อัจฉริยะสมองเพชร 2156-2157

 ตอนที่ 2156 บ้าไปแล้ว!

นั่นคือเหตุผลที่เขาใช้บรรยากาศของการเสื่อมถอยเป็นหนึ่งในไม้ตายเพื่อเล่นงานตัวโคลนของปรมาจารย์ขง ซึ่งลงท้ายมันก็มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้


ตัวเขาต้องใช้เจตจำนงของนักรบอมตะตัวจริงถึงหนึ่งแสนชีวิตเพื่อชำระรังสีสวรรค์ให้ปลอดจากการปนเปื้อนก่อนจะซึมซับเข้าสู่ร่างกาย…


แต่ไก่น้อยซึมซับมันเข้าไปตรงๆ!


“แต่นั่นแหละ น้ำต้มไก่น้อยมีอานุภาพในการกำจัดฤทธิ์กัดกร่อนของบรรยากาศเสื่อมถอย…” จางเซวียนได้ข้อสรุป “นี่หมายความว่าบรรยากาศของการเสื่อมถอยไม่มีผลกับมัน? หรืออาจเป็นแม้แต่น้ำทิพย์ด้วย? นั่นอธิบายได้เลยว่าทำไมตอนนั้นมันถึงอยากกลืนกินโครงกระดูกสีดำ…”


ตอนที่เขาเข้าสู่เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย ไก่น้อยร่ำร้องว่ามันหิว และถามว่าจะกลืนกินโครงกระดูกสีดำได้หรือไม่ แต่เพราะยำเกรงในความแข็งแกร่งของโครงกระดูกสีดำ จางเซวียนจึงไม่ปล่อยให้มันทำตามใจ


แต่เมื่อลองคิดดู ไก่น้อยไม่เคยร้องขอกินอะไรที่มันไม่ต้องการมาก่อน หรือเป็นเพราะมันมีพลังมากพอจะเอาชนะโครงกระดูกสีดำและบรรยากาศของการเสื่อมถอยที่อยู่บริเวณนั้นได้?


เอาเถอะ รูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันคงไม่ใช่ไก่ธรรมดา มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเป็นอสูรในตำนานผู้ทรงพลังและเหนือชั้นกว่าธรรมดา!


น่าเสียดายที่มันสูญเสียความทรงจำไป ไม่อย่างนั้น เขาคงหาวิธีฟื้นคืนพละกำลังของมันได้เร็วกว่านี้ และจะได้มีใครสักคนที่พึ่งพาได้เมื่อเข้าสู่สรวงสวรรค์


แต่บางทีสิ่งนี้อาจจะดีที่สุดแล้ว เพราะหากใครต่อใครรู้ว่าเขาได้รับความช่วยเหลือจากลูกเจี๊ยบหรือไก่ตัวหนึ่ง ภาพลักษณ์ของเขาคงดูไม่ดีเท่าไหร่


ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิด ไก่น้อยก็เดินเตาะแตะเข้ามาและพูดกับเขาอย่างกระตือรือร้น “นายท่าน ผมคิดว่าผมพบวิธียกระดับวรยุทธแล้วล่ะ…”


“อ้อ?” จางเซวียนตาโต “บอกมาสิ”


“ตอนนั้น ผมไม่มีพละกำลังเหลือเลยหลังจากทำลายน้ำเต้าตงฉู่ แต่เมื่อถูกนกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัวย่างจนเกือบตาย วรยุทธของผมก็เพิ่มขึ้นไปเป็นอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ มาคราวนี้ ผมถูกเผาจนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน…และวรยุทธของผมก็เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ผมจึงคิดว่าบางทีตัวกระตุ้นในการฝ่าด่านวรยุทธอาจจะอยู่ที่การถูกย่าง?” ไก่น้อยพูด


“เอ่อ…” จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า


“ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น เราลองดูดีไหม?”


เมื่อหวนนึกถึงการฝ่าด่านวรยุทธที่ผ่านมาของไก่น้อย ทั้ง 2 ครั้ง มันเกือบมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านก่อนที่จะได้ฝ่าด่านวรยุทธ


เขาเคยทดสอบโดยใช้เปลวเพลิงมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ได้ผล แต่ในครั้งนั้น จางเซวียนยับยั้งเปลวเพลิงไว้ก่อนที่ไก่น้อยจะถูกย่างจนดำปี๋…หรือว่าความก้าวหน้าเล็กๆน้อยๆของไก่ตัวนี้จะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเปลวเพลิงจริงๆ


“ได้สิ!” ไก่น้อยพยักหน้าขณะจับจ้องจางเซวียนอย่างมุ่งมั่น


มันเองก็อยากยกระดับวรยุทธให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้เรียกความทรงจำกลับคืนมา


จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง “วรยุทธของแกเข้าถึงระดับเทพเจ้าแล้ว เปลวเพลิงชนิดไหนก็ตามในมิติเบื้องบนแห่งนี้ไม่น่าทำอันตรายแกได้อีก…ฉันจะลองเรียกการทดสอบวรยุทธของฉันมา แกลองดูก็แล้วกันว่ามันเป็นอย่างไร”


ไม่มีพละกำลังใดๆในโลกนี้ที่แข็งแกร่งกว่าการลงทัณฑ์จากสวรรค์ ความตั้งใจเดิมของจางเซวียนคือปกปิดการฝ่าด่านวรยุทธของเขาจากสวรรค์ไว้ก่อน จนกว่าเขาจะเข้าสู่สรวงสวรรค์ได้โดยราบรื่นปราศจากปัญหา แต่ในเมื่อไก่น้อยต้องการ เขาก็จะพยายามรับมือ


เพราะถึงอย่างไร ก็เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ขัดเกลาวรยุทธไปด้วย


จางเซวียนจึงรีบปลดปล่อยวรยุทธ ปล่อยให้พละกำลังจากสรวงสวรรค์ที่ได้มาใหม่ไหลพล่านไปทั่วทั้งร่างของเขา


บึ้มมมม!


ท้องฟ้ามืดมิดทันที สายฟ้าที่รวมตัวกับเปลวเพลิงสีดำสนิทกรูเข้ามาอยู่เหนือศีรษะของเขาด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง


นี่คือการทดสอบของเทพเจ้า!


การทดสอบของเทพเจ้ามีพละกำลังที่น่าสะพรึงมาก จางเซวียนรู้สึกได้ถึงความเป็นปฏิปักษ์ของมิติเบื้องบนที่กำลังถาโถมเข้าใส่ตัวเขา พยายามจะกดทับเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆ


จ้าวหย่ากับคนอื่นๆได้กลิ่นอันตรายทันทีที่การทดสอบของเทพเจ้าเริ่มต้น พวกเขาเผ่นหนีไปไกลหลายพันลี้เพื่อความปลอดภัย


แม้ทุกคนจะสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์แล้ว แต่ก็รู้ดีว่าอาจเสียชีวิตได้หากไม่ระมัดระวังตัวเมื่ออยู่ใกล้การทดสอบของเทพเจ้า


การที่ทวีปที่ถูกลืมให้ความยำเกรงกับสิ่งใดก็ตามที่มีคำว่า ‘เทพเจ้า’ อยู่ในนั้นไม่ใช่เรื่องที่ปราศจากเหตุผล


เมฆดำก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนน้ำหนักของท้องฟ้ากำลังจะพังทลายลงมาเล่นงานชายหนุ่มกับไก่น้อยสีเหลืองที่ยืนอยู่ด้านล่าง


เห็นพลังงานมหาศาลที่รวมตัวกันอยู่เหนือศีรษะของเขา จางเซวียนกำลังจะเคลื่อนไหว ก็พอดีกับที่หมู่เมฆดำเหนือศีรษะของเขาส่งเสียงคำรามก้อง สายฟ้าฟาดสายหนึ่งที่มีเปลวเพลิงสวรรค์สีดำสนิทฟาดเข้าใส่ไก่น้อยอย่างจัง


ซรืดดดดด!


ความร้อนและแรงฟาดทำให้ขนสีเหลืองของไก่น้อยดําปิ๊ดปี๋ กลิ่นหอมอ่อนๆอบอวลไปทั่ว


เห็นภาพนั้น จางเซวียนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ


ทำไมการทดสอบวรยุทธที่เขาเรียกมาถึงตรงเข้าเล่นงานไก่น้อย แทนที่จะเป็นตัวเขา?


“บ้าที่สุด…” ไก่น้อยก็งุนงงกับเหตุปุบปับที่เกิดขึ้นตรงหน้า


มันเงยหน้าขึ้นจ้องมองสวรรค์อย่างโกรธเกรี้ยว แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงสบถ…


เปรี้ยงงง! เปรี้ยงงง!


สายฟ้าฟาดอีก 2-3 สายฟาดลงบนศีรษะของมัน กลิ่นหอมล้ำลึกตลบอบอวลไปทั่ว คราวนี้ แม้แต่จะงอยปากของไก่น้อยก็ดำปิ๊ดปี๋


“เจ้าหมอนี่เอาชีวิตรอดจากการโจมตีจากตัวโคลนของปรมาจารย์ขงได้ แต่จะจบเห่เพราะการทดสอบวรยุทธหรือ?”


ขณะที่กลิ่นหอมอบอวลล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ จางเซวียนพลันรู้สึกเสียดายขึ้นมาที่ไม่ได้เก็บเครื่องเทศบางส่วนไว้ในแหวนเก็บสมบัติ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ตรงเข้าไปยังจุดที่ไก่น้อยยืนอยู่และเข้าขวางระหว่างตัวมันกับเมฆดำ ตั้งใจจะปกป้องไก่น้อยจากการทดสอบวรยุทธ


“ในเมื่อผมเป็นคนเรียกคุณ ทำไมคุณไม่เล่นงานผมแทนล่ะ?” จางเซวียนคำรามขณะใช้พลังจากสรวงสวรรค์ห่อหุ้มร่างของเขาไว้เพื่อเสริมกำลังให้กับการป้องกันตัว


เขามีสีหน้าเคร่งเครียด เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับพละกำลังมหาศาลของสายฟ้า


เปรี้ยงงง! เปรี้ยงงง! เปรี้ยงงงง!


สายฟ้าฟาดลงมาอีกชุดใหญ่


จางเซวียนรีบถ่ายทอดกระแสดาบฉีเพื่อปัดป้องพละกำลังของสายฟ้าออกไป แต่แม้เสียงฟ้าคำรามจะผ่านไปแล้วหลายวินาที ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ด้วยความงุนงง จางเซวียนก้มหน้ามอง เห็นสายฟ้าหลบหลีกตัวเขาไปและตรงเข้าเล่นงานไก่น้อย ทำให้ควันลอยโขมงออกจากศีรษะของมัน


อ๊ากกกกก!


เสียงร้องอย่างสิ้นหวังหลุดรอดออกจากปากของไก่น้อยพร้อมควันโขมงสีดำ


บ้าไปแล้ว! นี่คุณมาช่วยหรือมาฆ่าผม?


ต่อให้ผมยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว พละกำลังของสายฟ้าก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่านี้เลย!


“เรื่องนี้ประหลาดมาก แต่ไม่ต้องกังวลนะ ในเมื่อมันเป็นการทดสอบวรยุทธของผม ถึงอย่างไรก็ต้องมีวิธีรับมือ…” จางเซวียนก็ปั่นป่วนกับเหตุการณ์พิสดารที่เกิดขึ้น


ทำไมการทดสอบสายฟ้าที่เขาเรียกมาถึงพุ่งเป้าเล่นงานไก่น้อยแทนที่จะเป็นเขา? แบบนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย!


จางเซวียนรวบรวมพลังงานเข้าสู่ปลายนิ้ว เขาปล่อยกระแสดาบฉีเข้าใส่หมู่เมฆดำ


ในเมื่อการทดสอบวรยุทธไม่ยอมเล่นงานเขา เขาก็จะเป็นฝ่ายรุกเสียเอง!


ฟึ่บ!


เมฆดำสลายตัวทันทีที่เผชิญหน้ากับกระแสดาบฉี แต่การโจมตีนั้นเบาบางเสียจนดูเหมือนเมฆดำกำลังหลบเลี่ยงการโจมตีของจางเซวียน


ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แม้การทดสอบของเทพเจ้าจะมีประสิทธิภาพอันน่าสะพรึง แต่ก็ดูเหมือนมันจะหวาดกลัวเขา


เปรี้ยงงงง! เปรี้ยงงงง!


สายฟ้าฟาดอีกชุดหนึ่งถูกส่งลงมาจากสรวงสวรรค์ ทำให้ไก่น้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรตัวสั่นงันงกเพราะกระแสไฟฟ้า มันสั่นสะท้านจนขนร่วงกระจัดกระจายไปทั่ว


ถ้าใครเข้าไปดูใกล้ๆ ก็จะเห็นหยาดน้ำตาของความเสียใจปริ่มขอบดวงตาที่มีลักษณะเหมือนลูกปัดของมัน


ผมทำอะไรให้คุณขุ่นเคือง? ทำไมถึงเล่นงานผมอย่างเอาเป็นเอาตายราวกับผมเป็นศัตรูคู่อาฆาตของคุณ?


“ยังไม่โจมตีผมอีกหรือ? ได้! มาดูกันว่าคุณจะรับมือกับสิ่งนี้อย่างไร!”


เห็นแผนการของตัวเองไม่ได้ผล จางเซวียนโผขึ้นสู่กลางอากาศ ตั้งใจจะท้าชนหมู่เมฆดำ


แต่ยังไม่ทันจะไปได้ไกล ปีกเล็กจ้อยที่กำลังสั่นสะท้านก็คว้าชายเสื้อคลุมของเขาไว้แน่นและฉุดเขาลงมา


“อย่านะ! ผมตายแน่ถ้าคุณยังยั่วยุมัน…” ไก่น้อยร้องออกมาอย่างเสียขวัญ


พี่ชาย ไว้ชีวิตผมเถอะ ดีไหม?


ผมเป็นแค่ลูกเจี๊ยบตัวจ้อย ยังไม่อยากตายตอนนี้!


ทุกครั้งที่คุณยั่วโมโหเมฆดำนั่น คนที่ต้องรับเคราะห์คือผม…คุณจะทำอะไรก็ได้หากไม่เกิดผลตามมา แต่คุณไม่เห็นหรือไงว่าผมสุกจนแทบจะทั่วทั้งตัวแล้ว?


ตอนนี้ ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าจะโรยขมิ้นบนตัวได้หรือยัง!


เห็นไก่น้อยที่ถูกย่างจนสุกเกือบทั้งตัววิงวอนขอร้องเขา จางเซวียนเกาหัวอย่างอ่อนใจ สุดท้ายเขาก็ยอมถอยขณะพูดว่า “ก็จริง แกควรรับมือกับมันด้วยตัวเอง…”


จากนั้นเขาก็ถอยออกมา


เปรี้ยงงงง! เปรี้ยงงง!


สายฟ้าเกรี้ยวกราดอีกชุดใหญ่ฟาดลงมาจากท้องฟ้า ช็อตไก่น้อยจนศีรษะหมุนติ้ว มันหันไปร่ำร้องกับจางเซวียนด้วยความสิ้นหวัง “อย่าเพิ่งไป! ช่วยผมสกัดกั้นสายฟ้าก่อน คุณจะช่วยผมไหม?”


“….” จางเซวียน


ลงท้ายไก่น้อยก็ต้องเผชิญกับสายฟ้าฟาดถึง 36 ครั้ง ก่อนที่การทดสอบวรยุทธจะสลายตัวไป


หลังจากเจอบททดสอบชุดใหญ่ พละกำลังของมันก็หมดเกลี้ยง


“ผมขอพักก่อนนะ…”


ยังไม่ทันที่จางเซวียนจะได้พูดอะไร ไก่น้อยก็มุดเข้าไปในจุดตันเถียนของเขา มันใช้ปีกสีดำปิ๊ดปี๋ปิดหน้าไว้ จากนั้นก็หลับปุ๋ย


เมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อย จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่


จากนั้น เขาชี้นิ้วใส่หมู่เมฆดำกลางอากาศที่กำลังสลายตัวและตวาดก้อง “คุณน่ะ มานี่สิ!”


ฟึ่บ!


หมู่เมฆดำกำลังสลายตัวอย่างเชื่องช้า แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงตวาดของจางเซวียน มันก็รีบเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็วเหมือนขามา ทำให้ท้องฟ้าสว่างแจ้งในชั่วอึดใจ


จางเซวียนทึ้งผมด้วยความปวดประสาท


การทดสอบของเทพเจ้าคือการลงทัณฑ์ครั้งใหญ่ที่นักรบทุกคนจะต้องเผชิญหน้าเมื่อเข้าถึงระดับของเทพเจ้าไม่ใช่หรือ?


แล้วทำไมการทดสอบวรยุทธที่เขาเรียกมาถึงเล่นงานไก่น้อยจนร่อแร่ แล้วปุบปับก็สลายตัวไป?


“หรือว่าเรื่องนี้จะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเวทนาสวรรค์ของเรา?” จางเซวียนสงสัย


เมื่อไม่อาจทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น สุดท้ายเขาก็ร่อนลงจากกลางอากาศและกลับสู่บริเวณที่จ้าวหย่ากับคนอื่นๆอยู่


“นี่คือตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ 7 ตัว นำตัวที่คุณต้องการไปเก็บรักษาไว้ให้ดีที่สำนักของตัวเอง คนรุ่นหลังจะได้ไม่ต้องลำบากลำบนกว่าจะสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์” จางเซวียนพูดขณะนำหนังสือ 7 เล่มออกมา


ตอนที่ 2157 เราเข้าใจ!

ขอแค่นักรบคนหนึ่งทำตามกระบวนท่าและลำดับที่ปรากฏในหนังสืออย่างเคร่งครัด ก็จะสามารถดึงดูดรังสีของวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่พบบริเวณแท่นรูปวงกลมในสะพานเบื้องบนได้ นั่นหมายความว่ามีโอกาสสูงที่พวกเขาจะเข้าถึงวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์โดยไม่ต้องท้าทายสะพานเบื้องบน!


“ขอบคุณมาก เจ้าสำนักจาง!” หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆรับหนังสือมาด้วยมือสั่นเทา


นี่คือสิ่งที่เหล่าบรรพบุรุษของสำนักของพวกเขาตามล่าไขว่คว้ามาเนิ่นนาน แต่ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมาก็ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ใครจะไปคิดว่าเจ้าสำนักคนปัจจุบันของพวกเขาจะคว้าตัวอักษรคำว่าเทพเจ้ามาได้ถึง 7 ตัวพร้อมกันในคราวเดียว…


จางเซวียนส่ายหน้าและพูดต่อ “อย่าเรียกผมว่าเจ้าสำนักอีกเลย คุณรับตำแหน่งของคุณคืนไปหรือหาใครสักคนที่เหมาะสมมาแทนก็ได้ เพราะผมจะออกจากทวีปที่ถูกลืมเร็วๆนี้”


เขารู้สึกได้หลังจากเข้าถึงวรยุทธระดับเทพเจ้า ว่าโลกนี้ไม่อาจขัดขวางเขาได้อีก ขอแค่เขาต้องการ ก็สามารถฉีกกระชากมิติและขึ้นสู่โลกที่สูงกว่าได้อย่างง่ายดาย


เขาไม่เคยให้ความสนใจตำแหน่งเจ้าสำนักอยู่แล้ว เหตุผลเดียวที่ยอมรับตำแหน่งก็เพราะอยากมีเส้นสายที่เข้าถึงความสัมพันธ์ระหว่างสำนักต่างๆ เพื่อจะได้รวบรวมทุกสำนักให้เป็นหนึ่งเดียวและต่อต้านตัวโคลนของปรมาจารย์ขง


แต่ในเมื่อตัวโคลนของปรมาจารย์ขงพ่ายแพ้ไปแล้ว และภารกิจของเขาในมิติเบื้องบนก็ได้รับการคลี่คลาย จางเซวียนก็ไม่จำเป็นต้องรับตำแหน่งผู้นำอีก โดยเฉพาะเมื่อเขากำลังจะจากไปในไม่ช้า


“เราเข้าใจ!”


ทุกคนพยักหน้า ความไม่เต็มใจเจืออยู่ในน้ำเสียงของพวกเขา


เกิดความขัดแย้งไม่น้อยเมื่อพวกเขาเสนอชื่อชายหนุ่มคนนี้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ พวกเขาเลือกจะเดินหน้าต่อไปแม้จะมีเสียงคัดค้านมากมายจากเหล่าผู้อาวุโสและศิษย์สายตรงภายในสำนัก แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ นี่คือการตัดสินใจอันชาญฉลาดที่สุดในชีวิตที่พวกเขาเคยทำลงไป


หากไม่ได้เสนอชื่อชายหนุ่ม ก็มีโอกาสที่ทุกคนจะลงเอยด้วยการเดินตามรอยสำนักป้อมปราการกระจกดำกับสำนักอมตะเลือนหาย


ถึงชายหนุ่มจะเป็นเจ้าสำนักของพวกเขาในระยะเวลาที่สั้นมาก แต่การบรรยายของอีกฝ่ายก็ให้ประโยชน์สูงสุดกับเหล่าศิษย์สายตรงและผู้อาวุโส ทำให้ทุกคนยกระดับค่าเฉลี่ยของวรยุทธภายในสำนักได้อีกมาก แถมเขายังนำตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ ที่สมบูรณ์มาให้อีกด้วย!


คาดการณ์ได้ล่วงหน้าเลยว่าจำนวนผู้เชี่ยวชาญในสำนักของพวกเขาจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 4 สำนักจะเติบโตและรุ่งเรืองในอีกไม่ช้า


“หัวหน้าตู้ ผมอยากให้คุณเดินทางไปเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายกับผม”


หลังจากจัดการเรื่องของ 4 สำนักใหญ่แล้ว จางเซวียนก็รีบมุ่งหน้าไปยังเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายพร้อมกับตู้ชิงหย่วน


เมื่อได้เป็นเทพเจ้า บรรยากาศของการเสื่อมถอยที่อบอวลอยู่ในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้อีก จางเซวียนใช้เวลาเพียงสิบอึดใจก็ถึงจุดที่เขาเคยพบแท่นบูชา


“อ้าว? แท่นบูชาอยู่ไหนล่ะ?” จางเซวียนพึมพำอย่างประหลาดใจ


ทั้งคู่รีบสำรวจแถวนั้น แต่แท่นบูชาก็ไม่ปรากฏ ราวกับมันไม่เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน


จางเซวียนปลดปล่อยการรับรู้จิตวิญญาณออกไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อสำรวจพื้นที่โดยรอบ แต่ก็ไม่พบอะไรเลย


“ดูเหมือนโครงกระดูกสีดำจะซ่อนแท่นบูชาไว้ไม่ให้ใครเห็น” จางเซวียนส่ายหน้า


ด้วยระดับวรยุทธของเขาในเวลานี้ ต่อให้แท่นบูชาถูกเคลื่อนย้ายไป เขาก็สามารถแกะร่องรอยการเคลื่อนไหวของมันได้ การที่เขาไม่พบร่องรอยใดๆเลยก็หมายความได้อย่างเดียว…


คือโครงกระดูกสีดำไม่ต้องการให้เขาหามันพบ


ว่าแต่…ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?


เท่าที่เขารู้ แท่นบูชาอยู่ที่เดิมมาหลายพันปีแล้ว และตัวโคลนของปรมาจารย์ขงก็เคยมาที่นี่หลายครั้ง ซึ่งนั่นหมายความว่าโครงกระดูกสีดำไม่ได้หวั่นเกรงว่าจะมีใครพบแท่นบูชา แล้วทำไมมันถึงจงใจซ่อนแท่นบูชาไม่ให้เขาเห็น?


จางเซวียนค้นหาต่อ แต่ไม่พบเงื่อนงำใดๆ สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารีบกลับสู่ตำหนักคว้าดาวพร้อมกับตู้ชิงหย่วน


ทั้งคู่เข้าไปในห้องลับแห่งหนึ่งพร้อมกัน จากนั้นจางเซวียนก็จับจ้องตู้ชิงหย่วนและตั้งคำถาม “บอกผมมาว่าคุณรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับลั่วชิง?”


มีหลายเรื่องที่เขาต้องจัดการหลังจากช่วยชีวิตตู้ชิงหย่วนจากหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่ เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเธอ


“หลายพันปีก่อน ตอนที่เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายถูกขับออกจากสรวงสวรรค์ พวกเราสูญเสียการติดต่อกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังทำตามธรรมเนียมเดิมต่อไปและยังคงบูชาเซ่นสรวงเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ที่ทำลงไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อสร้างภาพให้สำนักอื่นๆเข้าใจว่าพวกเรายังคงสนิทชิดเชื้อกับเทพเจ้า ทำให้พวกนั้นไม่กล้าโจมตีเรา” ตู้ชิงหย่วนอธิบายพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ


ก็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้เธอหัวเสียขึ้นมาทันที และถึงกับพยายามใช้ความรุนแรงเพื่อเปลี่ยนเรื่องเวลาที่กลุ่มอำนาจอื่นๆพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักคว้าดาวกับเทพเจ้า…ด้วยการแสร้งทำเป็นอารมณ์เสียประกอบกับท่าทีที่ซับซ้อนและเข้าถึงยาก เธอจึงหลีกเลี่ยงการตอบข้อสงสัยแคลงใจของคนอื่นๆได้


ตำหนักคว้าดาวแตกต่างจาก 5 สำนักที่เหลืออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นลักษณะเฉพาะหรือต้นกำเนิดของประชากร ซึ่งความแตกต่างนี้อาจถูกทำลายได้อย่างง่ายดายด้วยความละโมบโลภมากของสำนักอื่นๆ


ก็เพราะเหตุนี้ เกาะคว้าดาวทั้งเกาะถึงแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคนนอก เพื่อให้แน่ใจว่าความลับข้อนี้จะไม่รั่วไหล


“แต่เมื่อ 4 เดือนก่อน ขณะที่เรากำลังประกอบพิธีกรรมตามปกติ เราก็ได้รับข้อความจากเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ เธอบอกเราว่าเธอตั้งใจจะลงมายังทวีปที่ถูกลืมโดยผ่านทางพิธีกรรม และสั่งการให้พวกเราเตรียมการล่วงหน้า” ตู้ชิงหย่วนพูด


“เธอถ่ายทอดกรรมวิธีการประกอบพิธีกรรมให้พวกเราด้วย และในเมื่อนั่นคือคำสั่งของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ พวกเราจึงทำตามคำสั่งของเธอ”


“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่คุณรู้ แม้เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณจะมีพละกำลังมหาศาล แต่ก็ไม่อาจต้านทานแรงกดดันจากปราการแห่งมิติได้ เธอจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดของเธอหยดลงสู่ทะเลพลัดดาว เข้าบ่มเพาะเต่าหลังดำ ฉลามสามพี่น้อง และอสูรตัวอื่นๆ ในเวลาเดียวกัน ฉันก็มอบหยดเลือดของเธอให้หวู่เฉินกับเจียงเหยา ทำให้พวกเขาสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์” ตู้ชิงหย่วนพูด


จางเซวียนพยักหน้า


ที่เขาสรุปได้ก็ประมาณนี้


“หลังจากเธอมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน ก็ได้รับการเรียกตัวจากหวู่เฉินและลงสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ ฉันไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แต่เรื่องหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือตอนนี้เธอกลับสู่สรวงสวรรค์แล้ว เธอไม่ได้พักอยู่ในมิติเบื้องบนนานนัก แค่สั่งการฉันให้ดูแลคุณให้ดีก่อนจะรีบกลับสู่สรวงสวรรค์”


“แล้วเธอได้บอกไหมว่าเธออยู่ที่ไหนในสรวงสวรรค์?” นี่คือสิ่งที่จางเซวียนอยากรู้มากที่สุด


ตู้ชิงหย่วนส่ายหน้า “ฉันเกรงว่าจะไม่รู้อะไรที่นอกเหนือไปจากนั้น แต่เพราะเธอเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ฉันจึงคิดว่าเธอน่าจะอยู่ในตำหนักของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งก็คือตำหนักเดียวกับที่ฉันเคยบอกคุณก่อนหน้านี้ เธอมอบหมายให้ฉันบอกคุณว่าสุดท้ายคุณทั้งคู่จะได้พบกันอีกถ้าเธอเอาชีวิตรอดจากการทดสอบได้ แต่ถ้าอะไรๆไม่เป็นไปตามแผน คุณก็ไม่ควรจะคร่ำครวญให้มากนัก”


“เอาชีวิตรอดจากการทดสอบ?” จางเซวียนตาโตด้วยความพรั่นพรึง “เธอบอกหรือเปล่าว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับอะไร?”


การที่หลัวลั่วสามารถฉีกกระชากปราการแห่งมิติและเข้าสู่สรวงสวรรค์ได้โดยตรงนั้นเป็นหลักฐานที่บ่งชัดถึงความแข็งแกร่งของเธอ แน่นอนว่าเธอคงมีพละกำลังมากกว่าตัวเขาในตอนนี้มาก


แต่คำพูดแบบมองโลกในแง่ร้ายก็หลุดจากปากของเธอทั้งที่มีพละกำลังมากขนาดนั้น เธอกำลังเจอปัญหาบางอย่างที่แก้ไม่ตกหรือเปล่า?


“เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณไม่ได้อธิบายรายละเอียด ฉันจึงไม่รู้อะไรมากนัก แต่เท่าที่เธอบอก ดูเหมือนจะเป็นการดวลแบบชี้เป็นชี้ตายกับใครคนหนึ่ง” ตู้ชิงหย่วนตอบอย่างเคร่งเครียด


ในฐานะบริวาร ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็คือปฏิบัติตามคำสั่งของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ คงเป็นการล้ำเส้นเกินไปหากเธออยากรู้อยากเห็นเรื่องราวส่วนตัวของอีกฝ่าย


จางเซวียนตั้งคำถามอีก 2-3 ข้อ แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนตู้ชิงหย่วนจะไม่รู้เรื่องราวของหลัวลั่วชิงมากนัก สุดท้ายเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา


“ปรมาจารย์จาง คุณคิดจะทำอย่างไรต่อไป?” ตู้ชิงหย่วนถาม


“เท่าที่ดู ผมคงต้องเดินทางเข้าสู่สรวงสวรรค์แล้วล่ะ” จางเซวียนตอบพร้อมกับยิ้มอย่างไม่ค่อยสบายใจ


เขาห่างกับหลัวลั่วชิงมาระยะหนึ่งแล้ว แต่การได้รู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายทำให้หัวใจของเขาเต้นถี่ด้วยความกังวล


ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะได้พบกับป้ายหินฝังศพของราชันย์ผู้ไม่มีวันตาย เขาคงคิดว่าเหล่าเทพเจ้าคือผู้เป็นอมตะและมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ แต่ก็เห็นกันชัดๆแล้วว่าเขาเข้าใจผิดมหันต์ ต่อให้ผู้ที่มีพละกำลังมหาศาลและยิ่งใหญ่อย่างเทพเจ้าก็ไม่อาจควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองได้


ตู้ชิงหย่วนเดาออกว่าจางเซวียนจะต้องตัดสินใจแบบนี้ จึงพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ


หลังจากได้คำตอบที่ต้องการจากตู้ชิงหย่วน จางเซวียนเรียกรวมพลจ้าวหย่ากับคนอื่นๆเพื่อแจ้งให้ทราบถึงการตัดสินใจของเขา


“ท่านอาจารย์ พวกเราอยากไปกับคุณ!” จ้าวหย่าก้าวออกมาด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น


“ฉันก็อยากเข้าสู่สรวงสวรรค์พร้อมกับท่านอาจารย์เหมือนกัน” เว่ยหรูเหยียนพยักหน้า น้ำเสียงของเธอปราศจากความลังเล


“ท่านอาจารย์ พวกเราอยากขอติดตามคุณไป หวังว่าคุณจะไม่ทิ้งเราไว้ข้างหลังอย่างคราวก่อน…” เจิ้งหยางกับคนอื่นๆพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง


เห็นความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นของบรรดาลูกศิษย์ จางเซวียนรู้สึกปวดหัว เขามองทุกคนอย่างเคร่งขรึมและพูดว่า “ผมไม่รู้นะว่าสถานการณ์ของสรวงสวรรค์ในเวลานี้เป็นอย่างไร แต่มีความเป็นไปได้สูงที่เราจะต้องเผชิญกับอันตรายใหญ่หลวง เราอาจถูกคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติฉีกกระชากเป็นชิ้นๆก่อนที่จะไปถึงที่นั่นด้วยซ้ำ พวกคุณรู้แบบนี้แล้ว…แน่ใจหรือว่ายังอยากตามผมไป?”


ในครั้งก่อน จางเซวียนเผชิญหน้ากับคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งมิติและได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะเดินทางจากทวีปแห่งปรมาจารย์เข้าสู่มิติเบื้องบน หากเขาไม่บังเอิญโชคดีที่ได้ตั้นเฉี่ยวเทียนช่วยชีวิตไว้ ก็ยากจะจินตนาการได้ว่าตัวเขาจะเป็นอย่างไร

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)