ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 217-220
บทที่ 217 รายรับ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เนื่องจากต้องนำปลากระโทงสีน้ำเงินไปขาย จึงยังไม่ได้กลับไปยังฟาร์มปลา แต่ตรงไปที่ท่าเรือนครเซนต์จอห์นแทน
ท่าขายปลาที่สำคัญในแถบชายฝั่งของอเมริกาเหนือ มักจะมีบริษัทประมงมืออาชีพเจ้าประจำอยู่ บริษัทประมงพวกนี้ไม่ใช่โรงงานที่รับซื้ออาหารทะเลทั่วๆไป แต่เป็นบริษัทที่ทำหน้าที่รับซื้อปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ ปลาทูน่าครีบเหลือง ปลาแฮลิบัต ปลาทูน่าตาโต ปลาข้างเหลือง ปลากระโทงสีน้ำเงินมหาสมุทรแอตแลนติก ปลามาร์ลินและปลาที่โด่งดังล้ำค่าชนิดอื่นๆ
ถึงแม้ว่าท่าเรือนครเซนต์จอห์นจะเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือ แต่เนื่องจากเหตุผลทางธรรมชาติ จึงทำให้ฟาร์มปลาในฝั่งนี้สามารถตกปลาปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ ปลาทูน่าครีบเหลือง และปลาทูน่าที่มีราคาสูงชนิดอื่นๆได้น้อย ดังนั้นที่นี่จึงมีบริษัทประมงอยู่แค่สามแห่งเท่านั้น
ที่จริงแล้วบริษัทประมงเหล่านี้ก็คือพ่อค้าคนกลางนั่นเอง เมื่อพวกเขารับซื้อปลาขึ้นชื่อที่มีมูลค่าสูงพวกนี้มาแล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็จะรับหน้าที่ขนส่งพวกมันไปที่โตเกียวด้วยการขนส่งทางอากาศ คนญี่ปุ่นถึงจะเป็นกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ที่บริโภคปลาล้ำค่าเหล่านี้
เรือแฟร์เวลขับเข้ามายังท่าเรือ เรือแต่ละลำที่มีขนาดแตกต่างกันก็ลอยตามคลื่นทะเลอยู่ใกล้กับท่าเรือ
ท้องฟ้าเพิ่งจะทอประกายแสง ในช่วงเวลานี้จะมีชาวประมงจำนวนมากที่กำลังเตรียมตัวออกเดินทาง อีกทั้งเรือประมงที่ไปตกปลามาในตอนกลางคืนก็จะกลับเข้าท่ามาในเวลานี้ ดังนั้นในช่วงนี้ของทุกๆวันจึงเป็นเวลาที่ท่าเรือขายปลาคึกคักที่สุด
ขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปบริษัทประมงที่ตั้งอยู่บนท่าเรือ ฉินสือโอวก็ได้ยินเสียงผู้คนที่คอยสอบถามกันมาตลอดทาง เสียงจ้อกแจ้กจอแจ เหมือนกับตลาดเช้าไม่มีผิด
“เฮ้ พิลเซ็น ปลาที่รับมาของวันนี้เป็นยังไงบ้าง? พวกเราตกได้ปลาแมคเคอเรลมาได้หนึ่งล็อต ให้มันพอคุ้มทุน”
“เอ้อ แจ็คสัน ดวงพวกนายไม่แย่เลยนะ น่าตายจริงๆ เมื่อคืนพวกเราคว้าน้ำเหลว เพราะเรือเกือบจะชนโขดหิน! น่าตายจริง! น่าตาย!”
“แอนโทนี่ ตอนนี้พวกนายจะออกทะเลกันไหม? วันนี่คิดว่าจะไปที่ไหนล่ะ? ไปด้วยกันเป็นไง?”
“ช่างมันเถอะ แคร์รีย์ แกไม่ใช่แค่ไอ้ระยำนะแต่แกยังเป็นตัวหายนะอีกด้วย อยู่ให้ห่างฉันหน่อย วันนี้ฉันไม่อยากกลับไปแบบมือเปล่าหรอกนะ”
……
ท่ามกลางเสียงจอแจ ฉินสือโอวกับแฮมเล็ตก็ปรึกษากันอยู่สักครู่ พวกเขาตัดสินใจว่าจะนำปลาตัวนี้ไปขายให้บริษัทประมงที่มีชื่อเสียงดีที่สุดอย่างบริษัทประมงตะขอปลาทองคำ
จุดเด่นของบริษัทนี้คือการตัดสินราคาอย่างยุติธรรม ถึงแม้ว่าจะไม่มีราคาที่ดีกว่าบริษัทอีกสองแห่งที่เหลือ ทว่าขอเพียงแค่ตัดสินคุณภาพของเนื้อปลาได้อย่างเหมาะสมกับระดับความเป็นจริง เท่านั้นก็ดีมากแล้ว
อย่างปลาทูน่า หรือปลากระโทงสีน้ำเงินขนาดใหญ่ เวลาขายจะไม่รวมเป็นราคาเดียว เนื่องจากปริมาณไขมันของปลาพวกนี้ไม่เหมือนกัน ระดับสัดส่วนของตัวก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงต้องทำการชี้วัดคุณภาพของเนื้อปลา แล้วให้ราคาตามแต่ละระดับ
บริเวณท่าเรือของบริษัทประมงเต็มไปด้วยเรือเล็กใหญ่ที่ถูกนำมาจอดไว้ เรือยอชต์อย่างเรือแฟร์เวลนั้นสามารถพบได้น้อยมาก ดังนั้นเมื่อพวกเขาขับเข้ามาชิด ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งโบกมือให้กับพวกเขา บอกเป็นนัยว่าให้พวกเขาขับออกไป
“คุณเศรษฐี ที่นี่มีไว้ขายปลา ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาจอดเรือยอชต์ลำหรูเพื่ออวดสาวนะ!”มีใครบางคนตะโกนพูดกับฉินสือโอวมาจากบนเรือ จากนั้นคนจำนวนไม่น้อยก็หัวเราะเสียงดังออกมา ดูท่าแล้วนิสัยเกลียดคนรวยของคนแคนาดาก็น่าจะรุนแรงอยู่เหมือนกัน
ดูเหมือนว่าการแบ่งขั้วความร่ำรวยในทวีอเมริกาเหนือน่าจะส่งผลร้ายมากกว่า ถึงแม้ว่าถึงแม้ว่ารัฐบาลของทั้งสองประเทศจะเน้นเรื่องความยุติธรรม ความเสมอภาคและการไม่ดูถูกเหยียดหยามอะไรพวกนั้นมาโดยตลอด ทว่าบนความเป็นจริงแล้ว การดูถูกเหยียดหยามของคนรวยที่มีต่อคนจนก็ยังคงรุนแรงมากอยู่ดี นี่จึงทำให้เกิดการขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายขึ้น
ดังนั้น ในเมืองใหญ่ของแคนาดาและอเมริกาจึงมักจะพบเห็นสถานการณ์การแบ่งแยกที่ชัดเจนของเขตที่อยู่อาศัยของคนรวยและสลัมของคนจนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว นั่นก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันโดยตรงจนเกิดการขัดแย้งของทั้งสองฝั่ง อีกทั้งสถานที่จำพวกท่าเรือขายปลา ก็เต็มไปด้วยพวกชาวประมงไร้มารยาทที่ได้รับการศึกษาน้อย เมื่อเห็นว่ามีคนขับเรือยอชต์เข้ามายังถิ่นของตัวเอง ก็ย่อมมีคนพูดจาหยาบคายออกมา
ฉินสือโอวยักไหล่ เขาเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือเพื่อโบกมือให้กับชายวัยกลางคนคนนั้น แล้วพูดกับเขาว่า “เพื่อน พวกเรามาขายปลาน่ะ ปลากระโทงสีน้ำเงิน ปลากระโทงสีน้ำเงินตัวใหญ่หนึ่งตัว พวกนายสนใจไหม?”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ชายวัยกลางคนคนนั้นก็กระโดดขึ้นมา เขาสวมเครื่องแบบสีทอง ข้างบนมีโลโก้และตัวอักษรย่อของบริษัทตะขอปลาทองคำ
ปลากระโทงสีน้ำเงินมหาสมุทรแอตแลนติกที่วินนี่ตกได้เป็นปลาที่มีขนาดใหญ่มากเกินพอ ห้องเคบินของเรือแฟร์เวลก็ใส่แทบจะใส่ไม่ได้ จึงทำได้แค่ตัดหัวของปลาออกก่อน ไม่อย่างนั้นคงต้องตัดเอาส่วนแก้มกับเครื่องในออกถึงจะได้ ปลาตัวหนึ่งนั้นมีมูลค่าไม่น้อยเลย
พอชายวัยกลางคนคนนั้นมองเห็นรูปร่างของปลากระโทงสีน้ำเงิน ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที เขายื่นมือไปชกที่ไหล่ของฉินสือโอวหนึ่งหมัด แล้วพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “โชคดีจังเลยนะ เพื่อน นี่เป็นปลาที่นายตกขึ้นมาได้เหรอ?”
ฉินสือโอวพูดอย่างภูมิใจว่า “ไม่ใช่ นี่เป็นปลาที่แฟนของผมตกขึ้นมาคุณรู้ไหม นี่มันลำบากมากจริงๆนะ ผู้หญิงคนหนึ่งจับปลาที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ไว้ได้ ถ้าไม่มีความสามารถเลยก็คงทำไม่ได้หรอก”
วินนี่อาบน้ำแต่งตัวอย่างง่ายๆแล้วจึงเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ อากาศบนผิวทะเลในตอนเช้าค่อนข้างหนาวเย็น เธอสวมใส่เสื้อแจ็คเกตกันลมของฉินสือโอว ทำให้เธอรู้สึกถึงความเท่ของเขาอยู่นิดๆ ผมยาวสลวยของเธอถูกมัดเป็นทรงหางม้าอยู่ทางด้านหลังศีรษะ ตาใสๆและฟันขาวเป็นประกาย ส่องประกายสว่างสดใสไปรอบด้าน จนทำให้ชาวประมงหยาบคายพวกนั้นถึงกับตะลึงงัน
ต่อมาไม่นาน เสียงผิวปากและเสียงโหวกเหวกโวยวายแปลกๆก็ดังขึ้นมาไม่หยุด
ฉินสือโอวแนะนำชายวัยกลางคนคนนั้นให้รู้จักกับวินนี่ เขาประหลาดใจจนเอาแต่กะพริบตาปริบๆ แล้วพูดขึ้นว่า “นี่มันน่าประหลาดใจเกินไปแล้ว ฉันคิดว่าสุภาพสตรีที่สวยขนาดนี้น่าจะเลือกซื้อกระเป๋าซื้อน้ำหอมอยู่ในช็อป ดิออร์ ชาเนล อะไรพวกนั้นถึงจะถูก ไม่คิดว่าคุณจะตกปลาที่ดุร้ายอย่างนี้ขึ้นมาได้”
ครู่ต่อมาเชือกเส้นหนึ่งก็ถูกโยนข้ามมา ชายวัยกลางคนใช้บ่วงเชือกมัดหางปลาเอาไว้ แล้วแขวนปลาไว้กับตะขออย่างแน่นหนา จากนั้นปลาใหญ่ตัวนี้ก็ถูกลากออกไป
เมื่อปลากระโทงสีน้ำเงินตัวนี้ถูกลากขึ้นมา เสียงผิวปากจากรอบด้านก็น้อยลง และถูกแทนที่ด้วยเสียงของความอึ้งทึ่งกับเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจ
เมื่อปลาถูกยกขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกก็คือการชั่งน้ำหนักปลา จากนั้นก็มีคนเข้ามาตัดเนื้อปลาออกมาดูหนึ่งแผ่น เพื่อส่งไปตรวจสอบ เมื่อชายวัยกลางคนคนนั้นได้รับผลตรวจสอบแล้วก็บอกกับวินนี่ว่า “คุณภาพระดับสามเอ ได้ราคาปอนด์ละ 28 ดอลลาร์ ทั้งหมด 655.8 ปอนด์ ก็เท่ากับ 18362.4 ดอลลาร์ มีข้อสงสัยอะไรไหม?”
ฉินสือโอวส่ายศีรษะ ราคานี้มันแตกต่างกับราคาที่แฮมเล็ตช่วยเขาคำนวณอยู่ตั้งเยอะ ถึงแม้แฮมเล็ตจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ แต่เขาก็เป็นมือโปรด้านการตกปลา การคำนวณราคาปลาใหญ่ของเขาก็มีความน่าเชื่อถืออยู่มาก
แฮมเล็ตจึงรีบอธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่า “นายเรียกร้องอะไรมากไม่ได้หรอกนะ บริษัทประมงพวกนี้ใช้ราคาของโตเกียวมาคำนวณราคาขายให้กับนาย พวกเขายังต้องนำมันไปขายต่ออีกนะ”
ฉินสือโอวก็เข้าใจได้ในทันที แฮมเล็ตอธิบายให้เขาฟังต่อว่า “ถ้าหากนายมีลู่ทาง สามารถเข้าไปร่วมงานประมูลที่โตเกียวได้ ปลาตัวนี้อาจจะประมูลได้ถึงสี่หมื่นเลยทีเดียว”
“ปลาก็มีการประมูลด้วยเหรอครับ?”ฉินสือโอวถามเขาด้วยความประหลาดใจ
แฮมเล็ตยิ้มแล้วตอบกับเขาว่า “แน่นอนสิ การประมูลของธุรกิจประมงก็ยังดุเดือดมากอีกด้วย ฉันจำได้ว่าเมื่อต้นปีนี้ร้านแฟรนไชส์ซูชิคิโยมูนะของญี่ปุ่นทุ่มเงินประมูลกว่าสองล้านดอลลาร์แคนาดาเพื่อประมูลปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือชั้นเยี่ยมขนาดห้าร้อยปอนด์ไปหนึ่งตัว”
เมื่อพนักงานต้อนรับของบริษัทตะขอปลาทองคำได้ยินที่แฮมเล็ตอธิบาย ก็พูดเสริมว่า “แต่ความจริงแล้วมันเป็นไปได้ยากมาก ฉันก็เคยเห็นข่าวของปลาตัวนั้นเหมือนกัน การประเมินคุณภาพของเนื้อมันอยู่ที่ระดับสามเอส ในช่วงสิบปีนี้ที่ทวีปอเมริกาไม่เคยมีปลาที่มีคุณภาพชั้นยอดแบบนั้นเลยปรากฏขึ้นเลย”
ฉินสือโอวตกอยู่ในอาการเหม่อลอย เจ้าน้ำเงินใหญ่กับน้ำเงินเล็กที่เขาเลี้ยงไว้ ไม่รู้ว่าคุณภาพเนื้อของมันอยู่ที่ระดับเท่าไร พวกมันได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนมาแล้วด้วย
แต่ต่อมาเขาก็ส่ายศีรษะอีกครั้ง ยังไงเขาก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง เขาจะไม่ขายเจ้าน้ำเงินเล็กน้ำเงินใหญ่หรอก เอาไว้ทำพ่อพันธุ์ปลาโดยเฉพาะ แล้วค่อยไปหาปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือตัวเมียมาผสมพันธุ์กับพวกมัน เพื่อสร้างฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือเองดีกว่า
ถึงแม้ว่าฉินสือโอวจะไม่พอใจกับราคานี้ แต่นั่นก็ทำให้ชาวประมงที่อยู่รอบๆด้านอิจฉาจนตาร้อนแล้ว
ตอนที่ปลาตัวนี้ถูกยกขึ้นมา มันก็ดึงดูดชาวประมงทั้งหลายให้มามุงดู จากนั้นคนก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ ต่างก็ใช้สายตาที่ร้อนราวกับเปลวไฟจ้องมองไปที่วินนี่ จนวินนี่รู้สึกร้อนๆหนาวๆ ไปทั้งตัว
ต่อมาไม่นานก็มีคนตะโกนขึ้นมาว่า “เฮ้ สาวน้อย เธอตกปลาตัวนี้ได้จากที่ไหน? บอกพิกัดฉันหน่อยได้หรือเปล่า?”
“ให้ตายสิวะไอ้เวรเอ๊ย! ปลาชั้นเยี่ยมขนาดนี้ดันถูกเธอตกขึ้นมาได้ซะอย่างนั้น เธอต้องเป็นพวกผู้หญิงที่ชอบจับคนรวยมือฉมังแน่ๆ!”
“พระเจ้าไม่ยุติธรรม พวกเราต้องฝ่าคลื่นลมออกทะเลทุกวัน แม้กระทั่งค่าน้ำมันก็ยังไม่ได้กลับคืนมาเลย แต่คนพวกนี้แค่ออกไปเที่ยวเล่นในทะเลรอบเดียวก็ตกปลาใหญ่แบบนี้ได้แล้ว!”
เมื่อได้รู้ว่าเนื้อของปลาตัวนี้ถูกประเมินว่าได้คุณภาพระดับสามเอ ครู่ต่อมาบริเวณนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
……………………………………
บทที่ 218 ปลูกสาหร่ายทะเล
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากได้รับเช็คเงินสดจากบริษัทประมงตะขอปลาทองคำแล้ว ฉินสือโอวก็ยื่นทิปจำนวนหนึ่งร้อยดอลลาร์ให้กับชายวัยกลางคนคนนั้น จากนั้นก็เตรียมตัวเดินทางกลับ แต่คราวนี้กลับมีชาวประมงส่วนหนึ่งขับเรือมาขวางทางพวกเขาเอาไว้ คงเพราะอยากจะถามถึงพิกัดของน่านน้ำที่พวกเขาตกปลาตัวนี้มาได้อย่างแน่นอน
ในตอนนี้ทิปที่เขาให้ไปก็เริ่มแผงอิทธิฤทธิ์แล้ว ชายวัยกลางคนที่รับทิปไปตะโกนขึ้นมาว่า “พวกแกรีบหลบทางเดี๋ยวนี้! ไอ้พวกลูกอีตัว ถ้ามีปัญญาก็พากันไปตกจากในทะเลเอาเองสิวะ จะมารบกวนคุณผู้หญิงเขาทำไม? ทำให้ชาวนครเซนต์จอห์นต้องขายขี้หน้าจริงๆ!”
นีลเซ็นก็คันไม้คันมือแล้วเช่นกัน ตอนนี้เขากำลังรอจังหวะอยู่ ขอแค่ให้ฉินสือโอวออกคำสั่ง เขาก็จะไปเก็บกวาดไอ้พวกคนปากสกปรกพวกนั้นทันที
ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องลดตัวลงไปยุ่งกับคนพวกนี้ ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนแอ แต่มันเป็นเรื่องปกติ เมื่อสักครู่เขาได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดว่า ชาวประมงพวกนี้ออกทะเลไปจับปลาทูน่ากับปลากระโทงสีน้ำเงิน รายได้ที่ดีที่สุดต่อวันก็เท่ากับเศษเงินของวินนี่เท่านั้น แค่แปดพันดอลลาร์
ดังนั้น เมื่อเห็นว่าคนที่ตกปลาเป็นงานอดิเรกแบบวินนี่ได้เงินหนึ่งหมื่นแปดพันดอลลาร์ไปอย่างง่ายๆ ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกเสียอาการ
ชาวประมงกับนักล่าปลามือเก่าต่างก็มีความรู้สึกหวงอาณาเขตของตัวเองกันทั้งนั้น พวกเขารู้สึกว่ามหาสมุทรควรจะเป็นแหล่งทรัพยากรของพวกเขาสิถึงจะถูกต้อง
เมื่อเสียงตะโกนของชายวัยกลางคนสิ้นสุดลง ชาวประมงพวกนี้ก็ยังปิดปากเงียบอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังคงไม่ยอมเปิดทางให้กับพวกเขา ฉินสือโอวเดินออกไปแล้วพูดกับพวกเขาว่า “เพื่อน เรือลำนี้ของฉันราคาห้าแสนห้าหมื่นดอลลาร์นะ ถ้าพวกนายเฉี่ยวหรือชนมัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าพวกนายจะต้องชดใช้ค่าเสียหายเท่าไรเหมือนกัน”
คำพูดนี้ได้ผล ลักษณะของเรือแฟร์เวลที่ดูใหม่เอี่ยมราวกับเพิ่งออกมาจากโรงผลิต แถมด้านบนยังถูกตกแต่งอย่างหรูหรา จนชาวประมงพวกนี้ไม่อยากจะให้มันเกิดความเสียหายอะไรขึ้น
จึงได้เปิดทางให้กับพวกเขา ฉินสือโอวบอกให้นีลเซ็นขับเรือออกไป วินนี่ที่ยังรู้สึกหวาดผวาอยู่ก็พูดขึ้นมาว่า “พระเจ้า คนพวกนี้บ้าไปแล้วจริงๆ มันก็แค่ปลาตัวเดียวเองนะ ถ้าไม่มีพวกคุณ ฉันว่าพวกเขาต้องฆ่าฉันแน่ๆ”
แฮมเล็ตพูดขึ้นว่า “ที่จริงพวกเขาก็แค่ขู่ให้เธอกลัวน่ะ ถ้าหากพวกเธอเป็นชาวประมงที่มาแถวนี้บ่อยๆ ก็คงไม่มีอะไรหรอก พวกเขาคงไม่กล้าปากมากขนาดนี้”
เรือยอชต์ออกมาจากท่าเรือที่เป็นที่ตั้งของบริษัทประมง แล้วมาจอดเทียบที่ท่าเรือใหญ่ ฉินสือโอวกับวินนี่ขึ้นมาบนฝั่งเพื่อไปขึ้นเช็คที่ธนาคาร แล้วโอนเข้าบัญชีธนาคารของเธอ
วินนี่ตบบัตรเอทีเอ็มเบา แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มหวานๆว่า “เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ฉันหากินกับทะเลได้แล้ว นี่ก็เท่ากับว่าฉันเป็นชาวประมงคนหนึ่งแล้วใช่ไหมนะ?”
ฉินสือโอวจูบเธอหนึ่งครั้ง แล้วพูดกับเธอว่า “ใช่แล้วล่ะครับ ที่รัก คุณเป็นชาวประมงที่เก่งกาจมาก ไปห้องผมให้ผมช่วยสอนคุณเพิ่มอีกหน่อยดีไหม?”
วินนี่จึงพูดกับเขาอย่างรำคาญใจว่า “อย่าเอาแต่โยงไปถึงเรื่องใต้สะดือได้ไหมคะ ฉันใกล้จะต้องกลับแล้วนะ พาฉันไปเที่ยวเยอะๆดีกว่าไหม พอกลับไปที่บริษัทฉันอาจจะงานยุ่งมากๆก็ได้นะคะ”
ฉินสือโอวรู้สึกน้อยใจอย่างถึงที่สุด ใครกันที่บอกกับเขาว่าถ้าขึ้นฝั่งแล้วจะได้ทำอะไรสนุกๆ? ไหนล่ะคำสัญญา? ไหนล่ะการรักษาคำพูด? ต่อไปจะยังเล่นสนุกด้วยกันได้อีกไหม?
ขึ้นฝั่งครั้งนี้ครั้งนี้พวกเขายังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ วินนี่ใกล้จะกลับโทรอนโตแล้ว ก่อนที่เธอจะเดินทางกลับ พวกเขาทั้งสองคนอยากจะทำอาหารเลี้ยงครอบครัวของชาร์คและซีมอนสเตอร์สักมื้อ ถือซะว่าชดเชยเรื่องเทศกาลผักให้กับวินนี่ด้วย
ถึงแม้ว่าผักในสวนผักของฟาร์มปลาจะมีรสชาติดี ทว่าก็มีของอยู่น้อยเกินไป อีกทั้งผักของตลาดในเมืองก็ยังไม่ค่อยอ่อนนุ่มอีกต่างหาก วินนี่กับฉินสือโอวจึงมาที่นครเซนต์จอห์นเพื่อซื้อผักติดไปด้วย
ทั้งสองคนตรงไปที่ตลาดขายผักที่ใหญ่ที่สุดในนครเซนต์จอห์น ตลาดแห่งนี้มีชื่อว่าเมมโมเรียลซูเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากตลาดแห่งนี้อยู่ใกล้กับอนุสาวรีย์ยุทธนาวีของนครเซนต์จอห์นจึงทำให้ได้ชื่อนี้มา ตลาดแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวาง คุณภาพของผักก็ดีที่สุด
เมื่อเข้ามาในตลาดขายผักแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่และความหลากหลาย ผักสีสันสวยสดหลากหลายมีมากมายจนนับไม่ถ้วน กลิ่นหอมสดชื่นทุกแบบก็ผสมเข้าด้วยกัน ทำให้คนที่ชินกับกลิ่นคาวปลาแบบเขารู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมา
วินนี่ไปเลือกพริกหยวกมาก่อนสองถุง ผักพวกนี้มีทั้งสีน้ำเงิน สีเหลืองแล้วก็สีขาว ฉินสือโอวไม่ค่อยกล้าทานเท่าไรนัก ใครจะรู้ว่าของพวกนี้เป็นสินค้าที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมมาแล้วหรือเปล่า? สหรัฐอเมริกาส่งออกสินค้าดัดแปลงพันธุกรรมมาอย่างต่อเนื่อง คนในประเทศของพวกเขาไม่ทานสิ่งนี้ คนแคนาดาก็ยิ่งไม่กล้าทาน
ราคาของพริกหยวกไม่ได้ต่ำเลย พริกหยวกขนาดเท่ากับกำปั้นของผู้ใหญ่หนึ่งลูกมีราคาเท่ากับ 1.42 ดอลลาร์ วินนี่ซื้อมาสองถุงทั้งหมดก็ 10 ลูก รวมราคาแล้วก็เกือบๆสิบห้าดอลลาร์
หลังจากนั้นก็ซื้อกระเทียมต้นมาอีกหนึ่งมัด ชื่อของผักชนิดนี้ทำเอาฉินสือโอวรู้สึกปวดไข่ขึ้นมา แถมรสชาติของมันก็ทำให้เขาปวดไข่เช่นกัน ผักชนิดนี้เป็นพืชที่อยู่ระหว่างหน่อต้นกระเทียมกับต้นหอมใหญ่ ไม่รู้ว่าเป็นต้นหอมใหญ่กับกุ้ยช่ายของจีนที่พอมาอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือแล้วจึงเกิดรวมร่างกันขึ้นมาหรือเปล่า
หน่อกระเทียมและผักประเภทเดียวกันกับกุ้ยช่ายหาซื้อไม่ได้จากในตลาดของแคนาดา ดังนั้นเวลาร้านอาหารจีนจะทำหมูสองไฟเอย กุ้ยช่ายผัดไข่เอย ก็จะใช้ผักชนิดนี้แทน
ผักในตลาดขายผักพวกนี้ล้วนแล้วแต่สดใหม่กันทั้งนั้น วินนี่ซื้อผักมาแล้วสองรถเข็น เต็มไปด้วยผักจำพวก กะหล่ำดาว หน่อไม้ฝรั่ง อาร์ทิโชก ใบโหระพาไทย กระเทียมผง พาสลีย์ สวิสชาร์ท ผักขึ้นฉ่ายแดง ที่ถูกวางไว้อย่างแน่นขนัด
สุดท้ายแล้วจึงนำไปคิดเงิน ผักทั้งสองรถเข็นนี้มีราคาถึงสองร้อยดอลลาร์กว่าๆ แปลงเป็นเงินจีนก็เท่ากับหนึ่งพันหยวน
ฉินสือโอวส่ายหัวไม่หยุด ผักราคาหนึ่งพันหยวนเนี่ยนะ พ่อกับแม่ที่บ้านของเขาไปซื้อผักจากตลาดมาขาย หนึ่งสัปดาห์ยังขายได้ไม่ถึงหนึ่งพันหยวนเลยด้วยซ้ำ
การเดินทางกลับก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย ตอนนี้ท่าเรือของฟาร์มปลาสร้างเสร็จแล้ว สามารถขับเรือไปที่ฟาร์มปลาได้โดยตรง โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถในเมืองแล้ว
คราวนี้ฟาร์มปลาถึงได้มีสภาพเหมือนฟาร์มปลาเสียที เรือฮาวิซทจอดไว้ด้านหน้าสุด สีที่ถูกทาเอาไว้ด้านบนแวววาวเป็นประกาย เรือลำใหญ่มหึมาทรงอานุภาพ ฉินสือโอวคิดว่าถ้าขับเรือลำนี้ไปจับปลา คงจะมีความสุขน่าดู
จากเวลาเที่ยงวัน พวกเขาก็เริ่มเตรียมอาหารของมื้อเย็นแล้ว
ครั้งที่แล้วที่ทำอาหารเย็น ฉินสือโอวเห็นว่าวินนี่ไม่ได้เข้ามายุ่งกับการทำอาหารเลยแม่แต่นิดเดียว จึงคิดว่าครั้งนี้เขาคงต้องเป็นคนทำอาหารเอง
แต่ปรากฏว่าเมื่อได้ผักพวกนี้มา เธอกลับแยกผักพวกนี้ออกได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งยังบอกกับเขาว่าแบบนี้จะต้องจัดการยังไงแบบนั้นต้องจัดเตรียมอย่างไร เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่คนไร้ฝีมือ
ใบหน้าของฉินสือโอวเต็มไปด้วยความสับสนงงงวย “ผักที่คุณปลูก ฉันไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อนเลย แต่กับผักพวกนี้ฉันเคยใช้มันทำอาหารมาหมดแล้ว แน่นอนว่าต้องทำเป็นอยู่แล้ว”
แบบนี้จึงสามารถแบ่งงานกันได้ง่ายหน่อย ฉินสือโอวทำอาหารจีนต่อไป ส่วนวินนี่จะเป็นคนทำอาหารตะวันตกเอง
ใบโหระพาไทยนำมาใช้สำหรับทำซอสสปาเกตตี นำใบโหระพาสดและเมล็ดสนมาบดให้ละเอียด จากนั้นจึงใส่น้ำมันมะกอกลงไป เช่นนี้ก็จะได้ซอสใบโหระพาแล้ว
จากนั้นก็นำเบคอนไปผัดกับกระเทียมให้หอม แล้วเติมเส้นสปาเกตตีที่ต้มสุกแล้วกับซอสใบโหระพาลงไป ตามด้วยพริกไทยดำและโรสแมรี ผัดให้เข้ากันก็เป็นอันเสร็จสิ้น
วินนี่แบ่งโคลราบิออกเป็นสองส่วน โคลราบิส่วนหนึ่งนำไปลวกกับน้ำ น้ำมันและเกลือ เพื่อกำจัดรสขมจากนั้นก็นำไปหั่น แล้วจึงนำไปผัดกับน้ำมันเบคอน โคลราบิอีกส่วนก็นำไปหั่น แล้วก็นำไปหมักกับน้ำเชื่อม ทิ้งไว้สักพัก จากนั้นจึงนำไปผสมกับสลัดผัก
หลังจากหั่นผักสวิสชาร์ทแล้วก็นำไปผัดอย่างง่ายๆ ผัดลำต้นจนนิ่มลงเล็กน้อยจากนั้นจึงใส่ใบและเกลือลงไปผัดให้ทั่วกัน หลังจากนั้นก็นำออกจากกระทะทานคู่กับเบคอนและไส้กรอกชิ้นเล็ก ผักชนิดนี้ค่อนข้างสดชื่น ทานคู่กับเนื้อจำพวกเบคอนจะช่วยขจัดความมันเลี่ยนไปได้
และยังมีผักที่คล้ายกับแครอตสีขาวอยู่อีกหนึ่งอย่าง มันมีชื่อว่าพาร์สนิป ผักอันนั้นทำให้หวานหน่อย วิธีทำอย่างง่ายก็คือปอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็นเส้นจากนั้นจึงนำเข้าเตาอบ ไม่ต้องใช้น้ำผึ้งหรือน้ำตาลก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับมันหวานอบได้
แต่วินนี่ทาเมเปิลไซรัปและเนยถั่วลงไปตรงด้านนอก เมื่อเอาไปอบเนยถั่วก็จะแห้งแล้วกลายเป็นเปลือกแข็งๆ ทว่าพาร์สนิปที่อยู่ด้านในจะถูกอบจนนุ่ม เวลาทานจะให้เนื้อสัมผัสแบบกรอบนอกนุ่มใน รสชาติทั้งหอมและหวาน ฉินสือโอวได้ชิมหนึ่งชิ้นก็หยุดทานไม่ได้แล้ว
กลิ่นหอมของอาหารดึงดูดพวกสัตว์เลี้ยงตัวน้อย เสี่ยวหมิงได้เปรียบที่สุด วินนี่แขวนถุงเล็กๆไว้ที่คอของมัน ใส่เมล็ดสนและถั่วลิสงเอาไว้ข้างใน จากนั้นมันก็วิ่งออกไปหาครอบครัวกระรอกดินอย่างมีความสุข
ฉงต้ากอดขาของฉินสือโอวเอาไว้เพื่ออ้อนขอพาร์สนิปอบ สาเหตุก็มาจากฉินสือโอวหาเรื่องใส่ตัวด้วยการบิดพาร์สนิปอบใส่ปากมันหนึ่งชิ้น จากนั้นมันก็ยิ่งกินไม่หยุด เดินส่ายก้นซ้ายทีขวาที อยากได้ของกินไปเรื่อย
วินนี่พูดว่ามันอ้วนเกินไปไม่ควรให้อาหารมันอย่างไร้การควบคุมแล้ว ฉินสือโอวก็เลยไม่สนใจมันอีก ปรากฏว่าฉงต้าก็ลงไปนอนกับพื้นแล้วส่งเสียงร้องครวญครางออกมาทันที……
หู่จือและเป้าจือจ้องมองมาอย่างไม่วางตา จากนั้นก็ไม่ลังเลที่จะนอนลงที่พื้นแล้วลากเสียงในลำคอส่งเสียงร้องครวญครางออกมาเช่นกัน…
……………………………………………………..
บทที่ 219 ปลูกสาหร่ายทะเล (2)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองที่มีแต่พืชผักล้วนๆ ไม่มีอาหารทะเล ทุกอย่างเป็นอาหารตะวันตกและอาหารจีน ฉินสือโอวและวินนี่ต่างแสดงฝีมือ ทำเอาครอบครัวของชาร์คและซีมอนสเตอร์ต่างชมไม่หยุดปาก
ผ่านไปอีกสองวัน ปลายเดือนกรกฎาคม วินนี่จะกลับไปที่โทรอนโตแล้ว ฉินสือโอวไปส่งเธอที่สนามบิน สองคนทั้งกอดและจูบกันอย่างดูดดื่มที่สนามบิน จนคนเดินทางที่รออยู่ในห้องโดยสารต่างมองเพลิน
พอฉินสือโอวกลับไปที่ฟาร์มปลา เตรียมที่จะปลูกสาหร่ายทะเลพอดี บริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเลส่งคนงานมาปลูกพืช เขาไม่ต้องทำเอง เพียงแค่เซ็นชื่อบนเช็คก็พอ
เมื่อคนงานมาถึงฟาร์มปลา ก่อนอื่นเลยต้องติดตั้งแผงแพเพาะเลี้ยง ซึ่งแบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ คือแผงเดี่ยวใหญ่แบบราวเดียวและแผงคู่ใหญ่แบบราวคู่ตามที่คนทั่วไปเรียกกัน ราวแขวนไม้ทั้งสองแบบมีทั้งข้อดีข้อเสีย ฉินสือโอวใช้ทั้งสองแบบ สลับกันใช้แผงแบบราวเดียวและแบบราวคู่
คนงานเพาะเลี้ยงติดตั้งทุ่นลอยที่ทำจากวัสดุโพลีเอทิลีนโฟมบนพื้นผิวน้ำทะเล จากการลอยตัวของทุ่นลอยทำให้สายโยงใยสลับกันไปมาทั้งแนวตั้งและแนวนอนในน้ำทะเล หลังจากนั้นตั้งแผงแพลงไปก็เรียบร้อย วัสดุส่วนมากที่ใช้ก็จะเป็นเชือกจากเส้นใยพืชและเส้นใยสังเคราะห์
พอติดตั้งโซนแผงเพาะเลี้ยงเสร็จ ก็สามารถแขวนต้นอ่อนสาหร่ายบนแผงได้
ด้วยวิธีนี้ แผงหนึ่งก็จะมีขนาด 40-50 เมตร โดยทั่วไป 30-40 แผงจะถือเป็นหนึ่งโซน ซึ่งระยะห่างในแต่ละโซนจะอยู่ประมาณ 40 เมตร และระยะห่างในแต่ละแผงจะอยู่ที่ประมาณ 8 เมตร
ใช้เวลาไปหนึ่งวันในการแบ่งแผงโซน ในวันที่สองจะมีเรือบรรทุกสินค้ามาส่งต้นอ่อนสาหร่าย คนงานปลูกพืชจะพายเรือเล็กออกไปที่แผงแพเพื่อแขวนต้นอ่อนสาหร่าย ต้นอ่อนสาหร่ายสีเขียวนุ่ม รอพวกมันดูดซึมแสงแดดและสารอาหารในทะเล ภายหลังก็จะเจริญเติบโตเป็นสาหร่ายที่มีขนาดใหญ่
หลังจากแขวนต้นอ่อนเสร็จ สิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือให้ปุ๋ย นี่คือเหตุผลที่คำว่า ‘การเพาะเลี้ยง’ ถึงถูกใช้ในการเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลนอกชายฝั่งจริง เหมือนกับการปลูกพืชในสวน อยากให้สาหร่ายโตไว ก็ต้องให้ปุ๋ย โดยเฉพาะฟาร์มปลาในรัฐนิวฟันด์แลนด์ที่มีปริมาณไนโตรเจนอยู่น้อย
การให้ปุ๋ยในน้ำก็มีปัญหาอยู่ ซึ่งก็คือสาหร่ายทะเลจะดูดซึมได้น้อย ทิ้งเสียไปมาก ประสิทธิภาพของการให้ปุ๋ยก็จะต่ำ
ตามลักษณะพิเศษนี้ บริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเลได้แนะนำกับฉินสือโอวให้ใช้ปุ๋ยถุงแบบแขวน คือนำถุงกระดาษที่ย่อยสลายได้ที่กรองได้ค่อนข้างดีแขวนเว้นระยะประมาณหนึ่งบนแผงแพ แล้วใส่ปุ๋ยที่ละลายยากไว้ด้านใน
ตามการกระเพื่อมของกระแสน้ำ ปุ๋ยที่อยู่ในถุงกระดาษก็จะค่อยๆละลาย เพราะถ้าหากละลายเร็วเกิน สาหร่ายทะเลก็จะดูดซึมไม่ทัน ก็จะเปลืองปุ๋ยเสียเปล่า ซึ่งถ้าใช้วิธีนี้ ก็จะสามารถเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์ของสาหร่ายทะเลจากปุ๋ยได้มากขึ้นกว่าเดิมมาก
พอแขวนถุงปุ๋ยเสร็จ งานชุดแรกก็ตระเตรียมไปได้เยอะทีเดียว ขอเพียงแค่ผ่านไประยะเวลาหนึ่งแล้วแตกต้นอ่อนก็โอเคแล้ว บริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเลรับผิดชอบดูแลทุกอย่าง ฉินสือโอวไม่ต้องทำงานอะไรของตัวเองทั้งนั้น
นี่ก็คือข้อดีของคนรวยในแถบอเมริกาเหนือ เลือกโครงการที่ทำ เงินก็สามารถงอกเงยเป็นเงินได้ต่อ แต่ละงานก็มีคนทำ ตราบใดที่คุณยินดีที่จะลงเงิน ก็จะมีคนหารายได้เพื่อคุณ
ยกตัวอย่างการปลูกสาหร่ายทะเล ฉินสือโอวต้องทำอะไรบ้าง? จัดที่เพาะเลี้ยงให้ เลือกชนิดสาหร่ายทะเล เซ็นเช็ค หาลูกค้า ที่เขาต้องทำก็คือพวกนี้ หลังจากนั้นตั้งแต่เพาะเลี้ยงไปจนถึงแปรรูปสาหร่าย และงานอื่นๆมีคนช่วยเขาทำทั้งหมด
ปลูกสาหร่ายทะเลเสร็จ ฉินสือโอวจะหาเวลาเตรียมสอบใบขับขี่ มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถขับรถได้ตราบใดที่ยังอยู่ที่เกาะแฟร์เวลนี้ ช่างรำคาญใจเสียจริง!
ในแคนาดา การจัดเวลาในการสอบข้อเขียนใบขับขี่ สามารถตัดสินใจได้เอง ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่หรือเมืองเล็กทุกที่ต่างมีศูนย์ทดสอบ น่าเสียดายที่เมืองแฟร์เวลมีคนน้อย จึงยังไม่มีศูนย์ทดสอบ ฉินสือโอวทำได้แค่ไปที่เมืองเซนต์จอห์น
เมื่อก่อนเขาเคยสมัครโรงเรียนสอนขับรถไปแล้ว มีชื่อว่า โรงเรียนเอเชียตะวันออก เอ็กซ์เพรส ตอนนั้นที่ฉินสือโอวถูกใจเพราะโรงเรียนนี้บอกว่าคุณครูของพวกเขาย้ายมาจากทางเอเชียตะวันออก สื่อสารสะดวก อีกทั้งบอกว่าหลังจากนี้ถ้าซื้อประกัน พวกเขามีวิธีในการลดราคาประกันด้วย
ในวันที่ 25 กรกฎาคม ฉินสือโอวออกเดินทางไปเมืองเซนต์จอห์น พอมาตรงถนนก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงเรียนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอ็กซ์เพรสเลย
ตอนนั้นที่คนขับรถแท็กซี่ได้ยินว่าเขาจะไปโรงเรียนสอนขับรถนี้ แววตาแปลกๆ แต่ฉินสือโอวตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไร รีบไปที่นั่นด้วยความตื่นเต้น
พอถึงเขาก็ตะลึงงัน โรงเรียนสอนขับรถที่พูดนั้นเนื้อที่ก็ไม่น้อย ล้อมรอบด้วยที่โล่งๆ ข้างในมีรถและบ้านที่ทำจากสังกะสีหลากสีสันกระจายตัวอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะประตูทางเข้าเขียนอย่างชัดเจนว่า ‘โรงเรียนเอเชียตะวันออก เอ็กซ์เพรส’ เขายังนึกว่าเขามาที่เขตก่อสร้างด้วยซ้ำ
ป้ายหน้าประตูของโรงเรียนเอเชียตะวันออก เอ็กซ์เพรสก็ทำได้มีสีสันมาก ทั้งหมดมี 8 ภาษา มีภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ภาษาไทย ภาษาอินโดนีเซีย เป็นต้น มีทุกภาษา
ย้อนกลับไปคิดถึงสีหน้าแปลกๆของคนขับรถนั่นตลอดทาง ฉินสือโอวในที่สุดก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล จึงรีบโทรหาเออร์บัก ให้เขาช่วยเช็กว่า ‘โรงเรียนเอเชียตะวันออก เอ็กซ์เพรส’ ที่ว่านี้เป็นยังไงกันแน่
พอโทรเสร็จ ก็มีคนเดินออกมาจากห้องต้อนรับลูกค้า ถามด้วยความกระตือรือร้นว่า “มาสมัครสอบใบขับขี่ใช่ไหมครับ คุณผู้ชาย?”
ฉินสือโอวอธิบายว่า “ไม่ครับ ผมสมัครไว้แล้ว ตอนนั้นสมัครผ่านทางโทรศัพท์ เงินก็โอนให้เรียบร้อยแล้วครับ”
หลังจากฟังคำเขาบอก คนคนนั้นก็พยักหน้าอย่างผิดหวัง แล้วหันหลังเดินกลับไปที่ห้องต้อนรับ
ฉินสือโอวเห็นแบบนี้ก็ไม่ได้การ จึงรีบตามไปถาม “เมื่อวานผมโทรนัดทางโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว วันนี้มาสอบ G1 สอบถามหน่อยครับว่าไปทางไหน”
การสอบ G1 ก็คือการสอบข้อเขียน การสอบใบขับขี่ที่แคนาดาแบ่งเป็นสามขั้นตอน คือ G1 การสอบข้อเขียน G2 การสอบปฏิบัติบนท้องถนน G3 การสอบปฏิบัติบนทางด่วน
อย่างฉินสือโอวที่มีใบขับขี่ในประเทศจีนอยู่แล้วสามารถไปสอบข้อเขียน G1 ได้โดยตรง วิธีการทดสอบคือการสุ่มเลือกคำถามสัญลักษณ์ป้ายจราจร 20 คำถามและคำถามทั่วไปเกี่ยวกับการขับขี่บนถนน 20 คำถามจากคลังข้อสอบ 1,000 ข้อ รวม 40 คำถาม ขอแค่คะแนนเฉลี่ยการตอบผิดน้อยกว่า 10% ก็จะถือว่าสอบผ่าน
คนคนนั้นมีใบหน้าเป็นชาวเอเชีย แต่ผิวค่อนข้างคล้ำ ดูๆ แล้วเหมือนคนอินโดนีเซีย เดิมทีฉินสือโอวก็ไม่มีความทรงจำที่ดีกับลิงที่อินโดนีเซียอยู่แล้ว แล้วเจ้าหนุ่มคนนี้ก็ดูไม่ค่อยจะใส่ใจ นิ้วชี้ไปเรื่อยๆ แล้วก็เดินเข้าห้องต้อนรับไป ทำให้ฉินสือโอวโกรธมาก
ฉินสือโอวเปิดประตูห้องต้อนรับ แล้วถามว่า “ขอโทษนะครับ คุณคือพนักงานที่นี่ใช่ไหม ผมอยากจะทราบว่าไปสถานที่ที่สอบ G1 อย่างไร รบกวนคุณช่วยบอกทางหน่อยครับ”
ชายคนนั้นมองบนแล้วพูดว่า “คุณจะไปสอบ แล้วยืนทำอะไรหน้าประตู? เข้าไปข้างในถามคนก็ได้ละ ผมจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคุณสอบที่ไหน?”
ติดกับคนอินโดนีเซียคนนี้ ในห้องต้อนรับมีทั้งหมดสี่คน ล้วนเป็นวัยกลางคนที่มีสายตาเย็นชา สามคนที่เหลือห้อมล้อมคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องเล่นเกมอยู่ พอคนอินโดนีเซียตะโกนหน่อย ทั้งสามหันมาทางฉินสือโอวด้วยสีหน้าไม่ยินดีพร้อมกัน
ฉินสือโอวด่าในใจ หมาจริงๆเลย ถ้าเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าตัวเองดวงซวยมาเจอโรงเรียนสอนขับรถไม่ดีอย่างนี้ เขาก็คงสมองพิการไปแล้ว
ตอนแรกที่เพิ่งมาถึงที่ประเทศแคนาดา เออร์บักเคยบอกเขาว่า ที่นี่มีประเภทบริษัท คนกลางที่ทำผิดกฎหมายอยู่เยอะ เอาแต่เงินแล้วไม่ดำเนินเรื่องให้ ให้เขาระมัดระวังเวลาหาที่แบบนี้ ตรวจสอบก่อนแล้วค่อยจ่ายเงิน จะได้ไม่โดนหลอก
ตอนที่สมัครสอบที่โรงเรียนนี้ เขาตัดสินใจเลือกหลังจากที่โพสต์ถามลงในกระทู้กลุ่มคนจีนบนอินเทอร์เน็ตแล้ว ตอนนั้นมีคนไม่น้อยที่แนะนำโรงเรียนนี้ให้เขา ตอนนี้มาคิดคิดดู คนพวกนั้นที่แนะนำต้องเป็นพวกที่ถูกจ้างมา แต่ที่น่าขำก็คือเขาก็ยังโง่จ่ายเงินไป
ฉินสือโอวยิ้มไม่ได้รู้สึกจริงจังอะไรเมื่อเห็นทั้งสี่คนตั้งท่าเหมือนพร้อมจะหาเรื่องถ้าไม่มาดีด้วย เขาปิดประตูแล้วก็เดินเข้าไปในโรงเรียน เขาไม่เชื่อว่าเขาจะซวยอีก
ด้านในโรงเรียน มีรถจอดอยู่มากมาย แต่ไม่ใช่รถป้ายทะเบียนขาวที่กระทรวงคมนาคมของประเทศแคนาดากำหนดไว้ให้เฉพาะกับโรงเรียนสอนขับรถ มีรถเก่าบางคันไม่มีป้ายทะเบียน ฉินสือโอวเห็นในรถมีคนเรียนขับรถอยู่จริง ดูเหมือนว่าโรงเรียนนี้ถึงจะไม่ได้ปกติ แต่ก็ไม่นับว่าเป็นโรงเรียนผิดกฎหมาย
……………………………………….
บทที่ 220 คนรวยแกก็กล้างัดข้อ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในขณะที่ฉินสือโอวเริ่มมีความไม่แน่ใจในการคาดเดาของตัวเอง ทันใดนั้นสาวเอเชียวัยกลางคนรูปร่างอ้วนยื่นหัวออกมาทางหน้าต่าง ถามอย่างตื่นเต้นว่า “ไฮ คุณผู้ชาย คุณมาสมัครสอบใบขับขี่เหรอคะ?”
ฉินสือโอวตอบว่า “ไม่ครับ ผมมาสอบ ผมจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว”
“โอ้” ปฏิกิริยาเหมือนกัน สาววัยกลางคนตอบอย่างผิดหวังแล้วหันหัวกลับไป ฉินสือโอวเห็นว่าที่นี่คือจุดบริการด้านงานธุรการ จึงเดินเข้าไปถามว่าจะสอบข้อเขียนได้ที่ไหน
จุดบริการด้านงานธุรการที่ว่านี้มีพนักงานอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นสาวผิวขาวเสียบหูฟังมองคอมพิวเตอร์อยู่ ส่วนสาวเอเชียกลับไม่มีความอดทนใด บอกว่าพวกเราทำงานธุรการไม่ได้ดูแลเรื่องการสอบ
ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ผมแค่สอบถามสถานที่สอบ คุณคงจะไม่ได้ไม่รู้แม้กระทั่งว่าสถานที่สอบของพวกคุณอยู่ที่ไหนหรอกนะ? หรือว่าที่นี่เป็นโรงเรียนแบบผิดกฎหมายกันนะ?”
พอเขาพูดประโยคนี้ออกไป ผลที่ได้คือสาวเอเชียคนนั้นอารมณ์ขึ้นทันที แล้วตะโกนบอกว่า “ระวังคำพูดของคุณด้วย คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงเรียกว่าโรงเรียนผิดกฎหมายล่ะ? เฮ้ คุณผู้ชายคะ คุณต้องรับผิดชอบคำพูดของคุณนะ…”
ฉินสือโอวเปลี่ยนสีหน้า ตั้งแต่เขามาที่แคนาดา คนล่าสุดที่เพิ่งตะโกนใส่เขาตอนนี้ก็ขัดโถชักโครกอยู่ในเรือนจำ ซึ่งก็คือไอ้สารเลวผิวขาวสองคนนั้นที่ล่าจับเต่าลายจุดไป
สาวผิวขาวที่ใส่หูฟังอยู่พอได้ยินเสียงโวยวายของสาวอ้วนก็ดึงหูฟังออก เธอฟังสักพักแล้วก็พูดโน้มน้าวว่า “โอเค โอเค ใจเย็นๆ คุณผู้ชาย ยกโทษให้ด้วยนะคะ นิสัยของมาร์ธาค่อนข้างวู่วาม คุณมาสอบข้อเขียนใช่ไหมคะ? โอเค รอสักครู่นะคะ ฉันโทรหาครูฝึกให้มาพาคุณไปค่ะ”
ฉินสือโอวเดิมทีก็ไม่ได้อยากจะหาเรื่องใคร แต่โรงเรียนสอนขับรถนี้ทำอะไรก็เหมือนผิดกฎหมาย เขาจึงอดที่จะสงสัยไม่ได้ ในเมื่อสงสัยแล้ว ก็ต้องหาหลักฐาน นี่คือสิ่งที่เขาได้เรียนรู้หลังจากมาที่ประเทศแคนาดา ตราบใดที่คุณมีหลักฐาน มีเงิน คุณก็คือพระเจ้า
เขาเปิดโหมดอัดวิดีโอในมือถืออย่างเงียบๆ หลังจากนั้นก็ใส่ไว้ในกระเป๋าตรงหน้าอก แล้วมองที่สาวอวบอ้วนคนนั้น
สาวผิวขาวกดโทรศัพท์ ไม่นานหนุ่มหน้าตาอารมณ์ดีร่างเล็กก็เดินเข้ามาในห้องทำงานธุรการ พอเขาเห็นฉินสือโอวก็ก้มโค้งคำนับ 90 องศา เหมือนมีดพับ พอพูดก็คือประโยคภาษาญี่ปุ่น “โมชิ โมชิ[1]…”
ฉินสือโอวมึนงง แล้วอธิบายว่า “ผมเป็นคนจีน ไม่ใช่คนญี่ปุ่น หนีห่าว ก็คือ คำว่า โมชิโมชิ”
หนุ่มร่างเล็กเข้าใจในทันที ใช้ภาษาอังกฤษที่พอได้ พูดว่า “ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง เพื่อนร่วมงานคนนี้ของผมบอกว่าเป็นคนญี่ปุ่นเพื่อนชาติเดียวกันกับผม ขอโทษด้วยครับที่เสียมารยาท คุณผู้ชาย”
ฉินสือโอวโบกไม้โบกมือแล้วบอกว่าไม่เป็นไร แล้วถามว่าไปสอบข้อเขียนที่ไหนได้ หนุ่มร่างเล็กถามว่า “คุณนัดไว้แล้วหรือยังครับ?”
ฉินสือโอวตอบว่า “ใช่ นัดไว้แล้ว เมื่อวานผมทำเรื่องนัดกับฝ่ายบริการลูกค้าของทางโรงเรียนคุณไว้แล้วครับ”
หนุ่มร่างเล็กพาเขาเข้าไปที่ห้องสังกะสีที่อยู่ด้านข้างห้องหนึ่ง ชงกาแฟใส่ถ้วยกระดาษให้เขา ฉินสือโอวดมกลิ่นแล้วไม่เท่าไรจึงไม่ได้ดื่ม
ฟังคำตอบของฉินสือโอวแล้ว หนุ่มร่างเล็กพูดอย่างเสียดายว่า “นัดล่วงหน้าหนึ่งวันไม่ได้ครับ ขอโทษด้วยนะครับ คุณผู้ชาย จะนัดสอบข้อเขียนกับทางเราต้องนัดล่วงหน้าหนึ่งอาทิตย์ครับ”
อะไรนะ? ฉินสือโอวตะลึงค้าง นี่ไม่เหมือนกับที่เขารู้มา การสอบใบขับขี่ของที่แคนาดาไม่เหมือนกับที่จีน ทุกคนที่นี่เกือบทุกคนจะสอบใบขับขี่ก่อนหลังจากโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นขั้นตอนก็จะง่ายและสมเหตุสมผล ทำเรื่องสอบจริงๆแล้วไม่ต้องทำนัดด้วยซ้ำ เพียงแค่ลงสมัครกับทางโรงเรียนสอนขับรถไว้ก็เพียงพอแล้ว
ฉินสือโอวพูดประเด็นพวกนี้ออกมา หนุ่มร่างเล็กส่ายหน้า แล้วบอกเขาว่าโรงเรียนสอนขับรถของพวกเขามีกฎระเบียบแตกต่างออกไป ถ้าหากจะสอบที่นี่ก็ต้องฟังคำพูดพวกเขา ไม่เช่นนั้นก็ไปสมัครโรงเรียนสอนขับรถอื่นเถอะ
พอฟังประโยคนี้ ฉินสือโอวก็เข้าใจ ที่นี่จะต้องเป็นโรงเรียนสอนขับรถที่ผิดกฎหมายแน่ๆ หนุ่มญี่ปุ่นร่างเล็กคนนี้ดูแล้วก็คงเป็นแค่คนมาไกล่เกลี่ย ทำให้เขาออกไปจากที่นี่ ทำนัดหลังจากนี้แน่นอนว่าก็คงนัดไม่ได้ บางครั้งก็บอกเหตุผลปฏิเสธไป
ถ้าเป็นเช่นนี้ฉินสือโอวไม่พูดมากเสียเวลา จึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นเขาไม่สอบที่นี่แล้ว แต่เดิมเขาก็ไม่ได้เรียนขับรถกับที่นี่มาอยู่แล้ว และขอให้อีกฝ่ายคืนค่าเรียนมา
หนุ่มญี่ปุ่นร่างเล็กส่ายหัวเหมือนกลองเขย่า ครั้งนี้แม้ไม่แม้แต่จะหาเรื่อง โบกมือไล่ให้เขาออกไป
ฉินสือโอวโมโหขึ้นมาทันที แต่เขายังไม่ทันได้ด่า คนที่ห้องต้อนรับก่อนหน้าหลายคนก็เดินมาที่หน้าประตู
หนุ่มอินโดนีเซียเดินมาแล้วกระซิบบอกกับเขาอย่างเหี้ยมโหดว่า “ไอ้หนุ่ม ฉันแนะนำว่าแกควรจะตรงไปตรงมาสักหน่อย ทำตามกฎของบริษัทเรา เข้าใจไหม? ไม่อย่างนั้นก็ระวังทำให้พวกเพื่อนของฉันโมโห พวกเขาไม่ใช่คนมีอารยธรรมอะไร แล้วถ้าพวกเขาดันรู้จักที่อยู่ของแกหรือคนในครอบครัวแก เรื่องใหญ่แน่ๆ”
ฉินสือโอวยิ้ม นี่คือการข่มขู่ขั้นพื้นฐานแล้ว เขาขี้เกียจพูดมาก หันหลังกลับเดินออกจากโรงเรียนสอนขับรถไป หลังจากนั้นโทรหาเออร์บัก เจอกันบนศาลเถอะ!
ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง เออร์บักรีบพานีลเซ็นมาที่นี่ โยนจดหมายคำร้องไปที่คนอินโดนีเซียพวกนั้นในห้องต้อนรับ พูดทิ้งไว้หนึ่งประโยคว่า “คุณครับ ให้เจ้านายของคุณคอยดูจดหมายด้วย ข้างในจะมีหมายเรียกจากศาล”
เมื่อสักครู่ฉินสือโอวไม่ได้จริงจังอะไรเป็นเรื่องที่ทำถูกต้องแล้ว คนเอเชียพวกนี้กล้ามาก พอเห็นเออร์บักถือจดหมายคำร้องมา ก็ห้อมล้อมไว้เตรียมลงมือ
นีลเซ็นหน้าเย็นชา สองสามวันก่อนที่ท่าเรือบริษัทประมงเขาก็กับเก็บความโกรธเอาไว้ ตอนนี้ถือว่าโอกาสในการระบายได้มาถึงแล้ว รุดหน้าเข้าไป ซัดหมัดขวาดังวืด เพียงหมัดเดียวก็ทำเอาชายอินโดนีเซียที่แข็งแรงซัดกระเด็นออกไป
มีอีกคนคิดจะโจมตีนีลเซ็น พอถูกเขาดึงไหล่ไว้ได้ก็จับทุ่มลงไป เหมือนโยนถุงกระสอบทิ้งลงไปที่พื้นจนฝุ่นตลบกระจาย จนฉินสือโอวที่มองอยู่ยังรู้สึกเจ็บที่เนื้อตัว
ความแข็งแกร่งของนีลเซ็นทำเอาคนอื่นๆตะลึง บางคนวิ่งไปที่ห้องต้อนรับเพื่อโทรศัพท์ ส่วนฉินสือโอวก็โทรแจ้งตำรวจ เกรงว่าคนในโรงเรียนจะยกพวกมาอีกมาก แล้วพวกเขาจะลำบาก จึงป้องเออร์บักไว้แล้วรีบออกจากประตูโรงเรียนไป
ชายโหดเหี้ยมกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากข้างในโรงเรียนดั่งที่คิดไว้ แม้แต่หนุ่มญี่ปุ่นร่างเล็กก็รวมตัวอยู่ในนั้นด้วย
นีลเซ็นไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด ยืนบังฉินสือโอวและเออร์บักอยู่ด้านหน้า ฉินสือโอวกลัวแค่ชายชราจะได้รับบาดเจ็บ ตัวเขาเองไม่กลัว เขาเอามือถือที่อัดวิดีโอไว้ตลอดส่งให้เออร์บัก ถอดเสื้อตัวบนออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ประจันหน้ากับคนกลุ่มนั้นอย่างดุดัน
คนพวกนี้ไม่กล้าลงมือ ถึงแม้ว่าสถานที่ตั้งของโรงเรียนสอนขับรถเอเชียตะวันออก เอ็กซ์เพรสจะห่างไกลจากตัวเมือง แต่ก็ยังมีคนสัญจรเดินผ่านไปมา พอเห็นทั้งสองฝ่ายประจันกัน ก็มีคนโทรแจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว
เออร์บักก็โทรศัพท์เช่นกัน บอกกับฉินสือโอวว่า “ช้าสุดสองนาที มีตำรวจมาที่แน่ๆ มาจัดการเรื่องนี้”
ฝ่ายตรงข้ามพอได้ยินคำพูดของเออร์บักก็แสดงสีหน้าดูถูกและเยือกเย็น พอสังเกตเห็นจุดนี้ ฉินสือโอวก็เดาได้ว่า โรงเรียนสอนขับรถผิดกฎหมายนี้จะต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่แน่ชัดกับตำรวจท้องถิ่นแน่ๆ
ในไม่ช้า มีรถตำรวจขับมาจริง พอได้ยินเสียงรถตำรวจ ฝ่ายตรงข้ามพวกนั้นต่างตกใจ แต่ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว แล้วก็แตกกลุ่มกันออกไปอย่างไม่รีบร้อน
มีตำรวจสองคนลงมาจากรถตำรวจ เออร์บักโชว์บัตรทนายความให้พวกเขาดูก่อน แล้วพูดว่า “ลูกค้าของผมตกเป็นเหยื่อและถูกโรงเรียนนี้รังแก ตอนนี้ผมแนะนำให้พวกคุณจับผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องของโรงเรียนสอนขับรถนี้”
ตำรวจคนหนึ่งบอกว่า “รอสักครู่ครับ คุณทนายความ พวกเราจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ก่อน”
มีคนเดินออกมาจากทางโรงเรียนเช่นกัน กล่าวหานีลเซ็นและฉินสือโอวอย่างโกรธแค้นว่าลงมือทำร้าย และยังนำวิดีโอออกมา แต่เห็นได้ชัดว่าวิดีโอถูกตัดต่อมาแล้ว ไม่มีตอนที่คนอินโดนีเซียหรือพนักงานรักษาความปลอดภัยลงไม้ลงมือ แต่เป็นตั้งแต่ตอนที่นีลเซ็นเริ่มลงมือทำร้ายคน
ถ้าเป็นแบบนี้ก็หมดหนทางแล้ว ตำรวจจึงทำได้แค่นำทั้งสองฝ่ายไปที่สถานีตำรวจ แล้วโจทก์ก็กลายเป็นจำเลย
……………………………………….
[1] โมชิ โมชิ เป็นคำทักทายในภาษาญี่ปุ่น หมายถึง สวัสดี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น