ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 2137-2154

 ตอนที่ 2137 มนุษย์สุกรอู่เยวี่ย


ครึ่งปีให้หลัง


ที่พักอาศัยแห่งหนึ่งละแวกชานเมืองในเมืองหลวง อู่เยวี่ยที่ถูกปิดผนึกไว้ในโอ่งใบใหญ่เงยหน้าขึ้นหมายจะมองดูแสงจันทร์นอกหน้าต่าง แต่ตำแหน่งของเธอไกลจากหน้าต่างเกินไป แม้จะเอียงศีรษะเก้าสิบองศาก็ยังไม่สามารถมองเห็นพระจันทร์ได้ จึงเห็นได้แค่แสงจันทร์สีขาวที่สาดส่องเข้ามายังหน้าต่างและกระทบลงมาบนพื้น


อู่เยวี่ยอยากขยับตัวแต่เธอไม่มีมือไม่มีเท้าจึงทำให้ขยับร่างกายไม่ได้เลย เธอกินดื่มขับถ่ายอยู่แต่ในโอ่งใบนี้


คนที่เฮ่อเหลียนเช่อจัดไว้ก็ไม่กล้าที่จะปล่อยปละละเลยคอยเทียวมาอาบน้ำชำละล้างให้เธอทุกวัน และทุกมื้ออาหารในแต่ละวันก็มักจะอุดมสมบูรณ์ ล้วนเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่บำรุงสายตา อย่างเช่น ตับหมู เนื้อเป็ด ปลาดำ และบลูเบอร์รี่เป็นต้น เลี้ยงดูเธออย่างอุดมสมบูรณ์


อู่เยวี่ยไม่เข้าใจว่าเฮ่อเหลียนเช่อคิดจะทำอะไรกันแน่?


ทั้ง ๆที่ตอนถูกจับกลับมาครั้งนั้น เฮ่อเหลียนเช่อตัดแขนขาสี่ข้างของเธอขนาดนั้นแล้ว และยังใช้การลงโทษทั้งหมดที่มีอยู่ทรมานเธอราวกับตายทั้งเป็น ในขณะที่เธอต้องการเพียงความตายแต่เฮ่อเหลียนกลับไม่ยอมยกให้เธอง่าย ๆ


ทรมานเธอมาแรมเดือน เฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่ได้ลงโทษอะไรเธออีก แถมยังพาเธอมาอยู่ในโอ่งใบใหญ่ทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์สุกร[1] ตั้งแต่นั้นมา โลกทั้งใบของเธอก็คือโอ่งใบใหญ่ใบนี้!


เธอใช้ชีวิตอยู่ในโอ่งใหญ่ใบนี้มานับครึ่งปี เธอคำนวณวันเวลาตามที่พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดิน และบัดนี้ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว…


เหตุใดเฮ่อเหลียนเช่อถึงไม่ฆ่าเธอ?


เขาจะทำอะไรกับเธอกันแน่?


ในใจอู่เยวี่ยเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา แน่นอนว่าเธอไม่เคยคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะไว้ชีวิตเธอ ความตายเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่เธอแค่ไม่มั่นใจว่าต้องตายด้วยวิธีไหน!


ผ่านไปอีกหนึ่งคืน อู่เยวี่ยตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงร้องประสานเสียงของนก จากนั้นก็รอคอยการปรนนิบัติจากคนที่จับตาดูเธอมาตลอด และคน ๆนั้นก็คือหญิงสาวร่างกำยำผู้หนึ่ง ในทุก ๆเช้าจะเก็บน้ำค้างที่สดใหม่มาล้างดวงตาให้กับเธออย่างพิถีพิถัน


ที่ว่ากันว่าน้ำค้างช่วยทำให้ดวงตาสว่าง เมื่อก่อนเธอไม่เคยเชื่อแต่ตอนนี้กลับเชื่อสนิท


ล้างตามานานนับครึ่งปี อู่เยวี่ยก็รู้สึกสบายตาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การมองเห็นก็ดีขึ้นมากและเห็นสิ่งของได้ชัดเจนขึ้น!


ประตูถูกเปิดออก หญิงร่างกำยำเดินเข้ามาในมือพร้อมขวดน้ำค้างเล็ก ๆขวดหนึ่ง และไม่มีสิ่งใดอีก


อู่เยวี่ยรู้สึกประหลาดใจมากเพราะทุกครั้งมักจะมาพร้อมกับอาหารเช้ามื้อใหญ่ หลังจากที่ล้างดวงตาให้เสร็จก็จะป้อนข้าวป้อนน้ำให้กับเธอ ทุกวันจะเป็นเช่นนี้ เหตุใดวันนี้ถึงไม่มีอาหารเช้าล่ะ?


“เงยหน้าขึ้น” หญิงร่างกำยำเอ่ยเสียงนิ่งขรึมแล้วหยดน้ำค้างลงในดวงตาของอู่เยวี่ย น้ำค้างเหล่านี้เก็บมาในช่วงเช้าตรู่ฉะนั้นจะอืดอาดชักช้าไม่ได้


อู่เยวี่ยรับรู้ถึงความเย็นชื้นในดวงตาพลันรู้สึกสบายไปทั่วทั้งร่างกาย จากนั้นก็ล้างหน้าแปรงฟันให้ แถมยังรวบผมให้เธอด้วย ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอนขาดเพียงแค่อาหารมื้อเช้า


ในใจเธอรู้สึกถึงลางร้าย จึงลอบถาม “วันนี้ไม่มีอาหารเช้าเหรอ?”


“ไม่มี!” หญิงสาวตอบเสียงดังทุ้ม


“แล้วอาหารมื้อเที่ยงมีไหม?”


หญิงสาวเหลือบมองเธอแวบหนึ่งอย่างเห็นใจแล้วเอ่ยเสียงรำคาญใจว่า “จะพูดจาไร้สาระอะไรนักหนา อีกเดี๋ยวจะพาเธอย้ายไปที่อื่นแล้ว!”


จะว่าไปแล้วหญิงสาวผู้นี้ก็นึกเห็นใจอู่เยวี่ยอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าทำไมถึงไปทำให้คุณชายเช่อไม่พอใจเข้าแบบนั้น อายุยังน้อยกลับกลายเป็นมนุษย์สุกรเสียได้ ตอนนี้แม้แต่ดวงตาก็รักษาไว้ไม่ได้แล้ว ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปเลย!


เห็นใจก็ส่วนเห็นใจ หญิงสาวไม่ปริปากพูดอะไรมากไปกว่านี้อีกเพราะเธอไม่กล้ายั่วโมโหคุณชายเช่อ ทำงานให้มากพูดให้น้อยรับเงินแล้วแยกย้าย นี่คือหลักการทำงานของเธอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอสามารถอยู่รอดภายใต้บังคับบัญชาของเฮ่อเหลียนเช่อมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้ง ๆที่เธอไร้ความสามารถหน้าตาอัปลักษณ์และไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย!


อู่เยวี่ยใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ย้ายไปที่อื่น?


เธอจะถูกย้ายไปที่ไหน?


หรือว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะจัดการกับเธอแล้ว?


ไม่นานก็มีคนเข้ามายกอู่เยวี่ยออกมาจากโอ่ง พร้อมกับอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดและนำตัวไปโรงพยาบาลทหาร เฮ่อเหลียนเช่อและกลุ่มจักษุแพทย์ชั้นนำที่ได้รับเชิญจากต่างประเทศมาเป็นพิเศษต่างก็กำลังรอเธออยู่


………………………………………………………………


ตอนที่ 2138 สำนึกผิดตอนใกล้ตาย


 “คุณชายเช่อครับ พาตัวมาถึงแล้วครับ” ลูกน้องรายงานต่อเฮ่อเหลียนเช่อ


“ไปพาตัวมาให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คสิ” เฮ่อเหลียนเช่อออกคำสั่ง


เสี่ยวเป่าอายุครบหนึ่งขวบเมื่อวานนี้ เขาให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจดูเสี่ยวเป่าตั้งแต่เช้าตรู่ ผู้เชี่ยวชาญแจ้งว่าดวงตาของเสี่ยวเป่ารักษาได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี หนึ่งขวบเป็นช่วงอายุที่ดีที่สุดสำหรับการผ่าตัด


อีกทั้งอู่เยวี่ยเป็นแม่แท้ ๆของเสี่ยวเป่า ข้อดีต้องมีมากพออยู่แล้ว อาจถึงขั้นสมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้!


ครั้งนี้เป็นการผ่าตัดอย่างลับ ๆ หนิงเฉินเซวียนไม่รู้เรื่องนี้ เพื่อการผ่าตัดของเสี่ยวเป่าเขาถึงขั้นสร้างโรงพยาบาลส่วนบุคคลที่มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยครบครันแห่งนี้ขึ้น อุปกรณ์ต่าง ๆในโรงพยาบาลล้วนเป็นของชั้นนำระดับโลก แม้แต่โรงพยาบาลทหารก็ไม่มีอุปกรณ์ที่ดีขนาดนี้ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ต่างก็เป็นจักษุแพทย์เฉพาะทางอันดับต้น ๆของโลก สำหรับพวกเขาแล้วการปลูกถ่ายกระจกตานั้นง่ายเสียยิ่งกว่าการกินสเต็กชิ้นหนึ่งเสียอีก ต่อให้หลับตาก็ยังสามารถทำการผ่าตัดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ


แต่ราคาที่เฮ่อเหลียนเช่อยอมจ่ายเพียงพอที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ใจเต้นได้ พวกเขาจึงรีบมาร่วมกันสร้างแสงสว่างให้กับเสี่ยวเป่าถึงที่นี่โดยไม่กลัวความห่างไกลเลยสักนิด


อู่เยวี่ยถูกเข็นเข้ามา พอเจอเฮ่อเหลียนเช่อก็ตัวสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว มีชีวิตอยู่ปานขุมนรกมาเป็นเวลานานนับครึ่งปีจนทำให้เธอหวาดกลัวเฮ่อเหลียนเช่อจากก้นบึ้งของหัวใจ


เธอตื่นตัวอยู่เสมอ ตอนที่ถูกพาตัวเข้ามาเธอคอยลอบสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัว ที่นี่ดูคล้ายกับโรงพยาบาลแต่ก็ไม่ค่อยเหมือนนัก ดูเงียบผิดปกติ ไม่มีผู้ป่วยไม่มีหมอแต่กลับเหมือนห้องทดลองมากกว่า


ในใจของอู่เยวี่ยเกิดความวิตกกังวลขึ้นอย่างหนัก เธอรู้สึกได้ว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น


กลุ่มชาวต่างชาติผมบลอนด์พากันห้อมล้อมกรูเข้ามาหา ปากพูดภาษาต่างประเทศเจื้อยแจ้ว และยังได้เปิดไฟฉายส่องดวงตาของเธอ อู่เยวี่ยรู้สึกว่าตอนนี้เธอเหมือนหมูที่รอโดนเชือดและอาจถูกมีดแทงได้ทุกเมื่อ


“กระจกตาไม่เลวเลย ดูสดใสดี และไม่มีการอักเสบใด ๆเลย” ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งพูดกับเฮ่อเหลียนเช่อ พร้อมกับแจ้งว่าลงมือผ่าตัดได้ทันที


“งั้นก็เริ่มเลย!”


เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ดีใจมากเช่นกัน เสี่ยวเป่าของเขาจะมองเห็นแสงสว่างแล้ว!


อู่เยวี่ยเข้าใจในทันที เธอกำลังจะถูกควักลูกตาออกมา ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะต้องล้างตาด้วยน้ำค้างมาตลอดระยะเวลาครึ่งปี แถมได้กินอาหารบำรุงสายตามากมาย ไม่นะ…เธอไม่อยากกลายเป็นคนตาบอด!


“คุณชายเช่อ…ขอร้องล่ะ…ฉันไม่อยากตาบอด คุณปล่อยฉันไปเถอะ…” อู่เยวี่ยโอดครวญร้องเสียงดัง ดิ้นพล่านอยู่บนเตียงผ่าตัดอย่างรุนแรง ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมาแล้วจริง ๆ


เสียใจกับทุกสิ่งที่เธอทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา!


หากเธอเชื่อฟังเหอปี้อวิ๋น ตั้งใจร่ำเรียน ไม่เรียกร้องในสิ่งที่ไม่ใช่ของของเธอมากเกินไป เช่นนั้นเธอก็คงไม่มีสภาพเหมือนในวันนี้ บางทีเธออาจจะแต่งงานกับคนโง่ ๆอย่างเหยียนหมิงต๋าและมีชีวิตที่ราบรื่นและสงบสุขไปแล้ว


เจ้าบื้อเหยียนหมิงต๋าจะต้องเชื่อฟังเธอทุกอย่างแน่นอน เขาไม่ทำให้เธอเป็นกังวลเลยสักนิด เธอคงจะมีชีวิตที่มีความสุขมากแน่นอน!


ณ ตอนนี้อู่เยวี่ยเพิ่งจะเข้าใจความหมายของความสุขที่จริง แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ชีวิตคนเราไม่สามารถหวนย้อนกลับไปใหม่ได้ เธอเองก็ไม่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกเช่นกัน!


“แม่คะ…พี่หมิงต๋า…ขอโทษนะคะ…หนูผิดไปแล้ว…”


อู่เยวี่ยพูดเสียงอู้อี้พร้อมน้ำตาที่ไหลริน คนที่รักเธอที่สุดทั้งสองคน คนหนึ่งถูกเธอฆ่าตายด้วยน้ำมือของเธอเอง ส่วนอีกคนหนึ่งถูกเธอทอดทิ้ง!


เธอเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมาจริง ๆ!


หากเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง เธอไม่อยากเป็นศัตรูกับจ้าวเหมยแล้วแต่งงานกับเหยียนหมิงต๋า จากนั้นเธอสองคนก็จะกลายเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้แบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ?


ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาอู่เยวี่ยค่อย ๆสลบไปและไม่รับรู้อะไรอีก จากนั้นเธอก็ถูกเข็นตัวเข้าไปในห้องผ่าตัด ในขณะเดียวกันเสี่ยวเป่าซึ่งเติบโตขึ้นมากก็ถูกเข็นเข้ามาด้วย


เฮ่อเหลียนเช่อประทับจูบลงบนหน้าผากของเสี่ยวเป่า เขามองอยู่เนิ่นนานกว่าจะมีคนมาเข็นเตียงเข้าห้องไป


ในแววตาเผยถึงความกังวลและความคาดหวัง


…………………………………………………….


[1] แปลตรงตัวหมายถึงการเปลี่ยนคนให้เป็นหมู เนื่องด้วยบทลงโทษนี้เกิดขึ้นในต้นสมัยของราชวงศ์ฮั่นโดยหลี่ว์ไทเฮา (吕太后)ซึ่งใช้ในการประหารขุนนางเก่า โดยลักษณะคือการตัดมือ ตัดเท้า ควักลูกตา เอาทองแดงกรอกหูให้หูหนวก กรอกยาใบ้เข้าปาก ตัดลิ้น ทำลายเส้นเสียง ลากตัวไปไว้ในสุขา หรือบางรายอาจถูกตัดจมูก โกนหัว โกนขนคิ้วและทายาประเภทที่ขนไม่งอกอีก


ตอนที่ 2139 กำลังจะเรียนจบ


 เป็นอีกหนึ่งปีที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยกำลังจะสิ้นสุดลง ภาคเรียนสุดท้ายเพื่อนร่วมชั้นต่างเริ่มยุ่งมากขึ้น บ้างก็ยุ่งหางาน บ้างก็ยุ่งสอบเข้าเรียนปริญญาโท บ้างก็ใช้เส้นสาย บ้างก็เลิกรากันไป…


รั้วมหาวิทยาลัยที่เงียบสงบ เนื่องด้วยฤดูกาลรับปริญญาที่กำลังจะมาถึงทำให้ผู้คนต่างจิตใจล่องลอย ต่างไปจากเดิมที่ครึกครื้นราวกับละครฉากเศร้า


“ฉีฉีเก๋อ หลังจากเรียนจบเธอกับพี่ฉางจะอยู่ที่เมืองหลวงต่อไหม?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามไถ่


“ต้องอยู่ต่อสิ หรือจะให้พวกเราเป็นเหมือนหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า[1]หรือไง!” ฉีฉีเก๋อมองเธออย่างระอาพร้อมตอกกลับไปอย่างโมโห


ฉางชิงซงเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เป็นศิลปินของสตูดิโอภาพยนตร์จิงตู ว่ากันว่าทำงานได้ไม่เลว มีส่วนร่วมในการผลิตภาพยนตร์หลายเรื่อง นับว่าการงานมั่นคงอยู่บ้าง


“แล้วงานของเธอติดต่อเรียบร้อยหรือยัง?” เหมยเหมยถาม


ปีนี้เธอยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลาถามสารทุกข์สุขดิบเพื่อน ๆเลย เนื่องจากปีนี้ถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์ไปแล้ว 5 ซีซั่น และปิดฉากจบลงอย่างสมบูรณ์ เรตติ้งของซีซั่นแรกพุ่งทะยานขึ้นสู่คะแนนสูงสุดของละครโทรทัศน์ในรอบหลายปีที่ผ่านมา และเกรงว่าในระยะนี้คงยากที่จะมีคนเอาชนะได้


เนื่องจากเจ้าหญิงอัปลักษณ์ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ในปีนี้ละครรักวัยรุ่นที่สร้างแรงบันดาลใจคล้าย ๆกันก็ค่อย ๆปรากฏขึ้นทีละเรื่อง บ้างก็สรรค์สร้างด้วยใจรัก บ้างก็ทำสุกเอาเผากินเหมือนเรื่องซินเดอเรลล่าของอู่เจิ้งซือ แม้แต่ความน่าสนใจในการรับชมของผู้ชมก็ยังไม่เป็นที่เอ่ยถึงเลย


กล่าวได้ว่าเจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นผลงานบุกเบิกของละครวัยรุ่นรักใส ๆในเมืองหลวงเลยก็ว่าได้ ทั้งยังเชื่อว่าอีกหลายปีต่อมาคงมีแต่คนลอกเลียนแบบแต่ไม่มีทางแซงนำลิ่วได้อย่างแน่นอน


เพราะพระเอกของละครเรื่องนี้คือหานจื่อจวิน ซึ่งเป็นไปได้มากที่จะไม่ได้เห็นเขาในละครจอเล็กแบบนี้อีก เจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นละครทีวีเรื่องแรกของเขาและก็ถือว่าเป็นละครเรื่องสุดท้ายของเขาเช่นกัน


แค่จุดนี้ก็ทำให้ละครประเภทเดียวกันนั้นยากที่จะเอาชนะได้แล้ว


มีละครวัยรุ่นรักใส ๆเรื่องไหนบ้างที่จะสามารถเชิญเทพบุตรรุ่นใหญ่อย่างหานจื่อจวินมาได้?


ไม่มีอีกแล้วล่ะ!


ส่วนนางเอกสาวโจวซิงเอ๋อร์ เนื่องจากการแสดงที่สมบทบาทของตัวละครเรื่องนี้จึงทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุแตกจนกลายเป็นนางเอกหน้าใหม่แห่งยุคสมัยใหม่ มีงานต่าง ๆทยอยเข้ามาไม่ขาดสายยาวเหยียดไปอีกสองปี


แต่โจวซิงเอ๋อร์เป็นผู้หญิงสุขุมที่มีความคิดเป็นของตัวเองจึงไม่ถูกฟองสบู่ตรงหน้ามอมเมาจนลุ่มหลง เธอแค่ออกงานกิจกรรมโปรโมทเจ้าหญิงอัปลักษณ์เท่านั้น ส่วนงานนอกเธอก็คัดสรรเข้าร่วมเฉพาะบางงาน เวลาที่เหลือก็ตั้งใจเรียนเหมือนเด็กนักเรียนทั่ว ๆไป เข้าเรียนทุกวัน แต่งกายเรียบง่าย เหมือนกับฟองน้ำทะเลที่คอยดูดซับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการเรียนรู้


เหมยเหมยพึงพอใจต่อท่าทีของโจวซิงเอ๋อร์ในตอนนี้มาก แสดงให้เห็นว่าโจวซิงเอ๋อร์เป็นคนมองการณ์ไกล ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มองตื้น ๆเพียงปลายจมูก


แม้ว่าความนิยมจะจางหายไปในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ว่าจะอาชีพไหนขอแค่อดทนต่อความโดดเดี่ยวได้ถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แถมโจวซิงเอ๋อร์อายุยังน้อยหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก!


ตอนนี้สิ่งที่เธอควรจะพัฒนาที่สุดคือความสามารถในการแสดง วางรากฐานให้ดี เช่นนั้นแล้วหนทางข้างหน้าถึงจะมั่นคงและไปได้ไกลกว่านี้!


ยุ่งมาตลอดทั้งปีตอนนี้เพิ่งจะได้พัก


ฉีฉีเก๋อยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “ฉันไม่หางานทำแล้ว ฉันจะเป็นศิลปินอิสระ รุ่นพี่ฉางมักจะออกไปตามสถานที่ต่าง ๆกับทีมงานอยู่บ่อยครั้ง ฉันก็จะตามไปกับเขาด้วย ทุก ๆที่ก็คือบ้านของเรา!”


เหมยเมหยไม่แปลกใจเลยที่เธอตัดสินใจเช่นนี้ ฉีฉีเก๋อไม่ชอบการผูกมัด หากให้เธอไปนั่งทำงานแปดชั่วโมงทุกวัน เกรงว่าเธอจะอกแตกตายเสียก่อน


ถึงอย่างไรทางบ้านของเธอก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงินสักหน่อย เอาที่เธอสบายใจเลยแล้วกัน!


“เออใช่ หลังเรียนจบฉันกับรุ่นพี่ฉางจะไปจดทะเบียนสมรสกัน เราจะไปจัดงานมงคลที่บ้านเกิดของเขา จากนั้นค่อยกลับไปที่ทุ่งหญ้า ในเมืองหลวงคงไม่จัดแล้วล่ะ ถึงตอนนั้นค่อยมาร่วมโต๊ะทานข้าวดื่มฉลองด้วยกันนะ!”


ฉีฉีเก๋อเผยคำพูดชวนตะลึงออกมา เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและเหมยเหมยตกใจยกใหญ่ จู่ ๆนึกอยากจะแต่งก็แต่งเลยเหรอ?


……………………………………………………………


ตอนที่ 2140 ฉีฉีเก๋อรีบแต่งงาน


 “ตอนนี้เหลืออีกแค่สองเดือนก็จะเรียนจบแล้ว นี่ยังไม่ทันได้เตรียมตัวอะไรเลยนะ เธอนี่มันจริง ๆเลย!”


ฉีฉีเก๋อหัวเราะร่า “มีอะไรให้ต้องเตรียมล่ะ ขอแค่มีฉันกับรุ่นพี่ฉางอยู่ มีพวกเธออยู่ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว!”


เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น ผู้หญิงแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิต ฉะนั้นจะทำแบบสุกเอาเผากินไม่ได้


“ไม่ได้ พวกเธอกลับไปจัดที่บ้านเกิดพวกฉันคงยุ่งไม่ได้ แต่ในเมืองหลวงจะทำแบบลวก ๆไม่ได้ อย่างไรเสียงานแต่งก็ต้องจัด กว่าเธอจะได้แต่งงานมันไม่ง่ายเลยนะ อย่างน้อยต้องใส่ชุดแต่งงานบ้างล่ะ!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตีหน้านิ่งสั่งสอน และเริ่มรู้สึกไม่พอใจต่อฉางชิงซง


ต่อให้สภาพการเงินไม่เอื้ออำนวย แต่จัดงานแบบง่าย ๆก็ได้นี่นา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสำคัญของพิธีกรรมนี้ แต่ไม่ใช่ฉากบังหน้าที่สวยงาม


แต่ฉางชิงซงกลับคิดที่จะกินข้าวมื้อหนึ่งดื่มเหล้ามื้อหนึ่งก็จบสิ้นกันไป ช่างไม่ใส่ใจอะไรเลยจริง ๆ!


ฉีฉีเก๋อได้ฟังตอนแรกยังรู้สึกตื้นตันใจ แต่พอฟัง ๆไปกลับรู้สึกไม่ชอบมาพากลจึงเบิกตากว้าง


“กว่าฉันจะได้แต่งงานมันไม่ง่ายเลยหมายความว่าไง ในบรรดาพวกเราสามคนฉันเป็นคนแรกที่แต่งงานนะ แถมตอนที่อยู่ทุ่งหญ้า ไม่เห็นหรือไงว่ามีชายหนุ่มตั้งมากมายอยากจะขอฉันแต่งงาน เพียงแต่ฉันไม่ได้ชอบพวกเขาเท่านั้นเอง!”


เหมยเหมยยกยิ้มมุมปาก คำพูดของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนี่ทำให้คนเกลียดได้จริง ๆ!


“รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในทุ่งหญ้าแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็พูดถูก งานแต่งควรจัด งานแต่งงานครั้งแรกในชีวิตจะจัดแบบลวก ๆไม่ได้เด็ดขาด งั้นเอาแบบนี้งานแต่งงานของเธอในเมืองหลวงให้ฉันกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนจัดการแล้วกันนะ เธอกับฉางชิงซงเลือกวันมาก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ แค่เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวก็พอ!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยสมทบ “ใช่ ฉันเองก็หมายความแบบนี้ ฉันกับเหมยเหมยจะรับผิดชอบงานแต่งแทนเธอเอง ถึงเวลานั้นจะต้องทำให้เธอเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเลย!”


ฉีฉีเก๋อขอบตาแดงก่ำ สิ่งล้ำค่าและยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบสี่ปีที่เธอได้รับในรั้วมหาวิทยาลัย นอกจากฉางชิงซงแล้วก็คือสองเพื่อนรักนี่แหละ!


“งั้นฉันกลับไปปรึกษากับฉางชิงซงก่อนนะ…”


“ปรึกษาบ้าอะไรอีก เอาตามนี้แหละ เธอไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้นเพราะฉันจะตัดสินใจแทนเธอเอง!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบโต๊ะอย่างแรง ลักษณะท่าทีคล้ายคลึงกับพี่ใหญ่มาก


เหมยเหมยเองก็ช่วยพูดเกลี้ยกล่อม “เธอบอกฉางชิงซงก็พอ บอกว่าฉันกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำให้เธอเป็นของขวัญ”


“อื้ม มีพวกเธออยู่นี่ดีจัง…”


ฉีฉีเก๋อเอ่ยติดสะอื้น


มีผู้หญิงคนไหนบ้างละที่จะไม่อยากมีงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อลังการ เธอเองก็ไม่ต่างกัน


แต่ฐานะทางบ้านของฉางชิงซงไม่ค่อยดี แม้ว่าพ่อและแม่ของเขาจะมีงานทั้งคู่ แต่เมื่อปีที่แล้วแม่ของเขาถูกไล่ออกจากงานและได้รับค่าครองชีพเก้าสิบหยวนต่อเดือน สิทธิประโยชน์ในตำแหน่งงานของพ่อเขาก็ไม่ค่อยดี เงินเก้าร้อยหยวนต่อเดือน แถมยังจ่ายเงินเดือนไม่ตรงเวลาอีก


ในครอบครัวยังมีน้องสาวที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เงินเดือนส่วนมากของฉางชิงซงล้วนส่งกลับไปให้ที่บ้าน เขาเองก็มักจะหางานนอกทำเพิ่มถึงจะเพียงพอเลี้ยงชีพได้


ตัวเธอไม่ขาดแคลนเรื่องเงินและอยากช่วยเหลือฉางชิงซงด้วย แต่ผู้ชายก็มีศักดิ์ศรี ฉีฉีเก๋อพบว่าฉางชิงซงไม่ค่อยชอบใจต่อการช่วยเหลือของฉีฉีเก๋อ เธอจึงทำได้แค่นำเงินไปแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของ เช่นพวกสี แปรง เสื้อผ้า ของบำรุงต่าง ๆ


ส่วนเรื่องที่จะไม่จัดงานแต่งงานในเมืองหลวงฉีฉีเก๋อก็เป็นคนเสนอเอง เธอไม่อยากให้ฉางชิงซงลำบากใจ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอจงใจบอกว่าไม่สนใจพิธีรีตอง ขอแค่พวกเธอสองคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว!


แต่ฉีฉีเก๋อกลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก


เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนรักจึงได้ระบายมันออกมา


เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นเป็นปมพลันเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ยังไม่ทันแต่งงานก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าแต่งงานไปแล้วจะทำอย่างไร?


หย่าร้างงั้นเหรอ?


“ฉีฉีเก๋อ ที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องรีบแต่งงานหรอก ทำไมไม่รอให้ฉางชิงซงมั่นคงก่อนแล้วค่อยแต่งล่ะ?” เหมยเหมยพูดอ้อมค้อม


………………………………………………………….


[1] เป็นหนึ่งในนิทานพื้นบ้านของจีน และยังเป็นตำนานความรักที่เป็นที่มาของเทศกาลชีซี หรือวันวาเลนไทน์จีน


ตอนที่ 2141 ตีให้ตายคนโง่แบบเธอ


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้ารัว ๆ “ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเธอไม่มีที่อยู่อาศัยถาวร แม้แต่รังให้ซุกหัวนอนยังไม่มี จะรีบแต่งงานไปทำไม?”


อันที่จริงเธอยังมีคำพูดที่ยังไม่ได้พูด สามีภรรยาที่ขาดแคลนเรื่องเงินมักจะเกิดสารพัดปัญหา!


ความรักของคู่รักถ้าหากกินไม่อิ่มท้องความรักก็จะค่อย ๆจางหายไป และสุดท้ายก็จะทะเลาะวิวาทกันไม่หยุดจนบั่นทอนสายสัมพันธ์สุดท้ายจนขาดสิ้น ถ้าไม่เลิกรากันไปก็ต้องทนอยู่อย่างทุกข์ทรมาน


ฉางชิงซงมีความสามารถและยังประจบผู้มีอำนาจเก่ง แต่เขาเป็นคนต่างถิ่น ไม่มีรากฐานใด ๆในเมืองหลวงเลย หากต้องการก้าวหน้าคงต้องทุ่มเทเวลาและความพยายามให้มากขึ้น แถมยังไม่แน่ว่าจะสำเร็จหรือเปล่าด้วย!


หากดูในระยะเวลาอันสั้นภายในห้าปีนี้ฉางชิงซงคงยังผงาดขึ้นมาไม่ได้ ส่วนบ้านคงซื้อไม่ไหวแน่นอน


หากแต่งงานตอนนี้คนที่ต้องลำบากก็คือฉีฉีเก๋อ แต่ฉางชิงซงกลับได้ภรรยาที่แสนอบอุ่นเอาอกเอาใจ นับว่าดีดลูกคิดมาดีแล้วจริง ๆ!


ฉีฉีเก๋อกลับไม่คิดเช่นนั้น “รุ่นพี่ฉางบอกว่าสามารถยื่นคำร้องขอห้องจากหน่วยงานได้หนึ่งห้อง และพวกเราเองก็ออกข้างนอกบ่อย นอนเต็นท์ก็ได้แล้ว”


เหมยเหมยมองเธออย่างไม่เห็นด้วย “ผู้ใหญ่อย่างพวกเธอนอนเต็นท์ได้ แต่ในอนาคตมีลูกเล็กล่ะจะให้พวกเขานอนเต็นท์เหมือนกับพวกเธอเหรอ? ฉีฉีเก๋อเธอทำราวกับว่าชีวิตมันเป็นเรื่องง่ายอย่างนั้นแหละ!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต่อว่าอย่างไม่พอใจ “เธอคิดว่ามีชีวิตเพื่อความรักเท่านั้นเหรอ? ไม่เลย การใช้ชีวิตคือฟืน ข้าว น้ำมัน เกลือ บ้านและเงิน หากไม่มีสิ่งเหล่านี้แม้แต่โรมิโอกับจูเลียตก็ยังต้องเลิกรากัน ฉีฉีเก๋อเธอต้องคิดให้ดี ๆนะเพราะจะทำลวก ๆไม่ได้ นี่ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเองเท่านั้นแต่เพื่อฉางชิงซงและครอบครัวของพวกเธอด้วย”


พอฉีฉีเก๋อได้ฟังก็ตกตะลึงไป ในความคิดของเธอการแต่งงานก็แค่เปลี่ยนจากเตียงเดี่ยวสองเตียงมารวมกันเป็นเตียงคู่ก็แค่นั้น จะมีปัญหามากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?


“ฉันไม่ได้คิดมากขนาดนั้น แม่ของรุ่นพี่ฉางสุขภาพไม่ค่อยดีเลยบอกว่าอยากอุ้มหลานเร็ว ๆ อีกทั้งฉันก็อยากจะแต่งงานเร็วหน่อยด้วย…”


“บ้าเอ้ย…I ล่ะยอม You จริงๆ!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นพรวดตบหลังศีรษะของฉีฉีเก๋อเสียงดัง จากนั้นก็มองยัยทึ่มที่ไม่ยอมพยายามเพื่อตัวเองอย่างคาดหวังว่าเธอจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้


“สมองของเธอโดนประตูหนีบมาใช่ไหม…”


เสียงคำรามราวกับเสียงสิงโตนี้ได้ดึงดูดความสนใจของนักเรียนจำนวนมากในโรงอาหาร ทั้งหมดมองไปที่พวกเขาสามคนด้วยความประหลาดใจ


เหมยเหมยรีบลุกขึ้นรั้งคุณหนูใหญ่เหริ่นที่กำลังเดือดถึงขีดสุดเอาไว้ พูดเสียงเบาว่า “ออกไปค่อยคุยกัน!”


มีคนเยอะขนาดนี้มองดูอยู่ ขายขี้หน้าจะตายอยู่แล้ว!


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนไม่แม้แต่จะกินข้าวแล้วคว้าตัวฉีฉีเก๋อที่ทำหน้างุนงงเดินออกไปข้างนอก เหมยเหมยถือจานข้าวแล้วเดินตามออกไป ข้าวร้อน ๆที่เพิ่งตักมายังไม่ทันได้กินเลย!


ทั้งสามคนไปที่สระบัวอันเงียบสงบที่ไร้ผู้คนในตอนเที่ยง


“เธอบอกมาสิว่าทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้ พวกเขาบอกว่าอยากอุ้มหลานเธอก็ต้องทำตามอย่างว่าง่ายงั้นเหรอ ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในอุ่นเตียงในหน้าหนาวไม่พอแล้วยังช่วยคลอดลูกให้อีก เรียนมหาวิทยาลัยมาสี่ปีเสียเวลาเปล่า ๆสินะ?”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดีดหน้าผากของฉีฉีเก๋ออยู่หลายครั้ง ในตอนนี้อยากจะตบให้นังโง่นี่ได้สติขึ้นมาจริง ๆ


เธอไม่คัดค้านที่จะแต่งงานเพราะไม่ช้าก็เร็วก็ต้องแต่งงานอยู่ดี แต่การมีลูกจะรีบร้อนขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?


สิ่งที่คลอดออกมาคือหนึ่งชีวิตที่จำเป็นต้องใช้ความตั้งใจในการบ่มเพาะเลี้ยงดูเขา เราต้องสร้างสภาพความเป็นอยู่ที่ดีให้กับลูก ๆของเราด้วย แทนที่จะปล่อยให้เด็กเกิดมาและทนทุกข์ทรมาน สู้ไม่มียังดีเสียกว่า!


ถ้าพูดอย่างไม่น่าฟังก็คือหากทั้งสองคนไปต่อกันไม่ได้ ไม่มีลูกก็ยังเลิกราทางใครทางมันกันได้โดยไม่มีอะไรต้องห่วง แต่ถ้าหากมีลูกล่ะจะทำอย่างไร?


มีแม่คนไหนที่จะตัดใจยอมปล่อยลูกไปได้บ้าง?


มีผู้หญิงฮวาเซี่ยมากมายแค่ไหนที่ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเสียสละความสุขทั้งชีวิตของตัวเองเพื่อลูกกัน?


ฉีฉีเก๋อยัยโง่นี่กลับต้องการเอาตัวเองผูกกับต้นไม้สักต้นให้ตายในเร็ววัน ช่างโง่จนหมดหนทางจะเยียวยาแล้วจริง ๆ!


…………………………………………..


 ตอนที่ 2142 เรื่องของความรักความรู้สึกไปแตะต้องมากไม่ได้


เหมยเหมยส่งชามข้าวให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “อย่าโมโหเลย ๆ กินก่อน ฉันพูดกับฉีฉีเก๋อเอง”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูบท้องแล้วตักเนื้อชิ้นใหญ่ทานคำโต ตอนนี้ถึงได้รู้สึกโกรธน้อยลงบ้างแล้ว ทั้งยังตบท้ายพูดด้วยความขุ่นเคืองใจว่า “ถ้ายัยโง่นี่ไม่ฟังพวกเราละก็ วันหลังเธอต้องเสียใจแน่!”


เงินเดือนของฉางชิงซงกับเงินโบนัสรวมกันยังไม่ถึงห้าร้อยด้วยซ้ำ บวกกับเงินพิเศษที่เขาได้รับหนึ่งเดือนก็ประมาณแปดร้อยได้ แต่ส่วนใหญ่จะต้องส่งกลับไปให้แม่เพราะแม่ของเขาต้องทานยาตลอด แถมน้องสาวของเขายังต้องเรียนมหาวิทยาลัยอีกตั้งสามปี


หากฉางชิงซงย่ำอยู่กับที่ไปแบบนี้ ตลอดชีวิตทำแต่งานศิลปะ งั้นคุณภาพชีวิตในอีกยี่สิบปีข้างหน้าก็เป็นที่ประจักษ์กันแล้ว


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นไม่ได้ห้ามฉีฉีเก๋อไว้ หากรู้เร็วกว่านี้ปล่อยให้เธอไปหาใครในทุ่งหญ้ายังจะดีซะกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิต ลูกหลานของชาวทุ่งหญ้าทุกคนล้วนแต่เป็นผู้มีเงินมีอิทธิพลในท้องถิ่นกันทั้งนั้น!


ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าฉางชิงซงยังไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรสักอย่าง แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพวกไม่มีอนาคต!


ฉีฉีเก๋อยังไม่ยอมฟังเท่าไรนักจึงตวาดกลับว่า “ฉันไม่เสียใจหรอก ฉันไม่ได้ขี้กลัวอย่างที่เธอพูดสักหน่อย!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตาใส่ ดูท่าจะเกิดไฟโทสะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เหมยเหมยจึงรีบร้อนจับเธอไว้


พวกอารมณ์ความรักความรู้สึกจำพวกนี้ไปแตะต้องมากไม่ได้จริง ๆ ต่อให้จะเป็นเพื่อนรักกันก็เถอะ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นสามีภรรยาที่นอนบนเตียงเดียวกัน แล้วเธอล่ะคือใคร?


แต่ว่าสิ่งที่ควรเตือนก็ต้องเตือน คงไม่สามารถดูเพื่อนกระโดดลงไปในกองไฟได้หรอก!


“ฉีฉีเก๋อ เธอจะรีบแต่งงานพวกเราก็ไม่ได้คัดค้านอะไรหรอกนะ แต่เรื่องมีลูกฉันหวังว่าเธอจะไตร่ตรองให้ดีอีกครั้ง เรื่องนี้พ่อแม่ของเธอรู้ไหม? พวกเขามีความคิดเห็นอย่างไร?” เหมยเหมยพูดอย่างนุ่มนวล ฉีฉีเก๋อเลยผ่อนคลายลงแล้วส่ายศรีษะ


“ฉันยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลย”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานอย่างลวก ๆแล้วสบถด่าออกมาว่า “ตอนนี้เธอโทรไปบอกพ่อกับแม่ของเธอเลย ดูสิว่าพวกเขาเห็นด้วยหรือเปล่า?”


“นั่นสิ เรื่องสำคัญขนาดนี้ฉีฉีเก๋อต้องปรึกษาพ่อแม่นะ พวกเขาอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้อะไรเยอะมากกว่าพวกเรา แล้วพวกเขายังเป็นคนที่รักเธอมากที่สุดในโลกด้วยคงไม่ตัดสินใจอะไรที่ไม่ดีต่อเธอแน่นอน!” เหมยเหมยกล่าว


“งั้นคืนนี้ฉันจะโทรบอกพ่อเรื่องนี้แล้วกัน” ฉีฉีเก๋อเห็นด้วย นี่คือจุดแข็งของเธอเช่นกัน แต่ไหนแต่ไรก็รับฟังคำแนะนำตักเตือนเสมอ พูดตักเตือนได้ง่ายกว่าพวกหลงผิดที่กู่ไม่กลับมากกว่าเยอะ


“ตอนกลางคืนฉันจะจับตาดูเธอไว้ อย่าคิดจะตีเนียนเชียวล่ะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกัดฟันกรอดและรู้สึกไม่ชอบฉางชิงซงขึ้นมา


ตอนนี้ยังไม่ทันแต่งงานยังขอให้แฟนเสียสละเพื่อครอบครัวของเขา วันหลังแต่งงานไปแล้วจะขนาดไหนกันนะ?


หากว่าในอนาคตฉีฉีเก๋อและแม่สามีเกิดขัดแย้งกันขึ้นมา ฉางชิงซงจะเข้าข้างฝั่งไหน?


คำตอบชัดเจนมาก วันหน้าฉีฉีเก๋อคงต้องกล้ำกลืนความไม่ธรรมจนอกแตกตายแน่ ๆ!


มีหลายครั้งที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยากจะบอกให้ฉีฉีเก๋อเลิกกับฉางชิงซงแล้วค่อยหาผู้ชายดี ๆใหม่สักคน แต่พอคำพูดมาถึงริมฝีปากก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงไป อึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว แถมยังไม่ได้แสดงสีหน้าดี ๆกับฉีฉีเก๋อสักเท่าไรด้วย


บรรยากาศเริ่มกระอักกระอ่วนขึ้นมาชั่วขณะ เหมยเหมยจงใจพูดจายียวนขึ้นว่า “เชี่ยนเชี่ยนเธอกับอิงจวี้กังจะมีงานมงคลเมื่อไร ตอนนี้อยู่ด้วยกันแล้วอย่าท้องก่อนแต่งล่ะ!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้ใส่ใจและไม่อายเลยสักนิด แถมยังกลอกตามองบนใส่เธออีก “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน พวกเราได้ทำประกันเรียบร้อยแล้ว เรื่องแต่งงานไม่รีบร้อน รอบริษัทอยู่ตัวก่อนพวกเราถึงจะจัดงานแต่งงาน จะช้าจะเร็วก็ต้องเป็นคนของฉันอยู่ดี ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก!”


“อย่าเอาแต่พูดถึงพวกเราเลย แล้วเธอล่ะ? เมื่อไรจะจัดงานแต่งงานกับท่านหัวหน้าเหยียน ฉันรอดื่มฉลองงานแต่งงานนี้มาสี่ปีแล้วนะ!“ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอาคืน


เหมยเหมยยิ้มหวาน “เรียนจบก็จัดเลย พี่หมิงซุ่นบอกว่าเขาจะจัดงานแต่งงานที่ในโลกนี้ไม่มีใครเทียมได้ให้ฉันด้วยนะ ดูท่าทางลึกลับมากทีเดียวล่ะ”


“ในโลกนี้ไม่มีใครเทียมได้เลยเหรอ งั้นคงจะยอดเยี่ยมมาก มันต้องสุดยอดมากแน่ ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกอิจฉา เธออดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมฉีฉีเก๋อสักประโยคว่า “ดูไว้นะ นี่ถึงจะเป็นการแต่งงานกับผู้ชายที่ดี ส่วนฉางชิงซงของเธอน่ะ…เชอะ ขี้เกียจจะพูดถึงเขาแล้ว!”


ตอนที่ 2143 กุ้งมังกรน้อยกินกับเบียร์


เหมยเหมยเห็นว่าฉีฉีเก๋อฟังคำแนะนำจึงไม่ได้พูดว่าเธออีกต่อไป ช่วงบ่ายไม่มีเรียน ใกล้จะเรียนจบแล้ววิชาเรียนจึงมีน้อยมาก นักเรียนส่วนใหญ่กำลังยุ่งอยู่กับการหางาน


พวกเธอสามคนต่างก็ไม่ได้หางานทำดังนั้นจึงว่างมาก ไม่เหมือนคนอื่น ๆที่ยุ่งอยู่กับการหางาน


เหมยเหมยกลับบ้านก่อน ช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นยุ่งมาก ออกเช้ากลับดึก ตอนเช้าเธอจะให้ป้าฟางซื้อของโปรดของเหยียนหมิงซุ่นเอาไว้ เพราะเธอเตรียมจะทำอาหารมื้อเย็นด้วยตัวเอง


เธอและเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้กินข้าวด้วยกันมานานแล้ว!


เหยียนหมิงซุ่นชอบกินสเต็ก เหมยเหมยจึงตั้งใจทำสเต็กรูปหัวใจสองสามชิ้น กุ้งมังกรน้อยผัดเผ็ดอีกจานใหญ่ ปีกไก่ย่างน้ำผึ้งที่เธอชอบกิน และยังเตรียมเบียร์ไว้ด้วย รอแค่เหยียนหมิงซุ่นกลับมาก็เริ่มทานอาหารได้เลย


“หอมจัง ทำไมวันนี้ถึงกลับบ้านเร็วนักล่ะ?”


เหยียนหมิงซุ่นถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินเข้าไปกอดเหมยเหมยที่กำลังผัดผักจากด้านหลัง หอมแก้มเธอแล้วก็กอดอยู่อย่างนั้น


“วันนี้ไม่มีธุระอะไรก็เลยกลับมาทำอะไรอร่อย ๆให้พี่ทาน ตั้งใจตอบแทนพี่เป็นพิเศษเลยนะ!” เหมยเหมยเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มให้เขาจึงโดนเหยียนหมิงซุ่นจับจูบอย่างหนักหน่วง


ผักในกระทะส่งเสียงร้องฉ่า ๆ เหมยเหมยผลักเขาออกอย่างแรงแล้วรีบผัดต่อพลางบ่นว่า “โอ๊ย…ผักไหม้หมดแล้ว พี่นี่จริง ๆเลย…”


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอันที่ไหม้พี่กินเอง” เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มแล้วแอบขโมยหอมอีกรอบ


เหมยเหมยบิดตัวไปมาอย่างรำคาญ “พี่อย่ากอดฉันสิ ร้อนจะตายอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันต้องตักใส่จานอีกนะ!”


“พี่ตักเอง!”


เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากผละออกเลยสักนิด ต่อให้ร้อนแค่ไหนเขาก็ยังชอบกอด เขาเขย่ากระทะไปมาอย่างคล่องแคล่วแล้วตักผักบุ้งผัดกระเทียมขึ้นมาเรียบร้อย และหยิบของอื่น ๆที่ทำเสร็จแล้วออกมาด้วย


“ที่รักวันนี้เหนื่อยแย่เลย!”


เหยียนหมิงซุ่นแกะเปลือกกุ้งมังกรน้อยป้อนเหมยเหมย ส่วนตัวเองก็แกะทานเช่นกัน


เหมยเหมยรินเบียร์ ตอนนี้อยู่ในช่วงกลางเดือนเมษายน วันนี้อากาศร้อนเล็กน้อยดื่มเบียร์กำลังเหมาะ กุ้งมังกรน้อยกับเบียร์เข้ากันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย


“ชนแก้ว!”


ทั้งสองคนชนแก้ว สบตายิ้มให้กัน ใจสื่อถึงกันโดยไม่ต้องพูดอะไร


กินไปคุยไป กุ้งมังกรน้อยจานใหญ่ก็หมดไปกว่าครึ่งโดยไม่รู้ตัว ปากเล็ก ๆของเหมยเหมยก็เผ็ดเจ่อแดงไปหมด ราวกับทาปาก เหยียนหมิงซุ่นไม่ให้เธอกินต่อแต่ให้เธอกินปีกไก่ย่างน้ำผึ้งแทน


“ฉันกินสองชิ้นก็พอแล้ว ตอนเย็นกินน้อยหน่อย ไม่อย่างนั้นจะใส่ชุดแต่งงานที่สั่งตัดไม่ได้”


เหมยเหมยจ้องปีกไก่ย่างหอมกรุ่นอย่างอาลัยอาวรณ์ กินเพียงสองชิ้นเพื่อบรรเทาความอยากเท่านั้น วันแต่งงานตรงกับเดือนตุลาคม ซึ่งวันนั้นอากาศเย็นสบายทำอะไรจะได้จิตใจสงบ


ชุดแต่งงานของเธอออกแบบโดยนักออกแบบชั้นนำระดับโลกที่เหยียนหมิงซุ่นเชิญมาโดยเฉพาะ เป็นงานที่เย็บด้วยมือ ชุดแต่งงานประดับด้วยคริสตัลสวยงาม กระบวนการซับซ้อนมากจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จเลย


เหมยเหมยไม่อยากให้ถึงเวลานั้นแล้วใส่ชุดแต่งงานที่สวยงามแบบนั้นไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงต้องรักษารูปร่างให้ดีอยู่เสมอ!


“ไม่เป็นไร พี่จะให้นักออกแบบขยายเอวให้เล็กน้อย เธอกินอย่างวางใจได้เลย”


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มและป้อนสเต็กให้เธอ เหมยเหมยค้อนใส่เขาอย่างน่ารักแต่ก็ยังคงกินสเต็กอยู่ดี ช่วงนี้เธอมีความอยากอาหารมาก กินอะไรก็อร่อยไปหมดทุกอย่าง


“เหยียนหมิงต๋าเขาออกมาจากป่าหรือยัง?” เหมยเหมยถาม


หนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมาเหยียนหมิงต๋าถูกส่งไปยังภูเขาเขตลึกทางตะวันตกเฉียงใต้ ทุก ๆสามเดือนเหยียนหมิงซุ่นจะส่งคนไปแอบทิ้งอุปกรณ์ยังชีพไว้ ที่เหลือเขาต้องช่วยเหลือตัวเองทั้งหมด


เดิมทีเมื่อครึ่งปีก่อนเหยียนหมิงต๋าควรออกมาได้แล้ว เพราะว่าเวลาที่เดิมพันกับเฮ่อเหลียนเช่อไว้หมดลงแล้ว แต่เหยียนหมิงต๋าก็ไม่ยอมออกมา บอกว่าจะฝึกต่อไปเหยียนหมิงซุ่นจึงตามใจเขา


“ยังเลย รอถึงตอนพวกเราจะแต่งงาน เขาถึงจะออกมา”


เหยียนหมิงซุ่นพอใจกับท่าทีของเหยียนหมิงต๋ามาก อันที่จริงหนึ่งปีครึ่งกับการฝึกฝนที่แสนลำบากมันได้ผลไม่เบาเลย ดูท่าทางคิดได้มากกว่าเมื่อก่อนเยอะ แถมไม่ได้โง่เขลาขนาดนั้นแล้วด้วย


แค่เหมยเหมยนึกถึงเฮ่อเหลียนเช่อที่ถูกเล่นงานจนหัวหมุนก็อยากหัวเราะเสียเหลือเกิน เธอนึกบางอย่างขึ้นได้จึงถอนหายใจออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “แค่พริบตาเดียวเสี่ยวเป่าก็สองขวบแล้ว เร็วจริง ๆเลยเนอะ!”


………………………………………….


ตอนที่ 2144 อยากให้ใครพังพินาศ ก่อนอื่นต้องทำให้เขาคลุ้มคลั่งเสียก่อน


พอเหมยเหมยนึกถึงเด็กน้อยน่ารักที่เติบโตขึ้นแล้วก็มีรอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้า


การผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาของเสี่ยวเป่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังบอกว่าพวกเขาไม่เคยผ่านการผ่าตัดที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้มาก่อน กระจกตาของอู่เยวี่ยดูเหมือนจะเตรียมไว้เพื่อเสี่ยวเป่าโดยเฉพาะ เพราะมันเข้ากันได้ดีอย่างไร้ที่ติราวกับว่าเป็นดวงตาของเสี่ยวเป่าเองเสียอย่างนั้น


ผู้เชี่ยวชาญยังบอกอีกว่าหากไม่มีอะไรเหนือคาด ดวงตาของเสี่ยวเป่าก็จะไม่มีปัญหาอะไรสมบูรณ์แบบเหมือนคนทั่วไป


ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเหล่านี้ต่างงงงวยเช่นกัน ท้ายที่สุดพวกเขาก็รู้สึกว่ามันคงจะเป็นความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างอู่เยวี่ยกับเสี่ยวเป่า เพราะส่วนมากกระจกตาจะมาจากการบริจาคของคนแปลกหน้า การที่จะได้รับจากคนสายเดียวกันโดยตรงแบบนี้มีน้อยถึงน้อยมาก


อันที่จริงมันเป็นเพราะลมหายใจมังกรของฉิวฉิวที่มอบให้เสี่ยวเป่าเพราะมันมีประโยชน์ต่อเสี่ยวเป่ามาก ไม่เพียงเท่านั้นยาพิษที่อู่เยวี่ยวางเสี่ยวเป่าก็ได้รับการแก้พิษด้วยลมหายใจมังกรนี้เช่นกัน


ไม่อย่างนั้นอู่เยวี่ยคงจะไม่ถูกฆ่าตายง่ายดายเช่นนั้น!


หลังจากการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาของเสี่ยวเป่าสำเร็จแล้ว เฮ่อเหลียนเช่อก็ฆ่าอู่เยวี่ยทิ้ง แต่ก็ไม่ได้ทรมานเธอมากนัก แค่ฉีดยาให้เธอเพื่อที่จะได้มีความสุขขึ้นบ้าง


เฮ่อเหลียนเช่อยังมอบร่างของอู่เยวี่ยให้กับเหยียนหมิงซุ่นด้วยตัวเอง บอกว่าเป็นนี่เป็นการตอบแทนบุญคุณที่เตือนกัน


หลังจากเหมยเหมยเผาอู่เยวี่ยเสร็จก็ฝังอู่เยวี่ยและเหอปี้อวิ๋นไว้ด้วยกัน ปล่อยให้แม่ลูกรักกันอยู่ใต้ดินผืนนี้!


จากวันนี้ไปบุญคุณความแค้นก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว!


เหยียนหมิงซุ่นก็นึกถึงเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆที่รอดชีวิตจากอันตรายมาได้เช่นกัน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เหมยเหมยใจเต้นนึกว่าเสี่ยวเป่าเป็นอะไรไป “ทำไมเหรอ เสี่ยวเป่ามีปัญหาอะไรเหรอ?”


“เปล่าหรอก เฮ่อเหลียนเช่อดีกับน้องชายของเขามาก แล้วจะเป็นอะไรไปได้อย่างไรกัน แต่อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นในอนาคต” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ปิดบังแล้วพูดเหตุผลออกมาว่า “เมื่อสองเดือนก่อนหนิงเฉินเซวียนรับเสี่ยวเป่ามาเลี้ยงเอง ฉันว่าชีวิตของเสี่ยวเป่าในวันข้างหน้าคงจะไม่ง่ายเท่าไรนัก”


ตอนนี้หนิงเฉินเซวียนบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ บางทีเขาอาจมีสายเลือดของการกดขี่ทารุณคนในครอบครัวอยู่ในตัวเขาก็ได้ นิสัยจะโหดร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ และอาการหวาดระแวงก็รุนแรงมากขึ้นเช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้เขาได้บีบคอพยาบาลที่ดูแลเขาเป็นการส่วนตัวตายคามือ


เพียงเพราะว่าเขาฝันร้ายระหว่างที่งีบหลับอยู่และพยาบาลคนนี้ก็กำลังเอาผ้าห่มมาคลุมตัวให้เขา หนิงเฉินเซวียนเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาจึงบีบคอพยาบาลผู้น่าสงสารคนนั้นจนตาย


อีกทั้งเมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก่อน เพียงแต่เรื่องพวกนี้โดนหนิงเฉินเซวียนปกปิดเอาไว้ แต่กลับปิดบังเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ และเขาก็รายงานแก่นายใหญ่ทั้งหมดแล้ว


ตอนนั้นนายใหญ่พูดเพียงแค่ว่า “อยากให้ใครพังพินาศ ก่อนอื่นต้องทำให้เขาคลุ้มคลั่งเสียก่อน!”


เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจในทันที


นายใหญ่เตรียมกับดักเอาไว้แล้ว


วันเวลาดี ๆของหนิงเฉินเซวียนใกล้จะหมดลงแล้ว


ดังนั้นเหยียนหมิงซุ่นถึงได้เป็นห่วงเสี่ยวเป่าอยู่บ้าง อยู่ใกล้คนบ้าคลั่งอย่างหนิงเฉินเซวียน เสี่ยวเป่าอันตรายเกินไปจริง ๆ


เหมยเหมยตกใจจนหน้าถอดสี “ทำไมเฮ่อเหลียนเช่อถึงเอาเสี่ยวเป่าไปให้ตาแก่โรคจิตนั่นเลี้ยงล่ะ ต่อให้หนิงเฉินเซวียนไม่ทำร้ายเสี่ยวเป่า หรือจะให้เสี่ยวเป่ากลายเป็นเฮ่อเหลียนเช่อคนที่สองงั้นเหรอ?”


ที่สำคัญที่สุดก็คือเสี่ยวเป่าไม่ใช่เด็กปกติ พวกเฮ่อเหลียนเช่อต่างก็ไม่มีใครสังเกตเห็น แต่หลังจากที่เหมยเหมยเล่นกับเสี่ยวเป่าไม่กี่ครั้งก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้ได้


เสี่ยวเป่าเป็นเด็กออทิสติกแต่กำเนิด เขาไม่ชอบพูดคุยกับใคร ชอบเล่นคนเดียวแต่ไอคิวของเสี่ยวเป่ากลับสูงมาก อีกทั้งความสามารถทางศิลปะก็ยอดเยี่ยมมาก เรียกได้ว่าอัจฉริยะเลยทีเดียว


บ้านตระกูลหนิงก็กำลังทานอาหารเย็นเช่นกันแต่โต๊ะอาหารกลับเงียบเหงา มีเพียงแค่หนิงเฉินเซวียนและเสี่ยวเป่าเท่านั้น บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมายมากกว่าสิบอย่าง


“เสี่ยวเป่าอยากทานอะไร ปู่จะคีบให้นะ” หนิงเฉินเซวียนเค้นรอยยิ้มที่ยากจะเห็นได้ในยามปกติออกมา แต่หลายปีมานี้เขาชราขึ้นเร็วมาก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ต่อให้ยิ้มก็ยังทำให้รู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี


ตอนที่ 2145 อาการเมินเฉยของเสี่ยวเป่า


ถึงแม้เหลืออีกแค่หนึ่งเดือนเสี่ยวเป่าจะอายุสองขวบแต่ก็สูงกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก ดูขาวสะอาดสะอ้าน หน้าตาหล่อเหลาจนทำให้คนไม่อาจละสายตาได้ แม้แต่ซาตานจากนรกเมื่อได้เห็นเทวดาตัวน้อยที่ใสสะอาดเช่นนี้ก็ยังปรากฏรอยยิ้มที่เมตตาอ่อนโยนกว่าคุณน้าคุณป้าเสียอีก


สำหรับมุมมองของตัวเขาเองแล้วรอยยิ้มในเวลานี้ดูอ่อนโยนเมตตายิ่งกว่าพระโพธิสัตว์เสียอีก แต่ในสายตาของเสี่ยวเป่ากลับน่าเกลียดกว่าหมาที่ลุง(เหมยซูหาน)เลี้ยงไว้ด้วยซ้ำ


ดวงตาสีเข้มของเสี่ยวเปาเหมือนอัญมณีที่เปล่งประประกายเหมือนดาวบนท้องฟ้า สะอาดและลุ่มลึก ยากที่จะหยั่งถึงราวกับถูกดูดวิญญาณไป


แค่มองดวงตาคู่นี้คงคิดไม่ถึงว่าเจ้าของของมันจะเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ เพราะดวงตาคู่นี้แฝงไปด้วยอะไรมากมาย แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้มีดวงตาที่ลึกซึ้งเช่นนี้


นี่คือสายตาของนักคิด!


แต่เจ้าของดวงตาคู่นี้เป็นเพียงเด็กที่อายุยังไม่ถึงสองขวบ มันน่าเหลือเชื่อมาก ๆ!


คิ้วสง่างามของเสี่ยวเป่ามุ่นเล็กน้อย เขาไม่ชอบกลิ่นของชายชราตรงหน้าเป็นอย่างมาก กลิ่นทั้งเหม็นและเปรี้ยว เหม็นยิ่งกว่าบ้านต้าโช่ว (สุนัขที่เหมยซูหานเลี้ยง)เสียอีก


เขาอยากกลับไปหาพ่อและลุงของเขา เล่นกับพวกต้าโช่ว เอ้อร์โช่วและซานโช่ว ไม่อยากอยู่ที่นี่เลยแม้แต่น้อย


แต่ก่อนมาที่นี่พ่อบอกเขาว่าให้เขาเชื่อฟังคุณปู่ อย่าทำให้คุณปู่ต้องโกรธ…เสี่ยวเป่าถอนหายใจเบา ๆ บนใบหน้าเล็ก ๆปรากฏความระอาที่ไม่ควรเกิดในช่วงอายุของเขาขึ้นมา


แต่มันปรากฏแค่แวบเดียวแล้วก็หายไป หนิงเฉินเซวียนอายุมากแล้วดวงตาก็ฝ้าฟางจึงมองเห็นไม่ชัด เขายังคงยิ้มให้อย่างเมตตา ตะเกียบคีบหมูตุ๋นชิ้นหนึ่งและคิดจะป่อนให้กับเสี่ยวเป่า


“เสี่ยวเป่าทานเนื้อสิ ทานเนื้อให้มาก ๆจะได้แข็งแรง ในอนาคตเสี่ยวเป่าจะต้องเป็นราชา ฉะนั้นหลานต้องเรียนรู้หลายด้าน หลังจากทานเสร็จปู่จะพาหลานไปขี่ม้า”


หนิงเฉินเซวียนมีจิตใจอันฮึกเหิมและปณิธานอันยิ่งใหญ่ บรรพบุรุษของเขาทำงานหนักมาเกือบพันปี แต่กลับไม่สามารถทำความปรารถนาสุดท้ายของตระกูลหนิงได้สำเร็จ มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้!


ตอนนี้เป็นจังหวะโอกาสที่ดี ขอแค่คนที่เขาจัดเตรียมไว้เปิดฉากก่อเหตุที่ชายแดน จากนั้นเขาก็จะลุกขึ้นมาก่อจลาจล เพียงเท่านี้เขาก็จะกลายเป็นราชาที่เหล่าไพร่ฟ้าให้ความสำคัญ และบัดนี้เขามีผู้สืบทอดแล้ว


นั่นก็คือเสี่ยวเป่า!


ทายาทที่เหมือนกับเสี่ยวซี!


นี่เป็นเหตุผลหลักที่หนิงเฉินเซวียนให้ความสำคัญกับเสี่ยวเป่ามาก


เสี่ยวซีก็คือหนิงเฉินซี น้องสาวพ่อเดียวกันกับหนิงเฉินเซวียน ขณะเดียวกันก็เป็นหลานสาวของเขาด้วย ซึ่งก็คือคนที่เขารักมากที่สุดในโลก


เสี่ยวเป่าดูเหมือนย่าของเขามาก โดยเฉพาะตอนที่ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เขา หนิงเฉินเซวียนเหมือนเห็นเสี่ยวซีในร่างเสี่ยวเป่า ในใจมีความอ่อนโยนถาโถมเข้ามาไม่สิ้นสุด และช่วยยับยั้งความเหี้ยมโหดของเขาที่ไม่สามารถควบคุมได้ให้มีความอดทนมากขึ้น


หนิงเฉินเซวียนไม่รอให้เสี่ยวเป่าตอบ เจ้าตัวเล็กมองเขานิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย


“เสี่ยวเป่าอ้าปาก!”


มือของหนิงเฉินเซวียนถือตะเกียบค้างอยู่กลางอากาศ ผ่านไปนานก็อดใจรอเสี่ยวเป่าพูดออกมาไม่ไหว ความใจร้อนพลุ่งพล่านขึ้นมาแต่เขาพยายามสะกดมันไว้ แล้วเค้นรอยยิ้มที่แสนใจดีมีเมตตาออกมาอีกครั้ง แต่ในใจกลับรู้สึกแปลก ๆ


เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เสี่ยวเป่ามาอยู่กับเขาที่นี่ ประพฤติตัวได้ดีไม่เลว ไม่ร้องไห้และไม่กรีดร้องเหมือนเด็กคนอื่น ๆ เวลาส่วนใหญ่จะใช้ไปกับปากกาวาดภาพบนฝาผนังและไม่ก่อกวนคนอื่นเลย


แต่ปัญหาก็คือ——


เสี่ยวเป่าไม่ยิ้ม แม้กระทั่งคำพูดสักประโยคก็ไม่มี


ใบหน้าเล็ก ๆที่งดงามของเขาเงียบสงบอยู่เสมอ ไม่มีร่องรอยของการแสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างใด เงียบไม่เหมือนเด็กปกติทั่วไป


หนิงเฉินเซวียนถามอยู่หลายครั้งแต่เสี่ยวเป่ากลับไม่แม้แต่จะชายตามอง เสี่ยวเป่าก้มหน้าหยิบเนื้อในชามแล้วเอาเข้าปากทานเอง บนใบหน้าและมือมีแต่น้ำมันเยิ้มไปหมดบวกแก้มป่อง ๆนั้นมันช่างน่ารักจนทำให้คนใจละลายได้เลย


แต่หนิงเฉินเซวียนกลับไม่รู้สึกแบบนั้น เพราะเขาโมโหเป็นอย่างมาก!


เขาไม่อนุญาตให้ใครเมินใส่เขาทั้งนั้น ต่อให้เป็นทายาทของเขาก็ไม่ได้!


…………………………………………..


ตอนที่ 2146 ความโมโหเดือดดาลของหนิงเฉินเซวียน


พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้าง ๆก็คือคนเก่าแก่ของตระกูลหนิงและรู้จักหนิงเฉินเซวียนเป็นอย่างดี แค่มองท่าทีของเขาก็รู้ทันทีว่าหนิงเฉินเซวียนกำลังจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา เขาเป็นห่วงเสี่ยวเป่ามากแต่ก็ไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปเตือน หนิงเฉินเซวียนในตอนนี้เขาไม่กล้ายุแหย่


พ่อบ้านส่งสายตาให้กับคนรับใช้ที่ยืนอยู่อีกด้าน คนรับใช้เข้าใจในทันทีแล้วก้าวถอยหลังออกไปอย่างเงียบ ๆเพื่อโทรหาเฮ่อเหลียนเช่อ


หนิงเฉินเซวียนตวาดด้วยเสียงแหลมสูงว่า “หนิงเฉิงจื้อ ได้ยินที่ปู่พูดไหม?”


หนิงเฉิงจื้อเป็นชื่อที่หนิงเฉินเซวียนตั้งให้เสี่ยวเป่า ความหมายคือปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่จะสืบทอดจากบรรพบุรุษ แต่เฮ่อเหลียนเช่อรังเกียจชื่อเชย ๆบ้านนอกแบบนี้จึงเรียกเสี่ยวเป่าอยู่ตลอด เขายังแอบเปลี่ยนชื่อในทะเบียนให้เป็นหนิงเสี่ยวเป่าอีกด้วย


เสี่ยวเป่าไม่สนใจชื่อหนิงเฉิงจื้อเลยแม้แต่น้อยและไม่รู้ด้วยว่าเรียกใคร เขากินเนื้อหมดไปหนึ่งชิ้น อร่อยถูกใจแถมรสชาติก็ไม่เลว เขาจึงยื่นมือไปหยิบอีกชิ้นยัดเข้าปาก


แสดงท่าทีเมินเฉยไม่สนใจหนิงเฉินเซวียนอีกครั้ง!


“ใครอนุญาตให้แกใช้มือกินข้าว? ตระกูลหนิงของพวกเราไม่ใช่ครอบครัวป่าเถื่อน ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียม แกใช้ตะเกียบเดี๋ยวนี้!”


เส้นเลือดบนหน้าผากของหนิงเฉินเซวียนเต้นตุบ ๆ เขาเป็นคนเจ้าระเบียบโดยเฉพาะมารยาทบนโต๊ะอาหาร ห้ามส่งเสียงดังขณะดื่มซุปหรือเคี้ยว แถมยังต้องนั่งตัวตรงและห้ามทำข้าวหกบนโต๊ะ…


ทุกอิริยาบถและคำพูดต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามกฎของราชวงศ์สมัยโบราณ เฮ่อเหลียนเช่อถูกเลี้ยงดูในลักษณะนี้เมื่อเขายังเป็นเด็ก หากทำอะไรผิดก็จะโดนหนิงเฉินเซวียนดุด่าต่อว่าแบบนี้เสมอ


การแสดงออกของเสี่ยวเป่าในตอนนี้สำหรับหนิงเฉินเซวียนแล้วเหมือนเป็นการยั่วโมโห ทันใดนั้นความโมโหก็ปะทุขึ้นมา ความโหดร้ายทารุณในร่างกายไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป


รอยยิ้มหายไปแล้ว สีหน้าท่าทางดุดันขึ้น ในดวงตามีแต่ความเย็นชา


พ่อบ้านใจเต้นรัว ไม่ได้การแล้ว นายท่านกำลังจะระเบิดอารมณ์ ทำไมคุณชายเช่อถึงยังไม่มาอีกนะ ตอนนี้มีแต่คุณชายเช่อเท่านั้นที่จะหยุดนายท่านได้!


”นายท่าน ผมไปยกตุ๋นรวมมิตรที่ท่านโปรดมาให้ดีไหมครับ คุณชายน้อยจะต้องชอบกินแน่ ๆ…”


“ไสหัวไป!”


หนิงเฉินเซวียนตวาดอย่างหมดความอดทน หากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของพ่อบ้านมีมานานหลายสิบปี เขาคงยิงให้ตายภายในนัดเดียวแน่นอน


สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือมีคนมาขัดจังหวะระหว่างที่เขาพูด ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย เช่นนั้นแล้วจะมีชีวิตอยู่ทำไม!


พ่อบ้านชราตัวสั่นด้วยความตกใจและทำได้เพียงถอยออกมา เขาเหลือบมองเสี่ยวเป่าที่ยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่ว่าอันตรายกำลังจะมาเยือนอย่างเห็นใจ เฮ้อ!


นี่มันเวรกรรมอะไรกันเนี่ย!


เสี่ยวเป่ากลับไม่รู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวเลยสักนิด เขาไม่รับรู้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของหนิงเฉินเซวียนด้วย แต่เขากลับรู้สึกอึดอัดเหลือเกิน


เพราะว่าร่างกายของหนิงเฉินเซวียนมีกลิ่นเหม็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เสี่ยวเป่าแทบทนไม่ไหว


“ปึง”


เจ้าตัวเล็กอารมณ์ไม่ดีเสียแล้วจึงหยิบเนื้อด้วยมือเดียวแล้วลุกออกจากโต๊ะไป ในเมื่อที่นี่กลิ่นเหม็น งั้นเขาก็จะไปหาที่ที่มีกลิ่นหอมนั่งทานแล้วกัน


“แกจะไปไหน? ฉันอนุญาตให้แกไปหรือไง…”


หนิงเฉินเซวียนชะงักไปในตอนแรก แต่หลังจากนั้นก็โมโหเดือดดาลขึ้นมา


นี่คิดจะต่อต้านงั้นเหรอ?


ทำเป็นเมินเฉยใส่เขาใช่ไหม?


มีอย่างที่ไหนกัน!


“แกหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!”


หนิงเฉินเซวียนไล่ตามไปพร้อมนึกไม่พอใจเฮ่อเหลียนเช่อเช่นกัน เขารู้สึกว่าเสี่ยวเป่าถูกเฮ่อเหลียนเช่อตามใจจนเคยตัวจึงไร้ระเบียบ เขาต้องแก้นิสัยเสียของเสี่ยวเป่าให้กลายเป็นทายาทสืบสกุลที่ยอดเยี่ยมและมีคุณสมบัติที่เหมาะสมให้ได้!


ไม่อย่างนั้นในอนาคตจะตกเป็นเป้าให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้?


ถึงแม้ว่าเสี่ยวเป่าจะอายุยังน้อยแต่เขาเดินได้นานแล้ว ขาสั้นวิ่งอย่างรวดเร็ว หนิงเฉินเซวียนแก่และอ่อนแอจึงไล่ตามเขาไม่ทันสักที


หนึ่งคนแก่หนึ่งเด็กน้อยวิ่งจนไปถึงสวนหลังบ้าน ที่นั่นเป็นคอกเลี้ยงม้าของหนิงเฉินเซวียนและได้รวบรวมม้าชั้นยอดทั่วโลกมาไว้ด้วยกัน ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่หนิงเฉินเซวียนโปรดปรานมากที่สุด!


ตอนที่ 2147 ม้าไม่มีความสุข


เสี่ยวเป่าวิ่งไปก็ไม่ลืมที่จะกินเนื้อไป วิ่งจากห้องอาหารไปถึงสวนหลังบ้านใช้เวลาแค่ครู่เดียวเท่านั้น เนื้อทั้งสองชิ้นในมือทานจนเกลี้ยงแล้ว เจ้าตัวเล็กมองมือมันวาวของเขาด้วยความเศร้าใจแล้วถอนหายใจเบา ๆ


ทำไมเขาถึงมีแค่สองมือนะ?


หากเหมือนปลาหมึกได้ก็คงดี แบบนั้นเขาก็จะสามารถกินเนื้อได้ทีละมาก ๆแล้ว!


“หนิงเฉิงจื้อหยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่แกจะต่อต้านฉันงั้นเหรอ…”


เสียงตวาดของหนิงเฉินเซวียนดังตามมาจากด้านหลัง เสี่ยวเป่ารีบขยับร่างเล็กอุ้ยอ้ายของเขา คนตัวเหม็นคนนี้นิสัยดุร้ายมาก เขาต้องซ่อนตัวแล้วรอให้คุณอามาตามหาเขา


ดวงตาดำขลับของเสี่ยวเป่ากลอกไปมาจ้องมองไปยังคอกม้าที่อยู่ไม่ไกล ตรงนั้นดูเหมือนจะมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายอยู่ เสี่ยวเป่ายกฝีเท้าวิ่งพุ่งตรงไปที่คอกม้า ร่างเล็ก ๆลอดผ่านใต้ประตูได้อย่างง่ายดาย ข้างในมีม้าพันธุ์ดีตัวสูงใหญ่สีแดงเพลิงแปลกตาเป็นพิเศษอยู่ด้วย


หนิงเฉินเซวียนหน้าถอดสี ม้าสีแดงเพลิงตัวนี้เป็นม้าพันธุ์อังกฤษตัวใหม่ของเขา ทั้งพ่อและแม่ปู่ย่าตายายเป็นถึงแชมป์ม้าสายเลือดชั้นสูง เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอามันมาแข่งขันในอีกครึ่งเดือนครั้งหน้าและเขาจะเอาชนะไอ้ม้าบ้านั่นของเฮ่อเหลียนชิงให้ได้


และซึ่งก็คือม้าสีดำตัวเล็ก ๆที่โดนเหยียนหมิงซุ่นชิงตัดหน้าไป ตอนนี้ได้กลายเป็นราชาแห่งม้าแล้ว มันแข่งชนะให้เฮ่อเหลียนชิงอยู่หลายครั้ง แถมยังเอาชนะม้าของหนิงเฉินเซวียนไปตั้งมากจนมันกลายเป็นม้าตัวโปรดล่าสุดของเฮ่อเหลียนชิง


หนิงเฉินเซวียนไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้เขาจึงยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อซื้อม้าพันธุ์ดีตัวนี้มา เขาตั้งชื่อมันว่าม้าเซ็กเธาว์และหวังว่ามันจะเป็นเหมือนม้าศักดิ์สิทธิ์นำมาซึ่งเกียรติยศให้เขาเหมือนของกวนอู


ม้าเซ็กเธาว์เป็นม้าพยศซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่เชื่องเลย มีบางครั้งที่มันดีดขาหลังใส่เขา ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเสี่ยวเป่าที่เป็นคนแปลกหน้าอย่างนั้นเลย?


หนิงเฉินเซวียนร้อนใจขึ้นมา แค่โดนม้าเซ็กเธาว์กระทืบเข้าทีหนึ่งก็กลัวว่าเสี่ยวเป่าจะโดนเหยียบจนเละมากกว่า ทายาทผู้สืบทอดของเขาคงจบเห่กันพอดี!


“เสี่ยวเป่ารีบออกมา ในนั้นมันอันตราย!”


หนิงเฉินเซวียนร้อนใจมากจึงรีบวิ่งเข้าไปคิดจะลากเจ้าตัวเล็กออกมา แต่เสี่ยวเป่ามุดไถลตัวเข้าไปข้างในแล้ว อีกทั้งยังไถลเข้าไปตรงกลางตัวม้าเซ็กเธาว์อีกด้วย หัวใจของหนิงเฉินเซวียนแทบจะหยุดเต้น


“เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีนะ ปู่ไม่ดุด่าหลานแล้วแต่หลานรีบออกมาเถอะ พวกเราไปกินเนื้อกัน!” หนิงเฉินเซวียนพูดเสียงอ่อนเสียงหวานเพื่อเอาใจเสี่ยวเป่าที่อยู่ในคอกม้า เขาไม่กล้าหายใจแรงเพราะกลัวว่าจะยั่วโมโหม้าเซ็กเธาว์เข้าจนทำร้ายเสี่ยวเป่าเอาได้


เสี่ยวเป่าลุกขึ้นยืน หัวเล็ก ๆกระแทกเข้ากับท้องของม้าเซ็กเธาว์พอดี หัวใจของหนิงเฉินเซวียนเต้นแรงขึ้นมาทันที เขาหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง


เขามองเห็นจุดจบของเสี่ยวเป่าแล้ว ดูเหมือนว่าจะต้องให้เฮ่อเหลียนเช่อมีผู้สืบทอดอีกคนให้กับเขาแล้วล่ะ!


เวลาผ่านไปหลายวินาทีแต่กลับไม่ได้ยินเสียงร้องอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ รอบตัวเงียบสงบมาก ๆ


หนิงเฉินเซวียนลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่คอกม้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เสี่ยวเป่ายังยืนอยู่ใต้ท้องม้าเซ็กเธาว์ครบสามสิบสองดี เขาเอามือเล็ก ๆที่สกปรกลูบใต้ท้องมันไปมาแต่ม้าเซ็กเธาว์กลับยืนอารมณ์ดี ไม่เพียงเท่านั้นบางเวลามันยังพ่นลมออกมาทางจมูกอย่างพึงพอใจเสียด้วย ไม่พยศเลยสักนิด


ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?


หนิงเฉินเซวียนงงงวยไม่เข้าใจเป็นอย่างมากแต่ก็มีความสุขไม่น้อย เสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เขายังคงชอบทายาทคนนี้อยู่ ไม่อยากจะรออีกปีเพราะระยะเวลาในการมีทายาทมันยาวนานเกินไป


“เสี่ยวเป่ารีบออกมา หากยังไม่ออกมาอีกปู่จะโมโหแล้วนะ!”


หนิงเฉินเซวียนเอ่ยเสียงแหลมสูง ก่อนหน้านั้นเพราะเป็นห่วงเสี่ยวเป่าเขาจึงพยายามระงับความเหี้ยมโหดเอาไว้ ทว่าเวลานี้กลับเริ่มพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง เขาหมดความอดทนแล้วจริง ๆ


เสี่ยวเป่าทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด เขามองไปที่ม้าเซ็กเธาว์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขารู้สึกได้ว่าเจ้าตัวนี้ที่ตัวใหญ่กว่าต้าโช่วนั้นไม่มีความสุขเอาเสียเลย


แถมม้าตัวอื่น ๆก็ไม่มีความสุขเช่นกัน เขาสามารถรับรู้ได้


เป็นเพราะถูกจับขังไว้ในที่เล็ก ๆแบบนี้เหรอ?


…………………………………………..


ตอนที่ 2148 ม้าจำนวนมากวิ่งออกไป


ถึงแม้ว่าเสี่ยวเป่าจะไม่รู้จักม้าแต่เขาก็รู้สึกได้ ม้าไม่ควรจะถูกขังไว้ที่นี่ พวกมันควรอยู่ในโลกที่กว้างใหญ่ราวกับท้องฟ้า


และเขาอยากจะช่วยเจ้าม้าพวกนี้!


เสี่ยวเป่ามุดออกมาจากใต้ท้องม้าเซ็กเธาว์แล้วมายืนอยู่ใต้หัวม้ายักษ์ แค่ม้าเซ็กเธาว์ถีบเบา ๆเสี่ยวเป่าก็จะถูกเตะขึ้นลอยกลางอากาศแล้วร่วงตกพื้นอย่างแรงได้


“เฮือก”


หนิงเฉินเซวียนสูดลมหายใจ ตำแหน่งนี้อันตรายเกินไป


“เสี่ยวเป่ารีบออกมา!” เขาตวาดด้วยความโมโห โกรธที่เด็กน้อยไม่ยอมเชื่อฟัง ถ้าเปลี่ยนเป็นลูกน้องคนอื่นคงตายไปสองสามร้อยรอบแล้ว


ม้าเซ็กเธาว์ไม่พอใจเสียงตะโกนที่ดังขึ้นไม่หยุดของหนิงเฉินเซวียนจึงกระทืบเท้าอยู่หลายที หนิงเฉินเซวียนรีบปิดปากไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อยแล้วหลับตาลงอีกครั้ง


ดูท่าเฮ่อเหลียนเช่อคงต้องมีทายาทให้เขาอีกแล้วล่ะ คราวนี้เขาจะหาผู้หญิงมาให้มากหน่อยสักสองสามคน ถือโอกาสคลอดทีละสี่ห้าคนในครั้งเดียวไปเลยจะได้มีเพียงพอในอนาคต


เสี่ยวเป่ายืนเขย่งเท้า พยายามยื่นมือออกไปแตะใบหน้าของม้าเซ็กเธาว์ พอเขาสัมผัสได้ก็ยิ้มอย่างมีความสุข รอยยิ้มเหมือนเทวดาตัวน้อยที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกมนุษย์แห่งนี้


ม้าเซ็กเธาว์แลบลิ้นเลียมือของเสี่ยวเป่า และสะบัดหางเป็นครั้งคราว


เสี่ยวเป่าหันกลับมาสำรวจรอบ ๆคอกม้าและมองไปที่ประตู จากนั้นก็เข้าใจในทันทีว่าต้องทำอะไร ขาอวบอ้วนเดินไปทางนั้น เขามองไปที่ประตูและรู้ว่าจะเปิดประตูนี้ได้อย่างไร


เพราะประตูนี้ถึงทำให้ม้าไม่มีความสุข แค่เขาเปิดประตูก็จบแล้ว


เสี่ยวเป่าเขย่งปลายเท้าแต่ก็ยังคงไม่ถึง ทว่ากลับไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเสี่ยวเป่าเลยเพราะเขากอดประตูแล้วปีนขึ้นไปพร้อมฮึมฮัมเสียงเบา จากนั้นก็ปลดกลอนประตู เขาใช้ความพยายามอย่างมากจนในที่สุดมันก็เปิดออก พอประตูเปิดออก เสี่ยวเป่าก็หันไปมองหน้าม้าเซ็กเธาว์พร้อมส่งยิ้มหวานให้กับมันและชี้ไปทางประตู


หนิงเฉินเซวียนโมโหขมับตรงศีรษะเต้นตุบตับ เจ้าตัวเล็กคิดจะทำอะไร?


เขากำลังจะเดินเข้าไปปิดประตูแต่เสียงม้าเซ็กเธาว์ดันร้องฮี่แล้วพุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็วจนเกือบจะชนหนิงเฉินเซวียนกระเด็นอยู่แล้ว ไม่นานม้าเซ็กเธาว์ก็วิ่งลับตาไป


หนิงเฉินเซวียนหน้าซีดเป็นไก่ต้มด้วยความหวาดกลัว เขายังไม่ได้ขึ้นบัลลังก์ ยังไม่ได้เป็นราชาเลย แล้วจะตายได้อย่างไร?


“หนิงเฉิงจื้อแกทำบ้าอะไร ป่วนไปทั่ว รีบ ๆออกมาเลย…”


หนิงเฉินเซวียนไม่ได้สนใจม้าเซ็กเธาว์เพราะสนามม้าเป็นแบบปิด มันจะวิ่งไปไหนก็เรื่องของมัน เขากำลังเดินเข้าไปในคอกม้าเพื่อดึงเสี่ยวเป่าออกมาแล้วสั่งสอนเจ้าเด็กนี่ที่ไม่รู้จักเชื่อฟังสักหน่อย!


แต่ทว่า——


เสี่ยวเป่ามุดเข้าไปในคอกม้าอีกครั้ง ทำวิธีการเดิมโดยการปล่อยม้าอาหรับที่อยู่ข้างในออกมา จากนั้นก็ตามมาด้วยม้าพันธุ์อื่น ๆ เช่นม้ามองโกเลีย ม้าลูกครึ่งเนเธอร์แลนด์ประมาณยี่สิบกว่าตัว ทั้งหมดโดนเสี่ยวเป่าปล่อยออกมาจนเกลี้ยง


เจ้าตัวเล็กเหนื่อยจนหายใจหอบถี่ บนร่างกายเต็มไปด้วยโคลนจนเหมือนมนุษย์โคลนตัวน้อยไปแล้ว ทั้งยังมองไม่เห็นอวัยวะบนใบหน้า มีเพียงดวงตาคู่เดียวที่ยังคงสดใสอยู่


ในสนามม้ามีม้าจำนวนมากวิ่งฝุ่นตลบอบอวลวุ่นวายเต็มไปหมด


เสี่ยวเป่าเหนื่อยจนนั่งลงกับพื้นพร้อมยิ้มอย่างมีความสุข ม้าพวกนี้เป็นอิสระแล้ว พวกมันจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป เขาเหม่อมองม้าที่วิ่งกันอย่างอิสระ เสี่ยวเป่าก็ปรากฏความหลงใหลฉายชัดบนใบหน้า เขายื่นมือออกไปวาดภาพบนโคลนโดยไม่รู้ตัว


ถึงแม้ว่ารูปที่วาดออกมาจะไม่ได้เป็นรูปร่างชัดเจนนักแต่ก็พอจะมองออกว่าเป็นโครงร่างของม้าอยู่ราง ๆ เสี่ยวเป่ากำลังวาดม้าที่กำลังวิ่งไปมา ทั้ง ๆที่ไม่เคยมีใครสอนเขาแต่เขาก็วาดออกมาได้


เฮ่อเหลียนเช่อที่ได้รับโทรศัพท์ก็รีบเร่งมาอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่เห็นคือความชุลมุน


ม้าวิ่งกันชุลมุนไปหมด หนิงเฉินเซวียนโกรธมากจนตบหน้าอกตัวเองไม่หยุด ส่วนเสี่ยวเป่าน้องชายของเขาก็กลายเป็นมนุษย์โคลนตัวน้อยมองไม่เห็นจมูกปากเลยสักนิด แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเล็กจะอารมณ์ดีไม่หยอก


เฮ่อเหลียนเช่อถอนหายใจ ไม่ได้เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ!


ตอนที่ 2149 เสี่ยวเป่าเป็นคน ไม่ใช่เครื่องมือ


“นายสั่งสอนเสี่ยวเป่าอย่างไรกัน? ไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่มีระเบียบเลยสักนิด ฉันคุยกับเขาแต่เขากลับทำเหมือนว่าฉันกำลังผายลม จนถึงตอนนี้เขายังไม่เรียกฉันสักคำ ทำแบบนี้ได้อย่างไร…”


หนิงเฉินเซวียนชี้ไปที่เฮ่อเหลียนเช่อพร้อมด่ากราด เสี่ยวเป่าที่อาบน้ำสะอาดเรียบร้อยแล้วซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเฮ่อเหลียนเช่อ เขาถลึงตาจ้องหนิงเฉินเซวียนอย่างไม่พอใจ


ตาแก่เหม็นเขียวคนนี้เป็นคนชั่วร้าย ทำร้ายพ่อ แถมยังกักขังม้าเอาไว้อีก คนสารเลว!


เสี่ยวเป่าปกปิดอารมณ์ความรู้สึกภายในใจของเขาไม่เป็น ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ แล้วหนิงเฉินเซวียนจะไม่รู้สึกได้อย่างไร ความโกรธยิ่งพุ่งปรี๊ดขึ้นแล้วชี้ไปที่เสี่ยวเป่าพร้อมก่นด่าว่า “แกดูท่าทีของลูกแกเถอะ พูดด้วยตั้งนานไม่ตอบกลับสักคำ อยู่ที่นี่มาเป็นอาทิตย์แล้วยังไม่ยอมพูดสักคำเลย เป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน นี่เป็นการดูหมิ่นฉันชัด ๆ ฉันไม่ควรค่าที่จะคุยด้วยหรือไง?”


“คุณอาคิดมากไปแล้ว เสี่ยวเป่าเขาไม่ชอบพูดมาแต่ไหนแต่ไรต่างหาก ขนาดกับผมเองเขายังพูดด้วยไม่กี่คำเลย แล้วจะเอาอะไรกับเด็กตัวแค่นี้ ตะโกนเสียงดังแบบนี้ระวังเสี่ยวเป่าจะตกใจเอาได้นะ”


เฮ่อเหลียนเช่อมองหนิงเฉินเซวียนอย่างไม่พอใจ กับเด็กน้อยยังไม่รู้จักอดทน แบบนี้เขาจะวางใจให้เสี่ยวเป่าอยู่ที่นี่ต่อไปได้อย่างไร เขาก้มหน้าลงมองเสี่ยวเป่า พอเห็นเจ้าตัวเล็กยังปกติดีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาขยิบตาให้เสี่ยวเป่าแล้วบีบแก้มป่องของเจ้าตัวเล็กที่กำลังยู่ปากอยู่ เขาก็รู้สึกชอบใจขึ้นมาในทันที


ผิวของน้องชายเขาเนียนนุ่มจริง ๆ บีบทุกวันก็ไม่พอ


หนิงเฉินเซวียนรู้สึกว่าพ่อลูกตรงหน้าพูดจาไม่น่าฟังทำตัวขัดหูขัดตา ความโมโหก็ยิ่งพุ่งปรี๊ดสูงขึ้น มีสิทธิ์อะไรเมินใส่เขา?


เขาคือราชาที่กำลังจะได้ครองบัลลังก์ และยังเป็นปู่ของเสี่ยวเป่าอีกต่างหาก!


“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วผมก็ต้องขอตัว ส่วนเสี่ยวเป่าผมก็ถือโอกาสพากลับไปด้วยเลยแล้วกัน คุณอาจะได้ไม่หงุดหงิดอีก” เฮ่อเหลียนเช่อถือโอกาสเสนอจะพาเสี่ยวเป่ากลับไปด้วย หลายวันมานี้เสี่ยวเป่าไม่อยู่บ้าน เขากับเหมยซูหานกินไม่ได้นอนไม่หลับ แม้แต่สุนัขสามตัวในบ้านก็ไม่ได้ทำให้มีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อนเลยสักนิด


ชีวิตที่ไม่มีเสี่ยวเป่าก็เหมือนชีวิตที่ขาดสีสัน ถึงจะเติมเท่าไรก็ไม่เต็มสักที


หนิงเฉินเซวียนถลึงตาใส่ “พาไปไม่ได้ ต่อจากนี้ไปเสี่ยวเป่าต้องอยู่กับฉัน ฉันต้องสั่งสอนกฎระเบียบให้เขามากกว่านี้ ในอนาคตหลานชายของฉันจะต้องทำการใหญ่ แต่ถึงขนาดไม่พูดสักคำเลยจะเป็นไปได้อย่างไร”


เวลานี้หนิงเฉินเซวียนเกิดความสงสัยเล็กน้อย เด็กที่อายุจะสองขวบแล้ว ต่อให้พูดไม่ได้ก็ต้องส่งเสียงเรียกคนได้บ้างไม่ใช่เหรอ?


อีกอย่างลูกหลานของพวกเขาตระกูลหนิงต่างก็มีความสามารถเกินวัยและพูดได้เร็วมาก เหมือนตอนเขาเพิ่งเจ็ดเดือนก็เรียกชื่อคนได้แล้ว พอถึงสองขวบก็จำบทกวีสมัยราชวงศ์ถังและซ่งได้อย่างคล่องแคล่ว แบบนี้ถือว่าเสี่ยวเป่าผิดปกติมาก


“พวกนายได้ทดสอบไอคิวของเสี่ยวเป่าแล้วหรือยัง ไอคิวของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?” หนิงเฉินเซวียนนึกถึงประเด็นสำคัญขึ้นได้ สีหน้าก็ดูเคร่งเครียดทันที


หากว่าไอคิวของเสี่ยวเป่ามีปัญหา ต่อให้เหมือนเสี่ยวซีมากแค่ไหนเขาก็คงต้องปล่อยไปแล้วล่ะ


คนที่ไอคิวไม่ถึงมาตรฐาน ไม่สมควรเป็นทายาทผู้สืบทอดของเขา!


เฮ่อเหลียนเช่อมองหนิงเฉินเซวียนด้วยท่าทีระแวดระวัง “จะวัดไอคิวไปทำไม? ไอคิวของเสี่ยวเป่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”


“แม้กระทั่งพูดยังพูดไม่ได้เลย แล้วจะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? เรื่องนี้นายไม่ต้องยุ่ง อีกสองสามวันฉันจะหาคนมาวัดไอคิวดู หากว่าไอคิวไม่ถึงมาตรฐานนายก็เตรียมตัวคลอดหลานชายให้ฉันใหม่ คราวนี้คลอดหลาย ๆคนหน่อย เผื่อมีดีไม่ดีผสมปนเปกัน” หนิงเฉิวเซวียนกล่าวอย่างเย็นชา เพราะสำหรับเขาแล้วหลานชายก็เป็นแค่เพียงเครื่องมือ


“หมายความว่าไง? คุณอาคิดว่าเสี่ยวเป่าเป็นตัวอะไร? เขาเป็นคน มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน ไม่ใช่สัตว์ คิดอยากจะเอาก็เอา พอไม่เอาก็โยนทิ้ง คุณอายังมีความรู้สึกอยู่บ้างไหม?”


เฮ่อเหลียนเช่อเข้าใจทันทีว่าหนิงเฉินเซวียนหมายความว่าอย่างไร ฉับพลันความโกรธก็พุ่งขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุขึ้นมา


“ผมต้องการแค่เสี่ยวเป่าคนเดียวและจะไม่คลอดหลานเพื่อคุณอาอีก ถ้าคุณอาอยากมีมากนักก็ไปมีเอง ผมจะไม่ทำตามใจคุณอาอีกต่อไปแล้ว!”


เฮ่อเหลียนเช่ออุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวแล้วหมุนตัวออกจากบ้านตระกูลหนิงไป


…………………………………………..


ตอนที่ 2150 ตาแก่สารเลวที่ไม่มีความเป็นมนุษย์


เหมยเหมยรู้เรื่องที่เสี่ยวเป่าก่อเรื่องใหญ่ที่บ้านตระกูลหนิงจากเหยียนหมิงซุ่นจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะชอบใจ


“เสี่ยวเป่าช่างน่ารักจริง ๆ หนิงเฉินเซวียนตาแก่โรคจิตคนนี้ไม่ได้ทำอะไรเสี่ยวเป่าใช่ไหม?” เหมยเหมยเป็นห่วงอยู่บ้าง


“เปล่า เฮ่อเหลียนเช่อไปทันเวลาพอดี เขาพาเสี่ยวเป่ากลับบ้านไปแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้ม พอเขาเห็นภาพที่ลูกน้องถ่ายเก็บไว้ได้ตอนที่ม้าวิ่งชุลมุนกันก็อดมีความสุขขึ้นมาไม่ได้


ใบหน้าของหนิงเฉินเซวียนบนรูปภาพบึ้งตึงมาก ดูท่าจะโมโหจนถึงขีดสุดแต่จนปัญญาจะทำอะไรเสี่ยวเป่าได้


“เธอดูสิ เสี่ยวเป่าปล่อยม้าทั้งหมดออกมาเองคนเดียวเลยนะ เกือบจะเหยียบหนิงเฉินเซวียนตายด้วยซ้ำ”


เหยียนหมิงซุ่นหยิบรูปถ่ายให้เหมยเหมยดู เขาให้คนแฝงเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลหนิงหลายคนเพื่อเป็นหมากลับของเขา หนิงเฉินเซวียนและเฮ่อเหลียนเช่อต่างไม่มีใครรู้ เพราะแบบนี้เขาถึงได้รู้ทุกเรื่องของตระกูลหนิงอย่างทะลุปรุโปร่ง และรู้ถึงความเคลื่อนไหวของหนิงเฉินเซวียนอย่างชัดเจนด้วย


ตาแก่นี่ช่วยตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ถึงเวลาโดนเก็บสักที!


เรื่องนี้จะจัดการก่อนงานแต่งงานของเขา และถือเป็นของขวัญสำหรับวันแต่งงานที่สมบูรณ์แบบให้ตัวเองด้วย!


เหมยเหมยเห็นฉากชุลมุนในภาพก็อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ยิ่งเห็นเสี่ยวเป่าที่สกปรกจนเหลือเพียงดวงตาคู่เดียวก็ยิ่งหัวเราะจนน้ำตาไหล เจ้าตัวเล็กนี่ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้รักมากขึ้นเรื่อย ๆ


“ม้าพวกนี้ทำไมถึงไม่ทำร้ายเสี่ยวเป่าล่ะ น่าแปลกจัง” เหมยเหมยพูดพึมพำกับตัวเอง


ม้าตั้งหลายตัวแถมยังชุลมุนวุ่นวายขนาดนั้นนั้น แต่กลับไม่มีม้าสักตัวเหยียบโดนเสี่ยวเป่าเลย ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ


ฉิวฉิวที่แทะกุ้งมังกรน้อยอย่างเอร็ดอร่อยอยู่อีกด้านส่งเสียงฮึออกมาอย่างลำพองใจ หากมีลมหายใจที่คุณชายฉิวอย่างมันมอบให้ ไม่ต้องพูดถึงม้าจำนวนมหาศาลหรอก แม้กระทั่งเสือดุร้ายที่พุ่งลงมาจากภูเขาก็ไม่กล้าทำอะไรเสี่ยวเป่าทั้งนั้นแหละ


เหยียนหมิงซุ่นก็นึกถึงปัญหาข้อนี้เช่นกัน แต่เขารู้สึกว่าเสี่ยวเป่าน่าจะมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้สัตว์อยากเข้าใกล้มาตั้งแต่กำเนิด ถึงแม้ว่าเด็กเช่นนี้จะหายากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี เสี่ยวเป่าน่าจะมีลักษณะดังกล่าว


“น่าจะเป็นเพราะเสี่ยวเป่ามีแรงดึงดูดให้สัตว์รักสัตว์ชอบละมั้ง พี่เห็นเขากับเหมยซูหานเลี้ยงสุนัขด้วยกันสามตัว แถมเล่นด้วยกันทุกวันเลยด้วย” เหมยเหมยอธิบาย


สุนัขที่เหมยซูหานเลี้ยงไว้ต่างก็มีขนาดใหญ่และดุร้ายมาก ต้าโช่วเป็นสุนัขพันธุ์ชาเป่ย เอ้อร์โช่วเป็นสุนัขพันธุ์บูลด็อก ซานโช่วเป็นสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สุนัขทั้งสามตัวนี้เลย แต่เสี่ยวเป่ากลับกลายเป็นเพื่อนสนิทของพวกมัน แถมมักจะขี่สุนัขเล่นเป็นม้าแต่ก็ไม่เป็นอะไรสักอย่าง


“เฮ่อเหลียนเช่อพาเสี่ยวเป่ากลับไปด้วยก็ดีแล้ว อยู่กับหนิงเฉินเซวียนไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร” เหมยเหมยโล่งอกแต่ไม่นานก็หนักใจขึ้นมาอีกครั้งเพราะคำพูดของเหยียนหมิงซุ่น


“หนิงเฉินเซวียนจะต้องเอาเสี่ยวเป่ากลับไปอีกครั้งแน่ อีกอย่างเขายังอยากจะให้เฮ่อเหลียนเช่อมีหลานให้เขาอีกเยอะ ๆ เพราะเรื่องนี้สองพ่อลูกึงทะเลาะกันใหญ่โตเลยล่ะ”


“ทำไมถึงอยากให้มีอีกหลายคนล่ะ?”


“เพราะว่าเสี่ยวเป่าไม่ยอมพูด หนิงเฉินเซวียนสงสัยว่าไอคิวของเขาจะมีปัญหาเลยเชิญคนมาทดสอบไอคิวของเสี่ยวเป่าเรียบร้อยแล้ว เหตุที่จะมีหลาย ๆคนหน่อยก็เพื่อจะได้มีตัวเลือกที่ดีที่สุดไง” เหยียนหมิงซุ่นพูดพลางส่ายศีรษะ หนิงเฉินเซวียนไม่มีความเป็นมนุษย์เลยสักนิด มิน่าล่ะเฮ่อเหลียนเช่อถึงได้ทะเลาะกับเขา


“ตาแก่สารเลว…นี่กำลังทำเหมือนเสี่ยวเป่าเป็นตัวอะไร เครื่องมือเหรอ? ถ้าหากเสี่ยวเป่าไอคิวต่ำก็จะทิ้งเขาไปสินะ? เขาทำแบบนี้ได้อย่างไร…” เหมยเหมยโมโหเป็นอย่างมาก


เธอเกลียดที่สุดก็คือการเอาเรื่องไอคิวมาพูด


บนโลกใบนี้ทุกคนจะมีไอคิวสูงทุกคนได้อย่างไร อีกอย่างไอคิวต่ำแล้วมันทำไมเหรอ ไอคิวต่ำก็ยังมีพรสวรรค์ เสี่ยวเป่ามีความสามารถทางศิลปะที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น ในอนาคตจะต้องกลายเป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยมได้อย่างแน่นอน อนาคตไกลแล้วจะต้องกังวลอะไรอีก!


“ใจเย็น ๆ ไม่ต้องโมโหไป เฮ่อเหลียนเช่อไม่ทำตามอยู่แล้ว เสี่ยวเป่ามีเขาคอยปกป้องอยู่ ไม่เกิดอะไรขึ้นแน่นอน” เหยียนหมิงซุ่นปลอบใจเหมยเหมยที่กำลังโมโห


“อ้วก…”


เหมยเหมยโมโหมากจนรู้สึกพะอืดพะอมท้องไส้ปั่นป่วน เธอรีบเอามือปิดปากแล้วอยู่ห่างจากซุปปลาที่เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งตักให้


ตอนที่ 2151 รสชาติเปลี่ยนไปมาก


“เป็นอะไรไป…ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”


เหยียนหมิงซุ่นรีบลูบหลังเหมยเหมยแผ่วเบา ขมวดคิ้วมุ่น ทำไมจู่ ๆถึงได้คลื่นไส้อาเจียนได้ล่ะ


“พี่เอาซุปปลาออกไปที ฉันทนดมกลิ่นแบบนี้ไม่ได้ มันคาวมาก…อ้วก…”


เหมยเหมยเริ่มรู้สึกคลื่นไส้อีกครั้งจึงหันหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อครู่ซดซุปปลาเข้าไปอึกหนึ่ง ต่อจากนั้นก็โมโหหนิงเฉินเซวียนถึงได้รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที


เหยียนหมิงซุ่นขยับซุปปลามาทางฝั่งตนเองแล้วซดเข้าไปหนึ่งอึกด้วยท่าทีลังเล ยังร้อน ๆอยู่เลย แถมยังสดใหม่ด้วย ไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิด ทำไมเหมยเหมยถึงรู้สึกว่ากลิ่นคาวแรงได้ล่ะ?


“ไม่คาวเลยนะ…เธอเป็นหวัดหรือเปล่า เราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันเดี๋ยวนี้เลย” เหยียนหมิงซุ่นดูมีท่าทีจริงจังมากขึ้น ในช่วงไม่กี่วันมานี้อุณหภูมิตอนกลางวันและกลางคืนแตกต่างกันมากจึงง่ายต่อการเป็นหวัด


พอคลื่นไส้ได้สักพักเหมยเหมยก็รู้สึกดีขึ้นจึงหันไปโบกไม้โบกมือให้เหยียนหมิงซุ่น “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้เป็นหวัดด้วย แค่กลิ่นซุปปลามันคาว ฉันกินกับข้าวอย่างอื่นก็รู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ”


พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเธอกลับมากินข้าวได้อย่างสดใสอีกครั้งและไม่ได้มีท่าทีจะเป็นจะตายเหมือนเมื่อครู่ เขาก็อดสงสัยต่อมรับรสของตนเองไม่ได้จึงยกแกงขึ้นซดอีกครึ่งถ้วยอย่างห้ามไม่อยู่


ยังคงสดใหม่นี่นา เขาไม่ใช่คนที่ชอบกินซุปปลานักแต่ก็กินเข้าไปหลายถ้วยแล้ว


“ไม่เป็นอะไรแน่นะ?” เหยียนหมิงซุ่นถามย้ำอีกครั้ง


เหมยเหมยใช้ตะเกียบคีบหมูเส้นผัดพริกทานอย่างเอร็ดอร่อยแล้วตอบกลับด้วยท่าทีรำคาญว่า “โอ๊ย…ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ หมูเส้นผัดพริกจานนี้อร่อยจัง ฉันกินได้อีกเป็นจาน ๆเลย พรุ่งนี้ให้ป้าฟางทำเมนูนี้อีกนะ”


เธอกินไปพลางใช้ตะเกียบคีบหมูเส้นผัดพริกไปพร้อมยัดข้าวคำโต ความอยากอาหารมีมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหยียนหมิงซุ่นเห็นดังนั้นก็นึกสับสน


ครั้งนี้ป้าฟางใช้พริกที่ค่อนข้างเผ็ด เหมยเหมยไม่ใช่คนทานเผ็ด หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงเลือกที่จะกินแต่หมูเส้นหรืออาจจะไม่กินเลย วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?


“เธอไม่รู้สึกเผ็ดเลยเหรอ?”


“ไม่เผ็ดนี่ กำลังดีเลย แถมเข้ากันกับข้าวสวยร้อน ๆเชียวล่ะ พี่ตักข้าวให้ฉันอีกสักครึ่งถ้วยสิคะ กับข้าววันนี้อร่อยมากจริง ๆ ยกเว้นซุปปลานั่นแหละ”


เหมยเหมยเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่งอย่างแปลกใจ พร้อมทั้งใช้ตะเกียบคีบหมูเส้นคำโตยัดใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย


เหยียนหมิงซุ่นรับถ้วยมาด้วยความงุนงงแล้วตักข้าวใส่ถ้วยเพียงนิดเดียวแต่เหมยเหมยกลับไม่พอใจ


“พี่ตักมาแค่นี้ยังไม่พอให้ฉันกินคำหนึ่งเลย ตักมาอีกสิ”


เขาจำต้องตักเพิ่มอีกหนึ่งทัพพีเพื่อให้ได้ข้าวครึ่งค่อนถ้วย คุณหนูจ้าวถึงจะพอใจแล้วยกถ้วยกลับมากินต่อ เธอเลือกกินแต่หมูเส้นผัดพริกในจานใบใหญ่จนเกือบจะหมดแล้ว


ช่างเป็นเหตุการณ์ที่พบเจอได้ยากจริง ๆ!


เมื่อก่อนทานอะไรก็มักจะเลือกทาน อยากให้ยัยปีศาจน้อยกินเนื้อสัตว์ทีหนึ่งก็ต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานถึงจะยอมทานเพื่อเขาบ้างแต่ก็กินเข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หรือไม่บางครั้งก็จะทานพวกปลาพวกกุ้งเสียส่วนใหญ่ เธอบอกว่าของพวกนี้แคลอรีต่ำทานแล้วไม่อ้วน


พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเหมยเหมยกินอย่างเอร็ดอร่อยจึงไม่นึกกังวลเรื่องสุขภาพของเธออีกและไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะตอนเด็ก ๆความอยากอาหารของเหมยเหมยก็ดีแบบนี้อยู่แล้ว กินแต่เนื้อไม่กินผัก ยัยปีศาจน้อยในตอนนั้นมีเนื้อมีหนังน่ารักจะตาย


แต่พอโตขึ้นก็เริ่มเลือกทานถึงได้ผอมลงเรื่อย ๆจนเป็นผลกระทบต่อสัมผัสมืออย่างรุนแรง เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกมีความสุขต่ออาการเจริญอาหารของเหมยเหมยมากจึงคีบอาหารให้เธออยู่บ่อยครั้ง


“อย่ากินกับข้าวแค่อย่างเดียวสิ กินอย่างอื่นด้วย”


“ไม่เอาอันนี้ มีอาหารเผ็ด ๆอีกไหม ตอนนี้ฉันชอบกินเผ็ดแล้วล่ะ”


เหมยเหมยคีบกุยช่ายผัดไข่ในจานตัวเองส่งคืนให้เหยียนหมิงซุ่นอย่างรังเกียจแล้วสอดส่องกับข้าวทั่วโต๊ะ ตอนนี้ทานหมูเส้นผัดพริกหมดแล้วแต่เธอยังไม่อิ่ม มองหาอยู่นานจนในที่สุดเธอก็เจอมันฝรั่งเส้นผัด[1]จานหนึ่ง


พริกแห้งเม็ดแดง ๆ พริกหนุ่มสีเขียวหั่นเป็นเส้น มันฝรั่งเส้นสีเหลืองอ่อนทำเอาเหมยเหมยน้ำลายสอจึงลากเอามันฝรั่งเส้นผัดมาไว้ตรงหน้าตัวเอง และเริ่มลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอีกครั้ง


……………………………………………………………


ตอนที่ 2152 ช่วยเธอลดน้ำหนัก


เหยียนหมิงซุ่นเริ่มนึกสงสัยขึ้นมา วันนี้เหมยเหมยดูผิดปกติจริง ๆ กับข้าวที่ปกติชอบกินกลับไม่กิน แต่สิ่งที่ไม่ชอบกินกลับกินมันอย่างเอร็ดอร่อย แถมความอยากอาหารก็พลันดีขึ้นอย่างน่าแปลกประหลาด


มันทำให้เขาดีใจและนึกเป็นกังวลไปพร้อมกัน


“กินให้น้อย ๆหน่อย อย่ากินจนแน่นท้องล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นเกลี้ยกล่อม กลัวว่ายัยบื้อนี่จะเหมือนตอนเด็ก ๆที่เอาแต่ทางเข้าไปเยอะจนไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็แน่นท้องจนต้องไปเดินย่อยอาหารที่สนาม ช่างเป็นเด็กน้อยจอมซื่อบื้อจริง ๆเลย


“ไม่เอา…ฉันหิว…”


เหมยเหมยบิดตัวฟึดฟัดแสดงท่าทีไม่พอใจแล้วคีบมันฝรั่งเส้นผัดคำโต แถมยังตั้งใจคีบพริกแห้งมากินด้วย ดูดปากจ๊วบจ๊าบ รสเผ็ดกำลังพอดี รสชาติไม่เลวเลย


“พริกหมดแล้ว…ป้าฟางก็ไม่ใส่ให้มันเยอะหน่อย ต้องไปบอกหน่อยแล้วว่าอย่าขี้เหนียวพริกนักเลย”


เหมยเหมยเขี่ยมันฝรั่งเส้นผัดในจานไปมาแล้วเลือกเอาแต่พริกแห้งมาทานแต่ก็ยังไม่หนำใจ เธอจึงบ่นอุบอิบเสียงเบาอย่างไม่พอใจ


เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มที่มุมปาก กระอักกระอ่วนใจไม่น้อย ก็เป็นเธอเองไม่ใช่เหรอที่บอกป้าฟางให้ใส่พริกน้อย ๆน่ะ?


“อย่ากินเยอะ ระวังเป็นร้อนในแล้วสิวขึ้นเอานะ เดี๋ยวก็ได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งอีกหรอก” เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มพร้อมเกลี้ยกล่อม


ไม่กี่วันที่ผ่านมาตรงปลายจมูกของยัยปีศาจน้อยมีสิวเม็ดแดงขึ้นปวดจนน้ำตาไหล ซ้ำยังบอกว่าเป็นเพราะเขาสั่งให้เธอกินเนื้อสัตว์เลยทำให้เป็นร้อนใน ครั้งนี้กินพริกเข้าไปเยอะขนาดนี้ หากสิวขึ้นจริง ๆยัยปีศาจน้อยต้องบ่นเขาว่าตอนที่เธอกินพริกเข้าไปเยอะขนาดนั้นทำไมถึงไม่ห้ามกันบ้างแน่นอน!


ผู้หญิงมักจะมีเหตุผลที่จะโยนความผิดให้ผู้ชายได้เสมอ!


แต่พอเห็นเหมยเหมยเจริญอาหารขนาดนี้เหยียนหมิงซุ่นก็นึกดีใจ หากเป็นแบบนี้ทุกวันคิดว่าอีกไม่นานจะต้องขุนจนอ้วนแน่…


ในหัวแอบจินตนาการไปถึงค่ำคืนแห่งความสุข ลูกกระเดือกก็ตรึงเปรี๊ยะ ร่างกายร้อนรุ่ม แววตาหม่นลง



ฟัดเหวี่ยงกันทั้งคืน แสงยามวสันตฤดูกาลแห่งความสุขก็เปล่งประกาย!


เหมยเหมยเหนื่อยจนไม่อยากลุกจากเตียง อยากแต่จะนอนขี้เกียจอยู่บนเตียงแบบนั้น เอวแทบจะหักอยู่แล้ว


“ให้พี่ลาหยุดให้ไหม ถึงอย่างไรเทอมนี้พวกเธอก็ไม่มีเรียน” เหยียนหมิงซุ่นถามด้วยความหวังดี


“ไม่ต้อง เป็นเพราะพี่นั่นแหละ….”


เหมยเหมยผลักเขาด้วยความหงุดหงิด ทุกครั้งต้องทำตัวเหมือนสัตว์อยู่เรื่อย หากวันไหนเธอเป็นโรคไตขึ้นมาต้องเป็นเพราะฝีมือเจ้าหมอนี่แน่นอน


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มขำอย่างอารมณ์ดี ขอแค่ยัยปีศาจน้อยสร้างความพึงพอใจเรื่องบนเตียงให้เขาได้ เขาก็จะพูดจาเอาอกเอาใจเป็นปกติ “เมื่อวานเธอกินไปตั้งเยอะ นั่นเลยทำให้พี่ต้องเพิ่มปริมาณการออกกำลังกายเพื่อช่วยเธอลดน้ำหนักไงที่รัก…” เหยียนหมิงซุ่นติดกระดุมเสื้อเชิ้ต แล้วก้มหน้ามากระซิบข้างหูเหมยเหมย


“ไปให้พ้นเลย!”


เหมยเหมยเงยหน้าขึ้นงับปลายคางเขา ถ้าอยากลดน้ำหนักเธอยอมไปเต้นดีกว่า ต่อให้เต้นเป็นวัน ๆก็ไม่เหนื่อยขนาดนี้ด้วยซ้ำ คนเลว!


“ฉันจะลุกแล้ว โอ๊ย…”


เหมยเหมยหยัดตัวลุกขึ้นเตรียมลงเตียง แต่ขาสองกลับอ่อนแรง ช่วงเอวยืดตรงไม่ได้ และยังมีอาการปวดตรงบริเวณท้องน้อย หรือว่ารอบเดือนกำลังจะมา?


เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อตรวจดู จากนั้นก็เห็นคราบรอยแดงจาง ๆบนกางเกงใน รอบเดือนมาจริง ๆด้วย ไม่แปลกใจเลยที่ครั้งนี้จะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้


เหมยเหมยดีใจขึ้นมาทันที เปลี่ยนกางเกงในเสร็จก็ออกมาป่าวประกาศ “ประจำเดือนของฉันมาแล้ว พี่เล่นคนเดียวไปเถอะ!”


เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเสียใจทันที รอบเดือนช่างเป็นสิ่งที่ทำให้รักไม่ลงจริง ๆ แต่ไม่เป็นไรอย่างมากก็แค่หนึ่งอาทิตย์เอง!


“พี่จะให้ป้าฟางไปต้มน้ำขิงให้ อีกเดี๋ยวเธอก็ดื่มซะ แล้วก็ห้ามทานพริกอีกนะ ถ้าปวดท้องขึ้นมาอย่ามาร้องไห้แล้วกัน”


เหยียนหมิงซุ่นกำชับไปไม่กี่ประโยค จากนั้นก็ไปบอกป้าฟางให้ต้มน้ำขิง เหมยเหมยรู้สึกปวดประจำเดือนเล็กน้อย พอดื่มน้ำขิงเข้าไปก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก


เหมยเหมยแอบแลบลิ้นปลิ้นตาไล่หลังเขาไป เธอเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ในใจกลับนึกสงสัยว่าทำไมปริมาณของประจำเดือนในครั้งนี้ถึงได้น้อยมาก เมื่อก่อนถึงจะไม่ได้มามากแต่ก็ไม่ได้น้อยถึงขนาดนี้!


หรือเป็นเพราะเมื่อวานกินพริกเข้าไปเยอะงั้นเหรอ?


………………………………………………………………………


[1] เป็นหนึ่งเมนูอาหารจีนที่นำเอามันฝรั่งมาทำเป็นเส้น และใส่พริกแห้งกับน้ำส้มสายชูลงไป มีรสชาติเปรี้ยวเผ็ดเล็กน้อย


ตอนที่ 2153 นิสัยของคนชั้นต่ำที่ควรจะต้องมี


พอได้ดื่มน้ำขิงที่ป้าฟางต้มให้อาการปวดท้องน้อยก็ทุเลาลงบ้างแล้ว เพื่อความปลอดภัยเธอจึงทานยาวิเศษเข้าไปอีกหนึ่งเม็ด ทุกครั้งที่ประจำเดือนมาเธอมักจะกินวันละเม็ด ซึ่งได้ผลดีมาก


หลังมื้อเช้าผ่านไปอาการปวดตรงท้องน้อยของเหมยเหมยก็หายเป็นปลิดทิ้ง ยกเว้นช่วงเอวที่ยังปวดอยู่ ตรงจุดอื่นก็สบายเป็นปกติดี


“ฉันไปเรียนก่อนนะ บ๊ายบาย!”


พอเหมยเหมยกินเกี๊ยวทอดชิ้นสุดท้ายในจานหมดก็ใช้ปากที่มันแผล็บกัดเข้าที่ใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่น และวิ่งออกไปด้วยความพึงพอใจ


เหยียนหมิงซุ่นดึงทิชชูออกมาแผ่นหนึ่งแล้วเช็ดคราบน้ำมันบนใบหน้าออก พร้อมหันไปกำชับตามหลังเหมยเหมยว่า“อย่าทานของเย็นกับของเผ็ดล่ะ”


“รู้แล้วค่ะ…คุณพ่อบ้าน…”


เสียงของนกลาร์คดังแว่วมาจากในสวน เหยียนหมิงซุ่นส่ายหน้ายิ้มขำพร้อมความระอา แต่มากกว่านั้นคือความรู้สึกเอ็นดู


พอถึงมหาวิทยาลัยเหมยเหมยก็ตรงไปที่หอพัก เธออยากจะถามเรื่องฉีฉีเก๋อ เมื่อไม่กี่วันก่อนพ่อของฉีฉีเก๋อไปดูม้าที่อังกฤษและทุกเรื่องในบ้านของฉีฉีเก๋อล้วนให้พ่อเป็นคนตัดสินใจ แต่ไหนแต่ไรมาแม่ของเธอไม่ยุ่งกับเรื่องพวกนี้ เพราะงั้นจึงโทรหาไม่ติด


ตอนนี้พ่อของฉีฉีเก๋อคงกลับมาแล้ว เธอต้องไปถามให้รู้เรื่อง จะให้เธอทนดูแม่สาวจอมซื่อบื้ออย่างฉีฉีเก๋อส่งตัวเองไปเป็นเครื่องผลิตลูกได้อย่างไรกัน


แต่งงานได้ แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้!


แม่ของฉางชิงซงมีสิทธิ์อะไรที่จะยื่นข้อเสนอนี้ออกมา?


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อต่างก็ไม่อยู่ที่หอพัก เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ส่วนใหญ่ช่วงนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะไปพักอยู่บ้านที่เขาซื้อร่วมกับอิงจวี้กัง ไม่อยู่ที่หอพักก็นับว่าเป็นปกติ


แต่ฉีฉีเก๋อไม่อยู่ที่หอพัก ก็แสดงว่าเธอไปค้างที่ห้องของฉางชิงซง


การอยู่ด้วยกันก่อนแต่งใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าฉางชิงซงยังไม่ใช่คู่ครองที่ดี ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่นหรอก แค่เขายอมรับข้อเสนอที่ไร้เหตุผลของแม่ตัวเองได้ แถมยังไม่คิดที่จะจัดงานแต่งงานให้กับฉีฉีเก๋อ เหมยเหมยรู้สึกว่าผู้ชายแบบนี้ไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้ตลอดชีวิต


อย่างน้อยก็ต้องรอดูท่าทีของฉางชิงซงไปก่อน


เพราะงั้นตอนนี้ฉีฉีเก๋อยังไม่เหมาะที่จะไปอยู่กับเขา ไม่อย่างนั้นจะดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำมากเกินไป


เหมยเหมยโทรหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่อน หล่อนยังคงสะลึมสะลือนอนอยู่บนเตียง พอได้ยินว่าฉีฉีเก๋อไม่อยู่ที่หอพัก เธอก็ตื่นขึ้นมาทันที


“ยัยโง่ ฉันย้ำไปเป็นพันครั้งหมื่นครั้งแล้วว่าอย่าไปอยู่กับฉางชิงซง บ้าชะมัดฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาจริง ๆ ไอ้บ้าฉางชิงซงนั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไร มันต้องจงใจชิงสุกก่อนห่ามแน่ ๆ เพื่อให้ยัยซื่อบื้อฉีฉีเก๋อหนีรอดจากเงื้อมมือของมันไปไม่ได้!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบถด่า ขนาดอยู่ปลายสายยังรับรู้ได้ถึงความโมโหทะลุฟ้าของเธอเลย


เหมยเหมยขมวดคิ้วมุ่น คำพูดต่าง ๆนา ๆของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแม้จะเหมือนพวกคนชั้นต่ำไปหน่อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ก่อนหน้านี้ฉางชิงซงให้เกียรติฉีฉีเก๋อมาตลอด แถมยังบอกอีกว่าจะเก็บเอาครั้งแรกที่ล้ำค่าที่สุดไว้สำหรับคืนแรกหลังเข้าห้องหอ


ตอนนั้นพอเธอกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ฟังยังรู้สึกว่าฉางชิงซงใช้ได้ แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?


เธอไม่เชื่อหรอกว่าชายหญิงที่อยู่กันตามลำพังทั้งคืนจะแค่คุยกันเฉย ๆ


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาถึงมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็วแล้วพูดเสียงหอบว่า “ฉันส่งเพจเจอร์หาฉีฉีเก๋อแล้วว่าให้หล่อนรีบกลับมา คอยดูนะฉันจะด่าไม่ยั้งเลย!”


ฉีฉีเก๋อมาถึงช้าไปนิด ผมเผ้ายังไม่ทันได้หวี หายใจหอบถี่ ดูท่าทางคงจะวิ่งมาตั้งแต่หน้ารั้วมหาวิทยาลัย


“มีธุระด่วนอะไรเหรอ?”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่ทิ้งข้อความไว้ว่าให้เธอรีบกลับมาที่หอภายในครึ่งชั่วโมงไม่งั้นจะตัดความสัมพันธ์ด้วย เธอตกใจจนไม่สนใจคำพูดที่รั้งเธอไว้ของฉางชิงซงเลยสักนิดแล้วกลับมาด้วยความเร่งรีบ


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลากตัวฉีฉีเก๋อไปทางสระบัว ในหอพักคนพลุกพล่านไม่สะดวกที่จะคุยกัน พอไปถึงสระบัวเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เกริ่นอะไรสักอย่างก็ถลกดึงปกคอเสื้อของฉีฉีเก๋อลง จากนั้นตรงลำคอขาวนวลก็ปรากฏรอยคิสมาร์กเด่นหราขึ้นหลายจุด


……………………………………………………..


ตอนที่ 2154 เลื่อนงานแต่งออกไป


เหมยเหมยถอนหายใจลากยาว สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดดันเกิดขึ้นเสียแล้ว


ฉีฉีเก๋อหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย สะบัดมือของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทิ้งแล้วดึงปกคอเสื้อขึ้นเล็กน้อยเพื่อปกปิดร่องรอยคิสมาร์กพลางบ่นอุบ “เธอทำบ้าอะไรเนี่ยอย่างกับโจรปล้น”


“โจรปล้นงั้นเหรอ? เธอนี่ไม่ต่างไปจากหมาที่ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วเลยจริง ๆ เมื่อคืนนี้ไปทำอะไรที่ไหนมา? ไม่กลับมาทั้งคืนแบบนี้คงไม่ใช่ว่าไปนั่งคุยเรื่องราวชีวิตกับรุ่นพี่ฉางของเธอหรอกนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหที่เรื่องราวไม่เป็นดั่งใจหวัง ทำไมถึงไม่พยายามห้ามใจไว้ล่ะ น่าโมโหที่สุดเลย!


ฉีฉีเก๋อหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ทั้งเขินทั้งน้อยใจ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ฉันตั้งใจจะกลับนะ แต่ตอนนั้นมันดึกแล้ว ประตูหอก็ปิดแล้วด้วย ก็เลยต้อง…”


“พวกเธอมัวแต่ทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงดึกขนาดนั้น ดูเวลาไม่เป็นหรือไง?”


“พวกเราก็แค่กินข้าวแล้วก็ดื่มเหล้าด้วยกัน ไม่ทันรู้ตัวก็ดึกไปเสียแล้ว” ฉีฉีเก๋อแก้ตัว


เมื่อคืนเธอกับฉางชิงซงต่างดื่มกันค่อนข้างหนัก จากนั้นก็เกิดเรื่องราวที่งดงามขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน


ฉีฉีเก๋อไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยสักนิด เธอชอบฉางชิงซงจริง ๆ เธออยากอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ดังนั้นไม่ว่าจะช้าหรือเร็วมันก็ไม่แตกต่างกัน ถึงอย่างไรสักวันเธอก็ต้องมอบสิ่งล้ำค่านี้ให้รุ่นพี่ฉางอยู่ดีนี่นา!


เธอแค่รู้สึกเคอะเขิน โดยเฉพาะการคุยประเด็นนี้กับเพื่อน ๆ


เหมยเหมยดึงแขนเสื้อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไว้พลางส่งสายตาให้เธอ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วด่าไปก็รังแต่จะทำให้ฉีฉีเก๋อต่อต้านเปล่า ๆ ไม่พูดยังจะดีเสียกว่า


“ฉีฉีเก๋อ พ่อเธอกลับมาหรือยัง?”


พอสิ้นเสียงของเหมยเหมย เสียงเพจเจอร์ที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น


“อาป๊าส่งข้อความมาแล้ว ฉันไปโทรศัพท์ก่อนนะ”


ฉีฉีเก๋อเตรียมจะออกไปหาตู้โทรศัพท์สาธารณะ เหมยเหมยก็ล้วงหยิบมือถือของตัวเองออกมา “ใช้ของฉันโทรละกัน เธอลองถามพ่อเรื่องที่เราคุยกันเมื่อครั้งก่อนดูแล้วกัน ดูสิว่าท่านจะว่าอย่างไร”


“อืม”


ฉีฉีเก๋อรู้สึกใจแป้วเล็กน้อย เธอไม่นึกมาก่อนว่าเพื่อนของเธอจะคัดค้านเรื่องการแต่งงาน ตอนแรกเธอคิดว่าจะได้รับคำอวยพรซะอีก แต่ตอนนี้…ต่อให้เธอความรู้สึกช้าแต่ก็เข้าใจดีว่าเพื่อน ๆต่างก็ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของเธอ


ไม่รู้ว่าอาป๊าจะไม่เห็นด้วยเหมือนกันหรือเปล่า?


ฉีฉีเก๋อไม่ได้หลบพวกเหมยเหมย เธอคุยสัพเพเหระกับพ่อไปหลายประโยค จากนั้นก็พูดถึงเรื่องที่แม่ของฉางชิงซงเสนอว่าอยากจะอุ้มหลานเร็ว ๆ เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต่างทำหูผึ่ง


“อาป๊าจะมาเหรอคะ? ตอนนี้เลยเหรอ?”


ฉีฉีเก๋อร้องเสียงหลง แล้วปลายสายก็วางไปอย่างรวดเร็ว เธอมองมือถือด้วยความตะลึงงัน ความรู้สึกกระวนกระวายใจก็ยิ่งทวีมากขึ้น


“อาป๊าบอกว่าจะมาหาตอนนี้เลย น่าจะถึงตอนบ่าย ๆ”


“งั้นฉันจะไปจองโรงแรม แล้วก็จองโต๊ะไว้รอต้อนรับพ่อเธอ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับดีใจมาก เห็นได้ชัดเลยว่าพ่อของฉีฉีเก๋อไม่เห็นด้วย ไม่งั้นจะถ่อมาไกลขนาดนี้เชียวเหรอ ทั้ง ๆที่ยุ่งมากขนาดนั้น


คุณลุงปาเกินมาถึงเร็วกว่าที่พวกเธอคิดเอาไว้ เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ในดวงตามีรอยแดงปรากฏให้เห็น พี่รองของฉีฉีเก๋อเป็นคนขับรถและหน้าตาเหนื่อยล้าไม่ต่างกัน เห็นได้ชัดว่าเดินทางมาโดยไม่ได้หยุดพัก เหนื่อยจนหายใจหอบถี่


“อาป๊า งั้นหนูเรียกรุ่นพี่ฉางมากินข้าวด้วยนะ”


ระหว่างทางไปโรงแรมฉีฉีเก๋อเสนอขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา พ่อและพี่ชายต่างแวะมาหา ตามหลักและเหตุผลแล้วควรให้ฉางชิงซงมาเจอสักหน่อย


“ค่อยเจอวันหลังแล้วกัน พ่อมีเรื่องจะคุยกับลูก”


คุณลุงปาเกินเอ่ยปฏิเสธทันที ตอนนี้เขาไม่อยากเจอหน้าเจ้าเด็กบ้านั่นแม้แต่น้อย เขาส่งยิ้มให้เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพร้อมเอ่ยเชิญชวนว่า “ทานข้าวด้วยกันสิ ลุงเองก็มีเรื่องจะคุยกับพวกหนูด้วย”


“ได้สิคะ หนูเองก็มีเรื่องที่อยากจะคุยกับคุณลุงเหมือนกันค่ะ!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสมดั่งใจหวังสักที เธออึดอัดจนจะบ้าตายอยู่แล้ว


พอมาถึงโรงแรมลุงปาเกินกับพี่รองของฉีฉีเก๋อก็ขอแยกตัวไปอาบน้ำก่อน ดูท่าทางจะสดชื่นขึ้นมาบ้าง พวกเขาพากันไปที่ห้องอาหาร ลุงปาเกินไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิดจึงโพล่งออกมาตรง ๆว่า “ฉีฉีเก๋อ เรื่องงานแต่งของลูกเลื่อนออกไปก่อนเถอะ!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)