อัจฉริยะสมองเพชร 2140-2141

 ตอนที่ 2140 เข้าไปในมิติลี้ลับ

แอ๊ดดดด!


ประตูถูกผลักให้เปิดออก เผยให้เห็นมิติลี้ลับแห่งหนึ่ง


ทรัพย์สมบัติทุกชนิดเรียงรายอยู่ในมิติลี้ลับแห่งนั้น มากมายล้นหลามเกินกว่าที่จางเซวียนจะนับได้


ทันทีที่จางเซวียนเข้าสู่มิติลี้ลับ ก็ถูกกระแสดาบฉี กระบี่ฉี และอาวุธหลากหลายชนิดพุ่งเข้าใส่


รู้ดีว่าการโจมตีเหล่านี้มาจากจิตวิญญาณอาวุธในของล้ำค่าที่ถูกเก็บรักษาไว้ในห้องนั้น จางเซวียนย่องและหลบหลีกการโจมตีที่ถาโถมเข้ามา


10 นาทีให้หลัง จางเซวียนยืนมองรางอาวุธขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย


สมกับที่เป็นขุมสมบัติของหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่ มีของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มากกว่า 30 ชิ้น และระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อีกมากกว่า 200 ชิ้น!


ต่อให้รวบรวมอาวุธทุกชิ้นที่มีอยู่ในทวีปที่ถูกลืมเข้าด้วยกัน ก็ไม่น่าจะมีมูลค่าเหนือกว่าบรรดาอาวุธที่เขาเห็นตรงหน้า


ยากจะบอกได้ว่านี่คือข้าวของที่หอนิรันดร์สะสมมาเนิ่นนานหลายปี หรือเป็นสิ่งที่หอนิรันดร์ขโมยมาจากหอเทพเจ้า แต่ไม่ว่าจะมาจากไหน เรื่องสำคัญเรื่องเดียวก็คือทุกชิ้นตกเป็นของเขาแล้ว


จางเซวียนโบกมืออย่างวางมาด จากนั้นก็กวาดทรัพย์สมบัติทั้งหมดเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ


หลังจากเสร็จสิ้น จางเซวียนหันไปมองกองขวดหยกที่อยู่ด้านข้าง ยาเม็ดทุกชนิดลอยละล่องไปทั่วห้องราวกับฝูงนกคีรีบูนที่กำลังร้องเรียกกัน


พวกมันล้วนเป็นยาเม็ดระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ และใช้ได้ผลดีแม้แต่กับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ซึ่งสิ่งที่เตะตาจางเซวียนมากกว่านั้นก็คือยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์กว่าพันเม็ดที่อยู่บนหิ้งชั้นบนสุด


จางเซวียนกวาดทุกอย่างที่อยู่รอบตัว เขาต้องใช้แหวนเก็บสมบัติอีก 3 วงถึงจะเก็บทุกอย่างที่อยู่ในขุมสมบัติได้หมดเกลี้ยง


อันดับแรก เราต้องยกระดับวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์–สรวงสวรรค์ให้ได้!


แทนที่จะรีบออกจากขุมสมบัติ จางเซวียนทรุดตัวลงนั่งกลางห้อง เขานำยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ออกมาแล้วกลืนลงคอ ขณะเพ่งสมาธิเข้าสู่มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง


ความรู้สึกที่ไม่ต้องกังวลว่าจะมีทรัพยากรไม่เพียงพอสำหรับการฝึกฝนวรยุทธช่างเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับจางเซวียน เขาไม่เคยรู้สึกร่ำรวยอู้ฟู่เท่านี้มาก่อน นี่คือความรู้สึกของการเป็นเศรษฐีหรือ?


20 นาทีต่อมา จางเซวียนลุกขึ้นยืน


ระหว่างช่วงเวลานั้น เขายกระดับวรยุทธขึ้นเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์ได้สำเร็จพร้อมการขัดเกลาด้วย ด้วยสิ่งนี้ ก็เรียกว่าจางเซวียนได้เข้าถึงความเป็นสุดยอดของนักรบในทวีปที่ถูกลืมแล้ว!


ตราบใดที่ปรมาจารย์ขงยังไม่ได้เป็นเทพเจ้า จางเซวียนก็มั่นใจว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ


หลังจากกระบวนการทั้งหมดจบสิ้น เขาก็ออกจากขุมสมบัติและกลับไปหาตู้ชิงหย่วน


ตู้ชิงหย่วนยังไม่หายตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ สีหน้าของเธอดูงงงวยราวกับคนที่กำลังฝันกลางวัน


“หัวหน้าตู้ คุณรู้ไหมว่าจากที่นี่ เราจะกลับตำหนักคว้าดาวได้อย่างไร?” จางเซวียนฉุดตู้ชิงหย่วนออกจากภวังค์


ก่อนหน้านี้ เขากลับตำหนักคว้าดาวโดยผ่านสะพานเบื้องบน และออกจากที่นั่นมาด้วยอานุภาพของรองเท้าเลือนหายของปรมาจารย์ขง


พูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่รู้ว่าจะกลับสู่ทวีปที่ถูกลืมได้อย่างไรหากไม่มีสะพานเบื้องบน


แต่ตู้ชิงหย่วนน่าจะรู้ เพราะถึงอย่างไร เธอก็ถูกนำตัวมาที่นี่ก่อนที่สะพานเบื้องบนจะลงมา


“วรยุทธของฉันถูกสกัดกั้นไว้ตอนที่หัวหน้าขงพาฉันมาที่นี่ ฉันจึงไปไหนมาไหนไม่ได้อย่างอิสระ แต่ก็พอจะคาดเดาเทคนิคของเขาได้” หัวหน้าตู้รีบรวบรวมความคิดก่อนจะพูดต่อ “ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด เขาเดินทางมาที่นี่โดยใช้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล”


“ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


เขารู้ว่าตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลสามารถนำพาจิตใต้สำนึกของนักรบเข้าสู่หอนิรันดร์ แต่มันส่งกายเนื้อของคนคนหนึ่งทะลุมิติได้ด้วยหรือ?


“ใช่ อย่าประมาทประสิทธิภาพของตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลนะ มันอาจเล็กก็จริง แต่การทำงานของมันแสนจะเยี่ยมยอด ลำพังแค่ความสามารถในการส่งมอบข้าวของที่คุณซื้อในหอนิรันดร์ก็ทำให้มันเป็นของล้ำค่าอันน่าทึ่งแล้ว” ตู้ชิงหย่วนพูด


จางเซวียนพยักหน้า


เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครสักคนจะมองข้ามตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล แต่หากพิจารณาให้ดี มันเป็นของล้ำค่าที่น่าทึ่งไม่น้อย เพราะความสามารถในการส่งต่อข้าวของก็ถือเป็นการขนส่งทะลุมิติแบบหนึ่ง


“ฉันคาดว่าเขาใช้มันร่วมกับกระจกดำล้ำเลิศของสำนักป้อมปราการกระจกดำ กระจกดำล้ำเลิศสามารถดึงจิตวิญญาณของคนคนหนึ่งเข้าสู่กระจกได้ ทั้งยังเก็บสิ่งที่มีตัวตนไว้ในกระจกได้ด้วย โดยปกติเราใช้เฉพาะจิตใต้สำนึกเข้าสู่หอนิรันดร์ แต่ถ้ามีกระจกดำล้ำเลิศ ก็สามารถใช้กายเนื้อเข้าสู่หอนิรันดร์เสมือนจริงได้” ตู้ชิงหย่วนอธิบาย


แม้หอนิรันดร์ที่บรรดานักรบถ่ายทอดจิตใต้สำนึกของพวกเขาเข้าไปจะถูกให้คำจำกัดความว่าเป็น ‘สิ่งเสมือนจริง’ หรือภาพลวงตา แต่ก็ถือว่ามีอยู่จริง การที่นักรบที่เข้าไปในนั้นมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมและนักรบคนอื่นๆได้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์การมีตัวตนแล้ว


เพียงแต่มันมีตัวตนอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ทำให้นักรบทั่วไปไม่อาจใช้กายเนื้อเข้าถึงมัน ความแตกต่างในโครงสร้างของมิติระหว่างมิติทั้ง 2 แห่งทำให้คนธรรมดาไม่อาจเอาชีวิตรอดจากการเดินทางเข้าสู่หอนิรันดร์ ดังนั้น แม้การขนส่งข้าวของเข้าออกหอนิรันดร์จะทำได้ แต่ก็ไม่เคยมีนักรบคนไหนพากายเนื้อของพวกเขาเข้าสู่หอนิรันดร์ได้สำเร็จมาก่อน


แต่ด้วยการที่กระจกดำล้ำเลิศสามารถสะท้อน ‘ความเสมือนจริง’ ของหอนิรันดร์ ผู้นั้นจึงสามารถเชื่อมต่อกับมิติที่อยู่ในกระจกได้ด้วยการใช้กระจกดำล้ำเลิศเป็นประตูผ่านทาง การพากายเนื้อเข้าสู่ภาพลวงตาของหอนิรันดร์จึงเป็นสิ่งที่ทำได้จริง


“ถ้าเขาใช้กระจกดำล้ำเลิศสะท้อนความเสมือนจริงของหอนิรันดร์ก่อนจะใช้กระจกสะท้อนตัวเขาเอง ก็เป็นไปได้ว่าเขาน่าจะย้ายจากหอนิรันดร์สาขาหนึ่งไปอีกสาขาหนึ่งได้โดยอิสระ…”


จางเซวียนตาโตด้วยความประหลาดใจ


นั่นอธิบายได้ว่าทำไมปรมาจารย์ขงถึงต้องการรองเท้าเลือนหาย กระจกดำล้ำเลิศ และแท่นบูชา…ของล้ำค่าทั้ง 3 อย่างล้วนมีความสามารถอันน่าทึ่ง!


หากใครสักคนนำพากายเนื้อเข้าสู่ความเสมือนจริงของหอนิรันดร์ได้ ด้วยการเชื่อมต่อระหว่างความเสมือนจริงของหอนิรันดร์กับตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลทุกอัน ในทางเทคนิค ก็เป็นไปได้ที่จะส่งตัวเขาทะลุมิติไปทุกหนแห่งที่มีตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอยู่


โดยหลักการพื้นฐาน ก็น่าจะทำงานแบบเดียวกับการที่ใครคนหนึ่งได้รับข้าวของที่ซื้อมาจากหอนิรันดร์


ใครจะไปคิดว่าตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลกับกระจกดำล้ำเลิศจะใช้งานแบบนี้ได้ เหลือเชื่อจริงๆ!


จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตรงเข้าประเด็น “แต่เราไม่มีกระจกดำล้ำเลิศ…”


แม้พวกเขาจะรู้แล้วว่าปรมาจารย์ขงไปไหนมาไหนได้อย่างไร แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดความแตกต่างใดๆขึ้นมาหากไม่มีกระจกดำล้ำเลิศอยู่กับตัว


“ไม่ใช่สิ เดี๋ยวก่อน…ถึงเราไม่มีกระจกดำล้ำเลิศ ก็สร้างมิติลี้ลับเองได้ เราจะเข้าไปในนั้นและทะลุมิติผ่านตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล!” จางเซวียนตบหน้าผาก


ทำไมเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน?


“มันฟังดูเป็นไปได้ แต่ฉันคิดว่าไม่ง่ายหรอกนะที่จะสร้างมิติลี้ลับที่มั่นคงพอจะทำให้เรายังมีชีวิตอยู่ขณะเดินทางเข้าสู่ความเสมือนจริงของหอนิรันดร์” ตู้ชิงหย่วนตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว


มันคือสิ่งที่ฟังดูเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติไม่น่าจะทำได้จริง


สำหรับนักรบคนหนึ่งในทวีปที่ถูกลืม การสร้างมิติลี้ลับสักแห่งไม่ใช่งานง่าย


ถ้าเป็นอย่างนั้น…6 สำนักใหญ่คงค้นพบวิธีการทะลุมิติไปนานแล้ว คงไม่ต้องใช้เวลายาวนานหลายวันบนหลังของอสูรอมตะบินได้เมื่อต้องการเดินทางไปไหนมาไหน


ที่สำคัญกว่านั้น มันอันตรายมาก เพราะการขนส่งผ่านช่องทางนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของหอนิรันดร์ ซึ่งหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา พวกเขาจะร่วงลงสู่รอยแยกของมิติและไม่อาจกลับมาได้อีก


“มันอาจยากถ้าเป็นที่อื่น แต่สำหรับที่นี่…ก็แค่รอแป๊บเดียว” จางเซวียนพูดก่อนจะหายตัวไป


เมื่อครั้งอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ เขาสามารถสร้างมิติลี้ลับที่มั่นคงได้อย่างง่ายดาย แต่คงไม่ง่ายหากเป็นที่นี่


แต่การที่เขาทำไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ อันที่จริง มีสิ่งหนึ่งอยู่ใกล้ๆ รอให้เขาหยิบมันขึ้นมา


ขุมสมบัติที่จางเซวียนพบก่อนหน้านี้คือตัวอย่างอันสมบูรณ์แบบของมิติลี้ลับที่มั่นคงพอจะขนส่งสิ่งมีชีวิตได้


จางเซวียนกำมือ เขาบีบอัดมิติลี้ลับที่อยู่ในขุมสมบัติจนมีขนาดพอเหมาะกับฝ่ามือของเขา


ฟึ่บ!


จางเซวียนเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์แล้ว พละกำลังของเขาในเวลานี้จึงเทียบได้กับปรมาจารย์ขง แม้เขาจะไม่มีลิขิตสวรรค์ที่ทำให้มีอำนาจพิเศษเหนือมิติและเวลา แต่อย่างน้อยก็สามารถควบคุมมิติลี้ลับได้


จางเซวียนนำแหวนเก็บสมบัติออกมาวงหนึ่งและเก็บมิติลับไว้ในนั้น


“หัวหน้าตู้ เข้าไปในมิติลี้ลับเถอะ”


ตู้ชิงหย่วนพยักหน้าขณะลดระดับการป้องกันตัวลง


ครู่ต่อมา เธอก็หายวับไป


หลังจากดึงตู้ชิงหย่วนเข้าสู่มิติลี้ลับแล้ว จางเซวียนก็นำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลออกมาอันหนึ่งและถ่ายทอดจิตใต้สำนึกเข้าไปในนั้น


แม้เขาจะอยู่ในสถานที่ที่ไม่อาจเข้าถึงได้จากทวีปที่ถูกลืม แต่เพราะอยู่ในหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่ จึงเข้าสู่ความเสมือนจริงของหอนิรันดร์ได้โดยปราศจากปัญหา และสามารถติดต่อคนอื่นๆได้


ไม่ช้าหานเจี้ยนชิวก็ปรากฏตัวตรงหน้า เมื่อเห็นจางเซวียนที่หอนิรันดร์ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก


“เจ้าสำนักจาง ที่นั่นเป็นอย่างไร คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”


ไม่นานหลังจากจางเซวียนผ่านประตูเข้าไป แท่นบูชาที่อยู่อีกฟากหนึ่งก็ถูกทำลาย ทำให้ประตูสลายตัว ทุกคนที่อยู่ที่ตำหนักคว้าดาวจึงพากันตื่นตระหนก พวกเขาเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับจางเซวียน


เมื่อเห็นชายหนุ่มปรากฏตัวอีกครั้ง ถึงค่อยคลายใจ


“ผมสบายดี เดี๋ยวผมจะนำแหวนเก็บสมบัติเข้าสู่การประมูลนะ คุณช่วยประมูลมันและนำมันไปที่หอนิรันดร์ของตำหนักคว้าดาว เข้าใจไหม?” จางเซวียนสั่งการ


“ได้” หานเจี้ยนชิวพยักหน้าแม้จะไม่รู้ว่าจางเซวียนคิดอะไร


หลังจากสั่งการหานเจี้ยนชิวแล้ว จางเซวียนก็รีบออกจากหอนิรันดร์และนำแหวนเก็บสมบัติเข้าสู่การประมูล จากนั้นก็นำมังกรอสรพิษออกมา


“นี่คือตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลเปล่าๆอันหนึ่ง ผมอยากให้คุณรออยู่ตรงนี้และดูแลมันให้ดี รีบปรากฏตัวทันทีที่ผมเรียกหาคุณนะ เข้าใจไหม?” จางเซวียนพูด


มังกรอสรพิษเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มาหมาดๆ จึงแข็งแกร่งพอจะถ่ายทอดจิตใต้สำนึกเข้าสู่หอนิรันดร์ได้


ตอนที่ 2141 ไม่น่าเป็นไปได้!

จางเซวียนอยากกลับสู่ทวีปที่ถูกลืมเพื่อตามหาปรมาจารย์ขง แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาอาจต้อง กลับไปที่หอเทพเจ้าอีก จึงเตรียมตัวไว้ก่อน


หากเขากลับสู่ทวีปที่ถูกลืมได้ด้วยวิธีการนี้ ก็น่าจะกลับมาที่นี่ได้อีกโดยพึ่งพามังกรอสรพิษ


รู้ดีว่าเจ้านายคิดจะทำอะไร มังกรอสรพิษพยักหน้า “ผมเข้าใจ”


“ดีแล้ว ซ่อนตัวให้ดีล่ะ อย่าให้ใครพบคุณได้ หัวหน้าขงอาจกลับมาที่นี่อีก” จางเซวียนสั่งการอย่างเคร่งขรึม


มังกรอสรพิษพยักหน้าก่อนจะหดตัวลงจนเหลือขนาดเท่านิ้วโป้ง


ร่างจริงของมันที่มีความยาวหลายร้อยเมตรดูจะโดดเด่นเกินไป มองเห็นได้ชัดแต่ไกล แต่ถ้ามันหดตัวจนเหลือขนาดเพียงนิ้วโป้ง ก็ยากที่ใครจะหามันพบเมื่ออยู่ในห้องโถงอันกว้างใหญ่แห่งนี้


หลังจากสั่งเสียมังกรอสรพิษแล้ว จางเซวียนก็เข้าสู่มิติลี้ลับที่อยู่ในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้น มังกรอสรพิษก็เคาะสัญลักษณ์นิรันดร์กาลเบาๆ แล้วแหวนเก็บสมบัติก็หายวับไป


…..


ฟึ่บ!


ในทวีปที่ถูกลืม ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอันหนึ่งเปล่งแสงเจิดจ้าขณะที่แหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งปรากฏขึ้นจากค่ายกลทะลุมิติ


จางเซวียนออกจากมิติลี้ลับที่อยู่ในแหวนเก็บสมบัติ เมื่อเห็นหานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “มันได้ผลจริงๆ!”


แม้แผนการของเขาจะฟังดูเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ก็มีความซับซ้อนยุ่งยากมากมายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อนำมาปฏิบัติ อันที่จริง เขายังกังวลอยู่ว่ากระบวนการนี้จะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่


เพราะหากผู้ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลหักหลังเขา หรือหอนิรันดร์เกิดรู้แกวว่าเขาทำอะไรอยู่ เขาก็น่าจะลงเอยด้วยการร่วงลงสู่รอยแยกแห่งมิติ


ถึงอย่างไร จางเซวียนก็โล่งอกที่ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เห็นได้ชัดว่าหอนิรันดร์ยังไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป


เพราะถึงอย่างไร การแลกเปลี่ยนซื้อขายก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนหอนิรันดร์ไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างจริงจัง


“ท่านอาจารย์…”


เมื่อเห็นจางเซวียน จ้าวหย่ากับพรรคพวกตาโตด้วยความตื่นเต้น


จางเซวียนกำลังจะร้องเรียกพวกนั้น ก็พอดีกับที่มีบางอย่างทำให้เขาต้องเลิกคิ้ว “พวกคุณ…สำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์กันหมดแล้วหรือ?”


ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง จ้าวหย่ากับคนอื่นๆยังเป็นแค่นักรบอมตะตัวจริง แต่ตอนนี้ทุกคนเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์แล้ว แถมดูเหมือนพวกเขาพร้อมจะฝ่าด่านวรยุทธได้ตลอดเวลา!


แต่เขาเพิ่งจากไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น…


ลูกศิษย์ของเขาเก่งกาจขนาดนี้เลยหรือ?


ตลอดเวลาที่ผ่านมา จางเซวียนคิดว่าตัวเขาพัฒนาได้รวดเร็วแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังต้องใช้เวลาราวครึ่งเดือนในการยกระดับวรยุทธจากนักปราชญ์โบราณขั้น 4 มาเป็นอมตะขั้นสูง หยาดเหงื่อแรงกายและหยดเลือดที่เขาต้องเสียไปมากพอจะทำให้ผู้ชายคนไหนก็ตามถึงกับปล่อยโฮ


พูดได้เลยว่าทุกย่างก้าวของเขาช่างยากเย็นอย่างสาหัสสากรรจ์


จริงอยู่ว่าศิษย์สายตรงทั้ง 11 คนของเขาได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับเรียบง่ายและมียาเม็ดอมตะมากพอสำหรับส่งเสริมการยกระดับวรยุทธ แต่พวกเขาพัฒนาจากนักรบอมตะตัวจริงมาเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ภายในเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงได้อย่างไร?


ไม่น่าเป็นไปได้!


“ก็ไม่เร็วนะ หลังจากท่านอาจารย์จากไป พวกเราใช้เวลา 1 เดือนเต็มกว่าจะสำเร็จวรยุทธระดับนี้…” จ้าวหย่าตอบอายๆ


“1 เดือนเต็ม?” จางเซวียนขมวดคิ้ว “ผมไปนานขนาดนั้นเลยหรือ?”


เขารู้ว่ากระแสกาลเวลาในหอนิรันดร์เป็นอัตราส่วน 1:10 กับทวีปที่ถูกลืม ถ้าคิดตามที่จ้าวหย่าพูด 1 เดือนในทวีปที่ถูกลืมน่าจะเท่ากับ 3 วันหรือราว 72 ชั่วโมงในหอนิรันดร์


แต่จางเซวียนใช้เวลา 2 ชั่วโมงที่หอเทพเจ้า กับอีก 4 ชั่วโมงที่หอนิรันดร์ แม้จะรวมระยะเวลา 4 ชั่วโมงที่เขาใช้ในการปีนป่ายเสาหินด้วย แต่รวมแล้วก็ตกราว 10 ชั่วโมงเป็นอย่างมาก…


มันแตกต่างลิบลับกับระยะเวลา 72 ชั่วโมง!


“เว้นเสียแต่…”


จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา


หรือว่ากระแสกาลเวลาที่หอเทพเจ้าเป็นอัตราส่วน 1:10 กับหอนิรันดร์ หรือพูดอีกอย่างก็คือ มันเป็นอัตราส่วน 1:100 กับทวีปที่ถูกลืม?


ถ้าคำนวณจากอัตราส่วน 1:100 เขาใช้เวลา 2 ชั่วโมงที่หอเทพเจ้า และ 4 ชั่วโมงปีนป่ายสะพานเบื้องบน ซึ่งนั่นจะเท่ากับ 600 ชั่วโมงในทวีปที่ถูกลืม เมื่อบวกกับอีก 4 ชั่วโมงที่ใช้ไปที่หอนิรันดร์สำนักงานใหญ่ นั่นก็จะตกราว 640 ชั่วโมง…


ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เท่ากับราวๆ 1 เดือนในทวีปที่ถูกลืม


กระแสกาลเวลาในหอเทพเจ้าคิดเป็นอัตราส่วน 1:100 กับทวีปที่ถูกลืมจริงๆ…


แล้วกระแสกาลเวลาในสรวงสวรรค์จะเชื่องช้าแบบนี้ไหม?


คงน่าสะพรึงมากหากเป็นแบบนั้น


ยิ่งกาลเวลาดำเนินไปเชื่องช้ามากขึ้นเท่าไหร่ กฎเกณฑ์แห่งมิติของโลกใบนั้นก็จะยิ่งมั่นคงขึ้น


มิติกับเวลามีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงจนไม่อาจแยกออกจากกันได้


ถ้ากระแสกาลเวลาของมิติเบื้องบนเป็นร้อยส่วน ก็หมายความว่าความมั่นคงของมิติบนสรวงสวรรค์จะมั่นคงขึ้นเป็นร้อยเท่า


และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในมิติที่มั่นคงกว่าก็ย่อมทรงพลังกว่าด้วย เพราะพวกเขาต้องรับมือกับแรงกดดันของกฎเกณฑ์แห่งมิติที่หนักหน่วงและเข้มข้นกว่า


เรื่องนี้ทำให้จางเซวียนพลันเข้าใจว่าบรรดาเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ทรงพลังแค่ไหน ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น ปรมาจารย์ขงก็จะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงมากถ้าเขาฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ


จางเซวียนส่ายหัวขณะโยนความคิดเหล่านั้นทิ้งไปและหันมามองศิษย์สายตรงของเขา


ถ้าเด็กๆเหล่านี้มีเวลาฝึกฝนวรยุทธถึง 1 เดือน ด้วยพื้นฐานวรยุทธที่มั่นคงและทรัพยากรชั้นยอดที่มี ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะฝ่าด่านวรยุทธจากขั้นอมตะตัวจริงไปเป็นอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์


“หาที่นั่งและตั้งใจฟังให้ดีนะ ผมจะถ่ายทอดความเข้าใจเรื่องวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ของผม รวมทั้งแก่นสารของเจตจำนงของเทพเจ้าด้วย” จางเซวียนพูด


ด้วยสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ บรรดาศิษย์สายตรงของเขายังช่วยเหลืออะไรไม่ได้มากนักหากเป็นแค่นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ทุกคนจะต้องเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เป็นอย่างน้อย ถึงจะพอยืนหยัดต้านทานปรมาจารย์ขงได้


ในเมื่อพวกเขาพร้อม จางเซวียนก็พร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือในการฝ่าด่านวรยุทธขั้นสุดท้าย!


ถึงอย่างไร เขาก็ทำความเข้าใจเจตจำนงของเทพเจ้าได้ถึง 7 รูปแบบแล้ว ขอแค่ศิษย์สายตรงของเขาทำความเข้าใจแก่นสารของมันได้สัก 1 รูปแบบ ก็จะสามารถฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย


“ได้!”


เห็นท่านอาจารย์ของพวกเขากำลังจะเปิดการบรรยาย จ้าวหย่ากับคนอื่นๆรีบทรุดตัวลงนั่งและรอคอยอย่างตื่นเต้น


หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆกำลังจะออกจากห้อง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของจางเซวียน ก็ตัดสินใจรีรออยู่แถวนั้น


“ในการเข้าถึงวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ พวกคุณจะต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่าสรวงสวรรค์คืออะไร พวกเขาอยู่เหนือกว่าเรา เหนือธรรมชาติ นั่นคือสรวงสวรรค์ เพื่อเข้าถึงระดับนั้น นักรบคนหนึ่งจะต้องแน่วแน่ในเจตจำนงและปรับสภาวะจิตของเขาเสียก่อน…” จางเซวียนพูดช้าๆ


ในฐานะนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ตอนแรกหานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆไม่คิดว่าการบรรยายของจางเซวียนจะมีประโยชน์กับพวกเขามากนัก แต่หลังจากฟังไปสักครู่ ทุกคนก็พบว่าตัวเองกำลังดื่มด่ำกับคำบรรยายนั้น


แม้พวกเขาจะฝ่าด่านวรยุทธด้วยตัวเอง แต่เรื่องจริงก็คือแต่ละคนยังไม่เข้าใจชัดเจนนักว่าวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ประกอบขึ้นจากอะไร พวกเขาสามารถขับเคลื่อนพละกำลังในร่างกายได้อย่างอิสระ แต่ไม่รู้ว่าพละกำลังนั้นมาจากไหนและกลไกการทำงานของมันเป็นอย่างไร


เรื่องนี้ก็เหมือนกับการที่มนุษย์คนหนึ่งไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องการทำงานของร่างกายทุกส่วนของเขา


เหตุผลที่คนเหล่านี้ประสบความสำเร็จก็เพราะได้ซึมซับรังสีพิเศษจากแท่นรูปวงกลมที่สะพานเบื้องบน ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่มีอยู่ในทวีปที่ถูกลืมก็มีจำกัดมาก จึงเป็นธรรมดาที่การถ่ายทอดความรู้ต่อๆกันไปจะมีเพียงน้อยนิด


ด้วยเหตุนี้ ความเข้าใจในวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ของพวกเขาจึงเป็นไปอย่างครึ่งๆกลางๆ ต่อให้อยากทำ ก็ไม่อาจถ่ายทอดแก่นสารของวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ให้บรรดาศิษย์สายตรงของพวกเขาได้อย่างถูกต้อง


แต่นับจากวันนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป


การบรรยายของจางเซวียนเรียบง่ายและตรงไปตรงมา ทำให้ผู้ฟังจับใจความสำคัญได้อย่างรวดเร็ว เมื่อประกอบกับความเข้าใจที่เกิดขึ้น พลังปราณในจุดตันเถียนของพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่ควรจะเป็น


บึ้มมมม!


เพียง 2 ชั่วโมงหลังจากเริ่มการบรรยาย รังสีอันทรงพลังก็พุ่งขึ้นสู่กลางอากาศ จ้าวหย่ากับพรรคพวกที่ติดอยู่กับวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์มาระยะหนึ่งแล้วฝ่าด่านวรยุทธได้พร้อมๆกัน


จางเซวียนเพิ่งมอบรังสีพิเศษจากแท่นรูปวงกลมส่วนหนึ่งให้ทุกคนเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อประกอบกับความเข้าใจที่เกิดขึ้นใหม่ พวกเขาก็ก้าวเข้าสู่วรยุทธระดับที่สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว


หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆก็ยกระดับวรยุทธของพวกเขาไปเป็นขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้เช่นกัน พลังปราณของแต่ละคนเข้มข้นและบริสุทธิ์กว่าเดิม ทำให้มีประสิทธิภาพการต่อสู้สูงขึ้นมาก


ไม่ช้า การบรรยายก็จบลง


หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆรีบหยุดการฝึกฝนวรยุทธ จากนั้นก็มองจางเซวียนและตั้งคำถาม “ท่านอาจารย์ สถานการณ์ของหอเทพเจ้าในเวลานี้เป็นอย่างไร?”


พวกเขาดื่มด่ำกับการฝึกฝนวรยุทธจนลืมถามรายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่จางเซวียนทะลุมิติผ่านแท่นบูชาออกไป


“เรื่องเป็นอย่างนี้…”


จางเซวียนทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เขาได้เผชิญหลังจากเข้าสู่อีกฟากหนึ่งของประตู


“คุณกำลังจะบอกว่าหัวหน้าขงฉกฉวยรังสีสวรรค์ของคุณไป และมีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะได้เป็นเทพเจ้า?” หานเจี้ยนชิวหรี่ตาด้วยความตกใจ


จางเซวียนพยักหน้า “ถ้าเขาทำสำเร็จล่ะก็ พวกเราทุกคนจบเห่แน่”


ความไม่ธรรมดาของปรมาจารย์ขงคือการได้ครอบครองเศษเสี้ยวหนึ่งของสวรรค์ มีโอกาสที่อีกฝ่ายจะฉกฉวยหอสมุดเทียบฟ้าไปหลังจากได้เป็นเทพเจ้าแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ขงในตอนนั้น ต่อให้จางเซวียนมีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 20 คนเป็นสมัครพรรคพวก ก็ยังถือว่าเสียเปรียบ


เพราะลำพังแค่ตัวเขาเอง ต่อให้หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆผนึกกำลังกัน ก็สู้เขาไม่ได้ จึงไม่น่าจะสามารถรับมือกับปรมาจารย์ขงที่เข้าถึงระดับเทพเจ้า


ไม่ว่าปรมาจารย์ขงคนนั้นจะเป็นตัวจริงหรือไม่ แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาคือของจริง


“แล้วเราจะทำอย่างไร?” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวตั้งคำถามอย่างร้อนใจ


“มีเพียง 2 อย่างเท่านั้นที่เราทำได้ในเวลานี้ อย่างแรก ตามหาปรมาจารย์ขงและช่วงชิงรังสีสวรรค์กลับมา ขอแค่เรายับยั้งเขาจากการฝ่าด่านวรยุทธได้ เราก็จะชนะ” จางเซวียนพูด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)