ข้ามกาลบันดาลรัก 214.2-214.3
ตอนที่ 214-2 ซุนเหลียงไฉถูกลงโทษ
เดินมาถึงถนนใหญ่ก็ได้ยินเสียงรถม้า จึงหยุดฝีเท้าหันมองไปเบื้องหลัง เห็นรถม้าหกเจ็ดคันวิ่งควบอยู่บนบนถนนใหญ่ของหมู่บ้าน ผู้ที่นั่งอยู่บนรถม้านำขบวนก็คือหลงจู๊แห่งเหลาจวี้เสียน
หลงจู๊ก็มองเห็นนางแล้ว ร้องทักทายนางแต่ไกล “แม่นางเมิ่ง!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนรออยู่ตรงนั้น
รถม้าแล่นใกล้เข้ามา หยุดจอดเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว หลงจู๊ลงมาจากรถม้า หัวเราะแหะๆ พูดว่า “แม่นางเมิ่ง ข้ากำลังจะไปหาเจ้าที่บ้านพอดี นายท่านของพวกเราตอบจดหมายมาแล้ว บอกว่าเหลาจวี้เสียนทุกสาขาล้วนต้องการมันฝรั่งจำนวนมาก รถม้าพวกนี้พวกเขาเป็นคนส่งมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ยิ้มพูด “ขอบคุณหลงจู๊ที่ช่วยข้า”
หลงจู๊โบกมือ “พวกเราต่างร่ำรวยด้วยกัน เจ้ามิต้องขอบใจหรอก”
เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่เกรงใจอีก พูดว่า “ไปเถอะ พวกเราจะพาพวกท่านไปโรงงาน มันฝรั่งทั้งหมดกองเก็บเอาไว้ที่นั่น ต่อไปพวกท่านมาอีกให้ตรงเข้าไปได้เลย”
หลงจู๊พยักหน้า ไม่ขึ้นไปบนรถม้า เดินไปโรงงานพลางพูดคุยกับเมิ่งเชี่ยนโยว
รถม้าเป็นขบวนเด่นสะดุดตา ทำเอาคนทั้งหมู่บ้านตาร้อนผ่าวอีกครั้ง พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจำนวนไม่น้อยเดินตามติดไป หวังจะตามไปดูถึงโรงงาน พอเดินมาถึงหน้าประตู กลับถูกพวกอู๋ต้าที่เฝ้าประตูอยู่ขวางไว้ พูดกับพวกเขาว่า “นี่คือโรงงาน นอกจากคนงานแล้ว คนในหมู่บ้านไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าไป”
คนในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยที่ทำงานในโรงงาน ทราบกฎระเบียบภายในดี หยุดชะงักฝีเท้า คอยมองดูเหตุการณ์จากภายนอก
รถม้าเข้ามาในลานกว้างภายในโรงงานทั้งหมดแล้ว พวกอู๋ต้าจึงปิดประตูใหญ่โรงงาน
เมิ่งเชี่ยนโยวพาหลงจู๊มาด้านหน้าประตูโกดังโรงหนึ่ง เปิดประตูออก เผยให้เห็นมันฝรั่งกองพะเนินเต็มห้อง
หลงจู๊เบิกตาโพลง กล่าวทอดถอนใจอย่างสุดซึ้ง “แม่นางช่างมีความสามารถนัก ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งปีก็เก็บเกี่ยวมันฝรั่งได้มากมายเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้โกดังเปล่าอีกสองสามโรงพูดว่า “นี่เป็นเพียงส่วนน้อย ภายในโกดังเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยมันฝรั่ง”
หลงจู๊ยิ่งทวีความตกตะลึง
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับอู๋ต้าให้ไปเรียกคนที่บ้านมาบรรจุมันฝรั่งแล้วชั่งให้เรียบร้อย
หลงจู๊กล่าวว่า “นายท่านของพวกเราบอกว่า ต้องการมันฝรั่งภัตตาคารละหนึ่งพันจินก่อน โดยมีทั้งหมดเจ็ดภัตตาคาร พวกท่านบรรจุให้ตามจำนวนนี้ก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า สั่งพวกอู๋ต้าให้ทำตามนี้
เก็บเกี่ยวมันฝรั่งมาหลายวันแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเข้ามาซื้อมันฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็นพวกอู๋ต้า หรือครอบครัวเมิ่งเอ้ออิ๋นต่างดีใจปลาบปลื้ม ใบหน้าแต่ละคนเต็มตื้นไปด้วยความปิติยินดี
ยังคงเป็นเมิ่งเสียนและเมิ่งฉีรับหน้าที่จดบัญชี พวกอู๋ต้าเวียนกันเข้ามาชั่งน้ำหนัก คนที่เหลือช่วยบรรจุมันฝรั่ง ทุกคนต่างทำงานแข็งขันอย่างเป็นระบบระเบียบ
ขณะรอการบรรจุมันฝรั่งนั้น หลงจู๊ก็ยิ้มบอกเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “แม่นางเมิ่ง ในที่สุดพ่อครัวก็ทำพระกระโดดกำแพงสำเร็จแล้ว ไม่ต้องเปิดฝากลิ่นหอมก็คละคลุ้งขจรขจายไปไกล ลูกค้าที่มากินข้าวต่างสั่งจองอาหารนี้ และเกือบจะวิวาทกันเพราะอาหารจานนี้ ข้าเป็นหลงจู๊มานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นภัตตาคารเกิดปรากฏการณ์แย่งสั่งจองอาหารอย่างโกลาหลเช่นนี้ เป็นเพราะแม่นางโดยแท้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้ม “ข้าเพียงแค่สอนพ่อครัวครั้งเดียว ส่วนที่เหลือเป็นเขาที่ตั้งใจพยายามทำเอง ความสำเร็จใหญ่หลวงนี้ท่านอย่าได้ผลักมาที่ข้าเลย”
หลงจู๊ก็หัวเราะแหะๆ พูดว่า “แม่นางถ่อมตนแล้ว หากไม่ได้เจ้าถ่ายทอดวิชาให้พ่อครัว ต่อให้เขาเพียรพยายามอย่างไรก็ไม่มีทางทำพระกระโดดกำแพงเลิศรสนี้ได้ วันนั้นข้ายังพูดกับพ่อครัวว่า แม่นางก็คือดาวนำโชคของเหลาจวี้เสียน ตั้งแต่ได้รู้จักเจ้า การค้าของเหลาจวี้เสียนของพวกเรามีแต่ดีวันดีคืน แม้แต่เหลาจวี้เสียนในตัวจังหวัดก็เทียบไม่ได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “หลงจู๊กล่าวชมเกินไปแล้ว การที่การค้าของเหลาจวี้เสียนดีได้เช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะท่านดำเนินการค้าได้สัมฤทธิ์ผล”
หลงจู๊โบกมือ “ไม่ขอปิดบังแม่นาง หลงจู๊ของเหลาจวี้เสียนเราทุกคนล้วนถูกคัดเลือกจากนายท่านเองกับมือ แต่ละคนมีคุณสมบัติไม่แตกต่างกัน ดังนั้นเหลาจวี้เสียนทุกสาขาล้วนประกอบการได้ดีเยี่ยม มีเพียงตำบลชิงซีด้วยเพราะเป็นเมืองเล็กๆ ส่งผลให้กำไรในแต่ละปีได้น้อยที่สุด ทำให้ยามเมื่อต้องส่งบัญชีประจำปีรายงานนายท่าน ในบรรดาหลงจู๊ทั้งหมดข้ามีผลประกอบการที่แย่ที่สุด แม้นายท่านจะไม่ว่ากล่าวอะไร แต่ข้ากลับรู้สึกตะขิดตะควงใจมาตลอด ตั้งแต่ได้สูตรอาหารจากแม่นาง การค้าของเหลาจวี้เสียนของข้าก็มีแต่เจริญเฟื่องฟู ปีใหม่ของปีที่แล้วในที่สุดข้าก็ไม่ใช่คนที่ทำกำไรได้น้อยที่สุดอีกต่อไป ปีนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ได้พระกระโดดกำแพงที่แม่นางถ่ายทอดสูตรให้ ไม่แน่ว่าข้าจะเป็นคนที่กำไรได้เยอะที่สุดของปีนี้” พูดจบราวกับกำลังคิดฝันถึงภาพเหตุการณ์นั้น แสยะยิ้มมีความสุข
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เช่นนั้นข้าต้องแสดงความยินดีกับหลงจู๊ก่อนแล้ว เพียงแต่ว่าพระกระโดดกำแพงนี้เป็นทักษะสุดท้ายของข้าแล้ว ต่อไปข้าไม่มีสิ่งใดจะสอนพ่อครัวอีก”
หลงจู๊ได้ฟังก็ไม่ผิดหวัง หัวเราะแหะๆ พูดว่า “ด้วยพระกระโดดกำแพงนี้ก็เพียงพอให้ข้าขายไปได้หลายปีแล้ว รอถึงตอนนั้น ไม่แน่ว่าแม่นางจะคิดค้นสูตรอาหารใหม่ออกมาอีกก็เป็นได้”
“ความจริงพระกระโดดกำแพงนี้มิใช่จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ในทุกช่วงระยะเวลาหนึ่งท่านให้พ่อครัวเปลี่ยนผักชนิดต่างๆ กันใส่ไว้ด้านใน รสชาติที่ออกมาก็จะไม่เหมือนกัน” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
หลงจู๊หน้าบาน “ขอบใจแม่นาง ข้ากลับไปแล้วจะต้องบอกพ่อครัว ให้เขาตั้งใจคิดค้นให้มากขึ้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ เปลี่ยนหัวเรื่องพูดอย่างไม่ให้ตั้งตัว “ข้านับถือนายท่านของพวกท่านมาก เปิดเหลาจวี้เสียนในที่ต่างๆ ได้มากมายเช่นนี้ เอาไว้ยามที่เขามาตรวจร้าน รบกวนท่านช่วยแนะนำให้ด้วยเถิด ข้าจักได้เรียนรู้การทำการค้าจากเขา”
หลงจู๊ต้องพบเจอคนมากมายหลายประเภททุกวัน ไฉนเลยจะฟังความหมายแฝงของนางไม่ออก หัวเราะกลบเกลื่อนไม่ตอบรับใดๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขาไม่อยากเอ่ยถึง จึงไม่พูดอะไรอีกอย่างรู้ความ
คนทั้งหมดบรรจุมันฝรั่งอย่างคึกคักกระตือรือร้น มันฝรั่งเจ็ดพันจินเพียงครึ่งชั่วยามก็บรรจุเสร็จเรียบร้อย พวกอู๋ต้านำไปวางบนรถม้าตามคำบอกของหลงจู๊ได้รถม้าละหนึ่งพันจินพอดิบพอดี
เมิ่งเสียนนำบัญชีที่จดบันทึกเสร็จมาให้หลงจู๊ดู
หลงจู๊โบกมือ “ไม่ต้องดูแล้ว พวกเราทำการค้าด้วยกันมาหลายครั้ง ข้าเชื่อใจพวกเจ้า” พูดจบ ล้วงตั๋วเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากอกเสื้อมอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว “นี่คือตั๋วเงินสามพันห้าร้อยตำลึง เชิญแม่นางนับก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา ไม่แม้แต่จะมองก็ส่งให้เมิ่งเสียน “ข้าก็เชื่อใจหลงจู๊เช่นกัน”
หลงจู๊หัวเราะร่วน
รถม้าเจ็ดคันออกมาจากโรงงานอย่างเอิกเกริก
พวกที่สนใจเรื่องชาวบ้านยังไม่แยกย้ายไป เห็นรถม้าที่ดูมีน้ำหนักมากกว่าตอนเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด ต่างคาดเดาต่างๆ นานาว่าขายมันฝรั่งไปมากเท่าใด
หลังจากบอกลาเมิ่งเชี่ยนโยว หลงจู๊ก็นำรถม้าจากไปอย่างสุขใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวมองส่งรถม้าไปจนลับตา แล้วมองดูกลุ่มคนด้านนอกโรงงานที่ยังไม่ยอมแยกย้ายไป จึงกำชับอู๋ต้าและซุนเอ้ออีกครั้งจะต้องเฝ้าหน้าประตูใหญ่โรงงานให้ดี หากไม่ใช่คนงานในโรงงานใครก็ห้ามเข้าไป
ทั้งสองคนตบหน้าอกรับประกัน “นายหญิง ท่านวางใจเถอะ พวกเราจะเฝ้าประตูใหญ่ให้ดีที่สุด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า กำลังจะจากไปพร้อมคนในครอบครัว จูอู่และภรรยาก็กระวีกระวาดเข้ามาแต่ไกล เห็นทุกคนยืนอยู่หน้าประตู ยิ่งเร่งความเร็วฝีเท้า หายใจหอบพูดกับหลี่ตุนว่า “หลี่ตุน แม่เจ้าล้มป่วยมาหลายวันแล้ว อาการไม่ค่อยดี เจ้ารีบกลับไปดูเถอะ”
บิดาหลี่ตุนจากไปเร็ว มีเพียงมารดาที่เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ลำพัง คอยโอนอ่อนตามใจเขา ส่งผลให้ต่อมาเขากลายเป็นคนเกียจคร้าน ไม่ทำการทำงาน แม่เฒ่าหลี่ตุนคอยหว่านล้อมเกลี้ยกล่อมเขา เขาไม่เพียงไม่ฟัง กลับมีนิสัยชอบลักเล็กขโมยน้อย แม่เฒ่าหลี่ตุนด้วยความโมโห ตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา บอกว่าต่อไปไม่ว่าอย่างไร ไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เริ่มแรกหลี่ตุนหาได้แยแส ยังคงประพฤติชั่วไม่ปรับเปลี่ยน ต่อมาถูกเมิ่งเชี่ยนโยวซื้อตัว ห่างไกลจากเพื่อนเสเพล ถึงค่อยๆ กลับมาทบทวนถึงพฤติกรรมตลอดหลายปีที่ผ่านมาของตัวเอง ในที่สุดก็รู้ซึ้งว่าตนเองอกตัญญูเพียงใด ดังนั้นหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ทุกครั้งที่เมิ่งเชี่ยนโยวปล่อยพวกเขากลับบ้านได้เดือนละสองวัน เขาจะเอาแต่อยู่ในบ้านคอยดูแลมารดาชรา ไม่เคยออกไปไหน แม้แต่เงินเดือนที่เหวินเปียวนำมาให้ ก็มอบให้มารดาชราดูแลโดยไม่แตะแม้สักอีแปะเดียว ความสัมพันธ์ของสองแม่ลูกถึงคลี่คลายดีขึ้น ตอนนี้ได้ยินสะใภ้จูอู่พูดเช่นนี้ หลี่ตุนพลันตาแดงชื้น เงยหน้ามองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างวิงวอน
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบพูดทันที “ไปเถอะ รีบกลับไปดูมารดาเจ้า”
หลี่ตุนกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ยกเท้าวิ่งปรู๊ดไปหมู่บ้านซุนทันที
ตอนที่ 214-3 ซุนเหลียงไฉถูกลงโทษ
สะใภ้จูอู่ปรับลมหายใจจนเป็นปกติ ถึงพูดกับทุกคน “หลี่ตุนฝากฝังข้ายามว่างให้คอยไปดูแลมารดาเขา ข้าคอยไปดูให้ตลอด แต่ไม่กี่วันมานี้ไปทำงานในแปลงดิน จึงไม่ได้เข้าไป วันนี้พอจะมีเวลาว่าง ข้าจึงเข้าไปดู ไม่คิดว่าร้องเรียกอย่างไรก็ไม่มีเสียงตอบรับ ข้ารู้สึกผิดปกติ จึงเปิดประตูเดินเข้าไป กลับเห็นแม่เฒ่าหลี่ตุนดวงตาปิดสนิท นอนนิ่งอยู่บนเตียง ตอนนั้นข้าตกใจมาก รวบรวมความกล้าเข้าไปลูบคลำ พบว่านางยังมีลมหายใจ จึงรีบร้องเรียกเพื่อนข้างบ้านให้ไปตามหมอมา หลังจากหมอมาดูอาการ บอกว่านางล้มป่วยมาหลายวันแล้ว ทั้งไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ร่างกายจึงยิ่งอ่อนแอ พูดยากว่าจะดีขึ้นได้หรือไม่ พอข้าได้ยินเช่นนั้นก็รีบขอร้องเพื่อนบ้านให้ดูแลนาง แล้วตะลีตะลานวิ่งมาตามหลี่ตุน หวังว่าเขาจะได้กลับไปทันเห็นมารดาเขาเป็นครั้งสุดท้าย”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น
จูอู่เห็นดังนั้น นึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวตำหนิโทษที่ภรรยาตนเองเข้ามาตามหลี่ตุนไปโดยพลการ กำลังจะเอ่ยปากขอร้องแทน
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเหวินเปียว “เจ้ารีบไปบังคับรถม้าออกมา พวกเราจะตามไปดู”
เหวินเปียวรับคำไปบังคับรถม้าออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับสะใภ้จูอู่ด้วยน้ำเสียงละมุน “ประเดี๋ยวเจ้านั่งรถม้าของข้ากลับไปด้วยกันเถอะ”
แม้แต่รถเทียมเกวียนสะใภ้จูอู่ก็ไม่เคยนั่งมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรถม้า ได้ฟังก็ตื่นเต้นลุกลนจนวางมือวางไม้ไม่ถูก กล่าวขอบคุณด้วยริมฝีปากสั่นระริก
จูอู่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวมิได้จะตำหนิโทษภรรยาตนเอง ก็ให้โล่งใจ รีบร้อนกล่าวขอบคุณ
เหวินเปียวบังคับรถม้าออกมา สะใภ้จูอู่มองจูอู่อย่างอาลัยอาวรณ์แวบหนึ่ง แล้วขึ้นไปนั่งบนรถม้าพร้อมเมิ่งเชี่ยนโยว
ทั้งสองนั่งดีแล้ว เหวินเปียวก็ตวัดบังเ**ยนบังคับรถม้าตรงไปหมู่บ้านซุน สะใภ้จูอู่เห็นภายในห้องโดยสารประดับตกแต่งงดงามโอ่อ่า กลัวจะทำเบาะสกปรก พยายามห่อหดตัวให้เล็กที่สุด นั่งนิ่งไม่ขยับในมุมหนึ่งของรถม้า
เมิ่งเชี่ยนโยวมองนางแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “เจ้าเขยิบมาหน่อยเถิด นั่งแบบนั้นไม่สบายเอาเสียเลย”
สะใภ้จูอู่รีบร้อนโบกมือ “ไม่ๆๆ นายหญิง ข้านั่งตรงนี้ก็ได้แล้ว จะทำรถม้าท่านเลอะเปล่าๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “รถม้าเลอะเอาไปล้างก็หายแล้ว เจ้าเขยิบเข้ามาอีกหน่อยเถิด”
สะใภ้จูอู่มองนางอย่างระวังแวบหนึ่ง ถึงเขยิบเข้าไปด้านในเล็กน้อย แล้วพยายามห่อหดตัวให้เล็กที่สุด
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูร่างกายอ้วนกลมที่พยายามห่อหดตัวจนกลายเป็นก้อนกลมของนาง อดรู้สึกขบขันไม่ได้ รู้ว่านางหวาดกลัวตัวเอง จึงไม่พูดอะไรอีก
ตลอดทางไม่รู้ว่าสะใภ้จูอู่แอบลอบมองประเมินนางกี่ครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งทำเป็นไม่รู้ ปล่อยให้นางมองตามใจ
รถม้ามาถึงหน้าประตูบ้านหลี่ตุน สะใภ้จูอู่แย่งลงจากรถม้าก่อน แล้วเปิดม่านบังรถให้เมิ่งเชี่ยนโยวอย่างอ่อนน้อม พูดว่า “นายหญิงระวังด้วย!”
ข่าวที่แม่เฒ่าหลี่ตุนล้มป่วยแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านโดยเร็ว คนในหมู่บ้านต่างหยิบของเล็กๆ น้อยๆ ติดไม้ติดมือเข้ามาเยี่ยม เห็นสะใภ้จูอู่เดินลงมาจากรถม้าหรูหรา ก็ให้ตกใจ กำลังจะเอ่ยปากถาม ก็เห็นสะใภ้จูอู่เปิดม่านบังรถ ร้องเรียกนายหญิง ยิ่งทวีความกังขา
เมิ่งเชี่ยนโยวลงมาจากรถม้า สายตาทุกคู่ของชาวบ้านรวมศูนย์จับจ้องมาที่นาง ต่างคาดเดาว่านางเป็นใคร
เมิ่งเชี่ยนโยวให้พวกเขามองประเมินตามสบาย เดินมุ่งหน้าเข้าไปในบ้าน
หลี่ตุนวิ่งกลับมาถึงบ้านนานแล้ว กำลังขอร้องหมอให้ช่วยมารดาตนเองด้วยสีหน้ากระสับกระส่าย
ภายในบ้านเนืองแน่นไปด้วยคน สะใภ้จูอู่ร้องบอกให้พวกเขาหลีกทาง ให้เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปในบ้าน
คนในบ้านด้านหนึ่งหลีกทางให้ ด้านหนึ่งพินิจมองนางด้วยแววตาประหลาดใจ
หลี่ตุนมองเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่เชื่อ ร้องเรียกด้วยความดีใจระคนประหลาดใจ “นายหญิง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า มองแม่เฒ่าหลี่ตุนที่นอนอยู่บนเตียง เห็นนางเบ้าตาลึกโบ๋ ดวงตาปิดสนิท ราวกับไร้ซึ้งลมหายใจแล้ว ก็ให้ขมวดคิ้วมุ่น
หมอเห็นนางแต่งกายไม่เหมือนคนบ้านนอก นึกว่าเป็นญาติของครอบครัวหลี่ตุน ถอนหายใจพูดว่า “นางเพียงเป็นไข้ลม หากได้รับการรักษาทันท่วงทีแค่ยาไม่กี่เทียบก็ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่นางไม่มีคนดูแล ไม่เพียงไม่ได้กินยา หลายวันมานี้แม้แต่ข้าวก็ไม่ตกถึงท้อง ร่างกายร่อแร่เต็มที่ ตอนนี้ต้องแล้วแต่ฟ้าลิขิตแล้ว”
“ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วหรือ?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามเสียงแผ่ว
หมอพยักหน้า “หากมีโสมคนยังพอช่วยชีวิตนางได้” แล้วพลันทอดถอนใจ “แค่โสมคนต้นเล็กๆก็หลายสิบตำลึงแล้ว ชีวิตคนบ้านนอกราคาถูก ไหนเลยจะไปมีปัญญาใช้ของดีแบบนั้นได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังไปพูดกับสะใภ้จูอู่ “รบกวนเจ้าไปตามเหวินเปียวเข้ามาหน่อยเถิด”
สะใภ้จูอู่ได้รับการปฏิบัติอย่างเกรงใจเช่นนี้จากเมิ่งเชี่ยนโยว รู้สึกตกใจที่ได้รับความเมตตา ออกไปตามเหวินเปียวเข้ามาอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
เหวินเปียวผูกรถม้าดีเรียบร้อย เดินเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเขา “ในบ้านข้ามีโสมคนหลายต้น เจ้าไปหาท่านแม่ข้า ให้นางเอาออกมาหนึ่งต้น รีบไปรีบมา”
เหวินเปียวรับคำอย่างอ่อนน้อม ก้าวอาดๆ ออกไป แก้มัดบังเ**ยน บังคับรถม้าจากไปโดยไว
ผู้คนภายในบ้านร้องเซ็งแซ่ มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่อยากเชื่อ
หลี่ตุนตื้นตันใจจนพูดไม่ออกแล้ว
หมอเองก็ตื้นตันใจเป็นอย่างมาก เขาเป็นหมอมาหลายปี เคยเห็นรากฝอยโสมคนไม่กี่เส้นเท่านั้น ไม่เคยได้เห็นโสมคนทั้งต้นมาก่อน ครั้งนี้จะได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
หลี่ตุนริมฝีปากสั่นระริก ได้แต่กล่าวขอบคุณเมิ่งเชี่ยนโยวไม่หยุด “ขอบคุณนายหญิง ขอบคุณนายหญิง”
ผู้คนในบ้านถึงได้รู้ว่า ที่แท้นางก็คือนายหญิงที่หลี่ตุนขายตัวให้ไป ทั้งอิจฉาและริษยาโดยพลัน ความรู้สึกมากมายทะลักล้นภายในใจพวกเขา อิจฉาที่คนชอบลักเล็กขโมยน้อย ไม่ทำการทำงานอย่างหลี่ตุนกลับได้เจอนายหญิงแสนดีเช่นนี้ โสมคนราคาหลายสิบตำลึงก็ให้เขาได้ โดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ริษยาที่เหตุใดตัวเองถึงไม่โชคดีเช่นนี้ ได้อยู่ทำงานกับนายหญิงที่ดีเลิศเช่นนี้
ผู้คนในบ้านต่างเกิดความรู้สึกต่างๆ นานา ผู้คนนอกบ้านได้ยินแล้วก็ให้ตกตะลึงตามๆ กัน โดยเฉพาะสะใภ้จูอู่ พอคิดว่านางก็เป็นนายหญิงของจูอู่ ความรู้สึกภาคภูมิลำพองทะลักล้นออกมาอย่างอธิบายไม่ได้ พลันยืดตัวยกแผ่นหลัง แสดงท่วงท่าหยิ่งทะนง
หมู่บ้านหวงอยู่ใกล้หมู่บ้านซุน เหวินเปียวใช้เวลาไม่นานก็ถือกล่องใบหนึ่งเข้ามา
ไม่รอให้เขาผูกรถม้าเสร็จ สะใภ้จูอู่ก็รีบวิ่งเข้าหาอย่างรู้งาน บอกเป็นนัยน์ว่าตนเองจะเป็นคนนำกล่องเข้าไปในบ้านเอง
เหวินเปียวมอบกล่องให้นาง สะใภ้จูอู่ประคองกล่องอย่างระมัดระวังเดินเข้ามาในบ้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมามอบให้หมอ พูดว่า “ท่านดูก่อนว่าต้นนี้ใช้ได้หรือไม่?”
หมอรับมา เปิดกล่องออก ตอนที่เห็นโสมคนสมบูรณ์ทั้งต้นนอนอยู่ภายในกล่อง ก็ให้ตกใจลุกพรวด พูดอย่างพรั่นพรึง “นี่ นี่ นี่เป็นต้นโสมคนที่สมบูรณ์มาก อย่างน้อยก็ต้องมีราคาหลายร้อยตำลึง”
ผู้คนในห้องตกตะลึงพรึงเพริด ส่งเสียงร้องต่างๆ นานา มีบางคนถึงกับชะโงกไปข้างตัวเขาเพื่อมองดูว่าโสมคนราคาหลายร้อยตำลึงนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นกลุ่มคนยุ่งเหยิงโกลาหลขมวดคิ้วยู่ย่น
สะใภ้จูอู่เห็นเช่นนั้น เอ่ยปากร้องไล่กลุ่มคน “คนในบ้านเยอะเกินไป ทำให้หมอรักษาโรคให้แม่เฒ่าหลี่ตุนไม่สะดวก ทุกคนออกไปรอด้านนอกเถอะ”
สะใภ้จูอู่เป็นคนตัวสูงใหญ่ ปกติจะเดินกร่างไปมาอยู่ในหมู่บ้าน พวกผู้หญิงในหมู่บ้านต่างก็หวาดกลัวนาง เห็นนางออกปากไล่คน ไม่มีใครกล้าปริปาก ยอมเดินออกไปด้านนอกแต่โดยดี ทว่ามิได้แยกย้ายไปไหน แต่จับกลุ่มสุมหัว ซุบซิบนินทา
คนทั้งหมดออกไปแล้ว ภายในบ้านเข้าสู่ความสงบ เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ ผ่อนคลายคิ้วขมวดมุ่นออก
หมอหยิบโสมคนที่สมบูรณ์ทั้งต้นและรากออกมา มือสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น ครู่ใหญ่ถึงสงบใจลงได้ พูดว่า “โสมคนต้นนี้มีสรรพคุณทางยาสูง แม่เฒ่าหลี่ตุนมิต้องใช้หมดทั้งต้น แค่ตัดรากทั้งหมดออกมาใช้ก็เพียงพอแล้ว”
หลี่ตุนคิดไม่ถึงเลยว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะให้คนไปเอาโสมคนที่ดีเช่นนี้มาให้ ตื้นตันใจจนเกือบจะคุกเข่าให้นาง พอได้ยินที่หมอพูด ก็รีบไปเอากรรไกรมา มือสั่นเทิ้มของหมอตัดรากทั้งหมดของโสมคนออกมา แล้วเขียนใบสั่งยา หลังจากกำชับให้หลี่ตุนไปจัดยา ก็นำรากโสมคนจัดแบ่งไว้ด้านใน
หลี่ตุนรับใบสั่งยามา หุนหันวิ่งออกไปจัดยา
สะใภ้จูอู่ออกไปช่วยจุดเตาที่อยู่ด้านนอก พอหลี่ตุนกลับมาจะได้ต้มยาได้ทันที หมอนำโสมคนที่เหลือมอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว “รากโสมคนพวกนั้นก็เพียงพอแล้ว เจ้านำโสมคนนี้กลับไปเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รับ “เก็บไว้เถอะ เผื่อจะได้ใช้อีกเล่า”
หมอส่ายหน้า “โสมคนนี้มีมูลค่าสูงลิ่ว หากมีคนประสงค์ร้าย จะเป็นภัยต่อพวกเขาสองแม่ลูกไปเปล่า เจ้านำกลับไปเถอะ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น