ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 2209-2238

 ตอนที่ 2209 สองขีดหมดเลย


เหมยเหมยเองก็คิดว่าสิ่งที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคาดเดาเป็นความจริง ฉางชิงซงใช้วิธีต่ำทรามคิดจะอาศัยลูกในท้องบีบบังคับให้ลุงปาเกินอนุญาตเรื่องงานแต่งงานของเขากับฉีฉีเก๋อ


ตอนนี้เธอก็คิดว่าฉางชิงซงไม่ใช่คนที่คู่ควร เขาอาจจะรักฉีฉีเก๋อจริงๆ แต่เขารักตัวเขาและครอบครัวเขามากกว่า เป็นภรรยาของผู้ชายแบบนี้ต้องเหนื่อยมากแน่ ๆ


แต่รักไม่รักแต่งไม่แต่งคลอดไม่คลอดล้วนเป็นเรื่องของฉีฉีเก๋อ ในฐานะที่พวกเธอเป็นเพื่อนจึงทำได้แค่เกลี้ยกล่อมแต่ตัดสินใจแทนเธอไม่ได้


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็เข้าใจความหมายนี้ดี เธอทุบโต๊ะทีหนึ่งด้วยความโกรธ เอ่ยเสียงแค้นใจ “ฉันแค่โมโห ยายโง่ฉีฉีเก๋อใช้ไม่ได้ปล่อยให้ฉางชิงซงจูงจมูกแบบนี้ รู้งี้ไม่น่าจะสนับสนุนให้เธอยอมคบกับฉางชิงซงแต่แรกดีกว่า เฮ้อ!”


เหมยเหมยเองก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง สถานการณ์ของฉีฉีเก๋อในตอนนี้เท่ากับขึ้นหลังเสือก็ยากจะลงแล้ว


ฉีฉีเก๋อออกมาจากห้องน้ำแล้วถามเสียงอิดออด “อันนี้ดูอย่างไรเหรอ?”


“ขึ้นกี่ขีด?” เหมยเหมยถาม


“สองขีดหมดเลย” ฉีฉีเก๋อตอบด้วยความหวั่นใจ


“ปัง”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนตบโต๊ะอย่างแรงทีหนึ่งจนเกิดเสียงดังสนั่น


“เธอสารภาพมาตรง ๆเลยนะ นอกจากตอนที่แอบไปด้วยกันคืนนั้นแล้ว หลังจากนั้นฉางชิงซงก็หลอกล่อเธออีกใช่ไหม? พวกเธอทำไปกี่รอบ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตวาดด้วยความเดือดดาล


ตอนที่ซื้อกระดาษที่ตรวจครรภ์มา เธอถามอย่างชัดเจนแล้วว่าหนึ่งขีดเป็นหยิน ไม่ได้ท้อง สองขีดเป็นหยาง ซึ่งมีโอกาสท้องสูงมาก


ฉีฉีเก๋อเขินจนหน้าแดงพิงประตูห้องน้ำก้มหน้าลง คงไม่ต้องตอบเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็รู้ได้แล้วว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาฉางชิงซงกับฉีฉีเก๋อต้องแอบทำกันมาไม่น้อย


“ทำไมเธอไม่ใส่ใจสักนิด? ตอนนั้นเธอสัญญากับพวกเราอย่างไร? บอกว่าวันหลังจะคบกับฉางชิงซงดี ๆ ไม่นอนด้วยกันแน่นอน สัญญาของเธอล่ะ? โดนหมากลืนไปแล้วเหรอ? …ให้ตายสิ…จะแอบลักกินก็ลักกินเถอะ ไม่รู้จักใส่ถุงยางหรือไง…หาซื้อที่ร้านยาไหนก็ได้…เธอโดนประตูหนีบสมองมาหรือไง!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนระงับโทสะไม่ไหวอีกต่อไป พุ่งไปหน้าฉีฉีเก๋อแล้วด่ากราดพ่นน้ำลายใส่เต็มหน้าอีกฝ่าย


ฉีฉีเก๋อเองก็หดคอไม่กล้าโต้ตอบ น้ำตาคลอเบ้า ตอนนี้เธอลนแล้วเพราะไม่รู้ควรทำอย่างไรดี ความคิดที่จะกลับบ้านก็ตัดทิ้งไป


ถ้าให้พ่อกับแม่รู้ว่าเธอท้องเกรงว่าต้องโมโหจนตายสินะ?


“ให้ตาย…ฉันไม่ปล่อยไอ้เลวนั่นไปแน่ ฉันจะไปบริษัทภาพยนตร์เดี๋ยวนี้เลย!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหันหลังหมายจะไปคิดบัญชีกับฉางชิงซงแต่ฉีฉีเก๋อคว้าแขนเธอไว้ พูดอ้อนวอน “ไม่เกี่ยวกับรุ่นพี่ฉางหรอก แต่เป็นฉันเอง…”


“เธออย่ามาแก้ตัวแทนเขา เขาไม่ได้หลอกล่อเธอแล้วหมายถึงอย่างไร? เธอมีความกล้าที่จะยั่วเขาเหรอ…เหอะ…”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เชื่อสักนิด อย่าเห็นแค่ว่าฉีฉีเก๋อเป็นคนโผงผางตรงไปตรงมา แต่กับเรื่องรัก ๆใคร่ ๆดันขี้อายเหลือเกิน เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดว่าจะเป็นฝ่ายยั่วยวนผู้ชายก่อน


เหมยเหมยเกลี้ยกล่อมเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังเดือดดาลอยู่ “อย่าโมโหเลย ตอนนี้ต่อให้เธอตีฉางชิงซงจนตายก็เปล่าประโยชน์ มาคิดว่าจะทำอย่างไรต่อดีหลังจากนี้ดีกว่า”


เธอหันไปมองฉีฉีเก๋อที่ทำหน้าหมองแล้วพูดอ้อม ๆ “ฉีฉีเก๋อ เรื่องนี้เธออย่าเพิ่งบอกฉางชิงซง หลังจากเธอคุยกับพ่อแม่เธอเสร็จค่อยบอกเรื่องนี้ให้ฉางชิงซงรู้แล้วกัน”


หากให้ฉางชิงซงรู้ว่าฉีฉีเก๋อตั้งครรภ์เกรงว่าคนในครอบครัวเขาจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ จากนั้นฉีฉีเก๋อก็จะกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ ตอนนี้เธอเหมือนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ไม่ค่อยไว้วางใจในตัวฉางชิงซง รวมถึงคนในครอบครัวของเขาด้วย ระวังไว้หน่อยจะดีกว่า


“ใช่ เธออย่าเพิ่งบอกอะไรให้ไอ้ชั่วสกุลฉางนั่นรู้เด็ดขาด โทรหาพ่อเธอตอนนี้เลย”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฉุดฉีฉีเก๋อไปหน้าโทรศัพท์ ฉีฉีเก๋อจับขอบประตูแน่นไม่ยอมโทร


……………………………


ตอนที่ 2210 อยากเก็บไว้


“ฉันไม่กล้าบอก…พ่อฉันต้องโกรธมากแน่ ๆ…” ฉีฉีเก๋อพูดเสียงติดสะอื้น


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเริ่มมีน้ำโหอีกครั้ง “รู้ว่าพ่อเธอต้องโกรธตายแน่ ๆ แล้วทำไมไม่รู้จักรัดเข็มขัดกางเกงให้ดีล่ะ?”


ฉีฉีเก๋อก้มหน้างุดลงอย่างรู้สึกอายแล้วพูดแก้ตัวเสียงอ่อน “เธอกับอิงจวี้กังก็อยู่ด้วยกันเหมือนกันนี่..”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนแทบหงายหลัง “กล้าเทียบกับฉันเหรอ? ฉันจะบอกเธอให้นะว่าฉันสั่งให้อิงจวี้กังไปทิศตะวันออกอิงจวี้กังก็ไม่กล้าไปทิศใต้หรอก ฉันกำราบเขาจนอยู่ในโอวาทอย่างดีแต่เธอกลับตรงกันข้ามที่ต้องถูกฉางชิงซงบงการทุกอย่าง แล้วอีกอย่างฉันท้องไหมล่ะ หา?”


ฉีฉีเก๋อหลบหนีการโจมตีทางน้ำลายของคุณหนูใหญ่เหริ่นไม่กล้าสวนกลับแม้แต่ประโยคเดียว


เหมยเหมยพูดเสริม “ฉันกับเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้ห้ามเธอตามหารักแท้ แต่ผู้หญิงอย่างเราสำคัญที่สุดต้องรู้จักปกป้องตัวเอง ตอนนี้เธอทำตัวเองจนท้องโตแล้วเธอคิดจะทำอย่างไรต่อ?”


“ฉันอยากเก็บเอาไว้!” ฉีฉีเก๋อลังเลเพียงอึดใจเดียวก็ตัดสินใจ


ตอนเพิ่งรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์เธอยังมึนงงอยู่บ้างแต่พอสงบสติอารมณ์ลงได้ ฉีฉีเก๋อก็ย่อมต้องคาดหวังปนดีใจในฐานะคนเป็นแม่อยู่แล้ว เธออยากเก็บลูกคนนี้เอาไว้ นี่เป็นโซ่ทองคล้องใจของเธอกับรุ่นพี่ฉางเชียวนะ!


“เก็บบ้าบออะไร…”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนใจร้อนฉุนเฉียวจึงอ้าปากหมายจะด่ากราดโดยไม่ยั้งคิด เหมยเหมยรีบหยิกหลังเธอแรง ๆทีหนึ่ง


เธอเข้าใจความรู้สึกของฉีฉีเก๋ออย่างมาก ซึ่งคล้ายเธอที่พอรู้ว่าตัวเองท้องความคิดแรกก็คือต้องการที่จะปกป้องลูกให้ดี ทานของอร่อย ๆให้ลูกได้รับสารอาหารที่เพียงพอ นี่เป็นปฏิกิริยาปกติของคนเป็นแม่ทั่วไป


ฉีฉีเก๋ออยากเก็บลูกเอาไว้ก็พอเข้าใจได้ เพียงแต่สถานการณ์ของเธอในตอนนี้…


“เธอโทรหาลุงปาเกินก่อนดีกว่า ฉีฉีเก๋อ ต่อให้เธออยากหนีเช่นไรก็เปล่าประโยชน์ เรื่องนี้เธอจะปิดบังพ่อแม่เธอไปตลอดชีวิตก็ไม่ได้ถูกไหม?” เหมยเหมยพูดโน้มน้าว


“ฉันกลัว…”


ฉีฉีเก๋อพูดเสียงแผ่ว คุณพ่อไม่ชอบรุ่นพี่ฉาง ตอนนี้เธอสร้างปัญหาจนเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมา อาป๊าจะต้องผิดหวังในตัวเธอมากเลยใช่ไหม?


“รู้แต่ก็ยังทำ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียงที


ภายใต้การเกลี้ยกล่อมซ้ำ ๆของเหมยเหมยสุดท้ายฉีฉีเก๋อก็ยอมโทรหาลุงปาเกิน แต่พอโทรติดเธอกลับไม่รู้จะพูดอย่างไร อ้ำ ๆอึ้ง ๆอยู่พักใหญ่ก็พูดไม่เป็นคำสักที ลุงปาเกินที่อยู่ปลายสายร้อนใจแทบตายหลงคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่กับลูกสาวแล้วเสียอีก


เหมยเหมยแย่งหูโทรศัพท์มาก่อนจะเอ่ย “ลุงอย่าเพิ่งร้อนใจ ฉีฉีเก๋อทานข้าวที่บ้านหนู ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่หนูคิดว่าลุงควรรับรู้ ฉีฉีเก๋อท้องแล้ว เพิ่งใช้ที่ตรวจครรภ์ตรวจเสร็จไปค่ะ”


“ตุบ”


เสียงดังสนั่นแว่วมาจากปลายสาย ฉีฉีเก๋อห่อตัวกัดริมฝีปากแน่น


“ลูกของเจ้าฉางชิงซงเหรอ?” เสียงพูดเล็ดรอดไรฟันของลุงปาเกินดังขึ้น แม้จะคุยผ่านโทรศัพท์ยังรู้สึกได้ถึงความโกรธและกดดันจากเขา


“ใช่ค่ะ”


“ให้ฉีฉีเก๋อรับสาย ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา”


เหมยเหมยยื่นหูโทรศัพท์ให้ฉีฉีเก๋อ ลุงปาเกินพูดแค่ไม่กี่ประโยคก็วางสายไป ฉีฉีเก๋อทำหน้าเศร้าคล้ายจะร้องไห้กล่าว “พ่อกับแม่ฉันจะมาเดี๋ยวนี้”


เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ฉีฉีเก๋อเป็นคนใสซื่อเสียเปรียบง่าย แต่ลุงปาเกินกลับเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการไม่มีทางปล่อยให้ลูกสาวตนถูกเอารัดเอาเปรียบแน่นอน


“พอแล้ว เธอไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ทุกอย่างฟังที่พ่อแม่เธอบอก พวกเขาไม่มีทางทำร้ายเธอแน่นอน” เหมยเหมยพูดชี้ทาง


“ใช่ พ่อแม่เธอสั่งให้เธอทำอย่างไรก็ทำไปตามนั้น อย่างอื่นไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นด้วยกับคำพูดของเหมยเหมยมาก ลำพังยัยโง่อย่างฉีฉีเก๋อโดนเอาไปขายคงจะช่วยอีกฝ่ายนับเงินอยู่มากกว่าน่ะสิ เป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสั่งพ่อแม่ดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลปัจจัยพื้นฐานของชีวิตล่ะนะ


แต่พวกเธอกลับไม่รู้ว่าลูกสาวที่เชื่อฟังเป็นเด็กดีมากเพียงใด หลังจากตกหลุมพรางความรักก็จะกลายเป็นคนหัวรั้นและเริ่มต่อต้านพ่อแม่จนทำการตัดสินใจที่อาจทำให้เธอต้องเสียใจไปตลอดชีวิต


ตอนที่ 2211 แม่สามีเอกการแสดง


เรื่องราวต่อจากนั้นเหมยเหมยไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วยอีก สภาพร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่สะดวกเท่าไร ต่อให้เธออยากออกจากบ้านมากเพียงใดเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่มีทางอนุญาต เหมยเหมยให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคอยจับตาดูเอาไว้แล้วรายงานความคืบหน้าให้เธอฟังตลอดเวลา


“น่าโมโห ถ้าฉีฉีเก๋อเป็นน้องสาวฉัน ฉันจะฟาดให้ตายไปเลย ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่โง่กว่านี้อีกแล้ว”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนั่งทานแตงโมในห้องนั่งเล่นบ้านเหมยเหมย โมโหจนแทะไปสามชิ้นติดต่อกันถึงทุเลาความหงุดหงิดลงได้บ้าง แต่สีหน้ายังขึงขังขุ่นเคืองเหมือนเดิม


“ทำไม? ฉีฉีเก๋อยืนยันจะเก็บลูกไว้เหรอ?” เหมยเหมยขมวดคิ้วถาม


“ใช่ ลุงปาเกินบอกให้ฉีฉีเก๋อทำแท้งแล้วให้ตัดขาดกับฉางชิงซง ฉีฉีเก๋อไม่ยอม แล้วยังบอกว่าพวกเขาเป็นฆาตกร แถมยังพูดจาไม่น่าฟังเท่าไรจนความสัมพันธ์แย่ลง ให้ตายเถอะ…อนาคตถ้าฉันมีลูกสาวจะต้องสอนให้เธออย่ายอมถูกหลอกง่าย ๆตั้งแต่เด็ก อย่าโง่เหมือนฉีฉีเก๋อเด็ดขาด”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหยิบแตงโมอีกชิ้นขึ้นมาแทะ เธอโกรธมากจริง ๆ แต่เธอเห็นใจพ่อแม่ของฉีฉีเก๋อมากกว่า


คลอดลูกสาวโง่เขลาแบบนี้มาคนเป็นพ่อแม่จะต้องเหนื่อยหน่ายใจแค่ไหนกัน?


เหมยเหมยไม่แปลกใจเท่าไร ความรักที่ฉีฉีเก๋อมีต่อฉางชิงซงช่างลึกซึ้งแล้วจะยอมเลิกได้อย่างไร?


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดขึ้นต่อ “อีกอย่าง…เราย้ำนักย้ำหนาแล้วว่าให้ยัยโง่นั่นอย่าเพิ่งบอกเรื่องท้องให้ฉางชิงซงรู้ แต่เธอกลับทำเป็นหูทวนลม พอกลับไปก็บอกทันที ตอนนี้พ่อแม่ฉางชิงซงก็มาแล้วด้วย ให้ตายสิ…”


พูดถึงเรื่องนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ยิ่งเดือดเข้าไปกันใหญ่พลางทำหน้าหยามเหยียด


“พ่อแม่ฉางชิงซงทำอะไร?” เหมยเหมยถาม


“อย่าไปพูดถึงมันเลย ก็แกล้งทำตัวน่าสงสารไง โดยเฉพาะแม่ของฉางชิงซงนี่เป็นนักแสดงยอดฝีมือเชียวล่ะ เหมยเหมยฉันจะบอกเธอให้นะว่าฉีฉีเก๋อสิบคนยังสู้ยัยแก่นี่ไม่ได้เลย ถ้าฉีฉีเก๋อแต่งงานกับฉางชิงซงจริง ๆ อนาคตเธอลำบากแน่!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอธิบายพฤติกรรมของคุณแม่ฉางให้เหมยเหมยอย่างออกรสโดยมีป้าฟางคอยฟังอยู่ข้าง ๆ เธอฟังเพียงครึ่งทางก็เอ่ยขึ้น “แม่สามีแบบนี้แต่งไม่ได้เชียวนะ คุณหนู หนูต้องรีบเกลี้ยกล่อมเพื่อนของหนูนะ อนาคตไม่สงบสุขแน่”


ที่แท้คุณแม่ฉางมาถึงโรงแรมก็คุกเข่าให้ลุงปาเกินทันที ร่ำไห้อ้อนวอนขอให้ลุงปาเกินปรานีอย่าได้ทำลายผู้สืบสกุลของพวกเขา แล้วบอกอีกว่าเธอเหลือชีวิตอยู่อีกไม่นานแค่อยากอุ้มหลานสักครั้งก่อนตาย แบบนี้ก็จะได้ตายตาหลับ…


กล่าวโดยสรุปก็คือหากลุงปาเกินไม่อนุญาตงานแต่งงานของฉีฉีเก๋อกับลูกชายของเธอ ลุงปาเกินก็คือฆาตกรโหดเหี้ยม เป็นผู้ที่ทำให้เธอต้องตายตาไม่หลับ!


พอจะนึกออกแล้วว่าสองสามีภรรยาลุงปาเกินจะรู้สึกแย่เพียงใด!


เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่น หากรู้แต่แรกว่าแม่ของฉางชิงซงเป็นนักแสดงยอดฝีมือแบบนี้ ตอนที่ฉีฉีเก๋อมาขอความเห็นเธอว่าควรยอมรับคำสารภาพรักของฉางชิงซงดีหรือไม่นั้นเธอควรคัดค้านอย่างหนักแน่น ไม่แน่ตอนนี้เรื่องอาจจะไม่บานปลายมาถึงตอนนี้ก็ได้


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแทะแตงโมหมดหนึ่งชิ้นแล้วก็พูดด้วยความโกรธ “ถ้าฉีฉีเก๋อยอมฟังคำเตือนก็ดีสิ ตอนนี้ยัยโง่นั่นเห็นคนตระกูลฉางเป็นคนดี แล้วมองเรากับพ่อแม่เธอเป็นคนร้าย!”


ป้าฟางถอนหายใจพลางเอ่ยอย่างสลดใจ “หญิงสาวอายุยังน้อยไม่เคยผ่านโลกมาก่อน ต้องฟังความเห็นจากคนหลายคนอย่าดื้อดึง แต่น่าเสียดายที่การแต่งงานกับมีลูกมันลองไม่ได้ สุดท้ายคนที่เสียเปรียบก็คือผู้หญิงอยู่ดี”


เหมยเหมยถามด้วยความแปลกใจ “แม่ของฉางชิงซงสุขภาพแย่มากเหรอ?”


หากพูดไม่น่าฟังสักหน่อย ถ้าแม่สามีเอกการแสดงคนนี้ตายเร็วได้จริง ๆก็ไม่เลว ที่บ้านขาดแม่สามีเอกการแสดงไปชีวิตคงราบรื่นขึ้นมาก ฉีฉีเก๋อจะแต่งงานกับฉางชิงซงก็ใช่ว่าจะไม่ได้


ในเมื่อพวกเขาสองคนมีพื้นฐานความรักอยู่แล้ว


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นหัวเราะที “แย่อะไรละ กินได้นอนได้สร้างปัญหาได้ เธอรอดูสิ รับรองว่ายังอยู่เป็นตัวปัญหาได้อีกหลายสิบปีเลย!”


……………………


ตอนที่ 2212 ฆ่าตัวตายแล้ว


เหมยเหมยนึกฉงนใจ “ไหนฉางชิงซงบอกว่าแม่เขาสุขภาพแย่ทานยามานานแล้วไม่ใช่เหรอ?”


“ทานยาเป็นเรื่องจริงแต่ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร โรคเก๊ากระดูกข้ออับเสบ แขนสองข้างไม่มีแรงทำงานหนักไม่ได้ บ้านเกิดฉันมีคนเคยเป็นโรคนี้อาการหนักว่าแม่เขามากก็ยังใช้ชีวิตมาถึงเก้าสิบเก้าปีเลย”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าเย้ย เธอเห็นแม่ฉางชิงซงแวบเดียวก็รู้ทันทีว่ายายแก่คนนี้ไม่ได้สุขภาพแย่อย่างที่ฉางชิงซงบอก


“หรือว่าฉางชิงซงโกหกเหรอ?” เหมยเหมยทำหน้าจริงจัง


เงินเดือนกว่าครึ่งของฉางชิงซงล้วนถูกส่งกลับไปให้ที่บ้าน แล้วยังบอกว่าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายซื้อยาให้คุณแม่ของเขารวมถึงเป็นค่าเล่าเรียนให้น้องสาวของเขา ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฉีฉีเก๋อ ฉางชิงซงคงไม่ได้กินอิ่มท้องด้วยซ้ำ


หากฉางชิงซงพูดโกหก ถ้าอย่างนั้นหลักคุณธรรมของผู้ชายคนนี้…


“ไม่ถึงกับโกหกหรอก ฉันว่าฉางชิงซงเองก็น่าจะไม่รู้อะไรมากนัก” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเป็นกลาง


“งั้นแม่เขาก็หลอกเขาน่ะสิ ไม่หรอกมั้ง?” เหมยเหมยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้มีแม่แท้ ๆแบบนี้ ทนมองลูกชายลำบากลำเค็ญได้เช่นไร?


“จะเป็นไปไม่ได้ได้อย่างไร ก็บอกแล้วว่ายายแก่นี่เอกการแสดงไง บางทีเธออาจจะคิดใช้วิธีนี้เรียกร้องความสนใจจากสามีกับลูกชายก็ได้!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพ่นลมทางจมูก


ป้าฟางเองก็พูดเสริม “หมู่บ้านเราก็มีผู้หญิงแบบนี้เหมือนกัน วัน ๆเอาแต่โอดครวญว่าปวดหัวปวดขาปวดแขน ไม่เคยสุขภาพดีเลยสักวัน วัน ๆไม่ทำงานแต่ไม่เคยทานน้อยกว่าคนอื่น ชีวิตอิ่มหนำสำราญเชียวล่ะ”


เหมยเหมยเข้าใจความหมายของพวกเธอแล้วก็อดกังวลใจแทนฉีฉีเก๋อไม่ได้ แม่สามีแบบนี้อนาคตจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร!


“งั้นลุงปาเกินว่าอย่างไร?”


“ลุงปาเกินโมโหแทบตาย เขาให้รปภ.โรงแรมไล่ครอบครัวนี้ออกไปแล้วด่าฉางชิงซงไปยกหนึ่ง” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มเอ่ย


เหมยเหมยกลับอารมณ์ดีไม่หยอกเลยถามอีก “แล้วฉีฉีเก๋อล่ะ? ตอนนี้เธออยู่ไหน?”


“อยู่โรงแรม ลุงปาเกินไม่อนุญาตให้เธอออกไปข้างนอก แล้วยังบอกว่าพรุ่งนี้จะพาเธอไปทำแท้งที่โรงพยาบาล เสร็จแล้วก็พาเธอกลับบ้านเกิด”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจอีกที


ลุงปาเกินที่เคยใจดีเป็นมิตรในวันวาน คราวนี้กลับดูจริงจังขึงขัง ถึงขั้นลงไม้ลงมือตบหน้าฉีฉีเก๋อไปฉาดหนึ่ง เฮ้อ


เหมยเหมยค่อยวางใจลงบ้าง ยังดีที่ลุงปาเกินเป็นคนมีเหตุผลไม่ปล่อยให้ฉีฉีเก๋อทำอะไรบ้า ๆ เพราะสุดท้ายคนที่เสียเปรียบก็ยังเป็นยัยโง่ฉีฉีเก๋ออยู่ดี การทำแท้งทิ้งบาดแผลให้ร่างกายไปตลอดชีวิตเลยล่ะ!


เดิมทีพวกเธอคิดว่าเรื่องนี้คงจบเพียงเท่านี้ เพราะฉีฉีเก๋อเป็นคนเชื่อฟังคำสั่งมาโดยตลอด ลุงปาเกินโกรธขนาดนั้นฉีฉีเก๋อคงไม่ทำเรื่องโง่ ๆอีก ขอเพียงกลับไปที่ทุ่งหญ้า ต่อให้แม่ฉางชิงซงแสดงเก่งแค่ไหนก็ไม่มีที่ให้แสดงละครอีกแล้ว


แต่ว่า–


สุดท้ายพวกเธอเองที่ประเมินค่าพลังแห่งความรักต่ำไป มันทำให้ผู้หญิงกลายเป็นคนตาบอดคนโง่อย่างแท้จริง


“เมื่อคืนฉีฉีเก๋อกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย ยังดีที่ไม่เป็นอะไรมาก”


เช้าอีกวันเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโทรบอกข่าวร้ายกับเหมยเหมย


เหมยเหมยตกใจแทบแย่พลางให้ลุงเหลาพาเธอไปเยี่ยมฉีฉีเก๋อที่โรงพยาบาล ป้าฟางไม่ไว้วางใจจึงตามไปด้วยอีกคน นับว่าโชคดีที่มีป้าฟางอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าจะวุ่นวายมากแค่ไหน!


ลุงปาเกินเลือกห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวให้ฉีฉีเก๋อเพียงแต่ระเบียงทางเดินข้างนอกเสียงดังเอะอะโวยวาย มีทั้งเสียงร้องไห้เสียงทะเลาะวิวาท เหมยเหมยเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งปล่อยโฮบนพื้นแต่ไกล สองสามีภรรยาลุงปาเกินหน้าทมึงทึง ฉางชิงซงเองก็ทำหน้าเศร้าสลด และด้านข้างก็มีชายวัยกลางคนทำหน้าขมขื่นยืนอยู่ด้วยเช่นกัน


“หลานคนโตที่น่าสงสารของฉัน…ชีวิตหลานลำบากจังเลย ย่าเกือบจะไม่ได้กอดหลานแล้ว…แม่กุญแจอายุยืน[1]ที่ย่าเตรียมไว้ให้ก็เกือบไม่ได้ใส่แล้ว…”


……………………..


[1] เป็นของที่เตรียมไว้รับขวัญเด็กที่เกิดมา มีความเชื่อว่าจะทำให้อายุยืนยาว


ตอนที่ 2213 ใช้แผนชั่วร้าย


คุณแม่ฉางนั่งอยู่บนพื้นร้องคร่ำครวญประโยคแล้วประโยคเล่าเสียงสูงเสียงต่ำราวกับกำลังแสดงละครเวทีอยู่อย่างไรอย่างนั้น ทำเอาคนที่สัญจรตรงระเบียงทางเดินได้ยินกันถ้วนหน้า และนับว่าโชคดีที่ลุงปาเกินจัดให้อยู่ห้องผู้ป่วยวีไอพีไม่ได้วุ่นวายอย่างห้องพักผู้ป่วยทั่วไป ไม่อย่างนั้นต้องน่ารำคาญกว่านี้แน่


“เห็นแล้วใช่ไหม นี่ไงเอกการแสดง เธอยืนอยู่ตรงนี้แหละอย่าเข้าไป”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกในท้องเหมยเหมยจึงให้เธอยืนอยู่ห่าง ๆ


“ไม่เป็นไร ฉันเข้าไปทักทายลุงปาเกินดีกว่า” เหมยเหมยไม่สนใจ คุณแม่ฉางไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเธอ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเธอ!


ลุงปาเกินเห็นพวกเหมยเหมยก็เค้นรอยยิ้มส่งให้ สายตามีความรู้สึกผิดและความเครียดอย่างหนัก ฉีฉีเก๋อเป็นลูกสาวที่เขารักมากที่สุด ตอนนี้คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือเขาล่ะ


“ฉีฉีเก๋อไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” เหมยเหมยถาม


“จะไม่เป็นไรได้อย่างไรล่ะ? หลานฉันเกือบตาย คุณหมอบอก…” คุณแม่ฉางที่นั่งอยู่บนพื้นชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


เหมยเหมยมุ่นคิ้ว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดพูดแดกดันตอกกลับไปไม่ได้ “หลานป้าหลานป้า? วัน ๆก็คิดแต่หลานป้า ทำไมถึงไม่เป็นห่วงบ้างว่าสุขภาพฉีฉีเก๋อเป็นอย่างไรบ้าง อีกอย่างตอนนี้ฉีฉีเก๋อก็ยังไม่ใช่คนตระกูลฉางของพวกป้า ป้าอย่ามานับญาติไวขนาดนี้!”


รำคาญแม่สามีเห็นแก่ตัวแบบนี้ที่สุด ในสายตาพวกเธอลูกสะใภ้ก็คือหุ่นยนต์ผลิตลูก วัน ๆคิดแต่จะอุ้มหลาน ส่วนความเป็นความตายของลูกสะใภ้ไม่เคยถามไถ่สักคำ


คุณแม่ฉางชะงักไป พอเห็นชัดว่าเป็นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ลอบด่าในใจว่าทำไมยัยอ้วนนี่โผล่มาอีกแล้ว ใบหน้าแสร้งทำหน้าน่าสงสารพลางปาดน้ำตาเอ่ย “ฉีฉีเก๋อท้องลูกของชิงซงแล้ว…จะไม่ใช่คนตระกูลเราได้อย่างไร…”


ขณะที่เอ่ยเช่นนี้ในสายตาของคุณแม่ฉางฉายแววได้ใจชั่ววูบแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว


มีลูกในท้องแล้ว ถ้าฉีฉีเก๋อไม่แต่งงานกับลูกชายเธอแล้วจะแต่งงานกับใครกัน?


เหอะ!


เธอรู้อยู่แล้วว่าลูกชายเก่ง ขอเพียงเธอยุยงสักหน่อยก็รู้แล้วว่าควรทำอย่างไร ทีนี้ละดีเลย แม่ไก่ที่ฟักไข่ทองคำได้อย่างฉีฉีเก๋อต่อให้มีปีกสิบคู่ก็บินไปไหนไม่รอด หากหล่อนไม่ซื้อบ้านในเมืองหลวงให้ลูกชายเธอ เธอก็จะไม่อนุญาตให้แต่งงาน!


ผู้หญิงที่เสียพรหมจรรย์ไปแล้วใครจะอยากได้?


ลุงปาเกินทำหน้าถมึงทึง เขาฟังออกถึงนัยยะที่คุณแม่ฉางจะสื่อพลันก็เกิดบันดาลโทสะ พูดเสียงขรึม “ลูกสาวฉันกับหลานฉันฉันเลี้ยงได้ ไม่ต้องให้บ้านพวกคุณมาคอยกังวลหรอก!”


“เด็กนั่นเป็นของชิงซงนะ…ชิ่นเจีย[1]…” คุณแม่ฉางทำท่าน่าสงสาร คนไม่รู้ความคงหลงคิดว่าคนตัวใหญ่อย่างลุงปาเกินกำลังรังแกเธอเสียอีก


“อย่ามาเรียกฉันว่าชิ่นเจีย ฉันไม่มีวันนับญาติกับครอบครัวอย่างพวกคุณ” ลุงปาเกินทำหน้าเย็นยะเยือก หากตอนนี้เขายังไม่รู้ทันความคิดของคนตระกูลฉางอีก งั้นก็เสียแรงที่เขาล้มลุกคลุกคลานในวงการค้าขายมาหลายสิบปีแล้ว


มีเพียงลูกสาวแสนโง่ของเขาที่ความรักบังตายินยอมให้คนกลุ่มนี้หลอกลวง


ฉางชิงซงพูดด้วยเสียงขุ่นเคือง “คุณลุง ผมกับฉีฉีเก๋อเรารักกันจากใจจริง ทำไมท่านต้องใจร้ายขนาดนี้ด้วย?”


“รักกันจากใจจริงเหรอ? แกไม่คู่ควรพูดคำว่ารัก แกกล้าสาบานกับตัวเองไหมล่ะว่าที่ฉีฉีเก๋อท้องเป็นอุบัติเหตุ?” ลุงปาเกินจ้องเขานิ่ง


ฉางชิงซงทำหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ใจแป้วขึ้นมา


ใช่แล้ว เรื่องที่ตั้งครรภ์เขาทำไปตามแผนที่วางไว้


นั่นเพราะเขารักฉีฉีเก๋อมากเกินไป เขาไม่อยากพรากจากฉีฉีเก๋อ หลังจากเปิดอกคุยกับแม่ของเขา ฉางชิงซงก็คิดแผนทำให้ท้องขึ้นมาได้ อย่างไรเสียเขาจะดีกับฉีฉีเก๋อไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว มีลูกเร็วหรือช้ามันแตกต่างกันอย่างไรเล่า?


ฉางชิงซงไม่คิดว่าตัวเองทำผิดเลยสักนิด แต่ยามเผชิญหน้าลุงปาเกินเขากลับรู้สึกผิดอยู่ดี


[1] ชิ่นเจีย สรรพนามของพ่อแม่คู่สมรสใช้เรียกขานพ่อแม่อีกฝ่าย


…………………….


ตอนที่ 2214 ถูกผลักหนึ่งที


ลุงปาเกินแค่นหัวเราะทีหนึ่ง ความรักที่แท้จริงแบบนี้เขาไม่ต้องการ!


ฉางชิงซงเรียกขวัญกำลังใจแล้วเอ่ย “คุณลุง ผมสัญญาว่าจะดีกับฉีฉีเก๋อตลอดไป…ขอร้องละอนุญาตให้เราคบกันเถอะ”


“สัญญา? ฉันไม่เชื่อในคำสัญญาของแก แกไม่ต้องมาสัญญากับฉัน”


ลุงปาเกินไม่สนใจฉางชิงซงอีกต่อไป เขากำลังรอลูกชายคนรองกับลูกสะใภ้คนรองมา เรื่องแบบนี้ครอบครัวลูกคนรองถนัดรับมือเชียว เขาคร้านจะเสียเวลากับคนตระกูลฉางไปมากกว่านี้


คุณแม่ฉางอดพูดไม่ได้ “ฉีฉีเก๋อท้อง เธอไม่แต่งงานกับชิงซงแล้วจะทำอย่างไร…ชิ่นเจียคุณจะทำร้ายเด็กไม่ได้นะ…”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกล่าวด้วยเสียงโมโห “ป้า ผู้ชายบนโลกนี้ไมได้มีแค่ลูกชายป้าคนเดียวนะ ฉีฉีเก๋อมีพื้นหลังครอบครัวที่ดีทั้งสวยทั้งเก่ง มีตัวเลือกเยอะจะตายไป”


เกลียดผู้หญิงที่ชอบเอาเด็กกับชื่อเสียงมาข่มขู่ที่สุดเลย!


“แม่หนู ฉีฉีเก๋อท้องแล้ว…” คุณแม่ฉางย้ำเรื่องฉีฉีเก๋อตั้งครรภ์ซ้ำ ๆจนเหมยเหมยทนฟังไม่ได้ เดินเข้าไปหา


“มีลูกแล้วอย่างไร ตอนนี้ยังไม่ถึงสามเดือนสามารถทำแท้งได้ทุกเมื่อ” เหมยเหมยพูดเสียงเย็นชา


มีแม่สามีอย่างคุณแม่ฉาง ต่อให้การทำแท้งจะทำให้เสียสุขภาพเพียงใดก็ดีกว่าต้องแต่งงานกับฉางชิงซงร้อยเท่า


“โอ้…แม่หนูพูดแบบนี้ไม่ได้นะ เด็กน่าสงสารจะตาย เขาเป็นหลานของตระกูลฉางเราเชียว พวกเธอบอกให้ทำแท้งแล้วจะทำแท้งเลยคงไม่ได้มั้ง อีกอย่างฉีฉีเก๋อยังเป็นสาวอยู่เลยจะไปทำแท้งได้อย่างไร ถ้าให้คนอื่นรู้เข้าก็คงไม่ดีต่อชื่อเสียงของฉีฉีเก๋อนะ…”


คุณแม่ฉางเอ่ยวาจาน่ารังเกียจด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยถึงขั้นข่มขู่ลุงปาเกิน


“เธอ…คิดจะใส่ร้ายลูกสาวฉันเหรอ?” คุณแม่ฉีฉีเก๋อที่สงบเสงี่ยมไม่พูดไม่จามาตั้งแต่ต้น พอได้ยินประโยคนี้ก็พุ่งไปตรงหน้าคุณแม่ฉางด้วยความโกรธ เธอไม่ถนัดพูดภาษาจีนกลางเลยพูดเสียงติด ๆขัด ๆด้วยใบหน้าที่กำลังหน้าดำหน้าแดงขึ้นเรื่อย ๆ


คุณแม่ฉางตกใจจนถอยหลังหลายก้าว “ฉัน…ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…ฉันแค่สงสารหลานของฉัน…”


“เธอกล้า…ทำร้ายลูกสาวฉัน…ฉันจะฆ่า…ฆ่าเธอ!”


คุณแม่ฉีฉีเก๋อคว้าคอเสื้อคุณแม่ฉาง เธอสูงกว่าคุณแม่ฉางกว่าคืบเลยยกขึ้นได้อย่างง่ายดาย ฉางชิงซงรีบพุ่งเข้าไปหมายจะแยกพวกเธอออกจากกัน


“คุณป้า แม่ผมสุขภาพไม่ดี รีบปล่อยมือเถอะครับ!”


“สุขภาพไม่ดีก็อยู่บ้านเฉย ๆสิ อย่าวิ่งแจ้นไปสร้างปัญหานอกบ้านบ่อยนัก” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดตอกกลับไม่ได้ พลางสะบัดสีหน้าใส่ฉางชิงซง


ฉางชิงซงสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาไม่คิดว่าเรื่องราวจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาแค่ต้องการแต่งงานกับหญิงที่เขารักเท่านั้น ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ?


คุณแม่ฉีฉีเก๋อปล่อยตัวคุณแม่ฉางลงแล้วถลึงตากลับไปอย่างดุดัน พอนั่งลงที่เดิมก็ใช้ภาษามอลโกลคุยกับลุงปาเกินว่า “จะให้ฉีฉีเก๋อแต่งงานเข้าตระกูลนี้ไม่ได้ เราเลี้ยงหลานเองก็ได้”


ในเมื่อลูกสาวยืนกรานไม่ยอมเอาเด็กออกก็ให้พวกเขาเลี้ยงเถอะ อย่างไรเสียบ้านพวกเขาก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินแค่นี้อยู่แล้ว!


ลุงปาเกินพยักหน้า เมื่อครู่เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ถือว่าเขารู้ธาตุแท้ตระกูลฉางแล้ว ลูกสาวแต่งเข้าบ้านนั้นไปต้องลำบากแน่นอน!


คุณแม่ฉางโดนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเถียงหลายทีก็ทำเอาเธอแค้นใจนัก หากไม่ใช่ยัยอ้วนนี่มาป่วน ไม่แน่ฉีฉีเก๋ออาจจะจดทะเบียนสมรสกับลูกชายเธอไปตั้งนานแล้ว


“ฉันว่าแม่หนูสอดมือเข้ามายุ่งมากเกินไปหรือเปล่า นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวฉัน ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานอย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย?” คุณแม่ฉางไม่แสร้งทำตัวน่าสงสารอีกต่อไป


“ฉีฉีเก๋อเป็นเพื่อนฉันแล้วทำไมฉันจะยุ่งไม่ได้ ป้าทำผิดแล้วรู้สึกกลัวสินะ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เคยกลัวที่จะต่อปากต่อคำ เธอกำลังรออยู่เชียว


ทั้งคู่โต้กันไปโต้กันมาลามไปใหญ่โต คุณแม่ฉางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลยได้แต่ด่ากลับไป “ฉันว่าเธอคงอิจฉาเพื่อนที่หาคู่ดี ๆได้ถึงจงใจมาป่วน คนอ้วนอย่างเธอต่อให้ผู้ชายตาบอดก็คงไม่ถูกใจ”


เหมยเหมยตีหน้านิ่งพูดเสียงเย็นชา “พูดจาให้เกียรติกันด้วย!”


“ฉันไม่ให้เกียรติอย่างไร ฉันพูดความจริงทั้งนั้น…”


คุณแม่ฉางพูดไปก็ผลักเหมยเหมยแรง ๆไปทีหนึ่ง ยัยตัวแสบนี่ก็ไม่ใช่คนดีอะไร ทั้งหมดเป็นเพราะเธอกับยัยอ้วนนั่นเป่าหูฉีฉีเก๋อ


“ป้าคิดจะทำบ้าอะไรฮะ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจยกใหญ่รีบเข้าไปประคองเหมยเหมยไว้


ตอนที่ 2215 จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต


เหมยเหมยยืนอยู่ตรงหน้าคุณแม่ฉางพอดี เธอไม่คิดว่าคุณแม่ฉางที่ดูท่าทางป่วยออด ๆแอด ๆจะลงไม้ลงมือได้ ปฏิกิริยาแรกของเธอคือรีบเอามือบังหน้าทองไว้ ไม่ทันหลบจึงถูกคุณแม่ฉางผลักเข้าเต็มแรงทำให้ร่างหงายไปด้านหลัง


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ใกล้ที่สุดตกใจจนหน้าซีดรีบวิ่งไปประคองเอาไว้ แต่เธอตัวอ้วนเลยเคลื่อนไหวไม่คล่องตัวนัก สิ่งที่แค้นใจที่สุดคือคุณแม่ฉางจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเกินไป ผลักทีหนึ่งไม่ว่าแต่กลับผลักซ้ำอีกทีหนึ่ง


“ทำร้ายหลานฉันนักใช่ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเธอมายุ่มย่ามแล้วจะเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร…”


คุณแม่ฉางเกลียดเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสุดใจ เธอได้ข่าวมาว่าเพราะยัยตัวดีสองคนนี้เป่าหูฉีฉีเก๋อ ฉีฉีเก๋อถึงได้โทรหาพ่อแม่ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ลูกชายเธอคงจดได้ทะเบียนกับฉีฉีเก๋อไปแล้ว


ขอเพียงประทับตราก็เป็นเรื่องตอกตะปูเข้ากระดาษเหล็ก ฉีฉีเก๋อเท่ากับเป็นคนตระกูลฉางที่ต้องอยู่ภายใต้อาณัติของเธอ แล้วจะมีปัญหาพวกนี้ได้อย่างไร?


ถึงคราวกลับไปจัดงานแต่งงานที่บ้านเกิดเธอยังจะได้ค่าซองแต่งงานอีกเป็นกอบเป็นกำ ค่าใส่ซองที่เคยให้ไปต้องเอาคืนมาให้หมด แล้วยังจะได้ค่าสินเดิมตั้งอีกก้อนหนึ่งแหนะ!


เธอได้สืบมาจากลูกชายหมดแล้วว่าแม้ฉีฉีเก๋อจะหน้าตาขี้เหร่ไปสักหน่อย แต่เดิมไม่เข้าตาเธอหรอกแต่พอได้ยินว่าครอบครัวอีกฝ่ายเป็นเจ้าของฟาร์มม้าเธอก็เปลี่ยนใจทันที


แผนจดทะเบียนสมรสก็มาจากเธอเอง เธอวางแผนคิดจะเป็นฝ่ายกุมอำนาจการตัดสินใจ ขอเพียงลูกชายร่วมเตียงกับลูกสาวเขาแล้วปล่อยเมล็ดพันธุ์ไว้ในตัวก็เท่ากับเป็นการตอกตะปูลงบนกระดานเหล็กแล้ว ยังจะกลัวแม่ไก่ฟักไข่ทองคำอย่างฉีฉีเก๋อหนีไปอีกหรือ?


ไม่ว่าจะบินหนีไปไหนก็ต้องเป็นคนตระกูลฉางของเธออยู่ดี!


แล้วยังต้องเป็นฝ่ายตอบรับเงื่อนไขของเธอด้วย!


บ้านที่เมืองหลวงต้องเป็นสินแต่งงานภายใต้ชื่อของลูกชายเธอ รถยนต์ก็ต้องมี ไหนจะค่าเทอมเรียนมหาวิทยาลัยของลูกสาวเธอ ค่าหาหมอเลี้ยงชีพในชีวิตบั้นปลายของเธอ…


เธอวางแผนไว้หมดแล้ว!


ไม่ให้ก็ไม่แต่งงาน สุดท้ายดูสิว่าใครจะเป็นคนอับอายขายหน้า อย่างไรบ้านเธอก็ไม่เสียเปรียบอยู่แล้วที่ได้นอนกับลูกสาวอีกฝ่ายฟรี ๆ แล้วยังได้หลานมาฟรี ๆอีกคน!


แผนการที่คุณแม่ฉางวางไว้เสียดิบดีถูกคนปั่นจนล้มไม่เป็นท่า เธอจะไม่แค้นได้อย่างไร?


เพราะแขนไม่ค่อยมีแรงนักเธอจึงรู้สึกว่าผลักหนึ่งทียังไม่สะใจพอเลยผลักไปอีกหนึ่งที คุณแม่ฉีฉีเก๋อทั้งสูงทั้งแข็งแรงเธอย่อมสู้ไม่ไหว ยัยเด็กนี่ดูท่าทางอ่อนแอแล้วเธอจะสู้ไม่ไหวหรือ?


เดิมทีเหมยเหมยทรงตัวได้แล้วแต่พอโดนอีกทีจึงทำให้เธอเสียการทรงตัวจนร่างหงายหลังอีกครั้ง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ่งร้อนใจก็ยิ่งช้าพลางตวาดด่าเสียงดัง “ถ้าเหมยเหมยเป็นอะไรไป ทั้งครอบครัวของป้าต้องตายแน่!”


เธอเห็นว่าคงประคองไม่ทันเลยผุดความคิดหนึ่งขึ้น เธอเลือกล้มตัวนอนเป็นเบาะรองให้เหมยเหมย เธอมีไขมันเยอะตัวนุ่มนิ่ม ท้องของเหมยเหมยคงไม่เป็นไร


“ปัง” เสียงร่วงตกพื้นเพราะเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทิ้งตัวนอนบนพื้นหินอ่อนอย่าแรง เจ็บจนต้องกัดฟันกรอดใบหน้ากลมเป็นลูกซาลาเปาบิดเบี้ยว


แต่มีอีกร่างหนึ่งวาบเข้ามาซึ่งก็คือป้าฟางที่พุ่งพรวดมารับตัวเหมยเหมยไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็หมุนอยู่ที่เดิมหนึ่งรอบผ่อนแรงลงถึงประคองเหมยเหมยได้อย่างมั่นคง


“คุณหนู ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”


เหมยเหมยเองก็ตกใจแทบแย่ มีชั่ววูบหนึ่งที่เธอรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปช่วงก่อนจะถูกผลักตกตึกเมื่อชาติที่แล้ว ความอ่อนแรงและเศร้าใจอย่างลึกซึ้งถาโถมเข้ามา ทำให้เธอนึกเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ


หากคราวนี้เธอปกป้องลูกไม่ได้อีก เธอคงไม่คู่ควรจะเป็นแม่คนแล้วจริง ๆ!


“ไม่เป็นไร!”


เหมยเหมยหายใจหอบถี่แล้วก็ค่อย ๆสงบลง พอไม่รู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกายถึงค่อยวางใจ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบนพื้นร้องขึ้น “ป้าพยุงฉันที โอ๊ย…เจ็บจะตายอยู่แล้ว…”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเสียใจเหลือเกิน หากเธอรู้แต่แรกว่าป้าฟางที่ดูเรียบร้อยจะมีทักษะไหวพริบดีขนาดนี้ แล้วเธอจะมาลำบากทำไมอีกล่ะ?


………………………


ตอนที่ 2216 ป้าฟางระเบิดอารมณ์


ป้าฟางยื่นแขนฉุดเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่กัดฟันสูดปากลุกขึ้นตามแรงดึง ฤดูร้อนใส่เสื้อบางจึงเห็นว่าตรงข้อศอกล้มเป็นแผลช้ำอย่างชัดเจนและเลือดซึมออกมาเล็กน้อย


เหมยเหมยอุ่นวาบที่หัวใจพลางให้เธอไปทำแผลสักหน่อย


“ไม่ต้องหรอก กลับไปทาทิงเจอร์ไอโดดีนหน่อยก็พอ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ อีกทั้งตอนนี้เธอก็ไม่สบายใจที่จะไปด้วย ใครจะรู้เล่าว่ายายแก่นี่จะมาไม้ไหนอีก!


ฉางชิงซงกับพวกลุงปาเกินต่างพรูลมหายใจเฮือกใหญ่ พวกเขาต่างรู้เรื่องที่เหมยเหมยตั้งครรภ์ดี ยิ่งรู้ว่าหากเหมยเหมยเป็นอะไรไปพวกเขาทุกคนในที่นี้คงหนีไม่พ้นจากการเอาคืนของเหยียนหมิงซุ่นแน่!


“แม่ แม่ทำอะไรน่ะ…”


ฉางชิงซงเดินเข้ามาขอโทษเหมยเหมยแล้วหันไปตำหนิแม่อย่างไม่พอใจ เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าคุณแม่ฉางจะลงไม้ลงมือทันที แล้วยังเล็งเป้าหมายไปที่เหมยเหมยอีกต่างหาก นี่คิดจะฆ่าเขาเลยหรือไงกัน?


คุณแม่ฉางว่าอย่างไม่พอใจ “ฉันแค่ผลักเบา ๆทีเดียวเอง หรือว่าเธอทำจากทองคำผลักนิดผลักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?”


“เพี้ยะ”


ป้าฟางประคองเหมยเหมยไปยืนให้ห่างแล้วให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคอยเฝ้าเอาไว้ จากนั้นก็พุ่งตัวมาตรงหน้าคุณแม่ฉาง ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ตบหน้าฉาดใหญ่ นี่เธอใช้แรงไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นแต่ก็ตบหน้าคุณแม่ฉางตัวหมุนไปหลายตลบ หากไม่ใช่เพราะฉางชิงซงประคองได้ทันคงล้มกับพื้นก้นจ้ำเบ้าไปแล้ว


“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? กล้ามาผลักคุณหนูฉัน? ถ้าอยากตายก็พูดมาตรง ๆ ฉันจะให้คนลากคนทั้งครอบครัวเธอไปฝังทีเดียว!”


ป้าฟางกับพวกฉางชิงซงเป็นคนบ้านเดียวกัน เธอพูดด้วยภาษาท้องถิ่นดั้งเดิมพร้อมด่าไปยกหนึ่ง


คุณแม่ฉางถูกตบจนบวมไปครึ่งหน้า ทั้งยังมีเลือดซึมออกตรงมุมปาก เธอคายฟันออกมาสองซี่ ทั้งกลัวทั้งโกรธแล้วทิ้งตัวนั่งบนพื้นร่ำไห้ปล่อยโฮ…


“โอ๊ย…มีคนอาละวาดหาเรื่อง…กลางวันแสก ๆก็กล้าทำร้ายคนอื่น…แบบนี้ยังเห็นความสำคัญของกฎหมายอยู่หรือเปล่า…”


การแกล้งทำตัวน่าสงสารเป็นวิชาถนัดมือของคุณแม่ฉาง เธออาศัยวิธีการนี้ปราบสามีและลูกชาย แล้วยังปราบเจ้าของโรงงานรวมถึงเพื่อนร่วมงานได้อยู่หมัดไม่มีใครเอาชนะเธอได้และไม่มีใครกล้าหาเรื่องเธอ


แต่ตอนนี้เธอกลับเจอคนจริงเข้าแล้ว


ป้าฟางมองฉางชิงซงอย่างเหยียดหยามแวบหนึ่ง ฉีฉีเก๋อถูกตาต้องใจผู้ชายแบบนี้นับว่าช่างตาบอดเสียจริง เจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อน นี่ไม่ใช่คู่ชีวิตที่ดีเลย หากฉีฉีเก๋อแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้จริง ๆ งั้นก็รอมีชีวิตที่ลำบากไปเถอะ!


“ต้นไม้มีเปลือกลำต้น คนยังต้องมีหน้า[1] เธอปล่อยให้แม่เธอทำตัวงี่เง่าแบบนี้เหรอ? อย่ามาทำให้คนบ้านเกิดเราต้องอับอายขายหน้าสิ!”


ถ้อยคำของป้าฟางทำเอาฉางชิงซงใบหน้าขึ้นสี เขาทั้งอายทั้งรู้สึกผิดนึกอยากหาหลุมมุดเข้าไปเสีย เขาก้มตัวลงประคองคุณแม่ฉางที่ยังร้องโหยหวนพลางพูดเกลี้ยกล่อมเสียงเบาไม่กี่ประโยค แต่ก็ไม่เกิดผลแถมคุณแม่ฉางร้องไห้หนักกว่าเดิม


“อยากตายตอนนี้เลยใช่ไหม? ฉันจะส่งเธอไปหายมบาลเดี๋ยวนี้เลย!”


ป้าฟางตีหน้านิ่งสายตาฉายแววเยือกเย็น ความอาฆาตที่ปกปิดเอาไว้แผ่กระจายออกมาจากตัวจนทำเอาทุกคนสะดุ้งเฮือกเสียวสันหลังวาบ เวลานี้พวกเขาเพิ่งค้นพบว่าผู้หญิงที่มีท่าทางคล้ายพี่เลี้ยงข้างตัวเหมยเหมยเป็นคนโหดคนหนึ่งดี ๆนี่เอง


คุณแม่ฉางยังไม่ทันได้สติก็ถูกป้าฟางคว้าคอเสื้อไว้ เจ้าตัวเท้าลอยเหนือพื้นสองขาส่ายไปมากลางอากาศ


“ชิงซง…แก…รีบมาช่วยฉันสิ…จะฆ่าฉันตายอยู่แล้ว!”


คุณแม่ฉางตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่างพลางเรียกผู้ชายบ้านตนรีบมาช่วยชีวิต


คุณพ่อฉางเองก็สะดุ้งตกใจ ดูท่าทางเขาเป็นคนซื่อ ๆสงบเสงี่ยม ที่ผ่านมาเขาไม่ปริเสียงพูดจาใด ๆเลย พอเห็นภรรยากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากก็รีบพุ่งเข้ามาคิดจะช่วยภรรยาให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือป้าฟาง


ฉางชิงซงรีบห้ามเขาไว้ หันไปคุยกับป้าฟางดี ๆ “ป้าครับ แม่ผมไม่รู้กฎระเบียบ ไว้ผมกลับไปจะสั่งสอนเธอเอง ป้าเป็นคนใจกว้างได้โปรดเมตตาอย่าถือสาแม่ผมเลยนะครับ…”


ตอนที่ 2217 แม่เตรียมจ่ายค่าสินสอดเท่าไร


ป้าฟางแค่นหัวเราะทีหนึ่งแต่ไม่ได้ปล่อยมือ “แม่ของเธอไม่รู้กฎแล้วเธอก็ไม่รู้ด้วยอีกคนเหรอ? เดิมทีเรื่องภายในครอบครัวเธอไม่เกี่ยวอะไรกับฉันหรอก แต่แม่เธอไม่ควรลงไม้ลงมือกับคุณหนูของฉัน คุณหนูของฉันสถานะไหน แม้แต่หมาแมวที่เธอเลี้ยงยังสูงศักดิ์กว่าคนทั้งครอบครัวแกด้วยซ้ำ!”


ฉางชิงซงเหมือนโดนกรีดหัวใจก็ไม่ปาน ศักดิ์ศรีของเขากำยังถูกย่ำยีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแต่เขากลับยังต้องพูดเอาใจผู้หญิงตรงหน้าเพียงเพราะเขาไร้สถานะ


ฉะนั้นเขาทำได้เพียงแกล้งทำตัวเชื่อฟัง ยอมให้ทุกคนเหยียบย่ำเขา!


“ครับ…ผมรู้ว่าผิดไปแล้ว…ไว้กลับไปผมจะสั่งสอนแม่ผมให้ดี…”


ฉางชิงซงก้มหน้าลงพยายามปกปิดความโกรธในสายตา ลดศักดิ์ศรีพูดขอโทษขอโพยไป


“ป้าฟางคะ ช่างเถอะค่ะ!”


เหมยเหมยเอ่ยขึ้นในเวลาประจวบเหมาะ อย่างไรเสียฉางชิงซงก็เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นผู้ชายที่ฉีฉีเก๋อชอบด้วย  ไว้หน้าเขาหน่อยแล้วกัน!


ป้าฟางปล่อยมือทันที คุณแม่ฉางกุมคอไอไม่หยุด รอตั้งสติได้เธอก็อ้าปากหมายจะด่ากราดแต่ถูกฉางชิงซงปิดปากเอาไว้พร้อมถลึงตาใส่ คุณแม่ฉางตกใจจนรีบหุบปากไม่กล้าปริเสียงอีก


“คุณหนู เรากลับบ้านกันเถอะ อย่ามายุ่งเรื่องวุ่นวายพวกนี้เลย”


ป้าฟางหันกลับไปเอ่ยกับเหมยเหมย เมื่อครู่ทำเธอตกใจแทบแย่ หากคุณหนูกับเด็กเป็นอะไรไปคุณชายหมิงต้องไม่ปล่อยสองสามีภรรยาเธอไปแน่


เหมยเหมยพยักหน้า ตอนนี้เธอก็เริ่มกลัวแล้ว เรื่องสำคัญแค่ไหนก็ไม่เท่าลูกของเธอ


“คุณหนูจ้าว ขอโทษด้วยจริง ๆ…”


ลุงปาเกินเดินมาขอโทษ ทุกอย่างเป็นเพราะลูกสาวของเขาใช้ไม่ได้และเขาอบรมสั่นสอนลูกสาวไม่ดีเอง เพียงแค่อยากให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่กลับไม่เคยสอนให้เธอแยกแยะจิตใจคน


เฮ้อ แต่เสียดายที่โลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจทีหลัง!


“ไม่เกี่ยวกับลุงหรอก ไว้หนูค่อยมาเยี่ยมฉีฉีเก๋อทีหลังแล้วกันนะคะ” เหมยเหมยอมยิ้มน้อย ๆ เธอไม่สนใจคนตระกูลฉางแล้วเดินจากไป เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก้มศีรษะให้ลุงปาเกินเล็กน้อย จากนั้นถึงเดินตามหลังจากไปอีกคน


คุณแม่ฉางเห็นคนน่ารำคาญสองคนกลับไปหมดแล้วก็อดได้ใจไม่ได้ เธอรู้อยู่แล้วว่าขอเพียงตนแสร้งทำตัวน่าสงสารเท่านั้น ใครก็กลัวหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวทั้งนั้นแหละ


เธอใช้วิธีนี้มาหลายสิบปีไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว


เธอมองไปยังลุงปาเกินด้วยสายตาได้ใจปนเจ้าเล่ห์ เตรียมจะเอ่ยถึงงานแต่งงานอีกครั้ง ฉางชิงซงก็ฉุดตัวเธอไว้พลางเอ่ยต่อลุงปาเกินว่า “คุณลุงครับ วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ท่านให้ฉีฉีเก๋อพักผ่อนดี ๆก่อนเถอะครับ ผมจะพาพ่อแม่กลับไปก่อน”


แน่นอนว่าฉางชิงซงไม่พอใจอยู่แล้วแต่เขารู้ว่าหากวุ่นวายต่อไปมีแต่จะแย่ลง กลับจะทำให้ทั้งครอบครัวของลุงปาเกินรังเกียจพวกเขามากขึ้น สู้ถอยหลังตั้งหลักก่อนดีกว่า


อย่างไรเสียเขาก็ไม่ยอมให้ใครทำร้ายโซ่ทองคล้องใจของเขากับฉีฉีเก๋อหรอก!


เขามั่นใจว่าจะสร้างหลักปักฐานในเมืองหลวงได้ แล้วให้ฉีฉีเก๋อกับลูกใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย!


คุณแม่ฉางที่ไม่เต็มใจนักถูกฉางชิงซงลากกลับไป ลุงปาเกินถอนหายใจยาว ความอ่อนล้าปรากฏบนใบหน้าเหลี่ยมแต่หัวใจกลับเหนื่อยยิ่งกว่า…


คุณแม่ฉางที่ถูกฉุดกึ่งลากไปถึงหน้าประตูโรงพยาบาลตะคอกใส่ลูกชายอย่างไม่พอใจ “แกจะลากแม่ออกมาทำไม? แม่ยังไม่ได้ตกลงค่าสินเดิมกับชิ่นเจียเลย!”


ฉางชิงซงใจเต้นตึกตักก่อนถาม “ค่าสินเดิมอะไร?”


คุณแม่ฉางยิ้มอย่างได้ใจ “แน่นอนว่าเป็นค่าสินเดิมที่ฉีฉีเก๋อแต่งเข้าบ้านเราไง ลูกรัก แม่จะบอกอะไรให้นะ เวลานี้แกจะใจอ่อนไม่ได้ ต้องฟังแม่นะ บ้านรถเงินจะขาดไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว ตระกูลฉางเราจะผงาดได้หรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับครั้งนี้แหละ!”


ฉางชิงซงมองแม่ของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา จงใจถาม “แล้วแม่เตรียมเงินสินสอดไว้เท่าไร?”


………………………


ตอนที่ 2218 ค่าสินเดิมขาดไม่ได้


คุณแม่ฉางหลุดขำทีหนึ่งมองเหยียดด้วยสายตาดูถูก “สินสอดอะไรกัน เธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อีกแล้ว ไหนจะยังท้องอีกต่างหาก เอาหน้าจากไหนมาขอสินสอด นี่ยอมแต่งงานกับเธอก็นับว่าเป็นบุญของเธอแล้ว ลูกชายฉันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังเชียว เธอมีอะไรให้ไม่พอใจอีก”


คุณพ่อฉางขมวดคิ้ว รู้สึกว่าถ้อยคำของภรรยาไม่น่าฟังสักนิดจึงกล่าว “เธอพูดแบบนี้ได้อย่างไร ฉีฉีเก๋อก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังไม่ด้อยไปกว่าลูกชายของเราหรอกนะ”


ความจริงเขายังอยากบอกว่าครอบครัวผู้หญิงเป็นถึงเฒ่าแก่ พื้นหลังครอบครัวดีกว่าตระกูลฉางของพวกเขาหลายร้อยเท่า ไม่รังเกียจตระกูลฉางของพวกเขาก็นับว่าดีแล้ว ทำไมยังเอ่ยถึงเงินสินเดิมนั่นอีก


แต่เขาเป็นคนกลัวภรรยามาแต่ไหนแต่ไร ภรรยาสั่งให้เขาไปทิศตะวันออกเขาไม่กล้าไปทิศตะวันตก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะยอกย้อนภรรยาเลย คำไม่กี่ประโยคเมื่อครู่เขาก็เรียกความกล้าอยู่นานกว่าจะพูดออกมาได้


“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”


คุณแม่ฉางตวัดตามอง คุณพ่อฉางก็ปิดปากไม่กล้าปริเสียงอีก


ฉางชิงซงมองคุณแม่ตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา นี่ยังเป็นคุณแม่ที่เขาให้ความเคารพอยู่หรือเปล่านะ?


ทำไมถึงว่าหญิงที่เขารักแบบนี้?


“แม่ ทำไมแม่ว่าฉีฉีเก๋อแบบนี้ล่ะ ลูกที่ฉีฉีเก๋อท้องก็เป็นลูกของผม” ฉางชิงซงทำหน้าไม่พอใจ


คุณแม่ฉางหลุดขำอีกทีพร้อมทำหน้าหยามเหยียด “ถ้าไม่ใช่ลูกของแกฉันยังไม่คิดจะรับลูกสะใภ้สำส่อนแบบนี้เข้าบ้านด้วยซ้ำ ยังไม่ทันแต่งงานก็นอนกับผู้ชายแล้ว ไร้ยางอายสิ้นดี ชิงซงฉันบอกแกไว้นะว่าพอแต่งงานแกต้องคุมให้ดี ห้ามให้มีเงินติดตัวแม้แต่หยวนเดียว เงินที่หาได้ก็ต้องให้แก ออกจากบ้านห้ามเกินครึ่งชั่วโมง…ถ้ากล้าขัดขืนคำสั่งก็สั่งสอนเธอให้เข็ด ตระกูลฉางเราจะมีลูกสะใภ้ที่มีมลทินไม่ได้…”


คุณแม่ฉางพูดน้ำไหลไฟดับแววตาฉายแววตื่นเต้น ตั้งตารอคอยวันที่ฉีฉีเก๋อแต่งเข้าบ้าน


เธอต้องใช้ชีวิตในฐานะแม่สามีให้สมใจอยาก!


กำราบยายตัวดีนั่นให้อยู่หมัด!


คุณพ่อฉางส่ายศีรษะรัวถอนหายใจยาวแต่กลับไม่กล้าเอ่ยปาก เขากลัวภรรยาตัวเองจากใจจริง หากเกิดเรื่องไม่ได้ดั่งใจหน่อยก็หมดสติจนคนตกอกตกใจแทบแย่ เฮ้อ ถ้าไม่เห็นสภาพนั้นคงไม่ต้องวุ่นวายใจ ขอแค่ไม่เกิดเรื่องก็พอแล้ว


ฉางชิงซงขมวดคิ้วแน่นพร้อมมองคุณแม่ที่ยังพูดไม่หยุดอย่างสับสน ราวกับเพิ่งเคยรู้จักเธอเป็นครั้งแรก


ณ เวลานี้เองเขาเพิ่งรู้ว่าที่แท้แม่ของเขาไม่ได้อ่อนโยนใจดีเหมือนที่เคยแสดงให้เห็น…


ฉางชิงซงหัวเราะเยาะตัวเองและได้สติเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาไม่มีทางฟังคำบงการของแม่หรอก หากทำเช่นนั้นจริง ๆ เขาจะยังเป็นผู้ชายอยู่อีกหรือ?


อย่าว่าแต่พวกจ้าวเหมยเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดูถูกเขาเลย แม้แต่ตัวเขายังดูถูกตัวเองเลย!


“พ่อ แม่ พ่อแม่กลับไปก่อนเถอะ พ่อยังต้องทำงาน อย่าทำให้ต้องเสียงานเลยนะ” ฉางชิงซงเอ่ยขึ้นกะทันหัน


คุณแม่ฉางไม่ยอม “ให้พ่อแกกลับไปก่อน ฉันจะอยู่ต่อรองกับแก เหอะ ถ้าพ่อแม่ฉีฉีเก๋อไม่ตกลงฉันจะไปนั่งร้องไห้หน้าประตูโรงพยาบาล”


ฉางชิงซงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ความต้องการที่จะส่งแม่กลับไปทวีความรุนแรงขึ้น เขาเตรียมตั้งหลักปักฐานใช้ชีวิตในเมืองหลวง ฉะนั้นจะปล่อยให้แม่ทำให้อับอายขายหน้าไม่ได้ เขายังต้องรักษาหน้าไว้อยู่!


“แม่ไม่กลับไปแล้วใครจะทำกับข้าวให้พ่อทาน? กลับไปเถอะ ผมจะแต่งฉีฉีเก๋อเข้าบ้านแน่นอน” ฉางชิงซงรับปาก


คุณแม่ฉางร้อนใจ “แล้วค่าสินเดิมล่ะ?”


เธอไม่สนใจหรอกว่าฉีฉีเก๋อจะยอมแต่งงานหรือไม่ เธอสนใจเงินค่าสินเดิมต่างหาก นั่นเป็นหลักประกันชีวิตสวยหรูภายภาคหน้าของเธอเชียวนะ!


ฉางชิงซงย่นคิ้วเล็กน้อย แม้จะไม่พอใจในตัวแม่ขนาดไหนแต่อย่างไรก็เป็นแม่ที่ให้ความเคารพมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยพูดจารุนแรงใส่เลยตอบรับส่ง ๆไป “ผมจะพูดเอง วางใจเถอะ!”


ตอนที่ 2219 เธอก็คือเจ้าหญิงนั่นแหละ


ฉางชิงซงซื้อตั๋วรถไฟให้กลับในวันนั้นเลย ทั้งยังแอบกำชับพ่อให้เขาดูภรรยาให้ดีอย่าปล่อยเธอออกมา


เพียงแต่เขายังไม่รู้จักพ่อแม่ของตัวเองดีนัก หากปกติพ่อคุมภรรยาอยู่คุณแม่ฉางจะนิสัยแบบนี้ได้หรือ?


ก่อนขึ้นรถไฟคุณแม่ฉางทำท่าอาลัยอาวรณ์ บอกตามตรงเธอไม่อยากกลับไปเลยจริง ๆ เมืองหลวงดีจะตาย เมืองหลวงใหญ่โตที่จะว่าไปคนก็ดูมีหน้ามีตากันทั้งนั้น นับตั้งแต่ฉางชิงซงอยู่ทำงานต่อที่เมืองหลวง เวลาเธอออกจากบ้านทีไรก็เดินเชิดหน้าเชิดตา ใครต่อใครเห็นเธอก็ต้องเข้ามาพูดประจบประแจงกันทั้งสิ้น


คุณแม่ฉางนึกดีใจอีกครั้ง ขอเพียงฉีฉีเก๋อแต่งงานเอาเงินค่าสินเดิมเข้าบ้าน เธอก็จะรีบย้ายมาอยู่ด้วยกันทันที อำเภอเล็ก ๆเก่าคร่ำครึที่บ้านเกิดนั่นเธออยู่จนเอียนแล้ว


“ชิงซง บ้านต้องเป็นบ้านแนวยุโรปมีสวนดอกไม้ในตัวด้วยนะ ขนาดต้องกว้างให้พอทั้งครอบครัวเราอยู่ แล้วต้องมีห้องรับแขกเยอะ ๆ เผื่อญาติที่บ้านเกิดมาพักอาศัย แล้วก็รถอย่าซื้อยี่ห้อสวาแกนนะ เราต้องซื้อของมีระดับ แม่ได้ยินว่ารถโตโยต้าหรูหรา ซื้ออันนั้นแหละ แล้วก็…”


คุณแม่ฉางยิ่งคิดยิ่งไม่วางใจ ไม่มีเธออยู่ชี้แนะไม่รู้ว่าลูกชายจะจัดการได้หรือเปล่า?


“หรือว่าแม่อยู่ต่อดีกว่า ให้พ่อของแกไปทานข้าวที่โรงอาหาร”


คุณแม่ฉางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ ตาแก่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีทานอะไรก็ได้ ตอนนี้เรื่องของลูกชายสำคัญกว่า เธอจะประมาทไม่ได้


“แม่ไม่ไว้ใจจริง ๆ เพื่อนตัวแสบสองคนนั่นของฉีฉีเก๋อไม่ใช่คนดี อย่าให้ย้อนกลับไปเป่าหูฉีฉีเก๋ออีก ไม่ได้การ…แม่ต้องอยู่คิดแผนให้แก”


คุณแม่ฉางยิ่งคิดยิ่งไม่วางใจ แม่ตัวอ้วนกับยัยตัวดีนั่นไม่ใช่คนดีอะไร ต้องมาป่วนจนเรื่องพังอีกแน่ ๆ


ฉางชิงซงปวดศีรษะแทบระเบิด ไม่เอ่ยถึงจ้าวเหมยยังพอปล่อยผ่านไปได้ พอเอ่ยถึงเขาก็มีน้ำโหขึ้นมาทันที


“แม่ แม่อย่าพูดซี้ซั้วนะ รู้ไหมว่าทำไมผมถึงรีบส่งแม่กับพ่อกลับบ้าน? ก็เพราะแม่ผลักเพื่อนของฉีฉีเก๋อไง ถือโอกาสตอนที่แฟนของเธอยังไม่รู้พ่อกับแม่รีบกลับไปเถอะ ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้กลับไปอีกหรือเปล่า?”


ฉางชิงซงจงใจพูดให้แม่ของเขากลัวแต่ก็ใช่ว่าจะจงใจทั้งหมด เขากังวลจริง ๆว่าถ้าเหยียนหมิงซุ่นรับรู้เรื่องจ้าวเหมยเกือบถูกแม่ของตนผลักจนล้มเข้า เขาจะปล่อยแม่เขาไปหรือไม่?


รีบส่งกลับไปแต่เนิ่น ๆจะสบายใจกว่า!


ในเมื่อเป็นแม่ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขามา เขาก็หวังอยากให้เธอมีชีวิตที่ดี


คุณแม่ฉางเบะปากอย่างไม่ใส่ใจ “แกคิดว่าแม่เป็นยายแก่บ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนเหรอ ยัยตัวดีนั่นเป็นเจ้าหญิงหรือไง? ทำไมฉันจะว่าไม่ได้”


ฉางชิงซงแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “ก็เจ้าหญิงน่ะสิ พ่อของเธอเป็นข้าราชการระดับสูง แม่เป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยของเรา แล้วยังเป็นศิลปินชื่อดังระดับโลกด้วย”


เขาพูดไปประโยคหนึ่งคุณพ่อฉางก็สะดุ้งทีหนึ่ง แม่เจ้า มีแต่คนใหญ่คนโตที่เขาแทบไม่กล้าล่วงเกินทั้งนั้น!


คุณแม่ฉางแสร้งทำท่าใจเย็น “ข้าราชการระดับสูงแล้วอย่างไรล่ะ ข้าราชการระดับสูงคงฝ่าฝืนกฎหมายไม่ได้มั้ง?”


ฉางชิงซงแค่นหัวเราะอีกทีพลางกล่าว “นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สามีของเธอต่างหากข้าราชการระดับสูงของจริง ช่างเถอะ บอกไปแม่ก็ไม่รู้จัก อย่างไรเสียแม่แค่รู้ไว้ว่ายัยตัวดีที่แม่ว่าแม้แต่นายอำเภอของเราก็ไม่กล้าหาเรื่องด้วย ถ้าเผลอหาเรื่องเมื่อไรก็ตายสถานเดียว ทีนี้แม่รู้ผลที่ตามมาแล้วสินะ!”


พอคุณแม่ฉางเห็นว่าลูกชายไม่เหมือนกำลังพูดเล่นถึงได้ชักกลัวขึ้นมาจริง ๆแล้ว พอนึกถึงสายตาที่ป้าฟางมองเธอเมื่อช่วงเช้าบวกกับคำพูดเหล่านั้นก็ตัวสั่นระริกอย่างอดไม่ได้


“แล้ว…แล้วแม่จะโดนจับหรือเปล่า…” คุณแม่ฉางตกใจจนหน้าซีดเผือด ถ้ารู้แต่แรกว่ายัยตัวดีนั่นมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่กล้าไปมีเรื่องด้วยหรอก!


……………………….


ตอนที่ 2220 รักแรกยากที่จะลืม


“อย่างไรเสียแม่กับพ่อรีบกลับไปดีกว่า อนาคตก็อย่ามาเหยียบเมืองหลวงอีก เพื่อลดปัญหาสร้างเรื่องเดือดร้อนถึงผม เผลอ ๆผมอาจจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ด้วยซ้ำ”


ฉางชิงซงลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ในที่สุดก็หลอกแม่เขาให้กลัวได้สำเร็จ


พอคุณพ่อฉางได้ยินว่าจะเดือดร้อนถึงลูกชายพลันสีหน้าก็จริงจังขึ้น ฉุดแขนภรรยาเตรียมเดินเข้าสถานีรถไฟก่อนจะตะโกนกล่าวต่อฉางชิงซงว่า “พ่อจะพาแม่ของแกกลับบ้านเดี๋ยวนี้ แกอยู่นี่ก็ตั้งใจทำงานคุยกับชิ่นเจียดี ๆ ส่วนฉีฉีเก๋อก็ปฏิบัติกับเธอให้ดีล่ะ…”


“ผมรู้ครับ…”


ฉางชิงซงพยักหน้ารับ ไม่ต้องให้พ่อของเขากำชับเขาก็จะดูแลฉีฉีเก๋อดี ๆอยู่แล้ว เขาจะใช้ความจริงใจทำให้พ่อแม่ฉีฉีเก๋อยอมใจอ่อนจนพวกเขาอนุญาตให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา!


เหมยเหมยเจอเรื่องน่าตกใจจากโรงพยาบาลมาก็ไม่กล้าไปสนใจเรื่องวุ่นวายนี้อีก เธอย้ำกับป้าฟางว่าอย่าบอกเรื่องที่โรงพยาบาลให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ ไม่อย่างนั้นเหยียนหมิงซุ่นต้องบ่นเธออีกแน่


เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าป้าฟางจะไม่รายงานเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไร เพิ่งถึงบ้านก็รายงานไปทุกรายละเอียด แต่เหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเหมยเหมยไม่เป็นไร อีกทั้งภายหลังยังอยู่แต่ในบ้านด้วยท่าทีสำนึกผิด เขาจึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไป


แม้เหมยเหมยไม่ออกไปไหนแต่กลับรู้เรื่องที่โรงพยาบาลทุกอย่างเพราะมีโทรโข่งอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ เธอไปโรงพยาบาลทุกวันจากนั้นก็จะเอามารายงานให้ฟังถึงบ้าน


“ฉางชิงซงโน้มน้าวให้พ่อแม่เขากลับบ้านไปแล้วในวันนั้นนั่นแหละ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานแตงโมไปเอ่ยไป


เหมยเหมยเลิกคิ้วอย่างเหนือคาด “งั้นฉางชิงซงก็ยังใช้ได้อยู่หน่อยละนะ”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นหัวเราะทีหนึ่ง คายเม็ดแตงโมออกมาพลางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “นั่นเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว พ่อแม่ไร้คุณธรรมของเขา เขาไม่ตามล้างตามเช็ดแล้วใครจะทำแทน? พูดถึงเรื่องนี้แล้วฉันก็โมโห ฉีฉีเก๋อน้ำเข้าสมองชัด ๆ เมื่อก่อนยังเคยอวดต่อหน้าฉันว่าพ่อแม่ฉางชิงซงดีกับเธอมากแค่ไหน ให้ตายสิ…


ยัยปีศาจแก่นั่นฉันแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร ตาเรียวคิ้วโก่งปากบางโหนกแก้มสูง หน้าไม่มีเนื้อหนังอะไรด้วยซ้ำ ลักษณะใบหน้าแบบนั่นแค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนใจแคบ ความคิดชั่วร้าย ต่อให้ลูกชายของเธอเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกฉันก็ไม่คิดจะแต่งด้วยหรอกนะ!”


ป้าฟางยกผลไม้น้ำแข็งไสที่ทำเองมาให้เหมยเหมยจานเล็ก แต่ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับเป็นจานยักษ์ แตงโมสีแดง มะม่วงสัปปะรดสีเหลืองแล้วก็แอปเปิ้ลองุ่น…เทน้ำแข็งละเอียดลงไป สีสันสดใสที่มองก็รู้สึกเจริญอาหารแล้ว


“เชี่ยนเชี่ยนพูดไม่ผิด มีแม่สามีแบบนี้จะแต่งด้วยไม่ได้เด็ดขาด ยอมโสดตลอดชีวิตยังดีกว่า” ป้าฟางเห็นด้วยกับความคิดของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน


เหมยเหมยทานน้ำแข็งไสคำเล็กคำน้อย ส่ายศีรษะกล่าว “แต่งไม่แต่งใช่ว่าเราจะตัดสินใจได้ ต้องขึ้นอยู่กับฉีฉีเก๋อ”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้าบึ้งขึ้นมาทันที ก็นั่นน่ะสิ!


“ฉีฉีเก๋อเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” เหมยเหมยถามด้วยความห่วงใย


“น่าจะใกล้หายดีแล้ว คุณหมอบอกว่าถ้าวันนี้ตรวจร่างกายเสร็จแล้วไม่มีปัญหาอะไรก็ออกจากโรงพยาบาลได้”


“แล้วฉีฉีเก๋อคิดอย่างไรต่อ?”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยักไหล่ “ใครจะรู้ล่ะ? แม่นี่ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำตั้งแต่เช้า ทำเอาฉันร้อนใจแทบแย่”


เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หน้าตาและความสามารถของฉางชิงซงเป็นที่โดดเด่นก็จริง ฉีฉีเก๋อรักเขาจนยากจะถอนตัวนั่นก็พอเข้าใจได้ อีกอย่างเป็นรักแรกของเธออีกต่างหาก ใช่ว่าจะตัดใจง่าย ๆอย่างที่พูดได้เสียที่ไหนล่ะ?


วันเวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งวันพรุ่งนี้ก็เป็นวันจบการศึกษาแล้ว สุขภาพของฉีฉีเก๋อหายดีเป็นปกติ เพียงแต่พูดน้อยลงไปมาก ลุงปาเกินหาเวลาว่างกลับไปที่ฟาร์มม้าหลายครั้ง โดยให้คุณแม่พี่รองและพี่สะใภ้รองอยู่ดูแลเธอที่เมืองหลวงตั้งแต่นั้นมา


“แม่ พี่รอง พี่สะใภ้รอง ให้หนูคลอดเด็กคนนี้เถอะ หนูทำใจไม่ได้…”


ยามเช้าตรู่แสงอาทิตย์สีทองอร่ามสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างกระทบลงบนใบหน้าซีดเซียวของฉีฉีเก๋อ ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอเบ้าแต่สีหน้ากลับหนักแน่นผิดปกติ


ตอนที่ 2221 ฉันท้องแล้วจริงๆ


พิธีจบการศึกษาเริ่มขึ้นอย่างคึกคักในหอประชุมของโรงเรียน ครูใหญ่และอาจารย์หลายท่านต่างก็มาเข้าร่วม ใบหน้าทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นที่ยังหางานไม่ได้ก็ยังฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย


บรรยากาศในหอประชุมทั้งอบอุ่นและเศร้าสร้อยไปในเวลาเดียวกัน เพราะหลังจากวันนี้ไปพวกเขาต้องจากลากันและออกจากมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนมาสี่ปีสู่สังคมที่ไม่รู้จักและวุ่นวายจริง ๆ


อนาคตจะเป็นเช่นไร ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น!


ฉีฉีเก๋อก็มาเข้าร่วมพิธีจบการศึกษาด้วย เธอผอมลงไปมาก ดูอ่อนแอลง มีรอยแดงข้อมือข้างซ้ายที่ยังไม่หายเป็นปกติดี


ฉางชิงซงเองก็มาด้วย ดูแล้วหลายวันมานี้เขาเองก็ไม่ค่อยดีนัก หนวดเครารุงรัง เบ้าตาลึก ดูซีดเซียวโรยราลงมาก


เขาตั้งใจลางานมาเพราะปกติพี่รองและพี่สะใภ้รองจะจับตาดูอย่างใกล้ชิด เขาจึงไม่มีโอกาสได้เจอฉีฉีเก๋อเลย


ฉีฉีเก๋อเห็นฉางชิงซงดวงตาก็เปล่งประกายแต่ในไม่ช้าก็สลดลง จนถึงตอนนี้พ่อของเธอก็ยังไม่ยอมรับ พ่อแค่ยอมให้เธอให้กำเนิดลูกได้แต่ไม่เห็นด้วยกับการที่เธอจะแต่งงานกับรุ่นพี่ฉาง


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้วพูดด้วยท่าทีดุดันว่า “เธอหลาบจำหน่อยเถอะ แม่ของฉางชิงซงเป็นยัยปีศาจแก่ชั่วร้าย ถ้าเธอยังรั้นอยากจะแต่งงานเข้าไปในขุมนรกอย่างตระกูลฉางขนาดนั้นละก็ฉันจะตัดความสัมพันธ์กับเธอ วันนี้ฉันขอพูดไว้ตรงนี้เลย!”


มุมปากของฉีฉีเก๋อปรากฎรอยยิ้มเศร้าเจื่อน ในใจขมขื่นยิ่งกว่ากินหวงเหลียน


ทุกคนต่างก็คัดค้านต่อต้านเรื่องที่เธอจะแต่งงานกับรุ่นพี่ฉาง หรือว่าเธอทำผิดไปแล้วจริง ๆ?


“ถ้าพ่อของฉันไม่เห็นด้วย ฉันก็แต่งไม่ได้หรอก” ฉีฉีเก๋อรู้สึกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง พ่อยอมตกลงให้เธอคลอดลูกได้ก็นับว่าเป็นการยอมอย่างถึงที่สุดแล้ว


หลายวันมานี้พี่รองและพี่สะใภ้รองของเธอด่าเธออยู่ทุกวัน บอกว่าเธอสมองเลอะเลือนแยกแยะดีชั่วไม่เป็น อีกทั้งยังพูดจาเกรี้ยวกราดเช่นเดียวกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ถ้าเธอแต่งงานกับรุ่นพี่ฉางก็ไม่ต้องมานับพวกเขาเป็นพี่ชายและพี่สะใภ้อีก


ฉีฉีเก๋อทุกข์ใจมากราวกับหัวใจโดนมีดกรีดแทง เหมือนกับว่ากำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ในขุมนรก เจ็บปวดใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป


เธอชอบรุ่นพี่ฉางแต่เธอก็รักครอบครัว เธอไม่อยากเสียใครไปทั้งนั้น!


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ “แบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก ทำไมต้องหลงชิงซงหัวปักหัวปำขนาดนั้นด้วย วันหลังพวกเราค่อยหาคนดี ๆใหม่แล้วกันเนอะ”


ฉีฉีเก๋อส่งเสียงหัวเราะอย่างขมขื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เธอรู้สึกนิ่งสงบเหมือนน้ำ เหมือนหญิงแก่อายุ 80 ปีก็ไม่ปาน ไม่คาดหวังกับความรักอีกต่อไปแล้ว เธอแค่อยากเลี้ยงลูกให้ดี เคารพเชื่อฟังพ่อแม่และใช้ชีวิตอย่างสงบสุข


เหมยเหมยถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร บนเวทีเรียกชื่อของเธอเพื่อให้เธอขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ในงาน


เธอเป็นตัวแทนของบัณฑิตดีเด่นประจำปีนี้ เธอเตรียมบทพูดเอาไว้แล้วแค่สรุปสั้น ๆไม่ได้พูดมากจนเกินไป รวมถึงกล่าววิสัยทัศน์ในอนาคต แถมยังตบท้ายด้วยคำเยินยอเล็กน้อยให้แก่เหล่าคณะอาจารย์


พอกล่าวสุนทรพจน์สั้น ๆเสร็จ ขณะที่เหมยเหมยกำลังจะก้าวลงจากเวที ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนมาจากล่างเวทีว่า “จ้าวเหมย เรื่องที่เธอท้องก่อนแต่งเป็นความจริงหรือเปล่า?”


เสียงแหลมสูงจนเห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงดัดจึงแยกไม่ได้ว่าเป็นชายหรือหญิง หลังจากเสียงนี้ดังขึ้นทั้งหอประชุมก็เงียบสงัดและพากันตกตะลึง


บัณฑิตดีเด่นท้องก่อนแต่ง?


เรื่องผิดศีลธรรมนี่เป็นปัญหาในการใช้ชีวิตที่ร้ายแรงมากเลยนะ!


ถ้าหากเป็นเรื่องจริง นักเรียนแบบนี้จะมีคุณสมบัติได้เป็นบัณฑิตดีเด่นได้อย่างไร?


หรือว่าทางโรงเรียนไม่มีการดำเนินการตรวจสอบล่วงหน้าเลยเหรอ?


เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น ถึงแม้ว่าเรื่องที่ท้องเธอจะไม่ได้ปิดบังแต่คนที่รู้ก็มีไม่มาก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อคงเป็นไปไม่ได้ ส่วนฉางชิงซงก็คงจะไม่ทำเรื่องชั่วช้าขนาดนี้


ตอนนี้เหมยเหมยไม่มีเวลามาคิดหาผู้ต้องสงสัย เหมยเหมยชักเท้ากลับเลื่อนไมโครโฟนมาตรงหน้าอีกครั้ง แล้วยอมรับอย่างเปิดเผย “ใช่แล้วค่ะ ฉันท้องได้เดือนครึ่งแล้ว”


…………………………………………..


ตอนที่ 2222 เปิดเผยต่อสาธารณะว่าแต่งงานแล้ว


“ซุบซิบ”


เหล่าอาจารย์และนักศึกษาต่างอ้าปากค้าง ดาวมหาลัยช่างใจกล้าจริง ๆ หรือว่าเป็นเพราะได้รับใบปริญญาแล้วถึงได้ไม่กลัวเกรงอะไรทั้งนั้น?


“ยังไม่แต่งงานก็ท้องแล้ว หน้าไม่อายจริง ๆ เธอมีคุณสมบัติอะไรมาเป็นบัณฑิตดีเด่น?” เสียงก่อนหน้านั้นพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับเปลี่ยนตำแหน่ง นี่แสดงให้เห็นว่าคน ๆนี้เจ้าเล่ห์ไม่เบา


นักศึกษาส่วนใหญ่ต่างก็พยักหน้า ไม่ใช่หรือไง ใช้ชีวิตได้อย่างน่าไม่อายที่สุด แบบนี้มีสิทธิ์อะไรมาเป็นบัณฑิตดีเด่น?


อย่าดูถูกตำแหน่งบัณฑิตดีเด่นมากเกินไป ความสำคัญของบัณฑิตดีเด่นของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงนั้นสูงส่งมาก หากได้รับเลือกเป็นถึงบัณฑิตดีเด่นแปดถึงเก้าส่วนก็สามารถอยู่ที่เมืองหลวงต่อไปได้แล้ว ปีที่แล้วฉางชิงซงก็ได้อยู่เมืองหลวงต่อเพราะแบบนี้


ดังนั้นพอเหมยเหมยได้รับเลือกเป็นบัณฑิตดีเด่นก็เท่ากับว่าได้รับโควต้าในการอยู่เมืองหลวง ไม่รู้ว่ามีคนอิจฉาตั้งเท่าไร!


“ยกเลิกตำแหน่งบัณฑิตดีเด่นของจ้าวเหมยซะ เธอไม่คู่ควรสักนิด!”


เสียงดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้ทิศทางเปลี่ยนไป เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนด่ากราดออกมา เธอเริ่มหาตัวคนปล่อยข่าวตั้งแต่โพล่งขึ้นมาครั้งแรกแล้ว แต่คนในหอประชุมมีมากแน่นขนัดเกินไป แถมคน ๆนั้นยังผลุบ ๆโผล่ ๆจึงจับตัวไม่ได้


หอประชุมเริ่มชุลมุน นักศึกษาหลายคนถูกปลุกปั่นอารมณ์ด้วยเสียงนี้ โดยเฉพาะนักศึกษาที่ละทิ้งบ้านเกิดมาที่เมืองหลวงแต่ยังหางานไม่ได้ พวกเขาได้ลิ้มรสความทุกข์ทรมานของสังคมนี้เป็นครั้งแรก ในใจจึงรู้สึกได้รับความไม่ยุติธรรม พวกเขาต้องการหาที่ระบายอารมณ์อย่างเร่งด่วน


ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงร่วมกันโห่ร้อง นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องเช่นนี้ในพิธีจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง อธิการบดีหน้าขรึมเตรียมสั่งให้ทุกคนอยู่ในความสงบ


เหมยเหมยหัวเราะเยาะเสียงเบา พูดเสียงดังใส่ไมโครโฟนว่า “ฉันไม่รู้ว่าเพื่อนที่ไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หน้าคนนี้เป็นใคร แต่ฉันมั่นใจว่าคุณคือคนที่ฉันรู้จักและคุณอิจฉาฉันมาก ๆ”


เธอพูดต่ออย่างรวดเร็ว “เมื่อครู่ฉันยังพูดไม่ทันจบก็ถูกขัดจังหวะโดยเพื่อนที่อิจฉาฉัน ตอนนี้ฉันจะพูดให้ฟังอีกรอบ โปรดฟังให้ดีนะคะ ฉันแต่งงานเมื่อสองปีที่แล้ว ในเมื่อฉันเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วย่อมมีสิทธิ์ในเรื่องนี้ ซึ่งถูกต้องทั้งทางกฎหมายและสมเหตุสมผล แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับคุณด้วย?”


นักศึกษาด้านล่างเวทีต่างตะลึงงันไป ดาวมหาวิทยาลัยแต่งงานแล้วเหรอ?


ข่าวนี้น่าตื่นเต้นกว่าเรื่องเธอท้องอีก!


“นักศึกษาไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงาน เธอกำลังหลอกเด็กอายุสามขวบอยู่หรือไง?” เสียงลึกลับดังขึ้นอีกครั้ง แถมยังเปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลา


เหมยเหมยชี้ไปที่อธิการบดีและกล่าวขึ้นว่า “เรื่องสถานะการแต่งงานของฉันได้รายงานไปทางมหาวิทยาลัยแล้ว ในเมื่อเพื่อนคนนี้ยังกัดไม่ปล่อย ฉันคงทำได้แค่ขอเชิญให้อธิการบดีช่วยยืนยันแล้วล่ะ”


อธิการบดีก่นด่าคนลึกลับนี่ในใจ ขนาดเรียนจบแล้วยังไม่เจียมตัวป่วนไปทั่ว ถ้าหากเขารู้ว่าเป็นใครจะยึดใบจบการศึกษาของเธอเสีย!


“คุณจ้าวเหมยไม่ได้พูดโกหก เมื่อสองปีก่อนเธอแต่งงานแล้วจริง ๆ เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ขอให้พวกเราแสดงความยินดีกับจ้าวเหมยที่จะให้กำเนิดลูกในเร็ววันนี้ด้วย!”


อธิการบดีปรบมือหลังจากพูดจบ คณะอาจารย์และนักศึกษาคนอื่น ๆต่างก็งงงันกันไปหมดและปรบมือตามโดยไม่รู้ตัว เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วหอประชุม ปัญหาเรื่องท้องก็ถูกอธิการบดีปัดจบไปเช่นนี้


สมกับที่เป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยชื่อดัง จัดการได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ!


เหมยเหมยเดินลงมาจากเวทีและได้รับความสนใจจากเพื่อน ๆมาตลอดทาง มีทั้งคนที่อิจฉา ทั้งริษยา และโกรธปะปนกันไป


พวกเขาพยายามเรียนอย่างหนักเพื่อสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดี ๆ แต่จ้าวเหมยมีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว


ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในฝัน แต่กลับไม่สามารถหายใจได้ทั่วท้องเลยเพราะชีวิตการทำงานยังอีกยาวไกล แต่อาชีพการงานของจ้าวเหมยกลับก้าวหน้าไปไกลแล้ว


ในที่สุดก็จบการศึกษาและยังได้ทำงานตำแหน่งในฝัน พวกเขาอยากเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานจึงพยายามทำงานหนักให้สุดชีวิต วางรากฐานที่มั่นคงเพื่อครอบครัวในอนาคตแต่จ้าวเหมยกลับแต่งงานมีลูกแล้ว


ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามหนักมากแค่ไหน ต่อสู้อย่างสุดชีวิตมากแค่ไหนแต่ก็มักจะช้ากว่าคนอื่นก้าวใหญก้าวหนึ่งเสมอ


ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง!


ทั้งชีวิตนี้ช่องว่างระหว่างพวกเขาคงก้าวข้ามผ่านไปไม่ได้แน่!


ช่างบีบหัวใจเหลือเกิน!


ตอนที่ 2223 งานพิธีจบการศึกษาที่ไม่สงบ


เหมยเหมยไม่สนใจสายตาคนพวกนี้ ความสำเร็จในปัจจุบันของเธอเกี่ยวข้องกับพ่อแม่และเหยียนหมิงซุ่นก็จริงแต่เธอเองก็ทำงานหนักเช่นกัน เธอมักจะทำงานจนถึงเที่ยงคืนเพื่อเร่งต้นฉบับ และบางทีก็กังวลเกี่ยวกับการเขียนพล็อตเรื่อง…


แถมจำเป็นต้องอ่านหนังสือเพื่อเติมไฟให้ตนเองอยู่เสมอ…


คนส่วนใหญ่มักจะพูดจาเสียดสีว่าเธออาศัยพื้นฐานครอบครัวถึงได้ประสบความสำเร็จอย่างในทุกวันนี้ แต่คนเหล่านี้กลับมองไม่เห็นความพยายามของเธอเลย


ถ้าหากเธอดีแต่เปลือกจริง ๆ ต่อให้ขึ้นไปอยู่ตำแหน่งสูง ๆ ไม่ช้าก็เร็วคงตกลงมาอยู่ดี


โอหยางซานซานก็เป็นกรณีตัวอย่างให้เห็นแล้วไม่ใช่หรือไง!


พวกชอบพูดจาแดกดันแบบนี้ เหมยเหมยอยากจะพูดสักประโยคใส่หน้าพวกเขาจริง ๆ——


ภูมิหลังครอบครัวดีกว่าพวกเธอและยังพยายามมากกว่าพวกเธอ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาโทษฉัน?


เธอเดินไปข้างกายเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ถามเสียงเบาว่า “หาคน ๆนั้นเจอไหม?”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนส่ายศีรษะอย่างโมโห “ไอ้นั่นเจ้าเล่ห์มากเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อย ๆ หาไม่เจอเลย”


“อันที่จริงฉันรู้แล้วล่ะว่าเป็นใคร” เหมยเหมยส่งเสียงยิ้มเยาะ ตอนนี้เธอสงบสติอารมณ์ลงแล้ว แค่ใช้เหตุผลก็พอจะนึกออกได้


คนที่รู้ว่าเธอท้องมีอยู่ไม่กี่คน ตัดคนที่ไม่มีทางเป็นไปได้ออก คนที่เหลือก็คือคนที่น่าสงสัยไงล่ะ


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบถาม “ใคร…เธออย่าเพิ่งบอก ฉันว่าฉันก็พอจะรู้แล้วว่าเป็นใคร…บ้าเอ๊ย นังสารเลว ใจกล้าไม่เบานี่นา!”


ฉีฉีเก๋อเดาไม่ออกจึงถามอย่างร้อนใจ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตามองบนใส่เธอ “เธอลองคิดดูดี ๆว่าคนที่รู้ว่าเหมยเหมยท้องมีกี่คน ยกเว้นเราสองคนก็เหลือฉางชิงซงกับอิงจวี้กัง ดังนั้นพวกเราตัดทิ้งไปได้เลย งั้นก็เหลือแค่คน ๆเดียวแล้ว”


“ยังมีใครที่รู้เรื่องเหมยเหมยท้องอีก? อ้อ…ฉันนึกออกแล้ว…ที่แท้ก็เป็นเธอนี่เอง…คน ๆนี้ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ!”


พอฉีฉีเก๋อนึกออกก็โมโหเป็นอย่างมาก เกลียดที่สุดไอ้พวกต่ำทรามแบบนี้


“ฉันจะไปจัดการสั่งสอนนังสารเลวนั่นตอนนี้แหละ เอาให้ตายไปเลย!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพับแขนเสื้อขึ้นเตรียมยกเท้าพุ่งพรวดออกไปแต่โดนเหมยเหมยดึงตัวเอาไว้ก่อน “พวกเราไม่มีหลักฐาน เธอไม่ยอมรับแน่นอน ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างพิธีจบการศึกษาพวกเราอย่าเพิ่งสร้างปัญหาจะดีกว่า รอพิธีจบก่อนแล้วค่อยว่ากัน”


“ก็ใช่ นังสารเลวนี่อยู่เมืองหลวงต่อ ฉะนั้นยังมีโอกาสได้สั่งสอนเธอแน่นอน!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอยกลับ เธอแอบวางแผนว่าจะโทรหาเพื่อนสักสองสามคนให้จับนังสารเลวนั่นใส่กระสอบมาระบายอารมณ์สักหน่อย จากนั้นค่อยสอนหลักการพื้นฐานความเป็นมนุษย์ให้เธอ


ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องชุลมุนขึ้นแทรกระหว่างพิธีจบการศึกษาแต่งานก็จบลงอย่างสมบูรณ์ ทุกคนออกจากหอประชุม พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ด้านนอกหอประชุมคึกคักเป็นอย่างมาก


พวกเหมยเหมยและเพื่อนร่วมชั้นต่างถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน เจียงจื้อหรู่ก็มาด้วย ในเวลาสองปีเขาเปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด ดูเหมือนจะแก่ขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบปี ไร้ซึ่งท่วงท่าอันสง่างามในเวลานั้นอย่างสิ้นเชิง


เหล่าอาจารย์ของคณะต่างถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน แม้แต่อธิการบดีก็มาด้วยจึงทำให้นักศึกษาทุกคนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ภาพถ่ายจบการศึกษาใช่ว่าจะสามารถเชิญอธิการบดีมาร่วมถ่ายภาพได้ทุกปี


“ยิ้ม…”


ช่างภาพกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่กำลังจะกดชัตเตอร์ อยู่ดี ๆก็มีเงาดำพุ่งเข้ามาจนเกือบชนช่างภาพล้ม


“ถังม่านลี่ หากเธอไม่แต่งงานกับฉัน ฉันก็จะลากเธอตายไปด้วยกันนี่แหละ!”


ผู้ชายที่พุ่งเข้ามาเป็นชายหนุ่มร่างกำยำคนหนึ่ง หน้าอกสะพายกระเป๋าสีเขียวลายทหารดูพอง ๆ หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าท่าทางดูเคร่งเครียดมากแถมพุ่งมาทางด้านหน้าพวกเหมยเหมย


เหมยเหมยอดขมวดคิ้วไม่ได้ เธอรู้จักผู้ชายคนนี้ เขาคือผู้ชายที่เคยมาหาถังม่านลี่ ตามที่สีอันน่าพูดเหมือนว่าจะเป็นคู่หมั้นของเธอ


ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ?


แล้วที่เขาพูดว่าตายไปด้วยกันหมายความว่าอย่างไร?


ในใจของเหมยเหมยเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก งานจบการศึกษาในวันนี้ช่างไม่สงบสุขเอาเสียเลย!


…………………………………………..


ตอนที่ 2224 ตายไปพร้อมกัน


อาจารย์และนักศึกษาต่างตกใจกับชายที่จู่ ๆวิ่งพุ่งพรวดเข้ามา ตอนแรกทุกคนต่างพากันตกใจแต่พอได้ยินผู้ชายคนนี้พูดว่าจะตายไปด้วยกันก็หน้าถอดสีกันยกใหญ่ พร้อมกับจ้องไปที่กระเป๋าบนหน้าอกของชายคนนั้น


กระเป๋านูนออกมา ข้างในนั้นน่าจะใส่ของไว้ไม่น้อย หลังจากที่ชายคนนั้นเข้ามาใกล้ก็ได้กลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า


“แย่แล้ว ข้างในคือระเบิด!” มีคนตะโกนขึ้น


“อ๊าก…”


ทันใดนั้นพวกนักศึกษาก็พากันแตกตื่น นักศึกษาหญิงสีหน้าเปลี่ยนและขาสั่นไปหมด


“ทั้งหมดอย่าขยับ…ถ้าขยับฉันจะดึงสลักออก…”


ผู้ชายคนนั้นตะโกนขึ้นมา ท่าทางจริงจังยิ่งกว่าเดิม พอเปิดกระเป๋าที่หน้าอกก็ปรากฏให้เห็นระเบิดที่ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน เขาจับสลักไว้แน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดขึ้นมา นั่นบ่งบอกว่าเขามีอาการตึงเครียดมากกว่าคนอื่น ๆ


แต่นี่ก็หมายความว่าสถานการณ์นี้อันตรายมาก ๆ หากสายลมพัดต้นหญ้าเบา ๆก็อาจทำให้ผู้ชายคนนี้ตื่นตระหนกขึ้นมา หากเผลอดึงสลักขึ้นมากระเป๋าใบใหญ่ขนาดนี้** ผลที่ตามมาอาจจะเหนือคาดได้


“นักศึกษาทุกคนสงบสติอารมณ์ก่อน อย่าตื่นตระหนก…และก็อย่าร้องไห้…ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกนะ…”


อธิการบดีพูดปลอบใจนักศึกษา เสียงของเขาทุ้มและทรงพลัง ในยามคับขันเช่นนี้ช่วยทำให้ทุกคนผ่อนคลายลงมาก เวลานี้นักศึกษาที่ตื่นตระหนกถึงตระหนักได้ว่าอธิการบดีอยู่กับพวกเขามาโดยตลอด ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกเหมือนมีเสาหลักให้พักพิงจึงค่อย ๆสงบลงแต่สีหน้ายังคงหวาดผวาอยู่


เหมยเหมยยืนอยู่แถวหน้าสุดและยังอยู่ตำแหน่ง C ซึ่งห่างจากชายคนนั้นเพียงไม่ถึงหนึ่งเมตรจึงได้กลิ่นเปรี้ยวเหงื่อและกลิ่นดินปืนบนตัวเขามาเตะจมูกพอดี


บนใบหน้าของผู้ชายคนนั้นผุดเหงื่อขึ้นเต็มใบหน้าและไหลหยดลงพื้นทีละเม็ด มือสั่นแรงมากจนทำให้ผู้คนกังวลว่าเขาอาจดึงสลักได้ทุกเมื่อ


บอดี้การ์ดสองคนที่เหยียนหมิงซุ่นส่งมาปกป้องเหมยเหมยค่อย ๆล้อมหลังเข้ามาแล้วซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ พวกเขาไม่ได้บุ่มบ่ามทำอะไรในทันที ตอนนี้ชายคนนี้อยู่ใกล้เหมยเหมยมากเกินไป พวกเขาไม่กล้าเสี่ยงใด ๆ


“ติดต่อคุณชายหมิงด่วน ให้คุณชายหมิงส่งคนมาเพิ่ม!”


บอดี้การ์ดที่มีอายุมากกว่าไม่กล้าชะล่าใจจึงสั่งเพื่อนร่วมงานของเขาให้ไปขอความช่วยเหลือจากคุณชายหมิง เขาจับจ้องชายคนนั้นไม่วางตา ตื่นเต้นจนหัวใจแทบพุ่งมาอยู่ที่คอหอย ต่อให้เขาต้องสละชีวิตในวันนี้ก็จะปล่อยให้นายหญิงเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด


เหมยเหมยสังเกตเห็นสองคนนี้จึงวางใจลงเล็กน้อย ทั้งยังส่งสัญญาณให้พวกเขาว่าอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ถ้ากระทำการโจมตีละก็จะต้องมีผู้เสียชีวิตแน่นอน เธอไม่อยากให้ตัวเองบาดเจ็บและไม่ต้องการให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บเช่นกัน


“พ่อหนุ่ม เธอมีความสัมพันธ์อะไรกับถังม่านลี่เหรอ?” อธิการบดียิ้มอย่างใจดี แต่ในใจกลับกำลังสาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง


กลับไปต้องหาซินแสมาดูหน่อยละว่าปีนี้มหาวิทยาลัยราหูอมหรือพระเสาร์แทรกอะไรหรือเปล่า? พิธีจบการศึกษาถึงได้วุ่นวายมากขนาดนี้ ถ้าเขาฆ่าคนขึ้นมาจริง ๆ ตำแหน่งอธิการบดีของเขาคงจบลงเพียงเท่านี้!


“เธอคือภรรยาของผม เราหมั้นกันแล้ว แถมยังยกน้ำชาไหว้ฟ้าดินกันในหมู่บ้านแล้วด้วย แต่ตอนนี้เธอดันไปพัวพันกับเสี่ยใหญ่เลยไม่ต้องการผมแล้ว!” สำเนียงบ้านนอกของผู้ชายคนนี้ชัดเจนมาก แต่อย่างน้อยก็ฟังพอเข้าใจ อธิการบดีด่าในใจอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง


บ้าเอ้ย นี่มันรักสามเศร้านี่หว่า!


“ฉันจ่ายเงินห้าหมื่นคืนครอบครัวของนายไปแล้ว…หวังเหลยนายยังต้องการอะไรอีก?” ถังม่านลี่ขึ้นเสียงสูง เพราะความสูงของเธอเลยได้ยืนอยู่แถวกลางซึ่งถือว่าปลอดภัยอยู่ เธอจึงไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนนักศึกษาคนอื่น ๆ


“นับภาษาอะไรกับเงินห้าหมื่น ถังม่านลี่เธอเลื่อนฉันมาหลายปีแล้ว เธอคิดว่าเอาเงินห้าหมื่นฟาดหัวแล้วเรื่องจะจบงั้นเหรอ? เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอทำงานสโมสรมีรายได้ตั้งหลายล้าน เธอหลอกฉันไม่ได้หรอก ฉันต้องการให้เธอมาเป็นภรรยาของฉัน ในเมื่อเธอเกิดมาเป็นคนของตระกูลหวัง งั้นตอนตายก็ต้องเป็นผีของตระกูลหวังด้วยแล้วกัน!”


ดวงตาสีแดงเลือดของหวังเหลยฉายความโลภออกมา ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและน่าเกลียด บีบสลักแน่นขึ้น เส้นเลือดที่หลังมือปูดขึ้นราวกับไส้เดือนก็มิปาน


ตอนที่ 2225 ตายไปพร้อมกับฉัน


พวกเหมยเหมยเลือกสถานที่ถ่ายภาพตรงสนามหญ้าหน้าหอประชุม ทิวทัศน์ของสถานที่แห่งนี้ดีที่สุดแล้ว ภาพหมู่จบปีการศึกษามักจะถ่ายกันที่นี่ ชั้นเรียนอื่น ๆจะแยกย้ายกันไปตามอัตโนมัติ หลังจากชั้นเรียนนี้ถ่ายภาพเสร็จ ชั้นเรียนอื่น ๆถึงจะมาถ่ายภาพต่อ


เวลานี้นักศึกษาในชั้นเรียนอื่น ๆต่างก็กังวลและหวาดกลัว แต่ก็แอบดีใจที่พวกเขาไม่ได้อยู่ชั้นเรียนเดียวกับถังม่านลี่ เลยไม่ต้องซวยไปด้วย!


พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปมุงดูแต่เลือกที่จะวิ่งปรู๊ดออกไปทันที เวลานี้หน้าหอประชุมจึงมีเพียงอาจารย์และนักศึกษาชั้นเรียนเดียวกับเหมยเหมย รวมถึงหวังเหลยด้วย


เรื่องที่ถังม่านลี่เป็นหญิงขายบริการนั้นไม่ใช่ความลับอะไรในชั้นเรียน แต่เมื่อพวกเขาได้ยินหวังเหลยพูดว่าถังม่านลี่มีรายได้หลายล้านก็พากันตกตะลึงและเหลือเชื่อ


หลายล้าน?


พวกเขาทำงานทั้งชีวิตยังไม่น่าจะถึงหนึ่งล้านเลยด้วยซ้ำ?


เป็นแค่สาวขายบริการคนหนึ่ง เพียงไม่กี่ปีก็ทำรายได้ไปหลายล้านแล้ว ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ!


ที่แท้ที่เขาบอกกันว่านักวิจัยขีปนาวุธสู้คนขายไข่ไม่ได้ แต่สำหรับพวกเขาแล้วไม่ว่าจะขายกระสุนหรืออะไรก็ตาม ย่อมสู้คนขาย ‘เนื้อ’ ไม่ได้หรอก แค่นอนอ้าขาบนเตียงเงินก็กลิ้งเข้ากระเป๋าไม่มีขาดแล้ว!


ทำไมสังคมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ?


ถังม่านลี่พูดเสียงขรึม “หวังเหลยนายไปฟังใครพูดจาไร้สาระมา? ฉันจะไปมีเงินหลายล้านได้ไง? เงินห้าหมื่นหยวนนั่นฉันใช้เวลาสี่ปีในการเก็บหอมรอมริบกว่าจะได้มา นายไม่คิดหน่อยเหรอถ้าฉันมีเงินหลายล้านจริง ฉันจะปล่อยให้พ่อแม่ทำไร่ทำนาในชนบทแบบนั้นได้อย่างไร? ทำไมถึงไม่สร้างบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัวล่ะ?”


ความสงสัยฉายบนใบหน้าของหวังเหลย ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้น พ่อแม่ของถังม่านลี่ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านทรุดโทรม พวกเขายังคงไปทำงานตามปกติทุกวัน ไม่เห็นว่าสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวเธอจะดีขึ้นตรงไหน หรือว่าเธอจะไม่มีเงินจริง ๆนะ?


“ฉันจะบอกอะไรนายให้ตอนนี้ถังม่านลี่เป็นผู้หญิงที่โดนพวกคนรวยเรียกใช้บริการมากที่สุด ทำงานทีหนึ่งเริ่มต้นก็ได้ห้าหมื่นต่อคืนแล้ว เสื้อผ้าของเธอราคาเป็นหมื่น ครอบครัวของนายถูกเธอหลอกแล้วล่ะ ถ้าปล่อยแม่ไก่ที่ออกไข่ทองคำไป เอาเงินห้าหมื่นแค่นั้นจะไปมีประโยชน์อะไรเล่า…”


เสียงดังขึ้นข้างหูของหวังเหลย เขาตัวสั่นอย่างรุนแรง ท่าทีการแสดงออกของเขาแข็งกร้าวขึ้นมาอีกครั้ง ถลึงตาจ้องถังม่านลี่อย่างดุดัน “เธออย่ามาโกหกฉัน ฉันได้ยินมาหมดแล้วว่าเธอทำงานแค่คืนเดียวก็มีรายได้ตั้งห้าหมื่นเชียวนะ เธอคิดว่าให้เงินฉันแค่ห้าหมื่นแล้วจะจบงั้นเหรอ? เธอกล้าหลอกฉันใช่ไหม งั้นฉันจะฝังคนพวกนี้ไปพร้อมกันเลย!”


ถังม่านลี่สีหน้าดุดันขึ้น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าใครเป็นคนหลอกหวังเหลย นอกจากสีอันน่านังสารเลวนั้นจะมีใครอีก!


รอเธอจัดการหวังเหลยก่อนแล้วจะไปจัดการนังสารเลวนั่นแน่!


อธิการบดีเผยรอยยิ้มใจดีขึ้นเรื่อย ๆ กล่าวกับหวังเหลยอย่างอ่อนโยนว่า “พ่อหนุ่ม นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเธอกับถังม่านลี่ หรือจะให้ฉันเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยให้พวกเธอดีไหม พวกเราหาสถานที่สำหรับคุยกันแบบส่วนตัวดีกว่า เธอคิดว่าไงล่ะ?”


ถังม่านลี่ก็กล่าวเชิงเห็นพ้องด้วย “ใช่ หวังเหลย นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับนาย นายจะดึงเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆมาเกี่ยวข้องด้วยทำไม ฉันกับนายไปคุยกันตรงโน้นดีกว่า มีเงื่อนไขอะไรนายก็ว่ามาเลย ขอแค่ฉันทำให้นายพอใจได้ ต่อให้ฉันต้องยืมเงินคนอื่นก็จะทำ!”


อธิการบดีถอนหายใจอย่างโล่งอกนึกชื่นชมถังม่านลี่อยู่บ้าง ถึงแม้จะก่อเรื่องใหญ่โตไม่น้อยและทำอาชีพที่ไม่ดี แต่ก็ยังมีความรับผิดชอบอยู่ไม่น้อย


เพียงแต่——


หวังเหลยยิ้มเยาะ “พวกเธอคิดว่าฉันโง่หรือไง? พาฉันไปที่อื่นแล้วจะให้ตำรวจมาจับฉันใช่ไหมล่ะ? วันนี้ฉันจะให้ทุกคนตายไปพร้อมกับฉันและถังม่านลี่ เธอผิดต่อฉันมาหลายปีแล้ว ฉันจะทำให้เธอตายอย่างไร้ความสงบสุข!”


เหมยเหมยปิดปากเงียบมาตลอด เธอกำลังรอจังหวะที่หวังเหลยและถังม่านลี่พูดคุยกัน ลมแผ่วเบาพัดพาไปยังทิศทางของหวังเหลย เหมยเหมยรีบฉวยโอกาสโปรยผงยาที่อยู่บนฝ่ามือของเธอลอยไปซึ่งเป็นผงยาที่ไม่มีรสและไม่มีสี ส่วนใหญ่ถูกพัดไปตกอยู่บนตัวของหวังเหลยแต่เขากลับไม่ทันได้สังเกต


………………………………….


ตอนที่ 2226 คุณชายหมิงมาแล้ว


เหมยเหมยพรูลมหายใจ ผงยาที่เธอโปรยไปเป็นผงที่ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นเตรียมไว้ให้ซึ่งเรียกว่าผงคัน ขอแค่สัมผัสโดนร่างกายเพียงเล็กน้อยก็จะคันมากจนควบคุมตัวเองไม่อยู่


เธอก็แค่ต้องการสร้างโอกาสให้กับบอดี้การ์ดลับสองคนนั้น


“นายบอกว่าอยากแต่งงานกับถังม่านลี่ไม่ใช่เหรอ? นายว่าฉันช่วยนายเกลี้ยกล่อมถังมานลี่ให้ยอมแต่งงานกับนายเป็นไงล่ะ แล้วก็จัดงานเลี้ยงในเมืองหลวง พวกเราจะไปร่วมแสดงความยินดีกับนายด้วยเลย!”


เหมยเหมยเห็นหวังเหลยมือสั่นอย่างรุนแรง ดูท่าทางสติของเขาใกล้จะหลุดเต็มทีแล้ว เห็นทีจะต้องมีคนพูดคุยกับเขาเพื่อทำให้เขาสบายใจขึ้นบ้าง


โชคดีที่ถังม่านลี่ฉลาดขึ้นเยอะ เธอฝืนต่อความน่ารังเกียจตอบไปว่า “หวังเหลย ที่จริงฉันยังชอบนายอยู่นะ แต่เหตุผลที่ฉันไม่อยากแต่งงานกับนายก็เพราะว่าแม่ของนายมักจะดูถูกฉันอยู่ตลอด นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันทำอะไรโง่ ๆ…ในเมื่อตอนนี้นายยินดีที่จะตายเพื่อฉัน ฉันรู้สึกประทับใจเหลือเกิน ไม่อย่างนั้นพวกเราไปจดทะเบียนสมรสกันที่สำนักเขตเถอะ!”


ในดวงตาของหวังเหลยปรากฎความดีใจ เขาชอบถังม่านลี่จริง ๆ ชอบตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมต้นแล้วด้วย ถ้าถังม่านลี่ยินยอมที่จะแต่งกับเขา…


“ถังม่านลี่เคยพูดในหอพักว่าเธอเกลียดผู้ชายในหมู่บ้านที่สุด ทั้งเชยทั้งเหม็นทั้งอัปลักษณ์ เธอบอกว่าต่อให้ต้องแต่งกับคนแก่ก็ยังดีกว่าคนในหมู่บ้านเดียวกันเลย”


เสียงนั้นดังก้องขึ้นในหัวเขาอีกครั้ง หัวใจของชายคนนั้นบีบแน่น เส้นประสาทตึงเปรี๊ยะขึ้นอีกครั้ง ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “นังแพศยา เธอคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดจอมปลอมของเธองั้นเหรอ เธอเคยบอกว่าสู้ยอมแต่งงานกับคนแก่ยังดีกว่าอีก เธอคิดจะโกหกฉันอีกแล้วสินะ…สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือพวกนักศึกษาอย่างพวกเธอ สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วมีอะไรดีนักหนา…จะมีชีวิตอยู่หรือตายก็ขึ้นอยู่กับฉันไม่ใช่หรือไง ฮ่า ๆ…ขอแค่ฉันดึงสลักระเบิดออก พวกเธอก็จะต้องไปพบยมบาลเป็นเพื่อนฉัน…”


หวังเหลยหัวเราะลำพองใจอย่างบ้าคลั่ง ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะอีกต่อไป มือจับสลักแน่นและกำลังจะดึงมันในตอนนี้…


“อ๊า…” พวกนักศึกษาร้องกันเสียงหลง เหตุการณ์นี้อยู่เหนือการควบคุมอีกครั้ง อธิการบดีไม่สามารถปลอบโยนเขาได้อีกต่อไป


“ฮ่า ๆ……”


หวังเหลยภาคภูมิใจกับความแตกตื่นในตอนนี้เหลือเกิน เพราะสิ่งเหล่านี้คือความภาคภูมิใจของสวรรค์ แต่ตอนนี้เขากลับควบคุมชีวิตความเป็นความตายของพวกเขาได้ ณ ตอนนี้หวังเหลยที่เรียนไม่จบมัธยม ทันใดนั้นประโยคหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา “เมื่อเผชิญกับชีวิตความเป็นและความตาย ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีความแตกต่างระหว่างชนชั้นของคนรวยกับคนจนอีกต่อไป!”


ตอนนี้เขารู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ช่างถูกต้องเสียเหลือเกิน ให้ตายสิ!


หวังเหลยมองถังม่านลี่ที่ในที่สุดก็ตกใจหน้าซีดด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วยิ้มอย่างสิ้นหวัง ขณะที่เขากัดฟันเตรียมดึงสลักออกอยู่นั้น แผ่นหลังและลำคอของเขาก็มีอาการคันเล็กน้อย ตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจนักแต่กลับทวีความคันขึ้นเรื่อย ๆราวกับมีมดคลานอยู่ก็ไม่ปาน บริเวณอื่น ๆก็เริ่มมีอาการคันขึ้นมาเช่นกันจนค่อย ๆลามไปทั่วร่างกาย…


หวังเหลยจึงต้องคลายมือออกจากสลักระเบิดเพื่อใช้สองมือเกาทั่วร่างกาย


โอกาสมาแล้ว เมื่อมีโอกาสต้องรีบคว้าไว้!


บอดี้การ์ดสองคนที่คอยสังเกตความเคลื่อนไหวของหวังเหลยอยู่ตลอดก็รีบพุ่งประชิดเข้ามาเหมือนสายฟ้าฟาด ทุกคนเห็นเพียงสองเงาดำเท่านั้น ยังไม่ทันดึงสติกลับมาหวังเหลยก็ถูกจับตัวได้แล้ว


“คุณหนู คุณชายหมิงใกล้มาถึงแล้วครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งบิดแขนของหวังเหลยไว้ ส่วนบอดี้การ์ดอีกคนก็ถอดวัตถุระเบิดออกและนำไปวางไว้ในที่ปลอดภัย


ทุกคนต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก มีหลายคนถึงกับทรุดลงกับพื้น แต่มีบางคนดีใจที่ยังมีชีวิตรอดมาได้


พิธีจบการศึกษาปีนี้ช่างยากที่จะลืมเลือนจริง ๆ!


“ปี๊ป่อ…ปี๊ป่อ”


เสียงไซเรนดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆและในไม่ช้าก็มาถึง เหยียนหมิงซุ่นก็มาถึงในเวลาเดียวกัน เขานั่งเฮลิคอปเตอร์มาเลย โชคดีที่สนามหญ้าหน้าหอประชุมใหญ่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการลงจอด เฮลิคอปเตอร์ทำให้อธิการบดีและนักศึกษาทุกคนตกตะลึงต่างงงงวยกันไปหมด


นี่ยังมีบุคคลสำคัญที่ไหนมาอีกละเนี่ย?


ตอนที่ 2227 พลตรีผู้น่าเกรงขามมาทำอะไร


ทันทีที่เหยียนหมิงซุ่นได้รับรายงานจากลูกน้องเขาก็ทิ้งงานทุกอย่างแล้วพุ่งตรงมาเลย เพราะพวกเขากำลังออกตรวจตราค่ายทหารอยู่ดังนั้นเขาจึงสวมชุดเครื่องแบบมาที่นี่


การสวมชุดเครื่องแบบทหารสีเขียวยิ่งทำให้เหยียนหมิงซุ่นดูสง่างามน่าเกรงขาม แต่สิ่งที่สะดุดตากว่าคืออินทรธนูที่แสดงตำแหน่งยศของเขาซึ่งเป็นรูปกิ่งมะกอกสีทองและดาวสีทองส่องแสง…


“นี่มันยศอะไร พวกเธอพอจะรู้ไหม?” เพื่อนร่วมชั้นที่ดึงสติกลับมาแล้วเริ่มซุบซิบถามด้วยความสนใจ


“พลตรี…เป็นพลตรีระดับสูง พระเจ้า…อายุแค่นี้ก็เป็นถึงพลตรีแล้ว ยอดมนุษย์คนนี้มาจากไหนกันเนี่ย?” มีนักศึกษารอบรู้คนหนึ่งดวงตาแทบถลนออกมา ขยี้ตาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง นึกว่าตัวเองดูผิดไป


แต่ขยี้จนตาแดงก็ยังเป็นดาวยศนั้นอยู่ ไม่ผิดแน่นอน!


พอนักศึกษาคนอื่น ๆได้ยินว่าเขามียศเป็นถึงพลตรีต่างก็อ้าปากค้าง ผู้ชายคนนี้อายุยังไม่เกินสามสิบเลยมั้ง?


ในฮวาเซี่ยมีคนที่อายุน้อยขนาดนี้เป็นพลตรีด้วยเหรอ?


นี่ต้องเก่งขนาดไหนถึงจะเป็นได้กันนะ!


สิ่งที่พวกเขาอยากรู้มากที่สุดก็คือพลตรีผู้น่าเกรงขามคนนี้มาที่นี่ทำไม!


เหยียนหมิงซุ่นเดินตรงไปหาเหมยเหมย แขนแกว่งด้วยความเร็วคงที่ ยศดาวบนไหล่สีทองอร่ามสะท้อนแสงภายใต้แสงอาทิตย์แยงตาจนทุกคนแทบลืมตาไม่ขึ้น


ทุกคนจับจ้องไปที่เหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่ละสายตา เพราะอยากรู้ว่าเขาจะไปไหน…


ในที่สุดเหยียนหมิงซุ่นก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าดาวมหาวิทยาลัยของพวกเขา ในที่สุดใบหน้าเรียบนิ่งก็ปรากฏรอยยิ้มส่งให้ดาวมหาวิทยาลัย แถมยังเปิดปากพูดด้วยเสียงน่าฟังเย้ายวนว่า


“พี่มารับเธอกลับบ้าน”


เหมยเหมยยิ้มหวาน พยักหน้ารับเบา ๆ “ในเมื่อมาแล้วก็ทักทายเพื่อนร่วมชั้นกับอาจารย์ของฉันหน่อยสิ”


เธอหันไปมองเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ข้างหลังเธอ พูดพลางอมยิ้มว่า “คนนี้คือสามีตามกฎหมายของฉัน”


เธอจงใจเน้นคำว่าตามกฎหมาย เวลานี้ชั้นเรียนอื่น ๆเห็นว่าคนร้ายถูกควบคุมตัวได้แล้วพวกเขาจึงแห่กันมุงเข้ามา พอบังเอิญได้ยินเหมยเหมยแนะนำเหยียนหมิงซุ่นทุกคนต่างก็ประหลาดใจ


ที่แท้สามีของดาวมหาวิทยาลัยก็อายุยังน้อยและสง่าผ่าเผยขนาดนี้ อีกทั้งยังเป็นถึงพลตรี!


มิน่าล่ะถึงไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณะ!


ภูมิหลังแบบนี้…ฆ่าพวกเขากลายเป็นผุยผงภายในพริบตาเดียวเลยจริง ๆ!


เพื่อนร่วมชั้นบางคนยังคงอิจฉาเหมยเหมย ทันใดนั้นพวกเขาก็หมดกำลังใจ ดาวมหาวิทยาลัยมีทั้งความสามารถ มีทั้งภูมิหลังครอบครัวและสามีที่ดี พวกเขาจะเอาอะไรมาเปรียบเทียบกับเธอได้?


เหยียนหมิงซุ่นเดินตรงไปคำนับอธิการบดี จากนั้นก็พยักหน้าให้กับนักศึกษาคนอื่น ๆเล็กน้อยซึ่งถือว่าเป็นการทักทาย


“คุณชายหมิง เจ้าหมอนี่จะจัดการอย่างไรดีครับ?” ลูกน้องคุมตัวหวังเหลยเข้ามา


เหยียนหมิงซุ่นมองหวังเหลยที่เหมือนสุนัขตายแล้วอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า “ส่งตัวให้ตำรวจ!”


ตำรวจสองสามนายที่รักษาการณ์อยู่ด้านข้างกล่าวคำขอบคุณจากใจจริง ถ้าเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่มีภรรยาของคุณชายหมิงอยู่ด้วย แล้วคนร้ายคนนี้จุดชนวนระเบิดขึ้นมาจริง ๆ…คงจะต้องมีคนบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน


หากเกิดเหตุการณ์ระเบิดอย่างรุนแรงในพิธีจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง เหตุการณ์ใหญ่โตแบบนี้ฝ่ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างพวกเขาคงถูกวิพากษ์วิจารณ์โดนเล่นงานยับแน่นอน!


ตำรวจพาตัวหวังเหลยออกไปพร้อมถุงใส่วัตถุระเบิด ตอนนี้ทุกคนถึงจะรู้สึกโล่งใจอย่างแท้จริงแล้วปาดเหงื่อบนหน้าผาก


เหมยเหมยหันมาส่งยิ้มให้เหยียนหมิงซุ่นแล้วพูดว่า “ฉันยังถ่ายรูปจบการศึกษาไม่เสร็จเลย พี่รออีกครู่หนึ่งนะ ถ่ายเสร็จก็กลับบ้านกัน”


“ได้สิ!”


เหยียนหมิงซุ่นเดินไปด้านข้างแล้วยืนรออยู่เงียบ ๆเหมือนประติมากรรมยังไงอย่างนั้น ช่างมีเสน่ห์และสมบูรณ์แบบสายตาของเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงหลายคนแทบละสายตาไม่ได้เลย


ผู้ชายในชุดทหารดูดีมีสไตล์เหลือเกิน…พวกเธอก็อยากได้ทหารมาเป็นสามีบ้างเหมือนกัน!


เดี๋ยวลองถามดาวมหาวิทยาลัยหน่อยดีกว่าว่าในค่ายทหารของสามีเธอยังมีเพื่อนที่ยังไม่ได้แต่งงานอยู่อีกไหม!


…………………………………………..


ตอนที่ 2228 อิจฉาริษยาและเกลียด


การถ่ายภาพจบการศึกษาเสร็จลงในเวลาอันรวดเร็ว เหมยเหมยโบกมือลาอธิการบดี เหล่าอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้น คราวนี้เป็นการจากลาจริง ๆ นักศึกษาหลายคนต้องกลับบ้านเกิด ไม่รู้ว่าวันหลังจะได้เจอกันอีกไหม


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ขับเฮลิคอปเตอร์แต่มีลูกน้องขับกลับไปสนามบินแทนเขา เขาพาเหมยเหมยขึ้นรถและขับจากไปอย่างรวดเร็ว ห่างออกไปเรื่อย ๆจนลับตาไป


พวกนักศึกษาที่โดนเสน่ห์ของเหยียนหมิงซุ่นสะกดไว้จนไม่กล้าปริเสียง ทันใดนั้นก็ส่งเสียงคุยกันดังเซ็งแซ่ขึ้นมา


“สามีของดาวมหาวิทยาลัยเท่ชะมัดเลยเนอะ แถมยังขับเฮลิคอปเตอร์มาอีกต่างหาก…จุ๊ ๆ…ฉันนึกว่านี่เป็นแค่ฉากที่มีอยู่ในหนังเท่านั้นนะเนี่ย ไม่คิดมาก่อนว่าในชีวิตจริงจะมีแบบนี้ด้วย…”


“ไม่รู้หรือไงว่างานศิลปะก็มาจากชีวิตจริงทั้งนั้นแหละ คิดจากความว่างเปล่าจะคิดออกได้อย่างไรกัน มันต้องมีต้นแบบอยู่แล้ว!”


“ที่แท้สามีของดาวมหาวิทยาลัยก็เป็นถึงนายพลนี่เอง…ฉันอิจฉาเธอจริง ๆ!” นักศึกษาหญิงคนหนึ่งทำมือรูปหัวใจ พร้อมกะพริบตาที่เปล่งประกายวิบวับ


“ก่อนอื่นเธอต้องมีใบหน้าที่สวยงามเหมือนดาวมหาวิทยาลัยก่อน อันที่จริงเธอต้องมีพื้นฐานครอบครัวที่ดีเหมือนดาวมหาวิทยาลัยด้วย…ในเมื่อเธอไม่มีทั้งสองอย่างเพราะฉะนั้นเธอควรจะหยุดฝันกลางวันได้แล้ว” มีใครบางคนสาดน้ำเย็นถังใหญ่ลงบนหัวของเธออย่างรวดเร็วจนดับฝันของเธอลง


นักศึกษาหญิงมากมายที่กำลังฝันหวานพลันมีสติขึ้นมา ก้มมองดูตัวเองแล้วตื่นจากความฝันเพื่อกลับมาสู่โลกความจริงที่โหดร้าย พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่


อธิการบดีถ่ายรูปกับชั้นเรียนอื่นไปหลายห้อง เขาพรูลมหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอกเพราะในที่สุดพิธีจบการศึกษาก็ถือว่าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เขามองถังม่านลี่ที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้เพียงลำพังแล้วส่ายศีรษะอย่างนึกเสียดาย


ถังม่านลี่ไม่ได้รับปริญญาบัตรจบการศึกษาเพราะเขายึดไว้


เขาไม่สามารถอนุญาตให้นักศึกษาที่ไปเป็นหญิงขายบริการในสถานที่แบบนั้นจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งนี้ได้ เขายิ่งไม่อยากให้พวกผู้ชายที่ไปใช้บริการในสถานที่แบบนั้นใช้ถ้อยคำดูถูกยามที่เอ่ยถึงถังม่านลี่ว่า “นี่เป็นถึงนักศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเลยนะ รสชาติดีไปอีกแบบ…”


บางทีนักศึกษาหญิงคนอื่นอาจจะทำอาชีพน่าอับอายเช่นนี้เหมือนกันก็ได้แต่เพราะอธิการบดีไม่รู้ เขารู้จักแค่ถังม่านลี่ เพราะนักศึกษาหญิงคนนี้มีชื่อเสียงมาก เขาไม่อยากรู้จักก็คงยาก


ดังนั้นเขาจึงทนต่อแรงกดดันไม่ไหวเลยยึดปริญญาบัตรของถังม่านลี่ ถือว่าเพื่อปลอบใจตัวเองแล้วกัน


ถังม่านลี่รู้สึกถึงสายตาของอธิการบดี เธอใจแป้วขึ้นมาจนปรากฏความอับอายฉายชัดบนใบหน้าเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะงุดหน้าลง


ตอนที่รู้ว่าเธอถูกยึดปริญญาบัตร ถังม่านลี่ก็พุ่งตรงไปหาอธิการบดีเลย เธอพร้อมที่จะใช้ความงามเข้าแลกแต่อธิการบดีกลับด่าทอเธออย่างรุนแรงว่าเธอสูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทำให้มหาวิทยาลัยเมืองหลวงต้องขายหน้า


กล่าวได้ว่าจนถึงตอนนี้อธิการบดีคือผู้ชายคนเดียวที่ถังม่านลี่ยั่วยวนไม่สำเร็จ เวลานี้ถังม่านลี่รู้สึกอับอาย เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับอธิการบดีเลยสักนิด


อธิการบดีถอนหายใจอีกครั้งแล้วเดินจากไป


เขาส่งผู้สำเร็จการศึกษาออกไปผจญโลกด้วยตัวเองอีกครั้ง เส้นทางในวันข้างหน้าพวกเขาจะต้องเดินต่อกันเอง เขาปรารถนาให้นักศึกษาทุกคนประสบความสำเร็จเติบโตก้าวหน้าทุกคน!


ถังม่านลี่ถอนหายใจโล่งอก สีหน้าเคร่งขรึมกลับมาอีกครั้งและเมินเฉยต่อสายตาแปลก ๆของเหล่านักศึกษารอบข้าง เธอสอดส่องกลุ่มชั้นเรียนโฆษณา สีอันน่ายืนหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ท่ามกลางฝูงชนกำลังเตรียมถ่ายภาพ


ถังม่านลี่ส่งเสียงหัวเราะเย็นชา ไม่ช้าก็เร็วเธอจะต้องชำระแค้นกับนังสารเลวนี้แน่นอน สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนเธอไม่อยากสร้างปัญหาในมหาวิทยาลัยอีก


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อต่างก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง ฉางชิงซงรีบวิ่งเข้ามาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของฉีฉีเก๋ออย่างเอาใจใส่ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขมวดคิ้วและจ้องเขาเขม็ง เธอเกลียดชังและแค้นเขาฝังใจเหลือเกิน


ถังม่านลี่อมยิ้มเดินตรงมาหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและกระซิบข้างหูเธออยู่สองสามประโยค จากนั้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็มองเธออย่างตกตะลึง


ตอนที่ 2229 ฐานลับ


พอเหยียนหมิงซุ่นส่งเหมยเหมยถึงบ้านแล้วก็กำชับให้ลุงเหลาและป้าฟางเฝ้าดูเธอให้ดี พยายามให้เธอออกจากบ้านให้น้อยที่สุด


“เด็กดี พี่เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมานะ เธอเป็นเด็กดีอยู่บ้านล่ะ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ไม่ต้องออกไปไหน แต่ถ้าอยากออกไปไหนก็ต้องพาคนติดตามไปด้วยเข้าใจไหม?” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน


พอเหมยเหมยได้ยินเช่นนั้นก็รู้เลยว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ “ทางด้านหนิงเฉินเซวียนเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วใช่ไหม?”


เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มพร้อมลูบหลังเธอพูดปลอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก ทางหนิงเฉินเซวียนพี่ควบคุมไว้หมดแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน ตอนนี้เธอท้องอยู่ ระวังไว้หน่อยจะดีกว่า อีกสองสามวันพี่ก็กลับมาแล้ว”


เหมยเหมยรู้ว่าเขาไม่ได้พูดความจริงแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร งั้นก็แสร้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆแล้วกัน!


“พี่รีบไปเถอะ ฉันจะดูแลตัวเองกับลูกให้ดี พี่เองก็ระวังตัวด้วยนะ”


เหยียนหมิงซุ่นประทับจูบหน้าผากเธอแล้วเดินจากไปอย่างไม่ลังเล สถานการณ์ตรงนั้นเร่งด่วนมากจริง ๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจู๋จี๋กันเลยสักนิด


เขาตรงไปที่สนามบิน จากนั้นเครื่องบินก็ทะยานขึ้นฟ้ามุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อเช้าเขาควรไปตรวจตราค่ายทหารแต่ต้องล่าช้าเพราะเรื่องของเหมยเหมย โชคดีที่เฮ่อเหลียนชิงไปทันจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ปรากฎว่าเหยียนหมิงต๋าค้นพบฐานลับในส่วนลึกของภูเขาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพราะเหตุนี้เหยียนหมิงต๋าจึงไม่ยอมออกจากภูเขาแห่งนี้ แถมจากที่สังเกตดูแล้วท่าทางฐานแห่งนี้ดูลึกลับไม่เบา เขาต้องการอยู่ที่นี่เพื่อตรวจสอบต่อ


ในระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมาเหยียนหมิงต๋าตรวจสอบรายละเอียดคร่าว ๆของฐานลับนี้ได้แล้ว เขาตกใจจนรีบติดต่อกับคนของเหยียนหมิงซุ่น พอเมื่อวานนี้เหยียนหมิงซุ่นได้รับโทรศัพท์จากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ตกใจไม่เบาเช่นกัน


หากตามที่เหยียนหมิงต๋าพูดเป็นความจริงละก็ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆแล้ว เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับชีวิตและความเป็นความตายของผู้คนในประเทศได้เลย


เพราะว่าฐานลับที่เหยียนหมิงต๋าค้นพบเป็นฐานทัพระเบิดปรมาณูที่พร้อมใกล้ปล่อยออกมาแล้ว


แต่เท่าที่เหยียนหมิงซุ่นรู้มาในประเทศยังไม่ได้สร้างระเบิดปรมาณูทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ดังนั้น…จะปล่อยผ่านไปไม่ได้เด็ดขาด มีความเป็นไปได้มากว่านี่เป็นฐานลับของศัตรู


เหยียนหมิงซุ่นสงสัยมากว่าอีกฝ่ายจะเป็นหนิงเฉินเซวียน ประเทศศัตรูคงกำจัดได้สบาย ๆ ถึงอย่างไรคนของเขาก็โหดเหี้ยมไม่เบาอยู่แล้ว การสร้างฐานลับขนาดใหญ่เช่นนี้ใช่ว่าจะทำได้ในชั่วข้ามคืน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สังเกตเห็นเลย


แต่หนิงเฉินเซวียนสามารถทำได้โดยที่ไม่ให้ใครรู้ และเขาก็มีแรงจูงใจมากพอ


เจ้าหมอนี่เอาแต่คิดอยากจะเป็นราชาอยู่ทุกวี่วัน ไม่แน่ว่าอาจจะสร้างฐานวิจัยอาวุธนิวเคลียร์ก็เป็นได้ เขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อข่มขู่นายใหญ่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขาเอง


สรุปไม่ว่าจะเป็นใครเหยียนหมิงซุ่นก็จะไม่ปล่อยให้แผนการชั่วร้ายของเจ้านั่นประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ดังนั้นเขาต้องรีบไปให้เร็วที่สุด เหยียนหมิงต๋ายังคงอยู่บนภูเขาตามลำพัง หากอีกฝ่ายเจอเข้าต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ ๆ


หลังจากเหยียนหมิงซุ่นจากไป เหมยเหมยก็เริ่มใช้ชีวิตบำรุงลูกในท้องอย่างสบาย ๆ นอกจากกลับบ้านแม่เธอก็ไม่ไปไหนอีกเลย กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็ตื่นมากิน ร่างกายอวบอิ่มขึ้นจนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ผิวพรรณก็ผุดผ่องจนใคร ๆเห็นก็อยากจะหยิกสักทีหนึ่ง


ไม่กี่วันหลังจากพิธีจบการศึกษา เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็มารายงานข่าวถึงบ้าน


“ลุงปาเกินตกลงให้ฉีฉีเก๋อแต่งงานกับฉางชิงซงแล้ว”


เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นแต่ก็ไม่ได้ต่างจากที่เธอคาดการณ์ไว้สักเท่าไร เพราะถึงอย่างไรพ่อกับแม่ก็เปลี่ยนใจลูกไม่ได้หรอก ฉีฉีเก๋อรักฉางชิงซงจากใจจริงแถมยังมีลูกด้วยกันอีก ถึงจะช้าหรือเร็วลุงปาเกินก็ต้องปล่อยเธอไปอยู่ดี


“แล้วลุงปาเกินเสนอเงื่อนไขอะไรไหม?” เหมยเหมยถาม


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยกนิ้วโป้งให้เธอ “เธอเดาได้แม่นมาก ลุงปาเกินเสนอเงื่อนไขแค่หนึ่งข้อเอง และฉางชิงซงก็ยอมรับปากตกลงแล้วด้วย เรื่องนี้ดูแล้วเหนือกว่าแม่เขาเยอะเลยล่ะ”


…………………………………………..


ตอนที่ 2230 เงินทั้งหมดอยู่ในกำมือของฉัน


ถึงแม้ว่าเดิมทีลุงปาเกินจะยอมปล่อยไป แต่เขากลับบอกว่าจะไม่ให้สินสมรสกับฉีฉีเก๋อแม้แต่แดงเดียว และจะไม่มีการจัดงานแต่งงานให้เธออะไรทั้งนั้น ถือซะว่าเขาไม่เคยให้กำเนิดลูกสาวคนนี้มาก่อน ทั้งยังบอกพวกฉางชิงซงว่าวันหลังแต่งงานกันแล้วก็ไม่ต้องกลับไปที่ทุ่งหญ้าอีก


เหมยเหมยถอนหายใจ ลุงปาเกินโดนฉีฉีเก๋อทำให้เสียใจเข้าแล้วจริง ๆ!


ไม่อย่างนั้นเขาที่รักลูกสาวขนาดนั้นจะเสนอเงื่อนไขเด็ดขาดเช่นนี้ได้อย่างไร?


เพียงแต่ตอนนี้ฉีฉีเก๋อกำลังตั้งท้องอยู่ และยังเป็นเวลาที่ต้องการสารอาหารมากที่สุดด้วย อาศัยแค่เงินเดือนเล็กน้อยของฉางชิงซงจะพอซื้ออาหารเสริมได้ที่ไหนกัน?


“เธออย่ากังวลไปเลยเพราะหลังจากนั้นลุงปาเกินก็มาหาฉัน เขาบอกว่าหากวันหน้าชีวิตของฉีฉีเก๋อแย่จนไปต่อไม่ไหวแล้วจริง ๆ เขายินดีต้อนรับลูกสาวของเขากลับทุ่งหญ้าทุกเมื่อ ในบ้านจะมีที่ที่ของเธอเสมอ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอก


“ฉีฉีเก๋อเธอไม่กลับไปแน่นอน เธอเป็นคนหัวรั้นจะตาย ต่อให้ชีวิตจะทุกข์ทรมานแค่ไหน ต่อให้ต้องอดตายเธอก็ไม่ยอมกลับไปหรอก” เหมยเหมยส่ายศีรษะ เธอไม่ได้มองชีวิตอนาคตของฉีฉีเก๋อในแง่ดีเท่าไร


แต่ว่ามีเธอและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ ถึงเวลานั้นก็ยังพอยื่นมือเข้าไปช่วยได้บ้าง เธอคงไม่ลำบากมากนักหรอก


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบ่นอีกหลายประโยคแล้วเอ่ยอย่างโมโหว่า “ฉีฉีเก๋อหน้ามืดตามัวไปกันใหญ่แล้ว ชีวิตดี ๆดันไม่อยากมีรั้นจะแต่งงานกับฉางชิงซงให้ได้ วันหน้าเธอต้องทนทุกข์ทรมานแน่นอน ถึงอย่างไรฉันก็จะทำแค่มองไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเด็ดขาด”


เหมยเหมยหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้ก็ช่างปากร้ายเหลือเกิน หากวันหลังฉีฉีเก๋อเกิดเรื่องขึ้นมาจริง ๆคนแรกที่จะพุ่งเข้าไปช่วยต้องเป็นเธอแน่นอน!


“แล้วพ่อแม่ของฉางชิงซงว่าอย่างไรบ้าง?” เหมยเหมยถามอีกครั้ง


“ฉางชิงซงบอกว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้พ่อแม่รับรู้ เขาเป็นคนแต่งงาน ดังนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับพ่อแม่ของเขา อีกอย่างวันข้างหน้าก็จะไม่อยู่ด้วยกันด้วย”


“งั้นก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ ฉางชิงซงปฎิบัติต่อฉีฉีเก๋อไม่เลว ขอแค่ไม่มีแม่ของเขามายุ่มย่าม ชีวิตของพวกเขาก็คงดีไม่น้อย พวกเราต้องคิดในทางที่ดีไว้สิ” เหมยเหมยพูดยิ้ม ๆ


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยักไหล่ “ฉันไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อย เส้นทางนี้เขาเป็นคนเลือกเอง ถ้าจะล้มขาหักก็เป็นเรื่องของเขา แต่ก็หวังว่าพวกฉีฉีเก๋อจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแหละนะ…”


เธอถอนหายใจพร้อมเอ่ยว่า “ฉันวางแผนจะจัดงานแต่งงานให้ฉีฉีเก๋อ ถึงอย่างไรงานแต่งก็ต้องมีใช่ไหมล่ะ? ลุงปาเกินบอกว่าไม่มีคนในครอบครัวมาร่วมงานสักคน พ่อแม่ของฉางชิงซงก็ไม่รู้เรื่องนี้ ฉันนัดกับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนเอาไว้คิดว่าจะจัดพิธีง่าย ๆแล้วสนุกไปด้วยกัน”


“ถึงเวลานั้นฉันไปด้วยแน่ เชี่ยนเชี่ยนเรื่องนี้เธอต้องเอาใจใส่ให้มากหน่อยนะ ถ้าคนไม่พอก็มาถามเอาจากฉันได้เลย”


“เธอจดจ่อเรื่องลูกในท้องอย่างสบายใจก็พอ ฉันมีกำลังคนเพียงพอ อีกอย่างไม่ใช่งานแต่งงานใหญ่โตอะไร จะว่าไปฉันต้องขอบคุณสองสามีภรรยาฉีฉีเก๋อด้วยซ้ำ อิงจวี้กังบอกว่าจะเพิ่มธุรกิจในบริษัทอีกอย่างหนึ่งก็คือออแกไนซ์รับจัดงานแต่งงาน แถมมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จด้วย”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มแป้นพูดอย่างอารมณ์ดี ดวงตาเป็นประกายวิบวับ


เมื่อคืนหลังจากเธอและอิงจวี้กังจบภารกิจบนเตียง จู่ ๆอิงจวี้กังก็นึกไอเดียดี ๆขึ้นได้อย่างหนึ่ง เขาบอกว่าจะเพิ่มการบริการจัดงานแต่งงานขึ้นมาอีกอย่าง อิงจวี้กังบอกว่าวันหลังการจัดงานแต่งงานจะเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขาลงมือทำแต่เนิ่น ๆคงอยู่แถวหน้าของสายงานนี้


เหมยเหมยตบศีรษะตัวเอง ทำไมเธอถึงลืมเรื่องการจัดงานแต่งงานไปได้นะ อีกห้าปีบริษัทจัดงานแต่งงานในเมืองหลวงจะผุดขึ้นเหมือนหน่อไม้หลังฝนตก และคนแรกที่ได้กินปูจะต้องได้เงินเยอะแน่นอน


“เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ชายที่เธอหามาสายตากว้างไกลใช้ได้เลย อิงจวี้กังอนาคตไกลแน่นอน เธอควบคุมดูแลให้ดี ๆอย่าให้ผู้หญิงคนอื่นมาแย่งไปได้ล่ะ” เหมยเหมยเตือน


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียง “เขาน่ะเหรอ? ฝันไปเถอะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามาคุยด้วยสักคำ มีแต่ฉันเนี่ยแหละที่ไม่รังเกียจเขา!”


“ผู้ชายพอมีเงินก็จะมีนังปีศาจเข้ามาวนเวียนไม่ขาดสาย เธอก็ระวังตัวเอาไว้หน่อยเถอะ!”


“เธอวางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ในตัวอิงจวี้กังแม้แต่เงินร้อยหยวนยังไม่มีติดตัวด้วยซ้ำ เงินทั้งหมดอยู่ในกำมือฉันหมดแล้ว ฉันจะให้โอกาสเขาไปทำตัวเสเพลได้อย่างไรกันล่ะ!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมีแผนรับมืออยู่ในใจ มีพ่อของเธอเป็นตัวอย่างทั้งคน เธอจะผิดซ้ำรอยแม่ได้อย่างไร?


ตอนที่ 2231 รอดูเรื่องสนุกๆ


พอเหมยเหมยเห็นเธอเตรียมพร้อมเข้าใจดีก็วางใจ ทั้งคู่นั่งทานผลไม้ไปคุยเรื่องสัพเพเหระไป


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานแตงโมครึ่งซีกหมดก็เช็ดปากแล้วเริ่มนินทาเรื่องคนอื่น “เธอจะปล่อยให้ถังม่านลี่จัดการสีอันน่าจริงเหรอ?”


เหมยเหมยตอบกลับอย่างไม่ใจใส่ “ใช่ ถังม่านลี่บอกว่าเธอจะจัดการสีอันน่าเองไม่ใช่เหรอ จะได้ไม่เสียแรงฉันไง!”


ที่แท้ในวันจบการศึกษาถังม่านลี่บอกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนว่าคนปริศนาที่ไม่ยอมเปิดเผยเสียงที่แท้จริงในหอประชุมก็คือสีอันน่า เพราะเธอคอยติดตามนังแพศยานี้ตลอดเวลาเลยเห็นทุกอย่าง


ถังม่านลี่ยังขอให้เหมยเหมยอย่าเพิ่งจัดการสีอันน่าเพราะเธออยากเป็นคนจัดการเอง เหมยเหมยตอบตกลงก่อนจะรอดูเรื่องสนุก ๆต่อไป


“เธอว่าทำไมถังม่านลี่ถึงจะจัดการสีอันน่าล่ะ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดไม่ตก


เหมยเหมยมองค้อนเธอแวบหนึ่ง “เธอโง่หรือไง อยู่ดี ๆหวังเหล่ยจะแบกระเบิดไปป่วนที่มหาลัยโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุได้อย่างไร อีกอย่างเขายังรู้เรื่องถังม่านลี่เยอะแยะขนาดนี้ เขาเพิ่งมาเมืองหลวงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสโมสรเศรษฐีมีไว้ทำอะไร ถ้าไม่มีคนบอกเขาเขาจะรู้ขนาดนี้เหรอ?”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงบางอ้อทันที “หรือว่าสีอันน่าจะเป็นคนบอกหวังเหล่ย? โอ้โฮ…ผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรกัน เธอเกือบทำเราตายกันทั้งห้องเลยนะ…”


เหมยเหมยแค่นหัวเราะกล่าว “ใครจะไปรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่ผู้หญิงคนนี้เดิมทีก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรอยู่แล้ว เอาแต่คิดวางแผนทำร้ายคนอื่นตลอดเวลา บางทีเธอคงแค่อยากวางแผนทำร้ายถังม่านลี่เท่านั้นแต่ไม่คิดว่าเรื่องจะใหญ่โตขนาดนี้”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่นด่าระลอกหนึ่งถึงหายโกรธได้บ้าง เธอพึมพำด้วยความแปลกใจ “ไม่รู้ว่าถังม่านลี่จะจัดการสีอันน่าอย่างไร”


“ใครจะรู้ล่ะ อีกไม่กี่วันคงรู้ ฉันให้คนจับตาดูสีอันน่าไว้แล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราต้องรู้เป็นคนแรกแน่นอน” เหมยเหมยพูดด้วยท่าทีเฉยชา


ความจริงเธอพอจะเดาแผนของถังม่านลี่ได้คร่าว ๆบ้าง ทำงานในสโมสรเศรษฐีมาตั้งหลายปีจนฝีมือของถังม่านลี่ในตอนนี้ต่างไปจากอดีตแล้ว ย่อมไม่มีทางใช้แผนต่ำช้าเอากระสอบคลุมหัวอย่างที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอกแน่นอน การจัดการหญิงสาวหน้าตาสะสวยมีวิธีไหนจะเลวร้ายไปกว่าการทำลายความบริสุทธิ์ของเธออีกล่ะ!


รู้ทั้งรู้ว่าสีอันน่าไม่มีทางจบสวยแต่เหมยเหมยไม่คิดจะห้ามใด ๆ คนแพศยานี่ทำตัวเองทั้งนั้น ไม่คู่ควรได้รับการความเห็นใจเลยสักนิด!


********


ยามใกล้โพล้เพล้สีอันน่าเดินออกจากซอยเงียบสงัดอย่างเศร้าใจ ดวงหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีตฉายแววเหนื่อยล้าแต่เทียบไม่ได้กับใจที่อ่อนล้ากว่า


เธอย้ายออกจากหอพักทางมหาวิทยาลัยแล้วมาเช่าห้องเดี่ยวในเรือนสี่ประสานที่มีค่าเช่าห้องสามร้อยหยวนต่อเดือน แม้แต่ห้องน้ำส่วนตัวยังไม่มีแต่ก็ดีกว่ามากเมื่อเทียบกับห้องใต้ดินอับชื้นเหล่านั้นที่อย่างน้อยยังมีแสงอาทิตย์สาดส่องมาบ้าง อีกอย่างยังมีลานกว้างไว้ตากเสื้อผ้าด้วย


ใช่ว่าสีอันน่าจะไม่เคยคิดจะเช่าห้องที่ดีกว่านี้แต่เธอไม่มีเงินติดตัวมากมายขนาดนั้นแล้ว คุณพ่อสั่งให้เธอรีบหาคู่แต่งงานเสียแต่เธอไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายที่ทั้งแก่ทั้งขี้เหร่คนนั้น ชายในฝันของเธอเป็นอย่างสามีของจ้าวเหมย หน้าตาหล่อเหลามีตำแหน่งทางสังคม…แบบนั้นต่างหากถึงจะเป็นสามีในอนาคตของเธอสีอันน่า!


แต่ไม่ใช่ผู้ชายอายุสามสิบกว่าทั้งผิวดำคล้ำเตี้ยแล้วยังเคยผ่านการหย่าร้างมาก่อน!


เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าแผดเสียงดังขึ้น แม่ของเธอเป็นคนโทรมาแต่เธอไม่กล้ารับสาย หากรับสายก็ต้องหักเงินและเธอจ่ายค่าโทรศัพท์ไม่ไหวแล้ว โทรศัพท์ดังอยู่พักใหญ่กว่าจะตัดสายไปก่อนที่จะมีข้อความฉบับหนึ่งส่งมา


‘อันน่า พ่อแม่ไม่มีทางทำร้ายลูก เถ้าแก่สวีไม่เลวเลยจริง ๆ ขอแค่ลูกแต่งงานกับเถ้าแก่สวี หลังจากนี้ไปก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีก ชีวิตก็จะสุขสบายตลอดไป บริษัทของพ่อก็จะเติบโตขึ้น เป็นเรื่องที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองทาง ลูกลองคิดดูดี ๆอีกทีนะ’


สีอันน่าบันดาลโทสะคว้าโทรศัพท์มาพิมพ์ข้อความตอบกลับ ‘พ่อกับแม่ก็แค่อยากขายลูกสาวเพื่อเงินใช่ไหมล่ะ? พอมีลูกชายลูกสาวก็กลายเป็นสินค้าไปแล้วสินะคะ หนูไม่มีวันกลับไป ต่อให้หิวตายก็ไม่กลับไปเด็ดขาด!’


………………………………


ตอนที่ 2232 ได้รับการช่วยเหลือ


สีอันน่าพิงกำแพงปล่อยให้น้ำตาไหลรินแต่ในใจกลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากกว่า


ทั้งที่เธอเป็นเจ้าหญิงของบ้านและเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ที่ไม่เคยมีอะไรด้อยไปกว่าคนอื่นตั้งแต่เด็ก คุณพ่อมักบอกว่าอนาคตให้เธอตามหาลูกเขยสักคนมาช่วยบริหารบริษัทโฆษณาด้วยกัน เธอถึงได้เลือกเรียนออกแบบโฆษณาเพราะคิดอยากบริหารบริษัทให้ดียิ่งกว่านี้


แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่ปีที่แล้ว—


เพราะคุณแม่วัยสี่สิบห้าปีของเธอมีลูกตอนแก่คลอดน้องชายตัวอวบอ้วนผิวขาวให้เธอคนหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว น้ำหนักแรกคลอดแปดจินแปดร้อยกรัม[1] เป็นเลขมหามงคลที่ทำเอาพ่อของเธอดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้ไปสามวัน


นับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันถูกลดเหลือสามพันหยวนจากห้าพันหยวน โดยบอกว่าเลี้ยงลูกต้องใช้เงินมากจึงขอให้เธอเข้าอกเข้าใจพ่อแม่แล้วใช้จ่ายอย่างประหยัด


ปิดเทอมเธอกลับบ้านไปพ่อแม่ก็จดจ่ออยู่แต่กับน้องชายน่าชังคนนั้นโดยไม่คิดถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอะไรเธอเลย…


เรื่องนี้ยังพอปล่อยผ่านไปได้แต่เรื่องที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นคือบริษัทที่เคยคุยกันไว้ว่าจะให้เธอดูแลในอนาคต ตอนนี้กลับเลือกคู่ชีวิตไว้ให้เธอล่วงหน้า ขายเธอเหมือนสินค้าแล้วยังประดิษฐ์คำสวยหรูว่าทำไปเพราะหวังดีกับเธอ!


ถุย!


นี่ก็เพราะกำลังปูทางให้ลูกชายไม่ใช่หรือ?


เถ้าแก่สวีคนนั้นเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัทพ่อเธอที่มีทรัพย์สมบัติมหาศาลก็จริง แต่ไขมันบนร่างกายก็มีมากเช่นกัน เขาตัวใหญ่กว่าเธอหนึ่งเท่าทั้ง ๆที่จะวัดแนวไหนส่วนสูงก็ใกล้เคียงกับเธอ อดีตเธอเคยเจออยู่หลายครั้ง เธอนึกอยากอาเจียนทุกทีที่เห็นสภาพอ้วนไขมันเยิ้มอย่างนั้น


ให้ตายอย่างไรเธอก็จะไม่แต่งงานกับผู้ชายน่าสะอิดสะเอียนแบบนี้หรอก!


ต่อให้พ่อของเธอตัดรายได้ของเธอเธอก็ไม่มีวันยอมจำนน!


เธอไม่เชื่อหรอกว่าอาศัยความสามารถและหน้าตาของเธอจะไม่สามารถปักหลังอยู่ในเมืองหลวงได้?


แต่พอนึกถึงการสัมภาษณ์งานที่ล้มเหลวไปสามครั้งและเหลือเงินในบัญชีเพียงห้าร้อยหยวน หัวใจที่แน่วแน่ของสีอันน่าก็เริ่มสั่นคลอน หากหางานไม่ได้อีกเธอต้องลำบากถึงขั้นไม่มีเงินกินข้าวแน่


เธอยิ้มขมขื่นถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วมองไปที่โทรศัพท์ในกระเป๋า ถ้าอับจนหนทางจริง ๆก็คงทำได้แค่ขายโทรศัพท์ทิ้งแล้วล่ะ!


โทรศัพท์เครื่องนี้ซื้อก่อนที่น้องชายจะเกิดมา เป็นรุ่นใหม่ที่สุดในตอนนั้นราคาห้าพันกว่าหยวน พ่อของเธอตกลงซื้อให้โดยไม่ลังเลใจเลยสักนิด แต่ตอนนี้…


สีอันน่าปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่างปวดใจ ทุกอย่างเป็นเพราะน้องชายที่สมควรตายคนนั้น ทำไมเขาต้องเกิดมาด้วย บนโลกนี้มีเด็กที่ตายตั้งแต่แรกเกิดตั้งมากมายแต่ทำไมน้องชายของเธอถึงยังมีชีวิตที่ดีขนาดนั้นได้นะ!


“โอ้…สาวน้อยหน้าตาสวยดีนี่นา…แค่ดำไปหน่อย…ไปร้องเพลงเป็นเพื่อนพวกพี่ดีกว่า…”


สีอันน่าปาดน้ำตาจนแห้งดีเตรียมออกจากห้องเช่าแต่พวกอันธพาลหลายคนบุกเข้ามาล้อมเธอไว้ พ่นวาจาต่ำช้าออกมาแล้วยังใช้มือจับนู่นจับนี่อีกต่างหาก


“หลีกไป…”


สีอันน่าตกใจจนหน้าซีด ซอยนี้ค่อนข้างเปลี่ยวและตอนนี้ฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว แถมยังไม่มีคนเดินผ่านแม้แต่คนเดียว…เธอควรทำอย่างไรดีล่ะ?


……


สีอันน่าถูกอันธพาลเหล่านั้นไล่ต้อนจนมุมแล้วอุดปากเธอไว้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้จะจับตัวไปทำเรื่องดี ๆอยู่แล้ว เธอดิ้นพล่านสุดฤทธิ์แต่กลับกระตุ้นความสนใจจากคนเหล่านี้มากกว่าเดิม


เธอหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง เธอรู้สึกเสียใจแล้ว…หากรู้ว่าจะเกิดเรื่องนี้แต่แรกสู้ให้เธอกลับไปแต่งงานกับเถ้าแก่สวีนั่นดีกว่า!


“ปล่อยเพื่อนฉัน…แล้วเงินพวกนี้จะเป็นของพวกแก!”


มีเสียงแว่วดังมาจากด้านหลังซึ่งเป็นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอไม่ใช่ใครแต่เป็นถังม่านลี่ เธอล้วงเงินปึกหนึ่งจากกระเป๋าแล้วโปรยเงินปลิวว่อนลงมาราวกับหิมะที่ภาพดูสวยงามยิ่งนัก


เหล่าอันธพาลตาเป็นประกายรีบกรูกันเข้าเก็บเงินแล้วปล่อยตัวสีอันน่าไป


ถังม่านลี่พุ่งเข้าไปฉุดแขนเธอวิ่ง จากนั้นไม่นานก็หนีออกมาจากซอยนั้นได้


……………………….


[1] ประมาณสี่กิโลแปดร้อยกรัม


ตอนที่ 2233 ขายในราคาหนึ่งแสนห้าหมื่น


คนที่เหมยเหมยสั่งให้จับตาดูสีอันน่าจะคอยรายงานข่าวคราวให้เธอฟังทุกวัน เมื่อได้ยินว่าถังม่านลี่ไม่เพียงแต่ช่วยสีอันน่าแล้วยังกลายเป็นเพื่อนสนิทกับเธอ เหมยเหมยก็ชักไม่เข้าใจแล้วว่ายัยนี่คิดจะทำอะไร?


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เข้าใจยิ่งกว่า “หรือว่าถังม่านลี่จงใจพูดอย่างนั้นเพราะความจริงเธออยากปกป้องสีอันน่า? โอ้โฮ…หรือว่าเธอกับสีอันน่าคือเพื่อนสนิทกัน? ทำไมฉันถึงดูไม่ออกเลยนะ…”


เหมยเหมยส่ายศีรษะ “เป็นไปไม่ได้ ถังม่านลี่น่าจะมีแผนอะไรอยู่ เราแค่รอดูต่อไปก็พอ”


ดีที่หลังจากนั้นไม่นานก็มีละครฉากใหญ่เริ่มต้นขึ้นแล้ว


“คุณนายครับ ถังม่านลี่แนะนำให้สีอันน่าไปทำงานขายซิการ์ที่สโมสรเศรษฐีแล้วยังบอกว่าจะคุ้มครองความปลอดภัยของเธอ ธุรกิจของสีอันน่าไปได้ดี ตอนนี้เธอรู้สึกขอบคุณถังม่านลี่อย่างมาก” คนที่คอยจับตาดูมารายงาน


แค่เหมยเหมยฟังก็รู้ทันแผนการของถังม่านลี่แล้ว นี่คิดจะหลอกล่อสีอันน่าถลำสู่เหวลึกทีละก้าว ๆอยู่สินะ!


ช่างเป็นแผนการที่แยบยลนัก!


เมื่อก่อนสีอันน่ามักเย้ยหยันว่าเงินของถังม่านลี่ได้มาด้วยวิธีต่ำช้าสกปรกและเป็นเงินที่ได้มาจากการขายตัว ตอนนี้ถังม่านลี่เลยส่งสีอันน่าไปทำงานที่สโมสรเศรษฐีเพื่อให้เธอกลายเป็นคนแบบเดียวกันกับตน


เว้นช่วงไปอีกหลายวันก็มีความคืบหน้าจากฝั่งสีอันน่า


“ถังม่านลี่แอบประมูลขายคืนเสียตัวครั้งแรกของสีอันน่าที่สโมสรเศรษฐี ตอนนี้ประมูลถึงหลักแสนแล้วแต่สีอันน่ากลับไม่รู้อะไรเลย”


เหมยเหมยเบิกตาโต แผนการนี้ของถังม่านลี่ช่างร้ายกาจเสียจริง ทั้งแก้แค้นทั้งได้กำไรมาเป็นกอบเป็นกำ ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว!


“ลูกค้าเก่าของทางสโมสรท่านหนึ่งประมูลได้ในราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน ลูกค้าเก่าคนนี้จะมีรสนิยมพิเศษหน่อย เมื่อก่อนทำเอาถังม่านลี่ลำบากไม่น้อย แถมครั้งนี้เธอตั้งใจเชิญมาโดยเฉพาะเลยด้วย” ลูกน้องรายงานเพิ่มเติมแต่พูดอย่างอ้อมค้อม


เหมยเหมยเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าถังม่านลี่เกลียดสีอันน่าเข้าไส้ คืนแรกจัดลูกค้าโรคจิตแบบนี้ให้เกรงว่าคงทำเอาปางตายแน่นอน!


แต่กลับไม่น่าเห็นใจสักนิด!


********


สีอันน่านอนหายใจโรยรินอยู่บนเตียงใหญ่ บาดแผลตามเนื้อตัวเต็มไปหมด


ทุกอย่างเมื่อคืนเหมือนดั่งขุมนรกที่เธอไม่อยากแม้แต่จะย้อนคิดถึงมัน


เสียงสวบสาบใส่เสื้อผ้าดังขึ้นข้างกายที่ทำเอาสีอันน่าใจหาย ตัวสั่นสะท้านไม่กล้าขยับตัว กลัวปีศาจตนนี้จะลงไม้ลงมือกับเธออีก


“ถึงจะดำไปหน่อยแต่ผิวกายใช้ได้ เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นก็คุ้มอยู่…”


ชายผู้นั้นสวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและกลับไปดูภูมิฐานดังเดิม ดูจากภายนอกมองไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นที่มีรสนิยมแปลก ๆแบบนี้


สีอันน่าตัวสะท้านเฮือก เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นหมายความว่าอย่างไร?


“หนึ่งแสนห้าหมื่นอะไรกัน?” สีอันน่ายกศีรษะขึ้นและปลุกความกล้าเอ่ยถามออกไป เธอต้องถามให้รู้เรื่อง


ชายผู้นั้นเห็นสีอันน่าที่มีบาดแผลตามตัวดวงตาก็ฉายแววสนอกสนใจพลางก้มหน้ากล่าว “ถ้าเธอบริการฉันให้พอใจ ฉันก็จะบอกเธอ!”


ความละอายใจก่อตัวขึ้นในใจสีอันน่า แต่เธอก็กัดฟันปรนนิบัติผู้ชายคนนี้ ปรนนิบัติมาทั้งคืนแล้วอีกครั้งเดียวจะเป็นอะไรไป ตอนนี้เธอแค่อยากถามให้รู้เรื่องว่าเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นนั่นหมายความว่าอย่างไร


……


ชายผู้นั้นสวมกางเกงอีกครั้งอย่างพึงพอใจแล้วกระซิบข้างหูสีอันน่า “เธอเป็นคนสวยที่ฉันประมูลมาได้ด้วยเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นเชียว แต่ฉันก็ไม่ขาดทุนหรอก ในเมื่อเป็นถึงนักศึกษาจากมหาลัยเมืองหลวง แถมยังเป็นสาวบริสุทธิ์อีกด้วย คุ้มแล้ว…ฮ่า ๆ!”


ชายผู้นั้นหัวเราะเสียงดังอย่างได้ใจแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงสีอันน่าที่หน้าตาซีดเซียวและหัวสมองยุ่งเหยิง


ใครขายเธอกันนะ?


ทั้ง ๆที่เธอแค่อยากขายซิการ์ที่สโมสรอย่างเดียว เธอไม่เคยคิดจะขายคืนแรกของตัวเองเลยด้วยซ้ำ!


สีอันน่าครุ่นคิดอย่างรอบรอบไม่นานก็นึกสงสัยในตัวถังม่านลี่ขึ้นมา เธอฝืนทนต่อความเจ็บปวดแล้วคิดจะไปสะสางบัญชีกับถังม่านลี่แต่ประตูถูกคนผลักเข้ามา ถังม่านลี่เดินยิ้มระรื่นเข้ามาแล้วกำรูปปึกหนึ่งโยนใส่หน้าเธอ


………………………….


ตอนที่ 2234 คนหนึ่งซื้อคนหนึ่งขาย


สีอันน่าหยิบรูปภาพบนโต๊ะขึ้นมา มองเพียงแวบเดียววิญญาณก็หลุดออกจากร่าง หน้าซีดไร้สีเลือดฝาด


ตัวแสดงหลักในรูปล้วนเป็นเธอที่ไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ปกปิดสักชิ้นเดียว ทั้งยังบิดขยับท่วงท่าน่าอับอายจนไม่กล้ามอง สีอันน่าถามเสียงสั่น “ทำไมเธอถึงทำแบบนี้กับฉัน?”


หากจนถึงตอนนี้แล้วเธอยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเธอ ถ้างั้นก็เสียเวลาเปล่าที่เกิดมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วล่ะ


สีอันน่านึกเกลียดตัวเองที่มีตาหามีแว่วไม่ มองไม่ออกว่าถังม่านลี่มาด้วยเจตนาชั่วร้าย แถมยังหลงคิดว่าเธอจะเป็นเพื่อนที่ดีที่ยอมช่วยเธอให้หลุดจากความลำบากด้วยใจจริง เธอแค้นใจเหลือเกิน!


ถังม่านลี่แค่นหัวเราะทีหนึ่ง กระแทกรองเท้าส้นสูงเดินมาตรงหน้าสีอันน่าช้า ๆ เรือนร่างสูงเพรียวทำให้เธอสามารถก้มมองอีกฝ่ายอย่างผู้เหนือกว่าได้ บุคลิกน่าเกรงขามจนสีอันน่าเผลอยืนมือมากำผ้าปูเตียงคิดจะเอามาใช้ปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าอย่างอดไม่ได้


“ปิดอะไรกัน…ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นมาก่อน…” ถังม่านลี่กอดอกเอ่ยประชดและมองด้วยสายตาสะใจ


เถ้าแก่เกาเป็นลูกค้ารายใหญ่เมื่อสามปีก่อนของเธอที่มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาและเป็นคนใจป้ำคนหนึ่ง แต่ไม่มีหญิงสาวคนใดยอมบริการเขาเพราะเถ้าแก่เกาคนนี้มีรสนิยมที่แปลกประหลาด แม้ไม่เอาถึงตายแต่หากได้ปรนนิบัติเขาหนึ่งคืนอย่างน้อยก็ไม่สามารถทำมาหากินได้อีกทั้งเดือน


เมื่อสามปีก่อนถังม่านลี่ไม่ได้มีชื่อเสียงในสโมสรเศรษฐีมากนัก คนที่ใช้บริการล้วนมีแต่เถ้าแก่ระดับตัวน้อย ๆ ถึงแม้จะไม่ได้ขี้เหนียวอะไรแต่ก็ไม่สามารถดันเธอให้มีตำแหน่งได้เช่นกัน


ไม่ว่าสายอาชีพใดก็ถือเป็นกฎเดียวกัน เหล่าบรรดาหญิงบริการหน้าเคาน์เตอร์หนักยิ่งกว่านั้นอีก หากไม่มีใครดันก็จะเป็นเพียงหญิงบริการชั้นต่ำที่อาจมีรายได้ต่อเดือนแปดพันถึงหลักหมื่น แถมยังไม่มีสิทธิ์ในการเลือกลูกค้าอีกต่างหาก ต่อให้จะรังเกียจลูกค้ามากเพียงใดแต่หากอีกฝ่ายเจาะจงเลือกคุณ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องรับแขกแต่โดยดี


ถังม่านลี่เคยนั่งรอรับแขกแบบนี้อยู่หลายครั้งทำเอาเธอรังเกียจแทบตาย ฉะนั้นเธอถึงพยายามไต่เต้าอย่างสุดชีวิต ขอเพียงเธอกลายเป็นดาวเด่นประจำสโมสร สโมสรก็จะปั้นเธออย่างดีและจะให้เกียรติในความคิดเห็นเธอบ้างโดยจะไม่จัดลูกค้าที่ไม่เข้าตาให้เธออีก


ดังนั้น–


เมื่อสามปีก่อนถังม่านลี่เลือกบริการเถ้าแก่เกาเอง อย่างไรเสียก็ไม่ถึงกับตายแค่ต้องทรมานสักหน่อยเท่านั้น


หากปรนนิบัติจนเถ้าแก่เกาพึงพอใจ เถ้าแก่เกาก็จะดันเธอจนมีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง


ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าถังม่านลี่ได้ตัดสินใจถูกต้อง


เถ้าแก่เกาพึงพอใจกับหญิงงามจากมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างถังม่านลี่มากพอสมควรและเลือกเธอให้มาปรนนิบัติกว่าครึ่งปี แม้จะทำให้ถังม่านลี่เจ็บเนื้อเจ็บตัวไปบ้างแต่ก็ได้ผลประโยชน์มาไม่น้อย


นับแต่นั้นมาถังม่านลี่ก็ถูกดันขึ้นสู่อันดับหนึ่งในชั่วข้ามคืน กลายเป็นดาวเด่นที่ใครหลาย ๆคนประจำสโมสรเศรษฐีต่างหมายปอง ไม่ใช่หญิงบริการนั่งรอลูกค้าหน้าเคาน์เตอร์อีกต่อไป


ถังม่านลี่เห็นรอยบาดแผลตามตัวสีอันน่าก็หวนนึกถึงความเจ็บปวดที่ตนเคยได้รับในอดีตพลันก็รู้สึกสะใจขึ้นมา เหยียดยิ้มหยันกว้างกว่าเดิม


“เถ้าแก่เกาพอใจในตัวเธอมากเลยนะ…แล้วยังบอกว่าเธอมีพรสวรรค์การเป็นหญิงขายบริการอีกด้วย…”


ถังม่านลี่จงใจพูดเช่นนี้ เมื่อก่อนสีอันน่ามักบอกว่าเธอเป็นไก่ไม่ใช่หรือ?


ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เธอจะทำให้สีอันน่าเป็นไก่เช่นกันแล้วยังไม่ได้เงินสักแดงเดียวอีกด้วย!


“ฉันไม่ใช่หญิงขายบริการ…เธอต่างหาก…ถังม่านลี่ทำไมเธอถึงกับฉันแบบนี้…ฉันจะฆ่าเธอ!”


สีอันน่ากรีดร้องอย่างบ้าคลั่งโถมตัวเข้ามาคิดจะกัดถังม่านลี่แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงใด ๆ แค่ถูกถังม่านลี่ยกขาถีบก็ร่วงลงพื้นอย่างง่ายดาย คล้ายปลาขาดน้ำอ้าปากพะงาบ ๆมองเพดานอย่างสิ้นหวัง


“เธอไม่ยอมรับก็เปล่าประโยชน์นะ…ค่าเปิดซิงเมื่อคืนของเธอตั้งแสนห้าแหนะ คนหนึ่งขายคนหนึ่งซื้อ เธอว่าเธอไม่ใช่หญิงขายบริการแล้วเป็นอะไรเหรอ…เหอะ ๆ…”


ถังม่านลี่เอ่ยวาจาทำร้ายจิตใจอีกคนด้วยท่าทีเรียบเฉยจนหัวใจของสีอันน่าถูกแทงจนเลือดอาบ


ตอนที่ 2235 สุดท้ายก็ใจอ่อน


สีอันน่าได้ยินคำว่าแสนห้าก็ตัวสั่นไม่หยุด ถลึงตาจ้องถังม่านลี่อย่างเคียดแค้นใจ


เธอไม่คิดว่าถังม่านลี่จะใจเหี้ยมหลอกขายเธอแบบนี้!


ไม่มีเงินแสนห้านี้เธอยังปลอบใจตัวเองได้ว่าแค่ถูกคนชั่วข่มขืน เธอเป็นผู้เสียหายที่อาจมองว่าถูกหมากัดสักคำก็ได้ แต่ตอนนี้–


เธอกลับกลายเป็นหญิงขายบริการไปแล้ว


แล้วยังขายได้ราคาสูงถึงแสนห้าอีกด้วย!


ต่อให้เธอจะหลอกตัวเองอย่างไรก็ไม่อาจมองข้ามเงินแสนห้านี้ไปได้!


“ทำไมเธอถึงทำร้ายฉันแบบนี้?” สีอันน่ามองถังม่านลี่ด้วยสายตาแค้นใจ เธอคิดไม่ตกจริง ๆ


แม้เธอกับถังม่านลี่ไม่นับว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีมากแต่ก็ไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน ต่อให้…


สีอันน่าใจหล่นวูบแต่ไม่นานก็เลือกจะปลอบใจตัวเอง ถังม่านลี่ไม่มีทางรู้เด็ดขาดเพราะเธอปกปิดทุกอย่างดีมาก อีกอย่างเธอไม่ได้สั่งให้หวังเหล่ยแบกระเบิดไปมหาวิทยาลัยนี่นา


ถังม่านลี่มองสีอันน่าที่แสร้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ด้วยสายตาเย็นชา “เธอคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องที่เธอแอบทำลับหลังงั้นเหรอ? ตอนที่หวังเหล่ยแบกระเบิดไปมหาลัยตอนนั้นเธอคงได้ใจมากสินะ?”


สีอันน่าใจเต้นรัวแล้วเอ่ยปากปฏิเสธ “ฉันมีอะไรต้องได้ใจด้วยล่ะ…เธออย่ามาใส่ร้ายฉันนะ…”


“เธอไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียฉันก็ได้แก้แค้นแล้ว รูปพวกนี้ฉันมีอยู่เป็นกองใหญ่ แต่ละรูปเด็ดมากเลยล่ะ…”


ถังม่านลี่โน้มตัวกระซิบข้างหูสีอันน่าเสียงเบา “แล้วก็คลิปเมื่อคืนก็เด็ดมากเลยนะ เธออยากดูหน่อยไหม?”


“ถังม่านลี่เธอมันโรคจิต…รีบเอาคลิปกับรูปทั้งหมดคืนฉันมา…”


สีอันน่าตกใจจนหน้าซีด เธอกะจะลืมเรื่องเมื่อคืนไปให้หมดแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ตอนนี้–


เธออยากลืมยังยากเลย!


นังแพศยาถังม่านลี่ต้องเอารูปถ่ายกับคลิปพวกนี้มาข่มขู่เธอแน่ หลังจากนี้ไปชีวิตเธอต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของนังแพศยาคนนี้!


สีอันน่ารีบวิเคราะห์ในหัวอย่างว่องไว ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว เธอต้องหาทางเอาของพวกนั้นคืนมาให้ได้ หากถูกคนรู้จักเห็นเข้าเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรล่ะ?


“ถังม่านลี่…ฉันขอร้องละ…เธอปล่อยฉันไปเถอะ…”


สีอันน่าคุกเข่าวิงวอน ลดตัวลงให้นอบน้อมที่สุด


ถังม่านลี่แค่นเสียงเย็นชาทีหนึ่ง “สบายใจได้…ขอแค่เธอยอมเชื่อฟังแต่โดยดี ฉันก็จะไม่ปล่อยคลิปกับรูปพวกนี้อออกไป แต่ถ้าเธอกล้าวางแผนทำร้ายลับหลังอีกละก็…”


เธอเว้นช่วงแล้วพูดเสียงเย็นชา “ฉันก็จะส่งรูปโป๊ของเธอให้ไปบรรดาญาติมิตรสหายของเธอพร้อมเทปอัดวิดีโอนั่นด้วย ฉันว่าน่าจะขายได้สักแสนหนึ่งละมั้ง!”


สีอันน่ามองถังม่านลี่ที่ไม่คิดจะใจอ่อนอย่างสิ้นหวัง “เธอมันร้ายกาจจริง ๆ…”


“พอ ๆกันนั่นแหละ…เธอก็ไม่ใช่คนดีอะไร!”


ถังม่านลี่หมุนตัวเดินออกจากห้องไป เสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกพื้นดังเป็นจังหวะพร้อมกับร่างเพรียวที่แสนเย้ายวน


“อ้อใช่แล้ว ห้องนี้จ่ายถึงแค่เที่ยงตรง ทางที่ดีเธอรีบออกไปจะดีกว่า…”


ถังม่านลี่หยุดอยู่ตรงหน้าประตูแล้วหันกลับมาเอ่ยประโยคหนึ่ง อมยิ้มน้อย ๆแล้วเดินจากไป


ความจริงเธอก็ผ่อนปรนให้สีอันน่าอยู่บ้างไม่ได้ไล่ต้อนจนถึงที่สุด เดิมทีเธอคิดจะขายสีอันน่าไปในซ่องมืด ผู้หญิงที่ไปอยู่ที่นั่นต่อให้ประจำเดือนมาก็พักผ่อนไม่ได้ต้องรับแขกจนตาย!


ไปซ่องมืดก็เท่ากับตายสถานเดียวแถมยังตายอย่างอนาถอีกด้วย หากในสโมสรเศรษฐีมีหญิงบริการที่ไม่ยอมเชื่อฟังก็จะถูกส่งตัวขายไปที่นั่น ซึ่งสภาพอนาถจนทนมองไม่ได้


สุดท้ายถังม่านลี่ก็เลือกจบเพียงเท่านี้ เธอไม่ได้ใจเหี้ยมขนาดนั้นในเมื่ออีกฝ่ายเป็นเพื่อนร่วมหอพักมาตั้งสี่ปี!


แต่สุดท้ายเธอถึงรู้ว่าการใจอ่อนกับศัตรูจะเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างโหดเหี้ยม!


แม้เหมยเหมยไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุแต่กลับรู้ทุกรายละเอียดเพราะลูกน้องได้รายงานเธอทุกอย่าง เธอฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายศีรษะ


……………………..


ตอนที่ 2236 ใจไม่เด็ดขาดพอ อนาคตต้องลำบาก


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็อยู่ด้วยเพราะความอยากรู้อยากเห็นมากเกินไปจนทำให้หญิงสาวผู้นี้ต้องมารายงานตัวกับเหมยเหมยทุกวันหลังเลิกงาน ต่อให้ฝนตกฟ้าผ่าอย่างไรก็ไม่หวั่น


เธอได้ฟังแผนแก้แค้นของถังม่านลี่ก็ทำหน้าอึ้งอ้าปากเป็นรูป o


“โอ้โฮ…นี่ถังม่านลี่เกิดใหม่เหรอ? ถึงได้มีแผลแยบยลขนาดนี้!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ย


เธออดนึกถึงถังม่านลี่เมื่อสี่ปีก่อนไม่ได้ พออ้าปากพูดก็มีแต่ภาษาจีนกลางสำเนียงแปร่ง ๆออกมา หากไม่แต่งตัวด้วยสีแดงก็สีเขียวแสบตา จับคู่สีแดงกับสีเขียวดูเชยเสียไม่มี ถังม่านลี่ในอดีตส่งกลิ่นอายเด็กบ้านนอกตั้งแต่หัวจรดเท้า


เรื่องนี้กลับเป็นเรื่องรอง การกระทำที่ไร้สมองที่สุดของถังม่านลี่คือความทะเยอทะยานโลภมากที่ตรงกันข้ามกับฐานะของเธอ กว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่วัน ๆเธอกลับไม่ตั้งใจเรียนเอาแต่คิดถึงเครื่องสำอางกับเสื้อผ้าแบรนด์ดัง…


“เฮ้อ…ถังม่านลี่ทำแบบนี้ไม่รู้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจ


ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนร่วมหอพัก ความจริงเธอก็หวังว่าถังม่านลี่จะมีชีวิตที่ดีในทุก ๆวัน


ดาวเด่นชั้นสูง…ที่ฟังดูจะสูงส่งแต่เนื้อแท้ก็ยังเป็นหญิงขายบริการอยู่วันยังค่ำ ยังคงต้องใช้ร่างกายบริการผู้อื่น อีกทั้งในแวดวงสังคมนั่นสกปรกโสโครก ตั้งแต่สมัยโบราณยันปัจจุบันมีโสเภณีคนใดจบสวยบ้าง?


เหมยเหมยยิ้ม “ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็เป็นทางที่เธอเลือก เราไปยุ่งมากไม่ได้หรอก”


ลูกน้องรายงานอีก “หวังเหล่ยถูกประกันตัวปล่อยกลับบ้านไปแล้ว เป็นถังม่านลี่ที่ขอให้คนช่วยแล้วจ่ายเงินค่าประกันตัวหวังเหล่ยไป”


เหมยเหมยเลิกให้ลูกน้องจับตาดูสีอันน่าในเมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว ถังม่านลี่มีไพ่ไม้ตายอยู่ในมือ หากสีอันน่าคิดจะอยู่ในฮวาเซี่ยต่อไปก็ต้องทำตัวสงบเสงี่ยม ไม่อย่างนั้นคราวหน้าถังม่านลี่อาจไม่ใจอ่อนอีกแล้วก็ได้


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยอย่างตกใจ “ถังม่านลี่ใจอ่อนเกินไปแล้วมั้ง เจ้าหมอนั่นเกือบทำคนทั้งห้องเราตายแต่กลับปล่อยตัวไปง่าย ๆแบบนี้เหรอ?”


“บางทีถังม่านลี่อาจจะมีเยื่อใยกับหวังเหล่อก็ได้!”


ในเมื่อเป็นแฟนคนแรก หากเธอไม่เคยชอบมาก่อนคนอย่างถังม่านลี่คิดจะหาผู้ชายมาจ่ายค่าเล่าเรียนให้คงง่ายดายนัก ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาหวังเหล่ยเลย


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นด้วยอย่างมาก “นักแสดงงิ้วไร้ใจ โสเภณีไร้เมตตา ถังม่านลี่เด็ดขาดไม่พออนาคตต้องเสียเปรียบแน่”


เหมยเหมยเองก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน คนเรามีความเมตตาได้แต่ต้องดูว่าอีกฝ่ายเป็นใคร


ผู้หญิงอย่างสีอันน่าชั่วร้ายโดยเนื้อแท้ เธอร้ายกาจยิ่งกว่าเจิ้งเสวี่ยซานเสียอีก อย่างน้อยเจิ้งเสวี่ยซานก็ทำร้ายใครอย่างมีเป้าหมายแต่ไม่ได้ลงมือทำร้ายคนบริสุทธิ์ แต่สีอันน่ากลับตรงกันข้ามเพราะเธอเหมือนหมาบ้า ขอแค่มีชีวิตที่ดีกว่าเธอหน่อยเธอก็กัดไม่ปล่อยแล้ว


อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ยังเสแสร้งเก่ง ใช้ชีวิตอยู่ในห้องเดียวกันมาตั้งสี่ปีแต่ไม่เคยเห็นธาตุแท้ของเธอเลย ความจริงคนที่ทั้งอดทนเก่งและโหดเหี้ยมเช่นนี้ต่างหากที่อันตรายที่สุด


ครั้งนี้ถังม่านลี่ไม่เอาสีอันน่าถึงตายแต่ให้เธอมีโอกาสได้หายใจต่อ อนาคตสีอันน่าต้องกลับมาแว้งกัดอย่างแน่นอน!


แต่เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ!


เหมยเหมยไม่ได้สนิทกับสองคนนี้อยู่แล้ว เธอจะนั่งดูเฉย ๆไปแล้วกัน!


“เรื่องนี้ก็อย่าไปสนใจเลย งานแต่งงานของฉีฉีเก๋อจัดขึ้นวันไหน เตรียมพร้อมเสร็จหมดหรือยัง?” เหมยเหมยเปลี่ยนเรื่อง


“ใกล้แล้ว จัดในอีกสามวันข้างหน้าในโรงแรมเล็ก ๆแห่งหนึ่ง อ้อ อาจารย์เจียงกับสวีจื่อเซวียนก็จะร่วมงานด้วยเหมือนกัน” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าระริกระรี้และดูฮึกเหิมทันทีที่พูดถึงเรื่องงานแต่งงาน


เหมยเหมยแปลกใจอย่างมาก “พวกเขามาได้อย่างไร? เธอเป็นคนบอกพวกเขาเหรอ?”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธทันควัน “ไม่ใช่อยู่แล้ว พวกเขามาขอบัตรเชิญกับฉันเองบอกว่าจะไปร่วมแสดงความยินดีกับฉีฉีเก๋อ ฉันก็ปฏิเสธไม่ลงเลยให้บัตรเชิญพวกเขาไป”


ตอนที่ 2237 เพลงบรรเลงในวันแต่งงาน


เหมยเหมยยักไหล่ “ให้ก็ให้ไปเถอะ งานมงคลคนเยอะหน่อยจะได้คึกคัก”


พอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าเหมยเหมยไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไรก็พรูลมหายใจโล่งอกไปที ท่าทางเหมือนรอดพ้นความตายทำเอาเหมยเหมยตวัดตาเขม่นใส่เธอแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ “ฉันใจแคบขนาดนั้นเชียวเหรอ?”


“ไม่ใช่อยู่แล้ว เธอเป็นคนใจกว้างจะตายแล้วจะใจแคบได้อย่างไรกัน ฉันแค่กังวลว่าพวกเขาจะขวางหูขวางตาเธอ ทำเธอเสียอารมณ์แค่นั้นเอง” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบอธิบาย


เธอรู้ดีถึงความเกลียดชังที่เหมยเหมยมีต่อสองคนนี้เลยลังเลอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ให้ไป


เพราะอิงจวี้กังบอกว่างานแต่งงานปฏิเสธแขกไม่ได้ไม่อย่างนั้นจะไม่เป็นมงคล เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลัวเป็นจริงเลยไม่กล้าขัดอะไร


เหมยเหมยหลุดขำ “ฉันไม่ชอบสองคนนี้ก็จริง ถึงตอนนั้นไม่สนใจพวกเขาก็พอ มีอะไรให้ไม่พอใจกัน”


“ใช่ ๆ ไม่สนใจพวกเขาก็พอ”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดคล้อยตาม บอกตามตรงเธอเองก็ไม่ชอบสองคนนี้เช่นกันต่อให้คนหนึ่งเป็นอาจารย์ของเธอส่วนอีกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอแต่ก็น่ารังเกียจอยู่ดี


คนใจกว้างอย่างคุณนายเจียงดูสบายตากว่าเยอะ!


ตอนนี้คุณนายเจียงกลายเป็นหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญประจำบริษัทของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปแล้ว ธุรกิจขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าเธอเป็นหญิงที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ได้ข่าวว่าตอนนี้มีผู้ชายเก่งกาจตามจีบคุณนายเจียงอยู่ไม่น้อย คุณนายเจียงไม่ตกลงปลงใจกับใครสักคนแต่กลับโปรยเสน่ห์ให้ความหวังผู้ชายเหล่านี้ มีชีวิตสุขสบายใจกว่าอดีตมากโข


สามวันถัดมาลุงเหลากับป้าฟางต่างก็ไปร่วมงานแต่งงานเป็นเพื่อนเหมยเหมยที่โรงแรมขนาดไม่ใหญ่ก็จริงแต่ดูออกว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับอิงจวี้กังได้ตกแต่งสถานที่อย่างใส่ใจ มีลูกโป่งสีชมพูลอยอยู่ทั่วงานรวมถึงดอกกุหลาบสีแดงราวกับอยู่ในนิทานวัยเด็ก แค่เห็นก็อยากแต่งงานด้วยอีกคนแล้ว


ค่าจัดงานแต่งงานมีเหมยเหมยเป็นฝ่ายสนับสนุนคนเดียว ส่วนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนออกแรงเธอออกเงิน ถือเป็นของขวัญวันแต่งงานสำหรับเพื่อนสนิท


“ขอบคุณ…ดีจริง ๆที่มีพวกเธอ…”


ฉีฉีเก๋อสวมชุดแต่งงานสีขาวสะอาดพร้อมแต่งหน้าอย่างประณีต เธอเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดด้วยน้ำตาที่กำลังคลอเบ้าอยู่


“โอ๊ย…เธออย่าร้องไห้เชียว กว่าจะแต่งหน้าสไตล์เจ้าสาวให้เธอได้ไม่ง่ายเลยนะ ร้องไห้เครื่องสำอางเลอะแล้วดูสิว่าเธอจะถ่ายรูปอย่างไร!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบ่นอย่างไม่พอใจและทำหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร


ปกติเธอถนัดสื่ออารมณ์ความรู้สึกด้วยวิธีง่าย ๆและป่าเถื่อน พอฉีฉีเก๋อมาแนวอบอุ่นซาบซึ้งใจก็ทำเธอไม่คุ้นชินอย่างมาก รู้สึกเก้ ๆกัง ๆไปหมด เดิมคิดจะพูดปลอบสักหน่อยแต่คำที่ออกจากปากกลับกลายเป็นคำบ่นไปเสียได้


ดีที่เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อรู้นิสัยใจคอเธอดีเพราะเธอเป็นคนปากร้ายใจอ่อน ปากสบถคำดุด่าออกมาแต่คนที่ใจอ่อนที่สุดกลับเป็นเธอ


ฉางชิงซงสวมชุดสูทสีขาวที่เช่ามาขับให้ดูดีมีสง่า กล่าวคำขอบคุณกับพวกเหมยเหมย “ขอบคุณนะ…”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้พูดไว้หน้าเขาเท่าไร แต่กลับถลึงตาตวาดใส่ “ไม่ต้องขอบคุณ หลังจากนี้ดีกับฉีฉีเก๋อให้มากหน่อยก็พอ ถึงตอนนั้นอย่าเอาแต่เข้าข้างแม่นิสัยประหลาด ๆของนายล่ะ…”


เหมยเหมยฟาดหลังเธออย่างแรงทีหนึ่งจนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลืนคำพูดที่เหลือลงท้องไปแล้วหุบปากเงียบแต่โดยดี


“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ความหวังเพียงอย่างเดียวของเราก็คือในอนาคตฉีฉีเก๋อจะต้องมีชีวิตที่มีความสุข ไม่ถูกเรื่องเล็กเรื่องน้อยในบ้านกวนใจ ยังหัวเราะอย่างมีความสุขได้เหมือนเมื่อก่อน” เหมยเหมยพูดอ้อมค้อม


ฉางชิงซงเป็นคนฉลาด พอฟังก็เข้าใจความหมายที่เหมยเหมยจะสื่อทันที อันที่จริงก็สื่อความหมายเดียวกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่พูดอ้อมค้อมไปหน่อยเท่านั้นแหละ


“พวกเธอไว้ใจได้ แม่ฉันไม่มาอยู่กับฉันและฉีฉีเก๋อหรอก” ฉางชิงซงรับปาก


อีกอย่างต่อให้เขาอยากรับคุณแม่มาอยู่ด้วยกันตอนนี้เงื่อนไขก็ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร บริษัทภาพยนตร์แบ่งห้องเดี่ยวขนาดสิบกว่าตารางเมตรให้เขาเท่านั้น แม้แต่ห้องน้ำและห้องอาบน้ำยังใช้ของส่วนรวม แค่เขากับฉีฉีเก๋อสองคนก็เบียดเสียดมากพอแล้ว ถ้าแม่ของเขามาอยู่ด้วยแล้วจะนอนที่ไหน?


ยัดก็ยัดไม่ลงหรอก!


…………………………


ตอนที่ 2238 ชีวิตยากลำบากตรากตรำ


“จะว่าไปพวกเธอจะใช้ชีวิตอยู่หอพักนั่นตลอดไปก็ใช่เรื่อง รอคลอดลูกแล้วครอบครัวสามคนนอนพลิกตัวหน่อยยังยากเลย นายจะปล่อยให้ลูกเมียนายนอนเบียดอยู่แต่ในห้องแคบ ๆตลอดชีวิตไม่ได้หรอกมั้ง?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนพูดจาตรง ๆไม่อ้อมค้อม


รอยยิ้มบนใบหน้าของฉางชิงซงชะงัก ความขมขื่นถาโถมเข้ามาในหัวใจจนความปลื้มปิติในวันแต่งงานจางหายไปเช่นเดียวกัน!


ความจริงที่ขมขื่นมันน่าเศร้าใจจริง ๆ!


ตอนนี้ในกระเป๋าเขาเหลือเงินไม่ถึงสองร้อยหยวน อย่าว่าแต่ซื้อบ้านเลยอาจไม่พอแม้แต่ค่าอาหารเดือนนี้ด้วยซ้ำ!


เขาอดหลาย ๆมื้อหน่อยไม่เป็นไรแต่ฉีฉีเก๋อกับลูกในท้องจะอดข้าวไม่ได้ แม้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะพูดจาไม่น่าฟังแต่กลับเป็นความจริง เพราะจะปล่อยลูกเมียลำบากไปกับเขาไม่ได้!


“ตอนนี้คงต้องให้ฉีฉีเก๋อทนอยู่ไปก่อน หลังจากนี้ฉันจะรับงานเยอะ ๆ เก็บหอมรอมริบไว้ซื้อบ้าน” ฉางชิงซงแสดงท่าทีหนักแน่น


ต้องซื้อบ้านแน่นอน เขาคิดไว้แล้วว่าจะไม่ปฏิเสธรับงานวาดเชิงพาณิชย์ที่อดีตไม่เข้าตาพวกนั้นอีก งานไหนได้เงินก็รับงานนั้น ไม่มีเงินคงไม่มีอะไรต้องคุยกัน


ฉีฉีเก๋อก็กล่าวเสริม “ฉันก็จะหางานเหมือนกัน เราช่วยกันทำมาหากิน จะต้องผ่านช่วงลำบากนี้ไปด้วยกันได้แน่ ๆ”


“ตอนนี้เธอท้องอยู่จะทำงานบ้าอะไรอีก บำรุงร่างกายอยู่บ้านดี ๆ เรื่องทำงานหาเงินปล่อยให้ผู้ชายทำไป!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบหลังศีรษะเธออย่างขุ่นเคืองเฉกเช่นปกติ พอง้างมือถึงกลางอากาศถึงนึกขึ้นได้ว่าบัดนี้ฉีฉีเก๋อกำลังตั้งครรภ์อยู่เลยดึงมือกลับก่อนจะฟาดหน้าตัวเองเพราะยั้งไว้ไม่ทัน


เสียงดังกังวานเรียกให้หลายคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตามองฉีฉีเก๋อแวบหนึ่งแล้วยกมือนวดแก้มเบา ๆ รอบนี้ตบไม่เบานักต้องทิ้งรอยไว้แหง ๆเลย


เหมยเหมยอดขำไม่ได้พลางเอ่ยต่อคู่สามีภรรยาฉีฉีเก๋อเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแสดงความยินดีกับพวกเธอด้วย หวังว่าพวกเธอจะครองรักกันไปนาน ๆ ชีวิตมีแต่ความสุขนะ!”


ฉางชิงซงกับฉีฉีเก๋อปลีกตัวไปรับแขกคนอื่น ๆที่ล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเมืองหลวง มีทั้งเพื่อนของฉางชิงซงและเพื่อนของฉีฉีเก๋อ ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดีบรรยากาศจึงคึกคักอย่างมาก


เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็หาโต๊ะนั่งรับประทานอาหาร เธอไม่ได้แตะต้องตะเกียบแต่แค่นั่งดูคนอื่น ๆทานอย่างเดียว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญเธอไม่กล้าทานอะไรนอกบ้าน เรื่องเหนือความคาดหมายมักเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นระวังตัวไว้ก่อนจะดีกว่า


ช่วงทานข้าวก็ดำเนินไปท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานที่ทุกคนต่างเรียกร้องให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวทำการแสดงให้ดู เสียงดังเซ็งแซ่ ตอนนี้ทุกคนกำลังมีความสุขจึงมีแต่รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า หลบหลีกโลกแห่งความจริงสุดเอือมระอาหวังเพียงจะได้สนุกชั่วคราว


เหมยเหมยไม่ได้อยู่นาน เธอนั่งอยู่ครู่หนึ่งก็เตรียมตัวกลับบ้านแล้ว เธอล้วงซองแดงจากกระเป๋ายื่นให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “เดี๋ยวฝากเธอให้ฉีฉีเก๋อหน่อยนะ ฉันกลับก่อนล่ะ”


“ได้ เธอระวังตัวหน่อยแล้วกัน”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยากไปส่งเธอแต่ถูกเหมยเหมยกดไหล่ลง มีป้าฟางคอยอยู่เป็นเพื่อนไม่มีอันตายแน่นอน


เพิ่งก้าวออกจากประตูโรงแรมก็มีคนเรียกเหมยเหมยไว้ ซึ่งเป็นเจียงจื้อหรู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีเทาแต่ไม่ใช่ชุดใหม่ แม้รองเท้าหนังจะถูกขัดอย่างเงางามแต่ก็ไม่ได้ดูใหม่มากนัก ดูท่าทางสถานะทางการเงินของเขาจะไม่สู้ดีเท่าไร


“มีอะไรเหรอคะ?” เหมยเหมยถาม


เจียงจื้อหรู่ยิ้มแก้เกออย่างเกรงใจแล้วถูมือไปมาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนใจ ผ่านไปพักใหญ่ถึงเอ่ยปาก “คืองี้ฉันอยากฝากขายรูปวาดของจื่อเซวียนไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของศาสตราจารย์เหยียนได้ไหม?”


เหมยเหมยเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ “อาจารย์มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะเป็นของตัวเองไม่ใช่เหรอคะ?”


เจียงจื้อหรู่ยิ้มอย่างขมขื่น “ขายไปแล้ว”


เหมยเหมยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหนือคาดเท่าไรในเมื่อเจียงจื้อหรู่ไม่ใช่คนที่เหมาะกับการค้าขายอยู่แล้ว ต่อให้เขามีแม่ไก่ที่ฟักไข่ได้ก็คงกลายเป็นไก่หินอยู่ดี พิพิธภัณฑ์นั่นพอมีชื่อเสียงอยู่ในวงการอยู่บ้าง ถ้าหากบริหารจัดการดี ๆ เจียงจื้อหรู่คงไม่มีชีวิตยากลำบากขนาดนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)