อัจฉริยะสมองเพชร 2094-2097

 ตอนที่ 2094 เรื่องนี้สำคัญกว่า

เขายับยั้งฝ่ามือขนาดมหึมาที่อยู่กลางอากาศด้วยดาบในมือข้างหนึ่ง จากนั้นก็ยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นและปล่อยพลังเข้าใส่แท่นบูชาที่อยู่ใกล้ๆ


“คุณรนหาที่ตายแล้ว!” สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงคำราม


เพื่อเป็นการตอบโต้ เธอปล่อยพลังจากฝ่ามือเข้าใส่ชายวัยกลางคน การโจมตีอย่างไม่ลดละของเธอทำให้มิติโดยรอบบิดเบี้ยว ดูราวกับทั่วทั้งบริเวณนั้นกำลังจะระเบิดเพราะแรงสั่นสะเทือน


แต่ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ชายวัยกลางคนควบคุมพลังฝ่ามือของเธอไว้ได้โดยไม่ได้รับความบอบช้ำใดๆ


“หัวหน้าตู้ ดูเหมือนคุณจะอ่อนแอกว่าที่ใครๆร่ำลือกันนะ นี่เป็นผลกระทบจากพิธีกรรมหรือเปล่า? แต่เอาเถอะ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร…แต่เรื่องจริงก็คือตอนนี้คุณสู้ผมไม่ได้ มอบแท่นบูชาของคุณมาเสีย แล้วผมจะพิจารณาไว้ชีวิตคุณ ไม่อย่างนั้น อย่าต่อว่าผมก็แล้วกันที่ไม่ออมมือให้!” ชายวัยกลางคนเยอะเย้ย


เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของ 6 สํานักใหญ่ พละกำลังของตู้ชิงหย่วน จึงมีมากมายมหาศาลจนแม้แต่ชายวัยกลางคนก็ไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าจะสู้เธอได้ แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แม้การโจมตีของอีกฝ่ายจะดูทรงพลัง แต่ลึกๆแล้วไม่มีสาระสำคัญอะไร


หรือว่าเธอสูญเสียพละกำลังไปเพราะการประกอบพิธีกรรม และพยายามวางท่าให้เข้มแข็งเหมือนเดิมเพื่อทำให้เขาหวาดกลัว


แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นผลดีกับเขา ขอแค่เขาฉกฉวยแท่นบูชาได้สำเร็จ ความดีความชอบที่เขามีต่อหอเทพเจ้าจะทำให้เขายกระดับวรยุทธได้สำเร็จอย่างแน่นอน!


ส่วนอีกด้านหนึ่ง สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงไม่แยแสคำพูดของชายวัยกลางคน เธอปล่อยการโจมตีต่อไป เปลวไฟที่ลุกโพลงบนแท่นบูชาเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีสายสัมพันธ์ที่ค่อยๆหลอมรวมกับท้องฟ้า


“ในเมื่อคุณไม่เจียมกะลาหัว อย่าต่อว่าผมที่ไม่ออมมือให้ก็แล้วกัน!”


เห็นสุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงไม่ยอมล้มเลิกการประกอบพิธีกรรม ชายวัยกลางคนคำรามขณะเงื้อมือขึ้น


ฟึ่บ!


ง้าวเล่มหนึ่งปรากฏในมือของเขา ด้วยการกระโจนอันทรงพลัง เขาแทงง้าวเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างดุเดือด


ซรืดดดดดดดด!


การฉีกกระชากอย่างรุนแรงของมิติปรากฏขึ้นตามแรงโน้มถ่วงของง้าว ซึ่งเมื่อหลอมรวมเข้ากับพลังงานของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ปลายง้าวเล่มนั้นก็เรืองแสงเจิดจ้าออกมา ดูราวกับจะทำลายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นธุลี


ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์? จางเซวียนหรี่ตา


เขาดูออกว่าง้าวเล่มนั้นไม่ใช่ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ธรรมดา แม้แต่โซ่โลหะที่เขามีอยู่ก็อ่อนด้อยกว่ามันหลายเท่า ดูเหมือนยังคงมีความเหลื่อมล้ำระหว่างของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ด้วยกัน


เมื่อรู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลของง้าว สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงไม่อาจใจเย็นได้อีก เธอหรี่ตา จากนั้นก็หันขวับไปมองแท่นบูชาที่อยู่ไม่ห่างออกไป


“ต่อให้ฉันตาย ฉันก็จะลากคุณไปกับฉันด้วย!”


เธอคำรามกร้าว จากนั้นก็พุ่งเข้าขวางแท่นบูชาไว้


เปลวเพลิงสีฟ้าบนแท่นบูชาพุ่งออกไปและก่อตัวเป็นกำแพงไฟที่ลุกโพลงอยู่ตรงหน้าสุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดง


ถ้าชายวัยกลางคนอยากเข้าถึงตัวเธอให้ได้ ก็จะต้องทำลายแท่นบูชาก่อน


ถึงอย่างไร ภารกิจที่เจ้านายของเขามอบหมายให้ก็คือการฉกฉวยแท่นบูชา จึงย่อมไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงหากแท่นบูชาถูกทำลาย เขาไม่อาจตัดสินใจทำอะไรแบบนั้นได้


ชายวัยกลางคนถอนง้าวกลับและจ้องสุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดง “คุณช่างเจ้าเล่ห์นักนะ!”


“เชื่อเถอะว่าฉันจะทำลายแท่นบูชาด้วยน้ำมือของฉันเองก่อนที่ฉันจะตาย ฉันอาจทำให้เหล่าบรรพบุรุษผิดหวัง แต่ฉันเชื่อว่าพวกเขาคงไม่อยากเห็นทรัพย์สมบัติของตำหนักคว้าดาวของเราตกไปอยู่ในมือของเหล่าอสูร! จะลองดูก็ได้!” สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง


ในแง่พละกำลัง เธอเทียบชั้นกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ แถมทุกอย่างยังเลวร้ายลงไปอีกเพราะอีกฝ่ายมีของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อยู่กับตัว ไม่มีทางที่เธอจะเอาชนะได้เลย


ในเมื่อเป็นอย่างนั้น อย่างน้อยๆสิ่งที่เธอต้องทำก็คือทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เธอรู้ดีว่าเขาอยากได้แท่นบูชา และนั่นหมายความว่าเธอใช้มันเป็นตัวประกันได้


“ฮึ่มมม!”


ชายวัยกลางคนกำหมัดแน่น เขาจ้องสุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงด้วยสีหน้าที่ดูน่าสะพรึง ครู่ต่อมา อาการขมวดคิ้วของเขาก็คลายลง รอยยิ้มบ้าคลั่งผุดขึ้นที่ริมฝีปาก “ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ผมจะเริ่มที่เขาก่อน!”


ฟึ่บ!


ง้าวเบนเป้าหมายไปยังชายชราที่ไร้เรี่ยวแรงอยู่กับพื้น-ฟู่เฉิงสื่อ


ฟู่เฉิงสื่อหน้าซีด เขาพยายามรวบรวมพละกำลังเพื่อปกป้องตัวเอง แต่เพราะได้รับความบอบช้ำแสนสาหัส จึงทำไม่ได้แม้แต่จะกระเสือกกระสนลุกขึ้นจากพื้น


เขาหันไปร้องบอกสุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงด้วยอาการสิ้นหวัง “หัวหน้าตู้ เร็วเข้าเถอะ รีบหนีไปซะ! คุณมีแท่นบูชาอยู่ในมือ เขาไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงผม…”


สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิดก่อนจะคว้าแท่นบูชาไว้และพุ่งเข้าขวางหน้าฟู่เฉิงสื่อ “จะทำอะไรก็ทำเลย ถ้าอยากเห็นแท่นบูชาพังพินาศล่ะก็…”


ฟึ่บ!


ง้าวหยุดกึกกลางอากาศ “แก ไอ้สารเลว…”


ชายวัยกลางคนโมโหเดือดจนแทบระเบิด พละกำลังมหาศาลห่อหุ้มรอบง้าว เกิดเป็นคลื่นความสั่นสะเทือนที่แผ่ออกไปโดยรอบ แม้เขาจะยับยั้งการโจมตีไว้ แต่เรี่ยวแรงมหาศาลของมันก็ทำให้เกิดรอยร้าวบนพื้นที่โดยรอบ


ในช่วงเวลาคับขันนี้ สีหน้าของสุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงซีดเผือด เลือดกองใหญ่กระอักออกจากปากของเธอ ร่างทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น


ด้วยสีหน้าที่ยังไม่อยากเชื่อ เธอหันกลับไปและเห็นฟู่เฉิงสื่อที่บาดเจ็บสาหัสลุกขึ้นยืน กำลังเช็ดเลือดที่ไหลซึมออกจากริมฝีปาก


“ต้องขออภัยอย่างจริงใจนะหัวหน้าตู้ แต่พวกเราไม่อาจปล่อยให้แท่นบูชาต้องเสียหาย จึงต้องใช้ลูกไม้แบบนี้ ผมหวังว่าตอนนี้คุณคงกระจ่างเสียทีว่าพวกเรามาจากไหน”


ฟู่เฉิงสื่อเคลื่อนไหวติดต่อกันเป็นชุด เขากำจัดเปลวเพลิงสีฟ้าบนแท่นบูชาและสกัดกั้นมันไว้ด้วยพลังปราณ ทำให้สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงไม่อาจควบคุมมันได้อีก จากนั้นก็เก็บแท่นบูชาเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ


“แก ไอ้คนเลว” สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงสาปแช่งอย่างโกรธแค้น “แม้แต่หอนิรันดร์ผู้สูงส่งก็ยอมศิโรราบให้หอเทพเจ้าแล้วหรือ?”


เธอไม่นึกไม่ฝันเลยว่าแม้แต่ฟู่เฉิงสื่อที่อุทิศชีวิตเพื่อปกป้องเธอก่อนหน้านี้จะร่วมมือกับหอเทพเจ้า แปลว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นแค่การจัดฉาก!


จางเซวียนที่ซ่อนตัวอยู่ก็อดผงะไม่ได้เมื่อเห็นภาพนั้น


เขาเคยคิดว่ามันออกจะประหลาดที่ชายวัยกลางคนปล่อยให้ฟู่เฉิงสื่อเอาชนะได้อย่างง่ายดายเมื่อตอนอยู่ที่ตำหนักคว้าดาว ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของเขาคือชายวัยกลางคนผู้นั้นน่าจะยอมถอยก่อนเพื่อล่อตำหนักคว้าดาวให้เคลื่อนไหว เพื่อเขาจะได้สะกดรอยตามและในที่สุดจะได้รู้ที่อยู่ของตู้ชิงหย่วน


แต่ปัญหาของสมมติฐานนั้นก็คือไม่มีอะไรเป็นเครื่องรับประกันว่าฟู่เฉิงสื่อจะมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของตู้ชิงหย่วน และตำหนักคว้าดาวจะเคลื่อนไหวหรือไม่


ลงท้าย เรื่องนี้ก็เป็นแค่การต่อสู้กันเรื่องเวลา ถ้าตำหนักคว้าดาวยื้อเวลาได้นานพอให้ตู้ชิงหย่วนประกอบพิธีกรรมของเธอจนสำเร็จและได้รับการปกป้องจากเทพเจ้า สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไป ชายวัยกลางคนคงไม่มีเวลามากพอจะเสียให้กับความไม่แน่นอนแบบนั้น


เรื่องนี้ทำให้เขาเบนความสนใจมาที่คำพูดและพฤติกรรมของฟู่เฉิงสื่อ เพราะหากไม่มีฟู่เฉิงสื่อเข้ามาเกี่ยวข้อง ชายวัยกลางคนก็ไม่น่าจะหาตัวตู้ชิงหย่วนเจอ


จางเซวียนรู้สึกว่าฟู่เฉิงสื่อแสร้งทำเป็นแสดงอาการห่วงใยฉู่อิงกับผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่เพื่อบีบให้ทั้งคู่เปิดเผยที่อยู่ของตู้ชิงหยวน และนั่นทำให้เขาเกิดความระแวงว่าฟู่เฉิงสื่ออาจร่วมมือกับหอเทพเจ้า


แต่เขาก็รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป เพราะนึกไม่ถึงว่าผู้อาวุโสของหอนิรันดร์จะสมรู้ร่วมคิดกับหอเทพเจ้าจริงๆ!


“ในเมื่อแท่นบูชาอยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไว้ชีวิตเธอ” ชายวัยกลางคนคำราม


“ใช่” ฟู่เฉิงสื่อพยักหน้า


เขาถ่ายทอดพลังงานเข้าสู่ฝ่ามือ แล้วปล่อยการโจมตีหนักหน่วงเข้าใส่สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดง แต่ในตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นกลางอากาศ


ฟึ่บ!


สองร่างปรากฏตัวขึ้นในจัตุรัส


พวกเขาคือ 2 ใน 4 บริวารของชายวัยกลางคนที่เป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์


“พวกคุณจัดการเขี่ยแมลงน่ารำคาญที่คอยเกาะพวกเราแจหรือยัง?” ชายวัยกลางคนถามอย่างไม่แยแส


“แมลงน่ารำคาญนั่นเจ้าเล่ห์เจ้ากลมาก ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าพวกเรารออยู่ จึงเผ่นหนีไปโดยที่เรายังไม่ทันได้ทำอะไร” หนึ่งในนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ตอบอย่างกระอักกระอ่วน


“เขาหนีไปแล้ว?” ชายวัยกลางคนย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่เจือความไม่พอใจ


“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด หมอน่าจะเป็นเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงคนใหม่ การกำจัดเขาคงไม่ง่ายหรอก” ฟู่เฉิงสื่อเปรยพร้อมกับส่ายหน้า


“เจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงคนใหม่?” ชายวัยกลางคนพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว


“ใช่ ผมรู้สึกว่าการปรากฏตัวของเขาค่อนข้างจะปุบปับเหมือนกับหัวหน้าเจิ้งหยางและเจ้าสำนักจางเซวียน ผมจึงพยายามสืบเสาะภูมิหลังของเขา แต่ไม่ได้ข้อมูลเลย” ฟู่เฉิงสื่อตอบอย่างเคร่งเครียด


“แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องใส่ใจเขาหรอก รีบนำแท่นบูชากลับไปให้นายท่านก่อน เรื่องหมอนั่นไว้ว่ากันทีหลัง”


“ใช่ เรื่องนี้สำคัญกว่า” ชายวัยกลางคนพยักหน้า เขามองสุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงแวบหนึ่งและพูดต่อ “คุณกำจัดเธอเสีย แล้วจากนั้นเราจะออกเดินทาง”


“ได้!” ฟู่เฉิงสื่อพยักหน้า


นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั้งสองก้าวเข้ามาและพูดว่า “ขอผมทำเองเถอะ ผมอยากชดเชยที่จับตัวเจ้าสำนักหลิวหยางไม่ได้…”


จากนั้น นักรบคนหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดง ขณะที่อีกคนหนึ่งยังยืนอยู่ข้างๆชายวัยกลางคน


“ฝากเป็นภาระของคุณก็แล้วกัน” ชายวัยกลางคนพยักหน้าก่อนจะหันหลังกลับเพื่อจากไป


บึ้มมมมม!


ทันใดนั้น กระแสดาบฉีทรงพลัง 2 สายก็ระเบิดขึ้นพร้อมกัน มันพุ่งเข้าใส่แผ่นหลังของชายวัยกลางคนและฟู่เฉิงสื่อ


นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั้งสองคน ซึ่งก็คือจางเซวียนกับตัวโคลนของเขาที่ปลอมตัวมาเปิดการโจมตีพร้อมกัน ชายวัยกลางคนกับฟู่เฉิงสื่อไม่ทันระวังตัว จึงถูกเล่นงานอย่างจัง กระแสดาบฉีแทงทะลุร่างของพวกเขาเป็นรูขนาดใหญ่


“คุณ…”


นึกไม่ถึงว่าบริวารของเขาจะเล่นงานพวกเขาเสียเอง ชายวัยกลางคนกับฟู่เฉิงสื่อหน้าถอดสีด้วยความไม่อยากเชื่อ


ตอนที่ 2095 มันคือโลหิตเทพเจ้าจริงๆ…

“ฆ่าเขาซะ!” จางเซวียนคำราม


แม้ชายวัยกลางคนกับฟู่เฉิงสื่อจะมีบาดแผลฉกรรจ์ แต่ในฐานะนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ หากพวกเขาตั้งตัวติดเมื่อไหร่ ก็จะสร้างความเดือดร้อนเสียหายอย่างหนักได้ในทันที


จางเซวียนจึงเปิดกระสอบอสูรของเขาโดยไม่ลังเล


ฟิ้วววว!


โซ่โลหะที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ลอยละลิ่วเข้าใส่ชายวัยกลางคน รัดร่างของเขาไว้อย่างแน่นหนา


ในเวลาเดียวกัน เต่าหลังดำกับฉลามหมายเลข 3 ก็พุ่งเข้าเล่นงานชายวัยกลางคน ขณะที่ฉลามหมายเลข 1 กับหมายเลข 2 ตรงเข้าขนาบข้างตัวโคลนของจางเซวียนเพื่อจัดการฟู่เฉิงสื่อ


แม้พละกำลังของพวกมันจะลดลงเมื่ออยู่บนพื้นดิน แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ที่เหล่าอสูรสำแดงออกมาก็ยังคงน่าสะพรึงมาก ในชั่วพริบตา รูพรุนที่เปรอะเปื้อนเลือดมากมายก็ปรากฏทั่วร่างของชายวัยกลางคน แขนของเขากระตุกเพราะการถูกโจมตีอย่างรุนแรง


ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนชายวัยกลางคนทำอะไรไม่ถูก แต่เขาก็ตั้งตัวติดอย่างรวดเร็วและปล่อยการโจมตีต่อไป ด้วยเจตนาสังหารเข้มข้นที่พวยพุ่งออกจากร่าง เขาสั่งการง้าวให้ตรงเข้าเล่นงานอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 3 ตัวที่รุมล้อมเขาอยู่


แต่โชคร้ายที่การเคลื่อนไหวของง้าวนั้นต้องสะดุดเพราะศพของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์คนหนึ่งถลันเข้าขวางทาง


ชายวัยกลางคนกำหมัดแน่น เขาเพ่งสมาธิควบคุมง้าวให้มันตรงเข้าจ้วงแทงศพนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร พลังงานมหาศาลก็ระเบิดออกภายในร่างของศพ


ศพกระเด็นไป คลื่นความสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นทำให้ง้าวกระเด็นไปด้วย มันสั่นสะท้านไม่หยุดอยู่กลางอากาศขณะพยายามตั้งตัวให้ตรงท่ามกลางพายุดุเดือดอันน่าสะพรึง


ง้าวที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มีพละกำลังมหาศาล แต่พละกำลังจากการระเบิดของนักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์เล่นงานจิตวิญญาณของมัน ทำให้เกิดความสับสนชั่วขณะ


ง้าวต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะตั้งตัวให้สมดุลดังเดิม แต่ขณะที่มันกำลังรีบพุ่งไปช่วยชายวัยกลางคน อีกศพหนึ่งก็ปรากฏและระเบิดตรงหน้า


หลังจากการระเบิดอย่างต่อเนื่องของ 3 ศพ จิตวิญญาณของง้าวก็ถึงขีดสุดความทนทานของมันและร่วงลงจากกลางอากาศ ดูเหมือนมันคงหมดสภาพไปสักระยะหนึ่ง


การระเบิดเหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆต่ออาวุธที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่จิตวิญญาณที่อยู่ในนั้นหมดสภาพไปแล้ว จึงไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะกล่าวว่าอาวุธชิ้นนี้ถูกทำลาย


ระหว่างนั้น ชายวัยกลางคนก็ถูกอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 4 ตัวโจมตีอย่างไม่ลดละ ในที่สุด ด้วยการพุ่งเข้าชนอย่างรุนแรงของเต่าหลังดำ ศีรษะของเขาก็ยุบลงไปในบ่า ร่างของเขาทรุดลงกระแทกพื้นเสียงดังสนั่น


รวมแล้ว นับตั้งแต่เริ่มการต่อสู้จนถึงวินาทีที่ชายวัยกลางคนเสียชีวิต เวลาผ่านไปแค่ 3 อึดใจเท่านั้น


นี่คือวีรกรรมสุดแสนน่าทึ่งที่เอาชนะนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จากหอเทพเจ้าได้ภายใน 3 อึดใจ แต่จางเซวียนก็ต้องใช้ศพของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ถึง 3 ตัว, ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีก 1 ชิ้น และอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีก 2 ตัวเพื่อการนี้


จางเซวียนคงเป็นคนเดียวในโลกที่ทำอะไรใหญ่โตเหนือชั้นขนาดนี้ได้!


ขณะที่พวกเขากำลังเล่นงานชายวัยกลางคน อีกด้านหนึ่ง ฉลามหมายเลข 1, หมายเลข 2 และตัวโคลนก็รี่เข้าใส่ฟู่เฉิงสื่อที่กำลังหมดสภาพ


ฟู่เฉิงสื่อจะมาจากหอนิรันดร์หรือหอเทพเจ้าก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะในเมื่อเขาทำร้ายตู้ชิงหย่วน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องยั้งมือ


ฟึ่บ!


ตัวโคลนพุ่งเข้าใส่ฟู่เฉิงสื่อและรัดร่างของอีกฝ่ายไว้แน่น ล็อคทุกข้อต่อเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะเคลื่อนไหวไม่ได้


ระหว่างนั้น ฉลามหมายเลข 1 กับหมายเลข 2 ก็ปล่อยการโจมตีอันดุเดือดเข้าใส่ชายชราอย่างต่อเนื่อง จางเซวียนสะบัดข้อมือเพื่อนำดาบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ 7 เล่มออกมา ดาบเหล่านั้นตรงเข้าล้อมชายชราทันที เหมือนมีตาข่ายเงินคลุมร่างของเขาไว้


ซรืดดดดดดด!


กระแสดาบฉีพุ่งเข้าใส่ร่างของฟู่เฉิงสื่อราวห่าฝน ยังไม่ทันจะตั้งตัวติด ร่างของเขาก็ถูกเฉือนเป็นชิ้นๆ เหลือไว้เพียงก้อนเนื้อและเลือดเป็นหย่อมๆบริเวณที่เขาเคยยืนอยู่


จางเซวียนไม่ได้เสียเวลาไปเปล่าๆ เขาเฝ้าดูการต่อสู้ก่อนหน้านี้อย่างถี่ถ้วนและวิเคราะห์จุดอ่อนทั้งหมดของฟู่เฉิงสื่อกับชายวัยกลางคนไว้แล้ว ทำให้สามารถวางแผนเล่นงานนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้งสองคนได้โดยใช้เวลาและเกิดความสูญเสียน้อยที่สุด


เห็นทุกอย่างเป็นไปตามแผน เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก


จางเซวียนชำเลืองมองศพของฟู่เฉิงสื่อ “หมอนี่ทรยศหอนิรันดร์หรือ?”


จากการใช้หอสมุดเทียบฟ้ากับฟู่เฉิงสื่อ ชัดเจนว่าอีกฝ่ายคือผู้อาวุโสของหอนิรันดร์ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเขาจึงช่วยเหลือชายวัยกลางคนซึ่งเป็นนักรบของหอเทพเจ้า?


พวกเขามีข้อตกลงลับๆบางอย่าง หรือฟู่เฉิงสื่อคือสายลับจากหอเทพเจ้าที่เข้าไปแทรกซึมอยู่ในหอนิรันดร์?


มีความเป็นไปได้ว่าหอนิรันดร์อาจยอมจำนนให้หอเทพเจ้า แต่จางเซวียนไม่คิดว่าโอกาสเกิดเรื่องแบบนั้นจะมีมากนัก เพราะถึงอย่างไรหอนิรันดร์ก็ได้ตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ มาทั้งหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะสั่นคลอนสถานภาพของหอนิรันดร์ในทวีปที่ถูกลืมได้อีก


ไม่มีเหตุผลใดเลยที่หอนิรันดร์จะต้องร่วมมือกับหอเทพเจ้า!


แถมเวลานี้ปรมาจารย์ขงก็เป็นหัวหน้าคนปัจจุบันของหอนิรันดร์ด้วย


จางเซวียนเคยคิดจะจับเป็นฟู่เฉิงสื่อเพื่อทำการสอบสวน แต่เขาไม่กล้าเปิดช่องโหว่ใดๆเมื่อต้องรับมือกับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ถ้าเขาไม่ฆ่าทั้งคู่เสียตอนที่ยังมีโอกาส ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าพวกเขาจะงัดกลยุทธใดออกมาใช้อีก เขาไม่อาจเสี่ยงกับการปล่อยให้พวกนั้นหนีไปและเปิดเผยตัวตน กับไม้ตายของเขา


รู้ดีว่ามัวแต่ครุ่นคิดก็คงไม่ได้คำตอบ จางเซวียนหันไปมองสุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงซึ่งกำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาประสานมือ “หัวหน้าตู้ชิงหย่วน ผมคือเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงคนใหม่, หลิวหยาง ขอให้ผมช่วยเยียวยาอาการบาดเจ็บของคุณนะ”


ฟู่เฉิงสื่อเล่นงานอีกฝ่ายอย่างหนัก ซึ่งหากเธอไม่ได้รับการเยียวยาโดยเร็ว ก็มีโอกาสเสียชีวิต


จางเซวียนนำขวดหยกออกมาใบหนึ่ง แต่ขณะที่กำลังจะยื่นให้ สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงก็ชักดาบแล้วชี้ตรงมาที่เขา


“อะไรกัน?” จางเซวียนชะงัก


เขารีบถอย แต่พริบตาต่อมา ร่างของสุภาพสตรีคนนั้นก็สลายกลายเป็นม่านหมอก หายวับไปจากสายตา


รู้ดีว่าเธอกำลังสำแดงศิลปะการเคลื่อนไหวบางอย่าง จางเซวียนตะโกน “หัวหน้าตู้?” แต่สายไปแล้ว สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงไม่อยู่ตรงนั้นอีกต่อไป


“เธอคงกลัวว่าเราจะทำร้ายเธอเหมือนกัน…” จางเซวียนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา


ในเมื่ออีกฝ่ายเพิ่งถูกฟู่เฉิงสื่อแทงข้างหลังทั้งๆที่เธอพยายามปกป้องเขา ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะระแวงจางเซวียนเช่นกัน ต่อให้เขาเพิ่งช่วยชีวิตเธอจาก 2 ผู้เชี่ยวชาญของหอเทพเจ้าก็ตาม


ตอนนี้เป็นช่วงเวลาคับขันของตำหนักคว้าดาว เธอคงไม่ยอมเสี่ยง


เพราะถึงอย่างไร สำนักดาวเจ็ดดวงก็ใช่ว่าจะมีความสัมพันธ์อันดีกับตำหนักคว้าดาว แต่เขาก็ยัง เสี่ยงอันตรายบุกเข้ามาในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายเพื่อช่วยชีวิตเธอ แถมยังนำของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ชิ้นหนึ่งกับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีก 4 ตัวมาด้วย


คงยากที่เธอจะไม่สงสัย


เพียงแต่…แท่นบูชายังอยู่ที่นั่น


เธอยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องแท่นบูชาไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของอีกฝ่าย แล้วทำไมตอนนี้ถึงทิ้งมันไปดื้อๆ?


จางเซวียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา เขาเดินไปหาร่างของชายวัยกลางคนที่เพิ่งถูกสังหารไป รูดแหวนเก็บสมบัติของอีกฝ่าย และแสดงความเป็นเจ้าของแหวนนั้น เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วจึงเดินเข้าไปพิจารณาแท่นบูชาอย่างถี่ถ้วน


เปลวไฟสีฟ้ายังคงลุกโพลง แผ่รังสีที่ทำให้ผู้พบเห็นต้องตัวสั่น ราวกับมันได้หลอมรวมกับเทพเจ้าจากสรวงสวรรค์


สิ่งนี้ทำให้จางเซวียนขมวดคิ้ว


เท่าที่เขาเห็น สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงกำลังอยู่ระหว่างการประกอบพิธีกรรมตอนที่เธอถูกโจมตี และเธอก็ไม่มีโอกาสประกอบพิธีกรรมต่อให้เสร็จสิ้น พิธีนั้นจึงสะดุดลงทันทีที่เธอหนีไป


แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากลับตรงกันข้าม เปลวเพลิงสีฟ้ายังคงลุกโพลงเจิดจ้า เป็นเรื่องที่หาคำอธิบายไม่ได้เมื่อเปลวเพลิงยังคงลุกโชนอยู่แม้ไม่มีเชื้อเพลิงแล้ว


“ดับ!”


จางเซวียนกระดิกนิ้ว แล้วเปลวเพลิงสีฟ้าก็มอดดับ เขาเปิดใช้ดวงตาหยั่งรู้แล้วตรวจสอบแท่นบูชาที่ได้ชื่อว่าสามารถเข้าถึงเทพเจ้า ทำให้แม้แต่หอเทพเจ้าก็พยายามทุกวิถีทางที่จะครอบครองมัน


เมื่อมองเผินๆ แท่นบูชานี้ดูเหมือนกับแท่นบูชาที่อำมาตย์เฉินหย่งเคยใช้เรียกเทพเจ้าจากมิติเบื้องบน มันมีรังสีเก่าแก่โบร่ำโบราณ บ่งบอกว่าเป็นของล้ำค่าดึกดำบรรพ์ที่ถูกส่งทอดกันมาหลายชั่วอายุคน


จางเซวียนยื่นมือออกไปสัมผัสมัน เขาตาโตขึ้นมาทันทีพร้อมกับหัวเราะลั่น


“ไม่น่าเชื่อว่าพวกนั้นถูกหลอก!” จางเซวียนหัวเราะหึๆขณะส่ายหน้า


เขาอยากเห็นว่าแท่นบูชานี้ล้ำค่าขนาดไหน ฟู่เฉิงสื่อกับชายวัยกลางคนถึงยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันไป แต่แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ที่พบว่าแท่นบูชานี้เป็นของปลอม


ดูเหมือนฟู่เฉิงสื่อจะแสดงละครไม่เก่งเท่าไหร่


แต่นั่นแหละ เขาต้องยอมรับว่าแท่นบูชาถูกสร้างเลียนแบบได้อย่างแนบเนียน ถึงขนาดที่ดวงตาหยั่งรู้ของเขาก็ดูไม่ออก หากไม่ใช้หอสมุดเทียบฟ้า ก็คงมองไม่เห็นความผิดปกติเช่นกัน


ฉลามหมายเลข 1 เดินเตาะแตะเข้ามาและพูดว่า “นายท่าน มีโลหิตเทพเจ้าเปรอะเปื้อนบนผิวหน้าของแท่นบูชา”


ได้ยินคำนั้น จางเซวียนจ้องดูใกล้ๆ เห็นอักษรจารึกสีแดงก่ำปรากฏจางๆอยู่บนผิวของมัน เขาได้ยินเสียงฮัมจากอักษรจารึกที่ทำให้จิตวิญญาณสั่นไหว


เขานำจี้สีแดงก่ำออกมาและทาบมันเข้ากับอักษรจารึก ซึ่งก็เป็นไปตามคาด จี้นั้นร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อสัมผัสกับอักษรจารึก


“มันคือโลหิตเทพเจ้าจริงๆ…” จางเซวียนระบายลมหายใจยาว


ไม่แปลกใจแล้วที่พวกนั้นดูไม่ออกว่าแท่นบูชาเป็นของปลอม ตำหนักคว้าดาวลงทุนถึงขนาดใช้โลหิตเทพเจ้าอันล้ำค่าจัดฉากการประกอบพิธีกรรมเพื่อล่อลวงคนพวกนั้น!


“แต่ถ้าแท่นบูชาอันนี้เป็นของปลอม…แล้วของจริงอยู่ที่ไหน?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


ตู้ชิงหย่วนยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากหอเทพเจ้าไม่ให้นำแท่นบูชาของจริงไปได้ เพราะฉะนั้น แท่นบูชาของจริงถูกซ่อนไว้ที่ไหนกัน?


“ช่างมันเถอะ มัวคิดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องสำคัญที่สุดคือหาตัวหัวหน้าตู้ให้ได้ก่อน เธอคือเงื่อนงำเดียวที่จะนำไปสู่หลัวลั่วชิง…”


จางเซวียนสะบัดข้อมือ เขานำแท่นบูชากับศพของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้งสองคนใส่เข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้น ตัวเขาพร้อมกับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 4 ตัวกับตัวโคลนก็มุ่งหน้าไปตามทิศทางที่สุภาพสตรีหน้ากากทองแดงหายตัวไป


ตอนที่ 2096 คุณเป็นใคร?

“หัวหน้าตู้บาดเจ็บสาหัส เธอคงไปไม่ได้ไกลนักหรอก ช่วยผมตามหาเธอด้วย” จางเซวียนสั่งการ


จากนั้น ทั้ง 6 ก็สำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างรวดเร็ว


เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายมีซากปรักหักพังกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด จึงมีซอกหลืบมากมายให้ซ่อนตัว ถ้าจางเซวียนต้องค้นหาตามลำพัง ใครจะรู้ว่าเขาต้องใช้เวลานานแค่ไหน?


เพราะมีอันตรายอยู่โดยรอบ คงจะดีกว่ามากหากรีบสำรวจให้เสร็จสิ้นไปเพื่อจะได้ออกจากที่นี่


“นายท่าน!”


ราว 3 นาทีต่อมา เต่าหลังดำก็มายืนตรงหน้าและชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง


ทั้งกลุ่มมุ่งหน้าไปตามทิศทางนั้น ด้วยนัยน์ตาหยั่งรู้ จางเซวียนรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ


ไม่มีร่องรอยโดดเด่นใดๆในบริเวณนั้น แต่พลังจิตวิญญาณที่อบอวลอยู่มีความเข้มข้นมากกว่าที่อื่น ไม่เพียงเท่านั้น ยังดูเหมือนมันเพิ่งได้รับการขัดเกลาด้วย


“เธอน่าจะอยู่แถวนี้แหละ เธอคงควบคุมพละกำลังของตัวเองไม่ได้เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส” จางเซวียนพูดพร้อมกับพยักหน้า


สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงถูกโจมตีอวัยวะสำคัญ ทำให้อยู่ในสภาพเป็นตายเท่ากัน เธอคงคิดว่ากลบเกลื่อนร่องรอยของตัวเองอย่างดีแล้ว แต่ก็ไม่อาจควบคุมวรยุทธได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดถึงขนาดยับยั้งพลังปราณไม่ให้รั่วไหลออกจากร่างได้


เพราะมีบรรยากาศของการเสื่อมถอยอยู่โดยรอบ อาการบาดเจ็บของเธอจึงเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องตายแน่


ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดสำหรับเขาที่จะต้องหาตัวเธอให้พบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้เธอมีชีวิตรอด


ไม่อย่างนั้น ทุกอย่างจะสูญเปล่า


จางเซวียนรีบสำรวจพื้นที่โดยรอบ แต่ไม่พบอะไรเลย


“มัวควานหาตัวเธอแบบนี้คงไม่ได้การ ในเมื่อเธอได้รับบาดเจ็บ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเธอจะดึงดูดกระแสบรรยากาศของการเสื่อมถอยเข้าหาตัว เราน่าจะแกะรอยตามการเคลื่อนไหวของบรรยากาศของการเสื่อมถอยจะดีกว่า…”


จางเซวียนจึงกวักมือเรียกตัวโคลน “มานี่หน่อย!”


ตัวโคลนเดินเข้ามาพร้อมกับขมวดคิ้ว


“อยู่ให้นิ่งที่สุดนะ อย่าขยับตัว” จางเซวียนพูดขณะชักดาบถงซังออกมาและจ้วงแทงตัวโคลน


ฉึกกกก!


หน้าอกของตัวโคลนเป็นรูทันที


“ผมอยากให้คุณเดินไปรอบๆเพื่อทดสอบความเข้มข้นของบรรยากาศของการเสื่อมถอย ยิ่งบาดแผลแย่ลงเร็วเท่าไหร่ ก็แปลว่าบรรยากาศของการเสื่อมถอยเข้มข้นขึ้นเท่านั้น” จางเซวียนพูด


ตัวโคลนพูดไม่ออก


จะบ้าหรือไง!


คุณคือคนที่อยากรู้ว่าบรรยากาศของการเสื่อมถอยเข้มข้นแค่ไหน แล้วทำไมถึงไม่แทงตัวเองล่ะ? ต่อให้คุณกลัวเจ็บ ก็ยังมีอสูรอีกมากมายอยู่กับตัว…เป็นบ้าอะไรถึงมาแทงผม!


“เอาเถอะ ในหมู่พวกเราน่ะ ไม่มีใครมีความสามารถขับบรรยากาศของการเสื่อมถอยออกจากตัว” จางเซวียนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “คุณคือคนเดียวที่ทำเรื่องน่าทึ่งแบบนั้นได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องยอมเสี่ยง”


“เรื่องนี้ตัดสินกันที่ความเชี่ยวชาญ ไม่ใช่เพราะการที่คุณโชว์เหนือกับผมก่อนหน้านี้หรอก ผมน่ะไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นชนิดที่จะหาทางแก้แค้นด้วยวิธีการชั่วร้าย!”


ตัวโคลนของจางเซวียนอ้าปากค้าง


งั้นหรือ? แต่ตอนนี้น่ะ คุณดูเหมือนคนเจ้าคิดเจ้าแค้นชนิดที่จะหาทางแก้แค้นด้วยวิธีการชั่วร้ายกับผมเลยล่ะ!


ผมก็แค่โชว์เหนือนิดหน่อยเองไม่ใช่หรือ? คุณต้องเอาเป็นเอาตายขนาดนี้เลยหรือไง?


ขณะที่เขาพูด ควันดำก็ลอยโขมงขึ้นจากบาดแผลของตัวโคลน แต่ก็ไม่ต่างจากครั้งก่อน ร่างกายของตัวโคลนกำจัดบรรยากาศของการเสื่อมถอยที่ซึมซาบเข้าสู่บาดแผลออกไปโดยอัตโนมัติ


“น่าเสียดายนะที่แผลพวกนี้อยู่บนตัวผมได้ไม่นานนัก ผมไม่คิดว่าผมจะวัดความเข้มข้นของบรรยากาศของการเสื่อมถอยอย่างที่คุณต้องการได้หรอก…อ๊ากกกก!”


ตัวโคลนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ก้มลงมอง เห็นดาบของจางเซวียนแทงฉึกเข้าที่ร่างกายส่วนอื่นของเขา


“คุณไม่ต้องห่วงน่ะ อาจจะเหนื่อยยากสักหน่อย แต่ผมเต็มใจที่จะรับหน้าที่สร้างบาดแผลมากมายให้ คุณจะได้ทำงานสำเร็จ” จางเซวียนพูดยิ้มๆ


เส้นเลือดที่ขมับของตัวโคลนปูดโปนขึ้นมา เขาโมโหจนอยากจะทุบศีรษะของจางเซวียนให้ยุบ


ตัวโคลนถอนหายใจอย่างจนปัญญา เขาลากสังขารที่แผลเต็มตัวเดินวนไปรอบๆบริเวณนั้นเพื่อทดสอบความเข้มข้นของบรรยากาศของการเสื่อมถอย


เป็นอย่างที่จางเซวียนคาดไว้ พื้นที่นั้นมีระดับความเข้มข้นของบรรยากาศของการเสื่อมถอยที่แตกต่างกันไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ช้าตัวโคลนก็พบบริเวณหนึ่งที่มีความเข้มข้นของบรรยากาศของการเสื่อมถอยในระดับสูงสุด


สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือมันเป็นพื้นที่ที่มีซากปรักหักพังไม่มาก แต่มีพืชพันธุ์อยู่หนาแน่น


เถาวัลย์เลื้อยไต่ไปตามกำแพงและปกคลุมหลังคา


จางเซวียนหรี่ตามองบริเวณนั้น จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก


เขารีบเหลียวมองโดยรอบก่อนจะนำธงค่ายกลกว่า 100 อันออกมาด้วยการสะบัดข้อมือ และเมื่อกระดิกนิ้ว ธงค่ายกลทั้งหมดก็ลอยละลิ่วออกไปปักอยู่ตามจุดต่างๆ เกิดเป็นกำแพงที่ก่อตัวขึ้นจากสายลม


หลังจากเสร็จสิ้น จางเซวียนก็โผขึ้นสู่กลางอากาศและตะโกนก้อง “หัวหน้าตู้ ผมคือหลิวหยาง, เจ้าสำนักดาวเจ็ดดวง ผมไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับหอเทพเจ้าหรือหอนิรันดร์ ผมรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนสักแห่งด้านล่างนี่ และอยากวิงวอนให้คุณปรากฏตัวเพื่อที่ผมจะได้ช่วยเยียวยาบาดแผลให้ ไม่อย่างนั้น คุณคงมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงหนึ่งก้านธูปเพราะถูกบรรยากาศของการเสื่อมถอยกัดกร่อน ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด อวัยวะภายในและทางเดินพลังปราณของคุณใกล้หมดสภาพเต็มทีแล้วเพราะการกัดกร่อนนั้น ในเวลานี้ แค่จะหายใจก็ยังลำบาก!”


ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสของสุภาพสตรีหน้ากากทองแดง แค่จะใช้ชีวิตอยู่ภายนอกก็แทบเอาตัวไม่รอดแล้ว นับประสาอะไรกับในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย ทันทีที่บรรยากาศของการเสื่อมถอยซึมซาบเข้าสู่บาดแผลของเธอ มันจะค่อยๆกัดกร่อนอวัยวะภายในและทำลายจุดสำคัญของร่างกายอย่างช้าๆ


ต่อให้เธอทนไหว ก็คงอยู่ได้ไม่นาน แม้จะเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ก็ตาม


บึ้มมมม!


เถาวัลย์ที่ก่ายพันกันระเบิดออกทันที สุภาพสตรีหน้ากากทองแดงพุ่งออกมา เธอตัวสั่นไม่หยุดเพราะอาการเจ็บปวดแสนสาหัส แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงตั้งตัวตรงอยู่ได้ เธอจับจ้องจางเซวียนด้วยสายตาหวาดระแวง ยังไม่พร้อมจะไว้ใจเขา


เธอกลัวว่าชายหนุ่มคนนี้อาจเป็นไพ่อีกใบหนึ่งที่หอเทพเจ้าใช้ล่อเธอออกมา มีความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายคงรู้แล้วว่าแท่นบูชาที่เธอทิ้งไว้เป็นของปลอม!


เหล่านักรบจากหอเทพเจ้าล้วนแต่เย็นชาไร้ความรู้สึก สำหรับพวกเขา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ


เธอรู้ดีว่าแท่นบูชาเป็นของล้ำค่าขนาดไหน และไม่ได้แปลกใจที่หอเทพเจ้าพร้อมสละชีวิตของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มากมายหลายคนเพื่อให้ได้มันมา อีกอย่าง ถึงชายหนุ่มคนนี้จะสังหารนักรบของหอเทพเจ้าไปถึง 2 คน แต่ใครจะแน่ใจได้ว่านี่ไม่ใช่อีกกลยุทธหนึ่งที่มีไว้ล่อลวงเธอ?


ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่พร้อมจะไว้ใจเขา สุภาพสตรีหน้ากากทองแดงไม่อาจปล่อยให้ตำหนักคว้าดาว ต้องล่มสลายเพราะการตัดสินใจผิดพลาดของเธอ!


“ฉันซ่อนแท่นบูชาไว้ในส่วนลึกของเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย พวกคุณน่ะไม่มีทางหาเจอหรอก ไม่จำเป็นต้องพยายามทำอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าอยากฆ่าฉันล่ะก็ ขอแนะนำว่าให้ทำเสียเลย แต่คุณจะไม่ได้อะไรจากฉันแม้แต่อย่างเดียว!” สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงคำราม


“คุณเข้าใจเจตนาของผมผิดแล้วล่ะ” จางเซวียนตอบพร้อมกับถอนหายใจ เขายื่นขวดหยกใบหนึ่งออกไปแล้วปล่อยให้มันลอยอยู่ตรงหน้าเธอ “ดื่มยาฟื้นฟูสภาพร่างกายที่อยู่ภายในขวดหยกใบนี้เสีย ไม่อย่างนั้น ต่อให้ผมไม่ทำอะไร คุณก็ไม่มีทางเอาชีวิตรอดออกจากที่นี่ได้หรอก”


สุภาพสตรีหน้ากากทองแดงเหลียวมองโดยรอบ และเห็นทันทีว่าไม่มีทางที่เธอจะพรวดพราดหนีออกไปได้ เมื่อรู้ว่าหมดหนทาง จึงรับขวดหยกมาและดื่มของเหลวในนั้นลงไปอย่างไม่เต็มใจ


ชายหนุ่มพูดถูก อวัยวะภายในของเธอถูกบรรยากาศของการเสื่อมถอยกัดกร่อน พลังงานของเธอก็เหือดแห้งเกือบหมด อาการบาดเจ็บนั้นรุนแรงยิ่งกว่าที่ผู้อาวุโสไป๋เย่ได้รับในครั้งนั้นเสียอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ป่านนี้คงตายไปนานแล้ว


ในเมื่อเส้นทางหลบหนีทั้งหมดถูกค่ายกลที่ชายหนุ่มติดตั้งขึ้นสกัดกั้นไว้ ไม่ว่าสิ่งที่อยู่ในขวดหยกจะเป็นยาพิษหรือยาถอนพิษ ก็ไม่แตกต่างอะไรสำหรับเธอ อย่างมากที่สุดเธอก็แค่ระเบิดวรยุทธและลากชายหนุ่มลงนรกไปพร้อมกัน!


หลังจากดื่มน้ำในขวดหยกจนหมด สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป


ครู่ต่อมา สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงกระอักเลือดออกมากองใหญ่ เลือดนั้นไม่ได้เป็นสีแดงก่ำ แต่กลับเป็นสีดำสนิท เมื่อกระเซ็นลงพื้น ควันดำก็ลอยคลุ้งและสลายตัวไปในบรรยากาศ


“ฮะ…”


สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ


เธอรู้ดีว่าเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายเป็นอย่างไร และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธอติดตั้งค่ายกลที่เชื่อมโยงกับดอกไม้ปีศาจใต้สำนึกไว้ล่วงหน้าเพื่อกำจัดกำลังคนของหอเทพเจ้า


เนิ่นนานหลายปีมาแล้วที่ทุกคนคิดว่าชีวิตจะต้องจบสิ้นทันทีที่บรรยากาศของการเสื่อมถอยซึมซาบเข้าสู่ร่างกาย แต่อาการบาดเจ็บของเธอกลับหายเป็นปลิดทิ้งเพียงแค่ดื่มน้ำขวดหนึ่ง


“คุณเป็นใคร?” สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงตั้งคำถามพร้อมกับหรี่ตา


เป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มคนจากหอเทพเจ้าจะมีน้ำใจถึงขนาดรักษาเธอจนหาย อีกอย่าง เธอก็ไม่เคยได้ยินว่าหอเทพเจ้ามีวิธีขจัดบรรยากาศของการเสื่อมถอยออกจากร่างกายอย่างได้ผลแบบนี้ การที่นักรบมากมายของหอเทพเจ้าต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี


ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงไม่น่าจะสมรู้ร่วมคิดกับฟู่เฉิงสื่อและคนอื่นๆ


“ผมบอกคุณแล้ว ผมคือหลิวหยาง, เจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงคนใหม่ ผมมาที่นี่เพื่อตามหาคุณ ไม่ใช่เพราะแท่นบูชา แต่เพราะอยากสอบถามข้อมูลบางอย่าง” จางเซวียนประสานมือ


“คุณอยากสอบถามข้อมูลบางอย่าง?”


“ใช่ ผมได้ยินว่าหัวหน้าตู้เคยประกอบพิธีกรรมเหนือทะเลว่างเปล่าเพื่อเรียกเทพเจ้ามา ไม่ทราบว่าเทพเจ้าผู้นั้นคือหลัวลั่วชิงหรือเปล่า?” จางเซวียนถามอย่างกระวนกระวาย


แต่สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงกลับมองเขาโดยไม่ตอบอะไร เธอขมวดคิ้ว


เห็นความระแวงของอีกฝ่าย จางเซวียนนำจี้สีแดงก่ำออกมาและพูดว่า “คุณคงรู้จักของล้ำค่าชิ้นนี้นะ ใช่ไหม?”


ในเมื่อฉลามสามพี่น้องจำจี้อันนี้ได้แม้จะได้เห็นเพียงครั้งเดียว ในฐานะผู้ที่ทำพิธีกรรมเรียกหลัวลั่วชิงลงมายังมิติเบื้องบน ตู้ชิงหย่วนน่าจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี


“นี่คือ…สมบัติของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ?” สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงตาโตขณะร่างโงนเงนเล็กน้อย เธอตั้งคำถามด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความไม่อยากเชื่อ “หรือว่าคุณคือ…เจ้าสำนักจางเซวียน?”


“ใช่” จางเซวียนพยักหน้าขณะรีบกำจัดอานุภาพของเครื่องรางแห่งการปลอมตัวเพื่อกลับสู่รูปลักษณ์ดั้งเดิม


ตอนที่ 2097 นึกไว้ไม่มีผิด

สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงรีบทรุดตัวลงคุกเข่า “ผู้อาวุโสเจียงเหยาแห่งตำหนักคว้าดาวคารวะเจ้าสำนักจาง!”


“เจียงเหยา?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


สุภาพสตรีผู้นั้นถอดหน้ากากทองแดงของเธอออก เผยให้เห็นหน้าตาที่บ่งบอกถึงอายุวัยกลางคน เธอลดสายตาลงต่ำด้วยความยำเกรงขณะอธิบาย “พวกเราได้รับข้อมูลว่าหอเทพเจ้าคิดจะฉกฉวยแท่นบูชาไป หัวหน้าตู้จึงสั่งการให้ฉันปลอมตัวเป็นเธอ ให้ฉันมาที่เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายเพื่อหาโอกาสสังหารพวกนั้นขณะที่เธอซุกซ่อนแท่นบูชาไว้ในพื้นที่ลี้ลับแห่งหนึ่ง”


“เอ่อ…” จางเซวียนกระพริบตาปริบๆ


ดูเหมือนตู้ชิงหย่วนจะเป็นคนละเอียดซับซ้อนอยู่มาก แต่ในเมื่อเธอกลายเป็นศัตรูกับหอเทพเจ้าแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องทำแบบนี้


และความเหนื่อยยากของเธอก็ส่งผล เห็นได้ชัดว่าเธอคือผู้ชนะในสงครามของการประลองสติปัญญาหลังจากที่เกิดทุกอย่างขึ้นแล้ว


เป็นไปได้ว่าเธอคาดเดาไว้แล้วว่าผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่กับคนอื่นๆคงไม่อาจเก็บความลับเรื่องนี้ไว้ได้นาน จึงจงใจปล่อยข่าวลวงเพื่อล่อคนจากหอเทพเจ้าให้มาที่เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย


นั่นจะช่วยยื้อเวลาให้ตู้ชิงหย่วนประกอบพิธีกรรมของเธอจนเสร็จสิ้น


“แต่วรยุทธของคุณ…” จางเซวียน ตั้งข้อสังเกตพร้อมกับขมวดคิ้ว


เท่าที่เขารู้ ตำหนักคว้าดาวไม่มีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนอื่นอีกนอกจากตู้ชิงหย่วน และวิธีเดียวที่นักรบจะสำเร็จวรยุทธขั้นนี้ได้ก็คือผ่านสะพานเบื้องบนที่ลงมาทุก 100 ปีเท่านั้น!


แล้วอีกฝ่ายจะเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้อย่างไร?


“เป็นเพราะโลหิตเทพเจ้า” เจียงเหยาอธิบาย


จางเซวียนตาโต


โลหิตเทพเจ้าเพียง 2-3 หยดก็เกินพอจะทำให้เต่าหลังดำกับฉลามสามพี่น้องฝ่าด่านคอขวดขั้นสุดท้ายได้สำเร็จ ซึ่งในฐานะผู้ที่สามารถเรียกเทพเจ้าลงมาได้ ตู้ชิงหย่วนก็น่าจะนำโลหิตเทพเจ้ามาได้เช่นกัน


ด้วยสิ่งนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเกินไปที่จะมีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนอื่นๆอยู่ในตำหนักคว้าดาว


แต่เพราะเหตุการณ์แบบนี้จะสั่นคลอนสมดุลของอำนาจระหว่าง 6 สํานักใหญ่ ตำหนักคว้าดาวจึงเก็บเรื่องดังกล่าวไว้เป็นความลับ เป็นไปได้ว่าเหตุผลที่เจียงเหยาได้รับเลือกให้กลืนกินโลหิตเทพเจ้าก็เพราะเธอมีความใกล้ชิดสนิทสนมและภักดีต่อตู้ชิงหย่วน เหมือนที่ผู้อาวุโสเฟิงปฏิบัติต่อคุ่ยเฉี่ยว


หลังจากแน่ใจแล้วว่าเจียงเหยาไม่รู้เรื่องหลัวลั่วชิง จางเซวียนถามต่อพร้อมกับขมวดคิ้ว “แล้วตอนนี้หัวหน้าตู้อยู่ที่ไหน?”


“หัวหน้าของเราสั่งการให้ฉันดูแลคุณอย่างดีที่สุด และทำตามทุกคำขอของคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข, เจ้าสำนักจาง แต่ฉันเกรงว่าสำหรับเรื่องนั้น…ฉันจะไม่รู้จริงๆ” เจียงเหยาตอบพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ


“เจ้าสำนักจาง?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


เขาออกจะงุนงงกับคำเรียกขานนี้ จริงอยู่ว่าเขาเป็นหัวหน้าหอนานาอสูรและเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวง แต่เจ้าสำนักจาง…คำนี้มาจากไหน?


“ใช่” เจียงเหยาก็แปลกใจที่เห็นจางเซวียนงุนงงกับคำเรียกขานของเธอ “ก็คุณเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหินนี่”


ทั่วทั้งทวีปรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว การที่เจ้าตัวจะไม่รู้คงเป็นไปไม่ได้หรอก ถูกไหม?


จางเซวียนอ้าปากค้างอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือก “ตอนนี้อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนั้นเลย ออกจากเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายกันก่อนเถอะ ผมอยากให้คุณช่วยผมติดต่อหัวหน้าตู้และบอกเธอว่าผมตามหาตัวเธออยู่ ผมเชื่อว่าผมน่าจะช่วยเธอรับมือกับภัยคุกคามจากหอเทพเจ้าได้”


รู้ดีว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอมีอำนาจล้นมือ เจียงเหยารีบพยักหน้า “ได้สิ!” จากนั้นเธอก็พาจางเซวียนไปยังทางออก


เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายคือดินแดนอันลึกลับโหดร้ายที่มีความโหดเหี้ยมทุกรูปแบบ แต่เจียงเหยาคุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศดี และจางเซวียนก็ตรวจจับภัยคุกคามได้จากระยะไกลด้วยการใช้ดวงตาหยั่งรู้ สิ่งนี้ทำให้ทั้งคู่หลีกเลี่ยงอันตรายได้ตลอดทาง


หรือต่อให้พวกเขาโชคไม่ดีจนต้องเจอกับอันตรายระหว่างทาง แต่ก็แข็งแกร่งพอที่จะผ่านอันตรายเหล่านั้นไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ


ทั้งคู่กลับมาถึงทะเลทรายหลังจากเดินทางได้ราว 1 ชั่วโมง


เจียงเหยาหายตึงเครียดทันทีที่ได้ออกจากเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย เธอหันไปบอกจางเซวียน “ฉันจะพยายามติดต่อหัวหน้าของเราเดี๋ยวนี้แหละ”


เธอเตรียมใจไว้แล้วว่าคงต้องเอาชีวิตไปทิ้งในสถานที่อันมืดมนและน่าขยะแขยงนั้น เมื่อได้รับไออุ่นของแสงแดดอีกครั้ง จึงรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่


เจียงเหยานำตราหยกสื่อสารออกมา จากนั้นก็รีบติดตั้งค่ายกลเพื่อขยายอาณาเขตการทำงานของตราหยก ครู่ต่อมาเธอพูดว่า “ฉันส่งข้อความหาหัวหน้าตู้แล้ว ตอนนี้กลับตำหนักคว้าดาวกันเถอะ หัวหน้าจะตามไปที่นั่นทันทีที่เธอได้รับข้อความของฉัน”


“อือ” จางเซวียนพยักหน้า


ทั้งคู่ขี่ฉลามหมายเลข 1 มุ่งหน้ากลับสู่ทะเลคว้าดาว


…..


ในมิติอีกแห่งที่อยู่ห่างไกลออกไป หัวหน้าตำหนักคว้าดาว, ตู้ชิงหย่วน กำลังยืนอยู่หน้าแท่นบูชาขณะพึมพำเบาๆ


แท่นบูชาแผ่รังสีสวรรค์ออกมา ทำให้เปลวเพลิงที่อยู่ด้านบนลุกโชนอย่างโกรธเกรี้ยว


ฟึ่บ!


ครู่ต่อมา ภาพลวงตาภาพหนึ่งก็ค่อยๆปรากฏเหนือแท่นบูชานั้น


“ผู้มอบบรรณาการ บอกความปรารถนาของคุณมา…”


เสียงนั้นแจ่มชัดแม้จะมาจากที่ไกลๆ ราวกับเดินทางข้ามผ่านมิติมากมายกว่าจะมาถึงที่นี่


“ฉันอยากพบเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ” ตู้ชิงหย่วนคุกเข่าลงกับพื้น


“เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณจากไปแล้ว” ร่างนั้นตอบ


ตู้ชิงหย่วนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “มีบางอย่างที่ฉันอยากรายงาน หอเทพเจ้าโจมตี 6 สํานักใหญ่ และช่วงเวลาที่สะพานเบื้องบนจะลงมาก็ถูกเลื่อนให้เร็วขึ้นอย่างกะทันหัน ฉันเกรงว่าน่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในหอเทพเจ้า


ร่างนั้นขมวดคิ้ว “คุณรู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไหม?”


“ฉันมีข้อสันนิษฐานอยู่ในใจ แต่ไม่แน่ใจนักว่าจะถูกต้องหรือเปล่า” ตู้ชิงหย่วนตอบ “การที่หอเทพเจ้าเข้ามาก้าวก่ายกิจธุระของมนุษย์และพยายามฉกฉวยแท่นบูชาไป…ฉันสงสัยว่าน่าจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับ…”


บึ้มมมมม!


ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ มิติที่อยู่ด้านหลังเธอก็บิดเบี้ยวกระทันหัน อีกร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นภายในมิตินั้น


ด้วยการสะบัดข้อมือเบาๆ ร่างที่อยู่เหนือแท่นบูชาก็สลายตัวไปในม่านหมอก


ชายที่เพิ่งปรากฏตัวเดินตรงเข้าคว้าแท่นบูชา แท่นระเบิดพลังงานมหาศาลออกมาเป็นการตอบโต้ แต่เขาก็กำจัดพลังงานทั้งหมดได้ด้วยการกระดิกนิ้วเพียงครั้งเดียว


แล้วแท่นบูชาก็ไปอยู่ในมือของเขา


เมื่อเห็นว่าไม่ว่าเทพเจ้าหรือแท่นบูชาก็ยับยั้งอีกฝ่ายไม่ได้ ตู้ชิงหย่วนหรี่ตาด้วยความประหลาดใจสุดขีด เธอกำลังจะตรงเข้าโจมตี ก็พอดีกับที่อีกฝ่ายหันกลับมาพร้อมกับยิ้มอ่อน


“หัวหน้าตู้ เราพบกันอีกแล้วนะ”


“ฉันนึกไว้ไม่มีผิด คุณจริงๆหรือ?”


ตู้ชิงหย่วนรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอจมดิ่งลงสู่ส่วนลึกของแม่น้ำที่เย็นเยือกจนเป็นน้ำแข็ง


ผ่านไปครึ่งวัน จางเซวียนกับเจียงเหยาก็กลับถึงตำหนักคว้าดาว


ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่ตาค้างด้วยความไม่อยากเชื่อเมื่อได้เห็นเจียงเหยา เธอเคยคิดว่าการจากกันครั้งก่อนคงเป็นการจากกันชั่วนิรันดร์ แต่อีกฝ่ายก็เอาชีวิตรอดกลับมาได้!


“ทั้งหมดนี้ ต้องขอบคุณเจ้าสำนักจางเซวียนที่ช่วยเหลือ” เจียงเหยาอธิบาย


“เจ้าสำนักจางเซวียน? คุณหมายถึงเจ้าสำนักดาบเมฆเหินคนใหม่?” ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ชะงัก


เจียงเหยาพยักหน้าก่อนจะย้อนถาม “หัวหน้าตู้กลับมาหรือยัง?”


ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ส่ายหน้า


“แบบนี้ออกจะแปลกๆนะ ฉันส่งข้อความหาหัวหน้าตู้หลังจากที่ฉันปลอดภัย เธอจึงน่าจะกลับมาทันทีที่ได้รับข้อความของฉัน ทำไมป่านนี้ยังมาไม่ถึง?”


เธอไม่รู้จริงๆว่าตู้ชิงหยวนเดินทางไปที่ไหน แต่ก็คงไม่ห่างไกลเหมือนเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย หัวหน้าตู้จึงควรจะกลับมาถึงก่อนพวกเขา


“รออีกสักหน่อยเถอะ หัวหน้าอาจมีธุระบางอย่าง ด้วยพละกำลังของเธอ ไม่น่าเกิดเรื่องร้ายแรงกับเธอได้หรอก” ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ตอบ


“ก็จริง” เจียงเหยาพยักหน้า


เธอจัดที่พักให้จางเซวียนก่อนจะเดินวนไปมารอบห้องโถงใหญ่ รอให้ตู้ชิงหย่วนกลับมา แต่แม้จะผ่านไปครึ่งวันแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของอีกฝ่าย เรื่องนี้ทำให้สองผู้อาวุโสเริ่มตื่นตระหนก


“ไปที่ตำหนักพิธีกรรม และพยายามติดต่อหัวหน้าตู้โดยผ่านพิธีกรรมกันเถอะ” เจียงเหยาพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว


พวกเธออยู่กับตู้ชิงหย่วนมากกว่าพันปีแล้ว รู้นิสัยของอีกฝ่ายดี หัวหน้าตู้จะต้องรีบกลับมาทันทีที่ได้ข่าว เธอไม่ใช่คนชนิดที่จะปล่อยให้อะไรรั้งตัวไว้ได้หากมีธุระสำคัญ


แต่เธอไม่แม้แต่จะตอบข้อความ หรือว่าจะตกอยู่ในอันตราย?


ด้วยความกังวลใจสุดขีด เจียงเหยากับผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่มุ่งหน้าไปยังที่พักของจางเซวียนเพื่อเร่งเขาให้ไปที่ตำหนักพิธีกรรมพร้อมกับพวกเธอ


ในห้องขนาดใหญ่ แท่นบูชาอันหนึ่งที่มีหน้าตาเหมือนกันกับที่จางเซวียนได้เห็นในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายตั้งอยู่ใจกลางห้อง


สองผู้อาวุโสของตำหนักคว้าดาวรีบจัดเรียงเครื่องบรรณาการหลายชิ้นลงบนแท่นบูชา ครู่ต่อมา เปลวเพลิงสีฟ้าก็ลุกโพลงบนแท่นนั้น


เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันดีว่าแท่นบูชาของตำหนักคว้าดาวสามารถข้ามผ่านมิติเพื่อติดต่อกับเทพเจ้าได้ การติดต่อกับบุคคลที่อยู่ในมิติเดียวกันจึงไม่ใช่ปัญหา


เปลวเพลิงสีฟ้าสั่นระริกเหมือนกับกำลังร้องเรียกใครบางคน เจียงเหยาหยดเลือด 3 หยดลงบนแท่นบูชา เปลวเพลิงอันทรงพลังลุกโพลงและแปรสภาพเป็นร่างของใครคนหนึ่ง


ร่างของคนผู้นั้นค่อยๆชัดเจนขึ้น แต่จู่ๆเปลวเพลิงก็ระเบิดตูม


จางเซวียนขมวดคิ้วขณะเฝ้ามองกระบวนการทั้งหมดอยู่ข้างๆ


เพราะเขาเคยพำนักอยู่ในเมืองหลวงของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นในทวีปแห่งปรมาจารย์มาระยะหนึ่ง ได้อ่านหนังสือมากมายของเผ่าพันธุ์ปีศาจพวกนั้น จึงพอเข้าใจพิธีกรรมที่เจียงเหยากับจ้าวเยว่กำลังดำเนินการ


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่าพิธีกรรมล้มเหลว กลับตรงกันข้าม มันหมายความว่าพิธีกรรมนี้เป็นผลสำเร็จ เพียงแต่บุคคลที่พวกเขาพยายามเรียกไม่อาจปรากฏตัวได้


หรือพูดอีกอย่างก็คือ…


“เกิดเรื่องกับหัวหน้าตู้ของเราแล้ว” เจียงเหยากับผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่พึมพำด้วยใบหน้าซีดเผือด


เจียงเหยาหันไปอธิบายกับจางเซวียนด้วยน้ำเสียงร้อนรน “โดยปกติ พิธีกรรมนี้จะเชื่อมโยงพวกเราเข้ากับจิตใต้สำนึกของหัวหน้าตู้ ทำให้เราสื่อสารกับเธอได้โดยตรง การที่เปลวเพลิงสูญสลายไปอย่างกะทันหันหมายความว่าหัวหน้าตู้ปฏิเสธการติดต่อของเรา หรือไม่…เธอก็ไม่อยู่ในสภาวะที่จะรับการติดต่อจากเราได้…”


จางเซวียนหรี่ตา


หลังจากมาตรการตอบโต้ทั้งหมดที่ตู้ชิงหย่วนจัดเตรียมไว้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหอเทพเจ้า ลงท้ายเธอจะถูกพวกเขาจับได้หรือเปล่า?


ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง หอเทพเจ้าก็น่าสะพรึงกว่าที่เขาคิดไว้มาก!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)