อัจฉริยะสมองเพชร 2224-2227

ตอนที่ 2224 ข้อบกพร่อง!

 

ถ้าหนึ่งในสองคนนี้ล่วงรู้ตรรกะดังกล่าว ต่อให้สุดท้ายจะลงเอยด้วยการไม่ประสบความสำเร็จใดๆ แต่สิ่งที่เธอได้รู้ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความสามารถที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ


ผู้ที่เชื่อข้อมูลในหนังสือจนหูหนวกตาบอดจะไม่มีวันประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต


ชายวัยกลางคนยังจงใจย้ำว่านี่คือเทคนิคการต่อสู้ที่เขาคิดค้นขึ้นเอง เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้มากขึ้นอีก ซึ่งทั้งคู่ก็หลงเชื่อ สุดท้ายก็จนมุมกับความคิดของตัวเอง


ชายวัยกลางคนส่ายหน้าอย่างผิดหวัง เขากำลังจะประกาศจบการแข่งขันก่อนเวลา ก็พอดีกับที่มีบางสิ่งสะดุดตา เขาเลิกคิ้วและหันไปมองฉีชุนเอ๋อ


สีหน้ายู่ยี่ของเธอก่อนหน้านี้ผ่อนคลายลงมาก ถึงกับยิ้มได้ ดูเหมือนในที่สุดเธอก็พอจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว


“ดูเหมือนชุนเอ๋อจะยังเหนือชั้นกว่าหลิงเอ๋ออยู่ดี” ชายวัยกลางคนพยักหน้า


ในฐานะนักรบคนหนึ่งที่อดทนอยู่ในทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้กว่า 1 ชั่วโมง แน่นอนว่าฉีชุนเอ๋อคืออัจฉริยะ ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้มีแต่จะตอกย้ำความจริงข้อนั้น


จางเซวียนก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง เขาขมวดคิ้ว


ถ้าเป็นแบบนี้ ฉีหลิงเอ๋อต้องแพ้แน่…


เห็นได้ชัดว่าฉีหลิงเอ๋อยังคงติดขัด และเวลาก็ล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว ถ้าเธอยังศึกษาหัวใจของบททดสอบให้เข้าใจกระจ่างไม่ได้ จะต้องพ่ายแพ้แน่


ซึ่งถ้าเธอแพ้ เราก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นทะเลสาบจันทร์กระจ่าง คงต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว!


แม้เขาจะฝ่าด่านวรยุทธจนได้เป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง แต่ทันทีที่ได้พบชายวัยกลางคน ก็รู้ทันทีว่าต่อให้พยายามใช้กำลังบุกเข้าไปในทะเลสาบจันทร์กระจ่างก็ไม่มีประโยชน์อะไร


ราชันย์เทพเจ้าไร้เทียมทานเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว ต่อให้เขาใช้วิธีการบางอย่างเพิ่มพละกำลังของตัวเองได้อีก 10 เท่า ก็เทียบชั้นกับอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี


แต่จะช่วยฉีหลิงเอ๋ออย่างเปิดเผยก็ไม่ได้


ทั้งคู่กำลังถูกสายตาเฉียบแหลมของราชันย์เทพเจ้าจับจ้อง และต่อให้เขาใช้โทรจิตสื่อสารกับเธอได้ อีกฝ่ายก็น่าจะรู้ และคงเพิกถอนคุณสมบัติของเธอทันที


แต่ก็นั่นแหละ ด้วยนิสัยของฉีหลิงเอ๋อ เธอจะไม่ยอมพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงหากไม่มั่นใจว่าจะได้ชัยชนะ ซึ่งก็ออกจะประหลาดที่เธอเพลี่ยงพล้ำง่ายดายขนาดนี้


ฉีหลิงเอ๋อคือผู้ที่รู้คุณค่าของการเตรียมตัวและวางแผน เธอค้นคว้าหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนในทุกเรื่องที่เธอลงมือทำ เห็นได้จากวิธีการที่ใช้ขายยาเม็ดเพิ่มความงาม


และอันที่จริง เป็นเธอเองด้วยซ้ำที่ยื่นข้อเสนอให้มีการแข่งขัน แล้วจะจบแบบนี้ได้อย่างไร?


จางเซวียนงุนงง เขาพิจารณาฉีหลิงเอ๋ออย่างถี่ถ้วน แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ เธอกำลังกระเสือกกระสนทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้นั้น


เขาจึงหันไปมองฉีชุนเอ๋อและเพ่งสมาธิ ข้อบกพร่อง!


หนังสือเล่มหนึ่งปรากฏในหัว


เพราะฉีชุนเอ๋อกำลังฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ การประมวลหนังสือของเธอจึงทำได้ง่าย


จางเซวียนพลิกหน้าหนังสือเพื่ออ่านรายละเอียด


อะไรกัน…


หลังจากเก็บรายละเอียดทั้งหมด หน้าผากของจางเซวียนย่นเป็นร่องลึกทันที


ฉีหลิงเอ๋อมองฉีชุนเอ๋อไม่ผิด-อีกฝ่ายยังคงไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของชายวัยกลางคนเช่นกัน!


แต่สิ่งที่ฉีหลิงเอ๋อไม่รู้ก็คือมีความเป็นไปได้ที่ฉีชุนเอ๋อจะได้รับความช่วยเหลือ


แม้การปกปิดอะไรสักอย่างจากสายตาที่เฉียบแหลมของราชันย์เทพเจ้าจะทำได้ยาก แต่ฉีชุนเอ๋อก็กำลังทำอยู่


เป็นเพราะ ‘ความช่วยเหลือ’ ที่ทำให้เธอสามารถฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้นั้นได้ และเป็นไปได้ว่าผู้ที่ช่วยเธอก็คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอัจฉริยะผู้โด่งดังที่ฉีหลิงเอ๋อเคยพูดถึง, ฉีเยว่!


มีแต่คนเก่งกาจระดับเขาเท่านั้นที่จะมองเห็นปัญหาของเทคนิคการต่อสู้อย่างทะลุปรุโปร่ง อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนและถ่ายทอดให้บุคคลอื่นในรูปแบบที่อีกฝ่ายสามารถทำความเข้าใจได้


ทั้งคู่ดูจะทำงานเข้าขากันดี!


ฉีชุนเอ๋อกับฉีเยว่เตรียมการล่วงหน้าเพื่อให้มั่นใจว่าชายวัยกลางคนจะไม่รู้เรื่องนี้ และพูดกันตามตรง ถ้าจางเซวียนไม่ได้ใช้หอสมุดเทียบฟ้า การกระทำของทั้งคู่คงหลุดรอดสายตาของเขาไปได้เช่นกัน


แต่จะว่าไป สิ่งที่พวกเขาทำก็เป็นเรื่องธรรมดามาก


ฉีเยว่จัดการให้แมลงปีกแข็งตัวจ้อยตัวหนึ่งยอมจำนน และปล่อยมันเข้าไปในร่างของฉีชุนเอ๋อ


แมลงปีกแข็งตัวนั้นจะทำให้เขาสื่อสารกับจิตวิญญาณของฉีชุนเอ๋อได้โดยตรง ซึ่งราชันย์เทพเจ้าก็แทบดูไม่ออก เว้นเสียแต่จะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน


ด้วยการควบคุมการเคลื่อนไหวของแมลงปีกแข็งในตัวฉีชุนเอ๋อ เธอจะสามารถขับเคลื่อนพลังงานสวรรค์สร้างของเธอให้กลมกลืนกับการเคลื่อนไหวของแมลงปีกแข็งตัวนั้นได้ และในท้ายที่สุดก็จะเชี่ยวชาญเทคนิคการต่อสู้นั้น!


ในเมื่อคุณตั้งใจโกง ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยั้งมือ จางเซวียนพึมพำ


ถ้าอีกฝ่ายทำตามกฎ เขาคงต้องไตร่ตรองให้ดีเรื่องการช่วยฉีหลิงเอ๋อ เพราะคิดอีกที เรื่องนี้เป็นความขัดแย้งส่วนตัวของทั้งคู่ และจางเซวียนก็รู้สึกว่าคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่หากคนนอกอย่างเขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว


ดังนั้น ต่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะส่งผลกระทบต่อเขาด้วย เขาก็เต็มใจยอมรับ


แต่ในเมื่อฉีชุนเอ๋อกับฉีเยว่รวมหัวกันโกงการแข่งขัน เขาก็คงไม่ปล่อยให้ฉีหลิงเอ๋อสู้ตามลำพัง


แม้การตบตาราชันย์เทพเจ้าจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจางเซวียนจะอับจนหนทาง


ฉีหลิงเอ๋อกินยาเม็ดเพิ่มความงามได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็คงซึมซับพลังปราณเทียบฟ้าที่เราถ่ายทอดเข้าไปในนั้นได้ไม่หมด


จางเซวียนเพ่งสมาธิไปที่ร่างของฉีหลิงเอ๋ออย่างระมัดระวัง ไม่ช้าก็รู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่ออย่างเบาบางกับพลังปราณในร่างกายของเธอ มันไหลเวียนไปพร้อมกับพลังงานสวรรค์ที่อยู่ในทางเดินพลังปราณ


ฉีหลิงเอ๋อกินยาเม็ดเพิ่มความงามเมื่อตอนที่พวกเขายังอยู่ในตลาดมืดของเมืองตะวันรอน ตอนนั้นจางเซวียนให้เธอกินยาเพื่อที่เขาจะได้แน่ใจว่าจะรับมือได้หากเธอคิดหักหลัง


ใครจะไปคิดว่ากระแสพลังปราณนี้จะกลายเป็นไม้ตายที่ใช้เล่นงานฉีชุนเอ๋อกับฉีเยว่?


กระแสพลังปราณนี้จะทำให้จางเซวียนนำทางและชี้แนะฉีหลิงเอ๋อได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าแมลงปีกแข็งตัวนั้นเสียอีก และที่สำคัญกว่าก็คือยากที่ใครสักคนจะล่วงรู้หรือมองเห็น


ฟู่!


ภายใต้การควบคุมของจางเซวียน พลังปราณเทียบฟ้าค่อยๆไหลเวียนไปทั่วร่างของฉีหลิงเอ๋อ ทำลายสิ่งอุดตันและด่านคอขวดทั้งหมดที่ขวางทาง


เมื่อครู่ก่อน ฉีหลิงเอ๋อกำลังจนปัญญาสุดขีดถึงขนาดที่เกือบจะถอดใจยอมแพ้ฉีชุนเอ๋อแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างปุบปับที่เกิดขึ้นในร่างกายทำให้เธอตาโตด้วยความตื่นเต้น


เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ แต่สัญชาตญาณนักรบบอกเธอว่าเพียงแค่ขับเคลื่อนพลังงานสวรรค์ไปตามเส้นทางที่เปิดกว้าง สุดท้ายก็จะเชี่ยวชาญเทคนิคการต่อสู้ที่ถูกใช้เป็นบททดสอบ


แถมข้อบกพร่องมากมายที่เธอค้นพบเมื่อราว 1 ชั่วโมงก่อนก็ได้รับการแก้ไขด้วย ทำให้เทคนิคการต่อสู้นี้แข็งแกร่งกว่าที่เคย


ฉีหลิงเอ๋อรีบขับเคลื่อนพลังงานสวรรค์เข้าสู่เส้นทางของทางเดินพลังปราณที่ถูกเปิดขึ้นใหม่ ซึ่งก็น่าอัศจรรย์ที่เธอพบว่าความเข้าใจในเทคนิคการต่อสู้ของตัวเองเพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับที่เหลือเชื่อ ราวกับใครคนหนึ่งกำลังชี้แนะเธอทีละก้าว ทำให้เธอเข้าถึงความเชี่ยวชาญระดับการประสบความสำเร็จโดยภาพรวมในชั่วพริบตา


ฉีหลิงเอ๋อตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็เก็บความรู้สึกไว้ได้อย่างดี สีหน้าของเธอยังดูกระวนกระวายเหมือนเดิม


“ฮะ?”


ทีท่าของเธออาจตบตาฉีชุนเอ๋อได้ แต่ไม่แนบเนียนพอจะปิดบังราชันย์เทพเจ้าที่นั่งอยู่ตรงหน้า ชายวัยกลางคนออกจะงุนงงเล็กน้อยที่เห็นฉีหลิงเอ๋อซึ่งกำลังสับสนอยู่เมื่อครู่สามารถทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้ได้ในชั่วพริบตา


เขารู้ดีว่าการแก้ไขข้อบกพร่องในเทคนิคการต่อสู้ของเขาจนดีพอสำหรับการฝึกฝนนั้นไม่ใช่งานง่าย ต้องอาศัยสติปัญญาและความปราดเปรื่องไม่น้อย


เธอคงเข้าถึงแก่นสารเบื้องต้นของเทคนิคการต่อสู้ของเราแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่เชี่ยวชาญหรอก เขาชำเลืองมองก้านธูปและยกมือ “หมดเวลา!”


ฉีหลิงเอ๋อกับฉีชุนเอ๋อยืนขึ้นพร้อมกัน


“เริ่มได้!” เขาสั่งการ


ฉีชุนเอ๋อมองสภาพของฉีหลิงเอ๋อ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างลำพองใจเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายมีเหงื่อเกาะพราว


เธอพยายามเล่นงานฉีหลิงเอ๋อกับสายเลือดของอีกฝ่ายมาระยะหนึ่งแล้ว แต่การพูดง่ายกว่าทำมาก ตระกูลฉีย่อมไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรที่อาจทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาด่างพร้อย เธอจึงเปิดหน้าท้าชนกับฉีหลิงเอ๋อและสายเลือดของอีกฝ่ายอย่างเปิดเผยไม่ได้


หากต้องการโค่นล้มพวกเขาให้สิ้นซาก ก็ต้องมีเหตุผลที่ชอบธรรมมากพอ


ซึ่งตอนนี้ ฉีหลิงเอ๋อฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าตระกูลอย่างชัดเจน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่หากตัวเธอเอาชนะการแข่งขันครั้งนี้ได้ ฉีหลิงเอ๋อก็น่าจะถูกลงโทษอย่างหนัก


สิ่งนี้จะช่วยรักษาศักดิ์ศรีและความชอบธรรมให้กฎเกณฑ์ของตระกูลฉี


เพราะไม่อย่างนั้น ถ้าทุกคนในตระกูลฉีพากันละเลยความรับผิดชอบของตัวเองและทำอะไรตามอำเภอใจ ตระกูลฉีจะมีสภาพอย่างไร?


“เทคนิคการต่อสู้นี้ซับซ้อนมาก ยากที่จะทำความเข้าใจแก่นสารของมันได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง ท่านหัวหน้า, ถ้าคุณให้เวลาฉันอีกสัก 1 ชั่วโมง ฉันคงขัดเกลาความเข้าใจที่มีต่อเทคนิคนี้ได้…” ฉีหลิงเอ๋อกัดฟันพูดอย่างสิ้นหวัง


“เรามีเวลาแค่ 1 ชั่วโมง, คุณคิดว่าตัวเองทำถูกแล้วหรือที่ร้องขอเวลาเพิ่ม หุบปากและเตรียมตัวให้พร้อมเถอะ!” ฉีชุนเอ๋อคำราม


เธอเชื่อสนิทใจว่าฉีหลิงเอ๋อพยายามถ่วงเวลาเพราะเกิดความหวาดกลัว


ส่วนชายวัยกลางคนก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดที่เห็นฉีชุนเอ๋อตกหลุมพรางตื้นๆแบบนั้น


ด้วยความที่เธอสนิทสนมกับฉีเยว่ เขาจึงคิดว่าฉีชุนเอ๋อน่าจะเป็นอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นเสาหลักค้ำจุนตระกูลฉีต่อไป แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่เอาไหน


เธอถือเอาศักดิ์ศรีเป็นใหญ่ ปล่อยให้มันบดบังจนหน้ามืดตามัวและตกหลุมพรางของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย


แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฉีชุนเอ๋อจะสบประมาทฉีหลิงเอ๋อ เพราะทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน จึงรู้ความสามารถของกันและกันอย่างดี


ฉีชุนเอ๋อทนอยู่ในทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้ถึง 1 ชั่วโมง แต่ก็ไม่อาจทำความเข้าใจแก่นสารของบททดสอบได้จนกระทั่งหมดเวลา จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะคิดเอาเองว่าสภาพของฉีหลิงเอ๋อจะต้องย่ำแย่กว่าเธอแน่


ก็เพราะความมั่นใจนี้ที่ทำให้เธอรับคำท้าของฉีหลิงเอ๋อตั้งแต่แรก


“เริ่มได้!” ชายวัยกลางคนสั่งการ


ฉีหลิงเอ๋อหลับตาและถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปพูดกับชายวัยกลางคน “ท่านหัวหน้า กรุณาตรวจสอบวรยุทธของพวกเราด้วย”


ไม่ช้า ระดับวรยุทธของทั้งคู่ก็ถูกปรับลงมาให้เท่ากัน แม้แต่พลังงานสวรรค์ในร่างกายก็เปลี่ยนไปจนอยู่ในระดับเดียวกัน



 

 

 


ตอนที่ 2225 บรรพบุรุษเก่าแก่?

 

เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ ฉีชุนเอ๋อกระโจนเข้าใส่อย่างไม่ลังเลและปล่อยพลังจากฝ่ามือชุดใหญ่เข้าใส่อีกฝ่าย


“ไม่เลว!”


ชายวัยกลางคนพยักหน้าด้วยอาการยอมรับเมื่อเห็นภาพนั้น


ฉีชุนเอ๋อก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคนิคการต่อสู้ที่เขามอบให้และสามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขมันจนมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิมมาก แม้จะยังอ่อนด้อยกว่าหากเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาคาดไว้ แต่ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสติปัญญาและความปราดเปรื่องของเธอ


จากนั้น ชายวัยกลางคนหันไปมองฉีหลิงเอ๋อ เขาเลิกคิ้วทันทีด้วยความตกใจ “อะไรกัน…”


เขาเพิ่งเห็นบางสิ่งที่ทำให้งุนงงสุดขีด


ฉีหลิงเอ๋อยังสำแดงกระบวนท่าของเธอไม่เสร็จ แต่เพียงแค่ได้เห็นเส้นทางการไหลเวียนพลังงานสวรรค์ของเธอ เขาก็ดูออกว่าเธอสามารถปรับเปลี่ยนเทคนิคการต่อสู้จนอยู่ในระดับที่เหนือชั้นกว่าที่เขาเคยทำได้!


มันเป็นแค่การปรับเปลี่ยนอย่างง่ายๆ แต่เทคนิคการต่อสู้ขั้น 2 ได้กลายเป็นเทคนิคที่เหนือชั้นสุดยอดจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังทำความเข้าใจได้ยาก


ฉีหลิงเอ๋อทำได้อย่างไร?


ควั่บ!


เสียงคล้ายการสะบัดแส้ดังขึ้นกลางอากาศ


ฉีชุนเอ๋อที่แสนจะมั่นอกมั่นใจถูกเล่นงานอย่างจังที่แก้ม ร่างของเธอหมุนคว้างกลางอากาศก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง


“คุณแพ้แล้ว”


ฉีหลิงเอ๋อไม่โจมตีซ้ำหลังจากที่เอาชนะฉีชุนเอ๋อได้ในกระบวนท่าเดียว เธอเอาสองมือไพล่หลังขณะลดสายตาลงมองอีกฝ่ายอย่างดูถูก


ตลอดหลายปีที่มีเรื่องกับฉีชุนเอ๋อทำให้เธอทั้งโกรธแค้นและเสียศักดิ์ศรี แต่ในที่สุด เธอก็มีโอกาสตบหน้าแม่นี่แล้ว!


“คุณ…” ฉีชุนเอ๋อถึงกับจังงัง


เธอคิดว่าคงเล่นงานฉีหลิงเอ๋อได้สบายด้วยเทคนิคการต่อสู้ที่พี่ชายถ่ายทอดให้ แต่ลงท้ายก็ถูกอีกฝ่ายเล่นงานยับ!


เมื่อกี้นี้ฉีหลิงเอ๋อยังพยายามทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้อยู่เลยไม่ใช่หรือ?


แล้วจู่ๆเกิดเชี่ยวชาญขนาดนี้ได้อย่างไร?


เป็นไปไม่ได้!


ฉีเยว่ที่เฝ้าดูทุกอย่างผ่านแมลงปีกแข็งในร่างของฉีชุนเอ๋อก็ขมวดคิ้ว


ในฐานะอัจฉริยะชั้นยอดของตระกูลฉี เขาดูออกว่าแรงตบของฉีหลิงเอ๋อน่าสะพรึงแค่ไหน


แต่มันก็ยังเป็นเทคนิคการต่อสู้เดียวกันกับที่หัวหน้าตระกูลถ่ายทอดให้…แล้วฉีหลิงเอ๋อปรับเปลี่ยนมันจนเหนือชั้นขนาดนี้ได้อย่างไร? แม้แต่หัวหน้าตระกูลซึ่งเป็นถึงราชันย์เทพเจ้าก็ยังแก้ไขเทคนิคให้มีประสิทธิภาพขนาดนี้ไม่ได้!


หรือว่าจะเป็น…บรรพบุรุษเก่าแก่?


นี่คือคำเตือนจากบรรพบุรุษเก่าแก่หรือเปล่า? เขาอาจไม่พอใจกับความขัดแย้งภายในตระกูล จึงใช้ฉีหลิงเอ๋อเป็นเครื่องมือปรามพวกเราไม่ให้ทำอะไรหนักข้อไปกว่านี้? ฉีเยว่ครุ่นคิด รู้สึกหนาวเยือกถึงกระดูกสันหลัง


มีเพียงคนเดียวในตระกูลฉีที่สามารถปรับเปลี่ยนเทคนิคการต่อสู้จนเหนือชั้นระดับนี้ได้ คือบรรพบุรุษเก่าแก่, ฉีเหมิง!


ถ้าบรรพบุรุษเก่าแก่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ พวกเขาคงต้องทบทวนแผนการของตัวเองใหม่


ขณะที่ฉีเยว่กำลังคิดหนัก ฉีชุนเอ๋อก็หายตกใจ สีหน้าซีดเผือดของเธอเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยแรงโทสะขณะคำรามก้อง “แก นังงูพิษ! แกไม่ได้ใช้เทคนิคการต่อสู้ที่เราได้รับเมื่อครู่ ฉันจะฆ่าแกซะ!”


ฉีชุนเอ๋อปลดปล่อยวรยุทธและพุ่งเข้าใส่ฉีหลิงเอ๋อทันที


เธอทนไม่ได้ที่ถูกเหยียดหยามด้วยการตบหน้าจากผู้ที่มีวรยุทธอ่อนด้อยกว่าเธอมาก


ฉีเยว่ตกตะลึง เขารีบออกจากภวังค์และกระโจนเข้าห้ามฉีชุนเอ๋อ “จะทำอะไรน่ะ? เท่านี้ยังอับอายขายหน้าไม่พอใช่ไหม?”


การแข่งขันครั้งนี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาหัวหน้าตระกูล การตั้งคำถามถึงผลลัพธ์ของการแข่งขันก็ไม่ต่างอะไรกับการแสดงความสงสัยแคลงใจในคำตัดสินของหัวหน้าตระกูล


ทำแบบนี้มีแต่จะทำให้อีกฝ่ายโกรธเกรี้ยว


“พี่ชาย ฉันรู้จักแม่นี่มาหลายปีแล้ว คนอย่างมันน่ะไม่มีทางทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้และปรับเปลี่ยนมันจนยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้หรอก แม่นี่ไม่มีทางทำได้!” ฉีชุนเอ๋อตวาดลั่นด้วยความหงุดหงิด


ถึงเธอจะไม่เคยยอมรับ แต่ก็เห็นฉีหลิงเอ๋อเป็นคู่แข่งมาตลอด และรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้เก่งกาจขนาดนี้


ฉีหลิงเอ๋ออาจเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ แต่ความปราดเปรื่องเรื่องวรยุทธยังอ่อนด้อยกว่าเธอแน่นอน ทะเลสาบจันทร์กระจ่างก็บอกชัดเจน!


ฉีหลิงเอ๋อไม่มีทางเทียบชั้นกับเธอได้!


แถมเธอยังใช้เทคนิคการต่อสู้ที่พี่ชายปรับปรุงให้เป็นการส่วนตัวด้วย


เห็นพฤติกรรมของฉีชุนเอ๋อ ชายวัยกลางคนมองเธอด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะตัดสินด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจของราชันย์เทพเจ้า “คุณแพ้แล้ว อย่าทำให้ตัวเองอับอายขายหน้ากว่านี้เลย”


จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับฉีหลิงเอ๋อ “สำแดงเทคนิคการต่อสู้ที่คุณทำความเข้าใจเมื่อครู่นี้ให้ผมดูอีกที”


“ได้ ท่านหัวหน้า”


ฉีหลิงเอ๋อสูดหายใจลึกก่อนจะสำแดงเทคนิคการต่อสู้อีกครั้ง


บึ้มมมม!


พละกำลังมหาศาลถูกบีบอัดเข้าด้วยกันจนเกิดเสียงกึกก้องกลางอากาศ


“เหลือเชื่อ! เหลือเชื่อจริงๆ! ผมไม่เคยคิดเลยว่าการทำแบบนี้จะเป็นไปได้…”


ชายวัยกลางคนนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความอัศจรรย์ใจ ดูเหมือนเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง


การคิดค้นเทคนิคการต่อสู้ที่ดีไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะแรงบันดาลใจที่เข้ามาอย่างปุบปับ แต่นักรบยังต้องทบทวนมันครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบด้วย


กระบวนการนี้ไม่ต่างอะไรกับการรังสรรค์บทกวีของกวีสักคนหนึ่ง ซึ่งแม้แต่รายละเอียดที่เรียบง่ายที่สุดก็อาจส่งผลต่อความกลมกลืนและพลังโดยรวมของเทคนิคการต่อสู้นั้น


สิ่งที่ฉีหลิงเอ๋อสำแดงออกมาปราศจากข้อบกพร่องอย่างสิ้นเชิง หาที่ติไม่ได้เลย


นี่เป็นครั้งแรกที่ชายวัยกลางคนได้เห็นเทคนิคการต่อสู้แบบนี้ จึงเป็นธรรมดาที่จะระงับความตื่นเต้นไม่ไหว


บางที…กุญแจของการพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้ากว่าเดิมอาจอยู่ตรงนี้ก็ได้!


“คุณทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้ด้วยตัวเองใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนถาม


พูดกันตามตรง เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าฉีหลิงเอ๋อจะมีสติปัญญาระดับนั้น เพราะหากเป็นเรื่องจริง ตระกูลฉีคงไม่มองข้ามเธออย่างที่เป็นอยู่!


แม้ฉีหลิงเอ๋อจะอดทนอยู่ในทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้เพียง 15 นาที แต่ลำพังความสามารถในการคิดค้นและขัดเกลาเทคนิคการต่อสู้ก็เกินพอจะทำให้เธอเป็นตัวเลือกที่มีสถานภาพทัดเทียมกับฉีเยว่แล้ว คือมีโอกาสได้เป็นราชันย์เทพเจ้า!


“ใช่ ฉันทำเอง” ฉีหลิงเอ๋อตอบ


เธอไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของเธอถึงแสดงออกแบบนั้น แต่สัญชาตญาณบอกเธอว่าจางเซวียนจะต้องมีส่วนแน่ ซึ่งจางเซวียนเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว เขาคงไม่ชอบการดึงดูดความสนใจของใครๆมากเกินไป


ดังนั้น เธอจึงต้องยอมรับ


“ไม่เลว ไม่เลวเลย!” ชายวัยกลางคนพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น


“ขอบคุณ ท่านหัวหน้า” ฉีหลิงเอ๋อตอบอย่างนอบน้อม


จากนั้นเธอก็หันไปถามฉีชุนเอ๋อ “คุณยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”


ฉีชุนเอ๋อกำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ แต่เมื่อเห็นสายตากำราบของพี่ชาย ก็ได้แต่กล้ำกลืนความแค้นและตอบว่า “ฉันไม่มีอะไรจะพูด…”


ฉีชุนเอ๋อเป็นคนเลือดร้อน แต่ไม่โง่ ต่อให้ฉีเยว่ไม่ห้ามไว้ เธอก็รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ไม่เข้าข้างเธอแล้ว ฉีหลิงเอ๋อได้การยอมรับจากหัวหน้าตระกูล และเธอก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนั้นได้


นับจากนี้ สถานภาพของฉีหลิงเอ๋อในตระกูลฉีจะเปลี่ยนไป


ฉีหลิงเอ๋อหันไปประสานมือให้ชายวัยกลางคน “ท่านหัวหน้า อย่างที่คุณเห็นแล้ว…ฉีชุนเอ๋อจงเกลียดจงชังฉันเหลือเกิน และพยายามใช้เรื่องนี้ชำระความแค้นของเธอ ซึ่งในเมื่อฉันเป็นผู้ชนะการแข่งขัน ฉันคิดว่าฉันก็มีสิทธิ์ใช้เดิมพันนั้นกับเธอเหมือนกัน”


“เดิมพันก็เป็นแค่สิ่งที่พูดกันลอยๆ ถือเป็นเรื่องจริงจังไม่ได้หรอก” ชายวัยกลางคนพูดพร้อมกับโบกมือ แสดงออกชัดเจนว่าเขาต้องการจบเรื่องนี้


จากนั้นเขาก็พูดต่อ “คุณคงลำบากไม่น้อยสินะที่ต้องต่อสู้และดูแลตัวเองที่เมืองตะวันรอนตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณไม่ต้องกลับไปแล้วล่ะ รับหน้าที่ดูแลตลาดจันทร์กระจ่างของตระกูลของเราก็แล้วกัน”


คำพูดนั้นทำให้ฉีชุนเอ๋อหน้าซีดกว่าเดิม


ตลาดจันทร์กระจ่างเป็นหนึ่งในธุรกิจของตระกูลฉีที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวง ที่ผ่านมา เธอเป็นคนดูแลมาตลอด แต่แล้วหัวหน้าตระกูลก็มอบความรับผิดชอบนี้ให้ฉีหลิงเอ๋อ ไม่ต่างอะไรกับการยึดอำนาจจากเธอ!


สุดท้าย ตระกูลฉีก็ลงโทษเธออยู่ดี


เธอคิดว่าความช่วยเหลือของพี่ชายจะทำให้เธอเอาชนะการแข่งขันครั้งนี้ได้แน่ แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง สิ่งที่เกิดขึ้นก็กลับตาลปัตรไปหมด


เธอรู้สึกเหมือนตัวเองลงนอนให้ฉีหลิงเอ๋อเหยียบหน้า!


“ขอบคุณ ท่านหัวหน้า!” ฉีหลิงเอ๋อโค้งคำนับอย่างงาม


ในที่สุดเธอก็ถือไพ่เหนือกว่าเสียที เพราะเมื่อคนอื่นๆในตระกูลฉีรู้ว่าเธอได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ดูแลตลาดจันทร์กระจ่าง ก็จะเข้าใจทันทีว่าทิศทางลมเปลี่ยนไปแล้ว จะไม่มีใครกล้าเอาเปรียบสายเลือดของเธออีก


ชายวัยกลางคนหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังฉีหลิงเอ๋อ “ชายผู้นี้คือ…”


การที่ฉีหลิงเอ๋อเต็มใจพาอีกฝ่ายมาที่ตระกูลฉีด้วยย่อมหมายความว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ธรรมดา


ที่สำคัญกว่านั้น ถึงชายหนุ่มจะอายุยังน้อย แต่ก็ดูสุขุมสง่างามอย่างน่าประหลาด ขนาดยืนอยู่ตรงหน้าเขา ก็ไม่แสดงอาการหวาดกลัวสักนิด


อย่าว่าแต่สมาชิกรุ่นหลังของตระกูลฉี แม้แต่ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ของตระกูลฉีที่เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงก็ยังไม่อาจรักษากิริยาให้สงบนิ่งได้แบบนี้


“ผมชื่อจางเซวียน, ลูกน้องของคุณหลิงเอ๋อ เป็นเกียรติที่ได้พบท่านหัวหน้าตระกูลฉี!”


ยังไม่ทันที่ฉีหลิงเอ๋อจะได้ตอบ จางเซวียนก็ก้าวออกมาและกล่าวทักทาย


ชายวัยกลางคนสังเกตสังกาจางเซวียนอย่างละเอียด อีกฝ่ายยืนนิ่งพร้อมกับก้มศีรษะ ไม่สะทกสะท้านกับสายตาของเขาแม้แต่น้อย ในที่สุดเขาก็พยักหน้าก่อนจะเปรย “หลิงเอ๋อ คุณมีลูกน้องที่เข้าท่าทีเดียวนะ อีกอย่าง การที่คุณสามารถทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้ได้ถึงระดับนี้ก็บ่งบอกชัดว่าสติปัญญาของคุณก้าวหน้ากว่าเดิม ถ้าตอนนี้คุณพอมีเวลาล่ะก็ ไปทะเลสาบจันทร์กระจ่างเถอะ มาดูกันว่าคุณจะอดทนอยู่ที่นั่นได้นานแค่ไหน”


“ขอบคุณ ท่านหัวหน้า!” ฉีหลิงเอ๋อถอนหายใจอย่างโล่งอก


“พวกเราไปดูด้วยได้ไหม?” ฉีเยว่โพล่งออกมา


ชายวัยกลางคนพยักหน้า


ลำพังการตีความเทคนิคการต่อสู้ของฉีหลิงเอ๋อเมื่อครู่นี้ก็บ่งบอกชัดว่าเธอไม่ใช่คนเดิมแล้ว ทั้งตัวเธอกับฉีเยว่มีโอกาสที่จะได้เป็นราชันย์เทพเจ้าในอนาคต ซึ่งหากสิ่งนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตระกูลฉีจะกลายเป็นกลุ่มอำนาจที่มีอิทธิพลสูงสุดของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน!


ทะเลสาบจันทร์กระจ่างอยู่ไม่ไกลจากห้องโถงใหญ่มากนัก เมื่อมองจากระยะไกล มันดูเหมือนกระจกเงาที่ฝังตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขา



 

 

 


ตอนที่ 2226 คุณจะไม่เป็นอะไร

 

ยังไม่ทันจะเข้าใกล้ ก็รู้สึกได้ถึงพลังจิตวิญญาณเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากทะเลสาบ มันหลอมรวมเข้ากับบรรยากาศและปลดปล่อยพละกำลังหนักหน่วงออกมา ราวกับพร้อมจะโบยบินสู่สรวงสวรรค์


จางเซวียนสำรวจสภาพแวดล้อมอย่างเงียบๆขณะเดินตามฉีหลิงเอ๋อ


เขารู้ว่าทะเลสาบจันทร์กระจ่างคือศูนย์กลางของค่ายกลที่โอบล้อมภูเขาลอยฟ้า ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกเขาในเวลานี้


พลังจิตวิญญาณเข้มข้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทะเลสาบจันทร์กระจ่างมี ดูเหมือนมันจะเชื่อมโยงกับแอ่งลาวาที่อยู่ภายในหุบเขาและสายฟ้ากลางอากาศ นี่หมายความว่าทะเลสาบมีองค์ประกอบของพละกำลังจากทั้ง 3 ธาตุ คือน้ำ แสง และไฟ


“ดูเหมือนจะมีเลือดของอสูรทรงพลังมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ในนั้น…” จางเซวียนพึมพำ


ลำพังแค่พลังของ 3 ธาตุย่อมไม่เพียงพอสำหรับการบ่มเพาะกายเนื้อของเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ทะเลสาบจันทร์กระจ่างจึงมีหยดเลือดของอสูรทรงพลังจำนวนนับไม่ถ้วนด้วย


เพียงแค่กวาดตามอง จางเซวียนก็รู้สึกได้ว่ามีเลือดของอสูรสวรรค์และอสูรสวรรค์สร้างหลายร้อยตัวเจือปนอยู่ในทะเลสาบ การปะทะกันของหยดเลือดเหล่านั้นทำให้พลังงานภายในทะเลสาบมีความเกรี้ยวกราดรุนแรง ถึงขนาดที่อาวุธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างก็หลอมละลายอย่างรวดเร็วหากตกลงไปในนั้น


ตระกูลฉีคงต้องลงทุนลงแรงไม่น้อยกว่าจะสร้างทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้ เพราะกลุ่มอำนาจส่วนใหญ่ไม่น่าจะรวบรวมหยดเลือดของอสูรได้มากมายขนาดนั้น แถมยังมีการสร้างค่ายกลโดยใช้พละกำลังของพวกมันอีกด้วย


จากหนังสือที่เขาได้อ่าน มีช่วงเวลาของความวุ่นวายและวิกฤตที่เกิดขึ้นหลังจากการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณ ซึ่งระหว่างช่วงเวลานั้น อสูรสวรรค์และอสูรสวรรค์สร้างหายากจำนวนมากมายถึงกับสูญพันธุ์ไป


นั่นหมายความว่า ต่อให้เขารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ก็ไม่มีทางสร้างสิ่งที่เหมือนกับทะเลสาบจันทร์กระจ่างขึ้นได้อีก


ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ เราต้องหาโอกาสลงน้ำให้ได้ จางเซวียนคิดพร้อมกับถอนหายใจ


ถึงเขาจะไม่อยากใช้ทรัพย์สมบัติของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่สิ่งที่สำคัญกว่าในเวลานี้คือการยกระดับวรยุทธ อย่างมากที่สุดก็แค่ตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อนว่าในอนาคตจะสามารถชดเชยให้ตระกูลฉีได้


ไม่ช้าทั้งกลุ่มก็มาถึงทะเลสาบ ชายวัยกลางคนสั่งการ “คุณเข้าไปได้แล้ว”


“ท่านหัวหน้า ขอเวลาสักครู่ ฉันต้องสั่งการเขา 2-3 เรื่องก่อนจะเข้าสู่ทะเลสาบ” ฉีหลิงเอ๋อตอบอย่างวางมาด


จากนั้นเธอก็เดินไปหาจางเซวียน ความสง่างามหายวับไป สีหน้าของเธอบ่งบอกความกระวนกระวายขณะตั้งคำถาม “นายน้อยจาง ฉันควรทำอย่างไร?”


เธอพูดไว้ก็จริงว่าอยากเข้าสู่ทะเลสาบจันทร์กระจ่าง แต่ไม่คิดว่าจะได้เข้ามาที่นี่ทันทีโดยยังไม่ทันได้เตรียมตัว แถมหัวหน้าตระกูลยังมากับเธอด้วย


เรื่องนั้นทำให้เธอลนลานแม้จะวางท่าสุขุมเยือกเย็นมาตลอดทาง


“ไม่ต้องห่วง กลืนยาเม็ดนี้เข้าไป แล้วคุณจะไม่เป็นอะไร” จางเซวียนพูดขณะยื่นยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางเม็ดหนึ่งให้


ฉีหลิงเอ๋อมองยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางอย่างลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจกลืนลงไปโดยไม่ตั้งคำถาม


เธอผิดหวังที่พบว่าร่างกายของเธอดูจะไม่เปลี่ยนแปลงสักนิดหลังจากกินยาเม็ดนั้น ฉีหลิงเอ๋อไม่สบายใจ เธอมองจางเซวียนด้วยความหวังว่าจะได้รับคำยืนยัน


แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ก้มหน้า บ่งบอกชัดเจนว่าเขาจัดการธุระที่ต้องทำจนเสร็จสิ้นแล้ว


รู้ดีว่าไม่มีทางถอย ฉีหลิงเอ๋อสูดหายใจลึกก่อนกระโจนลงสู่ทะเลสาบจันทร์กระจ่าง


ตูมมมมม!


ทันทีที่ร่างของเธอสัมผัสน้ำ พลังงานเกรี้ยวกราดที่อยู่ในนั้นก็พุ่งเข้าใส่


ฉีหลิงเอ๋อรีบสำแดงพละกำลังของสายเลือดตระกูลฉีเพื่อสร้างปราการปกป้องผิวของเธอ ปราการนั้นดูจะทำให้พลังงานเกรี้ยวกราดที่พุ่งเข้ามาสงบลงได้บ้าง สิ่งที่เธอต้องแบกรับจึงไม่สาหัสเกินไป


“นี่คือเหตุผลว่าทำไมทะเลสาบจันทร์กระจ่างจึงเป็นสถานที่ที่ใช้เฉพาะกับสมาชิกตระกูลฉี…” จางเซวียนพยักหน้า


เขาเคยสงสัยว่านักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงจะต้านทานทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้อย่างไร ในเมื่อแม้แต่ของล้ำค่าระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างก็ยังแทบเอาตัวไม่รอด กลับกลายเป็นว่ากุญแจอยู่ที่ประสิทธิภาพของสายเลือดตระกูลฉี!


ผู้ที่สืบเชื้อสายจากนักรบผู้ทรงพลังจะมีสายเลือดบริสุทธิ์กว่า สติปัญญาและความปราดเปรื่องก็มากกว่า โดยนอกจากการบ่มเพาะกายเนื้อ ทะเลสาบจันทร์กระจ่างยังมีไว้สำหรับประเมินประสิทธิภาพของสายเลือดในตัวทายาทตระกูลฉีแต่ละคนด้วย


แม้ตอนนี้ฉีหลิงเอ๋อจะต้านทานพลังงานในทะเลสาบได้ แต่ก็ใจเต้นตึกตักด้วยความหวาดหวั่น


เธอรู้ดีว่าประสิทธิภาพของสายเลือดจะค่อยๆถดถอยลงเพราะความรุนแรงของพลังงานที่ถาโถมเข้าใส่ ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งก่อน เธอรู้สึกว่าพลังงานในตัวใกล้จะเหือดแห้งหลังจาก 15 นาทีผ่านไป


แต่ขณะที่ฉีหลิงเอ๋อกำลังจะหมดความอดทน ก็พลันรู้สึกถึงกระแสพลังงานใหม่ที่พวยพุ่งออกจากจุดตันเถียน ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางที่เธอกินเข้าไปเมื่อครู่กำลังปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณบริสุทธิ์ปริมาณมหาศาลออกมา ช่วยฟื้นฟูพลังงานของเธอและนำความกระชุ่มกระชวยกลับคืนสู่จิตวิญญาณ


สิ่งนี้ทำให้ร่างกายของเธอต้านทานการโจมตีของพลังงานเกรี้ยวกราดนั้นได้


“แต่กระแสพลังงานนี้…ทำไมถึงให้ความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่เราทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้เมื่อครู่ก่อน?” ฉีหลิงเอ๋อตาโต


เป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกว่าช่างเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเหลือเกินที่กลับสู่เมืองหลวงพร้อมกับจางเซวียน


ถ้าเธอยังอยู่ในเมืองตะวันรอนต่อไป ก็มีแต่จะกลายเป็นคนนอกสำหรับตระกูลฉี และทันทีที่ฉีเยว่ได้เป็นราชันย์เทพเจ้า สายเลือดของเธอจะถูกกดขี่ข่มเหงมากขึ้นอีก และนั่นยังคงเป็นคำถามข้อใหญ่ว่าพวกเธอจะยังรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่


แต่ตอนนี้ หัวหน้าตระกูลอนุญาตให้เธอกลับเมืองหลวงแล้ว แถมเธอยังได้รับมอบหมายให้บริหารจัดการหนึ่งในธุรกิจหลักของตระกูลฉีที่อยู่ในเมืองหลวงด้วย ไม่มีหินรองฝ่าเท้าก้อนไหนจะดีไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับการสร้างอิทธิพลในเมืองหลวงอีกครั้ง


ซึ่งทั้งหมดก็ล้วนเป็นความช่วยเหลือของชายหนุ่ม


“สติปัญญาของเธอพัฒนาขึ้นจริงๆ…”


เห็นฉีหลิงเอ๋อยังอยู่ในทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้โดยไม่สะทกสะท้านแม้เวลาจะผ่านไปแล้ว 15 นาที ฉีชุนเอ๋อพึมพำขณะกำหมัดแน่น


เธอคิดว่าฉีหลิงเอ๋อพูดแบบนั้นออกมาเพราะไม่อาจทำอะไรที่เข้าท่ากว่านั้นได้ อีกฝ่ายอาจหวังว่าการคุยโวโอ้อวดอาจทำให้ตัวเองรอดพ้นจากวิกฤตที่เผชิญอยู่ แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างที่เธออวดอ้างล้วนเป็นความจริง!


1 ชั่วโมงผ่านไป ฉีหลิงเอ๋อก็ยังอยู่ในทะเลสาบ


เวลาล่วงเลยไปจนถึง 2 ชั่วโมง แต่ฉีหลิงเอ๋อก็ยังไม่แสดงอาการว่าจะทนไม่ไหว


ตอนนี้ แม้แต่ฉีเยว่ก็มีสีหน้าเคร่งเครียด


ความบริสุทธิ์ของสายเลือดนั้นถูกกำหนดมาแล้วตั้งแต่เกิด ในเมื่อครั้งแรก ฉีหลิงเอ๋ออดทนอยู่ในทะเลสาบได้เพียง 15 นาที ก็ยากจะเชื่อว่าคราวนี้เธอจะอยู่ได้ถึง 2 ชั่วโมง


ผ่านไปเพียงไม่กี่ปี สายเลือดของเธอแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน? หรือว่าตอนนี้เธออยู่ในขั้นเดียวกับเขาแล้ว?


ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกเขาคงตกที่นั่งลำบาก!


ขณะที่ทุกคนกำลังจับจ้องภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา เสียงครืดคราดก็ดังออกจากร่างของหญิงสาวที่อยู่ในทะเลสาบ พลังงานมหาศาลพวยพุ่งออกจากร่างของเธอขณะที่ระดับวรยุทธเพิ่มสูงขึ้นจากเทพเจ้าขั้นสูงไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ


ฉีหลิงเอ๋อติดแหงกอยู่กับด่านคอขวดมาระยะหนึ่งแล้ว และยังไม่พบแรงบันดาลใจหรือภูมิปัญญาใดๆที่จะนำไปสู่การฝ่าด่านวรยุทธ แต่ด้วยพลังจิตวิญญาณเข้มข้นในทะเลสาบจันทร์กระจ่างและการบ่มเพาะของหยดเลือด ขณะที่กายเนื้อของเธอกำลังพัฒนา ระดับวรยุทธของพลังปราณก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว


ฉีหลิงเอ๋อกระโจนขึ้นจากทะเลสาบและกลับมาที่ฝั่ง


ถ้าเธอไม่ได้ฝ่าด่านวรยุทธ พลังงานที่อยู่ภายในยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางคงทำให้เธออยู่ในทะเลสาบได้นานกว่านี้ แต่เพราะใช้พลังงานไปกับการฝ่าด่านวรยุทธเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง พลังของเธอจึงหมดเร็วกว่าที่คิดไว้


แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็อยู่ในทะเลสาบได้นานกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งเกินพอจะทำให้เธอได้เป็นอัจฉริยะชั้นยอดคนหนึ่ง เป็นรองก็แค่ฉีเยว่


“คุณทำอะไรมาถึงพัฒนาสายเลือดให้ทรงพลังได้ขนาดนี้?” ชายวัยกลางคนถาม


ความสามารถในการพัฒนาสายเลือดคือสิ่งที่ประเมินค่ามิได้สำหรับตระกูลส่วนใหญ่ เพราะนั่นหมายถึงการเพิ่มปริมาณของอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องในตระกูลได้ตามแต่จะต้องการ ขอแค่มีทรัพยากรมากพอเท่านั้น


สิ่งนี้จะช่วยแผ้วถางเส้นทางของตระกูลฉีในการก้าวขึ้นสู่ความเป็นสุดยอด อย่าว่าแต่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ต่อให้ทั้งสรวงสวรรค์ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใคร


“ท่านหัวหน้า ฉันไม่ได้ทำอะไรพิเศษเลย ก็แค่กินยาเม็ดเพิ่มความงาม” ฉีหลิงเอ๋อลังเลครู่หนึ่งก่อนจะอธิบาย


เธอตั้งใจปกปิดเรื่องนี้ไว้ แต่ด้วยวิธีการต่างๆนานาของตระกูลฉี ไม่ช้าไม่นานพวกเขาก็คงขุดคุ้ยความจริงจนได้


“ยาเม็ดเพิ่มความงาม?” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว


ในฐานะราชันย์เทพเจ้า แทบไม่มีสิ่งใดในโลกหลุดรอดจากสายตาของเขาได้ แต่ยาเม็ดเพิ่มความงามเป็นหนึ่งในนั้น


“มันเป็นยาที่ทรงพลังมาก สามารถขจัดรอยแผลเป็นที่รักษาไม่หาย ทำให้ผิวพรรณของผู้นั้นเรียบเนียนและยืดหยุ่นกว่าเดิม หน้าตาและรูปร่างก็ดูดีขึ้น ตอนแรกฉันคิดว่าประสิทธิภาพของมันมีเพียงด้านความงาม แต่ไม่ช้าก็รู้ว่ามันเปลี่ยนแปลงสภาวะร่างกายของฉันด้วย ทำให้ฉันฝึกฝนวรยุทธได้เร็วกว่าแต่ก่อนมาก ฉันคิดว่าสติปัญญาของฉันพัฒนาขึ้นก็เพราะยานี้ จึงกลับมาที่เมืองหลวงเพื่อหวังจะท้าทายทะเลสาบจันทร์กระจ่างอีกครั้ง” ฉีหลิงเอ๋อตอบ


“มียาแบบนี้อยู่ในโลก?”


“นอกจากจะทำให้สวยขึ้น ยังเปลี่ยนแปลงสภาวะร่างกายได้ด้วย?”


ฉีเยว่กับฉีชุนเอ๋อถึงกับผงะ


โดยเฉพาะฉีชุนเอ๋อ นัยน์ตาของเธอเปี่ยมด้วยแรงริษยา


ตั้งแต่แวบแรกที่เธอได้เห็นฉีหลิงเอ๋อ ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าอีกฝ่ายดูอ่อนเยาว์กว่าแต่ก่อนมาก ผิวพรรณก็เรียบเนียน ใบหน้าแทบไม่มีริ้วรอยใดๆ


เธอคิดว่าฉีหลิงเอ๋ออาจได้กินน้ำทิพย์บางอย่าง ไม่นึกเลยว่ามันคือยาเม็ดเพิ่มความงาม


ชายวัยกลางคนดูจะสงสัยกับคำบอกเล่าของฉีหลิงเอ๋อ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้เสียทีเดียว “ตอนนี้คุณยังมียาเม็ดเพิ่มความงามอยู่กับตัวไหม?”


“ฉันมี” ฉีหลิงเอ๋อพยักหน้าขณะยื่นกล่องหยกให้


มันคือยาเม็ดชุดเดียวกับที่เธอใช้เมื่อครั้งเปิดตัวผลิตภัณฑ์เป็นครั้งแรกที่เมืองตะวันรอน


ชายวัยกลางคนเปิดกล่องหยก เขาหยิบยาเม็ดเพิ่มความงามออกมาและพิจารณามันอย่างถี่ถ้วน ยิ่งตรวจสอบมันเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ยับย่นขึ้นเรื่อยๆ


เพราะไม่ว่าจะมองอย่างไร ยาเม็ดที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าธรรมดา…แต่ฉีหลิงเอ๋อบอกว่ามันจะช่วยเพิ่มความงามและแก้ไขสภาวะร่างกายได้?



 

 

 


ตอนที่ 2227 เธอคือคนแพ้

 

ทำไมเขาถึงดูไม่ออกเลย!


“ท่านหัวหน้า ฉันรู้ว่ามันเหลือเชื่อ แต่คุณจะลองดูก็ได้ วรยุทธสูงส่งของคุณอาจทำให้ประสิทธิภาพของมันไม่เด่นชัดเท่าไหร่ แต่ฉันเชื่อว่าถึงอย่างไรก็ยังรู้สึกได้!” ฉีหลิงเอ๋อพูด


“อย่างนั้นหรือ?” ชายวัยกลางคนย้อนถาม


เขาอ้าปากและกลืนยาเม็ดลงไป


เพียงครู่เดียวก็เลิกคิ้ว


แม้มันจะดูไม่แตกต่างกับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าทั่วไป แต่ก็มีพลังงานพิเศษบางอย่างที่สามารถเยียวยาอาการบอบช้ำภายในขณะที่ไหลเวียนไปทั่วร่าง


เป็นอย่างที่ฉีหลิงเอ๋อบอกไว้ ประสิทธิภาพของมันลดลงมากเพราะเขาเป็นราชันย์เทพเจ้าแล้ว แต่การที่มันยังออกฤทธิ์กับเขาได้อยู่ก็บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง


“แม้แต่ตัวเรายังเยียวยาความบอบช้ำภายในเหล่านั้นไม่ได้เลย…” ชายวัยกลางคนพึมพำอย่างทึ่งจัด


อาการบอบช้ำภายในฝังรากลึกอยู่กับตัวเขา ไม่ว่าจะแก้ไขอย่างไรก็ไม่ได้ผล ไม่นึกไม่ฝันเลยว่ายาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำเม็ดเดียวจะเปลี่ยนแปลงมันได้…


สิ่งที่เรียกว่ายาเม็ดเพิ่มความงามนี้ช่างน่าสะพรึงเสียจริง!


“คุณได้ยานี้มาจากไหน?” ชายวัยกลางคนถามอย่างร้อนใจ น้ำเสียงสั่นเครือของเขาเกินพอที่จะบ่งบอกถึงความตื่นเต้นที่พยายามปกปิดไว้


ฉีหลิงเอ๋อเหลือบมองจางเซวียน แต่อีกฝ่ายก็ไม่แสดงอาการว่าอยากเปิดเผยตัวเอง ขณะที่เธอกำลังประทับใจกับความถ่อมตัวของชายหนุ่ม ก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ฉันได้มันมาจากสหายคนหนึ่งในราคาสูงลิ่ว สนนราคาอยู่ที่เม็ดละ 1,500 เหรียญสวรรค์ และยังไม่มีวางขายในท้องตลาด”


“1,500เหรียญสวรรค์? ก็ไม่แพงนะ บอกสหายของคุณว่าตระกูลฉีของเราจะเหมายาเม็ดเพิ่มความงามทั้งหมดที่เขามี!” ชายวัยกลางคนพูดพร้อมกับโบกมืออย่างวางมาด


แม้ประสิทธิภาพของยาเม็ดที่ส่งผลต่อเขาจะมีจำกัด แต่การที่มันยังสำแดงอานุภาพออกมาได้ก็ถือว่าน่าประทับใจแล้ว


ใครๆก็รู้ว่าคนเดียวในตระกูลฉีที่ทำอะไรแบบนี้ได้ก็มีแต่บรรพบุรุษเก่าแก่ฉีเหมิงเท่านั้น


ถ้าเขาควบคุมการกระจายยาเม็ดเพิ่มความงามให้จำกัดอยู่แค่ในตระกูลฉีได้ ไม่ช้าไม่นาน ตระกูลฉีจะต้องก้าวขึ้นสู่ความเป็นหนึ่ง!


“รับทราบ” ฉีหลิงเอ๋อพยักหน้า


เธอไม่คิดว่าหัวหน้าตระกูลจะกลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของกิจการยาเม็ดเพิ่มความงามของเธอ แต่ก็สะบัดข้อมือและนำยาเม็ดเพิ่มความงามที่เหลืออยู่ออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ “ตอนนี้ฉันมีอยู่ 14 เม็ด”


“ผมเหมาหมด” ชายวัยกลางคนพูด


เขาเก็บกล่องหยกที่ได้จากเธอไว้ในแหวนเก็บสมบัติก่อนจะกระดิกนิ้วเบาๆ


พริบตาต่อมา มูลค่าเงินในบัตรของฉีหลิงเอ๋อก็เพิ่มขึ้นอีก 22,500 เหรียญสวรรค์


หัวหน้าตระกูลจ่ายเงินค่ายาเม็ดเพิ่มความงามที่เธอให้เขาทดลองด้วย เพราะถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสมหากราชันย์เทพเจ้าจะเอาเปรียบสมาชิกที่อ่อนอาวุโสกว่า


“ขอบคุณมาก ท่านหัวหน้า” ฉีหลิงเอ๋อโค้งคำนับอย่างงาม


คุณค่าที่แท้จริงของการซื้อขายครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวเงิน แต่เป็นท่าทีของหัวหน้าตระกูล ตอนนี้เธอได้รับมอบหมายให้ดูแลตลาดจันทร์กระจ่างแล้ว ถึงอย่างไรเงินก็ไหลเข้ากระเป๋าแม้จะไม่ได้ทำอะไร แต่การที่เธอได้ทำธุรกิจร่วมกับหัวหน้าตระกูลจะทำให้การมีสิทธิ์มีเสียงของเธอในเมืองหลวงเพิ่มขึ้นอีกมาก


ใครก็ตามที่ปองร้ายตัวเธอกับสายเลือดของเธอจะต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนจะลงมือทำอะไร เพราะเธออาจใช้เส้นสายที่มีเอาคืนพวกนั้นอย่างสาสม


หัวหน้าตระกูลพยักหน้า เขาโบกมือให้ทุกคนแยกย้ายก่อนจะเดินจากไป


ในร่างกายของเขายังหลงเหลือความบอบช้ำภายในอีก 2-3 จุดที่ต้องเยียวยา จึงตั้งใจจะหาที่เงียบๆเพื่อกินยาและปล่อยให้มันออกฤทธิ์ และบางทีอาจยกระดับวรยุทธได้อีกสักเล็กน้อย


เขาไม่มีทางได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ แต่อย่างน้อยที่สุดก็จะได้เป็นหนึ่งในสุดยอดราชันย์เทพเจ้า


“ท่านหัวหน้า…”


ฉีชุนเอ๋อพูดไม่ออก


เธอคิดว่าหัวหน้าตระกูลจะต้องลงโทษฉีหลิงเอ๋ออย่างหนัก คงสั่งการให้คุมขังอีกฝ่ายจนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก แต่สถานการณ์กลับพลิกผัน ฝ่ายเธอต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่


ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ลำพังแค่ส่วนแบ่งของรายได้จากตลาดจันทร์กระจ่างก็เกินพอจะทำให้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟู่ฟ่าได้หลายสิบปีแล้ว ซึ่งนั่นยังไม่รวมถึงอิทธิพลและอำนาจที่มาจากตำแหน่งดังกล่าว


ที่ไหนก็ตามที่เงินถึง เส้นสายก็ย่อมตามไป


“ฉีหลิงเอ๋อ ตอนนี้คุณคงจองหองพองขนเต็มที่สินะ ฉันไม่รู้ว่าคุณใช้ลูกไม้อะไรที่ทำให้อยู่ในทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้ถึง 3 ชั่วโมง และไม่รู้ด้วยว่ายาเม็ดเพิ่มความงามของคุณมหัศจรรย์ขนาดไหน แต่คุณแน่ใจได้เลยว่าตัวฉันจะเอาทุกอย่างที่เคยเป็นของฉันกลับคืนมาให้ได้!”


ฉีชุนเอ๋อทิ้งท้าย จากนั้นก็หันหลังกลับและจากไป


เธอคือคนแพ้ พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ในเมื่อฉีหลิงเอ๋อกลับมาอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว ต่อไปก็คงได้ปะทะกันอีก


เธอไม่เชื่อว่าฉีชุนเอ๋อจะโชคดีถึงขนาดเอาชนะเธอได้ทุกครั้ง


แม้ฉีชุนเอ๋อจากไปแล้ว ฉีเยว่ก็ยังยืนนิ่ง สีหน้าของเขาออกอาการครุ่นคิดหนักราวกับกำลังพยายามทำความเข้าใจบางอย่าง เขามองฉีหลิงเอ๋อครู่หนึ่งก่อนจะเบนสายตาไปหาจางเซวียนที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ


สุดท้าย ฉีเยว่ก็ได้แต่ส่ายหน้าและจากไป


วิสัยทัศน์ของเขากว้างไกลกว่าน้องสาวของเขามาก เขารู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแข่งขันกับบางอย่างที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะขอแค่เขาได้เป็นราชันย์เทพเจ้า อุปสรรคที่คอยขัดขวางก็จะหายไป


เพราะต่อให้ใครสักคนจะมีอิทธิพลแค่ไหน ก็เปล่าประโยชน์หากมีพละกำลังไม่มากพอที่จะรักษามันไว้


ขอแค่แข็งแกร่งพอ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง อิทธิพล หรือเส้นสาย ก็ล้วนอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม


“นายน้อยจาง ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ”


เมื่อทุกคนจากไป ฉีหลิงเอ๋อหันมาโค้งคำนับอย่างงามให้จางเซวียน


ถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มคนนี้ เธอคงต้องอยู่ในเมืองตะวันรอนจนชั่วชีวิต ทำอะไรอื่นไม่ได้นอกจากรับหน้าที่ผู้จัดการตลาดมืดใต้ดินจนสิ้นอายุขัย


“ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรอก” จางเซวียนตอบ “มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากให้คุณช่วย ผมสนใจทะเลสาบจันทร์กระจ่างมาก และอยากทดลองสักหน่อย”


นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาอยากมาที่ตระกูลฉี และในเมื่อเป้าหมายอยู่ตรงหน้า ก็เป็นธรรมดาที่แทบจะอดใจไม่ไหว


คำขอของจางเซวียนทำให้ฉีหลิงเอ๋อตกใจ เธอถึงกับหน้าถอดสีไปครู่หนึ่ง นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


เธอลังเลอยู่สักพักก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง “พลังงานในทะเลสาบจันทร์กระจ่างรุนแรงเกรี้ยวกราดมาก ผู้ที่ไม่มีสายเลือดตระกูลฉีจะต้องเจอกับอันตรายใหญ่หลวง”


ในฐานะผู้ที่เคยสัมผัสทะเลสาบจันทร์กระจ่างด้วยตัวเอง เธอรู้ดีว่ามันน่าสะพรึงแค่ไหน ถ้าปราศจากการคุ้มกันของสายเลือด ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้นั้นจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านทันทีที่สัมผัสกับน้ำในทะเลสาบ


“ผมแค่อยากลอง ถ้ามีอันตราย จะรีบขึ้นมาทันที” จางเซวียนตอบ


“เอ่อ…อย่างนั้นก็ได้”


เมื่อนึกได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอคือผู้ครอบครองสายเลือดจอมราชันย์ ฉีหลิงเอ๋อโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง


เธอถอนหายใจและพูดต่อ “ฉันแน่ใจว่าคุณรู้กฎของเราที่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าสู่ทะเลสาบจันทร์กระจ่าง ฉันจะคอยเฝ้าระวังให้คุณอยู่ด้านนอกนะเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็น และคุณก็ห้ามพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ให้ใครฟังด้วย…”


ไม่มีข้อห้ามที่ระบุว่าห้ามสมาชิกของตระกูลฉีพาคนนอกเข้าสู่อาณาบริเวณของทะเลสาบ แต่การปล่อยให้คนนอกลงไปในทะเลสาบนั้น แน่นอนว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎ


“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ชอบทำตัวเป็นจุดสนใจของใครอยู่แล้ว และจะไม่พูดอะไรที่ไม่จำเป็นโดยเด็ดขาด” จางเซวียนตอบพร้อมกับยิ้มเพื่อให้ความมั่นใจ


จำเป็นตรงไหนที่ต้องป่าวประกาศให้ใครรู้? คนถ่อมเนื้อถ่อมตัวอย่างเราไม่พูดมากอยู่แล้ว!


จางเซวียนสูดหายใจลึกก่อนจะก้าวลงไปในทะเลสาบ


เขารู้สึกได้ทันทีว่าพลังงานรุนแรงเกรี้ยวกราดพุ่งตรงเข้ามาฉีกร่างของเขา เหมือนได้เจอกับคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งมิติอีกครั้ง เพียงครู่เดียว ร่างของจางเซวียนก็ตึงเขม็ง เลือดสดๆไหลออกจากร่างของเขาไม่หยุด


“พลังปราณเทียบฟ้า!”


ด้วยการใช้ความคิด จางเซวียนตั้งต้นขับเคลื่อนพลังงานปราณไปทั่วร่าง ทำการบ่มเพาะและเยียวยากล้ามเนื้อที่ได้รับบาดเจ็บ


แต่พลังงานรุนแรงในทะเลสาบมีอานุภาพทำลายล้างสูงมาก แม้เขาจะเยียวยาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่เร็วพอจะยับยั้งร่างกายไม่ให้แหลกสลาย


“ออกมา!”


จางเซวียนนำไก่น้อยออกจากจุดตันเถียน


“เหลือเชื่อจริงๆ! พลังจิตวิญญาณร้อนแผดเผาอะไรขนาดนี้…ผมชอบบบบ! มาเลยที่รัก มาฉีกผมให้เป็นชิ้นๆ!”


ได้เห็นทะเลสาบจันทร์กระจ่าง นัยน์ตากลมดำเหมือนลูกปัดของไก่น้อยถึงกับเบิกโพลง


มันกระพือปีกเล็กจ้อยและว่ายเตาะแตะไปทั่วทะเลสาบ


จางเซวียนขมวดคิ้ว


เหตุผลที่เขานำไก่น้อยออกมาก็เพื่อจะต้มซุปไก่ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเยียวยาร่างกายของเขา แต่มันกลับว่ายไปมาอย่างมีความสุข…


อย่าลืมสิว่าแกเป็นใคร! แกเป็นไก่นะ ไม่ใช่เป็ด!


ไก่น่ะว่ายน้ำไม่ได้!


ขณะที่จางเซวียนกำลังจะต่อว่าไก่น้อย อีกฝ่ายก็มุดหัวเพื่อดำดิ่งลงไปในทะเลสาบ


น้ำในทะเลสาบเดือดพล่านเป็นฟองขณะที่พลังงานดุเดือดพุ่งเข้าใส่ไก่น้อย ราวกับถูกยิงด้วยลูกธนูหอบใหญ่ เพียงครู่เดียวไก่น้อยก็เละ กลายเป็นหย่อมเลือดสีแดงก่ำหย่อมหนึ่ง


“ฮะ…”


ฉีหลิงเอ๋อที่เฝ้าดูจากริมฝั่งถึงกับจังงัง


เจ้าไก่นั่นคืออะไร? มาจากไหน? ทำไมถึงพยายามฆ่าตัวตาย? กลัวถูกจับกินหรือไง?


คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของฉีหลิงเอ๋ออย่างไม่หยุดหย่อน


“แกมันไอ้ตัวไร้ประโยชน์!” จางเซวียนแทบปล่อยโฮ


อย่างน้อยที่สุด ก็ช่วยมีศักดิ์ศรีหน่อยได้ไหม? ฉันนำแกออกมาเพื่อให้ช่วยชีวิตฉัน แต่ลงท้ายแกก็ฆ่าตัวตายเสียเอง…


อสูรในตำนานอย่างแกควรรักษาชื่อเสียงของตัวเองมากกว่านี้!


จางเซวียนก้มหน้าด้วยความอับอายที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับก้อนขนไร้สติตัวนี้ ดูเหมือนเขาคงต้องพึ่งตัวเอง


ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ไม่ว่าอะไรก็ไม่เคยเป็นไปตามแผนเมื่อมีไก่บ้าตัวนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง


จางเซวียนกัดฟัน เขาขับเคลื่อนพลังงานสวรรค์สร้างเต็มพิกัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเยียวยาให้ถึงขีดสุด แต่ดูเหมือนจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน


ทะเลสาบจันทร์กระจ่างสั่นสะท้านไม่หยุด เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเกิดความผิดปกติบางอย่าง


จางเซวียนชะงักและมองรอบตัว เห็นทะเลสาบสั่นอย่างดุเดือดจนดูเหมือนพร้อมระเบิดได้ทุกวินาที


เป็นแบบนี้ได้อย่างไร? จางเซวียนแทบคลั่ง


ครั้งก่อนที่เกิดเรื่องแบบนี้คือที่ทะเลสาบหมดจดของจักรวรรดิฮ่วนหยู ในตอนนั้น เป็นเพราะเขากับตัวโคลนซึมซับพลังงานในปริมาณมากเกินไป ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นเพราะความตะกละตะกรามของเขาเองที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น


แต่คราวนี้เขายังไม่ได้เริ่มฝึกฝนวรยุทธเลยด้วยซ้ำ! ลำพังแค่ปัดป้องพลังงานรุนแรงเกรี้ยวกราดที่พุ่งเข้าใส่ก็ไม่เหลือเวลาให้ทำอะไรแล้ว


ถ้าเราพยายามสูบทะเลสาบให้เหือดแห้งแล้วเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ก็ยังพอเข้าใจ แต่นี่เราไม่ได้ทำอะไรเลย…ไม่ยุติธรรม!


ทำไมทะเลสาบถึงทำท่าจะระเบิด?


คราวนี้ไม่เกี่ยวกับเรานะ!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)