ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 2197-2208
ตอนที่ 2197 พาม้ากลับไปเป็นฝูง
เกิดความวุ่นวายขึ้นในสนามม้าชั่วขณะ ครูฝึกม้าทุกคนต่างพากันจับม้าของตัวเองไว้แน่นด้วยความตื่นตระหนก ทั้งยังรีบอยากจูงม้าออกไปเพื่อจะได้ไม่โดนลูกหลงจากความวุ่นวายในครั้งนี้
แต่ว่าช้าเกินไปแล้ว
เพราะว่าม้าเซ็กเธาว์เห็นว่ามีคนแห่มุงเข้ามาและในมือถือปืนไว้อยู่กระบอกหนึ่ง ของสิ่งนี้มันรู้จักเพราะมันคือปืนยาสลบ ถ้าโดนยิงเข้าไปก็จะสลบไม่รู้เรื่องรู้ราว จากนั้นมนุษย์ก็จะทำอะไรกับมันก็ได้
ตอนมันอยู่ที่อังกฤษ มันเห็นม้าหลายตัวโดนแบบนี้ประจำ
น่ารังเกียจจริง ๆ!
“ฮี่…”
ม้าเซ็กเธาว์ยกขาหน้าตัวเองขึ้นมา ร้องด้วยเสียงทรงพลังจนน่าหวาดกลัว
โฉ่วโฉ่วก็ยกขาขึ้นแล้วส่งเสียงออกมาด้วยเช่นกัน ภรรยาของมันไม่พอใจมันก็ต้องแสดงอะไรออกมาบ้าง ในฐานะที่โฉ่วโฉ่วเป็นราชาในหมู่ม้า แค่มันส่งเสียงร้องออกมาม้าตัวอื่น ๆก็ตัวสั่นแล้วก็ประสานเสียงร้องตามกันขึ้นมา หลังจากนั้น…
พวกมันก็ร่วมมือกันสลัดตัวออกจากเชือกที่รัดกุมไว้ราวกับลูกธนูที่ถูกปล่อยออกจากคันธนู วิ่งทะยานไปข้างหน้าราวกับสายฟ้า ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
เหลือเพียงครูฝึกม้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วมองไปข้างหน้าด้วยความตกตะลึง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
โฉ่วโฉ่วพ่นลมออกจากจมูกใส่ม้าเซ็กเธาว์อย่างได้ใจ “เมียจ๋า ฉันจะพาเธอกลับบ้านนะ!”
คุณชายโฉ่วเป็นแกนนำวิ่งไปยังประตูใหญ่ของสนามม้า ตอนมามันจำทางได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นทำอะไรมันไม่ได้หรอก
ม้าเซ็กเธาว์ร้องออกมาด้วยความดีใจและรีบวิ่งตามไปติด ๆรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ทุกคนเห็นแค่แสงสีดำกับแสงสีแดงผ่านไปเท่านั้น ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีสนามม้าก็ว่างเปล่า
เหลือเพียงแค่ครูฝึกม้าที่ยังคงตกตะลึงอยู่และคนที่ถือปืนยาสลบไว้ในมือสองสามคน ลูกกระสุนยังไม่ทันได้ยิงออกมาเลยนะ
ผู้ชมที่อยู่บนอัฒจันทร์ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน หนิงเฉินเซวียนตั้งสติขึ้นมาได้เป็นคนแรก รีบตะโกนออกไปว่า “ยังไม่รีบตามออกไปอีก!”
เฮ่อเหลียนชิงก็ตั้งสติขึ้นมาได้เช่นกัน เขาให้เหยียนหมิงซุ่นส่งคนออกไปตามหาโฉ่วโฉ่วพร้อมกำชับว่า “พาภรรยาของโฉ่วโฉ่วกลับบ้านไปด้วยนะ!”
นี่เป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้ ม้าเซ็กเธาว์ออกไปวิ่งเร่ร่อนอยู่ข้างนอกก็ถือว่าเป็นสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ หากเขาเอากลับบ้านไปก็ไม่มีใครว่าอะไรได้
หนิงเฉินเซวียนก็คิดได้แบบเดียวกันกับเฮ่อเหลียนชิง แอบกำชับกับลูกน้องว่า “พาม้าดำตัวนั้นกลับมาด้วย”
หากว่าสามารถพาโฉ่วโฉ่วกลับไปด้วยได้ ความเสียหายในวันนี้ของเขาก็ไม่ได้ถือว่าเยอะมาก อีกทั้งยังสามารถทำให้ตาแก่เฮ่อเหลียนชิงโมโหได้อีกด้วย ไม่เลวเลยล่ะ!
สนามม้าเกิดความโกลาหลขึ้นในทันที เหยียนหมิงซุ่นเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเหมยเหมยเลยให้ลูกน้องส่งเธอกลับบ้านก่อน เขาจะพาคนออกตามหาโฉ่วโฉ่ว ไม่รู้ว่ามันหนีไปอยู่ที่ไหนแล้ว!
“พี่ ไม่ต้องเป็นห่วง โฉ่วโฉ่วฉลาด มันน่าจะแอบกลับไปที่บ้านแล้วล่ะ” เหมยเหมยปลอบเขา เหมือนว่าเธอจะคิดอะไรออกจึงหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ไม่แน่ว่าโฉ่วโฉ่วอาจจะพาภรรยากลับไปที่บ้านด้วยก็ได้นะ!”
เหยียนหมิงซุ่นได้ยินแล้วก็รู้สึกขบขัน ตอบกลับไปว่า “เพ้อเจ้อน่า ถึงโฉ่วโฉ่วจะฉลาดแค่ไหนก็เป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน มันจะเก่งกาจขนาดนั้นได้อย่างไรกันล่ะ!”
ตามความคิดของเขาโฉ่วโฉ่วน่าจะถูกขังอยู่ในฟาร์มนานเกินไปเลยรู้สึกเบื่อหน่าย ครั้งนี้ก็เลยออกไปวิ่งเที่ยวเล่นข้างนอก!
ยังดีที่สนามม้าอยู่บริเวณชานเมืองจึงอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองจึงไม่ได้สร้างความวุ่นวายอะไรขึ้นมากนัก แต่ว่าก็ต้องรีบตามหาม้ากลับมาให้ได้โดยเร็วอยู่ดี คนบริเวณชานเมืองก็มีไม่น้อย หากเหยียบถูกคนอื่นเข้าคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่
นับว่าเหล่าคนสัญจรไปมาในเขตชานเมืองโชคดีได้เห็นภาพที่ร้อยปียังหาดูได้ยาก ม้าตัวสูงใหญ่เป็นฝูงออกมาวิ่งอยู่กลางถนนจนทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนตัวเองเดินอยู่ในทุ่งหญ้า และสัมผัสได้ถึงพลังความแข็งแกร่งของแรงม้า
สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากที่สุดก็คือม้าสองตัวข้างหน้า ตัวหนึ่งดำตัวหนึ่งแดง นี่สิเรียกว่าความน่าเกรงขาม ม้าทุกตัวอยู่ภายใต้การนำของพวกมันและวิ่งตามอย่างเป็นระเบียบราวกับเป็นพลทหารในกองทัพ
ตกดึกพอเหยียนหมิงซุ่นกลับมาที่บ้านเหมยเหมยถามถึงโฉ่วโฉ่ว เหยียนหมิงซุ่นก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “กลับมาที่ฟาร์มเอง แถมยังพาม้ากลับมาด้วยอีกเป็นฝูงเลย!”
……………………………………………
ตอนที่ 2198 ตั้งชื่อเอาไว้แล้ว
เหมยเหมยรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันทีจึงรีบให้เหยียนหมิงซุ่นเล่ารายละเอียดให้ฟัง
เหยียนหมิงซุ่นอารมณ์ดีมาก พูดพลางหัวเราะพร้อมแกะเปลือกกุ้งให้เหมยเหมยไปด้วย ช่วงนี้ป้าฟางมักจะทำกุ้งให้เหมยเหมยทาน บอกว่าทานแล้วจะทำให้เด็กฉลาดขึ้น
“โฉ่วโฉ่วไม่ได้พาแค่ม้าเซ็กเธาว์กลับมาเท่านั้น แต่ยังพาม้าทุกตัวที่อยู่ในสนามกลับมาด้วย รวม ๆแล้วประมาณสามสิบกว่าตัวทำเอาพ่อบุญธรรมดีใจยกใหญ่เลย ตอนนี้กำลังหาคนมาขยายฟาร์มให้กว้างขึ้น”
เหยียนหมิงซุ่นก็อดดีใจไม่ได้ พูดไปหัวเราะไป เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของเขาจริง ๆ
ใครจะไปรู้ว่าโฉ่วโฉ่วไอคิวสูงขนาดนี้ เคยได้ยินว่าไอคิวของม้าที่โตเต็มไวจะเท่ากับเด็กอายุหกเจ็ดขวบ แต่จากที่เขาดูแล้วไอคิวของโฉ่วโฉ่วน่าจะเท่ากับเด็กอายุประมาณ11-12 ขวบหรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ
เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเหมยเหมยแวบหนึ่ง ฉับพลันก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขารู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเหมยเหมยแน่นอน
สัตว์ที่อยู่รอบตัวของเหมยเหมยล้วนไม่ธรรมดาอย่างเช่นฉิวฉิวกับฉาฉา ตอนนี้ก็ยังมีโฉ่วโฉ่วอีก ทุกตัวฉลาดมีปฏิภาณไหวพริบดี มีลูกล่อลูกชนไม่ธรรมดากันทั้งนั้นเลย
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าโฉ่วโฉ่วไม่ธรรมดา พี่ก็ยังไม่เชื่อ!”
เหมยเหมยรู้สึกลำพองใจขึ้นมาในทันที ตอนเช้าเธอพูดเอาไว้แล้วว่าโฉ่วโฉ่วไม่ใช่แค่จะกลับมาบ้านเองได้แต่จะต้องพาเมียกลับมาได้ด้วย แถมยังพาลูกน้องกลับมาด้วยอีกเป็นฝูงแน่นอน เก่งขนาดไหนล่ะ!
เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือแตะจมูกของหล่อนเบา ๆแล้วก็เอากุ้งหนึ่งตัวป้อนใส่ปากเธอ พูดขึ้นด้วยความเอ็นดูว่า “เธอเก่งที่สุดแล้ว เป็นเพราะโฉ่วโฉ่วได้รับการดูแลสั่งสอนจากเธอมาเป็นอย่างดีไงล่ะ!”
เหมยเหมยส่งเสียงหึออกมาด้วยความเย่อหยิ่ง ก็แหงสิ!
เธอถามต่อว่า “ตาแก่ไม่อยากจะคืนม้าพวกนี้กลับไปใช่ไหม?”
นี่ถึงกับจะขยายสวนฟาร์ม หรือว่าตาแก่เฮ่อเหลียนชิงคิดจะเก็บม้าทั้งสามสิบตัวไว้คนเดียว?
จุ๊ ๆ เขาจะกระเพาะใหญ่เกินไปหรือเปล่า ม้าตัวหนึ่งราคาตั้งเท่าไร โดยเฉพาะม้าพวกนี้ต่างก็เป็นม้าแข่งทั้งนั้น อย่ามองแต่ว่าพวกมันวิ่งสู้โฉ่วโฉ่วกับม้าเซ็กเธาว์ไม่ได้นะเพราะนั่นเป็นเพราะโฉ่วโฉ่วกับม้าเซ็กเธาว์มาจากชาติตระกูลที่ดี เป็นม้าชั้นดีที่ร้อยปีหาได้ยาก มีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อได้
แต่เจ้าของม้าที่เหลือพวกนั้นต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตในเมืองหลวง แล้วจะซื้อม้าธรรมดา ๆได้อย่างไรกัน
เพราะฉะนั้นม้าแข่งพวกนี้ส่วนใหญ่จะมีสายเลือดที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ ทุกตัวอย่างน้อยก็ราคาเป็นหมื่น หรืออาจจะเป็นแสนเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆเลย
ม้าสามสิบตัวรวมกัน อย่างน้อยก็ตั้งหลายล้านแล้ว!
เฮ่อเหลียนชิงวางแผนไว้ดีเหลือเกิน
เหยียนหมิงซุ่นส่ายหัวอย่างเอือมระอา “ไม่ได้คืนทั้งหมด พ่อบุญธรรมคืนไปแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น ที่เหลือถูกขังอยู่ในสวนฟาร์มรอให้เจ้าของเอาเงินมาไถ่ออกไป”
ม้าสองสามตัวที่เอาคืนเจ้าของไปเป็นของพวกที่ไม่ฝักฝ่ายฝั่งใด พวกเขาเป็นคนที่รักม้าจริง ๆซึ่งไม่ได้ร่วมชิงดีชิงเด่นด้วยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนชิงเองก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้กับพวกเขาเลยส่งม้าพวกนั้นกลับไป
สำหรับเจ้าของม้าอีกยี่สิบตัวที่เหลือ หากไม่ใช่ของลูกน้องของหนิงเฉินเซวียนก็เป็นของพวกนกสองหัวที่ไม่มีจุดยืน เฮ่อเหลียนชิงเกลียดคนพวกนี้ที่สุด แล้วก็แค้นใจที่เมื่อเช้าคนพวกนี้ไม่คิดจะช่วยเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจสั่งสอนคนพวกนี้
อยากจะได้ม้ากลับไปงั้นเหรอ?
ได้ งั้นเอาเงินครึ่งหนึ่งมาไถ่ออกไปสิ ห้ามขาดแม้แต่แดงเดียวด้วย!
เหมยเหมยฟังอย่างเพลิดเพลิน “โฉ่วโฉ่วก็เก่งแบบนี้แหละ แถมยังหาเงินเข้าบ้านได้อีกด้วย คนพวกนั้นให้เงินค่าไถ่มาหรือยัง?”
เหยียนหมิงซุ่นอดหัวเราะออกมาไม่ได้อีกครั้ง “แน่นอน เอากลับไปเกือบครึ่งแล้ว พ่อบุญธรรมได้เงินมาเป็นแสน เขาบอกว่าเงินพวกนี้จะเก็บไว้ซื้อของกินอร่อย ๆให้ลูกของเราเลยให้พี่เมิ่งเก็บเอาไว้แล้ว”
ในใจของเหมยเหมยก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ฝีปากของเฮ่อเหลียนชิงทำให้คนเกลียดไม่น้อย แต่บางครั้งการกระทำของเขาก็ทำให้คนเกลียดไม่ลงจริง ๆ แต่ว่าตาแก่นี่คงจะชอบเด็กมากจริง ๆสินะ ดูสิว่าเขามีความอดทนต่อพวกหมาแมวมากแค่ไหน!
“ใช่แล้ว พ่อบุญธรรมตั้งชื่อให้ลูกของเราแล้วนะ” เหยียนหมิงซุ่นพูดต่อ
“ชื่อว่าอะไรเหรอ?” เหมยเหมยรู้สึกสนใจขึ้นมา
“ถ้าเป็นผู้ชายให้ชื่อเฮ่อเหลียนเซียว แต่ถ้าเป็นผู้หญิงให้ชื่อเหยียนเล่อเล่อ เห็นบอกว่าลูกสาวของเราจะได้เป็นเจ้าหญิงที่ไม่ต้องกังวลใจเรื่องใด ๆ” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว
ตอนที่ 2199 พวกเราต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่าง
เหมยเหมยฟังแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ ทำไมลูกชายของเธอกับเหยียนหมิงซุ่นจะต้องใช้แซ่เดียวกับเฮ่อเหลียนชิงด้วยล่ะ?
“นี่เป็นเรื่องที่พี่กับพ่อบุญธรรมตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก ลูกคนแรกให้ใช้แซ่ของพ่อบุญธรรมเพื่อเป็นทายาทสืบทอดตระกูลเฮ่อเหลียน” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวอธิบาย ตอนนั้นเขายังไม่ทันได้คิดอะไรก็เลยตอบตกลงไป
เขาไม่ได้ชอบแซ่เหยียนของตัวเองสักเท่าไร แต่สาเหตุที่ไม่เปลี่ยนชื่อเพราะว่าเขาไม่ได้เอามาใส่ใจนัก แล้วก็ไม่อยากให้สองปู่ย่าตระกูลเหยียนเสียใจ ส่วนลูกจะแซ่อะไรเขายังไงก็ได้ เพราะทายาทตระกูลเหยียนมีเหยียนหมิงต๋าเป็นผู้สืบทอดอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องเป็นเขา
เหมยเหมยเข้าใจขึ้นมาในทันที เธอไม่ได้ขัดข้องเรื่องแซ่ของลูก แต่เธอไม่ค่อยพอใจกับชื่อที่เขาตั้งให้ ทำไมจะต้องใช้คำว่าเซียวด้วย ฟังแล้วให้ความรู้สึกว่าชื่อของคน ๆนี้ดูไม่น่าเข้าใกล้ เธอไม่อยากให้ลูกชายโตขึ้นเป็นคนที่แข็งกระด้าง
“แซ่เดียวกับเขาฉันไม่ขัดข้องอะไร แต่ชื่อของลูกจะต้องให้พวกเราเป็นคนตั้งเอง เฮ่อเหลียนเซียวไม่เพราะเลยสักนิด ฉันจะตั้งชื่อเพราะ ๆให้ลูกชายของฉันเอง”
เหมยเหมยแสดงออกว่าไม่ชอบชื่อนี้ออกมาตรง ๆ จากนั้นก็เริ่มคิดหนัก ไม่นานก็คิดชื่อที่ไพเราะออกมาได้
“เฮ่อเหลียนเสี้ยวเทียนลื่นหูไหมล่ะ?”
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแล้วพูดแย้งขึ้นมาแบบไม่ต้องคิดว่า “อีกหน่อยพอลูกชายของเราไปโรงเรียนคงต้องได้รับฉายาว่าสุนัขเสี้ยวเทียนแน่เลย”
“ถ้าอย่างนั้นชื่อเฮ่อเหลียนเอ๋าเฟิงเป็นอย่างไรบ้าง เพราะไหมล่ะ?” เหมยเหมยยังคงไม่ยอมแพ้
“ลมที่มั่นใจในตัวเองขนาดนั้นก็คงมีแต่พายุทอร์นาโดแล้วล่ะ เธออยากให้ลูกของเราโดนคนอื่นเรียกว่าพายุทอร์นาโดงั้นเหรอ?”
“ถ้าอย่างนั้นก็เฮ่อเหลียนอวี่มั่ว ดูมีพลังเก่าแก่ดีออก” เหมยเหมยพึงพอใจเป็นอย่างมาก ฟังชื่อแล้วก็นึกถึงภาพวาดแม่น้ำกับภูเขาที่มีความงดงามเต็มเปี่ยม
เหยียนหมิงซุ่นปากกระตุกเล็กน้อย ถึงแม้ว่าชื่อนี้จะดีกว่าเสี้ยวเทียนกับเอ๋าเฟิงเล็กน้อยแต่เขาก็ยังไม่ชอบอยู่ดี ฟังดูแล้วเหมือนชื่อผู้หญิง ลูกชายของเขาจะต้องเป็นผู้ชายอกสามศอกจะมาอ้อนแอ้นไม่ได้!
ฟังไปฟังมากลับรู้สึกว่าชื่อที่พ่อบุญธรรมตั้งให้มันดีอยู่แล้ว เฮ่อเหลียนเซียว สั้น ๆกระชับ เรียกง่ายดีออก!
“ตอนนี้เรายังไม่รู้เลยว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ เธอว่าเหยียนเล่อเล่อเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที
เหมยเหมยติดกับเข้าแล้วจริง ๆเพราะเธอไม่คิดเรื่องชื่อของลูกชายอีกต่อไป พยักหน้าแล้วพูดว่า “ชื่อนี้พอได้อยู่”
เป็นเจ้าหญิงที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ เป็นความหวังที่พ่อแม่มีต่อลูกผู้หญิงทุกคน เธอเองก็เช่นกัน ชื่อว่าเหยียนเล่อเล่อก็ถือว่าไม่เลว
เหยียนหมิงซุ่นมุมปากเหยียดยิ้ม ภรรยาของเขาเอาใจง่ายขึ้นทุกวัน
เหมยเหมยกินข้าวไปสักพักก็เหมือนจะนึกเรื่องที่เป็นปัญหาขึ้นมาได้อีกหนึ่งเรื่อง “ถ้าหากคนแรกของเราเป็นผู้หญิง แล้วเรื่องผู้สืบทอดสกุลของพ่อบุญธรรมพี่จะทำอย่างไรต่อไป”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ลูกสาวแซ่เฮ่อเหลียน” เหยียนหมิงซุ่นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ เขาตัดสินใจไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิงอย่างไรก็จะมีแค่คนเดียวเท่านั้น
“ตาแก่จะไม่ขัดข้องเหรอ?”
“ไม่พอใจก็ให้แซ่เหยียน ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก” เหยียนหมิงซุ่นยักคิ้ว ตอนนั้นเขาไม่ได้ตกลงว่าจะคลอดลูกชายให้สักหน่อย ส่งสินค้าให้แล้ว ถ้าจะไม่รับก็ไม่ใช่ปัญหาของเขานี่นา
เหมยเหมยเข้าใจความหมายของเหยียนหมิงซุ่นจึงถามหยั่งเชิงออกมาว่า “พวกเราจะมีลูกกันแค่คนเดียวใช่ไหม?”
“แน่นอน การมีลูกคนเดียวเป็นนโยบายของภาครัฐ พวกเราต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างสิ” เหยียนหมิงซุ่นพูดออกมาด้วยท่าทีสุขุมนิ่งขรึม รู้สึกขอบคุณผู้เชี่ยวชาญที่เสนอนโยบายนี้ออกมาจริง ๆ เพราะเหตุนี้ทำให้เขาไม่ต้องหาข้ออ้างอื่นอีก
เหมยเหมยแอบด่าเหยียนหมิงซุ่นในใจไปหลายสิบรอบ เป็นเพราะรำคาญเสียงเด็กสิไม่ว่า อย่าคิดว่าเธอจะไม่รู้นะ
อืม…งั้นเรื่องชนกลุ่มน้อยจะให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ไม่ได้ เดี๋ยวต้องไปกำชับพ่อกับแม่ว่าอย่าหลุดปากพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นเด็ดขาด รอคลอดลูกคนนี้ก่อนเธอค่อยหาโอกาสคลอดคนที่สอง ขอแค่มีลูกอยู่ในท้อง เหยียนหมิงซุ่นจะทำอะไรได้ล่ะ?
“พี่พูดถูกแล้ว เราต้องปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐ” เหมยเหมยยิ้มตาหยีตอบรับ
เธอก็ไม่ได้ทำผิดกฎสักหน่อย เพียงแค่อาศัยช่องว่างนิด ๆหน่อย ๆเท่านั้นเอง!
นี่เป็นการเสียสละทำประโยชน์เพื่อสังคมที่อีกหน่อยจะมีแต่ผู้สูงอายุนะ!
……………………………………………………
ตอนที่ 2200 เข้าบัญชีล้าน
เฮ่อเหลียนชิงที่อยู่สวนฟาร์มดีใจจนหุบยิ้มไม่อยู่ เงินวางกองเต็มโต๊ะ แบงค์ร้อยเป็นปึก ๆวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ปึกหนึ่งมีหนึ่งหมื่น
“หนึ่ง…สอง…สาม…หนึ่งร้อยแปด…”
เฮ่อเหลียนชิงนับไปยิ้มไป มีทั้งหมด 108 ปึกเท่ากับมีเงินหนึ่งล้านแปด
“ตัวเลขนี้ไม่เลวเลย ไถ่กลับไปหมดหรือยัง?” เฮ่อเหลียนชิงยิ้มด้วยความเบิกบานใจ เมื่อวานถูกหนิงเฉินเซวียนทำให้โมโหแต่บัดนี้ไปมลายหายไปแล้ว
ถูกทำให้โมโหแล้วได้เงินกลับมาล้านแปด งั้นเขาก็ยอมโมโหทุกวันเลย!
“เอากลับไปหมดแล้วครับ เหลือแค่ม้าเซ็กเธาว์ตัวเดียวเท่านั้น” เสี่ยวเมิ่งยิ้มแล้วพูดตอบ
เฮ่อเหลียนชิงคิ้วเป็นเส้นตรง จากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ว่า “ม้าเซ็กเธาว์เป็นเมียของโฉ่วโฉ่ว เป็นของบ้านเราแล้วจะเอากลับไปได้อย่างไร ไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ!”
เขาจ้องเสี่ยวเมิ่งอย่างนึกรังเกียจ ชักจะไม่ได้เรื่องขึ้นทุกวัน
เสี่ยวเมิ่งปากกระตุกน้อย ๆ ถามขึ้นว่า “หนิงเฉินเซวียนส่งคนมาเอาม้าคืน นายท่านว่า…”
เฮ่อเหลียนชิงแค่นเสียงได้ใจ “เขาอยากได้มันก็เรื่องของเขาแล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก แกให้คนเอาเงินพวกนี้ไปเปิดบัญชีเงินฝากแยกไว้ให้หลานของฉัน”
เสี่ยวเมิ่งเรียกลูกน้องมาแล้วให้เอาเงินออกไปเปิดบัญชีเงินฝาก เขาจงใจออกไปโผล่หน้าที่สวนฟาร์มอีกครั้ง หนิงเฉินเซวียนยังอยู่พร้อมสีหน้าบึ้งตึง เขาเห็นเช่นนั้นยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบเลย
“คุณท่าน ผมเกรงว่าหนิงเฉินเซวียนจะแอบลงมือลับหลัง” เสี่ยวเมิ่งกลับมาแล้วเอ่ยขึ้น
เฮ่อเหลียนชิงแสยะยิ้มเย็นยะเยือก “คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ สั่งการลงไปว่าช่วงนี้เพิ่มการคุ้มกันให้หนาแน่นขึ้น หากมีเรื่องแบบครั้งที่แล้วเกิดขึ้นอีกก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน”
“ครับ!”
เสี่ยวเมิ่งตื่นตกใจ ทำหน้าจริงจังแล้วจัดการทุกอย่างตามที่บอก ไม่กล้าหละหลวมใด ๆอีก
แต่ว่าครั้งนี้หนิงเฉินเซวียนไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่เขากลับเล่าเรื่องนี้ให้นายใหญ่ฟัง นายใหญ่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสนามม้านานแล้ว ทั้งยังรู้สึกไม่พอใจกับการพูดจากลับกลอกของหนิงเฉินเซวียนด้วย อีกทั้งเขาไม่คิดจะทนกับตาแก่คนนี้อีกต่อไป แน่นอนว่าไม่ได้พูดจาถนอมน้ำใจเหมือนอย่างเคยแต่กลับพูดกับหนิงเฉินเซวียนออกมาตรง ๆว่าเขาเป็นคนพูดจาอะไรเชื่อถือไม่ได้ ทั้ง ๆที่เป็นฝ่ายพูดเรื่องพนันขึ้นมาก่อนแต่พอแพ้แล้วกลับไม่ยอมรับ นี่ไม่ใช่นิสัยของลูกผู้ชายเลย
“ในเมื่อม้าเซ็กเธาว์ตัวนี้เป็นม้าที่นายแพ้พนันให้กับเขาไปแล้ว ถึงนายจะไม่ยอมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก มันจะเป็นการบ่งบอกว่านายเป็นคนใจแคบ ฉันคิดว่าเรื่องนี้พอแค่นี้เถอะ ต่อไปก็อย่าก่อเรื่องอีก ตกลงไหมเหล่าหนิง”
ถึงแม้นายใหญ่จะพูดไปยิ้มไปแต่น้ำเสียงออกแนวปฏิเสธมากกว่า สายตายังแฝงไปด้วยความดุดัน
หนิงเฉินเซวียนรู้สึกตกใจอยู่ในใจ การลำเอียงของนายใหญ่ครั้งนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอันตราย แต่ยิ่งกว่านั้นคือความโกรธ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้แสดงออกมาและเปลี่ยนไปพูดเรื่องที่เฮ่อเหลียนชิงกอบโกยผลกำไรจากเรื่องในครั้งนี้แทน
นายใหญ่รู้อยู่แล้วเพราะก่อนที่หนิงเฉินเซวียนจะมาฟ้อง เฮ่อเหลียนชิงได้แวะมาหาก่อนแล้ว เขามามอบเงินจำนวนล้านแปดนั้นเก็บเข้าคลังของประเทศโดยไม่ขาดแม้แต่แดงเดียว พร้อมทั้งบอกว่าเอาเงินจำนวนนี้ไว้สนับสนุนประเทศชาติ
ถึงขนาดเอาเงินมาสนับสนุนประเทศชาติ นายใหญ่จะไม่พอใจได้อย่างไร หนึ่งล้านก็สามารถเอาไปทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างแล้ว หากว่าทุกคนคิดได้แบบเฮ่อเหลียนชิงจะช่วยลดเรื่องกังวลใจเขาได้ขนาดไหนกันนะ?
“เรื่องนี้เฮ่อเหลียนชิงทำไม่ถูกต้อง เดี๋ยวฉันจะไปตำหนิเขาเอง”
นายใหญ่กล่าวโทษเฮ่อเหลียนชิงแต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อเอาเงินเข้าคลังของประเทศไปแล้วจะเอาออกมาคงเป็นไปไม่ได้ เขาอยากจะจัดการคนของรัฐบาลที่โลภมากพวกนั้นมานานแล้ว!
หากกินเงินเดือนไปวัน ๆจะมีเงินมากขนาดนั้นได้อย่างไร?
หึ อย่านึกว่าเขาไม่รู้ว่าคนพวกนี้แอบสมรู้ร่วมคิดกันนะ!
เพียงแต่ว่าน้ำที่ใสเกินไปจะไม่มีปลา คนที่เข้มงวดเกินไปก็จะไม่มีเพื่อน เรื่องอะไรก็ไม่ควรทำให้มันเกินไป เขาจึงจำเป็นต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปไงล่ะ!
ตอนที่ 2201 จงใจให้แกรู้สึกขยะแขยง
หนิงเฉินเซวียนไม่ใช่คนโง่ แน่นอนเขารู้ดีว่านายใหญ่พูดเช่นนี้ก็เพื่อตอบรับเขาส่ง ๆเท่านั้นเลยยิ่งนึกแค้นใจ ตัดสินใจหนักแน่นกว่าเดิมว่าต้องรีบเริ่มแผนการ ถึงตอนนั้นเขาอยากสั่งสอนใครก็จะสั่งสอนคนนั้น นายใหญ่ต้องคุกเข่าอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเขา
ม้าเซ็กเธาว์ฝากเฮ่อเหลียนเช่อเลี้ยงไว้ก่อนชั่วคราวแล้วกัน รอแผนการของเขาสำเร็จ ทุก ๆอย่างของเฮ่อเหลียนชิงต้องตกเป็นของเขาอยู่ดี ไม่ต้องรีบไปหรอก!
พอนึกถึงว่าอีกไม่นานเขาจะได้อยู่เหนือกว่าทุกคน หนิงเฉินเซวียนก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย บนใบหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้าย แต่ทว่า–
“นายท่าน คนพวกนั้นมาถามหาเรื่องเงินอีกแล้ว” พ่อบ้านเข้ามาบอกด้วยสีหน้าเอือมระอา
เจ้าของม้าพวกนั้นถูกเฮ่อเหลียนชิงขูดรีดเงินไปย่อมรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว พวกเขาเลยมาขอร้องให้หนิงเฉินเซวียนช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้พวกเขาหลายต่อหลายครั้ง ช่างน่ารำคาญสิ้นดี
หนิงเฉินเซวียนเองก็รำคาญไม่น้อยแต่คนพวกนี้ยังต้องเก็บไว้ใช้ประโยชน์ต่อ หลังเริ่มแผนการจะให้เขาลุยเดี่ยวคงไม่ได้หรอก!
“เอาเงินจากบัญชีส่วนตัวฉันชดใช้ให้พวกเขาไปก่อน”
หนิงเฉินเซวียนอารมณ์เสียในฉับพลัน เมื่อคราวแข่งม้าเขาเสียเงินพนันไปหลายล้าน ตอนนี้ก็เสียอีกล้านกว่าหยวนบวกกับม้าเซ็กเธาว์ที่ถูกโฉ่วโฉ่วล่อไป รวม ๆแล้วมีมูลค่าความเสียหายกว่าห้าล้านหยวนเชียวนะ
หัวใจถูกทิ่มแทงอย่างแรงจึงทำให้สีหน้าหนิงเฉินเซวียนถมึงทึงกว่าเดิมเล็กน้อย ต่อให้เขามีเงินทองมากมายจนนับไม่ถ้วนแต่เงินห้าล้านก็ทำให้เขาปวดใจไม่น้อยเลย และมากกว่านั้นคือความรู้สึกอัดอั้นตันใจ
เพราะเงินพวกนี้ล้วนแต่เข้ากระเป๋าของเฮ่อเหลียนชิงไปหมดแล้ว!
เขายอมเอาเงินห้าล้านนี้ซื้อซาลาเปาเลี้ยงหมายังจะดีกว่า!
พ่อบ้านลังเลอยู่ชั่วอึดใจทำท่าอึกอักอยากพูดแต่ก็ไม่พูดอะไร ก่อนจะสั่งคนไปถอนเงินที่ธนาคาร
หนิงเฉินเซวียนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพ่อบ้านคิดจะพูดอะไรเพราะเขาเองก็ปวดใจที่ต้องเสียเงินหนึ่งล้านนี้ไปเช่นกัน แต่ช่วยไม่ได้ เงินนี้เขาจำเป็นต้องเป็นคนจ่าย เขาไม่อยากให้คนพวกนี้คิดว่าเขาสูญเสียความสำคัญจากนายใหญ่ไปแล้ว
เงินพวกนี้เขาจะต้องเอาคืนจากเฮ่อเหลียนชิงในไม่ช้าก็เร็ว!
แน่นอนว่าหนิงเฉินเซวียนไม่มีทางบอกคนพวกนี้ว่าเงินนี้มาจากเงินส่วนตัวของเขา เขาบอกเพียงว่าเฮ่อเหลียนชิงคืนเงินมาแล้วจึงทำให้ทุกคนที่ได้เงินคืนต่างพากันดีใจยกใหญ่ แล้วยังจะสนใจถึงที่มาของเงินอีกหรือก่อนที่จะทำท่าประจบสอพลออย่างเคย
เรื่องนี้ปิดบังเฮ่อเหลียนชิงไม่มิดอยู่แล้ว เขาไม่มีทางพลาดโอกาสอันดีนี้ไปแน่นอนจึงประกาศรายชื่อบนหนังสือพิมพ์ในเช้าวันถัดมา เจ้าของม้าพวกนั้นล้วนมีรายชื่ออยู่บนหนังสือพิมพ์ แถมด้านหลังยังมีราคาเดิมพันม้าของพวกเขาอีกด้วย
ไม่นานเงินพวกนี้ก็ถูกนำไปสร้างโรงเรียนในเขตพื้นที่ยากจนบนเขาอันไกลโพ้น รวม ๆแล้วเป็นจำนวนเงินหนึ่งล้านแปดหมื่นกว่าหยวนซึ่งสามารถสร้างโรงเรียนได้สิบกว่าโรงเรียน เฮ่อเหลียนชิงส่งคนไปคุมงานด้วยตัวเอง ใครกล้าทุจริตยักยอกเงินแม้แต่หยวนเดียวหรือลดคุณภาพวัสดุก่อสร้างก็จะเอาให้ถึงตายทันที
นี่จึงเป็นเหตุผลที่โรงเรียนสิบกว่าแห่งนี้มีฐานการสร้างที่แข็งแรง หลายปีหลังจากนั้นพื้นที่บนเขาเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง บ้านเรือนหลังอื่น ๆต่างถล่มกันหมดแต่โรงเรียนสิบกว่าแห่งนี้กลับยังตั้งตระหง่านอยู่ในสภาพเดิม
ทันทีที่รายชื่อออกมาหนิงเฉินเซวียนก็ปั้นหน้าขึงขังทันที รู้สึกสะอิดสะเอียนใจยิ่งกว่ากินขี้จนนึกอยากจะฆ่าเฮ่อเหลียนชิงให้ตาย ๆไปเสียตอนนี้
ดีที่คนพวกนั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์ไม่แพ้กันเลยทำเป็นไม่เห็นรายชื่อพวกนี้ อีกทั้งพวกเขาก็ได้เงินมาแล้ว แถมยังได้ชื่อเสียงมาด้วย ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องแล้วมีอะไรให้ไม่พอใจอีกล่ะ!
เหมยเหมยเองก็ติดตามเรื่องนี้มาตลอดเพราะเธอเป็นคนคิดแผนให้เอาเงินพวกนี้มาสร้างโรงเรียนเอง ตอนที่เหยียนหมิงซุ่นบอกเธอว่าเฮ่อเหลียนชิงคิดจะเก็บเงินนี้ไว้ให้ลูกของเธอก็รู้สึกไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร เงินพวกนี้ถือว่าเป็นเงินที่ได้มาด้วยวิธีไร้คุณธรรม ถ้าเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างเปิดเผยต้องก่อให้เกิดความเกลียดชังอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะนายใหญ่ที่คอยจับตาดูอยู่!
สู้เอาเงินพวกนี้ไปทำการกุศลที่ได้ทั้งชื่อเสียงแล้วยังได้ทำความดีที่เป็นรูปธรรมจะดีกว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าความคิดนี้ดีไม่หยอกเลยไปเสนอให้เฮ่อเหลียนชิง เฮ่อเหลียนชิงเองก็ไม่ลังเลใด ๆตอบตกลงอย่างรวดเร็ว แต่บัญชีของลูกยังคงเก็บเอาไว้ ต่อไปเฮ่อเหลียนชิงบอกว่าเขาจะออมเงินใส่บัญชีให้ทุกปีถือว่าเป็นเงินทุนสร้างตัวให้ลูก
………………………
ตอนที่ 2202 ดาวเด่นผู้มีระดับ
วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เหมยเหมยมีอายุครรภ์เดือนครึ่งแล้ว ท้องน้อยนูนขึ้นมาเล็กน้อย เธออวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นและดูดีมีชีวิตชีวามาก ผิวขาวอมชมพูเนียนผุดผ่อง
สุขภาพแข็งแรงเจริญอาหารไม่มีอาการแพ้ท้องเลยสักนิด เคยรู้สึกพะอืดพะอมตอนดื่มน้ำซุปปลาคราวก่อนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีอาการนี้อีก ทานอะไรก็อร่อยไปหมด
พักฟื้นที่บ้านเกือบหนึ่งเดือนจนเหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนก็จะเรียนจบแล้ว นักศึกษาชั้นปีที่สี่แทบจะไม่มีคาบเรียนอะไรเลย มีนักศึกษาจำนวนมากไปฝึกงานตามหน่วยงานต่าง ๆแล้ว ส่วนนักศึกษาที่หางานที่เมืองหลวงไม่ได้ต่างก็ทำหน้าเศร้าสร้อย รอบทสรุปจากมหาวิทยาลัยที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกส่งตัวกลับบ้านเกิด
ตอนนี้อยู่ในปีเก้าแปด นักศึกษาได้รับสิทธิ์ในการเข้าทำงานอัตโนมัติเลยแทบไม่ต้องห่วงเรื่องงาน แต่ปัญหาคืองานที่ทางมหาวิทยาลัยจัดหาให้ส่วนมากคุณมาจากไหนก็กลับไปทำที่นั่น โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างเมืองหลวงที่มีคนมากมายวิ่งเต้นหาทุกทางเพื่อเข้ามาทำงานที่นี่ แต่มันง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหนกันล่ะ?
นอกจากว่าคุณไปหางานที่ยินดีจะรับคุณเข้าทำงานด้วยตัวเองอย่างฉางชิงซงที่ไปติดต่อบริษัทภาพยนตร์ด้วยตัวเอง เพราะอดีตเขาเคยร่วมงานกับบริษัทภาพยนตร์มาก่อนซึ่งตัวเขาเองก็นับว่ามีความสามารถและทำงานเก่งอยู่บ้างจึงสามารถอยู่ทำงานต่อได้อย่างราบรื่น
ส่วนคนอื่น ๆคงไม่โชคดีขนาดนี้ ตามหางานอยู่หนึ่งเทอมก็หาไม่ได้ หากไม่เลือกทำงานที่ทางมหาวิทยาลัยจัดหาให้ก็ต้องเคว้งอยู่ในเมืองหลวง หรือไม่ก็กลับไปทำงานที่บ้านเกิดหรืออีกเส้นทางหนึ่งก็เลือกสอบปริญญาโทต่อไป
ขอแค่สอบเข้าศึกษาชั้นปริญญาโทได้ก็จะอยู่ต่อได้ นี่เป็นเส้นทางที่นักศึกษาหลายคนเลือก
ฉีฉีเก๋อเลือกเคว้งไปต่อโดยไม่รับงานที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้ เช่นเดียวกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เธอกับอิงจวี้กังร่วมกันเปิดบริษัทของตัวเองหาเงินได้อย่างสบาย ๆจึงไม่จำเป็นต้องไปทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน
ส่วนถังม่านลี่กับสีอันน่าสองคนก็ไม่ได้รับงานที่ทางมหาวิทยาลัยจัดหาให้แต่เลือกหางานในเมืองหลวงเอง
ทว่าตอนนี้ถังม่านลี่กลายเป็นดาวเด่นที่สโมสรเศรษฐีแล้วจึงไม่ขาดแคลนเรื่องเงิน การทำงานสำหรับเธอก็คือหลุมดี ๆ นี่เอง เธอไม่เห็นแก่เงินเดือนอันน้อยนิดนั่นหรอกนะ ไม่พอสำหรับค่าน้ำหอมหนึ่งขวดของเธอด้วยซ้ำ!
ส่วนช่วงเวลานี้สีอันน่าเครียดแทบตายเพราะเธอยังหางานไม่ได้เลยจึงอารมณ์เสียไม่น้อย
เที่ยงวันนี้นาน ๆทีเพื่อนร่วมหอพักจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนเลือกตักอาหารที่โรงอาหารกลับมาทานที่หอพัก สงสัยคงเพราะอีกหนึ่งเดือนก็ต้องแยกย้ายกันไปแล้ว ความสัมพันธ์จึงดีขึ้นมาก ไม่ได้ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิตของตัวเองไม่สนใจคนอื่นเหมือนแต่ก่อน
เหมยเหมยทานข้าวกล่องที่ป้าฟางส่งมาให้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นข้าวกล่องที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ มีกับข้าวสี่อย่างน้ำซุปหนึ่งอย่างบวกกับผลไม้รวมมิตรวางจนเต็มโต๊ะ
“ว้าว กับข้าวของเธอดูน่าทานจัง ฉันขอหน่อย”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นหมูตุ๋นน้ำแดงก็ตาลุกวาวก่อนจะคีบเนื้อใส่ถ้วยตัวเองหลายชิ้น ฉีฉีเก๋อกลับอยู่เงียบ ๆ เธอดูผอมซูบลงไม่น้อย ทานข้าวไม่ได้เอร็ดอร่อยเท่าแต่ก่อน
“ทานไหม? ฉันมีกับข้าวเยอะมากเลยนะ ทานไม่หมดหรอก”
เหมยเหมยเรียกถังม่านลี่ ส่วนสีอันน่าเธอไม่ได้สนใจเลยสักนิด กับคนที่เคยวางแผนทำร้ายเธอ เธอไม่มีวันยกโทษให้ตลอดชีวิต
“ฉันทานผลไม้นิดหน่อยก็พอ ขอบคุณนะ”
ถังม่านลี่อมยิ้มเล็กน้อยแล้วยื่นมือที่ทาสีเล็บออกมาหยิบแตงโมสองชิ้นและไม่ปรายตามองอย่างอื่นเลย จากนั้นก็นั่งลงค่อย ๆทานทีละนิด ๆ ดูสวยสง่างาม แตกต่างจากสาวบ้านนอกที่ทานเนื้อมูมมามเมื่อสี่ปีก่อนราวกับกลับชาติมาเกิดใหม่ก็ไม่ปาน
หนำซ้ำสำเนียงการพูดของสาวคนนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว ไม่เหลือสำเนียงบ้านเกิดแต่ติดสำเนียงขี้อ้อนของทางเกาะไต้หวันมา น้ำเสียงของเธอแหบพร่าพอใช้สำเนียงขี้อ้อนพูดจาก็ทำเอาคนฟังคันยุบยิบในใจ
เท่าที่ฟังจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาตอนนี้ถังม่านลี่ไม่ใช่สาวนั่งดริ๊งอีกต่อไปแล้ว ควรเรียกว่าเป็นดาวเด่นผู้มีระดับ ผู้ชายที่ไม่มีตำแหน่งหรือเงินทองคงจับจองตัวเธอไม่ได้!
ตอนที่ 2203 มิใช่คนด้อยการศึกษา
“ถังม่านลี่เธอไม่ทานข้าวเหรอ? ทานแต่ผลไม้เนี่ยนะ?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นจานเปล่าตรงหน้าถังม่านลี่ซึ่งนอกจากแอปเปิ้ลปอกเปลือกก็มีแค่แตงโมสองชิ้นที่ได้มาจากเหมยเหมยเท่านั้น อีกอย่างถังม่านลี่ยังเคี้ยวช้า ๆจนแหลกละเอียด หนึ่งคำต้องเคี้ยวหลายสิบครั้งถึงยอมกลืน ลำพังเวลาในการแตงโมชิ้นเดียวของเธอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ทานไปได้ครึ่งลูกแล้ว
“อืม ช่วงนี้เอวฉันหนาไปหน่อย กำลังอดอาหารอยู่”
ถังท่านลี่พูดออกมาอย่างเนิบ ๆแล้วหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาทานด้วยความช้าเยี่ยงเต่าดังเดิม ทำเอาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่เห็นเช่นนั้นหงุดหงิดจนแทบอยากแย่งมาจัดการให้หมดภายในคำสองคำ
“เธอผอมขนาดนี้แล้วยังอดอาหารอีกเหรอ? ระวังเป็นโรคกระเพาะนะ”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองเอวคอดของถังม่านลี่ด้วยความอิจฉาแล้วมองขาช้างแขนกิเลนบึกบึนของตัวเองก็นึกปวดใจ
คนที่วัน ๆได้แต่ร้องจะลดความอ้วนส่วนมากเป็นคนผอมกันทั้งนั้น
คนที่อ้วนจริง ๆไม่เคยคิดจะลดความอ้วน อย่างเช่นเธอไงล่ะ!
ถังม่านลี่แค่อมยิ้มให้เล็กน้อย ต่างหูเด่นสะดุดตาส่ายไปมาขับให้เธอดูงดงามเย้ายวนอย่างยิ่ง ทั้งที่ยังคงหน้าตาเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน แค่ผอมลงนิดแต่งหน้าหน่อยกลับมีบุคลิกที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“โครงร่างฉันใหญ่ แค่มีเนื้อหนังขึ้นมานิดหน่อยก็ดูอ้วนแล้ว แต่งตัวไม่สวย”
ถังม่านลี่อธิบายอย่างใจเย็น เธอใช้ชีวิตอยู่ในสถานบันเทิงแหล่งจับจ่ายเงินทองแห่งนั้นมาเกือบสี่ปี ได้พบเจอคนหลากหลายประเภท เคยถูกคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนที่ดีทำร้าย เคยถูกผู้ชายเอาเปรียบ ยิ่งเคยถูกโรคจิตทารุณมาก่อน…
ต่อให้เป็นหมูที่เคยผ่านความทุกข์ทรมานพวกนี้มาก็ต้องรู้จักระวังตนเองมากขึ้น ถังม่านลี่มาถึงจุดนี้ถึงพบว่าความจริงโลกใบนี้สิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดก็คือมิตรภาพระหว่างเพื่อนในวัยเรียน
แต่เธอกลับไม่ได้รักษามันเอาไว้ให้ดีและไม่ได้ตั้งใจเรียนหนังสืออีกต่างหาก
แม้จะรู้สึกเสียดายเล็กน้อยแต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ถังม่านลี่ก็ยังคงเลือกเส้นทางเดิม เธอไม่อยากใช้ชีวิตที่เอาเงินเดือนเพียงไม่กี่ร้อยหยวนแล้วหาผู้ชายธรรมดาแต่งงานใช้ชีวิตไปวัน ๆหรอก!
เธอในตอนนี้มีเงินที่ใช้ไม่หมดแล้วยังได้พบเจอกับผู้ชายที่มีสถานะไม่ธรรมดา เธอไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิดเดียว!
“ถังม่านลี่เธอไม่กลับบ้านเกิดจริง ๆเหรอ? คู่หมั้นเธอจะทำอย่างไรล่ะ?” สีอันน่าจงใจถาม การปฏิบัติที่แตกต่างจากเหมยเหมยเมื่อครู่ทำให้เธอนึกอิจฉาในใจและเริ่มมีอคติกับถังม่านลี่
พวกเธอสองคนเคยล่วงเกินจ้าวเหมยกันทั้งคู่ แล้วทำไมมีเพียงถังม่านลี่ที่ได้รับการให้อภัยล่ะ?
ถังม่านลี่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วขมวดแน่นแต่ไม่นานก็คลายลงก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “คนนั้นไม่ใช่คู่หมั้นของฉัน เป็นแค่เพื่อนบ้านเดียวกัน”
“ไม่หรอกมั้ง ทั้งที่ผู้ชายคนนั้นบอกว่าพวกเธอหมั้นกันตั้งแต่ตอนมอปลายแล้ว เขายังบอกอีกว่าค่าเล่าเรียนมหาวิทยาลัยของเธอบ้านเขาก็เป็นคนจ่ายด้วยซ้ำ รอเธอเรียนจบก็จะได้แต่งงาน” สีอันน่าเร่งเสียงให้ดังกว่าเดิม พร้อมมองด้วยสายตาหยามเหยียด
มิน่าถึงยอมไปเป็นโสเภณี อายุสิบกว่าปีก็เรียนรู้การยั่วผู้ชาย แบบนี้จะเป็นคนดีได้อย่างไร?
ขณะนี้ถังม่านลี่มิใช่คนด้อยการศึกษาคนเดิมอีกต่อไป แล้วแผนชั่วร้ายของสีอันน่าจะปกปิดเธอได้หรือ เธอมองสีอันน่าอย่างขบขันพลางเอ่ยเสียงเย็นชา “ไม่คิดว่าเธอจะสนิทกับเพื่อนบ้านเดียวกันของฉันขนาดนี้ จะว่าไปเพื่อนคนนี้หน้าตานับว่าหล่อเหลาพอสมควร ฐานะทางบ้านก็ถือว่าอยู่ในอันดับต้น ๆของหมู่บ้าน อันน่าถ้าเธอชอบเขาละก็ฉันช่วยพวกเธอได้นะ”
สีอันน่าสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลันแล้วด่ากราด “เธอพูดบ้าอะไร ฉันจะชอบคนบ้านนอกได้อย่างไร!”
“แล้วเธอไปหาเพื่อนบ้านเดียวกันของฉันบ่อย ๆทำไม? ผู้ชายผู้หญิงอยู่กันสองต่อสองคงไม่ได้ห่มผ้าคุยกันเฉย ๆหรอกมั้ง?” ถังม่านลี่แค่นหัวเราะทีหนึ่งโดยไม่เห็นสีอันน่าในสายตาเลยสักนิด
ลูกไม้แค่นี้ทำอะไรเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ!
“อุ๊บ”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบเอามือปิดปากแล้วก้มหน้าทานเนื้อต่อ บอกตามตรงถังม่านลี่ในตอนนี้ค่อนข้างถูกใจเธอนัก เพียงแต่เธอไม่มีทางเป็นเพื่อนกับโสเภณีหรอก
ต่อให้สูงส่งมีระดับก็ยังเป็นโสเภณี เพราะเนื้อแท้ไม่ต่างกันเท่าไรนัก
………………………..
ตอนที่ 2204 ผลงานจบการศึกษาที่สมบูรณ์แบบ
คู่หมั้นที่สีอันน่าพูดถึงพวกเหมยเหมยก็เคยเจอกันมาแล้วทั้งนั้น เมื่อหลายวันก่อนเขาแวะมาหาถังม่าน แต่ตอนนั้นถังม่านลี่ไม่อยู่หอพัก มีเพียงสีอันน่าที่อยู่
คู่หมั้นคนนั้นหน้าตาถือว่าใช้ได้แต่แต่งตัวเชยมาก แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้ชายที่ไม่เคยออกไปเผชิญโลกภายนอกมาก่อน มีกลิ่นอายเชย ๆแบบฉบับคนบ้านนอกแผ่ออกมาจากตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า
แต่ไม่นานถังม่านลี่ก็หว่านล้อมให้ผู้ชายกลับไปได้สำเร็จและไม่เคยพบเจอกันอีก ไม่รู้ว่าสีอันน่าไปสืบเสาะเรื่องพวกนี้มาจากไหนกัน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นซึ่งเป็นของถังม่านลี่ เธอล้วงออกมาจากกระเป๋าแล้วกดรับสาย แต่ฟังไปได้ไม่กี่ประโยคก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ ภาษาที่พูดเป็นภาษาบ้านเกิด ซึ่งถึงแม้จะตั้งใจกดเสียงลงก็ฟังออกว่าเธอโกรธมาก
“หวังเหลยนายอย่ามาหน้าด้าน เรื่องหมั้นระหว่างเราเป็นโมฆะไปแล้ว ฉันให้เงินบ้านนายไปห้าหมื่นแล้ว แถมมากกว่าค่าเทอมที่พวกนายให้ฉันมาสิบเท่า นายยังคิดจะเอาอะไรอีก?”
ถังม่านลี่โกรธมาก เธอใช้เงินคนตระกูลหวังนั่นก็จริงแต่ภายหลังเธอได้ชดใช้คืนไปแล้วสิบเท่า เงินห้าหมื่นเพียงพอสำหรับหวังเหลยตบแต่งหาภรรยาสักห้าคนได้แล้ว เธอคิดว่าเธอได้ทำดีที่สุดแล้ว หวังเหลยยังคิดจะเอาอะไรอีก?
ถังม่านลี่ด่าไปอีกหลายประโยคแล้ววางสายไปด้วยความขุ่นเคือง สีหน้าถมึงทึงไม่ทานแอปเปิ้ลอีกก่อนจะสะพายกระเป๋าออกจากห้องไป ดูท่าทางร้อนใจอย่างมาก
สีอันน่าลอบยกยิ้มมุมปากดีใจคนเดียวแล้วก้มหน้าทานข้าวต่อ
เหมยเหมยไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่น เธอกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจัดการกับข้าวที่ป้าฟางส่งมาให้จนหมดแล้วเรอติดต่อกันหลายครั้ง ความรู้สึกอิ่มท้องมันดีจริง ๆ
“ตอนนี้เธอทานเก่งจริง ๆ ดูผิวเธอสิดีขนาดไหน ฉันเดาว่าท้องแรกเธอน่าจะเป็นผู้หญิง แม่ฉันบอกว่าตอนที่แม่ฉันท้องฉันนะผิวทั้งนุ่มทั้งลื่น ผิวสวยกว่าตอนสาว ๆมากเลยล่ะ”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูบแก้มเหมยเหมยอย่างนึกอิจฉาทีหนึ่ง ผิวของเธอนับว่าดีอยู่แล้วแต่พอเทียบกับเหมยเหมยกลับกลายเป็นหนังหมูในฉับพลัน ปวดใจจัง
เหมยเหมยลูบท้องน้อยเบา ๆพร้อมยิ้มเอ่ย “ผู้ชายผู้หญิงก็ได้หมด ขอแค่ฉลาดแข็งแรงก็พอ”
“นั่นสินะ ตอนนี้ให้มีลูกได้คนเดียว ถ้าคลอดออกมาเป็นคนขี้โรคไม่ฉลาดคงเครียดตาย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าเห็นด้วย ขณะเดียวกันก็แอบดีใจที่อิงจวี้กังเป็นคนชนเผ่าจ้วง อนาคตเธอมีลูกได้สองคน
สีอันน่าสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยแล้วตกใจจนลืมความจริงที่ว่าตนไม่ญาติดีกับอีกฝ่าย พลั้งปากหลุดถามไปว่า “จ้าวเหมยเธอท้องเหรอ? เธอยังไม่แต่งงานเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันแต่งงานหรือไม่แต่งงานแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ” เหมยเหมยตอกกลับเสียงเย็นชาประโยคหนึ่ง
“ยังไม่แต่งงานก็กล้าท้องเหรอ เหอะ ๆ” สีอันน่าหัวเราะเยาะ มองเหยียดด้วยสายตาดูถูก
ยังไม่ทันแต่งงานก็ทำให้ผู้หญิงท้องแล้ว บ่งบอกว่าคู่หมั้นของจ้าวเหมยไม่ได้รักเธอมากขนาดนั้น ไม่แน่อาจจะแค่เล่นสนุก ๆก็ได้!
เหอะ เธอจะรอดูจ้าวเหมยตกอับ!
ช่วงบ่ายต้องส่งผลงานจบการศึกษาซึ่งนับว่าเป็นผลงานภาพวาดที่สมบูรณ์แบบที่สุดของชีวิตสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย เหมยเหมยเตรียมผลงานไว้นานแล้ว เป็นภาพวาด 3D ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงยุคหลังแถมยังวาดเป็นรูปฉิวฉิว รูปนี้เธอใช้เวลาวาดเกือบหนึ่งปีและเพิ่งเสร็จไม่นานนี่เอง ทำเอาเหยียนหมิงซุ่นคิดว่าในรูปเป็นฉิวฉิวตัวจริงเสียอีก
รูป 3D ต้องใช้เวลาอีกหลายปีถึงจะเป็นกระแสในประเทศจึงทำให้ตอนนี้พบเห็นได้น้อยมาก ผลงานของเหมยเหมยจึงโดดเด่นท่ามกลางผลงานจบการศึกษาคนอื่น ๆ ทั้งยังได้รับคำเชยชมจากบรรดาศาสตราจารย์มากมายที่เอ่ยชมไม่ขาดปาก ก่อนจะได้รับคำชมว่าเป็นผลงานจบการศึกษาที่ยอดเยี่ยมที่สุดตามคาด
เหมยเหมยมอบรูปนี้ให้กับทางมหาวิทยาลัย อนาคตจะมีโอกาสได้ไปเฉิดฉายในนิทรรศการของทางคณะศิลปกรรมศาสตร์เพื่อให้บรรดารุ่นน้องได้ชมเป็นตัวอย่าง นี่จึงเป็นเกียรติที่มีเพียงนักศึกษาชั้นปีที่สี่จะได้รับ หนึ่งปีมีเพียงสิทธิ์เดียวเท่านั้น
สิทธิ์ในปีนี้ย่อมตกเป็นของเหมยเหมยไปโดยปริยาย
เธอได้สร้างสรรค์ผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดของชีวิตสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยได้ดีที่สุด!
ตอนที่ 2205 ชีวิตโหดร้ายแบบนี้แหละ
หลังจากส่งผลงานจบการศึกษาไปความจริงก็ถือว่าเรียนจบแล้ว แต่ยังต้องเข้าร่วมพิธีจบการศึกษาเพื่อเข้ารับใบจบการศึกษาถึงจะนับว่าสิ้นสุดการศึกษาอย่างแท้จริง
พิธีจบการศึกษาถูกกำหนดขึ้นในอีกสิบวันให้หลังซึ่งคาดว่าอยู่ประมาณกลางเดือนมิถุนายน จู่ ๆเหมยเหมยก็รู้สึกใจหวิวขึ้นมา ช่างเป็นความเศร้าของวันเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปและความสลดของการจากลา
เพื่อนร่วมห้องกันมาสี่ปีแม้จะเคยเกิดข้อบาดหมางระหว่างกันบ้าง ปกติก็ไม่ถือว่ามีปฏิสัมพันธ์กันมากเท่าไรนักแต่ระหว่างเพื่อนร่วมชั้นมีมิตรภาพกันอยู่แล้ว เมื่อต้องจากกันไปคงรู้สึกเศร้าใจไม่มากก็น้อย
“เฮ้อ ห้องเรามีเพื่อนกว่าครึ่งห้องที่ไม่ได้ใบตอบรับจากที่ทำงาน” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคีบหมูตุ๋นน้ำแดงมาหนึ่งชิ้นพลางถอนหายใจยาวเหยียด แต่กลับไม่ส่งผลต่อความอยากอาหารของเธอที่ยังคงทานได้อย่างเอร็ดอร่อย
มื้อเที่ยงเหมยเหมยเชิญชวนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อมาทานข้าวที่บ้าน เหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่บ้าน ช่วงนี้เขางานยุ่งมากดึกดื่นถึงจะกลับบ้าน เวลานั้นเหมยเหมยหลับไปแล้วทำให้ทั้งคู่ได้สนทนากันเพียงไม่กี่ประโยคในช่วงเช้าเท่านั้น
เหมยเหมยรู้ว่าเป็นเพราะเหยียนหมิงซุ่นเตรียมเก็บแหจัดการหนิงเฉินเซวียนแล้ว ความพยายามในหลายปีจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับครั้งนี้ ฉะนั้นถึงได้ลุยงานไม่หยุดหย่อน เธอช่วยอะไรไม่ได้จึงจะเป็นตัวถ่วงให้เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้เช่นกัน
ดังนั้นเธอไม่เคยถามไถ่อะไรแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง วัน ๆนอนให้เต็มอิ่มกินเต็มท้อง ดูแลตัวเองและลูกให้ดีเพื่อไม่ให้เหยียนหมิงซุ่นเสียสมาธิก็นับว่าช่วยได้มากที่สุดแล้ว
ฝีมือการทำอาหารของป้าฟางยังคงอร่อยเช่นเคย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานไม่หยุดคีบหมูตุ๋นน้ำแดงชิ้นแล้วชิ้นเล่าจนหน้าดูอิ่มเอม
สีหน้าฉีฉีเก๋อดูเคร่งเครียดอยู่บ้างและไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไร แถมยังไม่ค่อยช่างพูดเหมือนแต่ก่อน เธอทานข้าวเงียบ ๆ เป็นผู้ฟังอยู่อย่างเดียว
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานเนื้ออีกหนึ่งชิ้นก่อนเอ่ยต่อ “แต่เพื่อนส่วนมากเลือกจะอยู่เมืองหลวงต่อ”
เหมยเหมยถามด้วยความตกใจ “แต่พวกเขาไม่มีงานนะแล้วจะใช้ชีวิตอย่างไร?”
ถูกส่งกลับบ้านเกิดอย่างน้อยก็มีงานที่มั่นคง แต่เลือกอยู่เมืองหลวงต่อก็เท่ากับว่าเป็นคนว่างงาน พวกเขาจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ชีวิตกัน?
“แล้วจะทำอย่างไรได้ล่ะ? ทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วยก็หางานไปด้วยน่ะสิ ต้องลำบากแน่ละ แต่ถ้าไม่ลำบากแล้วจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนค่อนข้างชื่นชมเพื่อนที่มีความกล้าจะอยู่ต่อ
หากเปลี่ยนเป็นเธอที่ไม่มีแรงสนับสนุนจากครอบครัว ไม่มีพื้นหลังใด ๆ อยู่ตัวคนเดียวคงไม่มีความกล้าจะอยู่ต่อไป
เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ชีวิตก็โหดร้ายอย่างนี้แหละ คนที่ไม่ต้องห่วงชีวิตอย่างเธอ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อมีความสุขมากจริง ๆ!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดต่อ “ฉันรับเพื่อนสองคนเข้ามาทำงานในบริษัทฉัน คนหนึ่งห้องเรา อีกคนห้องอิงจวี้กัง”
เหมยเหมยเลิกคิ้วพร้อมพูดกลั้วหัวเราะ “ยินดีด้วยยินดีด้วย ดูท่าบริษัทเธอต้องไปไกลแน่นอน!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าได้ใจ นานทีจะพูดอ่อนน้อมสักหน่อย “ไม่หรอก ๆเพราะผู้ชายของเธอดูแลต่างหาก”
กระทั่งตอนนี้ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทโฆษณาเธอก็คือบริษัทโฆษณาลูกพี่ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่น เวลาบริษัทแม่งานชุกชุมก็จะเหมาเอางานเล็ก ๆมาให้บริษัทเล็กทำ เรื่องเช่นนี้พบเจอได้ทั่วไปไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในวงการ
สำหรับบริษัทใหญ่พวกนั้นแล้วโฆษณาน้อยนิดแค่นี้ไม่ได้ทำเงินให้สักเท่าไรหรอก แต่สำหรับบริษัทขนาดเล็กของเธอกับอิงจวี้กัง งานพวกนี้มากพอจะทำให้เธอไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทองไปอีกนาน
เหมยเหมยเองก็ขำด้วยอีกคน “นั่นก็เพราะพวกเธอทำได้ดีไง ลูกพี่ลูกน้องของพี่หมิงซุ่นเข้มงวดมากเลยนะ ถ้าพวกเธอทำได้ไม่ดีเขาไม่ยอมไว้หน้าพี่หมิงซุ่นหรอก!”
“ก็ต้องทำให้ดีอยู่แล้วสิ ฉันจะทำให้เธอขายหน้าไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ตามคำโบราณที่ว่าอาจารย์รับลูกศิษย์เข้าสำนัก แต่วิชาการฝึกฝนขึ้นอยู่กับตัวบุคคลไงล่ะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบหน้าอก รู้สึกซาบซึ้งเหมยเหมยอย่างมาก
บรรษัทข้ามชาติอย่างไท่หนิงกรุ๊ป หากไม่ใช่เพราะเหมยเหมยเธอคงไม่มีทางก้าวเข้าประตูได้ด้วยซ้ำ!
เหมยเหมยเป็นผู้มีพระคุณของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจริง ๆ!
………………………..
ตอนที่ 2206 ช่วยได้ก็ช่วย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “แต่บริษัทฉันเล็กเกินไปไม่อย่างนั้นคงช่วยเพื่อนได้อีกหลายคน อย่างไรเสียก็เพื่อนกัน ทนเห็นพวกเขาลำบากไม่ได้จริง ๆ”
เหมยเหมยอมยิ้มพลันฉุกนึกถึงภาพครั้งแรกที่เธอเจอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขึ้นได้ ช่างเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย เมื่อนั้นเธอหลงคิดว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนโลภที่เห็นแก่เงินจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องอยู่ให้ห่างจากหญิงสาวคนนี้เอาไว้
แต่ใครจะรู้เล่า ถึงคุณหนูใหญ่เหริ่นจะเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ก็จริง เห็นเงินเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่ความกระตือรือร้นชอบช่วยเหลือผู้อื่นขี้ใจอ่อนก็เป็นเรื่องจริง เป็นเพื่อนที่คู่ควรคบหาด้วย
ฉะนั้นความประทับใจแรกใช่ว่าจะเชื่อถือได้เสมอ
“เธอทำสุดความสามารถแล้ว อย่าคิดมากไปเลย ในเมื่อนี่เป็นการตัดสินใจของพวกเขา งั้นพวกเขาก็ต้องเตรียมใจพร้อมจะลำบากแล้วแน่ ๆ” เหมยเหมยพูดปลอบ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า “ฉันก็พูดไปงั้นแหละ มีความสามารถแค่ไหนก็ทำเท่านั้นเถอะ”
เหมยเหมยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ย “เอางี้แล้วกัน เธอไปบอกเพื่อนพวกนั้นทีว่าพิพิธภัณฑ์ศิลปะของแม่ฉันสามารถช่วยขายรูปวาดของพวกเขาได้และอาจจะมีงานจ้างเฉพาะงานบ้าง ถ้าพวกเขาสนใจก็ให้ไปติดต่อพิพิธภัณฑ์แม่ฉันได้ ถ้าพวกเขามีความสามารถก็พอหาเงินใช้ประทังชีวิตได้แหละ”
จู่ ๆเธอก็เกิดความคิดขึ้นมาชั่วขณะ อย่างไรเสียก็เป็นเพื่อนกัน ช่วยได้ก็ช่วยกันไป
ในเวลานี้เหยียนซินหย่าเป็นศิลปินชื่อดังระดับโลกบวกกับมีลูกค้าที่เซียวจิ่งหมิงแนะนำมาจึงทำให้พิพิธภัณฑ์ศิลปะของเธอขายดีไม่น้อย มีลูกค้ามาสั่งวาดรูปประจำหรือที่เรียกกันว่ารูปภาพทางพาณิชย์ ซึ่งจะมีส่วนแบ่งให้ทั้งพิพิธภัณฑ์และนักวาด
พิพิธภัณฑ์อื่นส่วนมากจะแบ่งสัดส่วนเป็นสามต่อเจ็ดหรือหกต่อสี่ พิพิธภัณฑ์จะรับมากหน่อย ส่วนนัดวาดจะรับน้อยหน่อย ถึงขั้นมีแบ่งสัดส่วนสองต่อแปดก็ยังมี แต่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนเหมยเหมยจะบอกเหยียนซินหย่าให้ช่วยแบ่งเป็นสี่ต่อหก พิพิธภัณฑ์หกส่วนนัดวาดสี่ก็ย่อมได้ แต่หากมากกว่านั้นคงไม่ได้เพราะจะทำลายกฎระเบียบของสายอาชีพนี้เอา
ความจริงเรื่องฝากขายก็แค่พูดให้น่าฟังเท่านั้น นักวาดที่ไร้ชื่อเสียงพวกนี้แถมยังเพิ่งเรียนจบ ฝีมือการวาดยังค่อยโดดเด่นเท่าไรนัก ภาพวาดของพวกเขาไม่มีใครอยากซื้อ ฉะนั้นเหมยเหมยจึงคิดว่าพวกเขาเหมาะกับการวาดรูปเชิงพาณิชย์ไปก่อนระยะหนึ่ง
หลายปีมานี้รูปเชิงพาณิชย์ค่อนข้างเป็นที่นิยม ชนชั้นกลางส่วนหนึ่งชอบสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อจะแสดงถึงรสนิยมด้านศิลปะของพวกเขาได้
แต่สำหรับนักวาดรูปแล้ว การวาดภาพเชิงพาณิชย์เป็นเรื่องน่าเบื่อเพราะถูกกฎเกณฑ์ตีกรอบ ไม่มีอิสระและจิตวิญญาณในการออกแบบ นักวาดที่มีความเป็นตัวเองสูงมักจะไม่ยอมวาด คนที่วาดส่วนมากเป็นนักวาดวัยหนุ่มสาวที่ถูกชีวิตบีบบังคับให้ทำเช่นนั้น
แต่ต่อให้เบื่อเพียงใดก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการหาเงินเลี้ยงชีพที่ดีไม่หยอก มีนักวาดมากมายเคยวาดรูปเชิงพาณิชย์มาก่อนจะเป็นนักวาดชื่อดังเช่นกัน
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดีใจมาก “เหมยเหมยเธอเป็นผู้ช่วยชีวิตพวกเขาจริง ๆ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จฉันจะไปบอกพวกเขานะ”
เหมยเหมยหยิบนามบัตรผู้รับชอบดูแลพิพิธภัณฑ์ของเหยียนซินหย่าจากลิ้นชักให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “เธอให้พวกเขาไปติดต่อผู้จัดการหลิวคนนี้ บอกว่าฉันเป็นคนแนะนำเอง เดี๋ยวฉันจะไปบอกผู้จัดการหลิวไว้แล้วกัน”
ผู้จัดการหลิวเป็นผู้จัดการดูแลพิพิธภัณฑ์มืออาชีพที่เซียวจิ่งหมิงแนะนำมา อดีตเคยทำงานในพิพิธภัณฑ์ของเซียวจิ่งหมิงมาก่อนแต่ภายหลังด้วยเหตุผลทางสุขภาพเลยขอลาออกพักฟื้นอยู่บ้านหลายปี เซียวจิ่งหมิงจึงแนะนำให้เขาไปทำงานกับเหยียนซินหย่า ความสามารถดีไม่เบา พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การจัดการดูแลเป็นระบบระเบียบของเขาทำให้เหยียนซินหย่าไม่ต้องกังวลอะไรเลย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเก็บนามบัตรไว้อย่างดี แก้ปัญหาเรื่องใหญ่ได้เธอก็มีอารมณ์สอดรู้เรื่องชาวบ้านอีกแล้ว
“ฉีฉีเก๋อ ช่วงนี้เธอเป็นอะไรไป? ข้าวน้ำไม่กิน จนเกือบจะเป็นสาวอมทุกข์ไปแล้วนะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบ่น
ตอนที่ 2207 อยากทานเต้าหู้นมแล้ว
เหมยเหมยเองก็ค่อนข้างเป็นห่วงสภาพจิตใจของฉีฉีเก๋อ นับตั้งแต่ลุงปาเกินไม่อนุญาตให้เธอแต่งงาน หญิงสาวคนนี้ก็กลายเป็นแบบนี้มาโดยตลอด วัน ๆเอาแต่นั่งจนร่างกายซูบผอมลงไปไม่น้อย
“เปล่า แค่อากาศร้อนไม่อยากทานข้าว ฉันอยากทานเต้าหู้นมที่แม่ฉันทำน่ะ”
ฉีฉีเก๋อยิ้มพร้อมขมวดคิ้วมองกับข้าวมากมายบนโต๊ะอาหารที่ล้วนแต่เป็นของโปรดของเธอทั้งนั้น แต่ตอนนี้กลับไม่มีความรู้สึกอยากเลยสักนิด ทว่ากลับรู้สึกปุเลี่ยนอย่างเดียว
ตอนนี้เธออยากทานเต้าหู้นมฝีมือแม่ รสชาติเปรี้ยวอมหวานมีกลิ่นนมเข้มข้น แค่คิดน้ำลายก็สอแล้ว
ฉีฉีเก๋ออดกลืนน้ำลายไม่ได้ ในเมืองหลวงมีเต้าหู้นมขายแต่กลับไม่อร่อยเท่าที่แม่ของเธอทำ รสชาติไม่เหมือนต้นตำรับเลยสักนิด เธอเคยไปซื้อทานมาบ้างยังไม่ทันหมดก็ให้ฉางชิงซงจัดการที่เหลือแล้ว
เหมยเหมยขมวดคิ้ว บอกตามตรงเธอไม่คุ้นชินกับรสชาติของเต้าหู้นมเลยสักนิดและไม่เข้าใจความอยากกินเต้าหู้นมของฉีฉีเก๋อ ของแบบนั้นอร่อยตรงไหนกัน
เช่นเดียวกับฉีฉีเก๋อที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงชอบทานหั่มช้อยกอน ก็มันเป็นความแตกต่างทางภูมิศาสตร์นี่นา!
“ซีตันมีร้านหนึ่งเต้าหู้นมรสชาติดีไม่หยอก เธอไม่ได้ไปซื้อมาทานเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกแปลกใจ เธอก็ชอบทานเต้าหู้นมเช่นกันและได้แนะนำให้ฉีฉีเก๋อไปซื้อร้านที่เธอไปประจำโดยเฉพาะ
“ไปซื้อตั้งนานแล้วแต่ไม่อร่อยเท่าที่แม่ฉันทำ” ฉีฉีเก๋อรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก ความต้องการต่อเต้าหู้นมยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจนเธอแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ นึกอยากซื้อตั๋วรถไฟกลับไปทานเต้าหู้นมที่บ้านเกิดเดี๋ยวนี้ทันที
“เต้าหู้นมร้านนั้นเธอยังไม่พอใจก็คงมีแต่กลับไปทานที่บ้านเกิดแล้วล่ะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาใส่เธอทีหนึ่ง เมื่อก่อนไม่เห็นเธอช่างเลือกขนาดนี้แต่ตอนนี้กลับเอาแต่ใจขึ้นแล้ว
เดิมเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่พูดไปทีเชิงล้อเล่น ใครจะรู้ว่าฉีฉีเก๋อกลับคิดจริงจังด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“หรือว่าตอนบ่ายฉันกลับบ้านเลยดีกว่า บ่ายสามครึ่งมีรถเที่ยวหนึ่งไปเมืองที่ฉันอยู่”
เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจกันยกใหญ่
“น้ำไม่ได้เข้าสมองเธอหรอกใช่ไหม? รถเที่ยวบ่ายสามครึ่งไปถึงเมืองที่เธออยู่ก็สามทุ่มแล้ว ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเธอไปนอนโรงแรมไม่กลัวโจรขโมยเงินหรือข่มขืนหรือไง เพื่อเต้าหู้นมอันเดียวต้องลงทุนขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนตบศีรษะฉีฉีเก๋อไปหลายที โง่ขึ้นทุกวันจริง ๆ
เหมยเหมยเองก็พูดเกลี้ยกล่อม “ใกล้จะถึงพิธีจบการศึกษาแล้ว ถ้าเธออยากทานจริง ๆก็รออีกสักสิบวัน รอพิธีการศึกษาจบค่อยกลับไปเถอะ”
“แต่ฉันอยากทานตอนนี้นี่นา อยากทานมากจนจะกระอักตายอยู่แล้ว เหมือนมีมดวิ่งอยู่ในท้องเลย…”
ฉีฉีเก๋อเองก็ลำบากใจเหลือเกิน เธอไม่เคยต้องการจะทานอะไรสักอย่างเท่านี้เลยมาตั้งแต่เด็ก ราวกับว่าหากไม่ได้ทานเต้าหู้นมตอนนี้เธอก็จะหายใจไม่ออก
เหมยเหมยฉุกคิดและเริ่มสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
อาการของฉีฉีเก๋อในตอนนี้เหมือนเธอในช่วงก่อนหน้านี้เลย!
หรือว่า?
ใจของเธอหล่นตุบ หวังว่าคงจะไม่เป็นอย่างที่เธอคิด ไม่อย่างนั้นปัญหาเดิมยังไม่จบก็มีปัญหาใหม่เข้าแล้ว
เหมยเหมยกำลังจะถามช่วงเวลาประจำเดือนของฉีฉีเก๋อป้าฟางก็ยกปลาเล็กทอดจานใหญ่มา ก่อนจะพูดเสียงดังกลั้วหัวเราะ “ปลาทอดที่พวกหนูชอบทานที่สุดมาแล้ว ป้าคลุกแป้งกับไข่ กรอบนอกนุ่มใน ทานเยอะ ๆล่ะ”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตาเป็นประกายพลางตะโกนเสียงดังอย่างดีใจ “ป้าฟาง หนูรักป้าที่สุดเลย”
เธอไม่ใช้ตะเกียบแต่เลือกยื่นแขนอวบขาวเนียนไปหยิบปลาเล็กทอดมาเคี้ยวทันที เสียงดังกรุบ ๆ ทานไปก็พูดชมไปไม่ขาดปาก ทำเอาเหมยเหมยก็เกิดอยากขึ้นมาเลยคีบมาทานหนึ่งตัว
“อร่อยจัง ทำไมเมื่อก่อนฉันไม่เคยรู้สึกว่าปลาเล็กทอดอร่อยขนาดนี้นะ…”
เหมยเหมยทานติดต่อกันหลายตัว ยิ่งทานก็ยิ่งอร่อยจนแทบหยุดไม่อยู่
ฉีฉีเก๋อเห็นแล้วก็รู้สึกอยากขึ้นมาจึงหยิบตัวหนึ่งเข้าปาก แต่เพิ่งกัดไปแค่คำเดียวสีหน้าก็เปลี่ยนไปฉับพลัน เอามืออุดปากพุ่งตัวไปที่ห้องน้ำ
………………………….
ตอนที่ 2208 เกิดปัญหาถึงชีวิต
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจเลยถามด้วยความมึนงงว่า “ฉีฉีเก๋อเป็นอะไรไป?”
เหมยเหมยใจหล่นวูบ พฤติกรรมของฉีฉีเก๋อในตอนนี้เหมือนเธอเมื่อหนึ่งเดือนก่อนไม่มีผิด เธอพอจะมั่นใจเจ็ดในสิบส่วนแล้ว
ไม่นานฉีฉีเก๋อก็กลับมานั่งที่เดิมในสภาพที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก เธอไม่ได้ทานปลาเล็กทอดอีกต่อไปแต่คีบผัดมันเส้นมาทาน ทีนี้เหมยเหมยถึงสังเกตเห็นว่าผัดมันเส้นจานใหญ่แทบจะถูกฉีฉีเก๋อจัดการคนเดียวและไม่แตะกับข้าวอย่างอื่นเลย
“เธอเป็นอะไร? เป็นหวัดเหรอ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามด้วยห่วงใย
“ฉันก็ไม่รู้ ช่วงนี้รู้สึกคลื่นไส้ ทานอะไรก็ไม่ค่อยมีรสชาติ อยากแต่จะทานเต้าหู้นมอย่างเดียว”
ฉีฉีเก๋อเองก็เริ่มงงตัวเอง ก่อนจะเริ่มพร่ำหาถึงเต้าหู้นมอีกครั้ง ความต้องการที่จะกลับบ้านรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ประจำเดือนเธอไม่มานานแค่ไหนแล้ว?” เหมยเหมยถามขึ้นกะทันหัน
ฉีฉีเก๋อชะงักพลางมองเหมยเหมยด้วยความฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆเธอถึงถามคำถามนี้ขึ้นมา แล้วยังเลือกถามในเวลาทานข้าวด้วย เธอคิด ๆพลันก็ใจเต้นตุบตับ ถ้าเหมยเหมยไม่ถามเธอคงไม่ได้สังเกต ที่แท้ประจำเดือนของเดือนนี้มาช้าหลายวันแล้ว
เหมยเหมยแค่เห็นสีหน้าเธอก็รู้คำตอบแล้ว “เลื่อนใช่ไหม? เลื่อนมากี่วันแล้ว?”
“ฉันไม่ได้นับ อาจจะสิบกว่าวันได้มั้ง ฉันไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ…”
ฉีฉีเก๋อสติเริ่มเลื่อนลอย ต่อให้เธอใสซื่อเพียงใดก็รู้ว่าการที่ประจำเดือนไม่มาสื่อถึงอะไร
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเข้าใจในทันทีสีหน้าก็ฉับพลัน ถลึงตาใส่ฉีฉีเก๋ออย่างดุดันแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ย “ฉันจะไปซื้อที่ตรวจครรภ์มา”
เธอไม่สนใจกับข้าวอีกต่อไปแล้วรีบคว้ากุญแจรถวิ่งออกไปอย่างร้อนรน
ละแวกบ้านเหมยเหมยมีร้านยาครบครันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งอยู่ ไม่นานเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็กลับมาพร้อมกับที่ตรวจครรภ์หลายแผ่นแล้วโยนใส่หน้าฉีฉีเก๋อ พูดเสียงเย็นชาว่า “ไปตรวจที่ห้องน้ำเดี๋ยวนี้”
“อันนี้…ใช้…อย่างไรเหรอ?” ฉีฉีเก๋อถามติด ๆขัด ๆ
“ฉี่…แล้วเอาอันนี้รอง เอาหัวด้านนี้แช่ในฉี่แล้วค่อยดูว่าขึ้นกี่ขีด”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะคอกเสียงดัง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงโกรธขนาดนี้ น่าโมโหชะมัด กล้าหาเรื่องใส่ตัวจนเกิดชีวิตใหม่เลยไหมล่ะ!
ฉีฉีเก๋อถูกพ่นน้ำลายใส่เต็มหน้าก็หยิบกระดาษตรวจครรภ์หนึ่งแผ่นเตรียมเข้าห้องน้ำ แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเรียกเธอไว้ “เอาพวกนี้ไปด้วย แช่ให้หมด”
เพราะกังวลว่ากระดาษตรวจครรภ์ไร้ประสิทธิภาพเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงตั้งใจซื้อมาหลายแผ่น แช่ให้หมดทีเดียวคงไม่เกิดข้อผิดพลาดหรอก
ฉีฉีเก๋อกัดฟันหยิบมันขึ้นมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป พวกเหมยเหมยรออยู่ข้างนอกและหมดอารมณ์ทานข้าวต่อ หากยายโง่ฉีฉีเก๋อท้องขึ้นมาจริง ๆ…
“ให้ตาย เสียเปรียบไอ้สารเลวฉางชิงซงนั่นแล้ว!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนด่าอย่างนึกแค้นใจ หากฉีฉีเก๋อท้องก็ต้องจัดงานแต่งงานอย่างแน่นอน จะให้ทำแท้งก็คงไม่ได้หรอกมั้ง!
เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่นคิดอย่างไรก็คิดไม่ตกเลยถามเสียงเบา “ฉีฉีเก๋อเคยมีอะไรกับฉางชิงซงแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นอยู่ในช่วงปลอดภัยนี่นา ทำไมถึงท้องได้ล่ะ?”
หรือว่าภายหลังฉีฉีเก๋อเผลอขึ้นเตียงกับฉางชิงซงอีก?
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองคิดได้เลยกัดฟันกรอด “ต้องเป็นแผนชั่วร้ายของฉางชิงซงแน่ ทำทีเห็นด้วยว่าเลื่อนงานแต่งงานแต่ลับหลังแอบนัดฉีฉีเก๋อเพื่อจงใจทำให้เธอท้อง แบบนี้ก็จัดงานแต่งงานได้ตามกำหนดเดิม แม่ของเขาก็ได้หลานฟรี ๆอีกคนมา ให้ตาย…ไอ้สารเลวนี่มันร้ายกาจจริง ๆ ทำไมเมื่อก่อนฉันไม่เคยรู้ธาตุแท้ของเขานะ…
ไม่ได้ จะเสียเปรียบไอ้ชั่วนี่ไม่ได้ สู้เอาเด็กออก…”
เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอทีหนึ่ง “เธอเบาเสียงหน่อย เรื่องเป็นมาอย่างไรเรายังไม่รู้เลยเธอก็กำหนดโทษให้คนอื่นแล้ว อีกอย่างต่อให้ฉีฉีเก๋อมีลูกจริง ๆ เด็กคนนี้ก็เป็นลูกของเธอ เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนเธอนะ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น