให้เขาหลอมยาเม็ด…


แต่ไม่มีใครออกอาการได้เท่ากับความปั่นป่วนวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรงหน้า


นี่ยังไม่ได้เริ่มขายยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธเลยด้วยซ้ำ แต่ทุกคนก็ร้อนใจและอารมณ์เดือดจนเหมือนจะฆ่าแกงกันเองแล้ว!


“ทุกคน ผมยังพูดไม่จบ” จางเซวียนรีบยกมือส่งสัญญาณให้ฝูงชนเงียบ


จากนั้นก็พยักหน้าและพูดต่อ “พวกคุณไม่ต้องห่วงว่าจะซื้อยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธได้ที่ไหน เมื่อจบงานนี้ พวกคุณไปสั่งจองกับฉีหลิงเอ๋อได้ ขอแค่อยู่ในร้อยรายชื่อแรก ก็จะได้รับสิทธิ์ในการซื้อยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ผมจะลดราคายาเม็ดเพิ่มความงามจาก 1,500 เหรียญสวรรค์ เหลือเพียง 998 เหรียญสวรรค์เท่านั้น มีขายทั้งหมด 3,000 เม็ดนะ ใครมาก่อนได้ก่อน และเมื่อผ่านวันนี้ไปแล้ว ราคาจะกลับขึ้นไปเท่าเดิม”


คำพูดนั้นทำให้ฝูงชนเกิดความปั่นป่วนอีกระลอก ผู้ที่ยังไม่ได้ซื้อยาเม็ดเพิ่มความงามพากันตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น


“สนนราคาของยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธอยู่ที่เม็ดละ 9,980 เหรียญสวรรค์ ขณะที่ยาเม็ดเพิ่มความงามราคาเม็ดละ 998 เหรียญสวรรค์ ผมรู้ว่าราคานี้อาจแพงเกินกว่าที่สหายบางคนของเราจะซื้อหาได้ แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป ยาเม็ดขนานสุดท้ายที่ผมเตรียมไว้ในวันนี้ก็เพื่อพวกคุณ!”


จางเซวียนมองฉีหลิงเอ๋อ ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบนำขวดหยกออกมาใบหนึ่งและเทแคปซูลที่อยู่ภายในใส่มือของเธอ


“นั่นมันแคปซูลแก่นสารเทพเจ้าใช่ไหม?”


“อ๋อ ผมรู้จัก แคปซูลนี้ราคาถูกมาก เงินเหรียญเดียวก็ซื้อได้เป็น 10 แคปซูลแล้ว…”


“อาจดูเหมือนแคปซูลแก่นสารเทพเจ้า แต่ต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่”


ฝูงชนหันมาจับจ้องจางเซวียนอีกครั้งด้วยความอยากรู้


จางเซวียนที่ยืนอยู่กลางเวทีเงียบไปครู่หนึ่ง รอให้ทุกคนพูดคุยกันเพื่อสร้างความคาดหวัง ก่อนจะเริ่มแนะนำว่ามันคืออะไร


“แคปซูลนี้มีชื่อว่าแคปซูลถ่ายทอดพลัง มันดูเหมือนแคปซูลแก่นสารเทพเจ้า แต่ประสิทธิภาพเหนือชั้นกว่ามาก ไม่เพียงแต่จะช่วยฟื้นฟูพลังงานที่ร่อยหรอ ยังช่วยรวบรวมสมาธิและฟื้นคืนพลังจิตวิญญาณของผู้ที่กินเข้าไป ทำให้ผู้นั้นยกระดับวรยุทธได้ แต่มันใช้ได้ผลกับนักรบระดับเทพเจ้าลงไปเท่านั้น…สนนราคาแค่แคปซูลละ 9.98 เหรียญสวรรค์ ยังไม่ถึง 10 เหรียญสวรรค์เลย!”


“ส่วนผู้ที่อยากซื้อ ภายใน 3 วันนี้คุณไปที่ร้านยาเม็ดจางเซวียนสาขาไหนก็ได้ทั่วทั้งเมืองหลวง ส่วนตอนนี้ผมเตรียมไว้ 100 แคปซูล ใครอยากทดสอบประสิทธิภาพของมันก็ขึ้นมาบนเวทีเพื่อทดสอบ 1 แคปซูลได้เลย แต่ระดับวรยุทธของคุณจะต้องไม่สูงนะ ถ้าเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นต่ำก็จะดี” จางเซวียนพูด


ทันทีที่เขาพูดจบ ผู้ฟังหลายร้อยคนก็กระโจนขึ้นไป ทุกคนล้วนมีวรยุทธระดับเทพเจ้าขั้นต่ำ


ซึ่งจางเซวียนก็ใจป้ำ เขาให้ฉีหลิงเอ๋อนำขวดหยกมาเพิ่มเพื่อทุกคนจะได้ทดสอบแคปซูลถ่ายทอดพลัง


หลังจากได้กินแคปซูลถ่ายทอดพลัง เหล่านักรบก็รู้สึกได้ว่าการเพ่งสมาธิของพวกเขาเฉียบคมกว่าแต่ก่อน สิบคนในนั้นใช้ประโยชน์จากสภาวะร่างกายที่มีคุณภาพสูงขึ้นฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบระดับเทพเจ้าขั้นกลางได้สำเร็จ


ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คลื่นความตื่นเต้นก็กระจายตัวในหมู่ฝูงชนอีกครั้ง


ขนาดอานุภาพของแคปซูลถ่ายทอดพลังที่มีราคาถูกที่สุดก็ยังเหนือความคาดหมายของพวกเขา มันคือยาเม็ดที่มีประสิทธิภาพน่าทึ่งสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธเช่นกัน สนนราคาก็เม็ดละไม่ถึง 10 เหรียญสวรรค์ นั่นคือจำนวนเงินที่นักรบส่วนใหญ่จ่ายได้


เพียงชั่วพริบตา ผู้คนกว่า 5 แสนคนในจัตุรัสก็จดจำชื่อ ‘ยาเม็ดจางเซวียน’ ได้ขึ้นใจ และเป็นธรรมดาที่ภาพของชายหนุ่มผู้อยู่เบื้องหลังยาเม็ดเหล่านี้จะกลายเป็นภาพจำที่ฝังลึกในหัวสมองของพวกเขา



 

 

 


ตอนที่ 2241 เขาเข้าใจผิด

 

จางเซวียนมองฝูงชนด้านล่างที่กำลังฮึกเหิม เขายิ้มออกมาด้วยความพอใจ ดูเหมือนการจัดงานวันนี้จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่


ขณะที่เขากำลังจะประกาศจบงาน นัยน์ตาก็พลันเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น


เหตุผลหลักที่เขาเปิดตัวยาเม็ดทั้งสามขนานก็เพื่อเรียกกระแสจิตปรารถนาที่นำมาซึ่งการยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณ เขาคิดว่าคืนนี้คงก้าวข้ามด่านคอขวดไปเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้ทันทีในเวลานี้!


จางเซวียนกลืนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงที่มีอยู่ในแหวนเก็บสมบัติลงไป อึดใจต่อมา ระดับวรยุทธของพลังปราณก็พุ่งพรวด


เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง, สำเร็จแล้ว!


ด้วยความยินดีปรีดากับผลที่ได้ จางเซวียนยิ้มกว้างให้ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างและพูดต่อ “ต่อไป ไม่ว่าพวกคุณจะต้องการยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ ยาเม็ดเพิ่มความงาม หรือแคปซูลถ่ายทอดพลัง ก็ซื้อหาได้ที่ร้านยาเม็ดจางเซวียน!”


เพราะเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว จึงโยนทุกอย่างกลับไปให้ฉีหลิงเอ๋อจัดการ จางเซวียนกระโจนขึ้นขี่อสูรสวรรค์สร้างบินได้โดยไม่ลังเลและกลับบ้านพัก


ถึงวันนี้เขาจะเปิดตัวเต็มที่ แต่ก็ทำไปเพราะสถานการณ์บีบบังคับ เนื้อแท้ของเขายังคงเป็นคนนอบน้อมและถ่อมเนื้อถ่อมตัวเหมือนเดิม ดังนั้น เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่จะรีบออกจากสปอตไลท์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


ทันทีที่จางเซวียนกลับถึงห้องและทรุดตัวลงนั่ง ซุนฉางก็รีบเข้ามารายงาน “นายน้อย ชายคนหนึ่งชื่อฟู่เจียงเฉินรออยู่ที่ประตูทางเข้า เขาขอพบคุณ”


“เชิญเขาเข้ามา!”


จางเซวียนลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่เพื่อพบแขกของเขา


เขารู้จักตัวตนของฟู่เจียงเฉินจากเสียงซุบซิบพูดคุยของฝูงชนเมื่อครู่ก่อน ในเมื่ออีกฝ่ายช่วยเขาไว้ ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องให้การต้อนรับอย่างดี


ถ้าชายผู้นี้ไม่เสนอตัวเข้ามา ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธก็คงไม่อาจเอาชนะใจฝูงชนและได้การยอมรับรวดเร็วขนาดนั้น


“นักปรุงยาจาง!”


ฟู่เจียงเฉินทักทายจางเซวียนก่อนจะหาที่นั่ง เขาสำรวจชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยความอยากรู้


ชายหนุ่มปกปิดวรยุทธของตัวเองไว้อย่างดี ขณะที่คนอื่นอาจระบุชัดไม่ได้ แต่เขาดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงแล้ว กระแสพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาก็น่าสะพรึงมาก ในแง่พละกำลัง ชายหนุ่มอาจเทียบชั้นกับตัวเขาซึ่งเป็นราชันย์เทพเจ้าได้เลยทีเดียว!


ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการต่อสู้ ความสามารถในฐานะนักปรุงยา หรือทักษะการทำธุรกิจ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา


“เป็นเกียรติของผมที่คุณแวะมาเยี่ยม นักปรุงยาฟู่” จางเซวียนพูดอย่างสุภาพ


“เราเป็นนักปรุงยาเหมือนกัน ไม่ต้องมีพิธีรีตองกับผมหรอก ผมแวะมาเพื่อหวังว่าเราอาจแบ่งปันความรู้เรื่องการหลอมยาให้กันและกันได้” ฟู่เจียงเฉินพูด


“ผมยิ่งกว่ายินดีที่จะได้พูดคุยกับคุณ” จางเซวียนตอบยิ้มๆ


ศิลปะการหลอมยานั้นทั้งกว้างขวางและลึกซึ้ง


จางเซวียนประสบความสำเร็จสูงสุดเรื่องการปรุงยาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ แม้การหลอมยาในสรวงสวรรค์จะแตกต่างจากทวีปแห่งปรมาจารย์อยู่บ้าง แต่หลักการพื้นฐานก็เหมือนกัน เขาจึงสามารถแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการหลอมยากับฟู่เจียงเฉินได้โดยไม่ลำบากอะไร


ผ่านไปเพียงไม่นาน ฟู่เจียงเฉินก็รู้สึกประทับใจในตัวอีกฝ่าย มีช่วงเวลาหนึ่งที่เขารู้สึกว่าอยากยอมรับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นอาจารย์


เขามีชื่อเสียงในฐานะนักปรุงยาหมายเลข 1 ก็จริง แต่ก็รู้ตัวว่ายังห่างไกลนักกับความเป็นเลิศ


เขาเคยได้รับเกียรติให้พบราชันพิชิตสวรรค์ครั้งหนึ่ง ซึ่งทั้งคู่ก็แลกเปลี่ยนภูมิปัญญาเรื่องการหลอมยาต่อกันและกัน จากบทสนทนาครั้งนั้น เขารู้ทันทีว่าจอมราชันย์พิชิตสวรรค์คือบรมครูตัวจริงด้านการหลอมยา ไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะบอกว่าทักษะของเขาไม่มีใครเทียบได้


และตอนนี้ หลังจากได้สนทนาเรื่องการหลอมยาแบบลงรายละเอียดลึกซึ้ง ฟู่เจียงเฉินก็รู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้อ่อนด้อยกว่าจอมราชันย์พิชิตสวรรค์เลย!


ไม่น่าเชื่อว่าคนหนุ่มอายุเพียง 20 ต้นๆจะมีทักษะที่เหนือชั้นจนเทียบได้กับจอมราชันย์พิชิตสวรรค์


เขาฝึกฝนจนประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้อย่างไร?


หลังจากคุยกันไปครู่หนึ่ง ฟู่เจียงเฉินก็เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “นักปรุงยาจาง ถ้าคุณไม่รังเกียจล่ะก็ คุณยังมียาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธที่พอจะขายให้ผมบ้างไหม? ผมยินดีซื้อราคาเต็ม!”


อันที่จริง นี่คือเป้าหมายหลักของเขา


ในเมื่อมียาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธวางขายเพียง 100 เม็ด ก็คงดูไม่เหมาะสมหากนักปรุงยาผู้โด่งดังอย่างตัวเขาจะเข้ายื้อแย่งกับฝูงชน เพราะคิดแบบนั้น ฟู่เจียงเฉินจึงตัดสินใจมาพบจางเซวียนเป็นการส่วนตัว หวังว่าจะขอซื้อยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธจากอีกฝ่าย


แน่นอนว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่การใช้ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ แต่เพื่อศึกษามัน


“ไม่มีปัญหา” จางเซวียนตอบ


เขาโบกมือ จากนั้นซุนฉางก็นำขวดหยกใบหนึ่งเข้ามา


ฟู่เจียงเฉินเปิดจุกขวด เห็นยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ 10 เม็ดอยู่ภายใน


เขาหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็รีบนำบัตรใบหนึ่งออกมา “นี่คือเงิน 150,000 เหรียญสวรรค์…”


“อ๋อ ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องจ่ายผมหรอก ว่าแต่…นักปรุงยาฟู่ คุณมียาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดอยู่กับตัวบ้างไหม? ผมจะยินดีมากทีเดียวหากคุณขายมันให้ผมสักหน่อย” จางเซวียนพูด


เขารู้สึกได้ว่ายาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงที่มีอยู่มีประสิทธิภาพลดลงมาก ถึงขนาดที่เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดหากจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้า


แต่ปัญหาเดียวก็คือยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดนั้นมีมูลค่าสูงลิ่ว และใช้ได้ผลดีแม้แต่กับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ดังนั้น นอกจากราคาจะสูง ยังหายากมากด้วย


ในเมื่อฟู่เจียงเฉินคือผู้โด่งดังในฐานะนักปรุงยาหมายเลข 1 ของสรวงสวรรค์ เขาก็น่าจะหลอมยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดที่หายากนี้ได้สบาย


ถ้าหาซื้อจากอีกฝ่ายได้ ต่อไปก็คงลดความยุ่งยากได้มาก ขอแค่เขายกระดับวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าได้สำเร็จ ก็คงมีพละกำลังมากพอที่จะแทรกซึมเข้าไปเป็นหนึ่งในชนชั้นนำของสรวงสวรรค์


“ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุด? ได้สิ ผมพอมี…” ฟู่เจียงเฉินอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า


จำนวนนักปรุงยาในสรวงสวรรค์ที่หลอมยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดได้มีไม่ถึงหยิบมือ แต่เขาคือหนึ่งในนั้น แถมยังอยู่ในอันดับต้นๆด้วย


ฟู่เจียงเฉินสะบัดข้อมือ จากนั้นก็ยื่นขวดหยกใบหนึ่งให้จางเซวียน “ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดเป็นยาเม็ดขั้นสูง สมุนไพรที่ใช้ในการหลอมยาก็เป็นแหล่งทรัพยากรที่หายากมาก แม้แต่ตัวผมก็ยังต้องสละเวลาและใช้ความพยายามอย่างหนักกว่าจะหลอมได้สักเม็ด ตอนนี้ผมมีติดตัวอยู่ 3 เม็ดเท่านั้น”


“แค่นั้นก็พอแล้ว…”


จางเซวียนแทบซ่อนความผิดหวังไม่มิดเมื่อรู้ว่าฟู่เจียงเฉินมีแค่ 3 เม็ด แต่ก็รีบยิ้มกลบเกลื่อน เขารับขวดหยกพร้อมกับเรียกซุนฉางให้เข้ามามอบเงิน


“นี่คือเงิน 2,900,000 เหรียญสวรรค์ กรุณารับไว้ด้วย” ซุนฉางยื่นบัตรใบหนึ่งให้ฟู่เจียงเฉินอย่างนอบน้อม


ราคายาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าจะพุ่งขึ้นไปเป็นร้อยเท่าในแต่ละระดับขั้น – 1 เหรียญสวรรค์สำหรับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำ, 100 เหรียญสวรรค์สำหรับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลาง, 10,000เหรียญสวรรค์สำหรับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูง และ 1,000,000 เหรียญสวรรค์สำหรับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุด!


นั่นคือราคาที่ต้องจ่าย ซึ่งหากเปรียบเทียบกัน ราคายาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธที่จางเซวียนตั้งไว้ก็ไม่ได้แพงเลย


ฟู่เจียงเฉินให้โจวเฟิงรับบัตรไว้ก่อนจะลุกขึ้นยืน เขาบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจแล้ว จึงสมควรแก่เวลาที่จะกล่าวอำลา


“นักปรุงยาฟู่ กรุณารอสักครู่เถอะ” จางเซวียนพูดขณะลุกขึ้นยืนเช่นกัน


ฟู่เจียงเฉินหันมาถามอย่างงงๆ “คุณต้องการอะไรจากผมหรือ นักปรุงยาจาง?”


“เอ่อ…ผมไม่รู้จริงๆว่าจะเริ่มอย่างไร” จางเซวียนตอบอย่างลังเลขณะพยายามเรียบเรียงคำพูด “นักปรุงยาฟู่คือผู้เชี่ยวชาญระดับราชันย์เทพเจ้า แถมยังเป็นนักปรุงยาผู้โด่งดัง ผมเชื่อว่าคุณคงเคยไปเยือนสถานที่ต่างๆในสรวงสวรรค์มาแล้วหลายแห่ง และได้รู้ได้เห็นอะไรมาไม่น้อย มีบางอย่างที่ผมอยากถามคุณ…”


จางเซวียนหวังว่าชายชราผู้นี้จะรู้เรื่องของหลัวลั่วชิงบ้าง


นักปรุงยาที่สามารถหลอมยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติต้องการย่อมได้รับความเคารพในฐานะวีไอพีไม่ว่าจะไปที่ไหน เขาจึงน่าจะรู้ความลับบางอย่างที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้


“นักปรุงยาจาง ถามมาเลย ผมพร้อมตอบคำถามของคุณหากเป็นเรื่องที่ผมรู้” ฟู่เจียงเฉินพูดยิ้มๆ


เขาเดินทางไปทั่วทั้งสรวงสวรรค์ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา และภาคภูมิใจในฐานะผู้รอบรู้เรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสรวงสวรรค์


“ผมอยากรู้ข่าวคราวของคนคนหนึ่งที่ผมรู้จัก ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด อย่างน้อยเธอน่าจะเป็นราชันย์เทพเจ้า ชื่อของเธอคือหลัวลั่วชิง!” จางเซวียนพูดอย่างคาดหวัง


“หลัวลั่วชิง?” ฟู่เจียงเฉินขมวดคิ้ว “ผมรู้จักชื่อราชันย์เทพเจ้าทุกคนใน 9 น่านฟ้า แต่ไม่รู้จักใครที่ใช้ชื่อนั้นเลย…”


สรวงสวรรค์มีราชันย์เทพเจ้าราว 100 คนเท่านั้น การจดจำชื่อทุกคนจึงไม่ใช่เรื่องยาก เขาแน่ใจว่าไม่มีใครใช้ชื่อ ‘หลัวลั่วชิง’


ส่วนจางเซวียนก็ขมวดคิ้ว


เขาเข้าใจผิดหรือ? หลัวลั่วชิงไม่ใช่ราชันย์เทพเจ้าหรือไง?


หรือว่าเธอเป็นแค่เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงเหมือนตัวเขา?


แล้วราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติกับจอมราชันย์ล่ะ…


พูดตามตรง เขาไม่กล้าคิดไปไกลขนาดนั้น!


เห็นสีหน้ากังขาของจางเซวียน ฟู่เจียงเฉินเสริม “เป็นไปได้ไหมว่าคุณเข้าใจผิด? ถ้าเธอเป็นราชันย์เทพเจ้าจริงๆล่ะก็ ผมต้องเคยได้ยินชื่อเธอแล้ว คุณจำข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับตัวเธอได้ไหม?”


จางเซวียนครุ่นคิด “ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกผมว่าเธอคือเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ”


เขาเคยเดาว่าชื่อหลัวลั่วชิงน่าจะเป็นชื่อปลอม และดูเหมือนจะคิดถูก


“เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ?” ฟู่เจียงเฉินหรี่ตาด้วยความไม่อยากเชื่อ เขาถามต่ออย่างร้อนรน “คุณแน่ใจหรือเปล่า? เธอบอกคุณด้วยตัวเองหรือคุณรู้จากคนอื่น?”


จางเซวียนก็ชะงักกับปฏิกิริยาของฟู่เจียงเฉิน เขารีบตอบ “เธอบอกผมเอง”


เขาเคยถามหลัวลั่วชิงว่าเธอคือเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณหรือเปล่า ซึ่งเธอก็ยอมรับ นั่นย่อมหมายความว่าเธอบอกเขาด้วยตัวเอง


“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?” ฟู่เจียงเฉินรุก เขาตื่นเต้นอย่างหนักจนหายใจถี่กระชั้น


“เกิดขึ้นเมื่อไหร่?” จางเซวียนรีบคำนวณตามกระแสกาลเวลาของสรวงสวรรค์และตอบว่า “เมื่อราว 1 เดือนก่อน…”


รวมแล้ว ระยะเวลาที่เขาอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์กับมิติเบื้องบนก็เท่ากับเพียง 1 วันของสรวงสวรรค์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)