ยอดหญิงสกุลเสิ่น 210.2-211.1
ตอนที่ 210-2 พลเงาหนึ่ง
ตกดึก เงาดำหนึ่งสายกระโดดเข้ามาในเรือนหลังเล็กที่สวีโย่วอาศัยอยู่ ถูกเจียงเฮยที่รอรับอยู่พาเข้ามาในห้องสวีโย่วทันที “เจ้าได้รับบาดเจ็บแล้ว” สวีโย่วได้กลิ่นคาวโลหิตหนึ่งกลุ่ม
เงาดำก็คือคนที่สวีโย่วพามาจากล่างเขา เป็นหนึ่งในสมาชิกทหารเงา พลเงาหนึ่ง
พลเงาหนึ่งก้มหน้ามองไหล่ซ้ายของตัวเอง พยักหน้า กล่าวอย่างรวดเร็ว “คุณชาย ผู้น้อยถูกพบแล้ว คาดว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะค้นลานวัด ผู้น้อยพบว่าใต้ดินในกุฎิหลวงจีนเต้ากวงคล้ายมีอุโมงค์ใต้ดิน ผู้น้อยอยากลงไปตรวจดู ไม่คิดว่าหลวงจีนเต้ากวงจะรู้ตัว ถูกเขาทำร้าย โชคดีที่ผู้น้อยหนีไว มิเช่นนั้นคงจะถูกตัดศีรษะอยู่ในนั้นเป็นแน่”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างนอก อีกทั้งยังมีเสียงตบประตูดังขึ้นมา
“แย่แล้ว พวกเขาไล่มาแล้ว คุณชายท่านรักษาตัว ผู้น้อยจะหนีไปเดี๋ยวนี้ ไม่อาจเป็นภาระท่านได้” พลเงาหนึ่งพูดพลางกำลังจะออกไปทางหน้าต่างด้านหลัง
ทว่าสวีโย่วกลับห้ามเขาไว้ “ไม่ทันแล้ว เร็ว หลบไปในห้องลับล่างเตียง” ในเมื่อพวกเขาตามมาถึงที่นี่ได้ เช่นนั้นข้างนอกก็จะต้องวางกับดักไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ขอเพียงแค่พลเงาหนึ่งออกไป เช่นนั้นก็จะติดกับดักเอง
หลังจากพลเงาหนึ่งซ่อนตัวเสร็จแล้ว เจียงเฮยก็โยนถ้วยยาลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาภายในห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นยาจีน เจียงไป๋ก็ขานรับเสียงดังออกไปเปิดประตู “มาแล้วๆ”
เจียงไป๋เปิดประตูเรือนออก ชั่วขณะก็ตกใจกลัว ข้างนอกมีหลวงจีนชูคบไฟจำนวนมากยืนอยู่ คนที่อยู่ข้างหน้าสุดเจียงไป๋เองก็รู้จัก คือหลวงจีนเต้าเสวียนศิษย์พี่ของหลวงจีนเต้ากวง เจียงไป๋ไม่ชอบหลวงจีนเต้าเสวียนแม้แต่นิดเดียว เขามักจะมองคุณชายของพวกเขาด้วยสายตาที่มีลับลมคมนัย ทำให้เขาไม่สบายใจยิ่งนัก
“พระอาจารย์เต้าเสวียนนี่เอง เกิดอะไรขึ้นหรือ” เจียงไป๋ทำท่าทางอกสันขวัญแขวน
หลวงจีนเต้าเสวียนมองเจียงไป๋ปราหนึ่ง “ในวัดมีขโมย ทำร้ายศิษย์น้องเต้ากวง ขอโมยของล้ำค่าชิ้นหนึ่งในวัดไป อาตมาไล่ตามมาแถวนี้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา โยมเห็นบ้างหรือไม่”
“ไม่มีนี่ ไม่ปิดบังพระอาจารย์ คืนนี้คุณชายพวกเราป่วยอีกแล้ว ไอไม่หยุด ยาก็กินไม่ลง ผู้น้อยกลุ้มใจใกล้จะตายอยู่แล้ว กำลังจะไปเชิญพระอาจารย์เต้ากวงมาดูเสียหน่อย ไม่ได้สังเกตสถานการณ์ข้างนอกจริงๆ” เจียงไป๋กล่าวอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด บนใบหน้ามีความเป็นห่วงหลายส่วนพอดิบพอดี “พระอาจารย์ พระอาจารย์เต้ากวงบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ ท่านคิดว่ายังมาตรวจดูอาการคุณชายพวกเราได้หรือไม่”
หลวงจีนเต้าเสวียนจ้องมองเจียงไป๋ปราดหนึ่ง เห็นสีหน้าบนใบหน้าเขาไม่เหมือนโกหก ก็ส่ายหน้ากล่าว “ศิษย์น้องบาดเจ็บหนักเล็กน้อย เกรงว่าจะมาดูอาการคุณชายของเจ้าไม่ได้ ขออภัยจริงๆ!”
หน้าเจียงไป๋ก็เหยเกขึ้นมา กระทืบเท้าสาปแช่ง “หัวขโมยสมควรตายผู้นี้ หากข้าจับเขาได้จะสับเขาเป็นหมื่นชิ้นเลยคอยดู น่าสงสารคุณชายของเรายิ่งนัก!”
ดวงตาของหลวงจีนเต้าเสวียนกะพริบวาบ กล่าว “แม้ว่าศิษย์น้องจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่อาตมาก็พอจะชำนาญการแพทย์อยู่บ้าง กลับสามารถจับชีพจรคุณชายของเจ้าให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาตมาเองก็เป็นห่วงว่าขโมยผู้นั้นจะกระโดดเข้ามาในเรือนของพวกเจ้า หากทำร้ายคุณชายพวกเจ้าก็คงจะไม่ดี หมิงเจวี๋ย เจ้าพาคนเข้าไปค้นให้ทั่ว”
เจียงไป๋ดีใจเหนือความคาดหมายทันที “พระอาจารย์พูดถูก เร็ว รีบเข้ามาหา ทุกซอกทุกมุมต้องหาให้ละเอียดสักหน่อย อย่าได้ซ่อนอยู่ในเรือนของพวกเราจริงๆ เลย กลับไปทำร้ายคุณชายของพวกเราอีกจะไม่ดี พระอาจารย์ เชิญ รีบไปดูคุณชายของเรา เขาไอจนปอดจะทะลุแล้ว” เขาเปิดประตูออกให้กว้างกว่าเดิมเล็กน้อย เชิญหลวงจีนเต้าเสวียนเข้ามาอย่างกระตือรือร้น
หลวงจีนเต้าเสวียนเหลือบมองเจียงไป๋ปราดหนึ่ง จากนั้นจึงนำเข้าไปข้างใน อยู่ห่างไกลแต่ยังได้ยินเสียงไอที่แหบแห้งหมดแรงดังออกมาจากข้างในห้อง ชั่วขณะเจียงไป๋ก็เร่งฝีเท้าหลายก้าว “คุณชาย คุณชาย ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ในวัดมีขโมย ขโมยของไปแล้ว ซ้ำยังทำร้ายพระอาจารย์เต้ากวงอีก พระอาจารย์เต้าเสวียนเองก็ชำนาญการแพทย์ ผู้น้อยเชิญเขามาดูอาการท่าน” พูดไปพลางเปิดประตูไปพลาง
หลวงจีนเต้ากวงเข้ามาในห้องแล้ว กลิ่นยาจีนที่เข้มข้นหนึ่งกลุ่มก็ปะทะเข้ามาทันที เขากวาดสายตามองถ้วยยาที่แตกละเอียดบนพื้นปราดหนึ่ง บนใบหน้ามีความเข้าใจแวบผ่าน ส่วนเจียเฮยก็กำลังโน้มน้าวให้ทานยาอีกหนึ่งถ้วย “คุณชาย ท่านดื่มหน่อยเถิด ดื่มยาแล้วอาการของท่านจะได้ดีขึ้น”
สวีโย่วยังคงไอ เสียงบีบเค้น “ไม่…ไม่ดื่มแล้ว ไร้…ไร้ประโยชน์” เขาเบือนหน้าหนีอย่างรังเกียจ มือปิดปาก ไอประหนึ่งจิ้งหรีดเฒ่าตัวหนึ่งในปลายฤดูใบไม้ร่วง “พระ…พระอาจารย์ นั่ง…นั่งก่อน”
“แค่ก!” เสียงไอของสวีโย่วดังลั่นพักหนึ่ง เจียงเฮยส่งผ้าเช็ดหน้าเข้ามาทันที สวีโย่วรับผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากไว้ ไออยู่หลายคราจึงเอาผ้าเช็ดหน้าออก ร่างทั้งร่างราวกับใช้เรี่ยวแรงจนหมดพิงหัวเตียงหายใจหอบถี่กระชั้น
“เอ๋ คุณชาย ท่านไอเป็นเลือดอีกแล้วหรือ พระอาจารย์ ท่านช่วยดูคุณชายของพวกเราหน่อยเถิด” เจียงไป๋รับผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดที่เปื้อนเต็มไปด้วยรอยเลือดเข้ามาแล้วโยนทิ้งลงในถังทองแดงข้างเท้า ตรงนั้นคล้ายยังมีผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนรอยเลือดอีกสองก้อน
ในดวงตาหลวงจีนเต้าเสวียนมีความเข้าใจแวบผ่าน เขาก็ว่าเหตุใดในห้อถึงมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ “อาตมาขอจับชีพจรโยมหน่อย” เขาก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
“ลำบากพระอาจารย์แล้ว” สวีโย่วยื่นแขนออกไป ส่วนเจียงเฮยกับเจียงไป๋ก็จ้องมองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
หลวงจีนเต้าเสวียนจับชีพจรแล้ว หยิบผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนโลหิตขึ้นมาดู หลังจากนั้นจึงกล่าว “โยมถูกลมบนเขาจึงทำให้เป็นไข้ ร่างกายของโยมอ่อนแอกว่าคนปกติ ลมบนเขาลูกนี้แรงเกินไป โยมออกไปเดินเล่นให้น้อยหน่อยจะดีกว่า แม้จะออกไปก็ต้องใส่เสื้อเพิ่มหลายๆ ชั้น”
“ขอบคุณพระอาจารย์ที่เตือน ผู้น้อยจะจำไว้” สวีโย่วรีบกล่าวขอบคุณ
“พระอาจารย์ คุณชายของเรายังไอเป็นเลือดเยอะเพียงนั้น” เจียงเฮยเอ่ยปากถาม
หลวงจีนเต้าเสวียนลูบหนวดกล่าว “นี่กลับไม่เป็นไร ลมบนเขาทำให้เลือดลมไหลย้อนกลับ ตอนนี้ไอปนเลือดออกมาก็ไม่เป็นไร”
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี ขอบคุณฟ้าขอบคุณดินขอบคุณพระพุทธเจ้าที่คุ้มครองจริงๆ” เจียงไป๋พนมมือ ถอนหายใจเฮือกใหญ่หนึ่งครา “คุณชาย ผู้น้อยบอกแล้วว่าให้ท่านสวมเสื้อคลุมออกไป ท่านก็ไม่ฟัง ดูสิว่าทรมานยิ่งนัก เฮ้อ! พระอาจารย์เต้าเสวียน ขอบคุณท่านจริงๆ!”
ในตอนนี้เอง หมิงเจวี๋ยก็เดินเข้ามา “อาจารย์อา ดูทั่วแล้ว ไม่พบเงาขโมย น่าจะวิ่งหนีไปที่อื่นแล้ว”
ดวงตาหลวงจีนเต้าเสวียนกะพริบวาบ กล่าว “เช่นนั้นพวกเราก็รีบไปหาที่อื่นต่อ ไม่รบกวนโยมแล้ว” เหตุใดเขาถึงหนีไปได้ง่ายเพียงนั้น อันที่จริงภายในห้องสวีโย่วกวาดตามองปราดเดียวก็เห็นทุกอย่าง ไม่มีที่ซ่อนคนได้อย่างสิ้นเชิง แต่เขากลับไม่รู้ ตั้งแต่วันนั้นที่สวีโย่วเข้ามาพัก เตียงหลังนั้นก็ถูกสร้างใหม่ ใต้ไม้กระดานเตียงก็คือชั้นลับที่สามารถซ่อนคนได้หนึ่งคนพอดี
หลวงจีนเต้าเสวียนพาคนไปแล้ว เจียงไป๋ยืนอยู่บริเวณประตูเรือนมองพวกเขาถือคบไฟออกไปไกลช้าๆ จึงจะปิดประตูเรือนกลับมาที่ห้อง
“คุณชาย พวกเขาไปแล้ว” เจียงไป๋พูดพลางกำลังจะไปเปิดแผ่นไม้กระดานเตียงออก ถูกเจียงเฮยจับไว้ “เจ้ารีบไปไย รออีกหน่อย ไปต้มยาให้คุณชาย”
ฝีเท้าเจียงไป๋หยุดชะงัก สบสายตากับพี่ชายเขาเล็กน้อย หันหลังกลับไปหยิบยาในตู้ เพิ่งจะเดินไปถึงระเบียงทางเดินก็ได้ยินเสียงตบประตู “มาแล้วๆ” เขาไม่แม้แต่จะวางถุงยาก็วิ่งออกไปเปิดประตูแล้ว
“พระอาจาร์ ท่านยังมีเรื่องอันใด” คนที่จู่ๆ ก็ยืนอยู่นอกประตูก็คือหลวงจีนเต้าเสวียนที่กลับมาอีกครั้ง “ในใจเจียงไป๋กล่าวในใจว่าเกือบไปแล้ว
จากนั้นก็ได้ยินหลวงจีนเต้าเสวียนกล่าว “อาตมานึกได้ว่าใช้เข็มเงินจะบรรเทาความเจ็บปวดของคุณชายพวกเจ้าได้ จึงกลับไปเอาเข็มเงินมา”
เจียงไป๋ดีใจใหญ่ รีบเชิญหลวงจีนเต้าเสวียนเข้ามา “พระอาจารย์ ขอบคุณท่านอย่างยิ่งจริงๆ ท่านก็คือพระพุทธเจ้าที่ช่วยให้พ้นทุกข์ผู้นั้น!”
หลวงจีนเข้ามาในห้องแล้ว สายตาเฉียบแหลมกวาดมองปราดหนึ่ง จากนั้นก็พบว่าเศษถ้วยยาบนพื้นถูกเก็บกวาดแล้ว ภายในห้องยังคงเป็นเช่นเมื่อครู่ ไม่เปลี่ยนไปแม้แต้นิดเดียว คราวนี้จึงวางใจลงในที่สุด
สวีโย่วถูกเจียงเฮยพยุงนอนบนเตียง หลวงจีนเต้าเสวียนใช้เข็มเงินแทงจุดบนศีรษะและหลังของเขา ยังคงหยุดการไอของเขาได้จริงๆ นายบ่าวสามคนย่อมกล่าวขอบคุณไม่ขาดสาย
คราวนี้หลังจากหลวงจีนเต้าเสวียนจากไปแล้วเจียงเฮยเจียงไป๋จึงพยุงพลเงาหนึ่งที่อยู่ในช่องลับออกมา เขาหมดสติไปเล็กน้อยแล้ว เจียงไป๋ถือไฟ เจียงเฮยดูบาดแผลให้เขา
บาดแผลอยู่บนไหล่ซ้าย คล้ายถูกอาวุธประเภทกริชทำร้าย ที่ร้ายแรงก็คือบริเวณบาดแผลเป็นสีดำ มองดูก็รู้ว่าถูกพิษ แต่ในมือพวกเขากลับมียา เพราะว่าอาการป่วยของสวีโย่ว ปกติแล้วเจียงเฮยเจียงไป๋สองคนจึงสับเปลี่ยนกันลงเขาไปหายา ถือโอกาสทำยารักษาบาดแผลภายนอกและยาลูกกลอนถอนพิษไว้จำนวนหนึ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าที่พลเงาหนึ่งถูกคือพิษอะไร นี่กลับเป็นปัญหาเล็กน้อย
“คุณชาย ทำอย่างไรดี” เจียงเฮยเจียงไป๋เห็นพลเงาหนึ่งกึ่งสลบไสลก็ร้อนใจอย่างยิ่ง
หากหมอเทวดาหลี่อยู่ก็คงจะดี แต่สวี่โย่วเป็นคนที่ป่วยมานานแล้ว ด้านการแพทย์ก็พอจะเข้าใจอยู่หลายส่วน จึงกล่าว “ใช้ยาลูกกลอนถอนพิษก่อน ถอนได้เท่าไรก็เท่านั้น เจียงไป๋เจ้าไปต้มยามาอีก ใช้ยาชนิดนั้นที่ข้าดื่มเป็นประจำ” อย่างไรเสียข้างในก็มีส่วนขับความร้อนถอนพิษระงับอาการอยู่ น่าจะช่วยได้บ้าง
อันที่จริงสิ่งที่ควรทำในทันทีคือส่งพลเงาหนึ่งลงเขาไปรักษา แต่ตอนนี้ในวัดจะต้องป้องกันเข้มงวดแน่นอน ส่งออกไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง! จะทำอย่างไรดี
ป้อนยาให้พลเงาหนึ่งแล้ว ทำแผลแล้ว ก็ส่งเขากลับไปในช่องลับอีกครั้ง
นายบ่าวทั้งสามภายในห้องต่างก็นิ่งเงียบไม่พูดจา นอกจากเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของพลเงาหนึ่งแล้ว สวีโย่วก็กำลังไตร่ตรองถึงข่าวที่ได้มา ในกุฏิของหลวงจีนเต้ากวงมีอุโมงค์ใต้ดิน จะไปโผล่ที่ไหน มีแค่กุฏิเต้ากวงที่มีอุโมงค์ใต้ดินหรือ ที่อื่นยังมีอีกหรือไม่ มีเยอะเพียงใด ใช่เชื่อมกับเขาด้านหลังหรือไม่
หากจะทำลายกองกำลังหลายพันนายนั้นที่เขาด้านหลัง ยังต้องตั้งเป้าหมายจากวัดจยาหลาน! ล่อศัตรู ใช่ ล่อศัตรู! เขาด้านหลังใหญ่เกินไป ป่าเขาลึกเกินไป ในเมื่อหาไม่เจอเช่นนั้นก็ไม่ต้องหาเสียเลย ต้องคิดหาวิธีล่อพวกเขาเข้ามา
จะล่ออย่างไรเล่า นิ้วมือของสวีโย่ววาดไปมาบนเสื้อเบาๆ หากควบคุมหลวงจีนในวัดจยาหลานได้ พวกเขาจะมาช่วยหรือไม่ แต่จะควบคุมวัดจยาหลานอย่างเงียบๆ ได้อย่างไร
ตอนนี้สวีโย่วคิดถึงเสิ่นเวยอย่างถึงที่สุด เด็กคนนั้นมีความคิดชั่วร้ายเยอะที่สุดแล้ว แต่เขากลับไม่รู้ว่าเสิ่นเวยได้ไปกระโดดโลดเต้นที่บ้านเขารอบหนึ่งแล้ว
ตอนที่ 211-1 สนามรบของสวีโย่ว
เห็นศิษย์พี่ที่ผลักประตูเข้ามา หลวงจีนเต้ากวงที่ขัดสมาธินั่งสมาธิอยู่บนเบาะกลมก็ลืมตาขึ้น “คราวนี้วางใจแล้วหรือ” ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดศิษย์พี่ถึงได้จ้องมองคนขี้โรคผู้นั้นไม่วางตา สืบค้นรอบหนึ่งแล้วก็ยังไม่วางใจ ไปจู่โจมโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวต่อ แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลยมิใช่หรือ
เขาบอกแล้วว่านั่นคือคุณชายธรรมดา แต่ศิษย์พี่ก็ราวกับถูกผีสิง ข้อเท็จจริงได้รับการพิสูจน์แล้ว เป็นศิษย์พี่ที่หวาดระแวงเกินไปเอง
“ศิษย์น้อง ระวังหน่อยก็ไม่เสียหาย” หลวงจีนเต้าเสวียนนั่งลงตรงข้ามเขา ถามด้วยความเป็นห่วง “อาการบาดเจ็บเจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่” สายตาของเขาตกลงบนแขนขวาที่โค้งงอของหลวงจีนเต้ากวง ในดวงตามีความกังวลกะพริบผ่าน
“ไม่เป็นไร เพียงแค่บาดเจ็บภายนอก” หลวงจีนเต้ากวงเองก็มองแขนขวาของตน คิดครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “เขาน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่าข้า บนกริชข้าชุบยาพิษ ดังนั้นเขาจะต้องหนีไปได้ไม่ไกล ก่อนฟ้าสางจะต้องหาคนเจอ”
หากเป็นเพียงขโมยทั่วไปก็ดี แต่หากเป็นสายลับของราชสำนักก็เป็นปัญหาแล้ว อีกทั้งดูจากฝีมือของคนผู้นั้น เขาโน้มเอียงไปทางอย่างหลัง
หลวงจีนเต้าเสวียนพยักหน้าช้าๆ “หมิงเจวี๋ยนำคนไปหาต่ออยู่ ศิษย์น้อง ในใจข้ามักมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง มักจะรู้สึกใจเต้นไม่เป็นสุข คล้ายมีเรื่องใหญ่บางเรื่องกำลังจะเกิดขึ้น”
เต้ากวงไม่เห็นด้วยเล็กน้อย “จะมีเรื่องใหญ่อะไรได้ วัดจยาหลานของพวกเราสงบสุขไร้คลื่นลมมายี่สิบปีแล้ว ไม่ปิดบังศิษย์พี่ ตอนนี้ศิษย์น้องเคยชินกับชีวิตแบบนี้แล้ว คืนวันฆ่าๆ ฟันๆ เหล่านั้น เฮ้อ เมื่อไตร่ตรองดูให้ดี เป็นหลวงจีนละทางโลกอยู่บนเขาลูกนี้ก็ไม่ได้มีอะไรไม่ดี”
“ศิษย์น้องคิดเช่นนี้ได้อย่างไร” ดวงตาหลวงจีนเต้าเสวียนมีความประหลาดใจแวบผ่าน “หรือว่าเจ้าลืมนายท่านไปแล้ว ชีวิตของพวกเราได้นายท่านช่วยไว้ ตอนนั้นก็สาบานว่าจะซื่อสัตย์ภักดีต่อนายท่าน”
“แต่นายท่านอยู่ไหนเล่า ศิษย์พี่ เจ้านับดูสิว่าพวกเราไม่เห็นนายท่านมากี่ปีแล้ว ตอนนั้นพวกเราได้รับคำสั่งมาวัดจยาหลาน ครั้งสุดท้ายที่ได้รับคำสั่งลับของนายท่านก็เมื่อเจ็ดปีก่อนที่มีคนหนึ่งกลุ่มนั้นเพิ่มเข้ามาที่ภูเขาด้านหลัง ต่อมาก็ไม่เคยเห็นนายท่านพูดอีกแม้แต่คำเดียว การเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้นที่ภูเขาด้านหลังก็ไม่อนุญาตให้พวกเราถามไถ่ แต่ค่าเลี้ยงดูกลับเป็นพวกเราที่ออก อีกทั้งยังเรียกใช้พวกเราตามอำเภอใจ ศิษย์พี่ยอมได้หรือ แท้จริงแล้วนายท่านมีเจตนาอย่างไรกันแน่” หลวงจีนเต้ากวงกล่าวกับศิษย์พี่
หลายปีมานี้เขาชินกับฐานะพระอาจารย์ที่ได้รับการเคารพจากคนแล้ว หากไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้นบนเขาด้านหลังมักจะมาเตือนสติอยู่บ่อยครั้ง เขาก็คงลืมนายท่านอะไรนั่น คำสั่งลับอะไรนั่น แผนการยิ่งใหญ่อะไรนั่นไปนานแล้ว เขาไม่โง่ ใต้หล้านี้สงบสุขนานแล้ว จักรพรรดิยงเซวียนก็ครองบัลลังก์มั่นคงนานแล้ว อาศัยคนสามพันห้าพันคนนั้นบนเขาด้านหลังก็คิดจะโค่นล้มดินแดนต้ายงได้หรือ อย่าได้ฝันกลางวันเลย แม้ว่าในมือนายท่านจะยังมีกำลังพล แต่ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี ก่อกบฏไหนเลยจะเป็นเรื่องที่ง่ายเพียงนั้น
“ศิษย์น้องเจ้า! เจ้าคงจะไม่เป็นคนตระบัดสัตย์คืนคำหลงลืมบุญคุณเช่นนั้นใช่หรือไม่” ดวงตาของหลวงจีนเต้าเสวียนเบิกกว้างในชั่วพริบตา เห็นศิษย์น้องมองเขาอย่างสงบนิ่งไร้กังวล ก็หลับตาด้วยความห่อเ**่ยวอย่างอดไม่ได้ ครู่ใหญ่จึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง “ศิษย์น้อง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากรับแรงแค้นของคนกลุ่มนั้นที่เขาด้านหลัง แต่พวกเราก็ทำเพื่อนายท่านทั้งนั้นมิใช่หรือ เจ้าจะสนใจคำพูดของพวกเขาทำไม พวกเราทำเรื่องภายในของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว นี่ก็ยี่สิบปีแล้ว นายท่าน นายท่านน่าจะปรากฏตัวเร็วๆ นี้แล้ว…” ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งไม่มั่นใจ แม้แต่ตัวเองเขาก็เกลี้ยกล่อมไม่ได้ แล้วจะเกลี้ยกล่อมศิษย์น้องได้อย่างไร ส่วนลึกภายในใจเขาก็กำลังคาดเดาว่านายท่านเดินทางไกล เจอเหตุไม่คาดคิดอะไรหรือไม่ อย่างไรเสียอายุของนายท่านก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว!
“อย่างไรเสีย อย่างไรเสียข้าก็ไม่ทรยศนายท่าน” ท้ายที่สุดหลวงจีนเต้าเสวียนก็ทิ้งท้ายไว้เช่นนี้ หลวงจีนเต้ากวงถอนหายใจในใจ สวดอมิตาพุทธในใจ จากนั้นจึงหลุบตาเล็กน้อยนั่งสมาธิต่อ
ช่างเถอะ ฟังคำบัญชาจากสวรรค์เอาแล้วกัน!
ไพ่ลับที่ใหญ่ที่สุดในมือสวีโย่วไม่ใช่ทหารเงา แต่เป็นทหารคุ้มมังกร ในมือของเขากุมทหารคุ้มมังกรห้าร้อยนายหนึ่งกลุ่ม ความลับนี้แม้แต่จักรพรรดิยงเซวียนก็ยังไม่ทราบ
เห็นชื่อก็พอจะรู้ความหมาย ทหารคุ้มมังกรเป็นทหารลับที่คุ้มกันจักรพรรดิ เป็นทหารที่จักรพรรดิผู้สถานปนาแคว้นต้ายงสร้างขึ้นเองกับมือ เพียงแต่หลังจากจักรพรรดิองค์ก่อน จักรพรรดิยงเซวียนก็ไม่รู้ว่าทหารคุ้มมังกรกลุ่มนี้ตกอยู่ในมือใคร เขาสืบเสาะค้นหาอยู่หลายปีก็ไม่ได้อะไรเลย ทหารคุ้มมังกรกลุ่มนี้ราวกับสาบสูญไป ไม่ทิ้งเบาะแสไว้แม้แต่นิดเดียว เขาจึงเดาว่าก่อนพ่อเขาจากไปได้กระจัดกระจายทหารคุ้มมังกรกลุ่มนี้หรือไม่ มิเช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ควรส่งต่อให้เขา เขาหารู้ไม่ว่าทหารคุ้มมังกรถูกพ่อเขามอบเป็นของขวัญให้สวีโย่วหลานชายคนนี้อยู่นานแล้ว
ทหารเงาเก่งกาจอย่างยิ่งแล้ว ทหารคุ้มมังกรก็ยิ่งเป็นราชันในกลุ่มทหารลับ ครั้งนี้สวีโย่วเคลื่อนพลทหารคุ้มมังกรออกมาทั้งหมด แฝงตัวเข้ามาในวัดจยาหลานเงียบๆ กลางดึก รีบรบรีบจบ เขาไม่อยากให้ยืดเยื้ออีกต่อไปแล้ว ออกมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว หากเขายังไม่กลับไปอีก คาดว่าน้องสี่แซ่เสิ่นคงจะลืมหน้าตาเขาไปแล้ว ไม่ได้ เขาต้องรีบกลับไปแต่งงานกับน้องสี่แซ่เสิ่น
ทหารคุ้มมังกรออกมา ใต้หล้าใครจะสู้ชนะ! ครึ่งชั่วยาม เพียงแค่ครึ่งชั่วยาม ทหารคุ้มมังกรก็ควบคุมวัดจยาหลานทั้งหลังไว้ได้ และอีกครึ่งชั่วยาม อุโมงค์ใต้ดินล่างวัดจยาหลานก็ถูกทำลายจนหมด
นักบวชวัดจยาหลาน นอกจากคนที่ฆ่าตายอย่างไม่ได้ตั้งใจแล้ว ทั้งหมดก็ถูกมัดมือมัดเท้าโยนเข้ามาในวิหารใหญ่ อ้อ เต้ากวงเต้าเสวียนและผู้ที่อาวุโสอีกสิบกว่าคนไม่ได้ถูกมัดมือเท้า เพียงแต่พวกเขาคล้ายถูกพิษสลายกล้ามเนื้อ มือเท้าอ่อนแรง สามารถฝืนลุกขึ้นยืนได้ แต่กลับใช้ยุทธ์ไม่ได้ ส่วนเจ้าอาวาสที่ถูกใช้เป็นสิ่งนำโชคสร้างขึ้นมาคุ้มกัน เพราะว่าถูกใช้ยาควบคุมมาเป็นระยะเวลานาน ร่างกายอ่อนแอลงจากเตียงไม่ได้อยู่นานแล้ว ย่อมไม่อาจปรากฏตัวอยู่ในวิหารใหญ่ได้
หลวงจีนเต้ากวงมองสวีโย่วที่เดินเข้ามาช้าๆ ในใจรู้สึกสับสนมากเป็นพิเศษ ส่วนหลวงจีนเต้าเสวียนก็อยากจะโผเข้าไปฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ ด้วยความโกรธแค้น แม้หมิงเจวี๋ยและคนอื่นๆ จะไม่เปิดปากก่นด่า แต่กลับใช้สายตาที่เคียดแค้นมองเขาอยู่
“พระอาจารย์เต้าเสวียน เต้ากวง ผู้น้อยเสียมารยาทแล้ว” สวีโย่วยืนนิ่งอยู่ตรงกลางวิหารใหญ่ เจียงเฮยเจียงไป๋ยืนขนาบข้างหลังเขา ฝีเท้าเขาแข็งแรง เรือนร่างสูงตระหง่านดั่งต้นสน ไหนเลยจะยังมีท่าทางอ่อนแอเดินหนึ่งก้าวหอบสามครั้งอย่างเช่นก่อนหน้านี้อยู่อีก ภายใต้แสงสะท้อนของคบไฟ ดวงหน้าที่งามดั่งหยกของเขาก็ยิ่งชัดเจน ดวงตาที่ดำเงาราวกับบ่อน้ำที่สงบนิ่งไร้คลื่นนั้น นี่ไหนเลยจะเป็นคนขี้โรค เห็นชัดๆ ว่าเป็นคุณชายสูงส่งที่มีรูปร่างหน้าตางดงามผู้หนึ่ง
“เป็นเจ้าดังคาด! ข้าบอกแล้วว่าคนชั่วผู้นี้ซ่อนแผนการร้ายเอาไว้ ศิษย์น้องก็ยังไม่เชื่อ ไอเด็กชั่วคนนั้น รีบบอกชื่อมา ในเมื่อตกอยู่ในมือเจ้าแล้ว ก็ให้ข้าได้ตายไปเป็นผีที่ไร้ข้อแคลงใจ” หลวงจีนเต้าเสวียนมองสวีโย่วอย่างเคืองแค้น กัดฟันกรอดร้องตะโกน
สวีโย่วเลิกคิ้วเล็กน้อย กล่าวหนึ่งประโยค “ผู้น้อยแซ่สวี”
“เจ้าเป็นคนของราชสำนัก” หลวงจีนเต้ากวงใจเต้น เขากลับไม่ได้โมโหอย่างหลวงจีนเต้าเสวียน กลับกัน ส่วนลึกภายในใจเขากลับมีความรู้สึกหลุดพ้นบางอย่าง คล้ายหลายปีมานี้เขาเฝ้ารอผลลัพธ์นี้มาโดยตลอด “อาตมาอยากรู้ว่าอาการป่วยของโยมปลอมแปลงได้อย่างไร” เรื่องที่เขาสนใจยิ่งกว่าคือเรื่องนี้ ก่อนที่เขาจะเข้ามาในวัดจยาหลานก็เป็นหมอ ยี่สิบปีนี้ก็ตั้งใจศึกษาตำราแพทย์ ถ้าถามตัวเองแล้วก็ไม่ด้อยไปกว่าหมอหลวงในวัง แต่เขากลับมองไม่ออกแม้แต่นิดเดียวว่าอาการป่วยของสวีโย่วเป็นการเสแสร้ง นี่ทำให้เขาไม่เข้าใจยิ่งนัก
มุมปากสวีโย่วยกขึ้น ไม่ปิดบังเขา “พระอาจารย์ตรวจไม่ผิด ร่างกายผู้น้อยเดิมก็มีโรคอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้หนักเพียงนั้นก็เท่านั้นเอง ข้างกายผู้น้อยก็มีหมอชื่อดัง”
“ที่แท้แล้วก็เป็นเช่นนี้ อมิตาพุทธ ขอบคุณโยมยิ่งนักที่ไขข้อสงสัยให้อาตมา” หลวงจีนเต้ากวงคลายความสงสัยในใจแล้วก็ไม่เอ่ยปากอีก
ทว่าสวีโย่วกลับมองเขาแล้วกล่าว “ในเมื่อพระอาจารย์เต้ากวงเดาได้ว่าผู้น้อยเป็นคนในราชสำนัก เช่นนั้นก็ย่อมรู้เช่นกันว่าผู้น้อยมาทำไม ถูกต้อง ผู้น้อยมาเพราะกำลังพลกลุ่มนั้นที่เขาด้านหลัง พระอาจารย์เป็นนักพรต มีจิตเมตตากรุณา คงไม่อยากเห็นประชาชนตกทุกข์ได้ยากหรอกกระมัง” สวีโย่วกล่าวโน้มน้าว
“ถุย เจ้าพูดจาไพเราะน่าเลื่อมใสให้น้อยหน่อย จะฆ่าจะฟันก็รีบทำ เยิ่นเย้อทำไม” ดวงตาทั้งคู่ของหลวงจีนเต้าเสวียนมีไฟโกรธ หากไม่ใช่ศิษย์น้องดึงเขาไว้ เขาก็คงจะโผเข้าไปนานแล้ว “ศิษย์น้องอย่าถูกคำพูดไพเราะของเขาหลอก ในราชสำนักจะมีคนดีได้อย่างไร ก่อนหน้านี้เขายังหลอกเราเลย เจ้าอย่าได้ฟังเขา เหอะ เก่งนักก็หาทางไปจับเขาที่เขาด้านหลังเองสิ”
ประโยคสุดท้ายพูดกับสวีโย่ว บนใบหน้าเขามีความพอใจ ป่าเขากว้างเพียงนั้น นอกจากกองทัพแสนนายจะค้นเขาแล้ว ก็อย่าได้คิดจะจับกำลังพลกลุ่มนั้นที่เขาด้านหลังได้ง่ายๆ
สวีโย่วไม่สนใจเขา โน้มน้าวพระอาจารย์เต้ากวงต่อ “พระอาจารย์เป็นคนฉลาด ย่อมเข้าใจว่ากำลังพลที่เขาด้านหลังผู้น้อยจำเป็นต้องจับมาให้ได้ มีความช่วยเหลือจากพระอาจารย์หรือไม่ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมนัก เพียงแค่เสียเวลาก็เท่านั้นเอง ดังนั้นผู้น้อยจะให้โอกาสพระอาจารย์ เพียงเพราะระลึกถึงจิตใจเมตตาของพระอาจารย์ก่อนหน้านี้ก็เท่านั้น ผู้น้อยสามารถให้คำมั่นสัญญาได้ว่า ขอเพียงแค่พระอาจารย์ยอมช่วยผู้น้อยอีกแรง เช่นนั้นผู้น้อยก็จะไม่แตะต้องนักบวชในวัดจยาหลาน พระอาจารย์ยังคงเป็นพระอาจารย์เต้ากวงที่มีคุณธรรมสูงส่งอยู่”
นักบวชในวัดจยาหลานส่วนใหญ่ต่างก็ไม่รู้เรื่องราว แม้ทุกวันจะฝึกยุทธ์ แต่ก็เป็นนักบวชธรรมดาทั่วไปจริงๆ สวีโย่วเองก็ไม่คิดจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อเสนอนี้ของสวีโย่วทำให้หลวงจีนเต้ากวงสนใจอย่างมาก เขารู้ดีว่าที่สวีโย่วพูดคือความจริง กำลังพลสามพันห้าพันนายเผชิญหน้ากับกองทัพใหญ่ราชสำนักก็เป็นไม้ซีกที่งัดไม้ซุงอย่างไม่ต้องสงสัย ถูกเก็บกวาดจนเรียบได้ทุกเมื่อ เพียงแค่จะช้าจะเร็วก็เท่านั้นเอง เขาเองก็เบื่อหน่ายแล้วจริงๆ คิดจะหลบอยู่ในดินแดนห่างไกลแห่งนี้ใช้ชีวิตสงบสุขสักหน่อย ชนรุ่นหลังวัยหนุ่มผู้นี้กลับเป็นคนที่มีสายตาเฉียบแหลมมองทะลุจิตใจคน! เพียงแค่นี้เขาก็ไม่กอดความหวังใดๆ กับแผนการการยิ่งใหญ่ที่ว่าของนายท่านอีกแล้ว
ไม่เพียงแต่หลวงจีนเต้ากวงที่สนใจ ผู้อาวุโสรุ่นหมิงก็มีหลายคนที่สนใจเช่นกัน พวกเขาต่างก็เป็นศิษย์ที่เต้ากวงและเต้าเสวียนเลี้ยงดู ไม่เคยเห็นนายท่านอะไรนั่นอย่างสิ้นเชิง ย่อมไม่ต้องพูดถึงความจงรักภักดี อีกทั้งวัดจยาหลานก็เจริญ ชีวิตของพวกเขาผ่านไปอย่างชื่นมื่น มีชีวิตที่ดีแล้วใครจะยอมทำงานที่อันตรายนั่นเล่า ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีคนกลุ่มนั้นบนเขาด้านหลัง พวกเขาก็ยิ่งเป็นอิสระได้มากกว่าเดิม
ดังนั้นนอกจากเต้าเสวียนที่เคียดแค้นจนตาแดงก่ำ ด่าทอไม่จบไม่สิ้น นักบวชคนอื่นๆ ในวิหารใหญ่ต่างก็นิ่งเงียบไม่พูดจา ในใจสวีโย่วก็เข้าใจดี
“โยมสวีพูดจริงหรือ” หลวงจีนเต้ากวงถอนหายใจถามด้วยท่าทีจริงจัง
“แน่นอน” สวีโย่วตอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช้วิธีนองเลือดได้เขาก็พยายามจะไม่ใช้ ก่อนหน้านี้กลับไม่รู้สึก ตอนนี้มีน้องสี่แซ่เสิ่นเด็กคนนั้นแล้ว หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างไม่มีเหตุผล
“อาตมายังมีคำขอที่ไม่เหมาะสมนัก” หลวงจีนเต้ากวงพูดพลางมองศิษย์พี่ที่ถูกยัดเศษผ้าไว้ในปาก “หลังเรื่องสำเร็จ หวังว่าโยมสวีจะไว้ชีวิตศิษย์พี่ของอาตมา”
สวีโย่วมองหลวงจีนเต้าเสวียนที่ถูกจับตัวอยู่ข้างๆ ปราดหนึ่ง เห็นเพียงเขาพยายามดิ้นรน สายตาปรากฏความอาฆาต ในปากส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมา
“ได้ ขอเพียงแค่พระอาจารย์สามารถดูพระอาจารย์เต้าเสวียนให้ดีได้ ผู้น้อยไม่ใช่คนที่ชอบฆ่าใคร” สวีโย่วตอบด้วยความสบายใจอย่างถึงที่สุด ขอเพียงแค่ทำลายกำลังพลกลุ่มนั้นบนเขาด้านหลังให้หมด หลวงจีนเต้าเสวียนเพียงคนเดียวกลับสร้างหายนะอะไรไม่ได้ อีกทั้งวัดจยาหลานเขายังมีแผนการอื่นอยู่
“อมิตาพุทธ ขอบคุณโยมสวียิ่งนัก” หลวงจีนเต้ากวงประสานมือคำนับให้สวีโย่ว ไม่เอ่ยปากอีกแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น