อัจฉริยะสมองเพชร 2180-2185

 ตอนที่ 2180 ช่วยชีวิต

ก็เหมือนกับในทวีปแห่งปรมาจารย์ เมื่อไหร่ก็ตามที่อสูรทรงพลังสักตัวปรากฏ ผู้คนมากมายจะกรูกันออกไปเสี่ยงโชค หากพวกเขาทำให้มันยอมจำนนได้ด้วยวิธีใดสักอย่าง ก็จะยกระดับประสิทธิภาพการต่อสู้ของตัวเองขึ้นได้อย่างพรวดพราด


แม้อาชีพนักฝึกอสูรจะไม่ได้สลักสำคัญสำหรับที่นี่ แต่การทำให้อสูรสวรรค์ขั้นสูงสักตัวยอมจำนนก็ไม่ใช่งานง่าย


เราควรไปดูสักหน่อย


จางเซวียนครุ่นคิดและออกเดินอย่างระแวดระวังตรงไปยังทิศทางของกองไฟ


จางเซวียนหยุดอยู่ห่างจากกองไฟราว 100 เมตร และซ่อนตัวหลังพุ่มไม้ดกหนาของต้นไม้ใหญ่


เขาปกปิดรังสีของตัวเองไว้อย่างดีก่อนจะแอบมองภาพตรงหน้า


กองไฟถูกก่อไว้หน้าถ้ำแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่านั่งอยู่หน้ากองไฟพร้อมกับละมั่งย่างที่ถลกหนังแล้ว


เนื้อละมั่งถูกย่างจนสุกเหลือง เห็นน้ำมันเป็นชั้นบางๆซึมออกจากผิวของมัน แม้อยู่ไกลก็ได้กลิ่นที่ทำให้น้ำลายสอ


ย่างเนื้อตรงนี้ตอนดึกดื่นค่ำคืนนี่นะ? จางเซวียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย


เขาเคยพบละมั่งเมื่อตอนอยู่ที่ภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ ซึ่งก็พยายามจับมันหลายครั้ง หวังจะให้ทั้งกลุ่มมีอาหารการกินสมบูรณ์ขึ้น แม้ละมั่งจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย แต่พวกมันมีฝีเท้าไว ไวถึงขนาดที่ปีนป่ายหน้าผาได้เร็วกว่าลิงปีนต้นไม้เสียอีก


แม้ด้วยพละกำลังของเขาในเวลานี้ จางเซวียนก็ยังรู้สึกว่าหากจะจับมันสักตัวก็คงยาก แต่ชายหนุ่มรูปร่างล่ำสันคนนี้ล่ามาได้ตัวหนึ่ง แถมยังจับมันย่างอย่างเปิดเผยตอนกลางค่ำกลางคืน ไม่เกรงกลัวอสูรเกราะเรืองแสงที่มีวรยุทธระดับเทพเจ้าขั้นสูงเลย


เท่าที่เห็น ดูเหมือนอีกฝ่ายคงมีพละกำลังในระดับที่ไม่อาจสบประมาทได้


จางเซวียนยังคงสงสัย แต่ก็ตัดสินใจคอยเงียบๆ


ไม่ช้าการย่างละมั่งก็เสร็จสิ้น ชายหนุ่มฉีกขาข้างหนึ่งของมันออกมาและกัดคำใหญ่ ระหว่างนั้นก็กระดกไวน์จากน้ำเต้าที่วางไว้ข้างตัวเป็นระยะๆอย่างเปรมปรีดิ์


ไม่ช้าไวน์ก็หมด เขานำไวน์ออกมาจากแหวนเก็บสมบัติอีกน้ำเต้าหนึ่งและดื่มต่อ


ภายในไม่ถึง 15 นาที ชายหนุ่มก็กินละมั่งไปกว่าครึ่งตัวพร้อมไวน์อีก 3 น้ำเต้า


ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความเมา ศีรษะส่ายเอนไปมา ดูเหมือนใกล้จะคอพับในไม่ช้า


จางเซวียนถึงกับพูดไม่ออก


หมอนี่มั่นใจว่าตัวเองรับมือไหว หรือกล้าบ้าบิ่นจนไม่รู้อะไรเลยกันแน่?


จางเซวียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ว่าความมืดมิดในป่าล้วนเต็มไปด้วยอันตราย อสูรดุร้ายมากมายเลือกออกล่าเหยื่อในเวลานี้ แต่ชายหนุ่มกลับย่างเนื้ออย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ลำพังแค่กลิ่นหอมของเนื้อก็เกินพอจะทำให้เขาตกที่นั่งลำบากแล้ว


แถมยังดื่มไวน์ด้วย! จะเกิดอะไรขึ้นถ้าใครสักคนโจมตีเขาตอนนี้? เขาปกป้องตัวเองได้จริงๆหรือ?


จางเซวียนงุนงงกับพฤติกรรมของชายหนุ่ม แต่ก็เฝ้าดูอยู่ห่างๆต่อไป


เหตุผลที่เขามาที่นี่ก็เพื่อตามล่าอสูรเกราะเรืองแสง ซึ่งก็เป็นไปได้ที่ชายหนุ่มจะมาด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน พวกเขาจึงมีสถานภาพเป็นคู่แข่ง คงเป็นประโยชน์กับเขาหากอีกฝ่ายดื่มจนเมามายไม่ได้สติ เพราะนั่นจะช่วยลดความยุ่งยากลงได้มาก


ไม่ช้า เสียงกรนสนั่นราวกับพายุก็ดังไปทั่ว


กินอิ่มได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง หมอนี่ก็หลับอุตุ แถมดูเหมือนไม่ได้ระมัดระวังตัวเลยสักนิด การป้องกันตัวขั้นพื้นฐานก็ไม่มีสักอย่าง


ช่างเถอะ ไม่ต้องใส่ใจ!


จางเซวียนไถลตัวลงจากต้นไม้และสำรวจบริเวณรอบถ้ำ


เท่าที่เขาฟังจากผู้จัดการตลาดค้าอสูรสวรรค์ อสูรเกราะเรืองแสงอาศัยอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ ซึ่งหลังจากเดินมาไกล เขาก็ใกล้จะถึงปลายสุดอีกด้านหนึ่งของหุบเขาแล้ว ซึ่งก็น่าจะพบอสูรเกราะเรืองแสงในไม่ช้า


ในเมื่อชายหนุ่มยังหลับอยู่ ก็เป็นโอกาสดีที่เขาจะเดินหน้าไปก่อน


แต่หลังจากก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าว จางเซวียนก็เลิกคิ้วอย่างระแวง เขารีบหลบไปด้านข้างและซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ใหญ่


หลังจากซ่อนตัวเสร็จ แสงสว่างวาบ 2 ดวงก็ปรากฏขึ้นในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ห่างจากจุดที่เขาซ่อนอยู่


จางเซวียนมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้เพื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ดวงตาหยั่งรู้ทำให้เขามองทะลุความมืดเพื่อรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้


ชายชุดดำสองคนซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ ประกายสว่างวาบ 2 ดวงนั้นมาจากอาวุธของพวกเขาที่สะท้อนกับแสงจันทร์


จางเซวียนออกจะประหลาดใจกับการปรากฏตัวของทั้งคู่ เพราะเขาไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งเมื่อครู่ก่อน จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าสองคนนั้นมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่


ขณะที่ยังคงครุ่นคิดหนัก ชายทั้งสองก็เคลื่อนตัวออกจากพุ่มไม้อย่างเงียบเชียบและพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มเมามายที่กำลังกรนดังสนั่นอยู่หน้ากองไฟ


เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนเป็นนักฆ่าที่มีทักษะเยี่ยมยอด ร่างของทั้งคู่พริ้วไหวไปตามสายลมโดยไม่ก่อให้เกิดการรบกวนกระแสลมเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเข้าประชิดชายหนุ่มก่อนจะเงื้อดาบ เตรียมจะฟาดฟันชายหนุ่มให้จบชีวิตในดาบเดียว


การเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งเฉียบคม แม่นยำ และถูกควบคุมไว้อย่างดี บ่งบอกว่าทั้งคู่ฝึกฝนกระบวนท่านี้มาแล้วหลายครั้ง ต่อให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่นตอนนี้ ก็ไม่น่าตอบโต้ได้ทันเวลา


บ้าจริง! จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด


เขาไม่ชอบจุ้นจ้านเรื่องของคนอื่น แต่รู้สึกชอบใจในความจริงใจและเปิดเผยของชายหนุ่ม คงรู้สึกแย่ไปอีกนานหากต้องเห็นอีกฝ่ายตายไปต่อหน้าต่อตา


ช่างมันเถอะ เราจะช่วยเขา หมอนี่อาจเป็นคู่แข่งกับเราในการตามล่าอสูรเกราะเรืองแสง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรปล่อยให้เขาถูกฆ่า จางเซวียนคิด


เขากระโจนออกจากต้นไม้ที่ซ่อนตัวอยู่และตะโกน “ระวังตัวด้วย!”


ขณะที่ตะโกน ก็โยนดาบเข้าใส่นักฆ่าทั้งสองคน


ฟิ้วววว!


ด้วยการปล่อยพละกำลังเต็มพิกัด ดาบนั้นพุ่งหวือแหวกอากาศไปราวกับดาวตก เกิดเสียงเสียดสีดังสนั่น เพียงชั่วพริบตา มันก็ลอยละลิ่วไปกว่า 30 เมตร ตรงเข้าโจมตีนักฆ่าสองคนนั้น


“กล้าดีอย่างไรมาทำลายแผนการของเรา!” นักฆ่าคนหนึ่งคำรามขณะปัดป้องดาบของจางเซวียน


เกิดเสียงดังกึกก้อง ดาบที่จางเซวียนโยนใส่อีกฝ่ายถูกปัดกระเด็นกลับมา ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็ขยับเข้าใกล้จนอยู่ห่างจากทั้งคู่ไม่ถึง 10 เมตร ทำให้มีโอกาสพิจารณาอย่างถี่ถ้วน


อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนอายุราว 40 ปลายๆ เป็นนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูง ร่างกายของเขามีพลังงานสวรรค์อยู่เต็มเปี่ยม พร้อมจะปลดปล่อยพลังกำลังแข็งแกร่งออกมาได้ทุกขณะ


เมื่อเจอแบบนี้ จางเซวียนก็ไม่กล้ารุก เขาหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ตอนนี้ตื่นแล้วหลังจากได้ยินเสียงตะโกน


แต่แทนที่จะลุกขึ้นยืน หมอนั่นกลับยื่นมือออกมาคว้าดาบของนักฆ่าเอาไว้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะยื้อยุดฉุดกระชากแค่ไหน ก็ไม่อาจดึงดาบให้หลุดจากมือของชายหนุ่มได้


“คิดหรือว่าจะฆ่าผมได้เพียงเพราะผมเมา? เจ้าคนอ่อนแอไร้ยางอาย!” ชายหนุ่มคำรามขณะสะบัดข้อมือ


เพล้ง!


ดาบในมือของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ


ภาพนั้นทำให้จางเซวียนตาโต


เขาดูออกว่าดาบของนักฆ่าเป็นของล้ำค่าระดับเทพเจ้าขั้นกลาง ต่อให้ตัวเขาใช้พละกำลังเต็มพิกัด ก็คงทำลายมันได้ยาก แค่เห็นชายหนุ่มคว้าดาบด้วยมือเปล่าก็น่าตกใจพอแล้ว แต่อีกฝ่ายทำให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆได้ด้วย


พละกำลังของหมอนี่ช่างน่าสะพรึงจริงๆ!


“เวรละ ไปกันเถอะ!”


เสียงดาบที่แตกเป็นเสี่ยงๆทำให้นักฆ่าทั้งสองรู้สึกตัว เมื่อพบว่าไม่มีทางทำสำเร็จ จึงรีบหันหลังกลับและเผ่นหนี


พวกเขาตัดสินใจเปิดฉากโจมตีได้อย่างเฉียบขาด แต่ก็พร้อมหนีอย่างไม่รีรอเช่นกัน


นักฆ่าที่เป็นเจ้าของดาบที่แตกเป็นเสี่ยงๆทิ้งดาบของเขาและพุ่งไปยังทิศทางที่จางเซวียนออกมา


“เจ้าคนหยาบคาย ไม่รู้หรือว่ามันเป็นมารยาทที่ควรจะมีของกำนัลติดไม้ติดมือเมื่อไปเยี่ยมเยียนใครสักคน?” ชายหนุ่มคำรามขณะลุกขึ้นยืน


ฮื่ออออ!


เสียงดังสนั่นราวกับสิงโตคำรามเขย่าทั้งหุบเขานั้นจนสะเทือน กรวดหินดินทรายกลิ้งลงมาจากหน้าผาราวกับกำลังจะเกิดดินถล่ม


พลั่ก! พลั่ก!


นักฆ่าทั้งสองสะดุดล้ม ทั้งคู่กระอักเลือดออกมาราวกับถูกใครใช้ค้อนทุบหลัง เสียงคำรามนั้นทำให้พวกเขาได้รับความบอบช้ำภายในอย่างสาหัส


จางเซวียนตกตะลึง นั่นคือเทคนิคที่เรียกว่าสิงโตคำรามหรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?


มันคือศิลปะแห่งจิตวิญญาณที่ใช้เสียงเป็นสื่อกลาง คล้ายกับวิถีทางของมือบรรเลงบทเพลงปีศาจ เขาไม่เคยเห็นใครใช้วิธีการแบบนี้ในการสู้รบมาก่อนตั้งแต่อยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ จึงออกจะแปลกใจที่เห็นความเชี่ยวชาญของชายหนุ่ม


“บ้าจริง! เผ่น!”


รู้ดีว่าหากเป็นแบบนี้คงต้องตายแน่ นักฆ่าทั้งสองสะบัดข้อมือ นำตราหยกออกมาคนละอันและโยนลงพื้น


บึ้มมมม!


ตราหยกทั้งสองอันระเบิดตูม เกิดฝุ่นฟุ้งตลบ


กว่าฝุ่นจะจางหาย ทั้งคู่ก็หายวับไปแล้ว


นับตั้งแต่เริ่มโจมตีจนถึงล่าถอย การเคลื่อนไหวของพวกเขาลื่นไหลมาก ไม่มีสักครั้งที่จะเกิดความไม่แน่ใจหรือลังเล เพียงเท่านี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าทั้งคู่คือนักรบผู้ช่ำชอง


ฟึ่บ!


แทนที่จะพยายามไล่ล่าสองนักฆ่า ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าคนนั้นทรุดตัวลงนั่งหน้ากองไฟอีกรอบก่อนจะประเมินจางเซวียนอย่างระแวดระวัง เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณช่วยชีวิตผมทำไม?”


“ช่วยชีวิต? คุณพูดเกินไปแล้วล่ะ ด้วยความสามารถในการต่อสู้ของคุณ ต่อให้ผมไม่ร้องเตือน สองคนนั้นก็ทำอะไรคุณไม่ได้ ดูเหมือนผมเข้าไปก้าวก่ายโดยไม่จำเป็นเสียมากกว่า” จางเซวียนตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆ


เขาคิดว่าเมื่อครู่นี้ชายหนุ่มกำลังตกอยู่ในอันตราย ทำให้ตัดสินใจออกไปช่วย แต่ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายทรงพลังกว่าที่เขาคิดไว้มาก อันที่จริง เห็นได้ชัดว่าหมอนี่แกล้งหลับเพื่อล่อนักฆ่าสองคนนั้นให้ลงมือ!


จึงไม่ถูกต้องอย่างสิ้นเชิงหากจะพูดว่าเขาช่วยชีวิตชายหนุ่มไว้


“ถ้าผมพูดว่าคุณช่วยชีวิตผม ก็หมายความว่าคุณช่วยชีวิตผม หยุดพูดจาเลอะเทอะแล้วยอมรับมันหน่อยไม่ได้หรือไง?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างขัดใจ จากนั้นก็ยกน้ำเต้าบรรจุไวน์ที่อยู่ข้างตัวมาโยนให้จางเซวียน “ดื่มหน่อยไหม?”


“ขอบคุณมาก!” เห็นความใจกว้างของอีกฝ่าย จางเซวียนตัดสินใจเลิกใช้พิธีรีตอง เขาเปิดจุกน้ำเต้าและกระดกไวน์ลงไปเต็มอึก จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความสดชื่นและอุทานออกมา “ไวน์ดีนี่นา!”


ถึงจางเซวียนจะไม่ค่อยดื่ม แต่ก็แยกแยะระดับชั้นของไวน์ได้


ไวน์ที่อยู่ในน้ำเต้าลูกนี้ให้ความรู้สึกลื่นไหลและมีรสชาติที่ทำให้กระชุ่มกระชวย แต่ในเวลาเดียวกันก็จะรู้สึกได้ถึงแอลกอฮอล์ดีกรีสูงที่ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัวใดๆ แตกต่างกันมากกับไวน์ที่วางขายในท้องตลาด


เห็นจางเซวียนดื่มไวน์ของเขาอึกใหญ่ด้วยความสบายใจ ชายหนุ่มพยักหน้า


การพบกันระหว่างคนแปลกหน้านอกสถานที่แบบนี้ย่อมมีแต่ความหวาดระแวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนส่วนใหญ่มักปฏิเสธที่จะรับอาหารและเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้าเพราะเกรงว่าจะมียาพิษเจือปน แต่ชายหนุ่มคนนี้ดื่มไวน์อย่างสบายใจโดยไม่แสดงอาการหวาดระแวงเกินเหตุ


เขาชอบคนแบบนี้


ตอนที่ 2181 เด็กน้อยโง่เง่า

“กินเนื้อด้วยสิ!”


ชายหนุ่มฉีกขาหน้าข้างหนึ่งของละมั่งออกมาและยื่นให้จางเซวียน


จางเซวียนหิวโซอยู่แล้ว จึงไม่ลังเลที่จะกัดเนื้อละมั่งเต็มคำ


ต้องยอมรับว่าเนื้ออสูรสวรรค์มีความอร่อยเหนือชั้น เขาคิดว่าเนื้อละมั่งน่าจะเหนียวและเคี้ยวยาก แต่กลับตรงกันข้าม เนื้อนั้นดูจะละลายในปาก ปล่อยกระแสความอบอุ่นให้ไหลเวียนไปทั่วร่างของเขา


หลังจากกินเนื้อเสร็จและดื่มไวน์อีก 2-3 อึกใหญ่ จางเซวียนก็อิ่มแปล้ ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันหายวับไป


จางเซวียนยิ้ม เขาลุกขึ้นจากด้านข้างกองไฟและยืดหลังบิดขี้เกียจก่อนจะพูดว่า “ผมขอรับเนื้อกับไวน์นี้เป็นค่าตอบแทนที่ช่วยชีวิตคุณก็แล้วกัน ผมยังมีธุระต้องไปจัดการ ขอตัวก่อน”


เมื่อพูดจบ ก็เดินเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขา


การตัดสินใจช่วยชีวิตชายหนุ่มเป็นการตัดสินใจชั่ววูบ เป็นเพียงเรื่องที่เข้ามาขัดจังหวะชั่วคราว เขายังต้องหาตัวอสูรเกราะเรืองแสงให้เจอเพื่อจะได้รีบยกระดับวรยุทธ


ชายหนุ่มชำเลืองมองทิศทางที่จางเซวียนกำลังมุ่งหน้าไปและเปรย “นี่ก็กลางดึกกลางดื่นแล้ว คุณจะเข้าไปในภูเขาตอนนี้น่ะหรือ?”


อันตรายมากมายแฝงตัวอยู่ในหุบเขายามดึกดื่นแบบนี้ ทำไมชายหนุ่มถึงเลือกเดินทางต่อแทนที่จะรอจนรุ่งเช้า?


“บอกคุณตามตรงเลยนะ วรยุทธของผมน่ะมาถึงด่านคอขวดแล้ว ผมกำลังเสาะหาวิธีก้าวข้ามด่านคอขวดอยู่” จางเซวียนตอบ


“วิธีก้าวข้ามด่านคอขวด?” ชายหนุ่มพยักหน้า


เขาตรวจสอบวรยุทธของอีกฝ่าย และพบว่าใกล้จะได้เป็นเทพเจ้าขั้นกลางแล้ว พอเข้าใจได้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงร้อนใจอยากก้าวข้ามด่านสุดท้ายให้สำเร็จ เพราะตอนนี้ก็ใกล้จะฝ่าด่านวรยุทธได้เต็มที


“ผมมาที่หุบเขานี้หลายครั้งแล้ว คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมดี บอกผมมาเถอะว่าคุณกำลังตามหาอะไร แล้วผมจะช่วย” ชายหนุ่มเสนอ


“เอ่อ เรื่องเป็นอย่างนี้…” จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจพูดความจริงกับชายหนุ่ม “ด้วยธรรมชาติเฉพาะตัวของเทคนิควรยุทธของผม ผมจึงต้องยกระดับวรยุทธของกายเนื้อและจิตวิญญาณให้ได้ก่อนที่จะยกระดับวรยุทธของพลังปราณ ซึ่งผมพบวิธียกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณแล้ว แต่ยังหาวิธีบ่มเพาะกายเนื้อไม่ได้”


“เมื่อกลางวัน ผมได้ยินว่ามีอสูรเกราะเรืองแสงตัวหนึ่งอยู่ที่นี่ เลือดของมันมีประโยชน์ในการบ่มเพาะกายเนื้อของนักรบ จึงตัดสินใจมาสำรวจดู”


“อสูรเกราะเรืองแสง? คุณอยากได้เลือดของมันหรือ?”


ชายหนุ่มประหลาดใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เขายิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่คาดเดาได้ยากและตั้งคำถาม “คุณคิดว่านักรบที่มีประสิทธิภาพการต่อสู้ระดับคุณจะรับมือกับอสูรสวรรค์ที่มีวรยุทธระดับเทพเจ้าขั้นสูงได้หรือ?”


“ผมก็สงสัยอยู่” จางเซวียนตอบอย่างกระอักกระอ่วน


เขามีทั้งเทคนิควรยุทธเวทนาสวรรค์และศิลปะเพลงดาบ จึงเอาชนะนักรบระดับเทพเจ้าขั้นกลางได้สบาย แต่คงไม่ง่ายหากต้องรับมือกับนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูง


แถมอีกฝ่ายยังเป็นอสูรสวรรค์ผู้ทรงพลังด้วย!


แน่นอนว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่การสังหารอสูรเกราะเรืองแสง แต่เพื่อให้ได้เลือดบางส่วนของมันมา ด้วยศักยภาพของหอสมุดเทียบฟ้าและการพูดจาหว่านล้อมของเขา จางเซวียนมั่นใจว่าเขาน่าจะกล่อมให้อสูรเกราะเรืองแสงยอมให้เลือดของมัน หรือแม้แต่ยอมจำนนต่อเขาได้เลยทีเดียว!


เพราะถึงอย่างไร หัวใจของทักษะการฝึกอสูรของเขาก็ไม่ใช่ประสิทธิภาพการต่อสู้อยู่แล้ว แต่เป็น บุคลิกภาพอันโดดเด่นของตัวเขาเอง


เอาเถอะ ในช่วงเวลาแบบนี้ เขาคงไม่อาจโปรยเสน่ห์ได้เต็มที่ แต่ก็น่าจะใช้ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าเป็นของแลกเปลี่ยนได้ ถึงอย่างไรเขาก็มียานั้นอยู่มากมาย


ในเมื่อหุบเขาแห่งนี้ขาดแคลนพลังจิตวิญญาณ อสูรเกราะเรืองแสงก็น่าจะยิ่งกว่ายินดีที่จะยอมรับข้อแลกเปลี่ยน


“คุณนี่กล้าบ้าบิ่นดีนะ หรือไง? ทั้งที่ไม่มีความมั่นใจสักนิด ก็กล้ามาถึงนี่…” ชายหนุ่มส่ายหัวและถอนหายใจ “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมสงสัย คุณบอกว่าคุณอยากได้เลือดของอสูรเกราะเรืองแสง แล้วคุณรู้ไหมว่ามันอยู่ที่ไหน? มีรูปร่างหน้าตาอย่างไร?”


“ผมคิดว่า ขอแค่ผมพบอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้าขั้นสูงสักตัวที่มีประสิทธิภาพการป้องกันตัวแบบเหนือชั้น ก็น่าจะเป็นมันนั่นแหละ” จางเซวียนตอบ


เจ้าผู้จัดการบอกเขาว่าอสูรเกราะเรืองแสงอาศัยอยู่ในหุบเขาเมฆบัง แต่เมื่อเขาพยายามซักไซ้รายละเอียด ก็กลายเป็นว่าหมอนั่นไม่รู้อะไรมากนัก แค่ฟังต่อๆมาจากคนอื่น จึงไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง


ดังนั้น แผนการของจางเซวียนก็คือทำให้อสูรสวรรค์สักตัวหนึ่งในหุบเขาเมฆบังยอมจำนนให้ได้โดยเร็ว เพื่อจะได้เค้นเอาข้อมูลจากมัน แต่ใครจะไปรู้ว่าทั้งๆที่เดินมาหลายชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่พบสักตัว!


ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงไม่ได้ข้อมูลตามที่ต้องการ


แต่ก็นั่นแหละ มีเพียงเส้นทางเดียวที่ทอดยาวเข้าไปในหุบเขา ถ้าเขาเดินตามเส้นทางนั้นไปเรื่อยๆ เขาก็มั่นใจว่าในที่สุดจะได้พบอสูรเกราะเรืองแสง


“สรุปว่าคุณจะอาศัยโชคช่วยอย่างเดียว? ไม่คิดบ้างหรือไงว่าเรื่องนี้มีอะไรจริงจังมากกว่านั้น?”


ชายหนุ่มเอนตัวพิงหน้าผาอย่างสบายใจขณะมองจางเซวียนอย่างนึกสนุก


“ผมเคยทำให้อสูร 2-3 ตัวยอมจำนนมาแล้ว จึงพอรู้อารมณ์และนิสัยของพวกมัน ผมมั่นใจว่าทันทีที่พบมัน ก็น่าจะหว่านล้อมให้มันยอมฟังผมได้” จางเซวียนตอบพร้อมกับโบกมือ “ขอบคุณอีกครั้งสำหรับไวน์ชั้นดีกับเนื้อละมั่ง ผมมีเวลาไม่มาก ต้องขอตัวแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นคงกลับออกมาไม่ทันรุ่งเช้า…”


เมื่อพูดจบ จางเซวียนก็ออกเดินลึกเข้าไปในหุบเขา


“เด็กน้อยโง่เง่า…” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน “เอาเถอะ ในเมื่อวันนี้คุณช่วยชีวิตผม ผมก็จะช่วยคุณตามหาอสูรเกราะเรืองแสง!”


“แบบนั้นก็รบกวนคุณเกินไป” จางเซวียนตอบพร้อมกับส่ายหน้า “ผมรู้ว่าคุณน่ะแข็งแกร่ง แต่อสูรเกราะเรืองแสงเป็นอสูรสวรรค์ที่ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพการป้องกันตัว ผมเชื่อว่าแม้แต่คุณก็คงรับมือกับมันได้ยาก ผมไม่คิดว่าผมควรจะลากคุณเข้ามาเสี่ยงกับเรื่องส่วนตัวของผมหรอก”


“ไม่มีปัญหาน่ะ ถึงอย่างไรตอนนี้ผมก็ว่างอยู่ ผมจะกลายเป็นคนชนิดไหนกันหากนิ่งเฉยและปล่อยให้ผู้มีพระคุณของผมเดินดุ่มเข้าหาอันตราย? อีกอย่าง ผมค่อนข้างจะแน่ใจว่าคุณหาตัวอสูรเกราะเรืองแสงไม่พบก่อนรุ่งเช้าหรอกถ้ายังมะงุมมะงาหราอยู่แบบนี้”


ชายหนุ่มหยิบน้ำเต้าที่เหลือไวน์อยู่อีกครึ่งหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็เดินมาหาจางเซวียน


ในตอนนั้นเองที่จางเซวียนเพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายมีรูปร่างสูงมาก สูงตระหง่านเกินกว่า 2 เมตรเสียอีก เมื่อความสูงผนวกกับร่างกายที่ล่ำสัน ก็ทำให้เขาเป็นชายที่ดูแข็งแกร่งบึกบึน


“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอน้อมรับความปรารถนาดีของคุณ แต่ก็แน่นอนว่าผมไม่ควรรับความช่วยเหลือของคุณโดยปราศจากสิ่งตอบแทน นี่คือยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า 5 เม็ด ถือเสียว่าเป็นค่าชดเชยก็แล้วกัน” จางเซวียนพูดขณะโยนขวดหยกใบหนึ่งให้


เขาไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร ในเมื่อชายหนุ่มยืนกรานจะช่วย ก็ควรมอบของตอบแทนให้อีกฝ่ายตามความเหมาะสม


แม้แต่กับนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูง ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า 5 เม็ดก็ถือเป็นของล้ำค่าก้อนโต


“ฮะ?”


ชายหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้รับ เขารับขวดหยกจากมือของจางเซวียนและเปิดจุกขวด


มียาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า 5 เม็ดอยู่ในนั้นจริงๆ


ชายหนุ่มหยิบเม็ดหนึ่งขึ้นมาดมฟุดฟิดเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าของจริง ก่อนจะตาโตด้วยความยินดีปรีดา “ขอบคุณมาก!”


เขาโยนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าเข้าปาก รู้สึกได้ถึงพลังจิตวิญญาณอันอบอุ่นที่ไหลไปทั่วทางเดินพลังปราณ ตรงเข้าบ่มเพาะร่างกายของเขา ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็เก็บยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าที่เหลือไว้ในกระเป๋าเสื้อก่อนจะเดินเข้ามาขนาบข้างจางเซวียน “มาเถอะ ตามผมมา ผมจะพาคุณไปหาอสูรเกราะเรืองแสง!”


จางเซวียนตามอีกฝ่ายไป ทั้งคู่เดินลึกเข้าไปในหุบเขา


ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ไม่เหมือนใครของภูเขาแห่งนี้ กระแสลมที่พัดอยู่โหมกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อยๆขณะที่ทั้งคู่เดินลึกเข้าไป


จางเซวียนกับชายหนุ่มเดินต่อไปอีกเกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนที่ชายหนุ่มจะหยุดหน้าถ้ำสีดำสนิทแห่งหนึ่งและพูดว่า “เรามาถึงแล้ว ถ้ำตรงหน้านี่แหละคือรังของอสูรเกราะเรืองแสง!”


ปากถ้ำมีความสูงอย่างเหลือเชื่อ สูงราวสิบเท่าของความสูงของมนุษย์ และภายในก็แสนจะมืดมิด เมื่อมองจากภายนอกก็แทบบอกไม่ได้เลยว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง


“ที่นี่หรือ?” จางเซวียนย้อนถาม


ดูเหมือนอสูรเกราะเรืองแสงจะตัวใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้ เพราะไม่อย่างนั้น คงไม่มีทางที่มันจะสร้างถ้ำขนาดมหึมาแบบนี้ไว้เป็นรังของมันได้


“ก็ใช่น่ะสิ คุณอยากจับตัวมันไม่ใช่หรือ? เข้าไปเลย ผมจะระวังหลังให้ ต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ เรียกผมก็แล้วกัน” ชายหนุ่มพูด


“ตามนั้น” จางเซวียนพยักหน้า


จางเซวียนสูดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลัดเลาะอย่างเงียบเชียบไปตามทางเดินที่ตรงเข้าสู่ถ้ำ ชายหนุ่มตามหลังไปติดๆ


ไม่ช้าทั้งคู่ก็มาถึงปากถ้ำ


จางเซวียนเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้ก่อนจะเดินเข้าไปในถ้ำ และเพื่อความปลอดภัย จึงลัดเลาะไปตามผนัง


ไม่ช้าทางเดินก็กว้างขึ้น เผยให้เห็นที่โล่ง มีแสงสว่างจางๆจากที่โล่งนั้น


“น่าจะเป็นที่นี่แหละ” ชายหนุ่มส่งโทรจิตบอกจางเซวียน


จางเซวียนเงยหน้าขึ้น เห็นอสูรสวรรค์ตัวมหึมาหลับอยู่บนแท่นหินภายในที่โล่งแห่งนั้น มันมีความยาวราว 7 เมตร ทั้งตัวปกคลุมด้วยขนสีเทา


“ทำไมถึงดูเหมือนหมาป่า?” จางเซวียนครุ่นคิด


ไม่ว่าจะมองอย่างไร อสูรสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คล้ายกับหมาป่าตัวหนึ่ง


อสูรเกราะเรืองแสงนั้นขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพการป้องกันตัวที่ไม่มีใครเทียบได้ ยากจะเชื่อว่าขนสีเทานั้นแข็งแกร่งพอที่จะเรียกว่า ‘ประสิทธิภาพการป้องกันตัวที่ไม่มีใครเทียบได้’


“ก็เจ้านั่นแหละ ผมมาที่นี่บ่อยๆ ไม่มีทางเข้าใจผิดแน่” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับพยักหน้า


“ผมเข้าใจ” จางเซวียนตอบรับอย่างเคร่งขรึม


เขาสูดหายใจลึก จากนั้นก็ชักดาบออกมาและปล่อยปราการกระแสดาบฉี


ยังไม่ทันที่ปราการกระแสดาบฉีจะตรงเข้าเล่มงานอสูรเกราะเรืองแสง อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะรู้ตัวว่ามีผู้บุกรุก มันลุกพรวด การตวัดหางหนาหนักอย่างแรงทำให้เกิดลมพายุเกรี้ยวกราดพัดกระหน่ำภายในถ้ำ


“มันเป็นอสูรระดับเทพเจ้าขั้นสูงจริงๆ!” จางเซวียนตั้งข้อสังเกตขณะหลบเลี่ยงการโจมตีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


รู้ดีว่าการรับมือกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่าเป็นเรื่องอันตราย จางเซวียนจึงตัดสินใจใช้เทคนิคที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาโดยไม่ลังเล


“หัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปม!”


เพียงชั่วพริบตา กระแสดาบฉีของเขาก็ถักทอร้อยรัดเข้าด้วยกัน เกิดเป็นบางอย่างที่มีลักษณะเหมือนกับแหดักปลาและร่วงลงมาคลุมร่างของอสูรเกราะเรืองแสงไว้


ตอนที่ 2182 คุณคิดจะฆ่าผม

 


“เป็นศิลปะเพลงดาบที่น่าทึ่งอะไรอย่างนี้!” ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังจางเซวียนอุทานด้วยความอัศจรรย์ใจ


เขายังสงสัยอยู่ว่าจางเซวียนมีไม้ตายแบบไหนที่ทำให้มั่นใจว่าจะรับมือกับอสูรเกราะเรืองแสงได้ ทั้งที่มีประสิทธิภาพการต่อสู้ต่างกันมาก แต่เมื่อได้เห็นศิลปะเพลงดาบ ก็รู้ทันทีว่าถึงจางเซวียนจะเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำ แต่ความสามารถของเขาเทียบชั้นได้กับนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงส่วนใหญ่เลยทีเดียว!


“ฮื่ออออ!”


เมื่อถูกตาข่ายที่ทำจากกระแสดาบฉีดักไว้ อสูรเรืองแสงคำรามกร้าวขณะตวัดกรงเล็บเข้าใส่ตาข่ายอย่างโกรธเกรี้ยว ด้วยพละกำลังทำลายล้างมหาศาล มันจึงเป็นอิสระได้ภายในไม่กี่วินาที


ทันทีที่ตั้งตัวติด มันก็พุ่งเข้าใส่จางเซวียนด้วยพละกำลังอันน่าสะพรึงและตวัดกรงเล็บใส่เขา


จางเซวียนคาดการณ์ไว้แล้ว จึงถอยไปหนึ่งก้าวเพื่อหลบการตวัดกรงเล็บ พร้อมกันนั้นก็หันไปพูดกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลัง “ผมต้องการความช่วยเหลือ”


“ก็แหงล่ะ ไม่งั้นผมจะมาอยู่ที่นี่ทำไม?”


ดูเหมือนชายหนุ่มกำลังรอโอกาสที่จะได้พูดคำนี้ เขากระโจนออกไปด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลและปล่อยหมัดเข้าใส่อสูรเกราะเรืองแสง


ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็สำแดงศิลปะเพลงดาบเพื่อเล่นงานจุดอ่อนของมัน


อสูรเกราะเรืองแสงไม่ทันระวังตัวเพราะการปล่อยหมัดอย่างกะทันหันของชายหนุ่ม แต่เขาก็ถูกทุ่มเข้ากับผนังถ้ำ ทิ้งรอยยุบขนาดใหญ่เอาไว้


จางเซวียนรีบรุกคืบเพื่อปล่อยกระแสดาบฉี ตั้งใจจะไม่ปล่อยให้อสูรเกราะเรืองแสงได้มีเวลาหายใจ


ชายหนุ่มก็โจมตีอย่างไม่ลดละ เขาปล่อยหมัดชุดใหญ่เข้าใส่อสูรเกราะเรืองแสง จนถึงขนาดที่ 2 หมัดของเขาดูจะกลายเป็น 8 หมัด


ร่างกายของเขาแข็งแกร่งจนน่าทึ่ง


อสูรเกราะเรืองแสงพยายามดิ้นรนสุดชีวิตและเล่นงานชายหนุ่มได้ 2 ครั้ง แต่ก็ไม่อาจทำได้แม้แต่สร้างรอยขีดข่วนบนร่างกายของอีกฝ่าย


ภายใน 10 อึดใจ อสูรเกราะเรืองแสงก็รู้ตัวว่าไม่มีทางชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้ มันกระอักเลือดกองใหญ่ออกมา จากนั้นก็พุ่งออกจากถ้ำและหายวับไปในชั่วพริบตาท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน


“เยี่ยมเลย!”


เห็นเลือดกองใหญ่ที่ถูกทิ้งไว้ จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอกและรีบเก็บเลือดนั้นไว้ในขวดหยก


หลังจากเสร็จสิ้น ก็หันมาประสานมือให้ชายหนุ่ม “ขอบคุณมากที่ช่วยผม”


“ไม่จำเป็นต้องขอบอกขอบใจผมหรอก ในเมื่อผมรับความช่วยเหลือของคุณ ก็ควรทำอะไรตอบแทนบ้าง แค่มอบยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าแบบเดียวกับที่คุณให้ผมเมื่อครู่มาอีก 50 เม็ดก็พอ แล้วเราหายกัน!” ชายหนุ่มพูดขณะโบกมืออย่างวางมาด


“ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า 50 เม็ด?”


แต่ละเม็ดมีราคาถึง 1 เหรียญสวรรค์ และไม่ได้มีขายทั่วไปตามท้องตลาด การที่ชายหนุ่มเรียกร้องยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า 50 เม็ดจากเขาเป็นการแลกเปลี่ยนก็ไม่ต่างอะไรกับการปล้น


ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะละโมบโลภมากขนาดนี้?


“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าเมื่อกี้ผมไม่ช่วยคุณ คุณถูกฆ่าตายไปแล้ว คุณคิดว่าชีวิตของคุณมีค่าเพียงแค่ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า 50 เม็ดหรือไง?” ชายหนุ่มย้อนถาม


“ผมเป็นแค่นักรบธรรมดาสามัญ จะมียาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าอยู่กับตัวจำนวนมากขนาดนั้นได้อย่างไร? เอาอย่างนี้ดีไหม? ผมจะมอบยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าที่ผมมีติดตัวในเวลานี้ทั้ง 10 เม็ดให้คุณหมดเลย…” จางเซวียนเสนอ


“คุณบอกว่าคุณมียาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าแค่ 10 เม็ด? ก็ได้ ขอดูหน่อยก็แล้วกัน!”


ชายหนุ่มโบกมือ จากนั้นก็ใช้พลังงานสวรรค์สกัดกั้นบริเวณโดยรอบไว้ ทำให้จางเซวียนหมดหนทางหลบหนี


“คุณจะทำอะไรน่ะ?” จางเซวียนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ


“ก็ไม่มีอะไรมาก ผมแค่ตอบแทนบุญคุณเท่านั้น ในเมื่อคุณมาที่นี่เพื่อฆ่าผม ผมก็ทำแบบเดียวกันกับคุณ ก็ยุติธรรมดีนี่ ใช่ไหม?” ชายหนุ่มคำราม


“ฆ่าคุณ? คุณหมายความว่าอย่างไร? เมื่อครู่นี้ผมช่วยชีวิตคุณไว้นะ!”


“ช่วยชีวิตผม?” ชายหนุ่มหัวเราะลั่น “คุณบอกเองไม่ใช่หรือว่าคุณมาที่นี่เพื่อตามล่าอสูรเกราะเรืองแสง?”


จางเซวียนพยักหน้า


อ่านนิยาย

ชายหนุ่มคำรามลั่น “ผมนี่แหละคืออสูรเกราะเรืองแสง!”


พริบตาต่อมา ร่างของเขาก็เริ่มเปลี่ยนสภาพ เพียงครู่เดียวก็กลายร่างเป็นอสูรสวรรค์ขนาดมหึมาที่มีเกล็ดทั่วตัว


“คุณคืออสูรเกราะเรืองแสง?” จางเซวียนถึงกับผงะ “คุณเรียนรู้วิธีการแปลงร่างแล้วหรือ?”


เขารู้ว่าอสูรสวรรค์สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ แต่ไม่คิดว่าจะเหนือชั้นถึงขนาดที่ตัวเขาไม่อาจมองทะลุการปลอมตัวของมัน


“ก็ใช่น่ะสิ คุณคิดจะฆ่าผม ผมก็ต้องฆ่าคุณเสียก่อน ยุติธรรมดีแล้วใช่ไหม?” อสูรเกราะเรืองแสงหัวเราะอย่างย่ามใจ


“ผู้ที่เลือกจะออกล่าก็ควรจะรู้ว่าตัวเขาอาจถูกล่าเช่นกัน มันยุติธรรมดีแล้ว” จางเซวียนพยักหน้า “แต่คุณไม่คิดบ้างหรือไงว่าผมจะไม่ระแวดระวังอะไรเลยหรือกับใครคนหนึ่งที่กล้าทำอาหารและนั่งดื่มคนเดียวกลางป่ายามค่ำคืน แถมร่างกายของคุณยังแข็งแกร่งถึงขนาดคว้าดาบระดับเทพเจ้าขั้นกลางได้ด้วยมือเปล่าและไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ…”


“ผมเห็นความแข็งแกร่งและไม้ตายทั้งหมดของคุณแล้ว คุณไม่เหลืออะไรอยู่ในมือแล้วล่ะ!” อสูรเกราะเรืองแสงคำรามเยาะ


เหตุผลที่มันพาจางเซวียนไปต่อสู้กับอสูรสวรรค์อีกตัวหนึ่งก็เพื่อจะดูว่าอีกฝ่ายทรงพลังแค่ไหน เมื่อเห็นแล้วว่าหมอนี่ไม่มีดีอะไรมากกว่าศิลปะเพลงดาบ ก็รู้สึกโล่งใจและตัดสินใจเปิดการโจมตี


“ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมมีพละกำลังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะคุณ แต่โชคร้ายที่เมื่อครู่นี้คุณกินอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะกินเข้าไป” จางเซวียนตอบขณะเหยียดริมฝีปาก


พริบตาต่อมา นัยน์ตาของอสูรเกราะเรืองแสงก็เบิกโพลง เหงื่อเย็นๆเกาะพราวและไหลลงมาตามหน้าผาก ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นเป็นริ้วๆขึ้นจากส่วนท้องของมัน ทำให้ร่างกายใหญ่โตนั้นสั่นสะท้านไม่หยุด


“ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าที่คุณให้ผมมียาพิษปนเปื้อนหรือ?” อสูรเกราะเรืองแสงตัวแข็งเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น


ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ มันกินแค่ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า 1 เม็ดที่จางเซวียนมอบให้ ซึ่งตอนนั้นก็ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรผิดปกติก่อนจะกลืนมันลงไป…อีกฝ่ายใส่อะไรเข้าไปในยานั้นจริงๆหรือ?


แต่…


คลิก

ยาพิษแบบไหนกันที่ทำให้มันรู้สึกราวกับทั้งสรวงสวรรค์กำลังโถมทับเข้าใส่ ถึงขนาดที่อสูรเกราะเรืองแสงอย่างตัวมันก็ตอบโต้ไม่ไหว


“คุณนี่ฉลาดดีนะ” จางเซวียนตอบ


ในฐานะนักรบคนหนึ่งที่ฝ่าฟันจนก้าวขึ้นสู่ความเป็นสุดยอดของทวีปแห่งปรมาจารย์และทวีปที่ถูกลืม เขาผ่านอะไรมามากมายจนกระทั่งใครก็ตามที่บังอาจมองเขาเป็นเด็กชายโง่เง่าไร้เดียงสา สุดท้ายก็ล้วนต้องเสียใจที่ประเมินเขาต่ำไป


มนุษย์คนหนึ่งที่กล้านั่งดื่มกินอย่างเปิดเผยกลางป่าเขายามค่ำคืน สถานการณ์แบบนี้เรียกว่า ‘แสนจะน่าสงสัย’!


ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงเตรียมการไว้ล่วงหน้า


เขาถ่ายทอดกระแสพลังปราณเทียบฟ้าหลายสายไว้ในยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าที่มอบให้ชายหนุ่ม ถ้าอีกฝ่ายไม่แสดงเจตนาร้ายต่อเขา พลังปราณเทียบฟ้าก็จะช่วยขจัดสิ่งอุดตันในทางเดินพลังปราณและทำลายทุกด่านคอขวดที่ขวางทาง อีกทั้งธรรมชาติเฉพาะตัวของพลังปราณเทียบฟ้าที่ได้รับการยกระดับแล้วจะช่วยให้ชายหนุ่มคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้ด้วย ถือเป็นลาภลอยครั้งใหญ่


แต่ถ้าอีกฝ่ายมีเจตนาร้าย พลังปราณเทียบฟ้าจะเปลี่ยนเป็นยาพิษร้ายแรงถึงตายในชั่วพริบตา มันจะออกฤทธิ์กัดกร่อนทุกส่วนในร่างกายของเขา เกิดเป็นความเจ็บปวดที่สุดแสนจะทนทาน


“ฮ่าฮ่า…ฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่นึกเลยว่าผมจะโง่เง่าขนาดนั้น แต่คุณจะฉลองชัยชนะตอนนี้ก็ยังเร็วไปนะ เนื้อละมั่งกับไวน์ที่คุณกินเข้าไปเมื่อครู่นี้น่ะก็ปนเปื้อนยาพิษของผมเหมือนกัน ผมว่าเราคงต้องแลกยาถอนพิษกันแล้วล่ะ” อสูรเกราะเรืองแสงคำรามลอดไรฟัน


“เนื้อกับไวน์ปนเปื้อนยาพิษ?” จางเซวียนส่ายหัว “คุณคิดว่าผมจะเชื่อหรือ?”


เหนือสิ่งอื่นใด จางเซวียนก็เป็นกูรูยาพิษ เขาดูออกอย่างง่ายดายว่าสิ่งไหนมียาพิษเจือปนหรือไม่ เห็นชัดๆว่าอสูรเกราะเรืองแสงกำลังพยายามปั่นหัวเขา


“อันที่จริงน่ะ ไวน์ของผมไม่มียาพิษเจือปนหรอก แต่มันทำจากผลไม้พิเศษชนิดหนึ่งซึ่งเหมาะสมเฉพาะกับพวกเราเหล่าอสูรเกราะเรืองแสงเท่านั้น ถ้าคนอื่นกินเข้าไป แม้ในตอนแรกจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไรมากมาย แต่ภายในครึ่งวัน ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาจะถูกปกคลุมด้วยเกล็ด ความคันคะเยออย่างสุดแสนจะทนทานจะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย คุณคงรู้นะว่าการใช้ชีวิตที่เลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตายน่ะเป็นอย่างไร” อสูรเกราะเรืองแสงพูด


“ขอแค่คุณมอบยาถอนพิษของคุณให้ผม ผมก็จะสอนคุณว่าคุณจะรักษาพิษนั้นได้อย่างไร ไม่เพียงเท่านั้นนะ ผมยังจะปล่อยให้คุณจากไปอย่างปลอดภัยด้วย” อสูรเกราะเรืองแสงพูด


“ไม่ต้อง” จางเซวียนขัดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด


“คุณไม่เชื่อผมหรือ?”


“ไม่นะ ตรงกันข้ามเลยล่ะ ผมเชื่อทุกอย่างที่คุณพูดมา ขอบคุณที่บอก เพราะผมเพิ่งถอนพิษไปเมื่อครู่นี้เอง” จางเซวียนตอบ


อสูรเกราะเรืองแสงตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ มันส่ายหัวและยิ้มออกมา “ผมรู้ว่าคุณกำลังทำอะไร คิดจะเกทับผมใช่ไหม ไม่ได้ผลหรอก”


เห็นอสูรเกราะเรืองแสงยังหลงละเมอ จางเซวียนถอนหายใจเฮือก “ไวน์ของคุณน่ะหมักด้วยผลจื้อเจินซึ่งพบได้เฉพาะในหุบเขาเมฆบัง มันทำหน้าที่บ่มเพาะความแข็งแกร่งให้เกล็ดของคุณ และเพราะเหตุนั้น คุณจึงออกจากหุบเขาแห่งนี้ไม่ได้ คุณก็รู้นี่ว่าประสิทธิภาพการป้องกันตัวที่ไม่มีใครเทียบได้ของคุณจะกลายเป็นแค่เรื่องตลกดีๆนี่เองหากไม่มีผลจื้อเจินให้กิน”


“คุณ…” อสูรเกราะเรืองแสงถึงกับผงะ


หมอนี่เป็นปีศาจหรือเปล่า?


รู้ความลับที่มันเก็บซ่อนมาตลอดได้อย่างไร?


เจ้าเมืองตะวันรอนเคยพยายามทำให้มันยอมจำนนครั้งหนึ่ง ซึ่งข้อเสนอของเขาก็น่าสนใจไม่เบา หากเป็นในอดีต มันคงปฏิเสธไปแล้วโดยไม่ลังเล


แต่ในยุคสมัยที่พลังจิตวิญญาณขาดแคลนแบบนี้ อสูรเกราะเรืองแสงรู้ดีว่านับวันร่างกายของมันก็มีแต่จะอ่อนแอลงเรื่อยๆหากยังปักหลักอยู่ในหุบเขา มองไม่เห็นอนาคตเลยสักนิด


แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอของเจ้าเมือง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะผลจื้อเจิน!


ผลไม้ชนิดนี้คือกุญแจที่นำไปสู่ประสิทธิภาพการป้องกันตัวอันเหนือชั้น ขอแค่มันได้กินผลจื้อเจินอยู่เรื่อยๆ ก็จะแข็งแกร่งกว่าเดิม แต่เมื่อไรก็ตามที่หยุดกิน เกล็ดของมันจะค่อยๆสูญเสียความแข็งแรงทนทานไป ทำให้ประสิทธิภาพการป้องกันตัวลดลงด้วย


ซึ่งการบ่มเพาะผลจื้อเจินก็ทำได้โดยใช้เลือดของมันเท่านั้น ทันทีที่มันออกจากหุบเขาเมฆบัง ผลจื้อเจินจะเหี่ยวแห้งและตายอย่างรวดเร็ว มันจึงต้องพำนักอยู่ที่นี่


นี่คือความลับสุดยอดที่มันตั้งใจจะปกปิดไว้จากทุกคนในโลกใบนี้ จึงพร้อมเล่นงานใครก็ตามที่บุกรุกเข้ามาในหุบเขาเพื่อขับไล่คนเหล่านั้นออกไป


แต่ชายหนุ่มรู้ความลับของมัน!


เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน?


ตอนที่ 2183 อยู่ที่คุณจะตัดสินใจแล้วล่ะ

 


“เหตุผลที่คุณใช้ผลจื้อเจินมากลั่นเป็นไวน์ก็เพื่อปกปิดไม่ให้ใครเห็นคุณกินมันเข้าไปโดยตรง และในเมื่อคุณใช้เลือดของตัวเองบ่มเพาะผลจื้อเจิน นักรบคนไหนก็ตามที่ได้กินมันก็จะพลันรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาทันที แต่พิษในผลจื้อเจินของคุณน่ะไม่มีความหมายกับผมหรอก!” จางเซวียนตอบ


ต่อให้พิษร้ายแรงถึงตายที่มีอานุภาพรุนแรงที่สุดในโลกก็ไม่มีความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังปราณเทียบฟ้า นับประสาอะไรกับไวน์ผลไม้


“เอาล่ะ ผมคิดว่าผมคงบอกเรื่องที่คุณอยากรู้ไปหมดแล้วนะ”


จางเซวียนประสานมือขณะทรุดตัวลงนั่งบนแท่นหินที่อสูรสวรรค์ตัวมหึมาหลับอยู่เมื่อครู่ เขาพูดต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผมมีทางเลือกให้คุณ 2 ข้อ, มอบผลจื้อเจิน 100 ผลกับเลือดสดๆของคุณ 2 ลิตรให้ผม แน่นอนว่าผมไม่ให้คุณทำฟรีๆหรอก ผมจะมอบยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า 20 เม็ดให้คุณ คุณวางใจได้เลยว่าคราวนี้จะไม่มีเม็ดไหนบนเปื้อนยาพิษอีก”


“หรือไม่อย่างนั้น คุณก็จะรู้สึกได้เองว่าพลังชีวิตค่อยๆเหือดแห้งไปเพราะยาพิษที่ตกค้างอยู่ในตัว ผมรับประกันได้เลยว่านอกจากตัวผม ไม่มีใครถอนพิษได้ ต่อให้คุณวิงวอนจอมราชันย์เฉียนคุ่นให้ช่วยเหลือ เขาก็ทำอะไรไม่ได้หรอก”


“เลว! ผมจะฆ่าคุณ!” อสูรเกราะเรืองแสงคำรามกร้าว มันพุ่งเข้าใส่เพื่อจะฉีกชายหนุ่มเป็นชิ้นๆ แต่ยังไม่ทันจะได้เคลื่อนไหว ร่างกายก็แข็งทื่อ


ก่อนที่มันจะรู้ตัว ยาพิษในร่างกายก็สกัดกั้นทางเดินพลังปราณไว้หมด ทำให้มันปล่อยพละกำลังออกมาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว


“นี่…มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร? คุณเอายาพิษชนิดไหนให้ผมกิน?” อสูรเกราะเรืองแสงอุทานด้วยความหวาดกลัว


ในอดีต มีผู้เชี่ยวชาญมากมายที่พยายามจะทำให้มันยอมจำนน ซึ่งบางคนก็ใช้ยาพิษ มันจึงรู้จักมักคุ้นกับยาพิษแทบทุกชนิด ด้วยสภาวะร่างกายที่เหนือชั้นของมัน มันสามารถเจือจางอานุภาพของยาพิษเหล่านั้นได้เกือบหมด


แต่ก็น่าตกใจที่ตอนนี้มันทำอะไรกับยาพิษของชายหนุ่มไม่ได้เลย!


“คุณกำลังถามในสิ่งที่คุณไม่จำเป็นต้องรู้ ผมให้ทางเลือกคุณ 2 ทางแล้วนะ รู้ไว้เสียด้วยว่าผมน่ะให้โอกาสคุณ เพราะเมื่อคุณตายไป ผมก็นำเลือดกับผลจื้อเจินของคุณไปได้โดยไม่ยากเย็นอะไรอยู่ดี!” จางเซวียนตอบ


อสูรเกราะเรืองแสงหน้าตาบึ้งตึง มันเกลียดที่จะต้องยอมรับเรื่องนี้ แต่ชายหนุ่มพูดถูก ทันทีที่มันตาย อีกฝ่ายก็ทำทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ


เกิดความเงียบงันครู่หนึ่งก่อนที่มันจะตั้งคำถาม “มีทางเลือกที่ 3 ไหม?”


“ก็มีนะ”


จางเซวียนลุกขึ้นยืนขณะเอาสองมือไพล่หลัง “ยอมเป็นอสูรของผม มอบเลือดของคุณให้ผมตามแต่ผมจะต้องการ ส่วนข้อแลกเปลี่ยนก็คือผมจะบอกวิธีออกจากหุบเขาเมฆบังให้ ซึ่งวิธีนี้จะไม่เป็นการบั่นทอนประสิทธิภาพการป้องกันตัวที่คุณมีอยู่ ไม่เพียงเท่านั้นนะ ผมจะช่วยคุณให้ฝ่าด่านคอขวดและกลายเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างอีกด้วย!”


“แหม! ดูดีเหลือเกิน แต่เป็นไปไม่ได้หรอก” อสูรเกราะเรืองแสงคำราม


ในฐานะอสูรตัวหนึ่งที่มีความสามารถในการแปลงร่าง มันเล็ดลอดเข้าไปในเมืองใหญ่ๆได้สบาย และด้วยพละกำลังของมัน การหาเงินให้มากพอสำหรับจะใช้ชีวิตอย่างอู้ฟู่หรูหราก็ไม่ใช่เรื่องยาก


แต่อสูรเกราะเรืองแสงก็รู้ดีว่าทุกอย่างจะพังพินาศทันทีหากมันสูญเสียประสิทธิภาพการป้องกันตัวอันไร้เทียมทานไป มันจึงพยายามเสาะหาวิธีมาตลอด ถึงกับลักลอบเข้าไปในเมืองตะวันรอนหลายต่อหลายครั้งเพื่อหวังจะหาวิธีแก้ไข แต่ก็มองไม่เห็นความหวัง


ยากที่จะเชื่อว่าชายหนุ่มอายุ 20 ปีคนหนึ่งจะทำได้


แถมอีกฝ่ายยังบอกว่าจะช่วยให้มันได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างด้วย?


ถ้าการได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างมันง่ายดายแบบนั้น ก็คงไม่มีทางที่ทั่วทั้งเมืองตะวันรอนจะมีแต่ท่านเจ้าเมืองเพียงคนเดียวที่ทำสำเร็จ


“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก” จางเซวียนตอบด้วยแววตาที่เปล่งประกายของความมั่นใจ


เขาเชิดหน้าขึ้นจับจ้องอสูรเกราะเรืองแสงด้วยแววตาล้ำลึกขณะพูดต่อ “ผลจื้อเจินช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันตัวของคุณ แต่คุณควรจะรู้ไว้ด้วยนะว่าผลข้างเคียงของมันน่ะรุนแรง ทันทีที่คุณหยุดกิน ก็จะเกิดความคันคะเยอในระดับที่ไม่อาจทนทานได้ คุณจะทรมานแสนสาหัส มันเหมือนยาเสพติดนั่นแหละ ลงได้เริ่มเมื่อไหร่…ก็ต้องอยู่กับมันไปทั้งชีวิต”


“ต่อให้คุณรู้คุณสมบัติของมัน ก็แล้วจะทำอะไรได้?” อสูรเกราะเรืองแสงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา


แน่นอนว่าตัวมันก็รู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่อาจหาวิธีแก้ไขได้แม้จะผ่านมาเนิ่นนานหลายปีแล้วก็ตาม


หากมันปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากการบีบบังคับของผลจื้อเจินได้ คงทำไปนานแล้ว!

อ่านนิยาย

“ทุกอย่างในโลกล้วนเติมเต็มซึ่งกันและกัน ที่ไหนก็ตามที่งูพิษเลื้อยผ่านไป ก็จะพบยาถอนพิษอยู่ในระยะ 7 ก้าว จะต้องมีบางอย่างที่สามารถทำลายผลข้างเคียงของผลจื้อเจินได้ และกุญแจของการที่คุณจะได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างก็อยู่ที่ ‘บางอย่าง’ นั่นแหละ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทางเดินพลังปราณของคุณสูญเสียความยืดหยุ่นเพราะผลจื้อเจิน ทำให้คุณไม่อาจปลดปล่อยพลังงานสวรรค์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์” จางเซวียนพูด


“คุณรู้ได้…” อสูรเกราะเรืองแสงกำลังจะถามชายหนุ่มว่ารู้ได้อย่างไร แต่เมื่อคิดอีกที คำถามแบบนี้ก็ไร้ประโยชน์ เพราะความลับทุกข้อของมันถูกเปิดเผยหมดแล้ว จึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่และพยักหน้า “คุณพูดถูก”


การกินผลจื้อเจินมาเนิ่นนานหลายปีส่งผลให้ทางเดินพลังปราณของมันสูญเสียความยืดหยุ่น ไม่อาจหดตัวหรือขยายตัวได้อย่างอิสระ ด้วยเหตุนี้ อสูรเกราะเรืองแสงจึงควบคุมการไหลเวียนของพลังปราณได้ยากกว่าเดิม


เพื่อไขว่คว้าหาความสมบูรณ์แบบ ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องยอมสูญเสียบางอย่าง สำหรับอสูรเกราะเรืองแสง สิ่งที่มันเสียไปคือความสามารถในการควบคุมพลังงานสวรรค์


ผลจื้อเจินเพิ่มความแข็งแกร่งให้เกล็ดของมันและทำให้มันเป็นอสูรที่ไม่มีใครทำร้ายได้ แต่สิ่งนั้นก็มาพร้อมกับทางเดินพลังปราณที่แข็งกระด้างขึ้นเรื่อยๆ


“ถ้าคุณควบคุมพลังงานสวรรค์ได้ดีอย่างเมื่อก่อน คิดว่าจะยกระดับวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างได้ไหม?” จางเซวียนถาม


“ได้แน่นอน!” อสูรเกราะเรืองแสงตอบอย่างตื่นเต้น


รากฐานวรยุทธที่มันสั่งสมมาหลายปีแข็งแกร่งเกินพอที่จะทำให้มันฝ่าด่านวรยุทธได้ ปัญหาเดียวก็คือทางเดินพลังปราณที่ขาดความยืดหยุ่นทำให้มันไม่สามารถถ่ายทอดพลังงานสวรรค์ได้รวดเร็วพอจนสามารถก้าวข้ามด่านคอขวด


“ผมแก้ปัญหานั้นให้คุณได้นะ” จางเซวียนตอบอย่างสุขุม


จากนั้น เขาดีดนิ้วเบาๆ


ยาพิษที่สกัดกั้นพลังงานสวรรค์และสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้กับอสูรเกราะเรืองแสงเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำทิพย์ที่ช่วยบ่มเพาะทางเดินพลังปราณของมันในทันที ไม่ช้า ทางเดินพลังปราณที่แข็งกระด้างก็ค่อยๆอ่อนตัว คืนความยืดหยุ่นดังเดิม ในเวลาเดียวกัน สิ่งอุดตันหลายแห่งในร่างกายของมันก็ถูกกำจัดออกไป


“ฮะ…” อสูรเกราะเรืองแสงตาค้างด้วยความไม่อยากเชื่อ


ชายหนุ่มเปลี่ยนยาพิษร้ายแรงในร่างของมันให้กลายเป็นน้ำทิพย์ได้ด้วยการใช้ความคิดเพียงแวบเดียว และมันก็ได้รับสิ่งที่ไม่เคยทำได้มาก่อนแม้จะพยายามมาหลายสิบปี เรื่องนี้แสนจะเหลือเชื่อ!


เมื่อรู้สึกได้ว่าทางเดินพลังปราณกลับมายืดหยุ่นดังเดิม อสูรเกราะเรืองแสงตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น


ทุกอย่างที่มันปรารถนาอยู่ในกำมือของมันแล้ว แค่ขับเคลื่อนพลังงานสวรรค์ ก็จะได้สำเร็จวรยุทธขั้นที่มันใฝ่ฝันมานาน!


แต่ขณะที่กำลังจะทำแบบนั้น การไหลเวียนของพลังงานสวรรค์ในร่างกายก็พลันหยุดนิ่ง


ฟึ่บ!


ทางเดินพลังปราณของมันหยาบกระด้างดังเดิม ด่านคอขวดก็กลับมาอีกครั้ง สิ่งที่อยู่ในกำมือเมื่อครู่นี้ลอยห่างออกไป


มันรู้สึกราวกับว่ามีโลกทั้งใบอยู่ในมือแล้ว แต่พริบตาต่อมา โลกใบนั้นก็ถล่ม สองความรู้สึกที่แสนจะตรงข้ามกันทำให้มันหงุดหงิดและท้อใจจนแทบจะระเบิดตัวเองเสียเดี๋ยวนั้น


เห็นทีท่าของอสูรเกราะเรืองแสง จางเซวียนหัวเราะหึๆ “พลังงานที่ผมถ่ายทอดเข้าไปในร่างกายของคุณน่ะยังอ่อนด้อย มันช่วยคุณได้เพียงระยะสั้นๆเท่านั้น แต่ผมก็พิสูจน์ให้คุณเห็นแล้วว่าผมไม่ได้ให้คำสัญญาลมๆแล้งๆ”


“อยู่ที่คุณจะตัดสินใจแล้วล่ะ”


พลังปราณเทียบฟ้าสามารถคลายความแข็งกระด้างของทางเดินพลังปราณของมันได้ คืนความยืดหยุ่นกลับมาอีกครั้ง แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นเพียงชั่วคราว อีกอย่าง จางเซวียนก็ไม่มีทางปล่อยให้อสูรเกราะเรืองแสงฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จก่อนที่มันจะตัดสินใจเลือกสักทางหนึ่ง

อ่านนิยาย

“ผม…”


อสูรเกราะเรืองแสงเงียบกริบ


ทุกความคลางแคลงใจที่มีต่อคำพูดของชายหนุ่มมลายไปหมดสิ้นเมื่อทางเดินพลังปราณของมันคืนความยืดหยุ่นดังเดิม มันรู้ดีว่าชายหนุ่มสามารถแก้ปัญหาที่เกิดจากการกินผลจื้อเจินมาเนิ่นนานหลายปีและช่วยมันให้กลายเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างได้


เพราะฉะนั้น ก็เห็นกันชัดๆแล้วว่าในบรรดาสามทางเลือก มันควรตัดสินใจเลือกทางไหน


“ผมจะสวามิภักดิ์และมอบชีวิตของผมให้คุณ”


อสูรเกราะเรืองแสงโค้งคำนับและมอบเลือดหยดหนึ่งให้จางเซวียน


“เป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม คุณจะไม่มีวันเสียใจเลย”


จางเซวียนยิ้มออก เขานำเลือดของตัวเองหยดหนึ่งหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณของอสูรเกราะเรืองแสงและถ่ายทอดเข้าสู่หว่างคิ้ว เป็นอันเสร็จสิ้นการทำสัญญาผูกมัดจิตวิญญาณกับมัน


“เอาล่ะ ไปดูบริเวณที่มีผลจื้อเจินกันเถอะ” จางเซวียนพูด


อสูรเกราะเรืองแสงรีบนำทางไป


ทั้งคู่กลับมายังถ้ำที่เคยนั่งดื่มกินกันก่อนหน้านี้ เมื่อเดินลึกเข้าไปในถ้ำ ไม่ช้าก็พบต้นไม้ 2-3 ต้นที่มีความสูงไม่มากนัก


เพดานของถ้ำถูกเจาะรู ทำให้แสงดาวสาดส่องลงมากระทบใบไม้ ผลไม้สีแดงก่ำจำนวนหนึ่งห้อยอยู่บนต้นไม้เหล่านั้น ดูสดและน่าอร่อย


มีค่ายกลถูกติดตั้งไว้รอบๆต้นไม้ ป้องกันไม่ให้ใครก็ตามที่มีวรยุทธต่ำกว่าอสูรเกราะเรืองแสงเข้าใกล้ต้นไม้เหล่านั้นได้ ในถ้ำแห่งนี้ นอกจากต้นไม้ที่มีผลจื้อเจิน ก็ไม่มีอย่างอื่นอีก


จางเซวียนเดินเข้าไปที่ค่ายกลและหยุดการทำงานของมันด้วยการกระทืบเท้า ก่อนจะเดินลึกเข้าไป


เห็นภาพนั้น อสูรเกราะเรืองแสงตัวสั่นด้วยความกลัว


มันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครหยุดการทำงานของค่ายกลได้เพียงแค่การกระทืบเท้า ถึงนายท่านจะอายุยังน้อย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขามีความสามารถเหนือชั้นกว่าคนธรรมดา


จางเซวียนเด็ดผลจื้อเจินออกมาผลหนึ่งเพื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน


มันมีขนาดพอๆกับแอปเปิ้ล และปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณเข้มข้นออกมา เพียงแค่สูดดมกลิ่นของมัน ก็รู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อในร่างกายตื่นตัวเพราะความตื่นเต้น


จางเซวียนใช้เล็บจิกหลังมือของเขา ทำให้เลือดซึมออกมา จากนั้นก็บีบผลจื้อเจินและปล่อยให้น้ำจากการบีบผลจื้อเจินหยดลงบนบาดแผล


ฟึ่บ!


เพียงครู่เดียว บาดแผลนั้นก็หายสนิท


“เป็นอย่างที่คิดไว้เลย” จางเซวียนกระหยิ่มยิ้มย่อง


ผลจื้อเจินไม่ได้มีอานุภาพเพียงแค่เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายเท่านั้น ยังมีคุณสมบัติที่เหนือชั้นในการเยียวยาด้วย


ตอนที่ 2184 อิสรภาพของเรา…

ผลจื้อเจินเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับประสิทธิภาพการป้องกันตัวของคนคนหนึ่งได้ด้วยการทำลายและสร้างกล้ามเนื้อของผู้นั้นขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้นั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อวงจรดังกล่าวดำเนินไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ช้า ประสิทธิภาพการป้องกันตัวของเขาก็จะถึงจุดที่ไม่อาจมีใครทะลุทะลวงได้อีก


ไม่ต่างกับการที่จางเซวียนใช้พลังปราณเทียบฟ้าบ่มเพาะร่างกายของเขา


“นายท่าน คุณพบวิธีรักษาทางเดินพลังปราณที่แข็งกระด้างของผมหรือยัง?” อสูรเกราะเรืองแสงถามด้วยความวิตก


ที่นี่คือรังของมัน มันจึงรู้ดีว่าไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากต้นไม้เหล่านี้ ถ้าที่นี่มีอะไรที่สามารถเยียวยามันได้จริงๆ มันคงหาเจอไปนานแล้ว


“พบแล้ว” จางเซวียนตอบพร้อมกับพยักหน้า


“ถ้างั้น…”


“ผมรู้ว่าคุณกินผลจื้อเจินบ่อยๆ แต่เคยกินแกนของมันบ้างหรือเปล่า?” จางเซวียนตั้งคำถาม


“แกน? มันกินไม่ได้ไม่ใช่หรือ?” อสูรเกราะเรืองแสงชะงัก


เนื้อของผลจื้อเจินทั้งหวานและมีกลิ่นหอม ให้ประโยชน์มากกับร่างกาย แต่ส่วนแกน…มันไม่เคยรู้มาก่อนว่ากินได้!


“ลองดูสิ” จางเซวียนพูดขณะโยนผลจื้อเจินผลหนึ่งให้อสูรเกราะเรืองแสง


อสูรเกราะเรืองแสงแบ่งผลจื้อเจินออกเป็น 2 ซีก เผยให้เห็นแกนกลางที่แห้งและแข็งกระด้าง ทันทีที่โยนแกนเข้าปาก รสขมก็แผ่ซ่านไปทั่วลิ้น


อสูรเกราะเรืองแสงโอดครวญ “รสชาติแย่มาก”


“ผมรู้ว่ามันรสชาติแย่ แต่พยายามซึมซับพลังจิตวิญญาณที่แกนของมันปลดปล่อยออกมาก็แล้วกัน” จางเซวียนพูด


แกนของผลจื้อเจินมีพลังจิตวิญญาณเข้มข้น


อสูรเกราะเรืองแสงพยักหน้า มันหลับตาและถ่ายทอดพลังจิตวิญญาณเข้าสู่ทางเดินพลังปราณ


ฟึ่บ!


ทันทีที่พลังจิตวิญญาณไหลเข้าสู่ร่างกาย ทางเดินพลังปราณของมันที่แข็งกระด้างราวกับหินก็เริ่มอ่อนตัวลง


“เฮ้ย…” อสูรเกราะเรืองแสงตาโต


แม้การกินผลจื้อเจินมาตลอดระยะเวลาหลายปีจะทำให้เกล็ดของมันแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียความยืดหยุ่นของทางเดินพลังปราณ ทำให้มันแทบไม่มีโอกาสฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างได้เลย อสูรเกราะเรืองแสงหมดหวังกับเรื่องนี้ และสุดท้ายก็ยอมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา


ใครจะไปรู้ว่าเรื่องนี้แก้ไขได้ด้วยการกินแกนผลจื้อเจินที่ขมปี๋ ซึ่งมันไม่เคยกินมาก่อน


ถ้ารู้เสียก่อนหน้านี้ จะไม่มีวันยอมรับจางเซวียนเป็นเจ้านายเลย


โธ่ อิสรภาพของเรา…


“เนื้อของผลจื้อเจินทำให้ทางเดินพลังปราณของผู้นั้นกระด้าง ขณะที่แกนของผลจื้อเจินทำให้มันอ่อนตัวลง นี่คือสมดุลที่สวรรค์มอบให้กับโลก” จางเซวียนพยักหน้า


โลกแบ่งออกเป็นหยินกับหยาง กลางวันกับกลางคืน และ 5 ธาตุ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพละกำลังที่ส่งผลกระทบต่อกันและกัน มีอานุภาพควบคุมทุกชีวิตให้ได้รับการเติมเต็ม


ไม่มีสิ่งอื่นใดในโลกจะอยู่เหนือกฎเกณฑ์นี้ได้


แม้แต่ความรู้สึกก็มาเป็นคู่ ความรักมาพร้อมกับความเกลียดชัง ความสุขมาพร้อมกับความทุกข์…มีสิ่งที่อยู่เคียงข้างกันไปในทุกๆอารมณ์


“ผมเข้าใจแล้ว” อสูรเกราะเรืองแสงตอบด้วยสีหน้าที่ออกจะสับสน


มันเดินเข้าไปที่มุมหนึ่งของถ้ำซึ่งมีแกนผลจื้อเจินที่มันกินไปแล้วกองสุมกันอยู่ เดิมที มันตั้งใจจะหาที่เพาะผลจื้อเจินเพื่อจะได้มีผลไม้ให้เด็ดกินมากกว่านี้ แต่ในเมื่อรู้แล้วว่าหัวใจของการแก้ปัญหาคือแกนของมัน อสูรเกราะเรืองแสงจึงรีบกลืนแกนเหล่านั้นลงไปทั้งหมดอย่างไม่ลังเล


แกนของผลจื้อเจินทั้งเหนียวทั้งแข็ง แต่ขากรรไกรอันทรงพลังของอสูรเกราะเรืองแสงก็จัดการได้ ไม่ช้ามันก็กลืนลงไปจนหมด


พลังจิตวิญญาณจากแกนผลจื้อเจินไหลเวียนไปทั่วร่างกายและตรงเข้าบ่มเพาะทางเดินพลังปราณ ความยืดหยุ่นที่มันไม่เคยมีตลอดหลายปีกลับคืนมา ซึ่งความยืดหยุ่นของทางเดินพลังปราณก็ทำให้พลังงานสวรรค์ของมันไหลเวียนได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดรังสีแผดกล้า


“ผมจะช่วยคุณ”


จางเซวียนหัวเราะหึๆ จากนั้นก็รีบนำเข็มเงินหลายสิบเล่มออกมา เขาถ่ายทอดพลังปราณเทียบฟ้าเข้าสู่เข็มพวกนั้นก่อนจะซัดมันเข้าใส่อสูรเกราะเรืองแสง


ฉึก! ฉึก!


เข็มเงินเหล่านั้นพุ่งตรงเข้าปักจุดชีพจรต่างๆของอสูรเกราะเรืองแสง พลังปราณเทียบฟ้าซึมซาบเข้าไปทำลายด่านคอขวดที่ขวางทาง


เมื่อไม่มีอะไรขวาง วรยุทธของอสูรเกราะเรืองแสงก็พุ่งพรวด เตรียมเข้าสู่ระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง


“ไม่เลว!” จางเซวียนออกความเห็น


เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็โยนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าทั้ง 5 ขวดให้อสูรเกราะเรืองแสง


ถึงมันจะมีรากฐานวรยุทธที่มั่นคงแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องการพลังจิตวิญญาณในปริมาณสูงเพื่อฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ในเมื่อหุบเขาเมฆบังขาดแคลนพลังจิตวิญญาณ หากปล่อยไว้โดยไม่ทำอะไร อสูรเกราะเรืองแสงคงต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตกว่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ


จางเซวียนไม่มีเวลาจะเสียมากขนาดนั้น จึงจำเป็นต้องยื่นมือเข้าช่วย


ถึงอย่างไรอสูรเกราะเรืองแสงก็ยอมจำนนให้เขาแล้ว จึงไม่ถือว่าเสียทรัพยากรไปเปล่าๆ


ส่วนอสูรเกราะเรืองแสงก็คิดไม่ถึงว่าเจ้านายจะมอบยาเม็ดให้ทีเดียวมากมายขนาดนั้น มันมองจางเซวียนด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความสำนึกในบุญคุณ จากนั้นก็อ้าปากและกลืนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าทั้ง 50 เม็ดลงไป


พริบตาเดียว มันก็รู้สึกได้ถึงพลังจิตวิญญาณที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย


บึ้มมม! บึ้มมม! บึ้มมม!


เสียงระเบิดกึกก้องเป็นชุดดังขึ้นในร่างกายของมัน เกล็ดสีดำของอสูรเกราะเรืองแสงมีชั้นบางๆเคลือบอยู่เป็นเงา ดูคล้ายกับผิวของหยกสีดำ


รู้ดีว่าอสูรเกราะเรืองแสงเตรียมตัวพร้อมสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธแล้ว จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก


ถ้าหมอนี่ทำสำเร็จเมื่อไหร่ เขาก็จะมีเทพเจ้าสวรรค์สร้างอยู่ข้างกาย ด้วยประสิทธิภาพการป้องกันตัวที่ไม่มีใครเทียบได้ ก็ไม่น่าจะมีคู่ต่อสู้ในวรยุทธระดับเดียวกันคนไหนที่สามารถเอาชนะเขา


หรือพูดอีกอย่างก็คือ จางเซวียนไม่จำเป็นต้องกลัวใครหน้าไหนในเมืองตะวันรอนอีกต่อไป


หลังจากที่อสูรเกราะเรืองแสงสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง จางเซวียนมอบยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าให้มันอีก 2-3 ขวดตลอด 4 ชั่วโมงให้หลัง เพื่อใช้สำหรับการขัดเกลาวรยุทธ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น อสูรเกราะเรืองแสงก็แปรสภาพกลับเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่คุกเข่าอยู่กับพื้น


“นายท่าน ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ!”


ก่อนหน้านี้มันรู้สึกว่าถูกบังคับให้ยอมเป็นอสูรของชายหนุ่ม และนั่นทำให้อึดอัดใจมาก แต่ตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นหายไปหมดแล้ว เหลือไว้แต่ความโล่งอก


“ไม่ต้องมีพิธีรีตองหรอก มอบเลือดส่วนหนึ่งของคุณมาให้ผม ผมจะนำไปใช้บ่มเพาะกายเนื้อ” จางเซวียนพูด


อสูรเกราะเรืองแสงแปลงร่างกลับเป็นอสูรโดยไม่ลังเล ด้วยการตวัดกรงเล็บ เลือดสดๆก็ทะลักออกจากร่างของมัน


จางเซวียนโบกมือ เขาเปลี่ยนเลือดนั้นให้กลายเป็นหมอกสีแดงก่ำก่อนจะซึมซับเข้าสู่ร่างกายผ่านทางรูขุมขน พร้อมกันนั้นก็เด็ดผลจื้อเจินจากต้นมาผลหนึ่ง คั้นเอาน้ำของมันและกลืนลงไป


จางเซวียนค้นพบวิธีบ่มเพาะกายเนื้อของตัวเองในช่วง 4 ชั่วโมงที่อสูรเกราะเรืองแสงใช้ไปเพื่อการฝ่าด่านวรยุทธ


ทันทีที่เลือดของอสูรเกราะเรืองแสงและน้ำจากผลจื้อเจินซึมซาบเข้าสู่ร่างของเขา กล้ามเนื้อของจางเซวียนก็เริ่มเปลี่ยนแปลง


กล้ามเนื้อของเขาฉีกขาดออกจากกันและได้รับการสร้างขึ้นใหม่ เกิดเป็นกระบวนการไม่รู้จบของชีวิตและความตาย กระบวนการนี้สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส แต่แน่นอนว่ามันทำให้กายเนื้อของเขาแน่นและทรงพลังมากขึ้น


“การฝ่าด่านวรยุทธด้วยกายเนื้อต่างกันมากกับการฝ่าด่านวรยุทธของพลังปราณ…”


เห็นเจ้านายของมันกำลังบ่มเพาะกายเนื้อ อสูรเกราะเรืองแสงตัดสินใจอารักขาเขาไว้ในกรณีที่อาจมีบางอย่างผิดพลาด


แม้จะมียาเม็ดที่ทรงพลังสำหรับการเยียวยา แต่หลายอย่างก็อาจผิดพลาดได้ง่ายระหว่างที่นักรบคนหนึ่งทำการบ่มเพาะกายเนื้อ สมดุลอันละเอียดอ่อนจะต้องเกิดขึ้นระหว่างการทำลายล้างและการสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น


ในฐานะผู้ที่ผ่านกระบวนการนี้มาก่อน อสูรเกราะเรืองแสงรู้ดีว่าต้องพบเจอกับความเจ็บปวดแค่ไหนกว่าจะมาถึงวรยุทธระดับนี้ มันต้องฝึกฝนอย่างหนักหลายสิบปีทีเดียวกว่าจะมาถึงจุดที่เป็นอยู่


แต่นายท่านของมันเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำ แม้สวรรค์จะประทานพรให้เขามีสติปัญญาและความปราดเปรื่องเหนือชั้นกว่าใครๆ แต่อย่างน้อยก็คงต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำสำเร็จ


เมื่อเกิดความคิดแบบนั้น อสูรเกราะเรืองแสงมองชายหนุ่ม เห็นอีกฝ่ายเสร็จสิ้นการซึมซับหมอกสีเลือดและน้ำจากผลจื้อเจินแล้ว ศักยภาพขององค์ประกอบทั้งสองทำให้ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ


แต่ในชั่วพริบตา ร่างนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีทอง ก่อนจะกลับสู่สภาพปกติ


ฟู่!


จางเซวียนระบายลมหายใจยาว เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ประกายสีทองปรากฏในดวงตาของเขาแวบหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว


“นายท่าน คุณไม่ฝึกฝนวรยุทธแล้วหรือ?” อสูรเกราะเรืองแสงถามอย่างงุนงง


มันไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงหยุดการฝึกฝนวรยุทธทั้งที่เพิ่งเริ่มไปได้เพียงสิบอึดใจ


“ผมเสร็จสิ้นการฝึกฝนวรยุทธแล้ว” จางเซวียนตอบ


“เสร็จสิ้นการฝึกฝนวรยุทธแล้ว?” อสูรเกราะเรืองแสงกระพริบตาปริบๆ “หมายความว่าอย่างไร?”


พูดได้เลยว่าตัวมันมีความได้เปรียบอย่างเหนือชั้นในเรื่องของกายเนื้อ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะบ่มเพาะกายเนื้อให้แข็งแกร่งอย่างที่เป็นอยู่ แล้วชายหนุ่มหยุดการฝึกฝนวรยุทธหลังจากผ่านไปแค่ไม่กี่อึดใจ นั่นหมายความว่าอย่างไร?


เขาคิดจะล้มเลิกการฝึกฝนวรยุทธหรือ?


แทนที่จะตอบคำถาม จางเซวียนสั่งการด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย “โจมตีผม!”


อสูรเกราะเรืองแสงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “ก็ได้”


มันเงื้อกรงเล็บขึ้นและตะปบจางเซวียน


เพราะเกรงว่าชายหนุ่มจะต้านทานพละกำลังของมันไม่ไหว อสูรเกราะเรืองแสงตัดสินใจใช้พละกำลังเพียงหนึ่งในร้อย


แต่เมื่อกรงเล็บของมันปะทะกับกำปั้นของจางเซวียน มันก็พบว่ากำลังเผชิญหน้ากับพละกำลังที่เหนือความคาดหมาย


พลังนั้นกราดเกรี้ยวราวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ในชั่วพริบตา อสูรเกราะเรืองแสงก็รู้สึกว่ากำลังจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ


มันไม่กล้าเสียเวลาอีก อสูรเกราะเรืองแสงรีบเพิ่มพละกำลังทันที


5%!


10%!


15%!


50%!


เพียงเสี้ยววินาที มันก็เพิ่มพละกำลังของการตะปบกรงเล็บเป็นครึ่งหนึ่งของพละกำลังที่มีอยู่


พลั่ก!


แต่ถึงอย่างนั้น อสูรเกราะเรืองแสงก็ถูกสอยกระเด็นไปอัดกำแพง ทำให้ฝุ่นฟุ้งตลบลงมาจากเพดาน


“นายท่าน…”


อสูรเกราะเรืองแสงมองชายหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อ


ตอนที่ 2185 หรือแค่จะโชว์เหนือ?

มันเพิ่งเห็นพละกำลังเต็มพิกัดของอีกฝ่ายมาหมาดๆ และยอมรับว่าศิลปะเพลงดาบของเขาทรงพลังมาก แต่ตัวเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?


ขนาดมันใช้พละกำลังครึ่งหนึ่งของที่มี ชายหนุ่มก็ยังสอยมันกระเด็นได้


ในแง่ของพละกำลัง นั่นคือการโจมตีที่แม้แต่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำก็ต้านทานได้ยาก!


พูดอีกอย่างก็คือ ในช่วงเวลาเพียงสิบอึดใจ ชายหนุ่มก็ยกระดับพละกำลังของเขาจากเทพเจ้าขั้นต่ำไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำได้สำเร็จ


คุณทรงพลังได้ขนาดนี้ภายในสิบอึดใจเพราะการฝึกฝนวรยุทธ…หรือที่ผ่านมาโกหกผมมาตลอด?


ขณะที่อสูรเกราะเรืองแสงกำลังงงจนทำอะไรไม่ถูก ก็เห็นชายหนุ่มมีสีหน้าหงุดหงิดแทนที่จะปลาบปลื้มยินดีกับการพัฒนาอย่างพรวดพราดของตัวเอง ดูเหมือนเขาไม่พอใจกับผลที่ได้


“เฮ่อ ระดับการเพิ่มวรยุทธของผมช้าลงมาก สติปัญญาเริ่มถดถอยแล้วหรือไง?”


“ช้าลงมาก? สติปัญญาถดถอย?”


อสูรเกราะเรืองแสงแทบปล่อยโฮเมื่อได้ยินคำนั้น


คุณยกระดับพละกำลังจากเทพเจ้าขั้นต่ำไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำได้ในรวดเดียว…พี่ชาย นั่นมัน 3 ขั้นเต็มๆเชียวนะ!


แล้วยังมีหน้ามาบ่นว่าช้า?


ถามจริงเถอะ คุณพูดจริงหรือเปล่า…หรือแค่จะโชว์เหนือ?


จางเซวียนไม่ได้จะคุยโว นั่นคือความรู้สึกจากใจจริงของเขาที่มีต่อการฝ่าด่านวรยุทธของตัวเอง


แม้ในสายตาของอสูรเกราะเรืองแสง จะดูเหมือนเขาฝึกฝนวรยุทธแค่ 10 อึดใจ แต่อันที่จริง เขาใช้เวลาเกือบ 28 ชั่วโมงในมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง


เขาใช้เวลาถึง 1 วันเต็มๆในการฝ่าด่านวรยุทธ!


กระแสกาลเวลาในมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเร็วกว่าในทวีปที่ถูกลืมถึงหมื่นเท่า ขอแค่ถ่ายทอดจิตใต้สำนึกเข้าไปในนั้น ก็จะสามารถเร่งการไหลเวียนของพลังงานสวรรค์ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ ทำให้ฝึกฝนวรยุทธได้เร็วขึ้นมาก ก็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้ของล้ำค่าชิ้นนั้นมีอำนาจและทรงพลัง


มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงนี้เองที่ทำให้จางเซวียนกลายเป็นเทพเจ้าภายในสิบอึดใจเมื่อครั้งที่เผชิญหน้ากับปรมาจารย์ขง และได้ชัยชนะมาอย่างหวุดหวิด


ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาที่ฝึกฝนวรยุทธโดยใช้เคล็ดวิชาร่างนวโลหะ จางเซวียนคิดว่าการยกระดับวรยุทธสักขั้นคงใช้เวลาเพียง 2 ถึง 4 ชั่วโมงเท่านั้น แต่เขากลับต้องใช้เวลาถึง 28 ชั่วโมงในการยกระดับวรยุทธจากเทพเจ้าขั้นต่ำไปเป็นเทพเจ้าขั้นสูง


การพัฒนาวรยุทธอย่างเชื่องช้าแบบนี้ทำให้เขาแทบรับไม่ได้ นับตั้งแต่ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้ามา จางเซวียนไม่เคยอืดอาดยืดยาดเท่านี้มาก่อน


นี่คือการฝึกฝนวรยุทธที่เชื่องช้าที่สุดในชีวิตของเขา และคงจะกลายเป็นจุดด่างพร้อย จางเซวียนได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องตายเพราะความอับอายขายหน้า!


ดูเหมือนเทคนิควรยุทธที่เขาคิดค้นขึ้นเองยังคงอ่อนด้อยในบางด้านเมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาเทียบฟ้า


“ช่างมันเถอะ อย่างน้อยที่สุดเราก็แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก!”


จางเซวียนตัดสินใจไม่กังวลให้มากเกินไปเรื่องการฝ่าด่านวรยุทธที่อืดอาดยืดยาด เขาจ้องมองกำปั้นของตัวเองขณะปลดปล่อยพละกำลังที่ได้มาใหม่ให้พลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกาย


แม้จะยังบ่มเพาะกายเนื้อให้เข้าถึงระดับของเทพเจ้าสวรรค์สร้างไม่ได้ แต่หากเป็นการสู้รบระยะประชิด จางเซวียนก็มั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดเขาก็รับมือกับนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำไหว


โดยเฉพาะประสิทธิภาพการป้องกันตัว หลังจากที่ได้รับการบ่มเพาะจากเลือดของอสูรเกราะเรืองแสงกับผลจื้อเจิน กายเนื้อของเขาก็แข็งแกร่งพอๆกับของล้ำค่าระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ


พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้ต้องเผชิญกับการโจมตีด้วยพละกำลังเต็มพิกัดจากนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูง ก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้อีก


ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงเล่นงานอสูรเกราะเรืองแสงได้ด้วยกำปั้น


นับตั้งแต่มาถึงสรวงสวรรค์ จางเซวียนรู้สึกถูกกดดันเพราะพละกำลังที่ยังอ่อนด้อย เขาเกรงว่าจะไม่อาจปกป้องท่านพ่อท่านแม่กับบรรดาศิษย์สายตรงได้เมื่อยามคับขัน และนั่นทำให้กังวลใจมาก แต่การฝ่าด่านวรยุทธครั้งนี้ทำให้ความหวาดกลัวของเขาลดลงไม่น้อย


โลกนี้มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมาย แต่เขาก็ไม่ใช่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับล่างอีกต่อไป


จากหนังสือจำนวนมากที่เขาได้อ่าน เทพเจ้าสวรรค์สร้างถือเป็นชนชั้นนำในเมืองส่วนใหญ่ ซึ่งพละกำลังระดับนี้คงเพียงพอให้เขามีที่ยืนในสรวงสวรรค์แล้ว


จางเซวียนโบกมือ เขาเก็บผลจื้อเจินไว้ในแหวนเก็บสมบัติก่อนจะออกความเห็น “กลับเมืองตะวันรอนกันเถอะ”


“แต่ประสิทธิภาพการป้องกันตัวของผม…” อสูรเกราะเรืองแสงยังคงไม่มั่นใจ


มันจะสูญเสียโอกาสที่จะได้กินผลจื้อเจินอย่างต่อเนื่องหากออกจากพื้นที่นี้ แล้วถ้าร่างกายอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ…จะเกิดอะไรขึ้น?


“ไม่ต้องห่วง ตอนที่คุณฝ่าด่านวรยุทธเมื่อครู่นี้ ผมแก้ปัญหานั้นให้คุณแล้ว” จางเซวียนตอบ


อานุภาพของผลจื้อเจินนั้นเรียกได้ว่าออกฤทธิ์กึ่งถาวร โดยทันทีที่อสูรเกราะเรืองแสงหยุดกินมัน ประสิทธิภาพการป้องกันตัวก็จะค่อยๆลดลงจนกลับสู่ระดับเดิม


จางเซวียนจึงใช้พลังปราณเทียบฟ้าของเขาเสริมกำลังให้เกล็ดของมัน เปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์จากกึ่งถาวรมาเป็นถาวร ดังนั้น ประสิทธิภาพการป้องกันตัวของอสูรเกราะเรืองแสงจะคงที่ ไม่ลดลงแล้วแม้จะไม่ได้กินผลจื้อเจินอีก


“ขอบคุณนายท่าน!” อสูรเกราะเรืองแสงถอนหายใจอย่างโล่งอก


มันแสนจะยินดีปรีดากับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะนับตั้งแต่ถือกำเนิด การเคลื่อนไหวของมันก็ถูกจำกัดบริเวณให้อยู่เฉพาะในหุบเขาแห่งนี้เพราะผลจื้อเจิน มันดีใจเหลือหลายที่ในที่สุดก็ได้เป็นอิสระจากข้อบังคับและได้ออกสู่โลกภายนอกอันกว้างใหญ่


หลังจากที่ออกจากหุบเขาได้ไม่นาน จางเซวียนก็พบอสูรสวรรค์บินได้ที่เขาซื้อมาจากตลาดค้าอสูรสรวงสวรรค์ ในเวลานี้ อสูรเกราะเรืองแสงกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว ทั้งคู่ขึ้นขี่หลังอสูรสวรรค์บินได้และเดินทางกลับสู่เมืองตะวันรอน


…..


เย่โชวเยี่ยนคือผู้แทนพิเศษของน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อนที่ประจำอยู่ ณ เมืองตะวันรอน


แม้จะมีวรยุทธแค่ระดับเทพเจ้าขั้นสูง แต่ด้วยภูมิหลังของเธอ ต่อให้ท่านเจ้าเมืองอู๋ฟังชิงก็ไม่กล้าฝ่าฝืนหากเธอตัดสินใจทำอะไรลงไป


แต่ก็นั่นแหละ กิจธุระส่วนใหญ่ที่เธอรับหน้าที่ดูแลก็เป็นไปตามนโยบายและกฎเกณฑ์ที่ทางน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อนมอบคำสั่งมา เธอไม่ได้อวดดีถึงขนาดจะล้ำเส้นและเข้าไปก้าวก่ายกิจการภายในของเมืองตะวันรอน


หลังจากทำงานยุ่งมาทั้งวัน เย่โชวเยี่ยนยืดหลังเพื่อคลายความเมื่อยล้าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อสำรวจแก้มข้างขวาของเธอ


มีรอยแผลเป็นสีแดงก่ำเด่นชัดที่ทำให้ดูเหมือนตะขาบตัวหนึ่งกำลังไต่ใบหน้า


ในฐานะผู้ขึ้นชื่อเรื่องความงดงาม เธอภาคภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองเสมอ แต่แผลเป็นรูปร่างเหมือนตะขาบนี้ทำลายความงามของเธอจนหมดสิ้น


“เฮ่ออออ!”


เย่โชวเยี่ยนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา


แผลเป็นนี้มาจากการต่อสู้กับศัตรูครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว บาดแผลนั้นได้รับผลกระทบจากพลังพิเศษที่ศัตรูมี เธอจึงไม่อาจลบรอยแผลเป็นได้ ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน


ยิ่งไปกว่านั้น ความรุนแรงของบาดแผลยังทำให้วรยุทธของเธอยังลดลงจากระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างมาเป็นเทพเจ้าขั้นสูงด้วย สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจออกจากเมืองหลวงเพื่อมารับตำแหน่งผู้แทนพิเศษในเมืองห่างไกล


เย่โชวเยี่ยนรีบแต่งเนื้อแต่งตัวก่อนจะใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้า


เธอเดินออกจากห้อง ชำเลืองมองผู้อาวุโสที่ยืนอารักขาอยู่ด้านนอกและถามว่า “การสืบเสาะเป็นอย่างไรบ้าง?”


ผู้อาวุโสประสานมือ “ผู้แทนเย่ ผมได้รับคำยืนยันว่ามีตลาดมืดอยู่ในเมืองตะวันรอนจริงๆ โดยผู้จัดการตลาดคือฉีหลิงเอ๋อ เธอมาจากตระกูลฉีซึ่งเป็นชนชั้นสูง!”


“ตระกูลฉีคือตระกูลดังที่มีอำนาจแม้แต่ในเมืองหลวง การที่บรรพบุรุษเก่าแก่ของพวกเขา, ฉีเหมิง เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ก็เกินพอที่จะบ่งบอกสถานภาพของพวกเขาแล้ว แต่ทำไมทายาทตระกูลฉีถึงมาเปิดตลาดมืดในดินแดนห่างไกลแบบนี้?” เย่โชวเยี่ยนขมวดคิ้ว


“เธอไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายของน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อน?”


“ผมก็ไม่รู้รายละเอียด แต่คิดว่าน่าจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับโลกเบื้องล่าง…” ผู้อาวุโสนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะออกความคิด


“โลกเบื้องล่าง…” เย่โชวเยี่ยนย่นหน้าผากเป็นร่องลึก “ฝ่าบาทพบจิตวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อไม่นานมานี้ และเขาก็ให้การยกเว้นเป็นกรณีพิเศษโดยอนุญาตให้จิตวิญญาณดวงนั้นเยียวยาตัวเองในทะเลสาบบาดาลที่อยู่ภายในพระราชวัง จากแหล่งข่าว จิตวิญญาณดวงนั้นมีต้นกำเนิดจากโลกเบื้องล่าง เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 20 วันก่อน ขณะที่ฉีหลิงเอ๋อน่าจะอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว”


“มันเป็นอย่างนั้นก็จริง แต่สถานที่ที่ราชันย์พิชิตสวรรค์ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกก็คือเมืองตะวันรอนแห่งนี้ ผมรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของตระกูลฉีน่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรสักอย่าง” ผู้อาวุโสพูด


จอมราชันย์ของน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อน, จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่ย ไม่เคยใส่ใจจริงจังกับการปกครองดูแลอาณาเขตของเขา ได้แต่มอบหมายความรับผิดชอบเรื่องการปกครองให้ราชันย์ผู้ทรงเกียรติที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ทำให้อีกฝ่ายมีอำนาจเหลือล้น


ดังนั้น แม้ในเมืองหลวงจะดูสงบสุขดี แต่ก็มีการแก่งแย่งแข่งขันทางการเมืองอยู่ไม่น้อย


การปรากฏตัวของราชันย์พิชิตสวรรค์คือสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครคาดคิด และนั่นทำให้เกมเปลี่ยนไป


นอกเสียจากเก้าจอมราชันย์ที่อยู่มาเนิ่นนานจนจำความไม่ได้ ก็ไม่มีใครเคยเทียบชั้นกับพวกเขามาก่อน ผู้คนรู้กันทั่วไปว่าไม่มีทางที่ใครสักคนจะกลายเป็นจอมราชันย์ได้ วรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจึงเป็นวรยุทธขั้นสูงสุดที่นักรบทั่วไปจะเอื้อมถึง


แต่ราชันย์พิชิตสวรรค์ได้ทำลายข้อกำหนดเดิมจนหมด และกลายเป็นผู้ที่เทียบเท่ากับจอมราชันย์ แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งกว่า


ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงอยากรู้ว่าราชันย์พิชิตสวรรค์มาจากไหน เพื่อจะได้ค้นพบความลับที่อยู่เบื้องหลังการปรากฏตัวของเขา


ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา การสืบเสาะค้นหาเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไป


นอกจากผลกำไรด้านการเงิน ตลาดมืดยังเป็นสถานที่ที่ข้อมูลข่าวสารมากมายเข้ามาและผ่านไป เป็นดินแดนยุทธศาสตร์ของการสร้างเครือข่ายข้อมูลข่าวสาร


เย่โชวเยี่ยนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “บอกฉีหลิงเอ๋อนะว่าฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะหากเธอใช้ตลาดมืดเป็นแค่ศูนย์รวบรวมข้อมูลข่าวสาร แต่เธอก็ควรจะรู้ไว้ว่าไม่ควรทำอะไรล้ำเส้น หากเกินหน้าเกินตาไปล่ะก็ ไม่ว่าเธอจะเป็นสมาชิกของตระกูลฉีหรือไม่ ฉันก็จะลงโทษเธออย่างเข้มงวดตามกฎหมายของน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อน”


“อีกอย่าง ฉันอยากให้คุณจับตาดูพฤติกรรมของเธอด้วย หากรู้สึกว่ามีอะไรน่าสนใจ รายงานฉันโดยเร็วที่สุด”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)