อัจฉริยะสมองเพชร 2122-2125

 ตอนที่ 2122 เราจะไปไหนต่อ?

“การหาทางเข้าสู่มิติเบื้องบนอาจยากก็จริง แต่นายน้อย…คุณก็รู้นี่ว่าทางเข้าจากด้านทวีปแห่งปรมาจารย์อยู่ที่ไหน ใช่ไหม?” หวู่เฉินถามยิ้มๆ


“แน่นอน” จางเซวียนพยักหน้า


มันอยู่ในอาณาจักรคุนฉื่อ บริเวณที่ร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ตั้งอยู่


“ถ้าอย่างนั้น เราก็หาทางติดต่อกับอำมาตย์เฉินหย่งคนปัจจุบันและให้เขาจัดการประกอบพิธีกรรม ด้วยอำนาจของการประกอบพิธีกรรม เราน่าจะเจอทางเข้าและกลับสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ได้” หวู่เฉินพูด


“ใช่ คุณพูดถูก” จางเซวียนพยักหน้า


นั่นคือแผนการที่ดูจะเป็นไปได้ที่สุดในเวลานี้


“ส่วนการที่เราจะติดต่อกับอำมาตย์เฉินหย่งคนปัจจุบันได้อย่างไรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตำหนักคว้าดาวน่าจะมีช่องทางสื่อสารพิเศษ” หวู่เฉินเสริม


จางเซวียนจึงรีบเรียกตัวผู้อาวุโสเจียงเหยากับผู้อาวุโสจ้าวเยว่มาเพื่อบอกเล่ารายละเอียด


หลังจากเข้าใจแล้วว่าจางเซวียนต้องการอะไร ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ตอบ “เรามีวิธีสื่อสารกับทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่ถ้าไม่มีแท่นบูชาล่ะก็ จะทำได้แค่ส่งข้อความเท่านั้น”


“เท่านั้นก็พอ นี่คือข้อความที่ผมอยากส่งหาอำมาตย์เฉินหย่งคนปัจจุบัน บอกเขาให้ประกอบพิธีกรรมในอีก 1 เดือนนับจากนี้” จางเซวียนพูดขณะส่งเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งไป


ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ประสานมือ “ฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้!”


ตำหนักคว้าดาวติดต่อกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นที่อาศัยอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์อยู่เสมอ ก็เพราะสายสัมพันธ์อันดีของพวกเขาที่ทำให้หลัวลั่วชิงข้ามผ่านปราการแห่งมิติทั้ง 2 แห่งได้


หลังจากจัดการทั้งหมดจนลุล่วง จางเซวียนร้องเรียกหวู่เฉินอีกครั้ง “ไปกันเถอะ”


“เราจะไปไหน?” หวู่เฉินถามด้วยความสงสัย


“ผมอยู่ในอาณาบริเวณของสำนักดาบเมฆเหินตอนที่ฟื้นคืนสติครั้งแรกหลังจากมาถึงมิติเบื้องบน จึงเชื่อว่าตำแหน่งของทางเดินแห่งมิติจะต้องอยู่ในพื้นที่นั้น ด้วยวิธีนี้ เราจะหาเส้นทางได้เร็วขึ้นทันทีที่อำมาตย์เฉินหย่งประกอบพิธีกรรม”


จางเซวียนไม่แน่ใจว่าตำแหน่งที่ชัดเจนของทางเดินแห่งมิติอยู่ที่ไหน แต่สถานที่แรกที่เขาฟื้นคืนสติขึ้นมาคือสำนักดาบเมฆเหินในเมืองชวนเจียง ถ้าเขาเดาไม่ผิด ทางเดินแห่งมิติน่าจะอยู่ตรงไหนสักแห่งในเมือง


จางเซวียนทิ้งอสูรทั้งหมดของเขาไว้ที่ตำหนักคว้าดาว เว้นแต่มังกรอสรพิษกับนกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัว ด้วยสิ่งนี้ ถ้าปรมาจารย์ขงพยายามกลับมาโจมตีเมื่อเขาจากไป อย่างน้อยตำหนักคว้าดาวก็พอมีกองกำลังไว้ป้องกันตัว


หลังจากเสร็จสิ้น จางเซวียนกับหวู่เฉินขี่มังกรอสรพิษกับนกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัว รุดหน้าสู่สำนักดาบเมฆเหินทันที


มังกรอสรพิษกับนกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัวสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว ทั้ง 2 ตัวเชี่ยวชาญเรื่องความเร็ว การขี่พวกมันไปจึงใช้เวลาน้อยกว่าเดินทางไปเองมาก


เพียง 3 วัน ทั้งคู่ก็เข้าสู่อาณาเขตของสำนักดาบเมฆเหิน


โดยปกติ จางเซวียนใช้เวลาราว 20 วันในการเดินทางจากสำนักดาบเมฆเหินไปตำหนักคว้าดาว แต่เมื่อขี่มังกรอสรพิษ ก็ใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้น ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวของอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ถือว่าน่าสะพรึงมาก


“เรามาถึงเมืองชวนเจียงแล้ว” จางเซวียนพึมพำ


เขาเก็บอสูรทั้ง 2 ตัวเข้าไปในกระสอบอสูร จากนั้น จางเซวียนกับหวู่เฉินก็ปกปิดวรยุทธของตัวเองก่อนจะตระเวนไปตามถนนหนทางอันกว้างใหญ่ของเมืองชวนเจียง


เวลาผ่านไป 1 เดือนนับตั้งแต่จางเซวียนมาถึงที่นี่ ดูเผินๆจึงยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ หลังจากเฉว่เหยาตาย สำนักดาบเมฆเหินก็เสนอชื่อบุคคลใหม่ให้เข้ารับตำแหน่งเจ้าเมืองชวนเจียง


…..


“คุณรู้อะไรไหม? สหายของตั้นเฉี่ยวเทียนที่เข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินพร้อมกับเขาน่ะ ดูเหมือนจะชื่อจางเซวียนนะ!”


“เดี๋ยวก่อน…คุณจะบอกว่าสหายคนนั้นของตั้นเฉี่ยวเทียนกลายเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหิน หัวหน้าตำหนักคว้าดาว หัวหน้าหอนานาอสูร และเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงหรือ?”


“ผมก็จะพูดแบบนั้นนั่นแหละ! ลุงที่ 3 ของป้าที่ 2 ของอาที่ 2 ของผมเป็นศิษย์สายตรงระดับล่างคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหิน เมื่อวานนี้ผมพบเขาที่หอนิรันดร์ เขาเล่าให้ผมฟังเอง เขาบอกว่าเจ้าสำนักดาบเมฆเหินคนปัจจุบันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสหายของตั้นเฉี่ยวเทียน”


“ถ้าผมจำไม่ผิด เขาอายุแค่ 20 ต้นๆใช่ไหม? แต่ก็ได้เป็นผู้นำของ 4 สำนักใหญ่แล้ว? พระเจ้า! ทำไมตั้นเฉี่ยวเทียนโชคดีขนาดนี้”


“นั่นแหละคือสิ่งที่ผมคิด ผมได้ยินว่าตั้นเฉี่ยวเทียนยอมรับจางเซวียนเป็นอาจารย์ของเขาด้วย! เขาก็แค่ช่วยชีวิตใครก็ไม่รู้คนหนึ่งจากข้างถนน แต่แล้วชายผู้นั้นก็กลับลงเอยด้วยการได้เป็นผู้นำของ 4 สำนักใหญ่…ว้าว! ผมล่ะอยากจะออกไปช่วยชีวิตใครสักคนบ้าง”


“ฮ่าฮ่าฮ่า! คุณรู้ไหม เพื่อนบ้านของผม, จางหย่วนไว่นะทำแบบนั้นจริงๆ! เขาได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องนี้ จึงช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บข้างถนนไว้จำนวนหนึ่งและรักษาพวกเขาด้วย หวังสุดใจว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น ตอนนี้เขาช่วยชีวิตเด็กสาว 4 คน กับเด็กชาย 5 คนไว้ พวกนั้นดูเหมือนจะเป็นวัยรุ่นตอนปลาย ผมเห็นทุกคนตอนที่แวะไปเยี่ยมบ้านเขา ให้นรกกินเถอะ! เด็กสาวพวกนั้นงดงามเหลือเกิน ส่วนเด็กชายก็ดูโดดเด่นและเข้มแข็ง ผมเริ่มจะเชื่อแล้วล่ะว่าในอนาคตพวกเขาต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แน่!”


“อ้อ? แล้ววรยุทธของพวกเขาล่ะ?”


“ผมไม่รู้…รู้แต่ว่าตอนนี้ทุกคนยังอ่อนแอมากเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส ผมไปเยี่ยมจางหย่วนไว่ตั้งแต่เมื่อสองสามวันที่แล้ว จึงยังไม่รู้ข่าวคราวล่าสุด”


“พวกนั้นไม่น่าจะเก่งกาจปราดเปรื่องได้เท่ากับเจ้าสำนักจางเซวียนหรอก แต่ผมคิดว่าก็น่าจะลองดู เพราะถึงอย่างไรโอกาสโชคดีก็มีอยู่เสมอ ว่าแต่…ผมควรจะเริ่มออกเดินไปตามถนนและช่วยเหลือผู้ที่กำลังลำบากเสียที!”


“ใช่ ถ้าคุณเอาแต่เก็บตัวอยู่บ้าน ก็จะไม่มีวันได้พบเจอกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่”


เสียงออกความคิดเห็นทำนองนี้ดังขึ้นทั่วไป


ได้ยินเสียงพูดคุยเซ็งแซ่อยู่รอบตัว จางเซวียนอดยิ้มออกมาไม่ได้


ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีเหลือเกินได้กลับสู่ชีวิตแสนสงบสุขหลังจากที่ต้องรับมือกับหอเทพเจ้าและปัญหายุ่งยากมากมาย


ข่าวสารต่างๆในทวีปที่ถูกลืมดูจะแพร่สะพัดไปเร็วมาก พิธีสถาปนาของเขาเพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่ถึง 10 วัน แต่แม้เมืองห่างไกลอย่างเมืองชวนเจียงก็ได้ข่าวแล้ว


“นายน้อย เราจะไปไหนต่อ?” หวู่เฉินตั้งคำถาม ไม่แยแสเสียงพูดคุยเซ็งแซ่รอบตัว


เขาเคยชินกับมันแล้ว ดูเหมือนนายน้อยจะตกเป็นเป้าของความสนใจเสมอไม่ว่าจะไปที่ไหน


ตอนอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ก็เป็นแบบนั้น ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่ต่างกันเมื่อมาอยู่ในมิติเบื้องบน


“ตอนนี้เรารอเวลาก่อน ผมมอบหมายผู้อาวุโสจ้าวเยว่ให้สั่งการให้เผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณประกอบพิธีกรรมในอีก 1 เดือนนับจากนี้ ซึ่งก็จะตกราว 3 วันของที่นี่ เราน่าจะได้รับการเรียกตัวเร็วๆนี้แหละ สำหรับตอนนี้ หาที่เงียบๆเพื่อพักผ่อนก่อนเถอะ” จางเซวียนพูด


มีความแตกต่างของกระแสกาลเวลาในอัตราส่วน 1:10 ระหว่างมิติเบื้องบนกับทวีปแห่งปรมาจารย์ 1 เดือนของทวีปแห่งปรมาจารย์จะตกราว 3 วันของที่นี่


หวู่เฉินมองไปรอบๆก่อนจะชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “ทำไมเราไม่ไปที่ภูเขาตรงนั้นล่ะ?”


จางเซวียนพยักหน้า


เมืองชวนเจียงยังอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมาก มีแม่น้ำและสันเขาตั้งอยู่ไม่ไกล ทั้งคู่ออกจากตัวเมืองและมุ่งหน้าสู่ภูเขา


จางเซวียนโบกมือ จากนั้นก็นำธงค่ายกลออกมากำใหญ่และปากมันไว้โดยรอบ


ค่ายกลที่จางเซวียนติดตั้งคือค่ายกลตรวจจับที่เขาออกแบบขึ้นเป็นพิเศษระหว่างการเดินทางมาที่นี่ มันดูเหมือนกับเสาสัญญาณในชีวิตเก่าของเขา มีไว้เพื่อเพิ่มปริมาณพลังงานในการเรียกตัวจากแท่นบูชาอันหนึ่งไปยังอีกอันหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้หาเส้นทางง่ายขึ้น


หลังจากติดตั้งค่ายกลแล้ว จางเซวียนนำง้าวเล่มหนึ่งออกมาและปักมันไว้ที่ใจกลางค่ายกล จากนั้นก็ผูกริบบิ้นไว้ที่ง้าว


เขากระทืบเท้า แล้วค่ายกลก็ถูกเปิดใช้งาน


ริบบิ้นสีแดงนิ่งงัน ไม่เคลื่อนไหว


“รออยู่แถวนี้ก่อนก็แล้วกัน ผมคิดว่าพิธีกรรมคงยังไม่เริ่ม” จางเซวียนพูด


การประกอบพิธีกรรมไม่อาจใช้เวลายืดยาวได้ เพราะปริมาณของเครื่องบรรณาการที่จะต้องสูญเสียไป อีกอย่าง ต่อให้คนเหล่านั้นสามารถยืดระยะเวลาของพิธีกรรมในทวีปแห่งปรมาจารย์ออกไปได้ถึง 3 วัน ก็จะเป็นเวลาเพียง 7 ชั่วโมงเท่านั้นในในมิติเบื้องบน


ดังนั้น เขาจึงจำเป็นต้องเตรียมการให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ระบุตำแหน่งของทางเดินแห่งมิติได้โดยเร็วที่สุด


จางเซวียนนั่งรอเงียบๆ เขาฝึกฝนวรยุทธที่พัฒนาขึ้นสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์


…..


ระหว่างนั้น ที่บ้านพักหลังใหญ่ในเมืองชวนเจียง สาวน้อยคนหนึ่งที่มีผิวพรรณงดงามลืมตาขึ้นช้าๆ “นายหญิงน้อย ในที่สุดคุณก็ฟื้น” สาวใช้คนหนึ่งร้องออกมาอย่างโล่งใจ


“นี่คือที่ไหน? ฉันอยู่ที่ไหน?” สาวน้อยขมวดคิ้ว


เธอพยายามลุกขึ้นนั่งขณะเหลียวมองโดยรอบอย่างหวาดระแวง


บ้านพักหลังนี้ดูไม่คุ้นตา ไม่เหมือนกับที่เธอเคยเห็นมาก่อน


“ตอนนี้คุณอยู่ในเมืองชวนเจียง นายท่านของเรา, จางหย่วนไว่ ช่วยคุณไว้และนำพวกคุณทั้งหมดมาที่นี่” สาวใช้ตอบ


“พวกคุณทั้งหมด?” สาวน้อยอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะตาโตด้วยความตื่นเต้น “คุณพบคนอื่นๆที่อยู่กับฉันด้วยหรือ? พวกเขาอยู่ไหน?”


“มีคนอยู่กับคุณทั้งหมด 8 คน ตอนนี้ยังไม่ได้สติ เราจึงจัดให้พักอยู่ในห้องอื่นๆ” สาวใช้ตอบ


“ทั้ง 8 คนอยู่ที่นี่?” สาวน้อยถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอพยายามลุกขึ้นจากเตียงและพูดว่า “เร็วเข้า พาฉันไปพบพวกเขาที!”


“คือ…”


สาวใช้รู้สึกว่าอีกฝ่ายยังอ่อนแอไปสักหน่อยที่จะเดินไปไหนมาไหน แต่สาวน้อยดูจะยืนกรานหนักแน่น จึงพยุงอีกฝ่ายออกจากห้องอย่างระมัดระวัง


ทันทีที่ออกจากห้อง ก็เห็นว่าทั้ง 8 คนที่บาดเจ็บสาหัสและไม่ได้สติต่างฟื้นแล้ว พวกเขายืนอยู่ในลานบ้าน


“ศิษย์พี่…”


เมื่อเห็นสาวน้อย ทุกคนรีบประสานมือทักทาย


“อือ หาที่นั่งกันเถอะ” สาวน้อยพูดขณะเรียกทุกคนให้หาที่นั่งในศาลาที่มีอากาศเย็นสบาย


“โชคดีที่พวกเราเอาชีวิตรอดจากการทดสอบมาได้ แต่อาการบาดเจ็บก็สาหัสกว่าที่คิด ฉันตรวจสอบสภาพภายในร่างกายแล้ว มีร่องรอยของการฉีกขาดของมิติอยู่ในตัว คงต้องใช้เวลาเยียวยาหลายปีกว่าจะฟื้นคืนสภาพเดิม”สาวน้อยพูดอย่างเคร่งขรึม


“ผมก็เหมือนกัน”


“ฉันคิดว่าพวกเราคงเจอเหมือนกันหมด…”


ทั้ง 8 คน รีบตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเอง จากนั้นก็ออกความเห็นอย่างเคร่งเครียด


“ท่านอาจารย์ของเราน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนกันตอนที่เข้าสู่มิติเบื้องบนเมื่อปีก่อน ฉันอยากรู้ว่าเขาเยียวยาตัวเองจนหายดีหรือยัง ว่าแต่เราจะตามตัวเขาเจอได้อย่างไร?” รู้ดีว่าร่างกายของเธอกำลังย่ำแย่ สาวน้อยอดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยความกังวล


ตอนที่ 2123 สภาปรมาจารย์?

“ท่านอาจารย์ของเราเก่งกาจมาก ฉันเชื่อว่าเขาคงไม่เป็นอะไรหรอก” สาวน้อยอีกคนหนึ่งในกลุ่มออกความเห็น


“ใช่ ท่านอาจารย์ของเราเก่งกาจมาก” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ


“เดี๋ยวก่อน ผมรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนกระแสกาลเวลาในมิติเบื้องบนจะแตกต่างกับทวีปแห่งปรมาจารย์นะ” ชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มตั้งข้อสังเกตพร้อมกับขมวดคิ้ว


“ความแตกต่างของกระแสกาลเวลา?” คนอื่นๆชะงัก


ความสามารถของสายเลือดของชายหนุ่มคนนี้เชื่อมโยงกับกาลเวลา เขาจึงมีความรู้สึกไวเป็นพิเศษต่อกฎเกณฑ์ของกาลเวลาในโลก


“ใช่ ขอเวลาผมสักครู่ ผมจะคำนวณคร่าวๆ” ชายหนุ่มตอบขณะหลับตา


ราว 3 นาทีต่อมา เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง “มีความแตกต่างของกระแสกาลเวลาราว 10 เท่าระหว่างมิติเบื้องบนกับทวีปแห่งปรมาจารย์ พูดง่ายๆก็คือ 1 วันในมิติเบื้องบนเท่ากับ 10 วันของทวีปแห่งปรมาจารย์!”


ถ้าจางเซวียนอยู่ตรงนี้ ก็จะจดจำทั้ง 9 คนได้ทันที พวกเขาคือศิษย์สายตรงที่จางเซวียนรับไว้ตอนที่เขายังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์


จ้าวหย่า หลิวหยาง หวังหยิ่ง เจิ้งหยาง หยวนเทา ลู่ชง เว่ยหรูเหยียน จางจิ่วเซี่ยว และขงซือเหยา!


จางเซวียนเข้าสู่มิติเบื้องบนได้กว่า 1 เดือนแล้ว ซึ่งเวลาในทวีปแห่งปรมาจารย์ก็ผ่านไป 1 ปี


ด้วยระยะเวลายาวนานขนาดนั้น ทุกคนได้ยกระดับวรยุทธขึ้นไปเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 4 โลกจารึก และพบว่าไม่อาจพัฒนาได้อีก ทั้งยังไม่มีข่าวคราวใดๆจากท่านอาจารย์ ทำให้พวกเขากังวลมาก สุดท้ายทุกคนก็ไม่อาจอยู่เฉย


ศิษย์สายตรง 8 คนจึงรวมตัวกันที่อาณาจักรคุนฉื่อเพื่อตามหาขงซือเหยา พวกเขาตัดสินใจว่าจะเข้าสู่ทางเดินแห่งมิติและมุ่งหน้าสู่มิติเบื้องบน


แน่นอนว่าผู้ที่ทุกคนเรียกขานว่า ‘ศิษย์พี่’ ก็คือจ้าวหย่า และผู้ที่รู้สึกได้ถึงความแตกต่างของกระแสกาลเวลาระหว่างมิติเบื้องบนกับทวีปแห่งปรมาจารย์ก็คือจางจิ่วเซี่ยว


“ต่างกันถึง 10 เท่า? แปลว่าท่านอาจารย์ของพวกเราเพิ่งมาถึงมิติเบื้องบนได้เพียง 1 เดือน?” จ้าวหย่าตั้งข้อสังเกต


“ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอาจารย์ก็น่าจะยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ บางทีตอนนี้เขาอาจยังอยู่ในเมืองชวนเจียงก็ได้!”


พวกเขารู้ความเก่งกาจของท่านอาจารย์ดี ถ้าท่านอาจารย์มีเวลาราว 1 ปี จะต้องหายขาดจากอาการบาดเจ็บแน่ และบางทีอาจสร้างชื่อเสียงโด่งดังให้ตัวเองได้ด้วย แต่เมื่อพิจารณาถึงความรุนแรงของอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการผ่านทางเดินแห่งมิติ ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่ท่านอาจารย์จะออกจากเมืองชวนเจียงทั้งที่เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงเดือนเดียว


อีกอย่าง พวกเขาอยู่ในโลกใบใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เมื่อตอนอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ วรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 คือผู้ที่แค่เอ่ยปากคำเดียวก็สะเทือนทั้งโลก แต่เมื่ออยู่ที่นี่ พวกเขาเป็นแค่ฝูงปลาในมหาสมุทรกว้างใหญ่


“ฉันจะลองดูว่าจะสอบถามเรื่องนี้ได้อย่างไร”


เมื่อเกิดความคิดนั้น จ้าวหย่าหันไปถามสาวใช้ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “ไม่ทราบว่าพวกเราจะขอรบกวนพบนายท่านของคุณได้ไหม? ทั้งตัวฉันและศิษย์น้องอยากแสดงความสำนึกในบุญคุณต่อเขา!”


“ได้สิ นายหญิงน้อย” สาวใช้ตอบขณะเดินออกไป


ไม่ช้า ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็ก้าวยาวๆเข้ามา เมื่อเห็นทั้ง 9 คน ก็ตั้งข้อสังเกตอย่างประหลาดใจ “พวกคุณได้สติแล้วหรือทั้งที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น?”


เขาไม่มีความรู้เรื่องการรักษาโรคมากนัก แต่ได้เชิญนายแพทย์มาประจำที่บ้านพักเพื่อดูแลอาการของพวกเขาเป็นพิเศษ


โดยทั่วไป ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายเดือนกว่าจะฟื้น แต่นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ทุกคนก็ฟื้นคืนสติแล้ว ดูเหมือนคนเหล่านี้น่าจะมีอะไรมากกว่าที่เขาคิด!


หรือว่าเขาจะมีโชคเหมือนตั้นเฉี่ยวเทียน?


“พวกเราสำนึกในบุญคุณอย่างมากที่คุณช่วยชีวิตเราไว้”


ทั้ง 9 คนลุกขึ้นยืนและประสานมือ


“พวกคุณก็เกรงอกเกรงใจเกินไป ผมแค่ทำในสิ่งที่คนคนหนึ่งควรทำเท่านั้น” จางหย่วนไว่ตอบยิ้มๆ


หลังจากคุยสัพเพเหระกันครู่หนึ่ง จ้าวหย่าก็ตรงเข้าประเด็น “ตอนนี้ความทรงจำของพวกเราค่อนข้างสับสนเพราะอาการบาดเจ็บ ไม่ทราบว่าเมืองชวนเจียงอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มอำนาจไหน และที่นี่มีสภาปรมาจารย์หรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?”


“สภาปรมาจารย์?” จางหย่วนไว่กระพริบตา “เกรงว่าผมจะไม่เคยได้ยินอะไรแบบนั้น”


จากนั้นเขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถามแรก “เมืองชวนเจียงอยู่ภายใต้การปกครองของสำนักดาบเมฆเหิน, 1 ใน 6 สำนักใหญ่”


“1 ใน 6 สำนักใหญ่?”


“ใช่ ทวีปที่ถูกลืมถูกปกครองโดย 6 สำนักใหญ่ พวกเขาคือสำนักดาบเมฆเหิน, หอนานาอสูร…” จางหย่วนไว่ร่ายยาว


ทั้ง 9 คนตาโตเมื่อได้รู้ข้อมูล


ดูเหมือนพวกเขาจะมาถึงมิติเบื้องบนแล้วจริงๆ


นี่คือโลกที่แตกต่างกับทวีปแห่งปรมาจารย์โดยสิ้นเชิง


“พูดถึง 6 สำนักใหญ่ เพิ่งเกิดเรื่องที่แสนจะน่าตกตะลึงขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน!”


เมื่อจางหย่วนไว่เปิดประเด็น ก็เริ่มนึกถึงข่าวน่าตื่นเต้นมากมายที่เพิ่งได้ฟังมา ทำให้ใส่อารมณ์กับบทสนทนามากขึ้นเรื่อยๆ


“พวกคุณได้ข่าวของหัวหน้าหอนานาอสูรคนใหม่, เจิ้งหยาง บ้างไหม?”


“เจิ้งหยาง?”


ทั้งกลุ่มอึ้งไป แปดคนหันขวับไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่เป็นตาเดียว


“เขาชื่อเดียวกับผม?” เจิ้งหยางเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน


“คุณก็ชื่อเจิ้งหยางหรือ?” จางหย่วนไว่ออกจะประหลาดใจกับความบังเอิญนี้ แต่ครู่ต่อมาก็หัวเราะลั่น “โลกนี้มีผู้คนมากมายที่ใช้ชื่อเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลหรอก!”


ด้วยความกว้างใหญ่ของทวีปที่ถูกลืม ที่นี่น่าจะมีผู้ใช้ชื่อเจิ้งหยางอย่างน้อยก็หลายพันคน


“ผมเข้าใจ แค่แปลกใจนิดหน่อยที่นักรบผู้เก่งกาจระดับนั้นจะใช้ชื่อที่แสนธรรมดาสามัญเหมือนผม…” เจิ้งหยางตอบ


“ธรรมดาสามัญ? ถ้าคุณกำลังพูดถึงชื่อที่สุดแสนจะธรรมดาสามัญล่ะก็ คงไม่มีชื่อไหนเทียบได้กับเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงคนใหม่” จางหย่วนไว่ตอบยิ้มๆ


“อ้อ? ชื่อที่ธรรมดาสามัญยิ่งกว่าเจิ้งหยาง? มันจะต้องแย่ขนาดไหน คุณถึงบรรยายว่ามันสุดแสนจะธรรมดาสามัญ?” หลิวหยางขัดขณะชำเลืองมองเจิ้งหยางอย่างนึกสนุก


“จริงๆนะ เจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงคนใหม่น่ะชื่อหลิวหยาง!” จางหย่วนไว่ตอบ


“….” หลิวหยาง


เห็นทุกสายตาจับจ้องที่ชายหนุ่มที่เพิ่งออกความเห็น จางหย่วนไว่รู้สึกได้ว่าทุกคนมีท่าทางแปลกๆ เขาตั้งคำถาม “มีอะไรหรือ? หรือคุณยังรู้สึกว่าชื่อนี้ธรรมดาสามัญไม่พอ ถ้าคุณถามผมล่ะก็ ผมว่าชื่อหลิวหยางน่ะฟังดูแย่กว่าเจิ้งหยางมาก พวกคุณเห็นด้วยไหม? เอ่อ อย่าเข้าใจผมผิดนะ ผมไม่ได้จะดูถูกชื่อของคุณ, น้องเจิ้ง เพียงแค่บังเอิญรู้สึกอย่างนั้น…”


หลิวหยางหน้าดำคร่ำเครียด “คือ…ผมใช้ชื่อเดียวกับเจ้าสำนักคนนั้น ผมก็ชื่อหลิวหยาง”


จางหย่วนไว่ผงะ


นี่เขาเพิ่งเก็บเจ้าสำนักกลุ่มหนึ่งที่ปลอมตัวมาหรือ?


จางหย่วนไว่มองวัยรุ่นทั้ง 9 คนที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างลังเล “ถ้าอย่างนั้น…บังเอิญว่ามีใครสักคนในหมู่พวกคุณใช้ชื่อจางเซวียนหรือเปล่า?”


“คุณรู้จักจางเซวียนหรือ?” จ้าวหย่าชะงัก


“ใช่ ในทวีปที่ถูกลืมน่ะไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้” จางหย่วนไว่ตอบด้วยทีท่าสลักสำคัญ “เขาคือเจ้าสำนักดาบเมฆเหิน!”


“เจ้าสำนักดาบเมฆเหิน?”


จ้าวหย่ากับพรรคพวกครุ่นคิดหนัก


“หรือเป็นแค่อีกคนหนึ่งที่ใช้ชื่อเดียวกัน?”


“ท่านอาจารย์เพิ่งมาถึงได้เพียงเดือนเดียว จะกลายเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหินได้อย่างไร? ต่อให้เป็นระดับท่านอาจารย์ เรื่องแบบนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นง่ายๆ…”


“เมื่อครู่นี้จางหย่วนไว่บอกว่าเงื่อนไขพื้นฐานของการขึ้นเป็นผู้นำ 6 สำนักใหญ่คือต้องสำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์…”


ก่อนหน้านี้ ระหว่างที่กำลังพูดคุยกัน จางหย่วนไว่พูดถึงระดับวรยุทธอีกหลายขั้น เขาไม่รู้จักวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่พอรู้เรื่องวรยุทธขั้นเสมือนอมตะ อมตะตัวจริง และอมตะขั้นสูงอยู่บ้าง


ในการจะได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนัก ผู้นำจะต้องมีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์เป็นอย่างน้อย ท่านอาจารย์ของพวกเขาจะฟื้นคืนจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับตอนมาถึงเมื่อ 1 เดือนก่อนได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ นับประสาอะไรกับการยกระดับวรยุทธได้สูงขนาดนั้น…


จ้าวหย่าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตั้งคำถาม “คุณรู้ไหมว่าเจ้าสำนักจางหน้าตาเป็นอย่างไร?”


“เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูโดดเด่น น่าจะอายุราว 20 ต้นๆ ผมเคยพบเขาครั้งหนึ่ง พูดก็พูดเถอะ เขามี ความเกี่ยวพันอย่างล้ำลึกกับเมืองชวนเจียงของเรา ราว 1 เดือนก่อน ตั้นเฉี่ยวเทียนซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองนี้พบเจ้าสำนักจางบาดเจ็บสาหัส จึงนำอีกฝ่ายกลับไปรักษาที่บ้าน หลังจากนั้น ก่อนที่พวกเราจะรู้เรื่อง ข่าวคราวที่เขากลายเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหินก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งทวีปที่ถูกลืม…”


ขณะที่จางหย่วนไว่พูดถึงจางเซวียน นัยน์ตาของเขาก็เป็นประกายด้วยความยกย่อง เหมือนกับแฟนตัวยงที่มีปฏิกิริยาเมื่อใครสักคนพูดถึงไอดอลหมายเลขหนึ่งของเขา


“ไม่เพียงเท่านั้นนะ พวกคุณจำเจ้าสำนักหลิวหยางกับหัวหน้าเจิ้งหยางที่ผมพูดถึงเมื่อครู่ได้ไหม? ผมยังเล่าไม่จบ เรื่องจริงก็คือพวกเขาล้วนแต่เป็นร่างปลอมของเจ้าสำนักจาง! พูดอีกอย่างก็คือ ตอนนี้เขาเป็นทั้งเจ้าสำนักดาบเมฆเหิน เจ้าสำนักดาวเจ็ดดวง หัวหน้าหอนานาอสูร และหัวหน้าตำหนักคว้าดาวด้วย นั่นคือสี่ในหกสํานักใหญ่เชียวนะ! พวกคุณรู้ไหมว่ามันหมายความว่าอย่างไร? ไม่เกินจริงเลยหากจะพูดว่าตอนนี้เขาคือชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในโลก!”


“เขาคือผู้นำของ 4 สำนักใหญ่?”


“ชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในโลก?”


ทั้ง 9 คนถึงกับจังงัง หวังหยิ่งอ้าปากค้าง จ้าวหย่าทึ้งผม หยวนเทากัดลิ้นโดยไม่รู้ตัว


ถึงขนาดนี้แล้ว ต่อให้สมองช้าขนาดไหน ก็เห็นชัดว่าจางเซวียนคนนี้คือท่านอาจารย์ของพวกเขา!


การที่เหล่าผู้นำของ 6 สำนักใหญ่จะใช้ชื่อเดียวกับพวกเขาก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่บังเอิญเกินไปแน่หากชายที่ชื่อจางเซวียนคนนั้นใช้ชื่อของพวกเขาเป็นชื่อปลอม…


เมื่อครู่นี้ทุกคนยังคิดอยู่ว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่ท่านอาจารย์จะหายดีภายในเวลาเพียง 1 เดือน!


พวกเขาได้แต่ยกมือกุมหน้าอกอย่างปวดใจ


ความเร็วในการยกระดับวรยุทธของท่านอาจารย์จะเหลือเชื่อไปหน่อยไหม?


จากนักรบระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 มาเป็นนักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ภายในเวลาเพียง 1 เดือน และเท่านั้นยังไม่พอ…ยังได้เป็นผู้นำของ 4 สำนักใหญ่ด้วย และตอนนี้ก็กลายเป็นชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในทวีปที่ถูกลืม!


ดูเหมือนท่านอาจารย์ของพวกเขาไม่เคยเปลี่ยน ต่อให้ทุกคนขยันหมั่นเพียรฝึกฝนวรยุทธแค่ไหน ก็ทำได้แค่แหงนหน้ามองอีกฝ่าย


“พวกคุณรู้จักมักคุ้นกับเจ้าสำนักจางหรือ?”


ตอนที่ 2124 มันแสนจะน่าเบื่ออออออ!

เห็นความตกตะลึงของทั้ง 9 คน จางหย่วนไว่รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ จึงตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


“ถ้าเดาไม่ผิด ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นท่านอาจารย์ของพวกเรา…” จ้าวหย่าตอบพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ


“ท่านอาจารย์ของพวกคุณ…” จางหย่วนไว่ชะงักกับสิ่งที่ได้ยิน


“ต้องขออภัยด้วย แต่ไม่ทราบว่าคุณจะช่วยพาพวกเราไปสำนักดาบเมฆเหินได้ไหม?” จ้าวหย่าถาม


ทั้งกลุ่มตั้งคำถามอีก 2-3 ข้อ ไม่ช้าก็มั่นใจว่าผู้ที่ถูกเรียกว่าเจ้าสำนักจางจะต้องเป็นท่านอาจารย์ของพวกเขาแน่


“ง่ายมาก ผมจะจัดการให้เดี๋ยวนี้แหละ” จางหย่วนไว่ตอบก่อนจะรีบออกจากห้อง


เขานึกสงสัยเรื่องราวของเด็กทั้ง 9 อยู่แล้ว แต่ด้วยความบังเอิญ สิ่งที่พวกเขาพูดออกมากลับกลายเป็นความจริง และทุกคนก็ล้วนเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักจาง ในฐานะผู้ช่วยชีวิต เขาจะต้องได้รับการตบรางวัลอย่างงามสำหรับความดีความชอบครั้งนี้!


…..


ที่บริเวณยอดเขาในอาณาเขตเมืองชวนเจียง จางเซวียนกับหวู่เฉินรออยู่ 1 ชั่วโมงก่อนที่ริบบิ้นสีแดงที่ผูกไว้กับง้าวจะเริ่มโบกสะบัด มันชี้ตรงไปยังทิศทางหนึ่ง


จางเซวียนลุกพรวด


น่าประหลาดใจที่ริบบิ้นนั้นชี้ไปยังจุดที่แม่น้ำชวนเจียงตั้งอยู่


“ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมเราหาทางเข้าไม่เจอ…”


จางเซวียนเคยสอบถามตั้นเฉี่ยวเทียนว่าอีกฝ่ายพบตัวเขาที่ไหน และแน่ใจว่าได้ตรวจสอบพื้นที่นั้นอย่างถี่ถ้วนแล้วตั้งแต่มาถึงเมืองชวนเจียง แต่ไม่พบอะไรเลย


ลงท้ายก็กลับกลายเป็นว่าทางเข้าสู่ทางเดินแห่งมิตินั้นอยู่ในแม่น้ำชวนเจียง


กระแสน้ำได้ปกคลุมพลังจิตวิญญาณที่แผ่ออกมาจากค่ายกลไว้ ด้วยความกว้างใหญ่ของแม่น้ำ ถ้ามีค่ายกลถูกติดตั้งไว้ในนั้นจริงๆ ก็ย่อมเป็นเรื่องยากแม้แต่กับสำนักดาบเมฆเหินที่จะหาเจอ


จางเซวียนรีบเก็บธงค่ายกลกับง้าวเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจุดที่ริบบิ้นสีแดงชี้ไป เขากระโจนลงสู่แม่น้ำและดำดิ่งลงไปโดยไม่ลังเล


แม่น้ำชวนเจียงลึกมาก ก้นแม่น้ำอยู่ต่ำกว่าผิวน้ำราว 100 เมตร จางเซวียนใช้เวลาไม่นานก็ลงไปถึงก้นบึ้ง แต่แล้วเขาก็ย่นหน้าผาก


เท่าที่เห็น ทุกอย่างภายในรัศมีหลายร้อยลี้รอบตัวเขาดูจะไม่มีอะไรผิดแปลก


เขาไม่เห็นความผิดปกติใดๆเลย


“นายน้อย…”


หวู่เฉินก็ไม่พบอะไรเหมือนกัน เขาหันมามองจางเซวียนอย่างสงสัย


ค่ายกลเมื่อครู่นี้มีอะไรผิดเพี้ยนไปหรือเปล่า จึงนำพวกเขามาผิดตำแหน่ง?


“รอสักพักเถอะ” จางเซวียนพูด


เขาใช้กระแสดาบสีเฉือนนิ้วและหยดเลือดลงไปหยดหนึ่ง


เกิดเสียงหึ่งดังลั่น กรวดทรายที่ปกคลุมก้นบึ้งแม่น้ำลอยตัวขึ้นทันที เผยให้เห็นประตูหินอยู่ด้านล่าง


จางเซวียนเดินเข้าไปและผลักมันเบาๆ


ประตูหินเปิดออกโดยแทบไม่มีแรงต้านทานใดๆ เผยให้เห็นทางเดินมืดมิด


จางเซวียนกำลังจะเดินเข้าไป ก็พอดีกับที่เห็นหวู่เฉินจ้องมองประตูหินอย่างครุ่นคิด เขาหัวเราะหึๆและอธิบาย “ทางเดินนี้ถูกปรมาจารย์ขงปิดกั้นไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทจากมิติเบื้องบนรั่วไหลออกไปได้ สายเลือดของผมแตกต่างจากปรมาจารย์ขง แต่ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานเหมือนกัน พละกำลังของเราจึงไม่ต่างกันเท่าไหร่ ด้วยสายเลือดของผม ผมสามารถเปิดใช้งานค่ายกลที่ถูกซ่อนอยู่ได้ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีทางพบมัน!”


อันที่จริง ความเหมือนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะทั้งคู่เป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน ที่สำคัญกว่าก็คือพวกเขาต่างก็แบกรับเศษเสี้ยวหนึ่งของสวรรค์ไว้ในตัว


เพียงแต่จางเซวียนไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้กับใคร


ส่วนหวู่เฉินก็ตาโตเมื่อพลันเข้าใจ


ทั้งคู่เดินไปตามเส้นทางนั้น ไม่ช้าก็มาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ มีนักปราชญ์โบราณ 8 คนอารักขาที่นั่น ทุกคนกำลังล้อมวงดื่มกัน


“การต้องอารักขาที่นี่น่ะต่างอะไรกับการถูกขัง?”


“มันแสนจะน่าเบื่ออออออ!”


“ผมได้ยินว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกอีกฟากหนึ่งนั้นอ่อนแอมาก…”


“พวกเขาอ่อนแอ แต่ทางเข้าก็ถูกปิดตาย เราไม่มีทางไปที่นั่นได้หรอก”


องครักษ์ทั้ง 8 พึมพำขณะกระดกไวน์


พวกนี้คงเป็นองครักษ์ที่ปรมาจารย์ขงส่งมาอารักขาทางเดินแห่งมิติ จางเซวียนคิดขณะฟังบทสนทนาของพวกเขา


เขาโบกมือเบาๆ ยังไม่ทันที่ทั้งกลุ่มจะทันได้ตอบโต้ ทุกคนก็แหลกสลายเป็นธุลี


ทั้งแปดคนอารักขาที่นี่ภายใต้คำสั่งของปรมาจารย์ขง แต่การมีคนเหล่านั้นอยู่จะเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์และทวีปแห่งปรมาจารย์ เพื่อความปลอดภัย จางเซวียนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกำจัด


ด้วยพละกำลังของเขาในเวลานี้ เขาทำให้คนคนหนึ่งหายไปจากโลกได้อย่างง่ายดาย


บริเวณใจกลางห้องมีเกลียวขนาดใหญ่ กระแสพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทถูกดึงดูดเข้าสู่เกลียวนั้นและหายไปยังดินแดนที่ไม่มีใครรู้


ประตู 2 บานที่อยู่ด้านข้างเกลียวขนาดใหญ่นั้นมีอักษรประหลาดจารึกอยู่ เมื่อเพ่งดูใกล้ๆ รูปแบบของมันดูคล้ายกับอักษรจารึกบนแท่นบูชาของตำหนักคว้าดาว


ดูเหมือนปรมาจารย์ขงจะกังวลว่าอาจมีใครมากีดขวางทางเข้า จึงออกแบบค่ายกลที่ทำให้คนจากทวีปแห่งปรมาจารย์ที่จะเข้าสู่มิติเบื้องบนจะถูกส่งทะลุมิติตรงไปยังสถานที่ไหนสักแห่งในอาณาบริเวณของเมืองชวนเจียง


จางเซวียนลูบคางอย่างครุ่นคิด


แม้ประตูเหล่านี้จะไม่ต่างจากประตูธรรมดา แต่ด้วยอักษรที่ถูกจารึกไว้ ถ้าใครสักคนผ่านทางเดินแห่งมิติไป ก็จะถูกส่งตรงไปยังที่ไหนสักแห่งในอาณาบริเวณรอบเมืองชวนเจียง


ไม่อย่างนั้น ด้วยความที่เขาสลบไสลไม่ได้สติตอนที่ถูกส่งทะลุทางเดินแห่งมิติมา ก็คงไม่อาจเอาชีวิตรอดจากคนกลุ่มนี้ได้


“ที่นี่ถูกเปิดใช้งานได้โดยปรมาจารย์ขงและสายเลือดของเราเท่านั้น ต่อให้นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ก็หาเส้นทางนี้ไม่พบ แต่เขาก็ยังส่งบริวารมาอารักขาที่นี่…เขาพยายามปกป้องพื้นที่นี้จากใคร?” จางเซวียนนึกสงสัย


ทางเดินแห่งมิตินี้เป็นความลับสุดยอดแม้มองด้วยมาตรฐานของมิติเบื้องบน ดูเหมือนปรมาจารย์ขงตั้งใจออกแบบมันเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้คนจากมิติเบื้องบนหามันพบ หรือต่อให้มีใครสักคนหาเจอ ก็ไม่อาจทำอันตรายผู้ที่มาจากทวีปแห่งปรมาจารย์ได้


จึงออกจะดูขัดแย้งกันเองที่ปรมาจารย์ขงสั่งการให้บริวารอารักขาทางเดินแห่งมิติไว้ ราวกับเขาพยายามจะกำจัดใครก็ตามที่มาจากทวีปแห่งปรมาจารย์


ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง…หรือจะหมายความว่าเขาอ่านอักษรจารึกไม่ออกและไม่รู้ว่าใครก็ตามที่เข้าสู่ทางเดินแห่งมิติจะถูกส่งทะลุมิติตรงไปที่อื่นทันที?


ที่ไอ้โหดพูดน่าจะเป็นเรื่องจริง…ชายผู้นั้นคือปรมาจารย์ขงตัวปลอม!


ก่อนหน้านี้เขายังแคลงใจเมื่อได้ฟังไอ้โหด แต่ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกว่ามีเหตุผล ถ้าปรมาจารย์ขงที่เขาได้พบเป็นตัวจริง คงไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะไม่รู้เรื่องกลไกมากมายที่ถูกติดตั้งไว้ที่นี่…เว้นเสียแต่เขาจะสูญเสียความทรงจำด้วยวิธีการใดสักอย่าง เหมือนกับไก่น้อย


เมื่อนึกถึงไก่น้อย จางเซวียนก็ถอนหายใจเฮือก เขามอบรังสีพิเศษที่ได้จากสะพานเบื้องบนบางส่วนให้ไก่น้อย แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง เจ้านั่นก็ยังไม่อาจฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้!


จางเซวียนพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยมันยกระดับวรยุทธ แต่ไม่มีวิธีไหนได้ผล เขาไม่เข้าใจว่ามันต้องการอะไรถึงจะฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ


จางเซวียนส่ายหัว เขาเดินหน้าต่อไปเพื่อสำรวจสภาพของทางเดินแห่งมิติ เมื่อเห็นว่ายังคงใช้การได้ ก็นำเครื่องรางสำหรับการปลอมตัวออกมาและใช้มันกดข่มระดับวรยุทธของตัวเอง


พร้อมกันนั้น เขาก็หันไปพูดกับหวู่เฉิน “ลดระดับวรยุทธของเราให้เป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 4 เสียก่อน แล้วค่อยเข้าสู่ทางเดินแห่งมิติ”


วรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 คือเพดานสูงสุดของทวีปแห่งปรมาจารย์ ถ้ามีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์หรืออมตะขั้นสูงเข้ามา ต่อให้กดข่มระดับวรยุทธไว้ ก็จะถูกโลกปฏิเสธ


จางเซวียนมีเครื่องรางแห่งการปลอมตัวขณะที่หวู่เฉินมีกรรมวิธีการปลอมตัวที่ได้รับถ่ายทอดจากหลัวลั่วชิง เมื่อใช้สิ่งเหล่านี้ปกปิดวรยุทธไว้ พวกเขาก็สามารถตบตาได้แม้แต่กับสรวงสวรรค์ของทวีปแห่งปรมาจารย์


หลัวลั่วชิงก็ใช้วิธีการเดียวกันนี้เมื่อตอนที่เธอเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ในครั้งนั้น แต่เพราะเธอเปิดเผยพละกำลังที่แท้จริงออกมาระหว่างการต่อสู้เพื่อแย่งชิงมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง จึงถูกสวรรค์ปฏิเสธและบีบบังคับให้ออกจากทวีปแห่งปรมาจารย์


เมื่อเข้าสู่ทางเดินแห่งมิติ จางเซวียนเห็นกระแสมิติอันสับสนวุ่นวายพลุ่งพล่านอยู่โดยรอบ คลื่นความสั่นสะเทือนของมิติทั้งหมดพุ่งเข้าหาเขา พยายามจะเฉือนเขาให้เป็นชิ้นๆ


นักรบระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 คนอื่นๆที่อยู่ในสภาพเดียวกันกับเขาคงหมดสติไปนานแล้วถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่เพราะหวู่เฉินกับจางเซวียนคือนักรบชั้นยอดของมิติเบื้องบน แม้จะลดระดับวรยุทธลงมา ก็ยังมีพลังจิตวิญญาณและพลังของกายเนื้อมากพอที่จะปกป้องตัวเอง


ดังนั้น คลื่นความสั่นสะเทือนของมิติที่พุ่งเข้าโจมตีพวกเขาจึงไม่อาจสร้างความบอบช้ำใดๆ


ในเวลาเดียวกัน ความเร็วของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นจากเดิมมาก ก่อนหน้านี้จางเซวียนใช้เวลาราวครึ่งเดือนกว่าจะเดินทางไปถึงปลายสุดอีกด้านหนึ่งของทางเดินแห่งมิติ แต่คราวนี้เขามองเห็นทางออกตั้งแต่ออกเดินทางได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง


โลงศพขนาดใหญ่ลอยตัวอย่างเงียบเชียบอยู่กลางอากาศ สกัดกั้นมิติที่อยู่โดยรอบบริเวณทางออกไว้ มันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับทางออก ปิดกั้นทุกสิ่งไว้อย่างแน่นหนา


จางเซวียนแตะมันเบาๆ ค่ายกลถูกปลดปล่อยทันที เขาเดินผ่านทางออกไปอย่างสบายๆพร้อมกับหวู่เฉิน


กลิ่นอายอันคุ้นจมูกของทวีปแห่งปรมาจารย์โชยมา


เขากลับมาถึงแล้ว


“ปรมาจารย์จาง!”


ทันทีที่จางเซวียนร่อนลงสู่พื้น ก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกมาแต่ไกล ไม่ช้านักปราชญ์โบราณเหยียนชิงก็ปรากฏตัวตรงหน้า


ผ่านไป 1 ปี อีกฝ่ายยกระดับวรยุทธได้สูงขึ้นอีกมาก และดูไม่กระเสาะกระแสะเหมือนเดิม


“อือ” จางเซวียนพยักหน้ารับ


เขาเบนสายตาไปด้านข้างและเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าแท่นบูชา กำลังร่ายมนต์อย่างต่อเนื่อง เปลวเพลิงลุกโชนอยู่เหนือแท่นบูชา เรืองแสงเกรี้ยวกราดเจิดจ้า นี่คือพิธีกรรมที่นำพาพวกเขากลับสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์


แต่ผู้ประกอบพิธีกรรมไม่ใช่คนที่เขาคุ้นหน้า


“เขาเป็นใคร? หลิวหยางอยู่ไหน?” จางเซวียนตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


อำมาตย์เฉินหย่งคนปัจจุบันคือหลิวหยาง, ศิษย์สายตรงของเขาไม่ใช่หรือ? ทำไมผู้ประกอบพิธีกรรมถึงเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นที่เขาไม่รู้จัก?


“ชายผู้นี้คืออำมาตย์คนใหม่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น, เฉินเสี่ยว เป็นศิษย์สายตรงของหลิวหยาง” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตอบ


“ศิษย์สายตรงของหลิวหยาง? ก็เป็นศิษย์หลานของผมน่ะสิ” จางเซวียนชะงัก


ตอนที่ 2125 ผมอยากติดตามคุณ!

เขาออกจะรู้สึกแปลกๆที่มีศิษย์หลานทั้งที่ตัวเองเพิ่งอายุ 20 ต้นๆ


“ใช่” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพยักหน้า


“ถ้าเขาคืออำมาตย์คนใหม่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แล้วหลิวหยางอยู่ไหน? ขงซือเหยา จ้าวหย่า กับคนอื่นๆล่ะ?” จางเซวียนถามต่อ


เขามอบหมายให้ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ส่งข้อความหาอำมาตย์เฉินหย่งคนปัจจุบันเพื่อแจ้งอีกฝ่ายให้ประกอบพิธีกรรม ต่อให้เขาไม่ได้ระบุว่ากำลังวางแผนจะกลับสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ หลิวหยางกับคนอื่นๆก็น่าจะอยากเห็นการประกอบพิธีกรรมที่นำไปสู่มิติเบื้องบน


“ปรมาจารย์จาง ศิษย์สายตรงทั้ง 9 คนของคุณเดินทางผ่านทางเดินแห่งมิติที่คุณใช้ตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนก่อนและเข้าสู่มิติเบื้องบนแล้ว…” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตอบ


“พวกเขาเดินทางไปมิติเบื้องบน?” จางเซวียนถึงกับผงะ


ถ้าพวกนั้นเข้าสู่มิติเบื้องบนตั้งแต่ 3 เดือนก่อน ก็ตกราว 9 วันในมิติเบื้องบน…ในเวลานั้น เขาอยู่ที่ทะเลพลัดดาวและกำลังให้คำชี้แนะผู้อาวุโสหงอู่กับคนอื่นๆ


“ค่อยไปตามหาพวกนั้นหลังจากที่เรากลับถึงมิติเบื้องบนก็แล้วกัน…” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่


ในเมื่อทั้งกลุ่มจากไประยะหนึ่งแล้วและไม่ได้พบกันในทางเดินแห่งมิติ ก็เป็นไปได้ว่าตอนนี้ทุกคนคงอยู่ที่เมืองชวนเจียง เขาจึงตัดสินใจไม่คิดอะไรมาก


ขณะที่จางเซวียนกำลังจะพูดต่อ ก็เห็น 2 ร่างบินตรงเข้ามา


ทั้งคู่คือพ่อกับแม่ของเขา เซียนดาบชิงเหมิง!


“เซวียนเอ๋อ…”


เซียนดาบเหมิงร้องเรียกอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นลูกชายไม่เป็นอะไร นัยน์ตาของเธอแดงก่ำขณะระบายลมหายใจยาว “แม่ดีใจที่ลูกสบายดี…”


มิติเบื้องบนเต็มไปด้วยอันตราย นับตั้งแต่ลูกชายของเธอเดินทางไปสถานที่แห่งนั้น ไม่มีสักวันที่เธอจะไม่เป็นห่วงเป็นใยเขา การที่ไม่มีข่าวคราวใดๆจากจางเซวียนเลยทำให้เธอหนักอกหนักใจมากว่า 1 ปีแล้ว เมื่อได้เห็นกับตาว่าจางเซวียนไม่เป็นอะไร เธอถึงถอนหายใจอย่างโล่งอกได้


จางเซวียนยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นเซียนดาบชิงเหมิง “ท่านแม่กับท่านพ่อ ผมสบายดี”


พ่อแม่ของเขาฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้อีกระหว่างที่เขาจากไป ตอนนี้ทั้งคู่เป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 4


จางเซวียนซักไซ้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของทวีปแห่งปรมาจารย์ และพบว่าทวีปแห่งปรมาจารย์ก้าวหน้าไปมาก ระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่ที่ปรมาจารย์หยางเป็นผู้ผลักดันใช้การได้ดี ส่วนเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นก็ไม่สร้างปัญหาใดๆอีกนับตั้งแต่หลิวหยางรับตำแหน่งอำมาตย์เฉินหย่งคนต่อไป แม้จะมีความตึงเครียดอยู่บ้าง แต่สถานการณ์โดยรวมถือว่าสงบสุข


ร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์สามารถลดความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทลงไปจนอยู่ในระดับที่นักรบที่เป็นมนุษย์ธรรมดาสามารถซึมซับได้โดยปราศจากปัญหา ในเมื่อเป็นแบบนี้ โอกาสเกิดสงครามก็ถือว่ามีน้อยมาก


จางเซวียนมุ่งหน้าสู่ห้องโถงใหญ่ที่ร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ใช้ต้อนรับแขก เขาเห็นใบหน้าคุ้นตาของคนกลุ่มหนึ่ง…หัวหน้าตระกูลหลัว หัวหน้าตระกูลเจียง หยางชวนจากสภาปรมาจารย์…


ก็เหมือนที่เซียนดาบชิงเหมิงบอกไว้ พวกเขาล้วนเป็นนักรบระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ถ้าเหล่านักรบที่อารักขาทางเดินแห่งมิติพยายามจะบุกรุกเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์อีกครั้ง ก็น่าจะถูกสังหารทันที


พวกเขาพูดคุยกันเพื่อไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ


ระหว่างการสนทนา หลัวชวนฉิงมองจางเซวียนอย่างวิตกและถามว่า “จางเซวียน คุณพบน้องสาวของผมบ้างหรือเปล่าตอนที่อยู่ในมิติเบื้องบน?”


“น้องสาวของคุณ?” จางเซวียนชะงัก “ฉีฉีไม่ได้อยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์หรือ?”


ตอนนั้นเขาออกเดินทางตามลำพัง และไม่ได้พบหลัวฉีฉีในมิติเบื้องบนด้วย


“เมื่อ 1 ปีก่อน หลังจากที่คุณออกเดินทางไปมิติเบื้องบนได้ไม่นาน เธอก็บอกว่าเธอจะเดินทางไปที่นั่นเพื่อตามหาคุณ…” หลัวชวนฉิงส่ายหน้าและถอนหายใจ


“ตามหาผม? เธอเข้าสู่มิติเบื้องบนโดยใช้ทางเดินแห่งมิติเหมือนกันหรือ?” จางเซวียนย้อนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


“ไม่ใช่ เธอใช้เครื่องเก็บงำมิติฝ่าปราการมิติของทวีปแห่งปรมาจารย์ออกไป” หลัวชวนฉิงตอบ


จางเซวียนถึงกับจังงัง


ด้วยวรยุทธของเขาในตอนนี้ เขาสามารถฝ่าปราการแห่งมิติได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาทางเดินแห่งมิติเพื่อกลับสู่มิติเบื้องบนแล้ว แต่สำหรับหลัวฉีฉีเมื่อ 1 ปีก่อน ต่อให้เธอจะทรงพลังแค่ไหน อย่างมากที่สุดก็เป็นแค่นักปราชญ์โบราณขั้น 4 แล้วเธอฝ่าปราการมิติของทวีปแห่งปรมาจารย์ได้อย่างไร?


“คุณรู้ไหมว่าทำไมเธอถึงเรียกตัวเองว่าฉีฉี?” จู่ๆหลัวชวนฉิงก็ตั้งคำถาม


เพราะรู้ดีว่าตัวเขากับจางเซวียนแตกต่างกันมาก ความปรารถนาที่จะแข่งขันกับชายหนุ่มคนนี้จึงมอดดับไปแล้ว ทั้งหมดที่เขาหวังก็คืออยากให้ชายหนุ่มตามหาน้องสาวของเขาและดูแลเธอ


“เธอไม่ได้เรียกตัวเองว่าฉีฉีเพราะมีพี่ชาย 6 คนหรือ?” จางเซวียนดูเหมือนจะจดจำเรื่องราวได้


“ก็ใช่ เธอมีพี่ชาย 6 คน ผมคือพี่ชายคนที่ 6 ของเธอ และพี่ชายทั้ง 5 ของผมก็เสียชีวิตไปแล้ว ด้วยสถานภาพและอำนาจของตระกูลหลัวในทวีปแห่งปรมาจารย์ คุณไม่รู้สึกว่ามันประหลาดหรือที่พี่ชายทั้ง 5 ของผมล้วนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร” หลัวชวนฉิงถาม


จางเซวียนอึ้งไป


ตอนนั้นเขาก็สงสัย แต่เลือกที่จะไม่ซักไซ้รายละเอียด


ด้วยสถานภาพของตระกูลหลัวในทวีปแห่งปรมาจารย์ ต่อให้เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นบุกเข้าโจมตี ก็ไม่มีทางที่จะสังหารลูกชายทั้ง 5 คนของตระกูลผู้ทรงเกียรติได้อย่างง่ายดายแบบนี้


“เป็นเพราะเครื่องเก็บงำมิติ” หลัวชวนฉิงตอบ “มันคือของล้ำค่าที่บรรพบุรุษของเราได้มา มีพละกำลังและอำนาจมหาศาล คุณคงเคยได้ยินแล้วว่าน้องสาวของผมสามารถซึมซับมันได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่นานหลังจากที่เธอเกิดมาเพราะสายเลือดบริสุทธิ์ของเธอ…เรื่องนั้นไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมดหรอก ที่สำคัญกว่าก็คือเพราะพี่ชายทั้ง 5 ของผม เธอถึงทำแบบนั้นได้!”


“ในตอนนั้น มีบางอย่างกระตุ้นการทำงานของเครื่องเก็บงำมิติ มันเกือบจะฉีกกระชากปราการแห่งมิติและหลบหนีไป ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ตระกูลหลัวจะต้องร่วงลงจากตำแหน่ง 3 ตระกูลใหญ่ของทวีปแห่งปรมาจารย์แน่ เพื่อปกป้องไม่ให้ตระกูลเสื่อมถอย พี่ชายทั้ง 5 ของผมจึงยอมสละชีวิตโดยมอบเลือดของพวกเขาให้เครื่องเก็บงำมิติ เพื่อให้อีกฝ่ายสงบลง ผลที่ได้ก็คือจิตวิญญาณที่อยู่ในเครื่องเก็บงำมิตินั้นถูกปลุกให้ตื่นอย่างช้าๆ…จนในที่สุดก็กลายมาเป็นฉีฉีที่คุณรู้จัก!”


“เดี๋ยวนะ คุณจะบอกว่าแท้ที่จริงแล้วฉีฉีคือจิตวิญญาณของอาวุธในเครื่องเก็บงำมิติหรือ?” จางเซวียนหรี่ตาอย่างตกตะลึง


“จิตวิญญาณดวงหนึ่งเล็ดลอดเข้าไปในครรภ์ของท่านแม่ของผม และสุดท้ายท่านแม่ก็คลอดฉีฉีออกมา เธอคือจิตวิญญาณของเครื่องเก็บงำมิติ แต่ก็แน่นอนว่าเป็นน้องสาวของผมด้วย เพราะถึงอย่างไรเลือดเนื้อของเธอก็มีต้นกำเนิดจากตระกูลหลัวของเรา” หลัวชวนฉิงพูด


จางเซวียนพยักหน้าช้าๆ


เขาเคยเห็นจิตวิญญาณของอาวุธมามากมาย ทั้งยังเคยทำให้พวกมันยอมจำนนด้วย แต่ในบรรดาจิตวิญญาณพวกนั้น ไม่มีดวงไหนเป็นอิสระจากการถูกกักขังในร่างของพวกมันได้ แม้แต่ของล้ำค่าระดับกึ่งสรวงสวรรค์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น


จึงเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่จิตวิญญาณของเครื่องเก็บงำมิติสามารถออกจากร่างของมันและมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์


“แล้วเธอฝ่าปราการแห่งมิติได้อย่างไร? คุณรู้ได้อย่างไรว่าเธอมุ่งหน้าไปมิติเบื้องบน?” จางเซวียนถามต่อ


“เมื่อคุณจากไปได้ไม่นาน ความตั้งใจของเธอที่จะติดตามคุณไปสู่มิติเบื้องบนก็เข้มข้นหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เครื่องเก็บงำมิติตอบสนองความปรารถนาของเธอด้วยการมอบพลังงานมหาศาลที่ทำให้เธอก้าวข้ามขีดจำกัดของวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ได้สำเร็จ วรยุทธของเธอเข้าถึงขั้นล้ำลึกเกินหยั่ง ทำให้ถูกสรวงสวรรค์ของทวีปแห่งปรมาจารย์ปฏิเสธ สุดท้ายเธอก็ถูกบีบให้ออกจากโลกนี้ไปพร้อมกับเครื่องเก็บงำมิติ” หลัวชวนฉิงพูด


“เหล่าผู้เชี่ยวชาญในตระกูลหลัวของเราทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่ไม่อาจยับยั้งเธอไม่ให้จากไป…”


จางเซวียนเงียบกริบ


ก็เหมือนกับการที่หลัวลั่วชิงจากไปในคราวนั้น ทั้งคู่ถูกมิติของทวีปแห่งปรมาจารย์บีบให้ออกไป


เหมือนท่อนซุงที่เจอกระแสน้ำเชี่ยว ไม่ว่าจะพยายามกดท่อนซุงให้จมน้ำด้วยเรี่ยวแรงมากแค่ไหน ทันทีที่หลุดมือ มันก็จะลอยกลับสู่ผิวน้ำ


ด้วยเหตุนี้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่หลัวฉีฉีจะถูกบีบบังคับให้เข้าสู่มิติเบื้องบน


“เอาเถอะ ผมจะสำรวจดูเมื่อผมกลับไป ถ้าพบตัวเธอ จะรีบส่งข่าวให้อำมาตย์คนใหม่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจทันที” จางเซวียนพูด


จางเซวียนบันทึกเรื่องของหลัวฉีฉีไว้ในใจ


ทวีปที่ถูกลืมนั้นกว้างใหญ่ แต่ในฐานะผู้นำของ 4 สำนัก การที่เขาจะค้นหาที่อยู่ของใครคนหนึ่งคงไม่ยากเกินไป


หลังจากแยกกันกับหลัวชวนฉิง จางเซวียนพูดคุยกับปรมาจารย์หยางและคนอื่นๆเพื่อสอบถามข่าวคราว ก่อนจะถ่ายทอดเทคนิควรยุทธและเทคนิคการต่อสู้ที่เขาประมวลขึ้นใหม่ให้คนเหล่านั้น สภาปรมาจารย์จะได้แบ่งปันความรู้นี้ให้กับทั้งโลก


เวลา 1 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว


“เหตุผลที่ผมกลับมาคราวนี้ก็เพื่อขอยืมแท่นบูชา ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมต้องจัดการเมื่อกลับสู่มิติเบื้องบน ผมจึงจะไม่พักที่นี่…”


จางเซวียนรู้ดีว่าเขามีเวลาจำกัด หลังจากได้แท่นบูชาแล้ว จึงเรียกหวู่เฉินมา ตั้งใจจะฝ่าปราการแห่งมิติกลับสู่มิติเบื้องบนโดยไม่ต้องผ่านทางเดินแห่งมิติอีก


ในตอนนั้น เสียงหนึ่งก็ร่ำร้อง


“นายน้อย พาผมไปด้วย!”


ซุนฉางรีบเข้ามาหาขณะมองจางเซวียนด้วยสายตาวิงวอน


ไม่นานหลังจากที่จางเซวียนจากไป ซุนฉางก็รู้ตัวว่าความอวดดื้อถือดีของเขาทำให้สูญเสียโอกาสในการพัฒนาตัวเอง เขาต้องยอมรับความจริงอันเจ็บปวดว่าไม่อาจได้อยู่ใกล้ชิดจางเซวียนอีกแล้ว


ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพยายามฝึกฝนอย่างหนักตลอด 1 ปีที่ผ่านมา และเพราะเห็นแก่การที่เขาเคยเป็นพ่อบ้านของจางเซวียน สภาปรมาจารย์และตระกูลจางจึงมอบทรัพยากรคุณภาพดีที่สุดสำหรับการฝึกฝนวรยุทธให้เขา


ซุนฉางจึงสำเร็จวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ขั้นต้น ไม่ต่างกับคนอื่นๆ


“คุณอยากไปมิติเบื้องบนหรือ?” จางเซวียนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


“ใช่ ผมอยากติดตามคุณ!” ซุนฉางตอบอย่างมุ่งมั่น


เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นพวกหลงใหลในวัตถุ ชื่นชอบการใช้อิทธิพลและชื่อเสียงในฐานะพ่อบ้านของจางเซวียนและนักรบระดับนักปราชญ์โบราณ ความเคารพยกย่องที่คนอื่นๆมีให้ทำให้เขาโอหังและหยิ่งผยอง แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง…เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไป เกิดเป็นความว่างเปล่าที่ไม่น่าพิสมัยอยู่ภายใน


มีบางอย่างที่เขาปรารถนามาชั่วชีวิต


แต่เมื่อเขามีทุกอย่างแล้ว ก็พบว่าตัวเองโหยหาวันคืนเก่าๆ การหวนนึกถึงเหตุการณ์น่าตื่นเต้นที่เขาตำหนิติเตียนผู้เชี่ยวชาญที่มีวรยุทธสูงกว่าตัวเขาอย่างมั่นอกมั่นใจทำให้หัวใจเต้นตึกตัก


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)