ยอดหญิงสกุลเสิ่น ตอนพิเศษ 2.1-2.2

ตอนพิเศษ 2-1 สวีโย่ว (ปลาย)

 

 


 


หากไม่มีความช่วยเหลือในภายหลัง หญิงสาวที่น่าสนใจเช่นนี้คงกลายเป็นเพียงคนที่เดินผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาเท่านั้น ในความทรงจำของสวีโย่ว นี่คือความโชคดีอย่างหาใดเปรียบมิได้ ถึงขนาดต้องขอบคุณการลอบสังหารในครั้งนั้น


 


 


วันนั้นท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนใกล้จะตกแล้ว เขาถูกล้อมไปด้วยชายชุดดำที่นอกเมือง ตอนนั้นทั้งเจียงเฮยและเจียงไป๋ล้วนไม่อยู่ทั้งคู่เขาเองก็ถูกพิษ สถานการณ์ไม่สู้ดีเท่าไหร่


 


 


ในช่วงที่การสู้รบติดพันมีรถม้าคันหนึ่งเคลื่อนเข้ามา ความเร็วของรถไม่ลดลงเลย ดูท่าทางแล้วคงจะไม่อยากเข้ามายุ่ง


 


 


ชายชุดดำเหล่านี้คงจะอยากฆ่าปิดปาก ถือดาบพุ่งเข้าไปในรถม้าสองนาย รถม้าหยุดลง คนที่ลงมาจากรถนั้นเป็นคนที่เขาคิดไม่ถึงเอาเสียเลย เสิ่นเวย เสิ่นเวยหญิงที่พิเศษไม่เหมือนใครคนนั้น


 


 


สีหน้าของนางกรุ่นโกรธ นำข้ารับใช้คนหนึ่งเข้าฟาดฟันคนชุดดำ


 


 


สวีโย่วตกใจอย่างถึงที่สุด ที่แท้หญิงผู้นี้ไม่เพียงน่าสนใจแต่ยังมีวิทยายุทธติดกาย ฝีมือของนางนั้นพอๆ กับทหารคุ้มมังกรที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขา ที่จวนจงอู่โหวเลี้ยงหญิงสาวเช่นนี้ไว้ด้วยหรือ อีกทั้งยังมีสาวใช้ที่อายุเพียงสิบกว่าปีเท่านั้นที่กำลังเริงระบำด้วยพลองเหล็กอีก ช่างองอาจเสียเหลือเกิน!


 


 


ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะไม่ต้องทำอะไร คนชุดดำที่เมื่อครู่ยังแสดงท่าทีก้าวราวชั่ววินาทีก็ถูกนายบ่าวสองคนจัดการไปมากกว่าครึ่ง เหลือเพียงสองสามคนที่กำลังหมุนกายเตรียมหนี


 


 


สวีโย่วพิงต้นไม่ ได้ยินเสียงหญิงสาวคนนั้นส่งเสียงเยาะเย้ย ตัดผ้าจากเสื้อสีดำที่อยู่บนพื้นมาชิ้นใหญ่แล้วเช็ดใบดาบจนสะอาด เหน็บเอาไว้ที่เอวอีกครั้ง จากนั้นก็ร้องเรียกสาวใช้แล้ววิ่งไปที่รถม้า


 


 


ระหว่างที่ยังไม่ได้สติสัมปชัญญะ สวีโย่วร้องเรียกนาง


 


 


หญิงสาวผู้นั้นมีสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าเป็นใคร รู้จักข้าด้วยหรือ”


 


 


เขามองไปที่ดวงตาสวยงามจนน่าตื่นตะลึงของนาง ไม่รู้ว่าทำไม เขาไม่เคยชอบใจเวลาคนอื่นหลงใหลรูปลักษณ์หน้าตาของเขา ทว่าในใจตอนนี้กลับลอบดีใจ “สวีโย่ว ชื่อของข้า” ประโยคนี้หลุดออกจากปาก


 


 


ใบหน้าของหญิงสาวดูมึนงง เห็นได้ชัดเจนว่าไม่รู้ว่าสวีโย่วคือใคร ต้องรอให้เขาบอกอีกครั้งว่าเขาคือคุณชายใหญ่แห่งจวนจิ้นอ๋อง สีหน้าของนางจึงแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจ “อ้อ ญาติผู้พี่ของจวิ้นจู่น้อย”


 


 


ตอนนั้นนางเขินอายจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่อาศัยบารมีญาติผู้น้องเช่นนี้!


 


 


ครั้นเขาเอ่ยเรื่องทดแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตขึ้นมานั้น เขามองเห็นดวงตาของหญิงสาวอย่างชัดเจน จากนั้นกลับโบกมือตัดบท “ช่างเถิด สาวน้อยอย่างข้าช่วยคนไม่หวังผลตอบแทนหรอก”


 


 


เนิ่นนานหลังจากนั้นเขาจึงได้รู้ว่าตอนนั้นเวยเวยของเขาคิดจะเรียกเงินเขา เฮอๆ คิดไม่ถึงใช่มั้ยล่ะ เวยเวยของเขาเหมือนว่านเรียกเงินไม่มีผิด เรื่องที่นางทำได้ไม่เบื่อคือการหาเงิน ที่ชอบที่สุดก็คือการขุดเอาทรัพย์สมบัติของเขาด้วยมือของตัวเอง


 


 


ใช่แล้ว เวยเวยยังบอกอีกว่า สิ่งที่นางชอบที่สุดคือเงินของเขา รองลงมาคือหน้าของเขา เป็นเพราะเขาหน้าตาดี ตอนนั้นเวยเวยเลยไม่ต้องการเงินจากเขาอย่างไรล่ะ


 


 


เมื่อพูดถึงรูปร่างหน้าตาของเขาแล้ว แต่เดิมเขารังเกียจมันอย่างมาก บุรุษมีหน้าตาดีแล้วดีอย่างไร เขายิ่งรังเกียจสายตาโสมมของคนที่มองเขาแต่ภายนอก


 


 


หลังจากที่รู้จักนางแล้ว เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่หน้าตาดี เป็นเพราะเวยเวยของเขามักจะลูบไล้ใบหน้าของเขาอย่างหลงใหล “คุณชายใหญ่ ทำไมถึงหน้าตาดีขนาดนี้ ข้าชอบใบหน้าของท่านที่สุดเลย”


 


 


“ขอเพียงท่านมีหน้าตาแบบนี้ ให้ข้าแต่งงานกับท่านก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร”


 


 


ใช่แล้ว ที่เขาสามารถแต่งงานกับนางได้ เหตุผลหลักๆ ก็ต้องยกผลประโยชน์ให้เขาที่เกิดมาหน้าตาดี เวยเวยของเขาไม่เพียงชอบเงิน แต่ยังรักความสวยงามอีกด้วย


 


 


เมื่อมีบุญคุณที่ช่วยชีวิต และรู้ว่าหญิงสาวอยู่ที่จวนของตัวเองอย่างไม่ค่อยมีความสุขนัก เขาก็ออกคำสั่งกับบ่าวไพร่ให้ใส่ใจให้มากขึ้น คิดว่าคงจะมีโอกาสได้ช่วยเหลือไม่มากก็น้อย และยังเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตอีกด้วย


 


 


จากนั้นก็ได้พบกับเสิ่นเวยที่ร้านขายหยังสืออีกครั้ง หญิงสาวคนนี้กำลังค้นหาหนังสือไปพลางบ่นกับสาวใช้ไปพลาง ตอนนั้นเขายืนอยู่ที่ชั้นสอง พอดีว่าได้ยินในสิ่งที่นางพูดพอดี คำพูดของนางนั้นน่าสนใจนัก


 


 


“ดูเล่นนี้ซี คุณหนูตระกูลขุนนางคนหนึ่งแต่ได้พบกับบัณฑิตจนๆ ที่วัดก็ร่ำร้องจะแต่งงานกับเขา ไม่สนใจพ่อแม่ที่เลี้ยงดูตัวเองมาสิบกว่าปีเลย ทิ้งเงินแล้วหนีไปอยู่กับบัณฑิตคนนั้น สมองมีปัญหาแน่! ท่านพ่อท่านแม่ของนางเลี้ยงมาด้วยเงินทองและสมบัติพัสถาน แต่กลับอุทิศตัวเองให้กับบัณฑิตจนๆ ที่เพิ่งพบหน้า ผู้หญิงอย่างนี้ใครจะเลี้ยงดูเล่า”


 


 


“แล้วตอนหลังบัณฑิตยากจนยังเอาเครื่องประดับนางไปขายเพื่อสอบจนได้ตำแหน่งมีชื่อเสียง ถูกลาภยศลวงตาจนมืดบอด แต่คุณหนูคนนั้นกลับไม่ดุด่ากล่าวโทษ ไม่ถือที่หญิงอื่นจะมานอนกับสามีตัวเอง นางไม่กลัวต้องแปดเปื้อนหรือยังไง แล้วยังถือเอาศัตรูเป็นเหมือนพี่สาวน้องสาวเสียอีก มันใช่เรื่องไหม หา สมองของคุณหนูนี่มันมีแต่หญ้าหรืออย่างไร ยอมให้คนอื่นมานอนข้างเตียงตัวเองได้อย่างไร! หากในโลกนี้มีบัณฑิตยากจนเหลืออยู่คนเดียวนางมิสู้ผูกคอตายใต้ต้นไม้ไม่ดีกว่าหรือ นางควรจะเหยียบชายผู้นั้นเสียให้จมดิน เผาบ้านของเขาให้มอดไหม้ ยึดทรัพย์สินเขามาให้หมดแล้วหาความรักครั้งใหม่เสียยังดีกว่า”


 


 


“แล้วดูนี่ ยังมีหนังสือเล่มนี้ คุณหนูตระกูลร่ำรวยพบกับบัณฑิต สาวใช้ข้างกายคอยเจ้าจี้เจ้าการ ใช้จดหมายเป็นสื่อ ยั่วยุให้คุณหนูของตัวเองอ่อนไหว เอาล่ะ บ้านไหนจะกล้าจ้างสาวใช้ไม่รู้กาลเทศะเช่นนี้ นายหน้าคนใดขายออกมา จะไม่ถูกคนขุดรากถอนโคนหรือไร อีกอย่าง ทุกครั้งที่นัดพบนั้นจะต้องเป็นที่วัด แปดในสิบต้องเป็นเช่นนี้ วัดคนอื่นต้องมาแปดเปื้อน เป็นสถานที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ถึงเพียงนี้แต่กลับกลายเป็นเตียงอุ่นของชายหญิงที่มัวเมาในราคะตั้งแต่เมื่อไร พวกบัณฑิตที่รู้หนังสือหนังหานั้นไม่เห็นมีคนดีสักคน ตัวเองไม่อยากเผชิญหน้ามักหาทางเลี่ยงอยู่เสมอ ใช้ผู้หญิงเป็นบันไดในการปีนป่ายขึ้นไป แม้จะใช้ผู้หญิงในการยกสถานะขึ้นมาก็ควรจะทำตัวดีๆ แต่ดูเขาซี เมื่อประสบความสำเร็จแล้วกลับทำเป็นไม่รู้จัก เป็นจิ้งจอกตาขาวชัดๆ ”


 


 


โอ้โห ความคิดของนางช่างแปลกใหม่ ช่างกล้าหาญนัก! สวีโย่วไม่รู้เลยว่าดวงตาของตนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม


 


 


นางสั่งสอนสาวใช้ของตัวเองเช่นนี้ “เหอฮวา เจ้าจำไว้นะ ต่อไปเมื่อแต่งงานออกไปแล้วอย่าใช้ชีวิตเหมือนยายแก่ๆ ล่ะ หากเจ้ากล้าทำตัวน่าสมเพชเหมือนคุณหนูตระกูลขุนนางเหล่านี้ ข้าจะตีเจ้าให้ตาย ปล่อยเจ้าไว้ก็ขายหน้าเปล่าๆ”


 


 


เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ชั่วขณะก็ทำให้หญิงสาวที่เลือกซื้อหนังสืออยู่ตกใจ ยามนางเห็นว่าเป็นเขาก็คล้ายอึดอำใจ ดวงตาเบิกกว้างเหมือนหนูตัวน้อยที่น่ารัก ปฏิเสธคำเชิญของเขาแล้วรีบวิ่งหนี มองแผ่นหลังของนาง เขาก็หัวเราะอย่างรื่นเริง


 


 


เป็นหญิงสาวที่น่าสนใจจริงๆ!


 


 


ใช่แล้ว ในสายตาของเขานั้น เสิ่นเวยเป็นสาวน้อยที่น่าสนใจเสมอมา อายุเพียงสิบห้า อายุน้อยกว่าเขาถึงเจ็ดปีเต็มๆ


 


 


ตอนที่เขาเพิ่งกลับมาจากการทำภารกิจ เจียงไป๋รายงานว่าคุณชายน้อยแห่งจวนเสนาบดีฉินต้องการที่จะบังคับนางให้หมั้นหมาย เรื่องนี้โด่งดังไปทั่วเมืองหลวง


 


 


ชั่ววินาทีนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดมุ่น เขารู้จักลูกชายคนเล็กของท่านเสนาบดีฉิน เป็นลูกคนรวยที่ไม่เอาไหน ไหนเลยจะคู่ควรกับนาง ดังนั้นเขาจึงไปที่จวนองค์หญิงใหญ่ เพื่อขอร้องให้เสด็จอาช่วยเหลือนางเรื่องงานหมั้นอีกทาง เพราะอย่างไรนางก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต แต่เหตุใดนับตั้งแต่ตอนที่ออกมาจากจวนองค์หญิงใหญ่ใจของเขาจึงไม่สงบเอาเสียเลย


 


 


สวีโย่วต้องการที่จะช่วยเหลือนาง แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรสาวน้อยคนนั้นก็จัดการแก้ปัญหาได้เสียแล้ว ได้ยินบ่าวไพร่รายงาน สวีโย่วก็ต้องตื่นตะลึง


 


 


หญิงสาวผู้นั้นไฉนนจึงกล้าหาญชาญชัยถึงเพียงนั้น ถึงขนาดกล้าเข้าไปคุกคามเสนาบดีฉินที่จวนเสนาบดีในยามดึกสงัด! ช่างเป็นแมวน้อยที่มีเขี้ยวเล็บแหลมคมเสียเหลือเกิน!


 


 


สวีโย่วรู้ความรู้สึกของตัวเองอย่างกระจ่างก็เมื่อครั้งที่โดนลอบสังหารครั้งนั้น ตอนที่เขาทราบว่ามีบุคคลไม่หวังดีได้บุกเข้าไปถึงหมู่บ้านของนางนั้นก็สายเกินไปเสียแล้ว นางเลือดไหลทั่วร่าง ใบหน้าขาวซีดอยู่ที่อกของเขา ในวินาทีนั้นเขาเจ็บปวดที่หัวใจ และรู้สึกว่าเขาไม่ไว้ใจให้ใครมาดูแลหญิงสาวคนนี้ ต้องเห็นนางอยู่ในสายตาของเขาเองเท่านั้นจึงจะวางใจได้


 


 


ความคิดนี้ราวกับเป็นต้นอ่อนที่ถูกบ่มเพาะ ค่อยๆ เติบโตกลายเป็นต้นไม้ต้นใหญ่เสียดฟ้า ดังนั้นเขาจึงเข้าไปไปทูลขอสมรสพระราชทาน แม้ว่าหญิงสาวผู้นั้นจะไม่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาก็อยากที่จะแต่งงานกับนาง


 


 


เมื่อก่อนเขาไม่เคยอยากมีครอบครัว ทว่าตอนนี้พอเขาคิดว่าตัวเขาจะได้เป็นสามีของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะยินดีปรีดา


 


 


เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจชีวิตของตัวเอง นับแต่ทูลขอสมรสพระราชทาน เขากลับระมัดระวังตัวทุกครั้งที่ออกไปปฏิบัติภารกิจ เขาคอยบอกตัวเอง ‘ต้องมีชีวิตรอดกลับไป รอดกลับไปแต่งงานกับนาง’


 


 


วันคืนที่ซีเจียง ทำให้เขายิ่งเข้าใจเสิ่นเวยได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ใครจะคิดเล่าว่าคุณชายสี่ตระกูลเสิ่นที่งดงามชวนตะลึงเป็นหญิง เสิ่นเวยผู้นั้นทั้งเจ้าเล่ห์ ฉลาด เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว และยังกล้าหาญมาก เสิ่นเวยที่เป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้เขาเลื่อมใส อดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปใกล้ เข้าไปใกล้อีกสักหน่อย


 


 


เวยเวยของเขาช่างจิตใจดีนัก ปากบอกจะทิ้งเขา จะทิ้งขว้างจวนจิ้นอ๋องที่เลวร้ายป่าเถื่อน แต่กลับไม่อาจทนมองคนอื่นปฏิบัติตัวแย่ๆ กับเขาได้ ไม่ว่าจะมาจากเสด็จพ่อ หรือมาเจตนาร้ายของจิ้นหวังเฟย นางล้วนแล้วแต่ขวางอยู่ข้างหน้าเขา หากเป็นฝ่าบาทเอง นางก็คงไม่มีความกลัวเกรงใดๆ


 


 


นางชอบที่จะบอกเขาว่า “ใครใช้ให้ข้าชอบหน้าของท่านกันเล่า”


 


 


นางยังพูดอีกว่า “คุณชายใหญ่ ใครบอกให้ท่านไม่สบายใจกัน ไปไปไป ข้าจะไปฆ่ามันให้ตาย”


 


 


นางยังขมขู่เขาอีกด้วย “รับภรรยาน้อย ท่านอยากให้ข้าตีท่านให้ขาหักหรืออย่างไร”


 


 


เสิ่นเวยที่เป็นเช่นนี้เขาจะไม่รักได้อย่างไร ไม่รักได้อย่างไรกัน ใครก็บอกว่าเขากลัวภรรยาเสียแรงเป็นสามี แต่ใครจะรู้เล่าว่าเขายอมให้มันเป็นเช่นนี้เอง


 


 


ใครๆ ก็บอกว่าจยาฮุ่ยจวิ้นจู่นั้นโชคดี มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นตัวเขาเองที่โชคดีที่สุดแล้ว เขาตัวคนเดียวมาตั้งแต่เล็ก มีเพียงเวยเวยที่เป็นของเขา เวยเวยเป็นความอบอุ่นของเขา เป็นแสงตะวันดวงเดียวในชีวิตของเขา เป็นส่วนเติมเต็มในชีวิตที่สวรรค์ประทานให้ เป็นเหมือนพระผู้ไถ่ของเขา เป็นความกล้าหาญที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่


 


 


มองไปทางเสิ่นเวยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ใต้ต้นไม่ สายตาของสวีโย่วดูอ่อนโยน เขารู้สึกว่าความโชคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาก็คือการได้มีเวยเวยเป็ยภรรยา


 


 


ห่างออกไปไม่ไกล บุตรธิดาหนึ่งคู่ของพวกเขากำลังนั่งอยู่บนพื้นกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง


 


 


ใช่แล้ว สวีโย่วและเสิ่นเวยมีลูกสาวหนึ่งลูกชายหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังมีอีกคนอยู่ในท้อง


 


 


ลูกสาวของพวกเขาอายุเจ็ดขวบ หน้าตาน่ารักขาวนวลเหมือนหิมะ ซุกซนเหมือนแม่ของนาง ลูกชายอายุห้าขวบ กลับมีนิสัยเหมือนเขา มีสีหน้าเงียบขรึมตั้งแต่อายุยังน้อย

 

 

 


ตอนพิเศษ 2-2 สวีโย่ว (ปลาย)

 

 


 


“ท่านอ๋อง จิ้นอ๋องมาอีกแล้วเจ้าคะ” หลีฮวาเข้ามารายงาน นางแต่งกายอย่างหญิงแต่งงานแล้ว เมื่อสี่ปีก่อนนางแต่งงานกับเจียงเฮย ส่วนเจียงไป๋แต่งงานกับเถาจือ แต่พวกนางยังไม่ย้ายออกไป ยังคงอยู่คอยรับใช้ข้างกายเสิ่นเวย


 


 


สวีโย่วได้ยินดังนั้นก็ตีหน้าเคร่ง “ใครกล้าปล่อยให้เขาเข้ามา” น้ำเสียงแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่อยากเห็นหน้า นับตั้งแต่ตอนที่เสด็จแม่ของเขาเสียชีวิต เขาก็ไม่อยากจะพบหน้าพ่อคนนั้น แม้ฝ่าบาทจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เฮอะ แค่คำว่าเสียใจแค่คำเดียวจะสามารถกำจัดความเจ็บปวดทั้งหมดออกไปได้หรืออย่างไร ขอโทษเถอะ ตอนนี้เขาเลยวัยที่จะต้องการพ่อแล้ว


 


 


“มาแล้วก็นำไปที่เรือนนอก ยกชามาให้ดื่มด้วย” สวีโย่วเอ่ยอย่างรำคาญใจที่สุด


 


 


หลีฮวากลับแสดงสีหน้าลำบากใจ “ท่านอ๋อง จิ้นอ๋องต้องการพบนายหญิงน้อยเจ้าค่ะ”


 


 


“อย่าหวังเลย” สวีโย่วกล่าวอย่างเย็นชา อยากพบหน้าลูกสาวของเขา มีสิทธิ์อะไร ที่ให้เขาเข้ามาดื่มชาถึงในจวนก็ถือว่าไว้หน้าพอแล้ว ยังอยากที่จะพบลูกสาวเขาอีกหรือ เฮอะ พูดจาน่าขันอะไรเช่นนี้


 


 


เสิ่นเวยเห็นสวีโย่วไม่ชอบใจ รีบกุมมือเขาเพื่อปลอบใจ “เอาเถิด ท่านบอกว่าให้แล้วกันไปมิใช่หรือ จะโกรธอยู่อีกทำไม” ในเวลาเดียวกันก็ส่งสายตาให้หลีฮวา เพื่อให้นางถอยออกไป


 


 


เยว่เป่าและนั่วเป่าที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับพื้นส่งสายตาหากัน


 


 


“เจ้าไม่ใช่คิดจะทรยศใช่ไหม อย่าได้คิดว่าตาเฒ่านั่นน่าสงสาร หรือเพราะเป็นท่านปู่เชียว ข้าจะบอกให้ เมื่อก่อนเขาไม่ได้ทำดีต่อท่านพ่อของพวกเรา หากเจ้าลอบไปพบเขา ท่านพ่อจะต้องตีเจ้าจนก้นลายแน่” พี่สาวเย่วเป่าจ้องน้องชาย


 


 


น้องชายนั่วเป่าขมวดคิ้ว ทว่ากลับกังวลใจที่พี่สาวพูดจาหยาบคาย เป็นสาวเป็นนาง เหตุใดถึงพูดคำว่าก้นได้ พี่สาวของเขาจะแต่งงานออกอีกหรือ


 


 


“เงิน!” นั่วเป่ามองเหยียดพี่สาว “ท่านแม่สอนไว้ ‘เสียอะไรอย่าได้เสียเงิน’” ครั้งที่แล้วชายชราคนนั้นมอบป้ายหยกให้หนึ่งชิ้นที่นอกจวน มีค่าน่าจะหลายพันตำลึง


 


 


เย่วเป่าตีน้องชายไปหนึ่งที “เจ้าเด็กบ้องตื้น ยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม หุบปากไปเลยนะเจ้า อยากให้ท่านพ่อได้ยินหรืออย่างไร ห่ะ!” นางพูดไปพลางเหลือบตามองไปทางพ่อของนาง


 


 


“ท่านพ่อเชื่อฟังท่านแม่” นั่วเป่าไม่สนใจคำขู่ของพี่สาวแม้แต่น้อย ท่านแม่บอกว่าจะต้องเรียนรู้ทุกอย่างในชีวิต ยุงตัวเล็กแต่ก็มีเนื้อ รวมหลายตัวก็ได้หลายตัว หากเป็นพี่สาวที่ใช้เงินไม่รู้หน้ารู้หลัง คงจะใช้เงินของตระกูลเสียจนหมดแน่


 


 


ใช้หมดก็คือใช้หมดไป แต่ท่านพ่อของเขาบอกว่าเขาเป็นบุตรชายเอกของจวนอ๋อง พี่สาวของเขารวมไปถึงพี่น้องที่ตามมาทีหลังนั้นเขาต้องรับผิดชอบ


 


 


ถ้าอย่างนั้นจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ในเมื่อพี่สาวของเขาเป็นเช่นนี้ เงินที่ได้แต่ละเดือนนั้นพี่สาวเขาใช้หมดภายในสามวันเท่านั้น พี่สาวของเขาสามารถล้มตระกูลได้เช่นนี้ เขาจะไม่คิดวิธีเก็บเงินเอาไว้ได้หรือ


 


 


หรี่ตามองไปทางท้องที่นูนป่องของท่านแม่ นั่วเป่าก็รู้สึกกลัดกลุ้ม เพียงพี่สาวของเขาคนเดียวเขาก็หนักใจแล้ว หากท่านแม่คลอดออกมาเพิ่มอีกจะทำอย่างไร เขาไม่เหนื่อยตายหรือ แต่อย่างไรเสียก็ไม่อาจห้ามไม่ให้ท่านแม่คลอดลูก เพราะเขาเคยบอกกับท่านพ่อเขาเช่นนี้ ท่านพ่อของเขากลับขังเขาให้คัดตัวอักษรในห้องตั้งครึ่งเดือน คัดจนมือน้อยๆ ของเขาเกือบจะเสีย สุดท้ายเพราะท่านแม่ขอร้องเขาจึงได้ออกมาจากห้อง


 


 


นั่วเป่าแสดงสีหน้าเย็นชาเหมือนพ่อของเขาไม่มีผิด น่าสนุกนักหรืออย่างไร!


 


 


ไม่ได้ เงินที่อุตส่าห์มาถึงหน้าประตูนั้นจะละเลยไม่ได้ ไม่อาจพลาดจากโอกาสนี้ได้เลย ตาเฒ่าคนนั้นเหมือนจะชอบเขามาก ไปรับเงินแล้วกลับมาได้หรือไม่


 


 


ดวงตาเล็กของนั่วเป่าฉายแววตั้งใจ พูดเสี้ยมพี่สาวของเขาว่า “ได้ยินมาว่าขนมโก๋ใสใส่ดอกไม้ที่ถนนตงต้าเจียออกสินค้าใหม่แล้ว”


 


 


ทำไมต้องยุยงพี่สาวของเขาน่ะหรือ ก็เป็นเพราะท่านพ่อของเขารักพี่สาวมากที่สุดมิใช่หรือ บ้านอื่นเขารักลูกชาย แต่บ้านเขากลับตรงกันข้าม ท่านพ่อของเขารักท่านแม่มากที่สุด จากนั้นก็พี่สาวของเขา แม้พี่สาวทำผิดใหญ่โตแค่ไหนท่านพ่อของเขาก็ไม่แตะนางแม้แต่ปลายเล็บ


 


 


ส่วนเขาเล่า เกิดมาก็เหนื่อยแล้ว ทำให้เขาสงสัยว่าเขาเป็นลูกของท่านพ่อท่านแม่จริงๆ หรือเปล่า เหตุใดถึงแตกต่างกันมากขนาดนี้


 


 


เฮ้อ ไม่อยากคิดแล้ว อยากจะร้องไห้เป็นสายเลือด!


 


 


เยว่เป่าสนใจขึ้นมา “พวกเราไปหยิบเงินแล้วกลับกันไหม ค่อยๆ แอบไป อย่าให้ท่านพ่อท่านแม่รู้” เหลือบมองไปทางน้องชาย สายตาฉายแววกระจ่างทันที


 


 


เฮอะ เจ้าเด็กน้อย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ พี่สาวอย่างข้านั้นฉลาด ท่านแม่พูดไว้ ลูกสาวต้องคมในฝัก อย่างนั้นจะทำตัวฉลาดไปทำไม ใต้ร่มไม้ซีถึงจะร่มเย็น ให้ผู้ชายออกหน้าไปเถิด


 


 


“เจ้าตัวเล็กทั้งสอง!” สวีโย่วว่าเสียงดัง เขาเป็นคนอย่างไรจะไม่ได้ยินเสียงเจ้าหมาน้อยทั้งสองกระซิบกระซาบได้อย่างไร


 


 


เสิ่นเวยลูบท้องด้วยท่าทีรื่นเริง ในใจรู้สึกสมใจยิ่งนัก! เมื่อเห็นลูกสาวลูกชายของนางวางแผนการ ยังเล็กแค่นี้แต่รู้จักที่จะหาเงินเข้าบ้านเช่นนี้ การสั่งสอนประสบความสำเร็จนัก!


 


 


“เจ้าก็เบาๆ หน่อยได้ไหม แปดเดือนแล้วนะ” ดวงตาของสวีโย่วฉายแววกังวลใจ “ลมมาแล้ว เข้าห้องกันเถิด” เขาค่อยๆ ประคองเสิ่นเวย จากนั้นก็ออกคำสั่งกับเจียงไป๋ “เจ้าคอยดูพวกเขาไว้”


 


 


เสิ่นเวยกรอกตาอย่างเบื่อหน่าย “เจ้ายังกลัวพวกเขาถูกลักพาตัวอีกหรือ” ลูกชายของนางมีความคิดรับผิดชอบตั้งแต่ยังเล็ก ส่วนลูกสาวของนางนั้นเป็นคนฉลาดเฉลียว ทว่ากลับทำตัวเหมือนแม่เสือห่มหนังแกะ ทำให้ลูกชายของนางเอาแต่คิดว่าพี่สาวของเขาโง่เขลาเหลือเกิน ทำให้ต้องวิตกกังวล แต่ไม่รู้เอาเสียเลยว่าเขานั่นเองที่เป็นตัวช่วยเหลือให้เก็บเงินได้


 


 


ฮี่ฮี่ ยิ่งคิดก็ยิ่งสนุก!


 


 


สีหน้าของจิ้นอ๋องที่นั่งอยู่ในห้องยิ่งดูแย่ลงเรื่อยๆ นึกอยากจะโมโหแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ ไม่ง่ายเลยที่เขาจะเข้ามาในจวนผิงอ๋องได้ หากไปยั่วโมโหลูกชายคนโตของเขาเข้า เขาก็คงจะโดนไล่ออกไปแน่


 


 


ไม่ผิด เจ้าลูกอกตัญญูนั่นต้องทำแน่ เมื่อคิดว่าลูกตัวเองนั้นอกตัญญู จิ้นอ๋องก็รู้สึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ แต่เมื่อคิดถึงหลานสาวหลานชายทั้งคู่ที่แสนฉลาดเฉลียว เขาก็พยายามอดทนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


 


 


เจ้าลูกอกตัญญูคนนั้น ทั้งๆ ที่เป็นหลานสาวหลานชายของเขาแท้ๆ แต่กลับกีดกันไม่ให้เขาพบ! น่าโมโหนัก!


 


 


จิ้นอ๋องถอนหายใจยาว ดวงตาเต็มไปด้วยความสำนึกผิด!


 


 


ใช่แล้ว เขาสำนึกตั้งนานแล้ว สำนึกเสียใจซึมลึกเข้าไปถึงกระดูก เมื่อย้อนกลับไป เขาเองก็แปลกใจว่าทำไมต้องหลงใหลในตัวหญิงสาวที่มีจิตใจเต็มไปด้วยแผนร้ายจนทำลายอนาคตตัวเองและครอบครัวตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเห็นซ่งซื่อที่โดนขังอยู่ในเรือนพักที่มีโฉมหน้าร้ายกาจเหมือนนางมารร้าย เขาเคยชอบสตรีเช่นนั้นจริงๆ หรือ เพื่อนางแล้ว เขาโกรธเกรี้ยวใส่ภรรยาจนตาย ทอดทิ้งลูกชายคนโต เมื่อคิดดูแล้ว ช่างเหมือนกับตกลงสู่ฝันร้ายตื่นหนึ่ง!


 


 


ตอนนี้เขารู้สึกผิดจริงๆ บรรยากาศในจวนจิ้นอ๋องที่กว้างใหญ่แสนเหน็บหนาว ลูกชายกล่าวโทษเขา ลูกชายคนรองและลูกชายคนที่สามก็ไม่ยกโทษให้เขา ลูกชายคนที่สี่ก็เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ลูกอนุเพียงคนเดียวก็วางแผนที่จะรับราชการข้างนอกแล้ว


 


 


จวนจิ้นอ๋องที่กว้างใหญ่สงบนิ่ง แม้แต่เสียงหัวเราะของเด็กๆ ก็ไม่มี เขารู้สึกว่าทุกวันนี้เขาอาศัยอยู่ในหลุมศพที่กดทับเสียจนหายใจแทบไม่ออก


 


 


ลูกชายรอง ลูกชายสามและลูกชายสี่ล้วนไม่มีทายาท เขาไม่อาจอุ้มหลานได้ ในจวนของเขาเหลือเพียงหลานสาวหลานชายคู่นี้ แต่ตอนนี้พวกเขาก็โตแล้ว ไม่รู้ว่าจะถูกเลี้ยงดูอย่างไรและไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย


 


 


ตอนที่เขารู้ว่าสะใภ้ใหญ่คลอดลูกชายออกมา แต่ก็ตื่นเต้นเสียจนนอนไม่หลับทั้งคืน เตรียมของขวัญล้ำค่าเอาไว้เต็มคันรถ แต่เจ้าลูกอกตัญญูผู้นั้นกลับไม่ยอมให้เขาเข้าไปดูหลานในจวน


 


 


เขานอนคิดอยู่ทั้งคืน นอนไม่หลับทั้งคืน เอาแต่เดินเต่เข้ามาใกล้กับจวนผิงอ๋องทั้งๆ ที่ไม่มีธุระ สุดท้ายก็ได้พบกับหลานชายหญิงทั้งคู่เมื่อปีก่อน เด็กทั้งสองหน้าตาดีนัก ทั้งฉลาดทั้งคล่องแคล่ว เขาตื่นเต้นเสียจนมือสั่น


 


 


ทว่าหลานชายหลานสาวของเขากลับจ้องมองเขาตาใส “ท่านผู้เฒ่า ท่านเป็นใครกัน”


 


 


ในวินาทีนั้น ดวงใจของเขาก็เจ็บปวดเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงไม่มีผิด ความเศร้าเสียใจวนเวียนอยู่ในหัวใจของเขาราวกับงูพิษ นี่คือหลานสาวหลานชายแท้ๆ ของเขาแต่กลับถามว่าเขาเป็นใครอย่างคนแปลกหน้า!


 


 


นับแต่นั้นมาเขาก็มาถึงจวนผิงอ๋องทุกวัน แม้ว่าจะมีโอกาสได้พบหน้าหลานสาวหลานชายเพียงหนึ่งในสิบ แม้ว่าเจ้าลูกอกตัญญูจะไม่ยอมพบหน้า เขาก็ยังมาอยู่ทุกๆ วัน!


 


 


ชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาก็คงจะต้องทำเช่นนี้!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)