อัจฉริยะสมองเพชร 2188-2191

 ตอนที่ 2188 กินยานี้เสีย!

ด้วยความประหลาดใจ คุณเฉินรีบขับเคลื่อนพลังปราณเพื่อดูว่าสิ่งนี้เป็นเพียงภาพลวงตาที่เพียงครู่เดียวก็จะหายไปหรือเปล่า แต่ผลการตรวจสอบของเธอก็คือ…ตัวเธอเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ!


ยาเม็ดนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ผิวพรรณของเธอเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์กว่าเก่า แต่อาการบอบช้ำที่เคยได้รับ อีกทั้งพิษยาที่สะสมตกค้างในร่างกายก็ถูกขจัดออกไปด้วย แม้วรยุทธจะไม่เพิ่มสูงขึ้น แต่ความแข็งแกร่งของเธอก็มีมากกว่าเดิม


“นี่…มันไม่ใช่แค่ยาเม็ดเพิ่มความงามแบบทั่วไป แต่มีอานุภาพทรงพลังในการเยียวยาด้วย” คุณเฉินอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น


ในฐานะทายาทของตระกูลนักปรุงยา เธอรู้ทันทีว่ายาเม็ดเพิ่มความงามเม็ดนี้มีค่าขนาดไหน ลำพังแค่อานุภาพในการเพิ่มความสวยสดงดงามก็น่าทึ่งพออยู่แล้ว แต่มันยังส่งผลดีต่อวรยุทธด้วย


การจ่ายค่ายาเม็ดนี้ด้วยราคาเพียง 1,000 เหรียญสวรรค์จัดว่าถูกมาก!


“คุณเฉิน, ว่าอย่างไร?” ฉีหลิงเอ๋อถามยิ้มๆ


“เอ่อ…อานุภาพของมันถือว่ายอดเยี่ยม แต่ฉันยังอยากตรวจสอบอีกนิดว่ามีผลข้างเคียงใดๆหรือเปล่า อย่างที่คุณรู้ ยาเม็ดที่มีศักยภาพสูงก็มักจะมีผลข้างเคียง” คุณเฉินระงับความตื่นเต้นไว้และตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย


“ก็จริง…”


ฝูงชนพากันพยักหน้า


เป็นที่รู้กันทั่วไปว่ายิ่งยาเม็ดหนึ่งมีคุณสมบัติทางยาเข้มข้นมากขึ้นเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่จะทำให้ร่างกายของผู้ที่กินเข้าไปบอบช้ำมากขึ้น ข้อสังเกตของคุณเฉินทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีว่ามีข้อบกพร่องรุนแรงแบบนั้นอยู่ในยาเม็ดเพิ่มความงามหรือเปล่า


ฉีหลิงเอ๋อขมวดคิ้วกับคำพูดของคุณเฉิน


เมื่อครู่นี้ อีกฝ่ายแสดงทีท่าชัดเจนว่ารับรู้อานุภาพของยาเม็ดเพิ่มความงามแล้ว แต่ยังถ่วงเวลาให้ทุกอย่างยืดเยื้อ?


“คุณเฉิน ไม่ทราบว่าผลข้างเคียงชนิดไหนที่คุณคาดว่าจะมีอยู่ในยาเม็ดนี้?” ใครคนหนึ่งในหมู่ฝูงชนตั้งคำถาม


“เอ่อ…ฉันเองก็ไม่แน่ใจ ต้องขอตรวจสอบให้ดีก่อน” คุณเฉินพูดพร้อมกับครุ่นคิด เธอหันไปเจรจากับฉีหลิงเอ๋อ “ตอนนี้คุณมียาเม็ดเพิ่มความงามอยู่กับตัว 18 เม็ดใช่ไหม? ทำไมไม่ขายทั้งหมดนั่นให้ฉัน? ฉันจะได้ทำการค้นคว้าและวิเคราะห์กับสามีเพื่อตรวจสอบว่ามีผลข้างเคียงรุนแรงหรือไม่ ถ้าเราแก้ไขข้อบกพร่องได้ทั้งหมด ฉันเชื่อว่าทุกคนจะได้ประโยชน์มาก…”


“อย่างนั้นหรือ?” ฉีหลิงเอ๋อย้อนถามขณะยิ้มเยาะ


เธอกำลังนึกสงสัยว่ายาเม็ดเพิ่มความงามมีบางอย่างผิดปกติจริงๆหรือเปล่า แต่กลับกลายเป็นว่าแท้ที่จริงนั้น คุณเฉินประทับใจกับอานุภาพของมันและอยากกอบโกยยาทั้งหมดไว้คนเดียว


คุณหลิวก็รู้สึกทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เธอก้าวเข้ามาและพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “คุณจะซื้อหมดนั่นเลยหรือ? ไม่ได้นะ ฉันก็อยากลองเหมือนกัน!”


“ฉันด้วย!”


“ให้ฉันลองเม็ดหนึ่ง!”


“ถ้าอย่างนั้นฉันเอาเม็ดนี้!”


“คุณจะแย่งกับฉันหรือไง? ฉันให้ราคา 1,100 เหรียญสวรรค์!”


“ถ้าอย่างนั้นฉันให้ 1,200!”


ในกลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครโง่เขลาเบาปัญญา ในฐานะชนชั้นนำของเมืองตะวันรอน ทุกคนรู้เจตนาที่แท้จริงของคุณเฉินในทันที


มียาเม็ดเพิ่มความงามอยู่เพียง 18 เม็ดเท่านั้น ซึ่งหากไม่รีบคว้าไว้ ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสได้ครอบครองทรัพย์สมบัติล้ำค่าแบบนี้อีก?


ด้วยการซื้อขายที่ชลมุนวุ่นวาย ไม่นาน ยาเม็ดเพิ่มความงามทั้ง 18 เม็ดก็หมดเกลี้ยง แถมราคายังพุ่งขึ้นไปแตะ 1,500 เหรียญสวรรค์ สูงกว่าราคาที่ฉีหลิงเอ๋อตั้งไว้ตอนแรก


เมื่อเห็นว่ายาเม็ดเล็กๆสามารถขายได้ในราคาสูงจนน่าทึ่ง สุภาพสตรีวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะมองฉีหลิงเอ๋ออย่างประทับใจ


สมกับที่เป็นนายหญิงน้อย วิธีการของเธอไม่เคยธรรมดา


ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายาเม็ดเพิ่มความงามคือผลิตภัณฑ์ที่แสนจะน่าทึ่ง แต่หากปราศจากยุทธวิธีทางการตลาดที่ดีพอ ก็คงเปล่าประโยชน์


ด้วยการเน้นย้ำเรื่องปริมาณที่มีจำกัดและการแสดงให้ทุกคนเห็นชัดๆถึงอานุภาพอันเป็นปาฏิหาริย์ของมัน ราคาของยาเม็ดจึงพุ่งพรวด ไม่อย่างนั้น ต่อให้พวกเธอเสนอขายที่ราคาเม็ดละ 500 เหรียญสวรรค์ แต่ไม่ทำอะไร ก็คงไม่มีใครแม้แต่จะชายตามอง


แต่สำหรับตอนนี้ ผ่านไปเพียงชั่วโมงเดียวทุกอย่างก็หมดเกลี้ยง แถมยังสร้างชื่อเสียงระบือลือลั่นให้กับยาเม็ดเพิ่มความงามได้ด้วย ครั้งต่อไปที่นำมาวางขาย ก็มั่นใจได้เลยว่าคงขายหมดภายในเวลาไม่นาน


เย่โชวเยี่ยนมองฉีหลิงเอ๋อด้วยความอยากรู้


เธอคิดว่าฉีหลิงเอ๋อคงแค่โฆษณาชวนเชื่อ แต่อานุภาพของยาเม็ดเพิ่มความงามกลับอยู่เหนือความคาดหมายของเธอมาก ฉีหลิงเอ๋อหลอมยาเม็ดที่มีอานุภาพไร้เทียมทานขนาดนี้ได้อย่างไร?


เธอสำรวจทั่วทั้งเมืองหลวงมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยพบอะไรที่มหัศจรรย์แบบนี้ ขนาดทุกอย่างเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา แต่ก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าฝันไป


เย่โชวเยี่ยนหันกลับไปสั่งการผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลัง “สืบเสาะเรื่องนี้นะ หาต้นตอของยาเม็ดให้ได้ ฉันคิดว่าต่อให้ราชันย์ผู้ทรงเกียรติฉีเหมิงก็ไม่น่าจะหลอมอะไรแบบนี้ได้หรอก”


“ขอรับ” ผู้อาวุโสพยักหน้าก่อนจะหายวับไปในฝูงชน


ในฐานะผู้แทนของเมืองตะวันรอน เย่โชวเยี่ยนมีเครือข่ายข้อมูลข่าวสารของเธอ


…..


ที่คฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง


ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะคนหนึ่งกำลังมองกล่องในมือของเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว


เจ้าเมืองอู๋ฟังชิง


เขาคือท่านพ่อของอู๋เฉียวเฉี่ยว สาวน้อยปากกล้าที่จางเซวียนเคยพบก่อนหน้านี้


“ยานี่มีประสิทธิภาพดีอย่างที่คุณพูดจริงๆหรือ?” อู๋ฟังชิงเงยหน้ามองชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า


ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ตรงหน้าอู๋ฟังชิงประสานมือ “ใช่แล้ว ผมเห็นมากับตา”


แม้ราคายาจะถูกปั่นขึ้นไปจนสูงลิ่ว แต่ด้วยเส้นสายของคฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง การจะได้มาสักเม็ดก็ไม่ได้ยากเกินไป


อู๋ฟังชิงยังไม่แน่ใจ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะออกคำสั่ง “เรียกเฉียวเฉี่ยวมาที่นี่”


“ท่านพ่อ เรียกหาฉันหรือ?”


ไม่ช้า อู๋เฉียวเฉี่ยวก็มาอยู่ตรงหน้าอู๋ฟังชิง เธอพูดอายๆ “ฉันกำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนวรยุทธ ไม่ได้เหยาะแหยะเลยนะ”


“พ่อไม่ได้เรียกเจ้ามาเพื่อพูดเรื่องวรยุทธ กินยานี้เสีย!” อู๋ฟังชิงสั่งการ


“กินยานี้?” อู๋เฉียวเฉี่ยวงุนงงกับการที่ท่านพ่อเรียกตัวมาที่นี่เพียงเพื่อให้กินยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าเม็ดหนึ่ง แต่เธอก็หยิบมันขึ้นมาและกลืนลงไป


หลังจากกินเข้าไปเพียงครู่เดียว ก็เห็นท่านพ่อของเธอซึ่งโดยปกติมีสีหน้าเรียบเฉยถึงกับหน้าถอดสีด้วยความตกใจ ราวกับได้เห็นบางอย่างที่เหลือเชื่อ


“ท่านพ่อ มีอะไร?”


ในสายตาของเธอ ท่านพ่อคือชายผู้เคร่งขรึมซึ่งแทบจะไม่เคยแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกใดๆออกมา อู๋เฉียวเฉี่ยวจึงชะงักกับสีหน้าตกตะลึงของเขา เกรงว่าตัวเธออาจทำอะไรผิด


“นายหญิงน้อย คุณควรจะดูตัวคุณเองนะ!”


ผู้อาวุโสที่อยู่ในห้องรีบยื่นกระจกเงาให้อู๋เฉียวเฉี่ยว


อู๋เฉียวเฉี่ยวรับกระจกเงามาส่องอย่างงุนงง จากนั้นก็เริ่มตัวสั่นขณะหยิกแก้มของตัวเองอย่างแรง “นี่คือตัวฉัน…จริงๆหรือ?”


ในกระจกเงาบานนั้น เธอเห็นรอยตกกระและแผลเป็นที่เกิดจากสิวหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย แม้รูปลักษณ์หน้าตาโดยรวมของเธอจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ แต่ก็สวยสดงดงามกว่าเดิมมาก


แถมการเปลี่ยนแปลงยังไม่ได้มีแค่หน้าตา ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง รูปร่างและบุคลิกของเธอก็ดูจะสง่างามขึ้น


ไม่น่าเชื่อว่าการกินยาเพียงเม็ดเดียวจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากขนาดนี้


“ท่านพ่อ ยาที่ท่านพ่อให้ฉัน…” อู๋เฉียวเฉี่ยวมองหน้าอู๋ฟังชิงอย่างร้อนใจ


“ไม่มีอะไรมากหรอก” อู๋ฟังชิงตอบห้วนๆขณะลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินวนกลับไปมาพร้อมกับเอาสองมือไพล่หลัง


จู่ๆเขาก็หันกลับมาตั้งคำถามกับอู๋เฉียวเฉี่ยว “บอกพ่อเรื่องจางเซวียน คนที่เจ้าเคยพบ”


“จางเซวียน?” เธอออกจะฉงนกับคำถามปุบปับของท่านพ่อ


แต่ก็พยักหน้าและบอกทุกเรื่องของจางเซวียนที่เธอรู้


เมื่ออู๋เฉียวเฉี่ยวพูดจบ อู๋ฟังชิงก็โบกมือ “ตามนั้นแหละ เจ้าออกไปได้”


ในฐานะเจ้าเมือง แน่นอนว่าเขารับรู้เรื่องตลาดมืดใต้ดิน และอันที่จริง สายสืบจำนวนหนึ่งของเขาก็แทรกซึมอยู่ในนั้น


ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรู้ทันทีว่าผู้หลอมยาที่เรียกกันว่ายาเม็ดเพิ่มความงามนั้นคือจางเซวียน


เมื่อหวนนึกถึงรายงานที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ว่าจางเซวียนได้โควต้าเข้าสู่ภูเขาสรวงสวรรค์ถึง 15 ที่ติดต่อกันได้อย่างไร ก็ยากที่จะเพิกเฉยต่อชายหนุ่มผู้นี้ได้ ต่อให้ไม่อยากยุ่งก็ตาม!


“ท่านเจ้าเมืองอู๋ มูลค่าของยาเม็ดนี้น่ะสูงเกินกว่าจะประเมินได้!” ผู้อาวุโสพึมพำด้วยนัยน์ตาเป็นประกายเมื่ออู๋เฉียวเฉี่ยวออกจากห้อง


ใครก็ตามที่ไม่ได้ตาบอดย่อมรู้ทันทีว่าต่อไปยาเม็ดเพิ่มความงามจะต้องกลายเป็นบ่อเงินบ่อทอง


อู๋ฟังชิงพยักหน้า “ถ้าเราได้สูตรยา คงพัฒนาเมืองตะวันรอนได้อีกมาก นี่เป็นโอกาสดีที่ผมจะได้เลื่อนตำแหน่ง…แต่ก็อย่างที่คุณเพิ่งได้ฟังนั่นแหละ ดูเหมือนจางเซวียนคนนั้นจะมีอาจารย์ที่ทรงพลังมาก และอาจารย์ของเขาอาจเป็นปรมาจารย์ด้วย! ยาเม็ดเพิ่มความงามนั่นก็คงเป็นฝีมือของอาจารย์ของเขา”


เหตุผลที่เขาเรียกลูกสาวเข้ามาก็เพื่อจะให้อีกฝ่ายทดสอบอานุภาพของยาและถามไถ่เรื่องภูมิหลังของจางเซวียนให้แน่ชัด


“โม่หย่วนเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นกลาง ความสามารถในการระบุวรยุทธอาจยังอ่อนด้อย ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าหยางชวนคนนั้นจะทรงพลังอย่างที่เขาคิด ทำไมไม่ให้ผมสืบเสาะเรื่องนี้ให้ชัดเจนล่ะ?” ผู้อาวุโสตั้งคำถามขณะหรี่ตา


“ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน ผมอยากให้คุณเจรจาต่อรองกับเขาแทนผม ดูว่าเขาเต็มใจจะขายสูตรยาหรือไม่ ถ้าเขาไม่เต็มใจ เราก็แค่หาวิธีอื่น แต่นั่นแหละ อย่าให้เขารู้เด็ดขาดว่าผมคือผู้ซื้อ!” อู๋ฟังชิงสั่งการ


“ผมเข้าใจแล้ว” ผู้อาวุโสพยักหน้าก่อนจะหายตัวไป


ผู้ที่ไต่เต้าขึ้นมาจนได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองและผงาดเงื้อมเหนือกฎหมายย่อมมีวิถีทางที่เหนือชั้นอยู่มากมาย


ซึ่งก็แน่นอนว่าเขาสนใจยาเม็ดที่มีอานุภาพไร้เทียมทานชนิดนี้


หากได้มันมาด้วยวิธีการที่ถูกต้องก็ย่อมดี แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็แค่หาวิธีอื่น


“หลอมยาเม็ดเพิ่มความงาม, แทงเลขของวงล้อเสี่ยงทายได้ถูกต้องทุกครั้ง, เล่นงานสายเทาซึ่งมีวรยุทธระดับเทพเจ้าขั้นกลางได้ทั้งที่ตัวเองเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำ…จางเซวียนคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ…” อู๋ฟังชิงกำหมัดแน่น


“แต่ต่อให้คุณไม่ใช่คนธรรมดา ก็แล้วอย่างไร? ผมคือผู้บงการทุกอย่างในเมืองตะวันรอนแห่งนี้ ต่อให้คุณเป็นมังกรผงาด ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องศิโรราบให้ผม การที่คุณจะเป็นใครนั้นไม่ได้สร้างความแตกต่างใดๆกับผมเลย ต่อให้เป็นปรมาจารย์ก็เถอะ!”


ตอนที่ 2189 มันเป็นใคร?

“เมื่อกลับถึงเมืองตะวันรอน อย่าเรียกผมว่านายท่านนะ จะทำให้คนอื่นๆรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณได้ง่าย เรียกผมว่านายน้อยก็แล้วกัน” จางเซวียนสั่งการขณะที่ทั้งคู่กำลังขี่หลังอสูรสวรรค์บินได้


“อ้อ คุณยังไม่มีแซ่นี่ ใช่ไหม? ใช้แซ่ ‘จาง’ ของผมก็ได้ จางเจี้ย…นั่นจะเป็นชื่อของคุณ”


“รับทราบ” ชายหนุ่มที่เพิ่งได้ชื่อจางเจี้ยมาหมาดๆพยักหน้า


“อีกอย่าง ผมน่ะชอบเก็บเนื้อเก็บตัว เพราะฉะนั้นอย่าสร้างปัญหาหรือทำอะไรโดดเด่นเกินไปนะเมื่ออยู่ในเมืองตะวันรอน”


“วางใจเถอะนายน้อย ผมก็ชอบเก็บตัวเหมือนกัน” จางเจี้ยตอบอย่างสบายใจ


แม้จะเป็นอสูรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาบริเวณรอบเมืองตะวันรอน แต่มันก็ถูกจำกัดบริเวณอยู่ในดินแดนของตัวเองและไม่อาจออกมาได้ นั่นคือที่มาของความถ่อมเนื้อถ่อมตัวและการเก็บตัวเงียบ


“ดีแล้ว ว่าแต่คนที่โจมตีคุณเมื่อคืนน่ะเป็นใคร?” จางเซวียนถาม


ครั้งแรกที่เขาพบอสูรเกราะเรืองแสง มีนักรบทรงพลัง 2 คนพยายามลอบสังหารมัน


“พวกนั้นน่าจะมาจากคฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง อู๋ฟังชิงพยายามทำให้ผมยอมจำนนหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ” จางเจี้ยตอบ


“ถ้าเจ้าเมืองอยากให้คุณยอมจำนน ทำไมถึงไม่ท้าดวลซึ่งหน้า? มันเรื่องอะไรถึงส่งคนมาลอบสังหาร?”


ด้วยความเก่งกาจของอสูรเกราะเรืองแสง เกียรติยศของคฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองจะต้องยิ่งใหญ่อลังการขึ้นอีกมากหากเจ้าเมืองทำให้มันยอมจำนนได้ แต่ถ้ามีข่าวรั่วไหลออกไปว่าเจ้าเมืองใช้วิธีลอบสังหารเพื่อจัดการอสูรเกราะเรืองแสง ชื่อเสียงของเขาจะต้องด่างพร้อยแน่!


ถ้าชาวเมืองรู้ว่าผู้กำหนดตัวบทกฎหมายฝ่าฝืนกฎหมายเสียเอง คงพากันลุกฮือครั้งใหญ่


“ทำไมเขาถึงเลือกใช้วิธีลอบสังหารผม? นั่นยังไม่ชัดพอหรือไง? เขาเป็นคนชั่วร้าย!” จางเจี้ยคำราม


“นอกจากพยายามลอบสังหาร เขายังวางยาผมครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะสภาวะร่างกายอันทรงพลังที่ทำให้ผมทำลายฤทธิ์ยาพิษได้เกือบทุกชนิดล่ะก็ ป่านนี้ผมคงตายไปแล้ว!”


“เขาพยายามวางยาคุณด้วย?” จางเซวียนชะงัก


ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ต่อไปเขาคงต้องระวังเจ้าเมืองคนนี้ให้ดี


จางเซวียนเคยคิดว่าผู้กำหนดตัวบทกฎหมายของเมืองตะวันรอนน่าจะหยิ่งในเกียรติยศศักดิ์ศรี แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนกฎหมายเหล่านั้นจะมีไว้เพียงเพื่อให้เขาควบคุมคนอื่นๆ


จางเซวียนกับจางเจี้ยพูดคุยกันบนหลังอสูรสวรรค์บินได้ขณะมุ่งหน้ากลับเมืองตะวันรอนอย่างรวดเร็ว


…..


ในเวลาเดียวกันนั้น สมุดแนะนำตัวเล่มหนึ่งก็ถูกส่งถึงบ้านพักที่จางเซวียนกับคนอื่นๆพำนักอยู่


“หยิงเฟย?” ซุนฉางอ่านชื่อที่อยู่บนสมุดแนะนำตัวพร้อมกับขมวดคิ้ว


นายน้อยไม่อยู่บ้าน และคนอื่นๆก็ง่วนกับการฝึกฝนวรยุทธ ตอนนี้เหลือเขาคนเดียวที่รับหน้าที่ดูแลกิจธุระเบ็ดเตล็ดต่างๆ


“ตามที่เขาบอก ดูเหมือนเขาจะเป็นพ่อค้าจากต่างเมือง มาขอพบนายน้อยด้วยธุระด่วนบางอย่าง” คนรับใช้ที่เป็นผู้รับมอบสมุดแนะนำตัวรายงานต่อซุนฉาง


แม้พวกเขาจะเพิ่งย้ายเข้ามาไม่นาน แต่ซุนฉางก็ได้จัดการจ้างคนรับใช้จำนวนหนึ่งเพื่อทำอาหารและทำความสะอาดบ้านพัก คงไม่ดีแน่หากพวกเขาต้องฝึกฝนวรยุทธโดยที่ยังท้องกิ่ว ทั้งๆที่ได้เงินมามากขนาดนี้


“เชิญเขาเข้ามา” ซุนฉางสั่งการ


ไม่ช้าผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ถูกนำตัวมาที่ห้องโถงใหญ่


“พ่อบ้านซุน” หยิงเฟยทักทายพร้อมกับส่งยิ้มกว้าง


เขาสืบเสาะหาชื่อเสียงเรียงนามของทั้งกลุ่มแล้วก่อนจะมาที่นี่ จึงรู้จักทุกคน


ซุนฉางยักหน้าขณะเชื้อเชิญให้หยิงเฟยนั่ง จากนั้นก็มองอีกฝ่ายและตั้งคำถาม “ไม่ทราบว่าคุณมาเยือนที่นี่ด้วยเหตุผลใด?”


“ผมขอเข้าประเด็นเลยนะ ผมได้ยินว่ายาเม็ดความงามที่ทั่วทั้งเมืองเสาะหาอยู่น่ะเป็นฝีมือการหลอมของนายน้อยจางเซวียน” หยิงเฟยพูด


“ยาเม็ดเพิ่มความงาม?” ซุนฉางทวนคำอย่างงุนงง


นี่นายน้อยทำอะไรลงไป?


เราไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย!


เห็นชายร่างตุ้ยนุ้ยเก็บซ่อนความรู้สึกได้ดีทั้งที่ระดับวรยุทธก็ไม่สูง หยิงเฟยหัวเราะหึๆ “คุณไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำต่อหน้าผมหรอกน่ะ ผมทำการบ้านมาดีแล้วก่อนจะมาที่นี่”


“งั้นหรือ?” ซุนฉางตอบอย่างสุขุม “ถ้าอย่างนั้น…คุณต้องการอะไร?”


เขารู้ดีว่านายน้อยมีกลเม็ดเด็ดพรายมากมายและมักตัดสินใจทำอะไรตามใจด้วยความคิดชั่ววูบ ไม่เคยจะบอกกล่าวเขาล่วงหน้า ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนเขาคงทำได้แค่พยายามหยั่งเสียงอีกฝ่าย ประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วน แล้วตามน้ำไป


“ผมชอบความตรงไปตรงมาของคุณ, พ่อบ้านซุน! ในเมื่อคุณถามผมตรงๆ ผมก็จะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ สิ่งที่ผมต้องการน่ะง่ายนิดเดียว ผมหวังว่าคุณจะขายสูตรการผลิตยาเม็ดเพิ่มความงามให้ผม แน่นอนว่าเรื่องราคานั้นต่อรองกันได้” หยิงเฟยพูด


“สูตรยา? คุณจะซื้อสูตรยาเม็ดเพิ่มความงาม?”


“ใช่”


“ขออภัยด้วยเถอะ แต่สูตรยาเม็ดเพิ่มความงามน่ะคือสิ่งที่นายน้อยของผมได้มาจากการอดตาหลับขับตานอนไม่รู้กี่คืน มันไม่ได้มีไว้ขาย พวกเรา, ส่งแขก!” ซุนฉางตอบอย่างวางมาดแล้วออกจากห้องไปโดยไม่แยแส


เขาไม่รู้ว่ายาเม็ดเพิ่มความงามคืออะไร แต่ไม่มีวันขายสูตรยาที่นายน้อยเป็นผู้คิดค้นเป็นอันขาด


คำพูดนั้นทำให้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของหยิงเฟย


“พ่อบ้านซุน ผมว่าคุณควรทบทวนเรื่องนี้สักหน่อยนะ ยังไม่ต้องรีบให้คำตอบก็ได้ เมืองตะวันรอนน่ะเป็นเมืองมีขื่อมีแป เราใช้ตัวบทกฎหมาย กลุ่มของพวกคุณเพิ่งมาถึงที่นี่ แถมยังทำร้ายสายเทาก่อนจะเข้าเมืองด้วย คงไม่ดีนักหรอกถ้าจอมโจรคนอื่นๆจงใจกลับมาล้างแค้นพวกคุณ คุณคิดอย่างนั้นไหม?” หยิงเฟยคำราม


พร้อมกันนั้น เขาก็ดีดนิ้ว แล้วหมอกบางๆที่ดูน่าขยะแขยงก็คืบคลานเข้าโอบล้อมเท้าของซุนฉาง


เจตนาของท่านเจ้าเมืองนั้นชัดเจน เขาต้องการสูตรยาเม็ดเพิ่มความงามมาให้ได้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ซึ่งในเมื่อกลุ่มของจางเซวียนเพิ่งเล่นงานสายเทา ก็สามารถใช้เรื่องนี้บังหน้าเพื่อโจมตีอีกฝ่ายได้


การที่สายเทามีชื่อเสียงโด่งดังจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ปราศจากเหตุผล


บางครั้งท่านเจ้าเมืองก็ต้องลงมือโดยหาแพะบังหน้า ซึ่งก็ไม่มีใครเหมาะจะเป็นแพะไปกว่าพวกจอมโจร


“คุณข่มขู่ผมหรือ?” ซุนฉางหรี่ตาขณะลุกพรวด


ท่วงท่าของซุนฉางสง่างาม เขาคำราม “ผมฝ่าฟันอะไรมามากมายพร้อมกับนายน้อย และก็เพราะการเผชิญหน้ากับความยากลำบากครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทำให้พวกเรามาได้ไกลขนาดนี้ คุณคิดหรือว่าคนอย่างคุณจะทำให้ผมกลัวได้?”


“ผมจะทำให้พวกคุณหวาดกลัวได้หรือไม่ อีกไม่นานก็รู้…” หยิงเฟยยิ้มออกมาขณะแอบนับถอยหลังในใจให้ถึงจุดที่ยาพิษของเขาจะออกฤทธิ์


จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน เชิดหน้าขึ้นราวกับกำชัยชนะไว้ในมือแล้ว เขาพูดต่อ “เป็นอย่างไรบ้าง คุณเริ่มรู้สึกไม่สบายตัวหรือยัง…”


เพียะ!


แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ถูกตบหน้าอย่างแรง ถึงกับเจ็บจี๊ดที่แก้ม


“ไม่สบายตัว? พูดบ้าอะไรของคุณ!” ซุนฉางคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “เลิกวางท่าใหญ่โตต่อหน้าผมเสียที ตอนที่ผมเฝ้ามองโลกใบนี้น่ะ คุณยังเล่นดินโคลนอยู่เลย! ผมต้องพูดซ้ำสักกี่หนถึงจะทะลุกะโหลกหนาๆของคุณ? ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณแล้ว ไสหัวไป!”


“คุณ…”


เจ้าอ้วนนี่ควรจะถูกยาพิษเล่นงานจนหมอบกระแตไปแล้ว แต่กลับไม่…หยิงเฟยงุนงงจนถึงกับทำอะไรไม่ถูกที่ถูกตบ แค่คิดถึงความน่าอับอายที่ได้รับก็ทำให้เขาตัวสั่นด้วยความโกรธ


เขาอยากปลิดชีพอีกฝ่ายเสียเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อคิดถึงผลที่จะเกิดตามมา ก็ระงับความโกรธและยั้งมือไว้


หยิงเฟยกระดิกนิ้วอีกครั้งและปล่อยกระแสยาพิษเข้าใส่ซุนฉาง


เพียะ!


ทันทีที่พลังงานจากยาพิษซึมซาบเข้าสู่ร่างของซุนฉาง หยิงเฟยก็กระเด็นไปอีกครั้งเพราะแรงตบ


“คุณไม่เข้าใจภาษาคนหรือไง หรือคิดจะท้าทายผม?”


“ทะ-ทำไมคุณถึงไม่เป็นอะไรเลย?” หยิงเฟยตะลึง


การวางยาครั้งแรกของเขาอาจผิดพลาด แต่สำหรับครั้งที่ 2 เขาเห็นกับตาว่ายาพิษซึมเข้าสู่ร่างของอีกฝ่ายแล้ว แต่ทำไมหมอนั่นถึงยังเดินพล่านไปมาอยู่ได้ ดูเหมือนไม่สะทกสะท้านกับยาพิษของเขาเลย มันเกิดอะไรขึ้น?


ถึงยาพิษนี้จะมีอานุภาพไม่รุนแรงพอจะเล่นงานอสูรเกราะเรืองแสง แต่ก็น่าจะเกินพอสำหรับเล่นงานนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงให้ทรุด!


ซึ่งในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ได้เป็นแม้แต่เทพเจ้า ก็ไม่น่าจะต้านทานยาพิษนี้ได้ หรือว่า…หมอนี่จงใจปกปิดระดับวรยุทธที่แท้จริงไว้?


“เราไม่เชื่อหรอก เรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้!”


หยิงเฟยกัดฟัน จากนั้นก็นำผงพิษทั้งหมดที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อคลุมออกมาโปรย


เพียะ!


ซุนฉางตบหน้าหยิงเฟยอีกครั้งพร้อมกับตวาดก้อง “ยังมัวทำบ้าอะไรอยู่อีก? ถ้าไม่อยากตาย ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น จะมาหาว่าผมหยาบคายกับคุณไม่ได้นะ!”


ผมดูเหมือนลูกแกะโง่เง่าไร้ปัญญาหรือไง ถึงมาโรยแป้งใส่?


ดูเหมือนผมจะใจดีกับคุณเกินไปเสียแล้ว!


ถึงการตบทั้ง 3 ครั้งจะไม่ได้หนักหน่วงเกินไป แต่ก็ทำลายเกียรติยศศักดิ์ศรีของหยิงเฟยจนป่นปี้ เขาไม่เคยรู้สึกเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเกรงว่าซุนฉางอาจปกปิดพละกำลังที่แท้จริงไว้ คงเล่นงานอีกฝ่ายไปนานแล้ว


“คุณรนหาที่เองนะ…”


ในที่สุดหยิงเฟยก็หมดความอดทน


เขาเงื้อมือขึ้น ตั้งใจจะตบพ่อบ้านผู้จองหอง แต่ในตอนนั้นเองก็พลันได้ยินบางอย่าง บริวารของเขาติดต่อมา


หยิงเฟยส่งสายตาอาฆาตใส่ซุนฉาง ก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกไป


หลังจากที่เดินออกมาได้เพียงครู่เดียว ชาย 2 คนก็ปรากฏตัวตรงหน้า


ทั้งคู่คือนักรบที่เพิ่งพยายามลอบสังหารอสูรเกราะเรืองแสง


“มีอะไร?” หยิงเฟยขมวดคิ้ว


“นายท่าน มีใครคนหนึ่งเข้ามาขัดจังหวะตอนที่พวกเรากำลังพยายามจับตัวอสูรเกราะเรืองแสง ภารกิจจึงล้มเหลว” ชายคนหนึ่งรายงาน


“มันเป็นใคร?” หยิงเฟยซักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


“จางเซวียน ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนเขาจะใช้วิธีอะไรสักอย่างทำให้อสูรเกราะเรืองแสงยอมจำนนได้ด้วย!” อีกฝ่ายตอบ


“จางเซวียน…ทำให้อสูรเกราะเรืองแสงยอมจำนนได้?” หยิงเฟยแทบไม่เชื่อหู


เขารู้ดีว่าอสูรเกราะเรืองแสงโอหังแค่ไหน ท่านเจ้าเมืองไปพบมันครั้งแล้วครั้งเล่า เพียรพยายามต่อรอง อีกทั้งยื่นข้อเสนอเป็นทรัพย์สมบัติมากมาย เจ้านั่นก็ไม่ยอมก้มหัวให้สักที แต่แล้วมันกลับยอมจำนนให้นักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำคนหนึ่ง…


“เรื่องนี้ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่ และไม่เพียงเท่านั้น ผมยังสงสัยว่าเจ้าจางเซวียนนั่นอาจปกปิดพละกำลังที่แท้จริงมาตลอด!”


หยิงเฟยรู้สึกมึนหัว


เขาเองก็คิดว่ามันออกจะแปลกที่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำอย่างจางเซวียนสามารถจับตัวนักรบระดับเทพเจ้าขั้นกลางอย่างสายเทาได้อย่างง่ายดาย และมาตอนนี้ หมอนั่นก็ทำให้อสูรสวรรค์ที่แม้แต่ท่านเจ้าเมืองยังจนปัญญารับมือกับมันยอมจำนนได้ด้วย


เป็นไปได้ว่าจางเซวียนคนนั้นปกปิดพละกำลังที่แท้จริงไว้เหมือนพ่อบ้านซุน


ตอนที่ 2190 ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้

แม้เขาจะยังไม่เคยพบจางเซวียน แต่ก็พอสรุปที่มาที่ไปได้จากทีท่าของบริวาร


ถ้าพ่อบ้านซุนดูไม่เอาไหนอย่างที่พยายามแสดงออกมา หมอนั่นจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างมั่นอกมั่นใจและถึงกับตบเขาโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเลยได้อย่างไร?


ซ้ำร้าย ยาพิษที่เขาใช้ก็ไม่ระคายผิวหนังของอีกฝ่ายเลย!


ถ้าพ่อบ้านซุนเป็นแค่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จริงๆ ยาพิษของเขาก็เกินพอจะทำให้อีกฝ่ายตายไปแล้วหลายครั้ง!


ยิ่งไปกว่านั้น หมอนั่นยังพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการ ‘เฝ้ามองดูโลก’ ซึ่งการเฝ้ามองน่านฟ้าทั้งเก้าของสรวงสวรรค์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย!


“โชคดีที่เมื่อครู่นี้เราไม่ได้ทำอะไรลงไป” หยิงเฟยพึมพำขณะปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก


เขารู้สึกโล่งใจที่ระงับความโกรธไว้ได้เมื่อตอนถูกตบ ไม่อย่างนั้น หากต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายจังๆ เขาคงตายแน่!


เมื่อคิดได้ หยิงเฟยชำเลืองมองบ้านพักที่เขาเพิ่งออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ บานประตูยังปิดไม่สนิท ทำให้เห็นภาพชายร่างอ้วนยืนอยู่ที่ใจกลางลานบ้านพร้อมกับเอาสองมือไพล่หลัง


อีกฝ่ายเขม้นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ราวกับว่าต่อให้ปัญหาที่หนักหนาสาหัสที่สุดก็ไม่อาจทำให้เขาหวั่นไหวได้


“ทั้งที่ดูเหมือนจะเป็นแค่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่ก็มีพละกำลังที่ไม่อาจหยั่งถึงจริงๆ!” หยิงเฟยตาโต


ตั้งแต่ต้นจนจบ หยิงเฟยไม่ได้ปกปิดวรยุทธระดับเทพเจ้าขั้นสูงของตัวเอง จึงไม่มีทางที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนหนึ่งจะกล้าตบเขาโดยไม่แสดงความหวาดกลัวสักนิด!


ดูเหมือนเขาจะเจอของจริงเสียแล้ว


“นายท่าน แล้วเราจะทำอย่างไร?” ชายคนหนึ่งตั้งคำถาม


“ตอนนี้รออยู่ที่นี่ก่อน บางทีเราอาจพบจางเซวียนตอนที่เขากลับมา” หยิงเฟยตอบ


ถึงเขาจะเริ่มเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าจางเซวียนกับพรรคพวกแข็งแกร่งกว่าที่เห็นมาก แต่ก็ยังอยากรู้ให้แน่ชัด เพราะถึงอย่างไร มูลค่าของยาเม็ดเพิ่มความงามก็สูงลิ่วจนคุ้มค่ากับทุกความพยายาม


หยิงเฟยรีบหาที่ซ่อนตัวแถวนั้น


ไม่ช้า ร่างหนึ่งก็ปรากฏที่บริเวณทางเข้าบ้านพักและยื่นสมุดแนะนำตัวให้เหล่าองครักษ์


แอ๊ดดดด!


ครู่ต่อมา ประตูบ้านพักก็เปิดออกอีกครั้ง


เท่าที่ดูจากรูปร่าง หยิงเฟยคาดว่าผู้นั้นจะต้องเป็นสุภาพสตรีที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่ง เขาค่อยๆปีนขึ้นไปบนต้นไม้ จากนั้นก็แอบมองสวนของบ้านพักผ่านใบไม้ดกหนาที่บดบัง


“นั่นมันฉีหลิงเอ๋อ, ผู้จัดการตลาดมืดใต้ดินไม่ใช่หรือ!” หยิงเฟยอ้าปากค้างด้วยความตกใจ


ในฐานะผู้ช่วยและคนสนิทของท่านเจ้าเมือง ไม่มีทางที่เขาจะจำเธอไม่ได้


เมื่อกี้นี้เธอยังขายยาเม็ดเพิ่มความงามอยู่ที่ตลาดตะวันรอนไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ๆถึงมาปรากฏตัวที่นี่?


เมื่อรู้สึกได้ว่าน่าจะมีอะไรบางอย่าง หยิงเฟยตั้งใจฟังหูผึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่พลาดข้อมูลสำคัญ


“ฉีหลิงเอ๋อคารวะพ่อบ้านซุน!” ฉีหลิงเอ๋อประสานมือและโค้งคำนับด้วยท่าทีเคารพนบนอบจนน่าประหลาดใจ


“อือ ไม่ทราบว่าคุณมาเยือนที่นี่ด้วยเหตุผลใด?” ซุนฉางถาม


แม้ภายนอกเขาจะดูสุขุม แต่อันที่จริงก็เริ่มวุ่นวายใจ


พวกเขาเพิ่งมาถึงได้เพียงวันเดียว แต่เมื่อครู่นี้ ชายชราคนหนึ่งก็เพิ่งมาเยือนพร้อมกับเรียกร้องขอซื้อสูตรยาเม็ดเพิ่มความงาม และเพียงไม่นานหลังจากที่ชายชราจากไป สุภาพสตรีอีกคนก็มาเคาะประตูบ้าน…


นายน้อยทำอะไรลงไปในช่วงเวลาเพียงคืนเดียวที่แยกกันกับพวกเขา?


“ยาเม็ดเพิ่มความงามคือการร่วมงานกันระหว่างตัวฉันกับนายน้อยจางเซวียน ภายใต้ข้อตกลงก่อนหน้านี้ เราคุยกันไว้ว่าจะแบ่งผลกำไรกันคนละครึ่ง แต่หลังจากฉันใคร่ครวญดูอีกที ก็ตัดสินใจว่าจะมอบผลกำไร 90% ให้นายน้อยจางเซวียนเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนความจริงใจของเรา ไม่เพียงเท่านั้น ทางเราจะแบกรับต้นทุนเองด้วย!”


ฉีหลิงเอ๋อยิ้มให้อย่างจริงใจ จากนั้นก็นำบัตรใบหนึ่งออกจากแหวนเก็บสมบัติและยื่นให้ซุนฉางอย่างนอบน้อม “ที่อยู่ในบัตรใบนี้คือผลกำไรที่เราได้จากการขายเมื่อครู่ รวมแล้วก็น่าจะมี 28,000 เหรียญสวรรค์อยู่ในนั้น อีกอย่าง เรายังได้จัดหาสมุนไพรที่นายน้อยจางเซวียนต้องการมารวมไว้ในแหวนเก็บสมบัติแล้ว ไม่ทราบว่าตอนนี้นายน้อยจางเซวียนอยู่ไหน? จะถือเป็นเกียรติมากหากฉันได้คารวะเขา…”


“ต้องขออภัยด้วย แต่ตอนนี้นายน้อยไม่อยู่” ซุนฉางตอบ


“อ้อ ดูเหมือนฉันจะมาผิดเวลา แต่เอาเถอะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ…” ฉีหลิงเอ๋อประสานมืออีกครั้งก่อนจะกลับออกมาจากบ้านพัก


“พวกนั้นแบ่งผลกำไรกันในอัตราส่วน 9 ต่อ 1? แถมจางเซวียนคือผู้ที่ได้ไปถึง 90%?”


หยิงเฟยกัดฟันกรอดเมื่อเห็นภาพนั้น


เขาติดตามความเคลื่อนไหวของฉีหลิงเอ๋อมาหลายปี รู้จักนิสัยและบุคลิกของอีกฝ่ายดี เธอเป็นคนฉลาด และไม่รีรอที่จะเอาเปรียบคนอื่นเพื่อหากำไร และในฐานะทายาทของตระกูลฉีแห่งเมืองหลวง เธอจึงไม่เกรงกลัวกลุ่มอำนาจใดๆทั้งสิ้นในเมืองตะวันรอน


อันที่จริง แม้แต่กับท่านเจ้าเมือง เธอก็ไม่ได้เคารพเขามากนัก


ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น เธอคงไม่อาจหาญเปิดตลาดมืดใต้ดินที่นี่ แถมยังค้าขายสินค้าต้องห้ามทุกชนิด


แต่ใครคนหนึ่งกำลังบงการให้เธอทำตัวว่าง่ายราวกับเด็กดี เธอเต็มใจมอบผลกำไรถึง 90% ให้เขาและแบกรับต้นทุนด้วย!


เขาไม่คิดเลยว่าจะมีใครในเมืองตะวันรอนที่มีอิทธิพลต่อฉีหลิงเอ๋อขนาดนี้


ดูเหมือนฉีหลิงเอ๋อจะรู้จักตัวตนและพละกำลังที่แท้จริงของจางเซวียน ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีวันแสดงออกแบบนี้…หยิงเฟยคิด


เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขารู้สึกดีใจที่เมื่อครู่นี้เก็บกิริยาไว้


ถ้าเขาเล่นงานพ่อบ้านซุน คงถูกเตะโด่งไปถึงประตูโลกบาดาลแน่


“ต้องรีบรายงานเรื่องนี้ต่อท่านเจ้าเมือง…”


รู้ดีว่าเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน หยิงเฟยรีบกลับสู่คฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง


“คุณบอกว่าจางเซวียนคนนั้นทำให้อสูรเกราะเรืองแสงยอมจำนนได้ และฉีหลิงเอ๋อก็คารวะพ่อบ้านของเขา แถมยังเต็มใจมอบผลกำไรจากการขายยาเม็ดเพิ่มความงามถึง 90% ให้เขาด้วย?” อู๋ฟังชิงแทบไม่เชื่อหู


เมื่อครู่นี้เขายังคิดอยู่ว่า ต่อให้จางเซวียนจะเป็นบุคคลที่น่าทึ่งขนาดไหน เขาก็คงใช้อิทธิพลในฐานะเจ้าเมืองครอบงำอีกฝ่ายได้ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาประเมินความสามารถของชายหนุ่มต่ำไป!


“เรื่องนั้นน่ะไม่ต้องสงสัยเลย ผมเห็นมากับตา” หยิงเฟยพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น ราวกับเกรงว่าเจ้าเมืองจะไม่เชื่อคำพูดของเขา


“ว่ากันว่าอสูรเกราะเรืองแสงมีประสิทธิภาพการป้องกันตัวอันน่าทึ่ง แม้ตอนนี้มันจะมีวรยุทธแค่ระดับเทพเจ้าขั้นสูง แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าผมเลย ผมเคยยื่นข้อเสนอเป็นของล้ำค่ามากมายให้มัน แต่แทนที่จะยอมจำนนให้ผม กลับเลือกยอมจำนนให้หมอนั่น!”


“และก็อย่างที่คุณบอก ท่าทีประหลาดของฉีหลิงเอ๋อที่มีต่อเขาถือว่าน่าสงสัยมาก เราต้องสืบเสาะภูมิหลังของเขาให้ละเอียดกว่านี้…” อู๋ฟังชิงพูดอย่างเคร่งเครียด


เมืองตะวันรอนไม่เคยขาดแคลนนักรบผู้ปราดเปรื่อง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเจอคนประหลาด!


“ติดตามการเคลื่อนไหวของฉีหลิงเอ๋อหลังจากที่เธอพบจางเซวียนที่ตลาดมืดใต้ดิน เธอจะต้องสะดุดกับข้อมูลสำคัญบางอย่างของเขาแน่ ถึงได้เปลี่ยนท่าทีเรื่องการจัดสรรผลกำไรอย่างกะทันหันแบบนี้” อู๋ฟังชิงสั่งการ


“รับทราบ!” หยิงเฟยพยักหน้าก่อนจะออกจากห้อง


ราว 1 ชั่วโมงต่อมา เขาก็กลับมารายงาน “ท่านเจ้าเมืองอู๋ ผมประมวลรายละเอียดเรื่องความเคลื่อนไหวของฉีหลิงเอ๋อแล้ว หลังจากได้พบจางเซวียน เธอก็มุ่งหน้าไปที่สระบาดาลของตำหนักบาดาลทันที!”


“สระบาดาล…เธอพยายามจะทดสอบสายเลือดของจางเซวียนหรือ?” อู๋ฟังชิงขมวดคิ้ว


ประโยชน์ข้อใหญ่ที่สุดของสระบาดาลก็คือความสามารถในการทดสอบสายเลือดของนักรบคนหนึ่ง มีความเป็นไปได้ว่าฉีหลิงเอ๋ออาจสะดุดเข้ากับความลับสำคัญบางอย่างหลังจากไปที่สระบาดาล นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงท่าทีครั้งใหญ่


หยิงเฟยพยักหน้า “ผมก็เชื่อว่าอย่างนั้น เพียงแต่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ขุดคุ้ยลึกลงไปกว่านี้”


“ไม่เป็นไร ผมจะไปตรวจสอบที่นั่นด้วยตัวเอง” อู๋ฟังชิงตอบ


เขาตรงไปที่สระบาดาล จากนั้นก็โบกมือ แล้วเครื่องมือบันทึกภาพที่มีลักษณะเหมือนคริสตัลก็ลอยเข้าสู่มือของเขา


อู๋ฟังชิงถ่ายทอดพลังงานสวรรค์เข้าไป ภาพของฉีหลิงเอ๋อค่อยๆปรากฏ


“เทพเจ้าสวรรค์สร้างอู๋เจียงยอมจำนนให้เขา?”


“ราชันย์เทพเจ้าแห่งเปลวเพลิงแผดเผาก็โค้งคำนับให้เขาเช่นกัน…”


“นั่นมันราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหนานกงผิงใช่ไหม? เขาก็คารวะจางเซวียนด้วย?”


อู๋ฟังชิงงุนงงอย่างหนักถึงขนาดกัดลิ้นตัวเองโดยไม่รู้ตัว


การทดสอบสายเลือดของสระบาดาลขึ้นชื่อเรื่องความแม่นยำอย่างไร้ที่ติ และข้อเท็จจริงที่ว่าแม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ยอมจำนนให้เขา นั่นหมายความได้อย่างเดียว…


คือจางเซวียนมีสายเลือดของจอมราชันย์!


ใครๆก็รู้ว่าทั้งสรวงสวรรค์มีจอมราชันย์เพียง 10 คน และหนึ่งในนั้นก็เพิ่งปรากฏตัวได้ไม่นาน…


อู๋ฟังชิงแทบจะประเมินไม่ถูกว่าสถานภาพของจางเซวียนจะสูงส่งขนาดไหนถ้าเขาเป็นทายาทของจอมราชันย์คนใดคนหนึ่งจริงๆ


เป็นไปได้ไหมว่าชายหนุ่มปลอมตัวมาเพื่อฝึกฝนตัวเอง?


“เร็วเข้า รีบเตรียมของกำนัล! ผมจะไปคารวะนายน้อยจางเซวียนเดี๋ยวนี้แหละ!”


อู๋ฟังชิงจ้ำออกจากสระบาดาล จากนั้นก็รีบสั่งการหยิงเฟย


“อ้อ รอเดี๋ยว ถ้าผมจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้เฉียวเฉี่ยวก็ดูจะมีเรื่องกับนายน้อยจางเซวียน จัดการให้เธอไปคุกเข่าหน้าบ้านพักของเขาเพื่อร้องขอการยกโทษจากเขาด้วย!”


“ได้ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” หยิงเฟยตอบขณะรีบเดินทางกลับคฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง


…..


“คุณน่าจะรู้จักท่านเจ้าเมืองดีนะ เพราะเขาพยายามทำให้คุณยอมจำนนมาแล้วหลายครั้ง…แท้ที่จริงเขาเป็นคนอย่างไร? ทรงพลังแค่ไหน?”


ขณะที่ตึกรามบ้านช่องโอ่อ่าของเมืองตะวันรอนเริ่มปรากฏที่ขอบฟ้า จางเซวียนก็หันมาตั้งคำถามกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ


ไม่ว่าอย่างไร ความจริงก็คือตอนนี้เขาพักอยู่ในเมืองตะวันรอน คงจะดีที่สุดหากป้องกันไว้ก่อนในทุกวิถีทางที่ทำได้ เพราะไม่อย่างนั้น เมื่อเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา คงไม่มีใครช่วยพวกเขาได้เลย


“หมอนั่นมีวรยุทธระดับเทพพระเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำและทรงพลังมาก ก่อนที่ผมจะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ ผมแค่ต้านทานการโจมตีของเขาได้ แต่ส่วนการตอบโต้นั้นไม่มีหวัง เหตุผลเดียวที่ผมยังยืนหยัดได้นานขนาดนี้ก็เพราะเขาไม่ได้จงใจจะฆ่าผมจริงๆ ไม่อย่างนั้นผมคงตายไปนานแล้ว!” จางเจี้ย, อสูรเกราะเรืองแสงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะให้คำตอบ


‘ประสิทธิภาพการโจมตีที่ไม่มีใครเทียบได้’ ของมันใช้ได้กับนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงเท่านั้น หากเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำซึ่งมีวรยุทธเหนือกว่า ก็แน่นอนว่าการป้องกันตัวของมันย่อมอ่อนด้อยลงไป


“แล้วตอนนี้ล่ะ?”


ตอนที่ 2191 มีอะไรกัน?

ในเมื่อตอนนี้ผมก็เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างเหมือนกัน หากสู้กันตัวต่อตัวล่ะก็ ผมคงเตะก้นหมอนั่นกระเด็น แต่ผมยังสงสัยว่าเขาอาจมีของล้ำค่าระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำติดตัว ถ้าเขาใช้อาวุธ การที่ผมจะเอาชนะเขาก็คงไม่ง่าย แต่ก็แน่นอนว่าเขาทำอะไรผมไม่ได้มากนักหรอก พูดได้เลยว่าโอกาสเอาชนะคงอยู่ที่ 50:50” จางเจียเจี้ยตอบ


ในสรวงสวรรค์ ของล้ำค่าจะแบ่งออกเป็นระดับเทพเจ้า ระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ระดับราชันย์เทพเจ้า และระดับจอมราชันย์ โดยแต่ละขั้นใหญ่จะแบ่งออกเป็นขั้นย่อย คือขั้นต่ำ ขั้นกลาง ขั้นสูง และขั้นสูงสุด


ความเก่งกาจของเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำนั้นไม่อาจสบประมาทได้ แม้ด้วยประสิทธิภาพการป้องกันตัวอันเหนือชั้นของอสูรเกราะเรืองแสง ก็คงยากที่มันจะรับมือกับนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำที่มีของล้ำค่าระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำอยู่ในครอบครอง


จางเซวียนพยักหน้า


ความแข็งแกร่งสูงสุดของนักรบคนหนึ่งอยู่ที่ความสามารถในการใช้ร่างกายและอาวุธของเขาอย่างมีประสิทธิภาพ แม้อสูรสวรรค์จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งโดยธรรมชาติ แต่ทักษะของพวกมันยังคงอ่อนด้อยกว่า


“ส่วนนิสัยใจคอของหมอนั่น เขาเป็นคนเลือดเย็นและยึดถือตัวเองเป็นใหญ่ ระยะเวลายาวนานหลายปีที่ครองอำนาจทำให้เขาปรารถนาจะควบคุมทุกอย่างรอบตัว หากเขารู้ว่าคุณทำให้ผมยอมจำนนได้สำเร็จ จะต้องมาเล่นงานคุณไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่” จางเจี้ยพูดอย่างเป็นกังวล


เจ้าเมืองเป็นคนโหดเหี้ยมแบบที่เรียกว่า “ยอมให้ผม ไม่อย่างนั้นก็ตายซะ” ซึ่งการที่จางเซวียนทำให้อสูรเกราะเรืองแสงยอมจำนนตัดหน้าเขาไปยอมทำให้อีกฝ่ายเกิดความอาฆาต


“เขาจะเล่นงานผม?”


“ใช่ ความเมตตากรุณาน่ะคือสิ่งที่เขาไม่เคยมี เมื่อ 2 ปีก่อน คนแปลกหน้าคนหนึ่งบังเอิญแตะต้องลูกสาวของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเขาก็ตัดมือของอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลก่อนจับโยนเข้าคุก ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ข่าวของหมอนั่นอีกเลย ลือกันว่าคงถูกฆ่าตายแล้ว…” จางเจี้ยส่ายหัว


การอยู่กับคนใจแคบนั้นทำได้ยาก เพราะพวกเขามักจะแสดงออกเกินกว่าเหตุเสมอแม้แต่กับเรื่องเล็กน้อยที่สุด


“ผมจะระวังตัวก็แล้วกัน” จางเซวียนตอบ


ถึงอย่างไร เขาก็ตั้งใจจะออกจากเมืองตะวันรอนทันทีที่จ้าวหย่ากับคนอื่นๆสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้า เพราะเขาอยากตั้งต้นตามหาหลัวลั่วชิงกับปรมาจารย์ขงเสียที ดูเหมือนคงไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกับท่านเจ้าเมืองมากนัก


หลังจากคุยกันอีกครู่หนึ่ง จางเซวียนมองลงไปข้างล่างและยิ้มออก “เรามาถึงแล้วล่ะ บ้านพักของผมอยู่ข้างล่างนั่น”


จางเจี้ยมองตาม เห็นบ้านพักขนาดใหญ่


“งั้นหรือ? แล้วทำไมถึงมี 2 คนคุกเข่าอยู่หน้าบ้านล่ะ?” จางเจี้ยถามด้วยความสงสัย


จางเซวียนงง เขามองตาม เห็นสาวน้อยคนหนึ่งกับชายชราคนหนึ่งคุกเข่าอยู่หน้าทางเข้าบ้านพักของเขา มีชายร่างตุ้ยนุ้ยกำลังจับจ้องทั้งคู่อย่างเย็นชาพร้อมกับเอาสองมือไพล่หลัง ราวกับกำลังตำหนิติเตียน ซึ่งนอกจากสองคนที่คุกเข่า ก็ยังมีชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งกำลังพยักหน้าอย่างนอบน้อมพร้อมส่งรอยยิ้มที่แสดงความถ่อมเนื้อถ่อมตัว


“เพียงเพราะนายท่านของเรามีเมตตา ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยกโทษให้ง่ายๆนะสำหรับการที่พวกคุณไปหาเรื่องเขา อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่คุณต้องทำก็คือคุกเข่าอยู่ตรงนี้จนกว่าจะรุ่งเช้าเพื่อแสดงความจริงใจ!” ชายร่างตุ้ยนุ้ยส่งเสียงวางอำนาจ


“ซุนฉางทำบ้าอะไรน่ะ?”


เห็นพ่อบ้านของเขาวางท่า ‘ใหญ่โตโอหัง’ อีกครั้ง จางเซวียนรีบกระตุ้นอสูรสวรรค์ให้ร่อนลงจอด จากนั้นก็หันกลับมาเพื่อจะอธิบายบางอย่างกับจางเจี้ย แต่เห็นอีกฝ่ายตัวสั่นไม่หยุดราวกับเพิ่งพบเห็นสิ่งที่แสนจะน่าหวาดกลัว


“มีอะไร?” จางเซวียนงุนงงที่เห็นอสูรสวรรค์ซึ่งไม่เคยหวาดกลัวใครแสดงทีท่าแบบนั้น


จางเจี้ยตอบเสียงสั่น “คนที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าประตูน่ะคือลูกสาวของท่านเจ้าเมืองกับนักรบคนหนึ่งจากคฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง ส่วนชายวัยกลางคนที่กล่าวคำขอโทษขอโพยอยู่ตรงนั้นน่ะไม่ใช่ใครอื่นนอกจากท่านเจ้าเมืองอู๋ฟังชิง!”


เมื่อกี้นี้เองที่มันเพิ่งพูดไปว่าเจ้าเมืองเป็นคนใจแคบและอาจสร้างปัญหาให้จางเซวียนได้ แต่ในชั่วพริบตา ลูกสาวของหมอนั่นกับบริวารก็มาถึงที่นี่เพื่อคุกเข่ากับพื้นและกล่าวคำขอโทษ…


สวรรค์โปรด! ใครบอกเราได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?


จางเจี้ยงุนงงจนทำอะไรไม่ถูก


จางเซวียนเบนสายตาจากอสูรเกราะเรืองแสงที่หวิดๆจะคลุ้มคลั่ง เขาเขม้นมอง และเห็นทันทีว่าสาวน้อยที่กำลังคุกเข่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้ที่เขาได้พบที่ภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่, อู๋เฉียวเฉี่ยว!


แต่แม่สาวคนนี้ดูเหมือนเพิ่งผ่านการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ใบหน้าของเธอไม่ต่างจากเดิม แต่บางที…อาจเป็นเพราะบุคลิกที่เปลี่ยนไป เธอจึงสง่างามและมีเสน่ห์ตามแบบของอิสตรี ทำให้แตกต่างจากเดิมมาก


ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงจำไม่ได้เมื่อเห็นครั้งแรก


“เธอกินยาที่เราหลอมหรือเปล่า?” เขาได้ข้อสรุปทันที


จางเซวียนรู้สึกได้อย่างเลือนรางถึงพลังปราณเทียบฟ้าของเขาที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของอู๋เฉียวเฉี่ยว


ทันทีที่อสูรสวรรค์ใกล้แตะพื้น จางเซวียนกระโจนลงจากร่างของมันและเข้าสู่ลานบ้าน


เห็นนายน้อยกลับมา ซุนฉางรีบเดินเข้ามาต้อนรับ


“มีอะไรกัน?” จางเซวียนตั้งคำถาม


“นายน้อย ผู้ชายที่อยู่ตรงนั้นน่ะอ้างตัวเป็นเจ้าเมืองตะวันรอน เขาบอกว่าเขามาเพื่อขอให้คุณยกโทษให้!” ซุนฉางตอบและรีบเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก่อน


หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด จางเซวียนก็หันไปประเมินอู๋ฟังชิงอย่างถี่ถ้วน


อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนที่มีอายุราว 40 กลางๆ สิ่งที่โดดเด่นออกมาคือแววตาล้ำลึกของเขาที่ดูราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ไม่น่าใช่คนที่จะรับมือด้วยได้ง่ายๆ


ไม่เพียงเท่านั้น เขายังมีบุคลิกเงียบขรึมทว่าสง่างาม เป็นอย่างที่อสูรเกราะเรืองแสงบอกไว้ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นนักรบผู้ทรงพลังคนหนึ่ง


“ท่านเจ้าเมืองอู๋ คุณก็เกรงอกเกรงใจเกินไป มันเป็นแค่การเข้าใจผิดกันเท่านั้น” จางเซวียนพูดยิ้มๆ


ตอนที่จางเซวียนประเมินอีกฝ่ายจากหัวจรดเท้า อู๋ฟังชิงก็ทำแบบเดียวกัน


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นนักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำจริงๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นให้เห็น จนอาจมองข้ามไปอย่างง่ายดายหากเขาอยู่ท่ามกลางเหล่านักรบ


ถ้าตัวเขาไม่รู้มาก่อนว่าชายหนุ่มมีสายเลือดของจอมราชันย์ ก็ยังน่าสงสัยอยู่ว่าเขาจะเหลือบแลอีกฝ่ายเป็นครั้งที่ 2 หรือไม่


“ถึงจะเป็นการเข้าใจผิด แต่ก็ถือว่าผมล่ะหลวมมากที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น นี่คือสัญลักษณ์แทนความจริงใจของคฤหาสน์เจ้าเมือง ผมหวังว่านายน้อยจางเซวียนจะรับของกำนัลชิ้นนี้ไว้เพื่อไถ่ความผิดของผม” อู๋ฟังชิงพูดขณะยื่นแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งให้


จางเซวียนแปลกใจกับท่าทีของเจ้าเมือง แต่ก็พยักหน้าให้กับสายตาที่บ่งบอกความฉงนของซุนฉาง


คงเป็นการเสียมารยาทหากจะปฏิเสธความปรารถนาดีของใครคนหนึ่ง แถมอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าเมืองด้วย คงไม่ดีแน่หากเจ้าเมืองคิดว่าเขากำลังดูถูกด้วยการปฏิเสธของกำนัล


เมื่อได้รับสัญญาณจากจางเซวียน ซุนฉางรีบก้าวออกมาและรับแหวนเก็บสมบัติไว้


“เชิญทางนี้!”


หลังจากช่วยพยุงอู๋เฉียวเฉี่ยวกับหยิงเฟยให้ลุกขึ้น ทั้งกลุ่มก็เข้าสู่ห้องโถงใหญ่เพื่อหาที่นั่ง เมื่อทุกคนได้ที่นั่งแล้ว จางเซวียนจับจ้องอู๋ฟังชิงโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง จนในที่สุดก็ตั้งคำถาม “ต้องขอโทษด้วยที่พูดตรงๆ แต่ผมเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำธรรมดาสามัญคนหนึ่งที่เพิ่งมาถึงเมืองตะวันรอน จึงออกจะไม่ค่อยสบายใจกับความสุภาพของคุณ, เจ้าเมืองอู๋”


จะต้องมีบางอย่างผิดปกติเมื่อใครสักคนแสดงทีท่าแบบนี้


เขาหลบเลี่ยงการทำตัวเป็นจุดเด่นมาตลอดตั้งแต่มาถึงเมืองตะวันรอน แต่ทำไมจู่ๆท่านเจ้าเมืองถึงมาขอพบ แถมมอบของกำนัลชิ้นใหญ่ให้ด้วย?


“ผมรู้เรื่องของนายน้อยจางเซวียนจากลูกสาวของผม คุณช่วยชีวิตเธอ จึงเป็นธรรมดาที่ผมจะต้องแสดงความสำนึกในบุญคุณ” อู๋ฟังชิงรีบตอบ


ข้อเท็จจริงที่ว่าตัวเขาซึ่งเป็นถึงเจ้าเมืองยังไม่รู้อะไรสักนิดเกี่ยวกับการมาถึงของนักรบคนหนึ่งที่มีสายเลือดจอมราชันย์ ก็หมายความว่าอีกฝ่ายน่าจะเดินทางตามลำพัง


ในเมื่อชายหนุ่มปกปิดตัวตนของเขา ก็คงไม่ฉลาดนักหากเขาจะรุกคืบและพยายามเปิดเผยตัวตนของอีกฝ่าย เขาอาจต้องตกที่นั่งลำบากหากทำแบบนั้น ด้วยเหตุนี้ แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นย่อมดีกว่า


จางเซวียนกำลังจะถามอู๋ฟังชิงอีก 2-3 ข้อ แต่เมื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายดูไม่จริงใจเท่าไหร่ สุดท้ายเขาจึงไม่พูดอะไร


หลังจากสนทนากันครู่หนึ่ง อู๋ฟังชิงก็กล่าวลา


จางเซวียนโบกมือ จากนั้นก็ร้องเรียกซุนฉางให้นำแหวนเก็บสมบัติที่อู๋ฟังชิงมอบให้ออกมาเพื่อตรวจสอบสิ่งที่อยู่ภายใน เพียงมองแวบเดียว จางเซวียนก็อดไม่ได้ที่จะประทับใจกับความอู้ฟู่ของคฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง


อู๋ฟังชิงมอบเงินให้เขา 10,000 เหรียญสวรรค์ รวมทั้งดาบระดับเทพเจ้าขั้นสูงและสมุนไพรล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วน!


หากเรื่องนี้เพียงแค่เกี่ยวข้องกับอู๋เฉียวเฉี่ยว ก็ไม่จำเป็นที่เจ้าเมืองจะต้องมอบของกำนัลให้เขามากขนาดนั้น


แต่ในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจสร้างสัมพันธไมตรี จางเซวียนก็คร้านจะสงสัยในเจตนาของเขา


เขาสั่งการให้ซุนฉางนำข้าวของที่ฉีหลิงเอ๋อมอบให้ออกมา และด้วยการใช้กรรมวิธีพิเศษบางอย่าง จางเซวียนก็หลอมรวมเลือดอสูรหม่าหยางกับหญ้าโบราณอสูรเขียวเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว


จากนั้น เขากลับเข้าห้อง ติดตั้งปราการปิดกั้นโดยรอบก่อนจะถอดจิตวิญญาณออกมาเพื่อซึมซับพลังงานที่อยู่ภายในสมุนไพรทั้ง 2 ชนิด


ในเมื่อเขาได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ก็น่าจะยกระดับวรยุทธได้ทันที ซึ่งหากมีพละกำลังแข็งแกร่งสมบูรณ์แบบเมื่อไหร่ ก็จะไม่มีสิ่งใดเป็นปัญหาอีก


จิตวิญญาณของจางเซวียนกลืนกินพลังจิตวิญญาณที่แผ่ซ่านออกมาจากสมุนไพรทั้ง 2 ชนิด ทำให้เขาเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อผนวกเข้ากับความแตกต่างของกระแสกาลเวลาในมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง เมื่อดูเผินๆ ความก้าวหน้าของเขาก็จัดว่ารวดเร็วจนน่าสะพรึง


ครู่ต่อมา เสียงกร๊อบเหมือนไข่แตกก็ดังก้อง จากนั้น หญ้าโบราณอสูรเขียวกับเลือดอสูรหม่าหยางก็มอดไหม้เป็นเถ้าถ่านพร้อมๆกัน แหล่งกำเนิดพลังจิตวิญญาณของเขาจึงเป็นอันถึงจุดจบ


“น่าเสียดายจัง!” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะดึงจิตวิญญาณกลับเข้าร่าง


แม้เขาจะรู้ว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็แอบมีความหวังลึกๆว่าอาจยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณได้จนถึงระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง แต่โชคร้ายที่ความหวังของเขาไม่เป็นผล

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)