ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 209-216

 บทที่ 209 นี่แหละคือเสน่ห์

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่ออยู่กับเบลค ฉินสือโอวได้พูดกับเขาว่า “เพื่อน ฉันขอบคุณในความหวังดีของนายมากจริงๆ แต่ถ้าไม่ได้มีธุระอะไร ฉันอยากจะขอตัวกลับก่อน วินนี่กำลังรอฉันอยู่”


เบลคตบไหล่ของเขาแล้วหัวเราะฮ่าๆ ออกมา “เพื่อน นายเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายที่สุดและซื่อสัตย์ที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลย แต่ว่าคืนนี้ไม่ต้องใช้ชีวิตเรียบง่ายแล้ว สนุกหน่อย นายต้องทำอะไรสนุกๆหน่อย! ที่นี่คือแคนาดา น้องเอ๋ย ไม่ใช่เมืองจีนของนาย ที่นี่คือสวรรค์ของคนมีเงิน นายต้องรู้จักออกไปเปิดหูเปิดตารับสิ่งใหม่บ้าง คืนนี้อย่าเพิ่งสนใจภรรยากับสัตว์เลี้ยงของนายเลย คืนนี้ปาร์ตี้เป็นของนายนะ!”


ฉินสือโอวยักไหล่ เบลคจึงพูดขึ้นต่อทันทีว่าแบรนดอนก็กำลังรีบตามมา เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงไม่สามารถยืนยันที่จะกลับไปได้อีก เนื่องจากเขายังมีธุระที่ต้องปรึกษาหารือกับสองคนนี้อยู่


เมื่อมาถึงลานจอดรถ ทันใดนั้นเบลคก็ขยิบตาให้เขาอย่างปลิ้นปล้อนแล้วพูดกับเขาว่า  “เพื่อน นายอยากจะขับรถเองไหม?”


ฉินสือโอวไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับไปพักหนึ่ง เขายิ้มแล้วพูดว่า “รถของฉันจอดอยู่ที่เกาะแฟร์เวลน่ะ อีกอย่างคือ ฉันไม่มีใบขับขี่ด้วย”


เบลคอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นเขาจึงโบกมือปัดๆไปมา “นายไม่ต้องไปสนใจเรื่องใบขับขี่หรอก เข้าใจไหม? แค่นายขับรถคันนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องหลีกทางให้นายทั้งนั้น!”


ฉินสือโอวกำลังจะถามเขาว่าวันนี้เขาขับรถถังมาหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าพอเบลคยกกุญแจรีโมทรถยนต์ออกมากดก็มีเสียงนุ่มๆดังติ๊ดๆพร้อมไฟที่ส่องสว่างขึ้นจากรถที่จอดอยู่ในส่วนท้ายสุดของโรงจอดรถ


เมื่อฉินสือโอวเดินข้ามไปดู ก็อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้


ฐานของรถคันนี้ต่ำมาก ดังนั้นเมื่อสักครู่จึงโดนรถคันอื่นบังอยู่ ฉินสือโอวจึงมองไม่เห็นทุกด้านของรถ ถ้ามองจากข้างนอกแล้ว ส่วนลำตัวของรถเรียบง่ายและราบรื่นมาก มีความโค้งมันที่สวยงามและน่าประทับใจ เป็นสีดำทั้งคัน จากนั้นก็เสริมด้วยลายเส้นสีขาว


สีดำขอรถคันนี้ไม่ใช่สีดำที่เกิดจากการพ่นสีดำเงาของสีทารถยนต์ หากแต่มีสีดำสนิท แต่กลับมีเสน่ห์สวยงามอย่างน่าประหลาด  ฉินสือโอวรู้ว่า ที่รถคันนี้มีลักษณะเช่นนี้ก็เพราะว่าวัสดุทั้งคันของมันมีส่วนผสมของคาร์บอนไฟเบอร์


ตอนที่เขาเดินมาถึงด้านหน้าของรถ ประตูทั้งสองข้างของรถก็ค่อยๆเปิดออก เหมือนกับนกตัวใหญ่ที่กางปีกทั้งสองข้างออก สวยงดงามจนดูไม่หวาดไม่ไหว


“พอร์ช 918 !” ฉินสือโอวชมเชย


ใช่แล้ว รถคันนี้คือ พอร์ช 918 สไปเดอร์ ซูเปอร์สตาร์ของวงการรถซูเปอร์คาร์ เมื่อก่อนฉินสือโอวแค่เคยเห็นจากทีวีและนิตยสาร ไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันนี้จะได้เจอของจริง เหมือนคำพูดของเสี่ยวเสินหยางที่ว่า แค่ได้เห็นก็ตายตาหลับแล้ว


สำหรับบรรดาคนรักรถทั้งหลายแล้ว ได้เห็นรถพอร์ช 918 ด้วยตาของตนเองล้วนถือว่าเป็นเรื่องที่เหมือนกับความฝัน เนื่องจากรถคันนี้แพงเกินไป ฉินสือโอวไม่รู้ราคาขายในแคนาดา แต่ราคาที่จีนนั้นก็เกือบจะสิบสี่ล้าน!


เมื่อเห็นท่าทางของฉินสือโอวแล้ว เบลคก็หัวเราะออกมา เขาโยนรีโมทกุญแจรถไปให้ฉินสือโอว แล้วพูดว่า “มาสิ ฉิน ไปลองวูฟ วอริเออร์ ของฉันกันเถอะ คืนนี้มันเป็นของนายแล้ว”


“วูฟ วอริเออร์? เป็นชื่อที่ไม่เลวเลย” ฉินสือโอวยิ้มออกมา แต่หากเขาก็ยังส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมาว่า “ฉันไม่เคยขับรถซูเปอร์คาร์มาก่อน นายขับคงจะดีกว่า”


เบลคโบกมือแล้วพูดว่า  “ไม่ๆๆ เพื่อน ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวนายก็มีซูเปอร์คาร์เป็นของตัวเอง แม็คลาเรน พี1 ลาเฟอร์รารี่ ปากานี ซอนดา อาร์ ไปจนถึง รถเอสเอสซี สิ่งที่นายต้องทำตอนนี้ ก็คือรับรู้ถึงความรู้สึกของการขับเคลื่อนที่ราวกับสัตว์ป่าไปก่อน   ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมาก ที่ได้เป็นคนนำนางเข้าสู้เส้นทางของรถซูเปอร์คาร์”


เนื่องจากเบลคจะปลุกเร้าเขาไม่หยุด ฉินสือโอวจึงขึ้นไปนั่ง ทำอย่างมากที่สุดก็เพียงขับไปอย่างช้าๆ


ทว่าพูดกันตามจริงแล้ว เขาไม่ได้อยากจะซื้อรถซูเปอร์คาร์เลยจริงๆ พื้นที่ในแคนาดากว้างใหญ่มหาศาล แต่ภายในหนึ่งปีก็มีหิมะตกไปแล้วทั้งหมดหกเดือน ถึงแม้นครเซนต์จอห์นจะมีอากาศอบอุ่น แต่ที่ท่าขายปลาเล็กๆแห่งนั้นจะสามารถขับรถสปอร์ตแล่นไปมาได้เหรอ? ถ้าซื้อรถสปอร์ตในประเทศนี้ ก็เหมือนกับพวกคนรวยที่เสียสตินั่นเอง!


ถ้าอยากจะแสวงหาความเร็ว ฉินสือโอวคงจะเลือกซื้อเรือเร็วเอฟวันขับควบไปในมหาสมุทรมากกว่า แบบนั้นถึงจะเหมือนทะเลที่กว้างใหญ่ที่แล้วแต่ปลาจะว่ายวน!


แต่ว่ารถพอร์ช ที่เคยใฝ่ฝันหาแม้ในยามหลับฝันก็อยู่ตรงหน้านี้แล้ว ไม่ลองสัมผัสสักครั้งก็คงจะเสียโอกาส ด้วยเหตุนี้จึงก้าวขึ้นรถไป


หากได้ขับรถหรูแบบนี้เป็นครั้งแรก ฉินสือโอวคงต้องปล่อยไก่ออกมาแน่ๆ พอดีที่เขาเข้าที่เข้าทางกับรถคาดิลแลควัน จึงทำให้เขามีประสบการณ์การขับรถหรูอยู่ก่อนแล้ว


เมื่อขึ้นมาบนรถเขาไม่ได้หารูเสียบกุญแจ หาพวงมาลัยและเกียร์รถเลยทันที ภายในห้องขับรถของพอร์ช 918 นั้นว่างเปล่า ดูแล้วน่าประหลาดมาก เขาใช้มือทำท่าทางส่งไปให้เบลค เบลคจึงเปิดที่ประทับลายนิ้วมือแล้วจึงวางนิ้วโป้งประทับลงไป


หลังจากนั้น ก็เหมือนอย่างกับรถทรานส์ฟอร์มเมอร์ส ภายในที่นั่งคนขับก็มีเสียง ‘ชึ๊บๆ’ ดังขึ้น พวงมาลัยก็ยื่นออกมา แท่นเกียร์ก็โผล่ออกมาเช่นกัน


เบลคพิสูจน์ลายนิ้วมือไปแล้วสองครั้ง รถก็สตาร์ทติดขึ้นมาทันที ว่ากันว่ามีเครื่องยนต์V8 618แรงม้า ที่ส่งเสียงต่ำ ‘ฮึ่มฮึ่ม’ อย่างมีพลังดั่งสัตว์ร้ายที่ตื่นจากการหลับใหล


ฉินสือโอวเหยียบคันเร่งและเข้าเกียร์อย่างสงบนิ่ง รถค่อยๆเพิ่มความเร็วและออกตัวไป


ตอนที่ขับออกมาจากพื้นที่ของลานจอดรถ เพิงของรถก็ค่อยๆเก็บเข้ามา เบลคหัวเราะฮ่าๆแล้วพูดว่า  “ขับรถซูเปอร์คาร์ก็ต้องเปิดประทุนสิ เพื่อน สวมแว่นกันแดด แล้วสนุกกับมันหน่อย สนุกกัน!”


ฉินสือโอวแอบส่ายหัวในใจ ลูกเศรษฐีแคนาดาพวกนี้แปลกจริงๆ ตอนทำธุรกิจทั้งสงบนิ่งทั้งฉลาดเฉียบแหลม พออยู่ในเวลาส่วนตัวก็เหมือนคนบ้าดีๆนี่เอง


เห็นท่าทางเหมือนพวกฮิปปี้ของเบลคแล้ว ใครจะไปคิดว่าครั้งแรกที่เจอกับฉินสือโอวเขาจะมีบุคลิกภายนอกเป็นอัจฉริยะที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมกันล่ะ?


ถึงแม้รถในออตตาวาจะเทียบกับรถในเมืองใหญ่ในอเมริกาไม่ได้ แต่ก็จัดว่าอยู่ในชั้นแนวหน้าของอเมริกาเหนือ ดังนั้นฉินสือโอวจึงไม่กล้าที่จะขับเร็วเกินไป เขาขับรถไปข้างหน้าโดยที่ยังปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนอยู่


พวกเขาเซ็นสัญญาที่ดำเนินการโดยกรมการวางแผนทรัพยากรโลหะล้ำค่าแห่งแคนาดา ตั้งอยู่ที่บริเวณศูนย์กลาง คลองเดินเรือที่มีชื่อเสียงหลายเส้นก็พาดผ่านที่นี่ เหมือนกับมีดดาบที่แยกเขตพื้นที่ศูนย์กลางออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งคือเขตคิวยู และเขตพื้นที่ปลายน้ำ


เขตพื้นที่ปลายน้ำคือเขตการรวมตัวของบริษัทและห้างหุ้นส่วนของออตตาวา ส่วนเขตคิวยูคือสถานที่ตั้งของหน่วยงานราชการและธนาคารรวมไปถึงสถาบันองค์กรต่างๆ เช่นนี้แล้วเมื่อขับออกไปจากเขตคิวยู ขับมุ่งหน้าไปตามถนนใหญ่เวลลิงตัน ทะลุผ่านคลองริดู เข้าไปสู่เขตปากแม่น้ำ ก็จะเข้าสู่ถนนใหญ่ริดูที่มุ่งหน้าออกไปนอกเมือง


แค่ครู่เดียวรถออดี้เอหก ก็ขับเข้ามา คนขับลดหน้าต่างลง แล้วยกนิ้วโป้งให้พวกเขา พร้อมกับพูดว่า “เป็นรถที่เยี่ยมยอดจริงๆ”


ฉินสือโอวยิ้มกลับไป เขายังคงขับรถต่อไปอย่างเรื่อยๆไม่ช้าไม่เร็วเกินไป เบลคกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่หลังจากนั้นก็คิดๆอยู่สักพักแล้วแอบยิ้มออกมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร


จากประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ว่องไวของฉินสือโอว มีหรือที่เขาจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงท่าทางที่เปลี่ยนไป? ทว่าเขาก็ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่ต้องการจะทำอะไร ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับไป


ไม่นานนัก ความวุ่นวายของเขาก็มาถึง รถมอเตอร์ไซค์ตำรวจคันหนึ่งขับเข้ามาหาพวกเขา ไฟสัญญาณเตือนก็ร้องเสียง ‘วี๊หว่อๆ’ เข้ามาใกล้เพื่อบอกให้เขาจอดรถชิดกับริมถนน


ใจของฉินสือโอวเต้นตึกตัก ให้ตายเถอะตัวเขาเองไม่มีใบขับขี่ ครั้งนี้ขับรถตอนกลางคืนมามากจนเจอผีเข้าเสียแล้ว  ว่าแต่ว่า ทำไมรถตำรวจคันนี้ถึงได้บอกให้เขาหยุดรถกันล่ะ? เขาไม่ได้ทำผิดกฎอะไรเลยด้วยซ้ำ


หลังจากตำรวจจราจรคนนั้นลงมาจากรถก็ไม่ได้ขอตรวจใบขับขี่ แต่กลับบอกเขาว่า  “คุณครับ คุณขับรถช้าเกินไปหน่อย ขอให้ช่วยเร่งความเร็วขึ้นหน่อยนะครับ ขอคุณที่ให้ความร่วมมือครับ”


ฉินสือโอวก็ถึงกลับตะลึงตาค้าง ตำรวจจราจรของออตตาวาอยากจะดูการแข่งขันรถฟอร์มูลาวันหรืออะไรกันแน่? เมื่อสักครู่เขาขับรถด้วยความเร็วสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับการขับรถในเมืองแล้ว ความเร็วเท่านี้ก็นับว่าเร็วมากแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมตำรวจจราจรถึงได้ขอให้เขาขับรถเร็วขึ้นอีกหน่อยกันนะ?


ตำรวจจราจรคนนั้นไม่ได้ให้คำอธิบาย เขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปเซลฟี่อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า ‘เป็นรถที่ดีจริงๆ’ แล้วจึงจากไป


รอจนเขาเดินไปแล้ว เบลคก็หัวเราะเสียงดังออกมา ฉินสือโอวมองเขาอย่างพิลึกและยากที่ที่จะเข้าใจ เขาถึงค่อยอธิบายว่า “เพื่อน นายต้องรู้ด้วยว่านายกำลังขับรถอะไรอยู่ รถซูเปอร์คาร์ชั้นหนึ่ง! ปริมาณความร้อนของเครื่องยนต์ที่รถคันนี้สร้างขึ้นนั้นน่ากลัวมาก นายต้องเพิ่มความเร็วให้มากขึ้นอีก เพื่อให้ระบายความร้อนได้สะดวก ไม่อย่างนั้นนานๆไปเครื่องยนต์จะเกิดการลุกไหม้ได้เอง! รถซูเปอร์คาร์ขับเข้ามาในเมือง ความเร็วที่ตำรวจจราจรยอมให้ขับได้คือห้าสิบไมล์!”


ขออธิบายตรงนี้ว่า การขับรถที่จีนจะใช้จำนวนกิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นมาตรฐาน ที่แคนาดาและอเมริกา จะใช้หน่วยวัดเป็น ‘ไมล์’


“ไมล์” ไมล์ในภาษาอังกฤษคือการอ่านออกเสียงง่ายๆของคำว่า “Mile” หรือ “Miles”  หนึ่งไมล์เท่ากับหกกิโลเมตร ห้าสิบไมล์เท่ากับแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับการขับรถในเมืองแล้วการขับรถด้วยความเร็วเท่านี้ ก็นับว่าค่อนข้างน่ากลัวแล้ว


………………………………………………………..


บทที่ 210 ใจเย็น

โดย

Ink Stone_Fantasy

รถวิ่งไปบนถนนอีกครั้ง ฉินสือโอวจึงเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้น ความจริงแล้ว ถนนในออตตาวากว้างและตรงมาก ดังนั้นความเร็วล้วนแต่ไม่มีคันไหนขับช้า  ที่เมื่อสักครู่เขาขับรถอย่างระมัดระวังขนาดนั้น ก็เป็นเพราะว่านั่นเป็นครั้งแรกที่เขาขับรถซูเปอร์คาร์เขาต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองและชีวิตของผู้อื่นด้วย


ในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของแคนาดา ก็คงจะอดทอดถอนใจกับความยิ่งใหญ่ของออตตาวาไม่ได้ เมืองนี้เป็นเหมือนกระดานเกมหมากรุกที่สุขุมและมั่นคง จึงทำให้สามารถแยกทิศทางได้อย่างง่ายดาย ทุกๆช่วงถนนของเมืองนี้ โดยทั่วไปแล้วจากเหนือจรดใต้จะยาวราวๆสี่สิบห้าสิบเมตร จากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกจะกว้างถึงราวๆหนึ่งร้อยยี่สิบเมตรกว่าๆ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้สามารถยืนยันตำแหน่งตนเองได้โดยง่าย


เมื่อรถกลับมาวิ่งบนถนนอีกครั้งก็มีรถหลายคันวิ่งแซงขึ้นมา ตอนที่รถพวกนี้กำลังจะแซงพวกเขาไปคนขับรถก็จะบีบแตรและรถหน้าต่างลงจากนั้นก็ตะโกนออกมาหาพวกเขา เห็นได้ชัดว่า ที่ออตตาวาเองก็คงจะไม่ได้พบเจอรถหรูแบบนี้ได้บ่อยๆเช่นกัน


ฉินสือโอวที่กำลังเข้าที่เข้าทางแล้ว ด้านหลังก็มีรถขับแซงขึ้นมาอีก เป็นรถมิตซูบิชิ ขณะที่กำลังจะขับแซงไปเจ้าของรถคันนั้นก็บีบแตรไม่หยุด


ความนี้ฉินสือโอวก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว เขาสบถด่าว่า “รถญี่ปุ่นบุโรทั่งแบบแกคิดจะมาสู้กับฉันงั้นเหรอ? เอาเถอะ วันนี้ฉันจะสั่งสอนแกเองว่าคนจริงเขาทำกันยังไง!”


เมื่อพูดจบ เขาก็เหยียบคันเร่งลงไป มือซ้ายบังคับพวงมาลัยไว้อย่างมั่นคงส่วนมือขวาก็เปลี่ยนเกียร์ด้วยความรวดเร็ว เครื่องยนต์ของรถพอร์ช 918 ก็เริ่มส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง อัตราการหมุนรอบของล้อก็เพิ่มขึ้นทันที เสียง ‘เอี๊ยด’ ของล้อที่เสียดสีกับถนนก็ดังออกมา รถพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ราวกับสายฟ้าฟาด


“โว้ว!”เบลคถูกความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ตกใจจนตัวโยน คนบนรถก็ถูกแรงต้านผลักไปข้างหลังจนตัวถูกดันติดกับเบาะรถ


ได้ยินเสียงร้องคำรามอย่างเดือดดาลของเครื่องยนต์ เลือดในตัวของฉินสือโอวก็เดือดพล่านขึ้นมาเช่นกัน ลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาปะทะกับใบหน้า รถ คน และ ต้นไม้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลัง ความเร็วนำมาซึ่งความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจของผู้ชายที่ทำให้เขาเสพติด


โชคดีที่ตอนนี้รถวิ่งมาถึงถนนรอบนอกของเมืองแล้ว รถที่อยู่บนถนนก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ฉินสือโอวเหยียบคันเร่งอย่างเต็มที่ เขารวบรวมสมาธิไว้อย่างสูง มือซ้ายจับกระชับพวงมาลัยไว้พร้อมทั้งไม่หยุดหมุนมันเพื่อบังคับทิศทาง ส่วนมือขวาก็ขยับเกียร์รถเพื่อเพิ่มความเร็วให้สอดคล้องกับเท้าที่เหยียบคันเร่ง เพียงครู่เดียวรถพอร์ช 918 ก็กลายร่างเป็นสัตว์ร้ายที่ร้องคำรามและพุ่งทะยานไปข้างหน้า


คราวนี้เบลคก็ไม่กล้าพูดแซวฉินสือโอวแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาแสดงออกถึงความวิตกกังวล ความเร็วที่ทะลุหนึ่งร้อยยี่สิบไมล์ไปจนถึงหนึ่งร้อยหกสิบไมล์ในชั่วพริบตา หรือก็เท่ากับสองร้อยห้าสิบกิโลเมตรนั่นเอง


โชคดีที่ฉินสือโอวควบคุมตัวเองได้ดีเป็นอย่างยิ่ง เขาลองขับไปแล้วสี่สิบกว่ากิโลเมตรจากนั้นถึงลดความเร็วลง เบลคจึงได้ถอนแว่นตาออกแล้วเช็ดคราบน้ำตา แล้วพูดขึ้นมาด้วยใจที่ยังมีความหวาดผวาอยู่ว่า “ฉันจะบอกว่าครั้งหน้าก่อนจะเพิ่มความเร็ว ช่วยปิดประทุนรถก่อนโอเคไหม? ฉันที่อยู่ทางนี้โดนลมพัดจนมองไม่เห็นอะไรแล้ว นายไม่เป็นอะไรเลยหรือยังไง?”


ฉินสือโอวยิ้มตอบเขาไปว่า “ถ้าเทียบกับเทพเจ้าสายฟ้ามืดของฉันแล้ว ความเร็วเท่านี้ก็ไม่เห็นจะมีอะไร”


เบลคจัดการงานปาร์ตี้ไว้เรียบร้อยแล้ว เขานั่งรถเล่นกับฉินสือโอวสักพัก รถพอร์ช 918 ก็เตรียมจะไปร่วมงานเลี้ยงแล้ว คราวนี้รถจากัวร์เอ็กซ์เคสีแดงเพลิงคันก็ขับเข้ามา


ถึงแม้ว่าจะเป็นรถซูเปอร์คาร์เหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับรถพอร์ช 918 ชปึแดร์ที่สูงค่าแล้ว รถจากัวร์เอ็กซ์เคก็เท่ากับมาตรฐานของรถซูเปอร์คาร์ทั่วไป รถยี่ห้อนี้ขนาดขายที่จีนก็ยังมีราคาไม่ถึงหนึ่งล้าน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่อเมริกาเหนือเลย ฉินสือโอวมองด้วยตาก็เดาได้ว่าน่าจะมีราคาแค่แสนสามแสนสี่ดอลลาร์แคนาดาเท่านั้น


หน้าต่างรถถูกลดระดับลงแล้ว สาวสวมเสื้อกล้าม แต่งหน้าแบบสโมคกี้อายก็ยื่นตัวออกมาพูดกับฉินสือโอวว่า “เฮ้ สุดหล่อ รถสวยจังเลยนะ มาทำความรู้จักกันหน่อยไหม?”


ฉินสือโอวกลัวจะเกิดเรื่องจึงลดความเร็วลง เขาพูดหยอกว่า “คนสวย คุณอายุเท่าไรกันเนี่ย? ผมไม่สนใจคนที่ยังไม่โตหรอกนะ ผมกลัวหมายศาลน่ะ”


ถึงแม้สาวน้อยคนนั้นจะแต่งหน้าหนาหนัก ทว่าฉินสือโอวก็เดาว่าน่าจะมีอายุมากสุดแค่สิบหกสิบเจ็ดปีเท่านั้น ยังไงก็ยังเป็นเด็กวัยรุ่นแน่นอน


ปรากฏว่า เด็กสาวคนนั้นกลับทำสิ่งทำให้เขาต้องถึงกับอึ้งออกมา เด็กสาวถอดเสื้อกล้ามออกมาทันที อีกทั้งเธอยังไม่ได้ใส่อะไรไว้ข้างใน เมื่อเป็นเช่นนี้หน้าอกคู่นั้นก็ถูกโชว์ให้เห็น


ถึงแม้ว่าจะเป็นยามอาทิตย์ลับขอบฟ้าในฝั่งตะวันตก ทว่าตอนนี้ก็ยังพอมีแสงอยู่ ฉินสือโอวที่รับการเปลี่ยนแปลงจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจนทำให้มีการมองเห็นที่ดีขึ้น จึงมองเห็นแม้กระทั่งเมล็ดถั่วเล็กๆที่อยู่ในรอบวงสีเชอร์รีนั้นได้อย่างชัดเจน!


ฉินสือโอวรีบเหยียบเบรก ประสบการณ์ครั้งนี้น่าหวาดเสียวเกินไปแล้ว ชายหนุ่มบริสุทธิ์อย่างเขาค่อนข้างจะรับไม่ไหว


เบลคก็ผิวปากขึ้นมาทันที เด็กสาวคนนั้นพูดกับฉินสือโอวว่า “เห็นชัดหรือยังว่าฉันโตแล้วหรือยังไม่โต? หรือต้องให้ฉันถอดกระโปรงคุณจะพิสูจน์ได้ละเอียดๆสักหน่อยเอาไหม?”


คราวนี้ฉินสือโอวไม่กล้าพูดอะไรแล้ว เขารีบเหยียบคันเร่งเพื่อสลัดแม่สาวคนนั้นให้พ้นไป เบลคพูดกับเขาว่า  “เป็นโอกาสที่ดีนะ จากประสบการณ์ของฉันแล้ว แม่สาวคนนั้นคงจะนุ่มนิ่มน่าดู……”


“ถ้านายรู้สึกเสียดาย งั้นนายก็กลับไปสิ ยังไงรถคันนี้มันก็เป็นรถของนายอยู่แล้ว” ฉินสือโอวพูดขึ้นมาอย่างคนที่อารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก


เบลคส่ายหัวแล้วพูดกับเขาว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ คนสำคัญของวันนี้คือนายนะ อีกอย่าง พอไปถึงปาร์ตี้ก็คงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีสาวๆสวยๆแล้วใช่ไหมล่ะ? แม่สาวคนเมื่อกี้น่าจะยังไม่ถึงระดับล่ะนะ”


ฉินสือโอวก็ส่ายหัวบ้างแล้ว เหมือนจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่องเลยสินะ ในฐานะที่เป็นผู้ชาย เขาก็มักจะมีความต้องการเช่นกัน อย่างเช่นในไดรฟ์อีก็มีหนังโตเกียวสุดฮอตอะไรพวกนั้นซ่อนอยู่ เมื่อถึงเวลากลางคืนเขาก็อาจจะเพลิดเพลินกับมันด้วยตัวของเขาเอง


ทว่า เขาก็คงไม่สามารถทำตัวเละเทะโดยการไปมั่วกับผู้หญิงคนอื่นได้


อย่างแรกเลยก็เพราะว่าเกาะแฟร์เวลไม่มีผู้หญิงที่เละเทะแบบนั้น อย่างที่สองคือเขารู้สึกว่าความสามารถในการควบคุมตัวเองของเขาแท้จริงแล้วเหมือนกันกับผู้หญิงเลยด้วยซ้ำ ขอเพียงแค่คุณไม่ปล่อยให้มันหลุดจากการควบคุมออกมา เช่นนั้นแล้วไม่ว่าแรงดึงดูดใดๆก็จะสามารถต้านทานไว้ได้ หากทนไม่ได้หนึ่งครั้ง ต่อไปก็จะมีหลักการอะไรหลงเหลือแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแรงยั่วยุใดๆก็คงจะต้านทานไว้ไม่ได้แน่ๆ


สถานที่ที่เบลคจัดเตรียมงานปาร์ตี้ไว้ตั้งอยู่ที่ชานเมืองฝั่งทางตอนเหนือของออตตาวา เมื่อขับผ่านพิพิธภัณฑ์ศิลปะและโรงกษาปณ์แคนาดามา ที่นั่นก็จะเป็นตลาดกลางคืนของออตตาวาแล้ว


ตลาดกลางคืนแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนเอลจิน อยู่ติดกันกับตลาดบายวอร์ดที่มีชื่อเสียง บนถนนเส้นนี้มีไนต์คลับและบาร์เหล้าอยู่เป็นจำนวนมาก ในยามที่แสงไฟในตอนกลางคืนถูกเปิดขึ้น ที่นี่ก็จะเริ่มคึกคักขึ้นมา มีหนุ่มหล่อสาวสวยที่เพลิดเพลินจนลืมกลับบ้านหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด เต็มไปด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจ


ฉินสือโอวพูดขึ้นมาว่า “ฉันนึกว่านายจะเลือกจัดปาร์ตี้ที่ถนนสปาร์ตาคัสหรือไม่ก็ที่ถนนควีนเสียอีก ได้ยินมาว่าที่นั่นมีระดับกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?”


บนถนนสองสายนี้ก็มีบาร์เหล้าเป็นจำนวนมากเช่นกัน บรรยากาศค่อนข้างจะสงบกว่า ตนในวงการศิลปะ และคนในวงการบันเทิงจะไปที่นั่นกัน


เบลคส่ายหัวตอบ “ไม่ๆๆ ไม่ไปที่นั่นอยู่แล้ว พวกเราออกมาหาความสำราญนะ น้องชาย! ที่นั่นก็เหมือนกับหลุมศพนั่นแหละ มีแต่พวกคนอกหักอย่างฆ่าตัวตายเท่านั้นแหละที่จะไปที่นั่น ถนนเอลจินสิถึงจะเป็นสวรรค์ของเรา”


เมื่อมาถึงที่นี่ รถซูเปอร์คาร์ก็ขับต่อไปไม่ได้แล้ว อีกทั้งคนที่นี่ก็ทำให้ฉินสือโอวเร่งความเร็วไม่ได้ และแม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่รถหรูชื่อดังมารวมตัวกัน ทว่ารถพอร์ช 918 สไปเดอร์ก็ยังเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ได้รับการกล่าวขานถึงอยู่ดี


รถขับจากหัวมุมถนนมาจนถึงส่วนท้ายของเส้นถนน ระหว่างนั้นก็มีคนยื่นเอากระดาษและนามบัตรส่งให้ฉินสือโอวไม่หยุด ล้วนแต่มาจากผู้หญิงเซ็กซี่ทั้งนั้นจุดประสงค์ของคนพวกนี้คืออะไรก็คงเห็นได้อย่างชัดเจน


ฉินสือโอวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาอยากจะปิดประทุนรถขึ้น แต่เบลคบอกเขาว่าไม่จำเป็น เมื่อมาถึงสถานที่แบบนี้ก็ไม่ต้องทำเป็นเหนียมอายแล้ว ในเมื่อนายขับรถหรูมาแล้วจะยังต้องกลัวฝูงคนที่จ้องมองไปทำไมกัน? ถ้าไม่อยากเป็นจุดสนใจของคนอื่น ถ้างั้นก็ขับรถออดี้แทนซะสิ


ฉินสือโอวแอบตอบกลับไปในใจว่าถึงนายจะพูดแบบนี้ แต่รถออดี้ในประเทศฉันก็ถือว่าเป็นรถหรูที่ดึงดูดความสนใจคนได้อยู่ดีโอเคไหม แต่นายกลับพูดเหมือนมันเป็นขยะอย่างนั้นน่ะเหรอ? ถ้าหากจะเทียบกันจริงๆ ก็เอาไปเทียบกับรถโฟลคสวาเก้น ซานาเถอะ


ภายใต้การออกคำสั่งของเบลค ในที่สุดรถก็หยุดลงในบริเวณลานจอดรถที่อยู่ข้างหน้าตึกเล็กๆตึกหนึ่ง ตึกเล็กๆแห่งนี้ตั้งอยู่ที่จุดสิ้นสุดของถนนเส้นนี้ ป้ายชื่อร้านก็ทำขึ้นจากไฟนีออนอย่างง่ายๆ เขียนชื่อร้านเอาไว้ว่า ‘ลอสต์ พาราไดซ์’


“ตอแหลจริงๆ” ฉินสือโอวแบะปาก ถึงกับหลงทางไปในสวรรค์งั้นเหรอ ชื่อนี้โอเวอร์เกินไปแล้วล่ะ


รถของพวกเขาเพิ่งจะหยุดลง ก็มีรถอีกคันขับเข้ามาจอดข้างๆกันกับพวกเขา รถคันนั้นคือ บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 5 ที่เห็นได้บ่อยในแคนาดา หลังจากนั้นหญิงสาวสวมแว่นกันแดดที่มีเรือนร่างอรชรก็ลงมาจากรถ


เมื่อสาวสวยคนนั้นลงจากรถก็หันมามองรถพอร์ช 918 สไปเดอร์ ด้วยความสนอกสนใจ เธอถอดแว่นตาออกแล้วส่งยิ้มน่ามองให้กับฉินสือโอว  “รถคุณไม่เลวเลยนะคะ สวยมากเลย”


ฉินสือโอวมองเห็นลักษณะท่าทางของเธอได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก จึงส่งยิ้มตามมารยาทกลับไป จากนั้นจึงเดินเข้าไปในไนต์คลับที่ชื่อว่าลอสต์ พาราไดซ์พร้อมกันกับเบลค


หลังจากผ่านประตูมาแล้ว เบลคก็หยอกเขาว่า “ไม่เลวเลย ฉิน นายนี่นับว่ามีมาดเลยล่ะ ครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับอาวริล ลาวีน ฉันยังใจเย็นได้ไม่เท่านายเลยด้วยซ้ำ”


………………………………………………..


บทที่ 211 งานปาร์ตี้ที่แท้จริง

โดย

Ink Stone_Fantasy

“อาวริล? อะไรนะ? เมื่อกี้นี้คืออาวริล?”ฉินสือโอวถามเขาด้วยความตื่นเต้นตกใจ “อาวริลที่เป็นราชินีเพลงร็อกของแคนาดาน่ะเหรอ?”


ดูเหมือนว่าเบลคจะช็อกยิ่งกว่าฉินสือโอวเสียอีก เขาถามว่า “อะไรนะ นายจำเธอไม่ได้หรอกเหรอ? นั่นคืออาวริล ลาวีนยังไงล่ะ ตัวเล็กๆ แบบนั้น แต่งหน้าแบบสโมคกี้อายอย่างนั้น นั่นเป็นสัญลักษณ์ของเธอเลยนะ”


ความสูงของอาวริลไม่ถึงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร ท่ามกลางบรรดาผู้หญิงผิวขาวแล้วความสูงเท่านนี้ก็นับว่าเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กมากอยู่ ส่วนการแต่งหน้าแบบสโมคกี้อายของเธอนั้น ก็นับว่าโด่งดังเป็นอย่างมาก ตอนนี้ที่จีนคนในประเทศก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเธอเหมือนกัน


ฉินสือโอวหันกลับไปดู แต่ก็มองไม่เห็นเธอแล้ว จึงทำให้เขาค่อนข้างผิดหวัง ถ้าได้ถ่ายรูปคู่แล้วเอารูปไปลงในคิวคิว ของเขาเองล่ะก็ คงจะดูดีไม่หยอกเลย


ร้านลอสต์ พาราไดซ์เมื่อมองจากด้านนอกแล้ว ก็เป็นแค่ตึกเล็กๆ เพียงตึกหนึ่งเท่านั้น มีความสูงราวๆหกเจ็ดชั้น เมื่อเข้ามาข้างในแล้วก็ไม่ได้มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจอะไร ฉินสือโอวจึงถามขึ้นมาว่า “ปาร์ตี้ยังไม่เริ่มเหรอ?”


เบลคยักคิ้วแล้วพาเขาเดินเข้าไปในลิฟต์ ลิฟต์โดยสารก็ตรงลงไปยังชั้นสองทันที จากนั้นประตูของลิฟต์ก็เปิดออก เสียงดนตรีดังสนั่นหูที่กำลังบรรเลงอย่างบ้าคลั่งก็ดังเข้ามาสู่โสตประสาทของเขา อีกทั้งกลิ่นเหล้าและน้ำหอมที่ผสมรวมกันเป็นคลื่นความร้อนก็ลอยเข้ามาปะทะใบหน้าของเขา!


ตึกนี้เมื่อมองดูพื้นที่จากด้านบนพื้นดินดูเหมือนจะมีพื้นที่ไม่มากนัก แต่เมื่อลงมาชั้นสอง ฉินสือโอวก็ต้องงงงันเมื่อพบว่าพื้นที่ใต้ดินกลับมีขนาดค่อนข้างใหญ่  มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับสนามฟุตบอลสนามหนึ่ง อีกทั้งยังอัดแน่นไปด้วยกลุ่มคนมหาศาล โดยเฉพาะตรงบริเวณฟลอร์เต้นรำตรงกลาง เต็มไปด้วยสาวสวยเซ็กซี่จำนวนนับไม่ถ้วน พร้อมทั้งหนุ่มหล่อที่กำลังขยับร่างกายอย่างบ้าคลั่ง


เบลคตะโกนบอกอะไรสักอย่าง แต่ฉินสือโอวได้ยินไม่ชัดเลยสักคำ เขาจึงชี้ไปที่หูพร้อมทั้งยักไหล่อย่างจนปัญญาจะได้ยิน


เมื่อเห็นดังนั้นเบลคก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมาเสียงดัง เขาปลดเนกไทออกแล้วนำไปยัดเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง สาวฮ็อตสองคนก็เข้ามาขนาบข้างทั้งซ้ายและขวาทันที


เห็นได้ชัดว่า เบลคเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ หรืออาจจะพูดได้ว่า ครั้งนี้เขาเป็นคนจัดปาร์ตี้นี้ขึ้นมา สาวสวยที่นี่ต่างก็คุ้นหน้าคุ้นตาเขาทั้งนั้น พอเขาเดินออกมาจากลิฟต์ ก็แทบจะโดนพวกสาวๆสวยๆแย่งกันฉีกทึ้งร่างของเขาแล้ว


เบลคเลือกเอาสาวสวยที่มีรูปร่างสูงยาวเข่าดีคนหนึ่งมาให้ฉินสือโอว สาวสวยคนนี้น่าจะมีเชื้อสายมาจากฝั่งอเมริกากลาง ผมดำเงาสลวย ถูกม้วนเป็นลอนตามธรรมชาติ ผิวสีช็อกโกแลตของเธอละเอียดเกลี้ยงเกลาไม่หยาบกร้าน หลังจากเข้าใกล้ฉินสือโอวแล้วก็เกาะติดตัวเขาไว้ เหมือนกับนางพญางูอย่างไรอย่างนั้น


ส่วนสภาพร่างกายของฉินสือโอวน่ะเหรอ? เขาใช้ชีวิตอยู่ในกฎเกณฑ์ ไม่ค่อยนอนดึก ตื่นมาวิ่งออกกำลังกายทุกเช้า แถมยังออกทะเลไปโต้คลื่นลมทะเลอยู่บ่อยครั้ง และยังได้รับการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงร่างกายจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอีกด้วย เรียกได้ว่าแข็งแรงบึกบึนและมีพลังวังชาเต็มเปี่ยม


สาวฮ็อตแอบอิงลงไปบนตัวของเขา เมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่ฟุ้งกระจายออกมาจากตัวของเธอ เมื่อมือได้สัมผัสผิวเนียนนุ่ม เธอเอนตัวแนบชิดกับฉินสือโอว แล้วยิ้มพร้อมทั้งหัวเราะคิกคัก ยื่นมือไปลูบคลึงแผ่นอกของฉินสือโอว เธอมองเขาด้วยสายตาหลงใหลแล้วพูดกับเขาว่า “พระเจ้า แผ่นอกของคุณแข็งจังเลยนะคะ! คุณต้องหุ่นดีมากแน่ๆ!”


ฉินสือโอวรีบก้าวถอยหลังอย่างเก้อเขิน แต่ปรากฏว่าตอนนี้รอบตัวของเขาถูกล้อมเอาไว้ เมื่อเขาก้าวถอยหลังก็พบเข้ากับสาวผมบลอนด์อีกคนที่อยู่ข้างหลังเขา


ผู้หญิงคนนั้นส่ายสะบัดไปผมสีบลอนด์ของเธอไปตามดีเจอย่างบ้าคลั่ง ราวกับคนที่เสียสติไปแล้ว ฉินสือโอวชนเข้ากับด้านหลังของเธอแต่เธอก็ไม่ถือสา เธอหันกลับมาแล้วยื่นมือออกไปโอบฉินสือโอวไว้ ราวกับว่าเขาเป็นเสาเหล็กอันหนึ่ง เธอวนไปรอบๆเขาแล้วก็กระโดดโลดเต้นขึ้นมา


ตำแหน่งห้องใต้ดินอยู่ตรงกับลิฟต์พอดี ดีเจรูปหล่อที่สวมหูฟังขนาดใหญ่ก็กำลังโยกย้ายร่างกายอย่างบ้าคลั่ง คอยควบคุมอุปกรณ์กระจายเสียงเพื่อกระตุ้นให้คนที่อยู่บนฟลอร์เต้นรำปลดปล่อยอารมณ์สนุกสนานและความบ้าคลั่ง


ฉินสือโอวเขย่งเท้าขึ้นเพื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่ามีคนอยู่ตามมุมต่างๆไม่มากนัก แถมยังมีเก้าอี้ทรงสูงและที่นั่งจำพวกโซฟาวางไว้ เขาจึงอยากจะฝ่าฝูงชนออกไป


ทว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก มีคนอยู่เยอะเกินไป เมื่อสักครู่เบลคก็พาเขาตรงเข้ามาในฟลอร์เต้น ตอนนี้เขากำลังจะเบียดฝ่าออกไปข้างนอก เหมือนกับการแอบเอาเปรียบหญิงสาวคนอื่นๆอย่างไรอย่างนั้น มีผู้หญิงไม่น้อยเลยที่ส่งคลื่นกระแสไฟฟ้ามาให้เขาอย่างบ้าคลั่ง


ฉินสือโอวค่อนข้างจะรำคาญใจ จึงอยากไปหาเบลคให้เจอ แต่ปรากฏว่าทันใดนั้นเสียงดนตรีที่รุนแรงก็หยุดลงทันที ปรากฏให้เห็นคนคนหนึ่งที่ยืนถือไมโครโฟนอยู่ข้างๆกันกับดีเจ


เมื่อเป็นอย่างนี้ฝูงชนที่เต้นอยู่บนฟลอร์อย่างบ้าคลั่งก็สงบลงทันที มีบางคนเดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเองเพื่อดื่มเหล้า ฉินสือโอวเองก็กำลังจะเดินออกไปไป ลำแสงที่สว่างเป็นประกายหลายเส้นส่องสว่างเปลี่ยนทิศทางไปมาสุดท้ายกลับหยุดลงด้วยการส่องมาที่เขา จนทำให้เขากลายเป็นคนที่เด่นที่สุด ณ ที่ตรงนี้


เสียงของเบลคก็ดังขึ้นมาจากลำโพง  “หนุ่มหล่อสาวสวยทุกท่าน วันนี้พวกคุณสนุกกันหรือเปล่า?”


เสียงร้องราวกับกำลังคลุ้มคลั่งก็ดังขึ้นขานรับเบลค คนพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วก็รู้จักกับเขาทั้งนั้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่เรียกชื่อเขาออกมา


เบลคที่ได้รับการขานรับ ก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ผมได้ยินว่ามีคนตะโกนเรียกชื่อฉันเพื่อขอบคุณที่จัดปาร์ตี้ครั้งนี้ขึ้นมา ผมต้องขอบอกว่า พวกคุณไม่ควรจะขอบคุณผม พวกคุณควรจะขอบคุณเพื่อนของผม ฉิน สือ โอว!”


ลำแสงเปล่งงประกายออกมา ฉินสือโอวจำเป็นต้องยกมือขึ้นมาบังดวงตาไว้ ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังยกมือขึ้นตอบรับเบลค


เบลคก็ยิ่งรู้สึกฮึกเหิมมากกว่าเดิม ทั้งยังคิดว่าฉินสือโอวเริ่มเปิดหูเปิดตาบ้างแล้ว เขาจึงตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า  “สนุกกันต่อเถอะ! มาสนุกกันต่อ! เคลต์ เปิดดนตรีให้มันเร้าใจกว่านี้ขึ้นอีกหน่อย! สาวๆ ขอให้พวกคุณร้อนแรงขึ้นกว่านี้อีก ชายชาวเอเชียที่อยู่ตรงหน้าของพวกคุณ คือมหาเศรษฐีร้อยล้านตัวจริง! เศรษฐีร้อยล้านตัวจริงร้อยเปอร์เซ็นต์!”


ทั้งหมดที่พูดมาไม่มีประโยคไหนที่จะมีประโยชน์เท่าประโยคสุดท้าย เมื่อเบลคพูดจบ สาวสวยเซ็กซี่ในฟลอร์ก็แทบจะกลืนกินฉินสือโอวลงไปทั้งที่ยังเป็นๆอยู่ ต่างก็พากันล้อมเข้ามารอบๆเขาอย่างแน่ขนัด คราวนี้เขาคงคิดหนีไม่ได้แล้ว


ฉินสือโอวเห็นว่าตัวเองถูกเบียดจนออกไปไม่ได้แล้ว ทำได้แค่ไหลไปตามคนส่วนใหญ่ เขาเองก็ไม่กล้าที่จะทำให้งานกร่อยเช่นกัน ถึงอย่างไรงานปาร์ตี้ในครั้งนี้เบลคก็ตั้งใจจัดขึ้นเพื่อเขานี่นะ


อีกอย่าง ตัวของเขาเองก็ไม่เคยเข้าร่วมงานปาร์ตี้ที่จัดได้ถึงอกถึงใจขนาดนี้มาก่อน ถือโอกาสลองสัมผัสประสบการณ์แบบนี้สักหน่อย สนุกไปกับมันเถอะ!


เสียงดนตรีเร้าใจกระจายออกมาจากลำโพงชั้นเยี่ยมดังไปทั่วบริเวณงาน ภายใต้ความเร้าใจของเสียงดนตรี อารมณ์ของฉินสือโอวก็พลุกพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เขากวัดแกว่งร่างกายไปตามใจอยาก


เบลคฝ่าผู้คนเข้ามา ยื่นเอาแชมเปญให้เขาหนึ่งขวด เพื่อเป็นการบอกให้ฉินสือโอวเต้นไปตามจังหวะพร้อมกันกับเขา


ฉินสือโอวกำลังจะรินเข้าปาก เบลคก็หัวเราะขึ้นมา จากนั้นก็ลากมือของเขาไว้ ให้ปิดปากขวดแล้วเขย่าขวดแชมเปญ แล้วจึงเล็งปากขวดไปที่บรรดาหญิงสาวที่อยู่รอบๆ แล้วปล่อยเหล้าให้พุ่งเข้าหาพวกหล่อน


เมื่อเป็นเช่นนี้พวกสาวๆทั้งหลายก็พากันยกขวดเหล้าของตัวเอง สาดเบียร์หรือไม่ก็แชมเปญที่อยู่ด้านในไปทางฉินสือโอวกับเบลค


กำลังกายของเบลคยังห่างจากฉินสือโอวอยู่มาก เขาเที่ยวเล่นไปได้สักพักก็หมดเรี่ยวหมดแรง ทางด้านฉินสือโอวกลับเพิ่งเริ่มต้นเสียอีก คราวนี้เขาไม่อยากเบียดออกไปแล้ว แต่อยากจะดื่มด่ำความสุขจากการเต้นรำกับบรรดาสาวๆพวกนี้มากกว่า และแน่นอนว่า ก็ยังมีหนุ่มหล่ออยู่ด้วย


ไม่รู้ว่ามีความสุขอยู่ในฟลอร์เต้นรำมานานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขาเปลี่ยนไปแล้วอย่างมากหน้าหลายตา เขาถึงได้ลงจากเวทีไปหาเบลค แล้วหัวเราะฮ่าๆ พูดกับเขาว่า “พระเจ้า วันนี้มันบ้ามากจริงๆ! ฉันแทบจะหาสติตัวเองไม่เจอแล้ว”


เบลคชนกำหมัดชนกันกับเขา เอนตัวพิงโซฟาแล้วพูดขึ้นว่า “นี่ยังไม่เท่าไร ฉิน ปาร์ตี้ที่พวกเราจัดกันสมัยเรียนมหาลัยสิถึงจะเจ๋งจริง! ตอนนั้นเต้นอยู่บนฟลอร์แบบไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเลยด้วยซ้ำ นายคิดว่าแบบนั้นมันน่าตื่นเต้นหรือเปล่าล่ะ!”


ฉินสือโอวถึงกับสำลักเบียร์ แม่เจ้า แบบนั้นเรียกตื่นเต้นเหรอ? แบบนั้นเรียกว่าเกะกะระราน! แบบนั้นเรียกว่าบ้าต่างหากเล่า!


พักเอาแรงอยู่สักครู่ ฉินสือโอวก็ถูกสาวสวยหลายคนลากกลับไปที่ฟลอร์เต้นรำอีก พวกเขาเริ่มเต้นต่ออย่างบ้าคลั่ง กระทั่งว่าเขาเองก็แยกไม่ออกแล้วว่ากำลังเต้นเป็นท่าทางแบบไหนอยู่ แค่ขยับร่างกายไปตามใจอยากก็พอแล้ว ถึงยังไงรอบๆตัวก็มีสาวสวยมาร้องรับอยู่ดี


นี่คือชีวิตยามค่ำคืนของหนุ่มสาวที่มีเงินในอเมริกาเหนือ ทั้งบ้าคลั่ง เหลวไหลและเป็นอิสระขนาดนี้เลยล่ะ แต่เมื่อฉินสือโอวได้เข้ามาสัมผัสแล้ว ก็รู้สึกว่าชีวิตยามค่ำคืนแบบนี้มันช่างสุดยอดจริงๆ!


…………………………………………


บทที่ 212 บัตรแบล็ก อาเม็กซ์

โดย

Ink Stone_Fantasy

สิ่งที่ฉินสือโอวกังวลที่สุดไม่ได้เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะคึกจนสติแทบจะเลอะเลือนไปแล้วก็ตาม แต่ในตอนสุดท้ายเขาก็ยังสามารถรักษาสติเอาไว้ได้ ในตอนที่ปาร์ตี้สิ้นสุดลงมีหญิงสาวคนแล้วคนเล่าที่เข้ามาเสนอตัวให้เขา แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะปฏิเสธพวกเธอ


จะว่าไปแล้ว การที่เขาทำได้อย่างนี้นั้นนับว่าไม่ง่ายเลย เนื่องจากสาวสวยพวกนี้ล้วนแต่มีจุดเด่นเป็นของตัวเองกันทุกคน  ขายาว สะโพกผาย หน้าอกตู้ม เอวคอดกิ่ว ถุงน่องซีทรูสีดำ ถุงน่องซีทรูสีเนื้อ สาวมหาลัย สาวสวยหวานหยดย้อย มีครบทุกแบบ


ตื่นเช้าวันถัดมา ฉินสือโอวลองดมๆดู ก็รู้สึกว่าตัวเองยังมีกลิ่นเหล้าและกลิ่นน้ำหอมติดตัวอยู่ เขาจึงไปอาบน้ำก่อนสักสองรอบ พร้อมทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ถึงได้รู้สึกดีขึ้นหน่อย


พอเขาเปิดประตูห้องออกไป ที่ด้านนอกกลับมีพนักงานบริการคนหนึ่งยืนอยู่ พอพนักงานสาวคนนั้นเห็นเขาเธอก็ส่งยิ้มออกมา “สวัสดีค่ะ คุณฉิน คุณแบรนดอนจากนิวฟันด์แลนด์กำลังรอคุณอยู่ที่ห้องรับรอง กรุณาเดินตามดิฉันมาค่ะ”


ตอนนี้ฉินสือโอวก็ยังอยู่ที่ลอสต์ พาราไดซ์ ที่นี่เป็นไนต์คลับแบบศูนย์รวมความบันเทิง ชั้นใต้ดินมีห้องเต้นรำอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่ชั้น ในนั้นมีชั้นใต้ดินชั้นที่สองและชั้นที่สี่ที่สามารถเช่าเหมาทั้งชั้นได้ เมื่อคืนนี้เบลคก็เหมาชั้นที่สองไปทั้งชั้น


ส่วนด้านบนทั้งหมดแปดชั้นประกอบไปด้วย ห้องอาหาร บาร์เหล้า ห้องประชุม โรงแรมและอื่นๆ


เมื่อมาถึงห้องพักรับรองแขก ฉินสือโอวก็ผลักประตูเข้าไป เห็นแบรนดอนกำลังถือไอแพดจัดการข้อมูลบางอย่างอยู่ เขาให้ยื่นแบงก์หนึ่งร้อยดอลลาร์เพื่อทิปให้พนักงานคนนั้น พนักงานสาวก็ยิ้มหวานมากกว่าเดิม แล้วเดินไปบอกกับเขาว่าถ้าหากมีธุระต้องการให้เธอจัดการก็ขอให้บอกเธอก็พอ


เมื่อนั่งลงตรงข้ามกับแบรนดอน ฉินสือโอวก็พูดกับเขาว่า “เพื่อน นายมาช้าไปแล้ว เมื่อคืนวานนี้เบลคเพิ่งจัดปาร์ตี้ไป สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยล่ะ”


“ปาร์ตี้ที่เขาจัดจะสนุกสุดเหวี่ยงยังไงกัน? ก็แค่หาหนุ่มหล่อสาวสวยกลุ่มหนึ่งมาแหกปากร้องตะโกนกระโดดโลดเต้นไปอย่างนั้น ไม่มีระดับซะเลย ตอนที่ฉันอยู่ไฮสคูลฉันไปปาร์ตี้แบบนี้จนเบื่อแล้วล่ะ เดี๋ยววันอื่นฉันจะพานายไปรู้จักกับปาร์ตี้สนุกๆของจริง” แบรนดอนพูดเหยียด


จากนั้นเบลคก็รีบตามเข้ามา ได้ยินคำวิจารณ์ของแบรนดอนเขาก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรกลับไป แต่กลับหัวเราะฮ่าๆออกมาแทน “มีเวลาในการจัดงานน้อยเกินไปหน่อย เลยหาลูกเล่นอื่นมาไม่ทันน่ะ ฉันเลยพาฉินไปเปิดหูเปิดตากับปาร์ตี้แท้ๆของวัยรุ่น น่าเสียดายที่เขาไม่ได้พาสาวกลับไปด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะถือว่าครบสูตรแล้วล่ะ”


เมื่อคืนวานนี้ฉินสือโอวเองก็ต้องใช้พลังใจที่แน่วแน่ถึงจะปฏิเสธสาวสวยที่เข้ามาเสนอตัวให้เขาได้ สิ่งที่เขารู้สึกว่าสำคัญที่สุดก็คือ ตัวเขาเองยังบริสุทธิ์อยู่ ถ้าเขาไม่ได้ให้ครั้งแรกของเขากับคนที่เขาหมายปองอย่างวินนี่ แต่มอบมันให้กับผู้หญิงพวกนี้ที่เขาไม่รู้จัก ก็คงจะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มาก


แบรนดอนล้อเขาเล่นว่า “ฉินปฏิเสธคำเชิญชวนของสาวๆสวยๆในงานเลี้ยงมาสองครั้งแล้ว ดูเหมือนว่าครั้งหน้าคงจะต้องเตรียมหนุ่มหล่อไว้ให้เขาสักสองสามคนแล้วล่ะ”


ฉินสือโอวรีบโบกมือปัด จากนั้นก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “วันนี้นายมีธุระอะไรหรือเปล่า?”


แบรนดอนหยิบเอาซองจดหมายสีทองออกมาจากกระเป๋าใส่เอกสาร ส่ายไปมาแล้วยื่นมันให้กับเขา  “ฉันตั้งใจจะเอาสิ่งนี้มาให้นาย”


เมื่อรับเอาซองจดหมายมาแล้ว ฉินสือโอวลองมองดู ที่ด้านบนของซองจดหมายเขียนข้อความเรียบง่ายไว้สองบรรทัด “มอบให้กับมิสเตอร์ฉินผู้มีเกียรติ จากหุ้นส่วนพันธมิตรบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ด้วยความนับถือ”


เขาเปิดซองจดหมายออก จดหมายหนึ่งฉบับก็ร่วงออกมา บนแผ่นจดหมายมีการ์ดสีดำแนบอยู่ แผ่นการ์ดให้ความรู้สึกเยียบเย็น เห็นได้ชัดว่าวัสดุทำมาจากโลหะ แต่ก็ให้น้ำหนักที่บางเบาเป็นอย่างมาก ด้านบนมีตัวเลขที่ถูกฉลุลายไว้ มีรูปภาพอยู่ตรงกลาง มุมซ้ายล่างมีเลขหมายประจำบัตรระบุไว้ ส่วนด้านบนของบัตรมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษระบุไว้ว่า American Express – อเมริกัน เอ็กซ์เพรส


“บัตรแบล็ก อาเม็กซ์?”  นึกถึงตัวหนังสือแบบบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ที่อยู่บนซองจดหมายกับที่เขียนไว้บนบัตร แค่ครู่เดียวฉินสือโอวก็เดาได้ว่าบัตรใบนี้คืออะไร


แบรนดอนยิ้มแล้วพยักหน้า เบลคยื่นมือไปหาเขาแล้วพูดว่า “ยินดีด้วย ฉิน นายเข้าสู่วงสังคมมหาเศรษฐีแนวหน้าของแคนาดาอย่างเป็นทางการแล้ว”


คำพูดนี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้บัตรแบล็ก อาเม็กซ์เปรียบเสมือนกับบัตรประชาชนของมหาเศรษฐีในแคนาดา ความจริงไม่ใช่เพียงแค่ที่แคนาดาเท่านั้น ทุกที่ทั่วโลก เหล่ามหาเศรษฐีล้วนแต่ได้รับบัตรในนี้เพื่อเป็นเกียรติกันทั้งนั้น


จะว่าไปแล้ว บัตรเครดิตใบนี้ไม่ได้ออกโดยธนาคาร มันถูกเปิดตัวขึ้นในปี 1999 โดยบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส บริษัทด้านการบริการที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอเมริกา เป็นบัตรเครดิตชั้นนำที่ทั่วโลกให้การยอมรับ จนกระทั่งในปัจจุบันที่มีเพียงตลาดสามสิบเอ็ดแห่งในโลกเท่านั้นที่จะได้รับคำเชิญ ผู้ถือบัตรสามารถเพลิดเพลินไปกับสิทธิและบริการพิเศษชั้นนำทั่วโลก


บัตรเครดิตชนิดนี้ไม่มีการจำกัดวงเงิน หากแต่ว่ามีการกำหนดยอดใช้จ่ายขั้นต่ำเอาไว้ สำหรับยอดใช้จ่ายขั้นต่ำในปีแรกจะอยู่ที่สองแสนห้าหมื่นดอลลาร์สหรัฐ  ขอเพียงแค่คุณมีความกล้าและความสามารถที่มากพอ จะใช้จ่ายเท่าไรก็ย่อมได้  ดังนั้น ทุกๆครั้งของการมอบบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ล้วนแต่ต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง


บัตรใบนี้ไม่สามารถสมัครใช้ได้เอง แต่จะออกให้กับลูกค้าระดับสูงที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับคำเชิญเพียงไม่กี่คนเท่านั้น อีกทั้งผู้ที่รับหน้าที่ในการคัดเลือกก็คือบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรสและธนาคารต่างๆ รวมไปถึงบริษัทด้านการเงินที่มีการร่วมมือกัน


เมื่อก่อนฉินสือโอวเคยได้ยินมาว่า ตำแหน่งของผู้ที่จะได้รับการออกบัตรนั้นจะต้องยอดเยี่ยมมาก มีเพียงผู้ถือบัตร Amex Platinum เท่านั้นที่จะได้รับคำเชิญ อีกทั้งจะมีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของผู้ถือบัตรแพลททินั่มชั้นสูงเท่านั้นถึงจะได้รับคำเชิญให้ทำบัตรใบนี้


หลังจากที่เขาพูดเรื่องข้อสงสัยของตัวเองออกไป แบรนดอนก็ยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “ไม่ นั่นเป็นมาตรฐานของบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพลส ธนาคารของพวกเราไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ยอดการใช้จ่ายของนายเพียงพอที่จะทำให้นายมีสิทธิถือบัตรใบนี้เอาไว้ในครอบครองดังนั้นฉันเลยติดต่อกับสำนักงานใหญ่เพื่อสมัครบัตรใบนี้ให้นาย”


ธนาคารมอนทรีออลเป็นหนึ่งในสิบธนาคารแห่งใหญ่ในอเมริกาเหนือ จึงทำให้มีคุณสมบัติที่จะเป็นหุ้นส่วนพันธมิตรของบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส  ความจริงแล้วพวกเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มธนาคารใหญ่ที่สามารถแจกจ่ายบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ได้ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีมาตรฐานการตรวจสอบที่เข้มงวดที่สุด


ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขาเก็บบัตรเครดิตไว้ จากนั้นจึงยื่นมือไปหาแบรนดอนแล้วพูดกับเขาว่า  “ขอบคุณมาก เพื่อน พวกเรามายื่นหมูยื่นแมวกัน ฉันก็กำลังมีโอกาสในการทำเงินมาบอกพวกนายทั้งคู่เช่นกัน ขอให้พวกนายลองพิจารณาดูสักหน่อย”


ต่อมา เขาก็ได้เล่าถึงแผนการที่เขากับบิลลี่ สเต็มเมอร์คิดขึ้นมา ตอนนี้เขาสามารถเล่าความจริงได้แล้ว จึงบอกทั้งสองคนไปว่าผลงานศิลปะเมื่อก่อนหน้านั้นและแผ่นเงินของเขาในตอนนี้ ล้วนแต่เป็นของที่เขางมขึ้นมาจากในทะเล ไม่ใช่มรดกใดๆทั้งสิ้น  อีกทั้งสิ่งที่ช่วยเขาตามหาสมบัติพวกนั้นจนเจอ ก็คือลูกวาฬเบลูกาที่เขาเลี้ยงเอาไว้ตัวหนึ่ง


“บิลลี่กับฉันวางแผ่นจะจัดตั้งบริษัทกู้สมบัติในทะเล ฉันรับหน้าที่ด้านการค้นหาซากเรืออับปาง ส่วนบิลลี่รับหน้าที่กู้มันขึ้นมา ตอนนี้ต้องการหุ้นส่วนที่ช่วยรับผิดชอบด้านการประมูลขายสมบัติหนึ่งคนและหุ้นส่วนที่ช่วยจัดการด้านการเงินที่ได้จากการประมูล ไม่รู้ว่าพวกนายจะว่ายังไงบ้าง”


พูดถึงเรื่องธุรกิจ แบรนดอนและเบลคก็เปลี่ยนท่าทางทันที ทั้งสองคนซักถามถึงวิธีทางการร่วมมือและแผนการพัฒนาของฉินสือโอวและบิลลี่ อีกทั้งยังถามถึงใจความสำคัญของการร่วมมือกันอยู่หลายคำถาม ทุกๆคำถามล้วนแต่จี้ไปที่จุดสำคัญ แสดงให้เห็นว่าตำแหน่งของทั้งสองคนในทุกๆวันนี้ ได้มาจากการพึ่งพาความขยันและความสามารถของพวกเขาเอง


เมื่อซักถามเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็ยังไม่ได้รับปากจะร่วมมือเลยทันที แต่ขอให้ฉินสือโอวส่งแผนการร่วมมือและโครงการพัฒนาไปยังอีเมลของพวกเขาทั้งสอง ทว่าพวกเขาก็รับปากในขั้นต้น ขอเพียงแค่เอกสารโครงการเป็นไปตามขั้นตอนที่ฉินสือโอวบอกมา พวกเขาก็จะเข้าร่วมด้วยแน่นอน


ฉินสือโอวไม่สนใจว่าพวกเขาจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือขั้นตอนการกู้สมบัติ ขอเพียงพิสูจน์ได้ว่าสมบัติที่กู้ขึ้นมาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา เรื่องการจัดการขายก็จะยิ่งง่ายในภายหลัง ซัทเทบีส์ คริสตีส์ เหิงเฟิง โพลี เมื่อถึงเวลาบริษัทจัดการประมูลพวกนี้ก็จะต่อแถวเข้ามาร่วมงานกับเขาเอง


“ฉันต้องขอพูดให้ชัดก่อนว่า ถ้าหากพวกนายยินดีที่จะร่วมงานกัน ส่วนแบ่งกว่าห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์จะเป็นของฉัน ส่วนที่เหลืออีกสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ค่อยให้พวกนายตกลงแบ่งกันเอง ถ้าพวกนายไม่ยอมรับข้อนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็คงจะร่วมงานกันไม่ได้แล้ว” ฉินสือโอวได้วางแผนการไว้แล้ว


เบลคพูดถึงจุดประสงค์สำคัญอย่างว่องไวและเฉียบแหลม “นายต้องทำตามที่นายรับปากไว้ให้ได้ ทุกๆปีจะต้องค้นพบสมบัติที่มีมูลค่ามากกว่าสองร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่อย่างนั้นนายต้องเป็นคนชดใช้มูลค่าความเสียหายของพวกเราในแต่ละปี”


“ตกลง” ฉินสือโอวรับปาก


“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”


…………………………………………………………………………..


บทที่ 213 เรือฮาวิซทเข้าเทียบท่า

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อคุยธุระเรื่องนี้เรียบร้อย ก็ถือว่าฉินสือโอวได้บรรลุจุดมุ่งหมายแล้ว


มาออตตาวาครั้งนี้ พูดได้ว่าเขาสามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้เกินกว่าที่คาดไว้เสียอีก เนื่องจากเขาได้รับบัตรแบล็ก อาเม็กซ์มาอย่างไม่คาดคิด ทำให้ความปรารถนาของเขาได้รับการเติมเต็ม ในปีที่เขาได้รู้จักบัตรชนิดนี้เป็นครั้งแรก เขาเคยคุยกับเพื่อนร่วมงานว่าตัวเองจะได้รับบัตรเครดิตแบบนี้ได้เมื่อไร ทว่าไม่ว่าจะพูดเรื่องนี้กลับใคร คำตอบก็คือเมื่อนอนหลับฝันเท่านั้น


ตอนนี้ ฝันของเขาเป็นจริงแล้ว


เมื่อไม่มีธุระอะไรที่ออตตาวาแล้ว ฉินสือโอวจึงพาเออร์บักและนีลเซ็นเดินทางกลับ


ตอนที่นั่งเครื่องบินบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงสิทธิประโยชน์ของมัน เขาแสดงบัตรใบนี้ให้พนักงานบริการภาคพื้นดินของสนามบินนานาชาติออตตาวา แมคโดนัลด์ คาเทียร์ จากนั้นก็มีแอร์โฮสเตสสาวสวยมาพาพวกเขาไปที่ห้องรับรองวีไอพีของสนามบิน ข้างในมีคนจัดเตรียมเครื่องดื่มและอาหารว่างไว้เรียบร้อยแล้ว


เออร์บักมองบัตรใบนี้ เขายิ้มและพูดขึ้นว่า “ไม่เลวนี่ ฉิน มีบัตรใบนี้แล้ว ต่อไปถ้ายนายจะจัดการธุระอะไรก็จะยิ่งสะดวกขึ้นอีก”


นีลเซ็นเองก็พูดเล่นๆว่า “บอส ต่อไปถ้าผมมีแฟน ผมขอยืมบัตรใบนี้ของคุณไปใช้หน่อยได้ไหม?”


ฉินสือโอวยื่นบัตรใบนี้ให้เขาไป แล้วพูดกับเขาว่า “เอาไปสิ ตอนนี้ใช้ได้แล้ว รูดได้ตามสบายเลย บอสเลี้ยงเอง!”


ตอนนี้เขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ในบัตรใบนี้มีเงินอยู่แปดสิบล้าน ที่บิลลี่ก็มีอยู่อีกยี่สิบล้านดอลลาร์สหรัฐล้วนแต่เป็นจำนวนเงินที่แน่นอนแล้ว สำหรับเขาในตอนนี้เงินก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น


เมื่อกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็เริ่มเตรียมตัวทำงาน ท่าเรือสร้างเสร็จแล้ว เรือหาปลาก็กำลังจะเข้าประจำที่แล้วเช่นกัน เมื่อลากกลับมาฟาร์มปลาแล้ว อีกไม่นานก็ถึงเวลาจับปลา ถึงอย่างไรเขาก็ต้องสร้างรายได้ เขาเป็นเจ้าของฟาร์มปลาไม่ใช่ลูกเศรษฐี


ฉินสือโอวหาใบเสร็จและใบรับของของ ‘เรือฮาวิซท’ เจอจึงเตรียมตัวจะไปรับเอาเรือ วินนี่ก็เดินผ่านเขาไป ทันใดนั้นเธอก็หันกลับมาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วพูดว่า “ไปเที่ยวออตตาวามาสนุกไหมคะ?”


ฉินสือโอวตอบเธอไปด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า “ผมไปงานปาร์ตี้มา แต่ว่าผมก็ถนอมร่างกายไว้ให้คุณนะ แค่โดนบังคับให้ไปเต้นด้วยไม่กี่ครั้ง ขนาดมือผู้หญิงผมยังไม่จับเลย”


วินนี่ยื่นมือออกไปบีบจมูกเขา แล้วพูดว่า “โอเคค่ะ ถือว่าคุณรอดมาได้แล้วนะคะ”


ถึงคราวของฉินสือโอวต้องรุกคืนบ้างแล้ว เขาจับข้อมือของวินนี่เอาไว้แล้วพูดกับเธอว่า “ผมรักษาเนื้อรักษาตัวไว้เพื่อคุณแบบนี้ ไม่มีรางวัลให้ผมบ้างเลยเหรอครับ?”


ในขณะที่เขาเตรียมตัวจะจู่โจมด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่โหมซัด วินนี่ก็พยายามที่จะเป็นอิสระจากการควบคุมของเขา เธอพูดกับเขาไปพร้อมกับหายใจหอบ “ฉันเชื่อว่าเมื่อคืนคุณไม่ได้ทำอะไรเลย ของรางวัลที่จะให้คุณก็สิ้นสุดเท่านี้ล่ะค่ะ””


ฉินสือโอวจับเธอไว้ เขาหัวเราะชอบใจแล้วตอบเธอไปว่า “ตอนนี้ความเชื่อใจของคุณไม่มีผลอะไรกับผมแล้วล่ะ ผมต้องบอกว่าคุณทำร้ายผม วินนี่ ถ้าคุณไม่เชื่อใจผม คุณก็ต้องชดเชยให้กับบาดแผลในใจของผม”


วินนี่หัวเราะคิกคักพยายามสะบัดเขาออกไป ทว่าเธอแรงเยอะไม่พอ แค่ชั่วพริบตาก็ตกลงไปในปากเสือ เธอจึงรีบหันหลังกลับไปแล้วตะโกนออกมาว่า “หู่จือ เป้าจือ ต้าป๋าย ฉงต้า รีบมาเล่นกันเถอะ……”


ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นไปดูอย่างหวาดหวั่น ก็เห็นสุนัขสอง หมีหนึ่ง ตัวพอสซั่มหนึ่งที่กำลังร้องโฮกๆ แล้ววิ่งมาทางนี้ด้วยความรวดเร็ว วินนี่หลบออกไปแล้ว เขาจึงถูกเจ้าพวกนี้ทับอยู่บนโซฟา


วินนี่หัวเราะคิกๆคักๆ เธอคอยเติมเชื้อไฟอยู่ข้างๆ ปล่อยให้เหล่าสัตว์เลี้ยงมาเล่นอยู่บนตัวของฉินสือโอว ในตอนท้ายแม้กระทั่งเชสเตอร์ และพวกกระรอกดินก็ยังเข้าร่วมด้วย ฉินสือโอวต้องขอความเมตตาถึงเอาชีวิตรอดออกมาได้


ในตอนพลบค่ำ ฉินสือโอวโทรศัพท์ไปหาผู้จัดการฝ่ายการให้บริการลูกค้าอุตสาหกรรมต่อเรือโพไซดอนนครเซนต์จอห์นที่เป็นที่อยู่ของเรือฮาวิซท เพื่อบอกพวกเขาว่าพรุ่งนี้เขาจะไปรับเรือด้วยตัวเอง


เรือของเขาที่จอดอยู่ในท่าเรือนครเซนต์จอห์นไม่ได้มีแค่ลำเดียว นอกจากเรือฮาวิซทแล้ว ก็ยังมีเรือเด็คอีกหนึ่งลำ งานต่อเรือในตอนนั้นก็ส่งให้กับคณะของอุตสาหกรรมต่อเรือโพไซดอนนครเซนต์จอห์นเช่นกัน


ตอนเช้าของวันต่อมา ฉินสือโอวก็พาชาร์ค ซีมอนสเตอร์และนีลเซ็นไปนครเซนต์จอห์นพร้อมกันกับเขา ผู้จัดการฝ่ายการบริการลูกค้าที่ชื่อว่าแฮงค์ บรูวเวอร์เป็นผู้รับหน้าที่ในการต้อนรับพวกเขา


ทุกๆคนพากันไปดูเรือเด็คก่อน เจ้าสิ่งของเล็กๆชิ้นนี้ไม่มีอะไรน่าชมนัก เป็นเพียงแค่เรือตกปลาลำเล็กๆเท่านั้น เป็นเรือแบบเปิดกว้างออก ไม่มีห้องโดยสาร สามารถขับออกทะเลในวันที่อากาศเย็นสบายได้


จุดสำคัญเรือฮาวิซทเป็นเรือประมงอเนกประสงค์ขนาดเล็ก ที่ใช้สำหรับการตกปลาในแถบชายฝั่งทะเล ขนาดของเรืออยู่ที่ 199 ตัน มีความยาว 14.19 เมตร มีความลึกอยู่ที่ 1.8 เมตร และมีความกว้างประมาณ 5 เมตร เครื่องยนต์หลักมีอัตรากำลัง 428KW ความเร็วในการขับเคลื่อนปกติอยู่ที่ 12 น็อต สามารถรองรับลูกเรือได้ 6 คน ปริมาตรบรรจุของห้องเก็บของอยู่ที่ 60 ลูกบาศก์เมตร มีถังเชื้อเพลิงปริมาณ 16 ลูกบาศก์เมตร และมีปริมาตรบรรจุน้ำสะอาดอยู่ 10 ลูกบาศก์เมตร


“ไม่ว่าจะดูจากองค์ประกอบหรือรูปโฉมภายนอก เรือฮาวิซทก็ล้วนแต่เป็นที่สุดของเรือประมงอเนกประสงค์ ที่ท้ายเรือมีอุปกรณ์เสริม สำหรับยกเครนขนาด 1.5 ตันหนึ่งเครื่อง เครื่องกว้านอวนจับปลาเครื่องยนต์ไฮดรอลิก นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์สำรวจหาปลาติดมาอีกด้วย ล้วนแต่เป็นอุปกรณ์ชั้นยอดทั้งนั้น ตรงตามองค์ประกอบที่พวกคุณได้ระบุไว้ในใบแสดงรายละเอียดทั้งหมด”


เมื่อแนะนำเสร็จแล้ว ในตอนสุดท้ายแฮงค์ก็พูดขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจว่า “ผมกล้าพูดได้เลยว่า ถ้าตอนนี้พวกคุณเติมน้ำมันให้เรือฮาวิซทจนเต็มถัง ก็จะสามารถออกเรือไปเที่ยวเล่นในมหาสมุทรได้แล้ว!”


ฉินสือโอวจ่ายเงินงวดสุดท้ายและค่าธรรมเนียมการจอดเรือแล้ว ขณะที่กำลังจะล่ำลากัน แฮงค์ก็ถามกับเขาว่า “พวกคุณวางแผนจะไปล่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือที่ ชายหาดจอร์จกันหรือเปล่า? ถ้าหากเป็นอย่างนั้นพวกคุณต้องระวังหน่อยนะ เนื่องจากเรือฮาวิซทติดตั้งชิ้นส่วนอุปกรณ์ชั้นเยี่ยมเอาไว้หลายชิ้น ดังนั้นระดับการกินน้ำทะเลจะค่อนข้างมาก ต้องระวังจะชนโขดหินที่นั่น”


ชาร์คอธิบายว่า “ตอนนี้พวกเรายังไม่มีแผนที่จะไปชายหาดน้ำตื้นจอร์จ แต่ว่าทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับบอส ถ้าพวกเราไป พวกเราจะระวังแน่นอน ขอบคุณสำหรับคำเตือนนะ แฮงค์”


ฉินสือโอวถามชาร์คว่ามีเรื่องอะไร ชาร์คอธิบายว่าชายหาดน้ำตื้นจอร์จเป็นชื่อสถานที่แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนขอบของไหล่ทวีปแอตแลนติก ยืดขยายออกมาจากเคปค้อดจนถึงรัฐโนวาสโกเชีย ปี 1984 ศาลโลกที่กรุงเฮกได้ตัดสินให้ 5/6 ส่วนของชายหาดน้ำตื้นจอร์จ เป็นของสหรัฐอเมริกา และส่วนที่เหลือเป็นของแคนาดา


ระดับน้ำของที่นั่นค่อนข้างตื้น ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ระดับความลึกห้าสิบถึงแปดสิบเมตร มีแพลงก์ตอนอยู่เป็นจำนวนมาก ทรัพยากรทางด้านการประมงก็มีความอุดมสมบูรณ์ ในสถานการณ์ปกติจะสามารถจับปลาได้ถึง 42 ตันต่อปี


ดังนั้น ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้จึงสามารถดึงดูดเรือประมงเดินสมุทรจากหลายประเทศให้มาจับปลาในบริเวณนี้มากเกินไป จนทรัพยากรด้านการประมงถูกทำลายและได้รับความเสียหายรุนแรง


“ที่นั่นมีปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ และเนื่องจากเป็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือดังนั้นในเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายนของทุกปี ก็มักจะมีคนลองเสี่ยงไปตกปลาที่นั่นเป็นจำนวนมาก”ชาร์คพูดขึ้นมา


ตอนนี้นานาชาติล้วนแต่ให้ความคุ้มครองปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ แต่ทางฝั่งอเมริกาและแคนาดาจะดีกว่าหน่อย พวกเขาอนุญาตให้ชาวประมงตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน ถ้านอกเหนือจากช่วงเวลานั้นล้วนแต่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น


ฉินสือโอวถามขึ้นมาว่า “ปริมาณปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือของที่นั่นเป็นยังไงบ้าง”


ชาร์คตอบเขาไปว่า “บริเวณแถบชายฝั่งทะเล นับว่าเป็นบริเวณที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์มากทีเดียว”


ฉินสือโอวพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “พวกนายคิดว่าอีกนานแค่ไหน ฟาร์มปลาถึงจะจับปลาได้?”


ชาร์คและซีมอนสเตอร์ปรึกษากันอยู่สักครู่ แล้วตอบเขาว่า “ถ้าหากเป็นการจับเป็นครั้งคราว จับปลาไปขายให้กับซูเปอร์มาร์เก็ตกับร้านอาหาร ตอนนี้ก็น่าจะเริ่มลงมือได้แล้ว แต่ถ้าหากต้องการจับขึ้นมาทั้งหมด ปีนี้น่าจะยังทำไม่ได้ ต้องรอให้พวกปลาโตขึ้นไปอีกปีหนึ่งก่อน เวลานี้ของปีหน้าถึงจะเริ่มลงมือได้”


ฉินสือโอวพยักหน้าและพูดว่า “งั้นก็ดี ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปล่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือที่หาดน้ำตื้นจอร์จกันก่อน ปีนี้ต้องหาเงินให้ได้ก่อนสักหน่อยถึงจะดี”


ชาร์คและคนอื่นๆที่เหลือก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที พวกเขาอยู่แต่ในฟาร์มปลาเพื่อตรวจสอบสภาพของปลา ไปจับปลาที่ตายแล้วมันให้ความรู้สึกจืดชืดมานานเกินไป ถ้าได้ออกทะเล ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว


ฉินสือโอวมีหาทางของเขาเอง เขาต้องหาคู่ให้กับเจ้าน้ำเงินใหญ่สักตัว เมื่อถึงเวลาก็ให้ออกไข่อยู่ในฟาร์มปลา ก็จะสามารถพัฒนาบ่อเพาะพันธุ์ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือแห่งใหม่ได้ เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ฟาร์มปลาของเขาก็จะเยี่ยมยอดที่สุด


…………………………………………………………………………….


บทที่ 214 ซื้อเกาะแฟร์เวล

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฟาร์มปลาต้าฉินกลายมาเป็นห่วงโซ่อาหารที่สมบูรณ์แล้ว นี่คือเรื่องที่ฉินสือโอวรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากปัญหาการล่มสลายของพื้นที่ฟาร์มปลาในนิวฟันด์แลนด์ ซึ่งการล่มสลายของห่วงโซ่อาหารเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ปลาค็อดจำนวนมากไม่สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้


หญ้าทะเลเป็นแหล่งอาหารให้กับแพลงก์ตอน ส่วนแพลงก์ตอนก็ให้กำเนิดกุ้งแดงจำนวนนับไม่ถ้วน อีกทั้งกุ้งแดงก็ยังเป็นอาหารของปลาแฮริ่ง ปลาซาบะและปลาขนาดเล็กชนิดอื่นอีก พวกปลาค็อดเองก็ล่าปลาแฮริ่ง ปลาซาบะ เป็นอาหาร ถ้าสามารถรักษาห่วงโซ่อาหารเส้นนี้ไว้ได้ เช่นนั้นแล้วฟาร์มปลาก็จะหมุนวนไปได้อย่างแข็งแรง


หลังจากขับเรือฮาวิซทมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็เติมน้ำมันดีเซลให้เต็มก่อนเป็นอันดับแรก แล้วขับวนฟาร์มปลาหนึ่งรอบ ทว่าก็ยังไม่ได้หว่านแห เนื่องจากยังหาลูกค้าไม่ได้อีกอย่างหนึ่งคือเพิ่งจะเลี้ยงปลาค็อดมาได้สองฤดูกาลเท่านั้น ยังไม่คุ้มค่าที่จะจับขึ้นมาอย่างน้อยต้องให้ได้สองปีเสียก่อนจึงจะได้ราคาที่เหมาะสม


เรือเด็คกลายมาเป็นลูกรักลำใหม่ เรือลำเล็กลำนี้มีความรวดเร็วแถมยังเผาผลาญน้ำมันไม่มาก ดังนั้นเมื่อขับมันออกทะเลก็จะสะดวกยิ่งกว่า ฉินสือโอวตั้งชื่อให้มันว่า ‘เรือเออร์บัก’


เออร์บักทาสีเขียนชื่อให้เรือเด็คลำนี้ด้วยตัวเอง ฉินสือโอวแสดงความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเขาที่มีต่อเออร์บักผ่านเรือลำนี้ นี่ทำให้ชาวชราชาวยิวมีความสุขเป็นเป็นอย่างมาก


“ฉิน ฉันคิดว่าถ้าวาดรูปฉันไว้ที่ด้านข้างของเรือก็จะยิ่งดีนะ นายว่าอย่างนั้นไหม?”


“ไม่ครับ คุณปู่เออร์ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณจะเป็นพวกชอบอวดขนาดนี้น่ะ”


“จะได้ดูเป็นวัยรุ่นหน่อยไง นายไม่เข้าใจเหรอ? อีกอย่าง เมื่อก่อนนายก็ไม่เคยให้โอกาสฉันมาก่อนนี่นะ”


“พระเจ้า คุณน่าจะรู้จักสุภาษิตของคนจีนแน่ๆเลย โสเภณีแก่พายเรือไม่ใช้ไม้พาย อาศัยคลื่นลม”


คณะสำรวจการท่องเที่ยวกลับประเทศไปแล้ว แฮมเล็ตบอกฉินสือโอวด้วยความปีติยินดีว่า ในเดือนสิงหาคมก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังเกาะแฟร์เวลแล้ว พวกเขาสามารถเตรียมตัวเรื่องการท่องเที่ยวได้แล้ว ถ้าหากเส้นทางความร่ำรวยเส้นนี้ประสบความสำเร็จ ต่อให้ฟาร์มปลาบริเวณรอบๆนี้จับปลาไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว


ได้ยินข่าวนี้ ใจของฉินสือโอวก็สั่นระรัว สภาพการณ์ของเกาะแฟร์เวลเป็นเช่นนี้ เกาะเล็กๆแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ทางตอนใต้ของนิวฟันด์แลนด์ บริเวณรอบๆเป็นทะเล ทางด้านตะวันออก ตะวันตก และทางใต้ล้วนแต่เป็นฟาร์มปลาส่วนบุคคล ส่วนทางด้านเหนือจึงจะเป็นฟาร์มปลาของรัฐ


ในด้านตะวันออก ตะวันตก และทางใต้ทั้งเขตทะเลท่ามกลางทั้งสามฝั่งนี้ ในนั้นมีฟาร์มปลาต้าฉินที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ฟาร์มปลาที่อื่นอีกอีกห้าแห่งล้วนแต่มีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก อีกทั้งยังพากันปิดกิจการไปหมดแล้ว เจ้าของฟาร์มถ้าไม่ล้มละลายก็ไปเปิดกิจการอย่างอื่นแทน


เมื่อเป็นแบบนี้แล้วฉินสือโอวก็คิดว่า เขาควรจะกว้านซื้อฟาร์มปลาทั้งหมดเลยดีไหมนะ?


ถ้าหากกว้านซื้อฟาร์มปลาทั้งหมด แบบนั้นเขาก็จะปล่อยให้ปลาได้ว่ายวนไปทั่วทะเลได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจคอยขังพวกมันไว้ในที่แห่งเดียว อีกทั้งยังสามารถเพาะพันธุ์ปลาได้มากขึ้นกว่าเดิม


นอกจากนี้ ตอนนี้ฉินสือโอวก็ยังมีเงินทุนมากกว่าแปดสิบล้านที่นอนนิ่งๆอยู่ในบัญชี เงินพวกนี้ฝากไว้ในธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ยเฉยๆไม่มีความน่าสนใจอะไร เอาพวกมันไปใช้ทำอะไรสักอย่างคงจะดีกว่า


เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำทันที ฉินสือโอวไปหาแฮมเล็ต แล้วพูดเรื่องที่เขาต้องการจะซื้อฟาร์มปลาส่วนบุคคลพวกนี้


แฮมเล็ตก็ช่วยเขาพิจารณา และเตือนเขาว่า “ฉิน นายต้องคิดให้ดีก่อนนะ ถึงฉันจะรู้ว่านายค่อนข้างมีเงิน ทว่าตอนนี้สิ่งที่นายกำลังจะรับช่วงต่อคือฟาร์มปลาส่วนบุคคลทั้งหมดของเกาะแฟร์เวล นั่นมันเป็นการลงทุนที่น่ากลัวมากๆเลยนะ!”


“ฉันจะช่วยคำนวณบัญชีให้นายดูสักหน่อยแล้วกัน ในช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ช่วงเวลารุ่งโรจน์ครั้งสุดท้ายสำหรับฟาร์มปลาของเกาะแฟร์เวล ตามสถิติของหน่วยงานสรรพากรของเมืองนี้แล้ว ในหนึ่งปีฟาร์มปลาทั้งหกแห่งลงทุนกับทะเลไปเป็นเงินจำนวนทั้งหมดยี่สิบล้านดอลลาร์แคนาดา! ตอนนี้ก็ผ่านมาสิบปีแล้ว ถ้าดูจากดัชนีราคาที่เพิ่มขึ้น เงินยี่สิบล้านในตอนนั้นแปลงเป็นเงินในปัจจุบันก็เท่ากับห้าสิบล้าน!”


“อีกทั้งสถานการณ์ของฟาร์มปลาก็ดีกว่าในตอนนี้อยู่มาก ตอนนี้ฟาร์มปลาแทบจะเสื่อมโทรมไปหมดแล้ว นายทำได้แค่ค่อยๆลงทุนกับมัน ปลูกหญ้าทะเล ซื้อกุ้งแดง ลูกพันธุ์ปลาทุกชนิดกับอาหารของพวกมัน รวมทั้งยารักษาต่างๆ แบบนี้ถึงจะสร้างมันขึ้นมาได้”


ฉินสือโอวไม่สนใจ เขาตอบกลับไปว่า “เรื่องพวกนี้ผมเคยไตร่ตรองมาก่อนหน้านี้แล้ว แฮมเล็ต เชื่อผม ผมทำมันให้ดีได้”


แฮมเล็ตจ้องมองฉินสือโอวไม่ละสายตา เขาพยักหน้าช้าๆ แล้วพูดขึ้นว่า “โอเค ตอนนี้ฟาร์มปลาทั้งห้าแห่ง มีสองแห่งที่ล้มละลายและถูกรัฐบาลส่วนท้องถิ่นของเมืองนี้นำเข้าประมูล ฉันจะช่วยนายหาวิธีที่ทำให้ได้ราคาที่ดีที่สุด ส่วนอีกสามแห่งที่เหลือ ฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อดและฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทก็ยินดีที่จะขายต่อเช่นกัน มีเพียงแค่ฟาร์มปลาดาวพเนจรเท่านั้นที่ยังไม่ได้ข่าวคราว”


ฉินสือโอวไหว้วานแฮมเล็ตไว้ จากนั้นก็กลับไปรอข่าวคราวจากเขา


แฮมเล็ตจัดการธุระได้อย่างรวดเร็วแล้วเฉียบขาด เพิ่งจะคุยกันไปตอนบ่าย ตอนเย็นเขาก็มาหาฉินสือโอว แล้วบอกกับเขาว่า “พวกเราหาโอกาสคุยกันเรื่องการซื้อขายฟาร์มปลาได้แล้ว”


ฉินสือโอวตอบเขาไปว่า “พวกเราคนจีนมีคำพูดหนึ่งที่ว่า มัวแต่เลือกวันไม่ดีเท่าทำเลย ถ้างั้นก็เป็นคืนวันนี้เลยเป็นไง ผมตั้งใจว่าคืนนี้จะออกทะเลไปตกปลา ผม วินนี่ ถ้าคุณสนใจ คุณจะมากับพวกเราก็ได้”


เมื่อได้ยินว่าจะไปตกปลาตอนกลางคืน ท่าทางเอาจริงเอาจังของแฮมเล็ตก็ถูกความเบิกบานใจเข้ามาแทนที่ เขาตบที่ไหล่ของฉินสือโอวแล้วพูดกับเขาว่า “เป็นเด็กที่ดีจริงๆ นายเก่งมาก รอฉันก่อน เดี๋ยวฉันจะกลับไปเอาอุปกรณ์”


วินนี่กำลังจะกลับแล้ว ฉินสือโอวเลยอยากพาเธอออกทะเลไปตกปลาตอนกลางคืนสักหน่อย พอดีกับที่จะได้คุยธุระกับแฮมเล็ตด้วย


ครั้งนี้คนน้อย ฉินสือโอวจึงไม่ได้เอาเรือเรือยอชต์ทรอลเลอร์นกนางนวลไป เปลี่ยนเป็นเรือลาดตระเวนแฟร์เวลแทน


หลังจากที่ท่าเรือสร้างเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็นำเรือทุกลำเข้ามาจอด


ที่ใหญ่ที่สุดก็คือ เรืออเนกประสงค์ ‘ฮาวิซท’ ส่วนลำอื่นๆก็ประกอบไปด้วย เรือยอชต์ทรอลเลอร์ ‘เรือนกนางนวล’ ต่อมาก็เป็นเรือยอชต์ขนาดเล็ก เรือลาดตระเวนความเร็วสูง ‘แฟร์เวล’ เรือเด็ค ‘เออร์บัก’ เรือหัวกว้างอีกสองลำ และยังมีเจ็ทสกีเทพเจ้าสายฟ้ามืด


เรือออกทะเลแล้ว ไม่เสียแรงที่เรือแฟร์เวลเป็นเรือลาดตระเวนความเร็วสูง ความเร็วต่อชั่วโมงเร็วทะลุสามสิบนอต ขับควบพุ่งทะยานฝ่าลมโต้คลื่นไปในทะเล


เรือลาดตระเวนค่อนข้างจะหรูหรา ด้านบนจัดสรรห้องล้างตัวกับห้องครัวไว้ให้ นอกจากนี้ยังมีห้องนอนอีกสามห้อง สามารถรองรับจำนวนผู้ออกเดินทางได้สามถึงหกคน


นีลเซ็นขับเรือลาดตระเวนไปข้างหน้าอย่างมั่นคงสงบนิ่ง ส่วนฉินสือโอวกับแฮมเล็ตไปที่ดาดฟ้าของเรือเพื่อคุยธุระ


แฮมเล็ตนั่งตัวตรง ส่วนฉินสือโอวก็นั่งลงไปที่พื้นของดาดฟ้าเรือเลยทันที หู่จือและเป้าจือก็นอนหมอบอยู่ข้างๆพร้อมทั้งยกหัวของพวกมันวางไว้บนขาของเขา เขาลูบหัวที่มีขนนุ่มฟูของพวกมันทั้งสองตัวแล้วถามขึ้นมาว่า “ถ้าจะซื้อฟาร์มปลาที่อื่น สิ่งที่ผมต้องใช้ทั้งหมดก็คือตังค์เหรอ?”


“ตังค์?”แฮมเล็ตถามเขาด้วยความประหลาดใจ


ฉินสือโอวอธิบายให้เขาฟังว่า “ความหมายก็คือเงินนั่นแหละครับ เป็นคำเรียกที่คนจีนชอบใช้เรียกกัน เอาไว้คุยกับเพื่อนที่ที่ค่อนข้างจะสนิทกันเวลาทำธุรกิจ”


คำอธิบายนี้ทำให้แฮมเล็ตพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง เขาพูดขึ้นมาว่า “ใช่แล้วล่ะ พวกเราน่ะซี้กัน ดังนั้นฉันเลยจะให้ราคาขายของรัฐบาลที่มีราคาต่ำสำหรับนาย ฟาร์มปลาที่ล้มละลายทั้งสองแห่งมีราคาถูกที่สุด รวมกันแล้วมีราคาแค่สิบห้าล้านกับอีกแปดแสนดอลลาร์แคนาดา ฟาร์มปลาบ้านเกิดปลาค็อดราคาสิบเอ็ดล้านดอลลาร์แคนาดา ฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทราคาสิบสองล้านกับอีกสองแสนดอลลาร์แคนาดา รวมที่ดินแล้วทั้งหมด อุปกรณ์ที่อยู่ในฟาร์มปลาและทรัพยากรในทะเลก็รวมอยู่ในราคานั้น”


เมื่อได้ยินราคานี้ฉินสือโอวก็เอาแต่กะพริบตาปริบๆ เขาลองถามเพื่อหยั่งเชิงว่า “ราคาเท่านี้เหรอครับ?”


แฮมเล็ตตอบ “ใช่แล้ว ราคานี้แหละ ราคาเท่านี้ไม่ถือว่าแพงแน่นอน”


เว้นไปพักหนึ่งจากนั้นเขาก็อธิบายให้ฟังว่า “ฉิน นายก็รู้นี่ ว่าเพื่อที่จะรักษาทรัพยากรด้านการประมง ตอนนี้พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลเมืองเมเปิลลีฟ จึงไม่อนุญาตให้นำฟาร์มปลาของรัฐและฟาร์มปลาในประเทศมาขายทอดให้กับเอกชน ดังนั้นฟาร์มปลาส่วนบุคคลพวกนี้จึงล้วนแต่เป็นทรัพยากรล้ำค่าทั้งนั้น”


ราคาสูงกับผีน่ะสิ ฉินสือโอวคิดว่าราคานี้ไม่ใช่ว่าไม่สูง แต่มันต่ำมากเกินไปต่างหาก! ตอนแรกที่เออร์บักไปหาเขาที่เมืองไหเต่า เขาบอกกับฉินสือโอวว่าฟาร์มปลาต้าฉินมีมูลค่าถึงสี่สิบสองล้านดอลลาร์แคนาดา แต่ทำไมฟาร์มปลาสี่แห่งนี้เมื่อรวมกันแล้วกลับมีราคาไม่ถึงสี่สิบล้านเลยด้วยซ้ำ?


เขาถามถึงข้อสงสัยนี้ออกไป เมื่อแฮมเล็ตได้ยินก็หัวเราะเสียงดังออกมา แล้วพูดกับเขาว่า “นายโดนเออร์บักหลอกแล้วล่ะ ที่นี่มีเรื่องลี้ลับนะ คืออย่างนี้ ในทุกๆปีธนาคารจะทำการประเมินค่าฟาร์มปลา และเนื่องจากทรัพยากรในทะเลนั้นไม่แน่ชัดดังนั้นการเมินราคาของธนาคารจึงแบ่งออกเป็นสามราคา อันหนึ่งคือราคาประเมินการล่วงหน้า ส่วนอีกสองราคาคือราคากลาง จากราคาหนึ่งไปอีกช่วงราคาหนึ่ง ส่วนราคาสี่สิบสองล้าน ก็คือราคาช่วงที่สูงที่สุดของฟาร์มปลาต้าฉิน หมายความว่ามีเพียงแค่ตอนที่ฟาร์มปลาแห่งนี้มีทรัพยากรปลาที่อุดมสมบูรณ์แล้วเท่านั้น”


…………………………………………………………………


บทที่ 215 ค่ำคืนที่งดงาม

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวหน้าดำคร่ำเครียดมองไปที่แฮมเล็ต เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามออกไปว่า “นี่มันตลกมากเลยใช่ไหมครับ ท่านนายกเทศมนตรี? ถ้าอย่างนั้นผมของถามหน่อย ทำไมตอนที่จ่ายภาษีมรดก ถึงได้ใช้มาตรฐานการคำนวณจากราคาสี่สิบสองล้านนี่ด้วยล่ะครับ?!”


เสียงหัวเราะของแฮมเล็ตก็หายไปทันที เขามองไปที่ฉินสือโอวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อเห็นสีหน้าของฝ่ายตรงข้ามแย่ลง เขาก็รีบโบกไม้โบกมือปัด แล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้จะโทษพวกเราไม่ได้นะ ฉิน นี่เป็นข้อกำหนดที่ปู่ของนายเซ็นสัญญากับรัฐบาลเอาไว้ในตอนนั้น”


“อะไรนะ?”ฉินสือโอวขมวดคิ้วถามเขากลับไป


แฮมเล็ตมองไปยังท้องฟ้า เขาขมวดคิ้วดำดิ่งลงไปในห้วงความทรงจำ แล้วค่อยๆพูดออกมาว่า “ฉันเองก็ไม่ได้มีส่วนอะไรในการเจรจาเซ็นสัญญาฉบับนี้ แต่ฉันเคยได้ยินมาว่า ดูเหมือนปู่ของนายจะตกลงกับรัฐบาลเรื่องสัญญาฉบับนี้ว่า ถ้าภายในระยะเวลาสิบปีไม่มีคนดูแลฟาร์มปลา ไม่สามารถนับว่าเป็นการล้มละลายและไม่มีเจ้าของเข้ามาจัดการ เมื่อถึงเวลาที่มีคนมารับช่วงต่อ จะต้องใช้มาตรฐานการคำนวณจากราคาประเมินช่วงที่สูงที่สุดเพื่อเสียภาษีมรดก ถ้าหากพ้นสิบปีไปแล้ว ยังไม่มีใครมารับช่วงต่อ จึงจะประกาศว่าเป็นการล้มละลาย”


ฉินสือโอวจึงได้เข้าใจแจ่มแจ้ง เขามาที่นี่ในปีที่สิบ


เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงรู้สึกว่าเรื่องที่ปู่สองทิ้งฟาร์มปลาแห่งนี้ไว้ให้ยิ่งถูกปกคลุมด้วยความลึกลับขึ้นไปอีกชั้น ทำไมต้องรอจนถึงสิบปี? แล้วทำไมถึงยกฟาร์มปลาให้เขาแต่ไม่ได้ยกให้พ่อของเขา? เรื่องจิตสำนึกแห่งโพไซดอน แท้จริงแล้วเป็นยังไงกันแน่?


“โอเค ผมเข้าใจแล้ว คุณหมายถึงราคาขายของฟาร์มปลา ใช่ไหม? ไม่มีทางอื่นให้ต่อรองแล้วใช่ไหม?” ฉินสือโอวถาม


แฮมเล็ตยักไหล่แล้วตอบเขาว่า “ฟาร์มปลาล้มละลายทั้งสองแห้ง มีราคาที่ถูกที่สุดแล้ว ราคาต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้ว เนื่องจากฟาร์มปลาทั้งสองแห่งนี้ค้างชำระหนี้ของธนาคารอยู่ จริงๆแล้วเงินที่ได้จากการขายก็จะถูกนำมาคืนธนาคาร ส่วนฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อดกับฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอท อาจจะยังพอต่อรองราคาได้ เดี๋ยวฉันจะหาเวลานัดเจ้าของฟาร์มปลาทั้งสองแห่งเพื่อให้นายได้คุยกับพวกเขาแล้วกัน”


วินนี่เห็นว่าทั้งคู่คุยกันมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว จึงเอาน้ำแอปเปิลคั้นมาให้พวกเขาที่อยู่ด้านบน ฉินสือโอวชิมไปหนึ่งอึกแล้วจึงเอ่ยปากชมเธอว่า “รสชาติดีที่สุดเลยครับ ที่รัก”


แฮมเล็ตเห็นท่าทางสวีทหวานแหววของคู่รักคู่นี้ เขาก็รู้ได้ว่าตัวเองควรไปได้แล้ว จึงถือเอาเบ็ดตกปลาไปยังตำแหน่งด้านข้างของเรือ เสียบเบ็ดตกปลาไว้ เพื่อเตรียมตัวตกปลาใหญ่ขึ้นมา


ฉินสือโอวนั่งกอดวินนี่อยู่บนดาดฟ้าของเรือ หู่จือและเป้าจือก็หมอบอยู่ข้างๆพวกเขาทั้งคู่ ฉินสือโอวสัมผัสได้ถึงลมทะเลที่พัดผ่านมาบนใบหน้า เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาวส่องแสงทอประกาย พร้อมที่ทั้งลูบเอวบางของวินนี่อย่างเบาๆและพูดพึมพำว่า “ถ้าเวลาถูกหยุดไว้อย่างนี้ ก็คงจะดีนะครับ”


วินนี่พิงศีรษะไว้กับอ้อมอกของเขา เธอพูดเสียงอู้อี้ออกมาว่า “ฉิน ฉันเข้าใจความหมายของคุณนะคะ ฉันเองก็ไม่อยากจะแยกจากคุณเลย แต่ฉันก็หวังว่าคุณจะเข้าใจฉันนะคะ ว่าฉันต้องการงานนี้”


ฐานะของฉินสือโอวในตอนนี้ อย่าว่าแต่เลี้ยงวินนี่แค่คนเดียวเลย ต่อให้เลี้ยงแอร์โฮสเตสของสายการบินแอร์แคนาดาทั้งคณะก็ไม่มีปัญหา แต่เขาจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ที่วินนี่ต้องการงานนี้ไม่ใช่เพราะเธออยากจะหาเงินได้เยอะๆ ทว่าเธออยากจะพึ่งพาการเงินของตัวเองต่างหาก


หญิงสาวชาวอเมริกาเหนือมีปณิธานที่ยึดมั่นอยู่ไม่กี่อย่างเท่านั้น ก็คือการพยายามมีอิสระทางการเงินเป็นของตัวเอง


ฉินสือโอวจูบวินนี่ไปหนึ่งครั้ง แล้วพูดกับเธอว่า “ผมเข้าใจคุณ วินนี่ ไปทำงานของคุณเถอะครับ แต่ว่าไม่รู้ว่าการที่คุณลางานบ่อยๆแบบนี้ จะทำให้มีผลกระทบอะไรไหม?”


วินนี่ยิ้มให้เขาแล้วพูดด้วยความทระนงตัวว่า “ถ้าหากแอร์แคนาดาไม่ยอม ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะลาออก พอถึงเวลานั้นฉันจะมาหางานทำที่นครเซนต์จอห์นก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ?”


ฉินสือโอวตอบเธอไปว่า “เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลังเถอะครับ มาเถอะ พวกเราไปตกปลากัน”


เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเพื่อค้นหาปลาใหญ่ที่อยู่ในทะเล จากนั้นก็หาที่ที่ปลาค่อนข้างอุดมสมบูรณ์แล้วบอกให้นีลเซ็นจอดเรือตรงนั้น แล้วก็จะหยุดอยู่แค่ตรงนี้ไปตลอดทั้งคืน


นีลเซ็นชงกาแฟแล้วเริ่มใส่หูฟังเพื่อฟังเพลง แท้จริงแล้วเขาใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่ายและเป็นอิสระมากกว่าฉินสือโอวเสียอีก


ฉินสือโอวอยากจะเติมเต็มความปรารถนาที่อยากจะตกปลาของวินนี่ ดังนั้นวันนี้เขาจึงมาเป็นตัวประกอบ รับหน้าที่ช่วยเหลือเธอเท่านั้น


เขาถือเอาถังใส่ปลาแฮร์ริ่งมหาสมุทรแอตแลนติกและกุ้งแดงแช่แข็งขึ้นมาบนดาดฟ้า จากนั้นก็ใช้กระบวยตักมันลงไปในน้ำบริเวณรอบๆ เพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อปลาในทะเล


เปิดหลอดไฟล่อปลาแล้ว เมื่อกุ้งแดงถูกโปรยลงไป ในน้ำก็เริ่มมีปลาปรากฏให้เห็นบ้างแล้วบางส่วน


ปลาพวกนี้ยังตัวใหญ่ไม่พอ ปลาใหญ่จะไม่ล่ากุ้งแดงเป็นอาหาร ฉินสือโอวจึงเริ่มหั่นปลาแฮร์ริ่งมหาสมุทรแอตแลนติก ปลาหนึ่งตัวถูกหั่นออกเป็นสี่ถึงห้าท่อน จากนั้นจึงโยนลงไปในน้ำอย่างเป็นจังหวะ อย่างนี้จะสามารถล่อให้ปลาใหญ่มากินเบ็ดได้


แฮมเล็ตเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง ทางฝั่งเขาสามารถล่อปลาให้มาติดเบ็ดได้ในเวลาที่รวดเร็ว และเมื่อดูจากระยะความโค้งงอของเบ็ดตกปลาแล้ว ปลาตัวนี้น่าจะมีขนาดที่ไม่น้อยเลย


แล้วก็เป็นอย่างนั้น ในตอนที่เขายกเอาคันเบ็ดขึ้นมา ปลาสีแดงปนน้ำตาลขนาดยาวขนาดสี่สิบกว่าเซนติเมตร บนตัวเต็มไปด้วยจุดสีแดงส้ม มีปากขนาดใหญ่ ในปากมีซี่ฟันแหลม ดูน่ากลัวยิ่งก็ติดขึ้นมากับเบ็ด


ฉินสือโอวมองดู แล้วจึงเอ่ยชมเขา “เป็นปลาที่ดีเลยนะ แฮมเล็ต ดวงคุณไม่เลวเลย”


แฮมเล็ตยิ้มออกมาแล้วพูดอย่างพึงพอใจว่า “เหยื่อตะขอแรกก็ตกได้ปลากะรังดอกแดงแล้ว โชคดีมากจริงๆ”


ปลากะรังดอกแดง มีชื่อเรียกทั่วไปว่าปลาเก๋า ปลาเก๋าดอกแดง เป็นหนึ่งในพันธุ์ปลาของปลาชนิดที่มีก้านครีบ กระจายอยู่ทั่วไปในแถบตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ปลาชนิดนี้สามารถปรับตัวให้เข้ากับความเค็มได้ในหลายระดับ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในช่วงระดับความเค็มตั้งแต่สิบเอ็ดถึงสี่สิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงสามารถพบร่องรอยของพวกมันได้ในมหาสมุทรเขตอบอุ่น แต่จะสามารถพบได้มากหรือน้อยก็เท่านั้น


ในมหาสมุทรแอตแลนติก จะพบปลาชนิดนี้ได้ไม่บ่อยนัก ดังนั้นฉินสือโอวจึงชมว่าแฮมเล็ตโชคดีไม่น้อย


ความขยันของฉินสือโอวเองก็เริ่มส่งผลบ้างแล้ว หลังจากที่ทางฝั่งแฮมเล็ตตกปลาเก๋าลายจุดขึ้นมาได้ไม่นาน เบ็ดของวินนี่ก็ถูกดึงจนโค้งงอแล้วเช่นกัน


วินนี่ลากเบ็ดตกปลาไปข้างหลังอย่างเร่งรีบ ฉินสือโอวจับมือของเธอไว้ แล้วสอนเธอว่า “ไม่ต้องรีบครับ ที่รัก อย่างแรกที่คุณต้องทำคือจับคันเบ็ดไว้ให้มั่นคงก่อน จากนั้นก็ปล่อยเอ็นตกปลาไปเล็กน้อย ลองหยั่งเชิงกำลังของฝ่ายตรงข้ามของคุณดูก่อน อย่างปลาตัวนี้ มีกำลังไม่เยอะ เห็นได้ชัดว่าเป็นปลาตัวเล็ก เพราะฉะนั้นจึงสามารถดึงมันขึ้นมาได้เลยทันที”


เมื่อพูดจบ เขาก็สะบัดมือไปข้างหลัง ปลาสีขาวตัวหนึ่งก็ถูกสะบัดขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ มันมีความยาวประมาณยี่สิบเซนติเมตร ยังคงดิ้นกระโดดขึ้นลงอยู่ตรงนั้น หู่จือพุ่งไปตะครุบมันไว้ จากนั้นก็ตบจนปลามึน


นี่เป็นปลาค็อดที่พบได้บ่อยๆ คาดว่าน่าจะถูกกุ้งแดงล่อมา ฉินสือโอวถอดมันออกจากตะขอแล้วโยนกลับลงไปในน้ำ ปลาพวกนี้ไม่คุ้มที่จะตกขึ้นมา


วินนี่รู้สึกผิดหวังอยู่หน่อยๆ ฉินสือโอวจึงโอบกอดเธอไว้เพื่อปลอบเธอ ปล่อยให้เธอได้ตกปลาต่ออีกรอบ ส่วนตัวเขาเองก็โยนปลาแฮร์ริ่งที่หั่นไว้ลงไปในน้ำอย่างต่อเนื่อง เขาเชื่อว่าไม่นานมันจะล่อปลาใหญ่ให้มาติดเบ็ด


ทางด้านแฮมเล็ตก็ตกปลาไปแล้วสองรอบ เขาไม่รีบไม่เร่ง เมื่อไม่มีปลาติดมาเขาก็มองไปที่ท้องฟ้าแล้วขบคิดถึงปัญหาต่างๆ เมื่อปลาติดเบ็ดก็ค่อยยกขึ้นมา


นักตกปลาที่มีลักษณะท่าทางในการตกปลาเช่นนี้มักจะเป็นมือฉมังกันทั้งนั้น ผู้ที่ไม่รู้สึกยินดียินร้าย มักจะประสบผลสำเร็จเสมอ


แล้วก็เป็นไปตามคาด ทางด้านแฮมเล็ตตกปลาได้อย่างต่อเนื่อง เพียงไม่นานก็สามารถตกเอาปลาค็อดที่มีความยาวขนาดครึ่งเมตรสองตัว และปลาแซลมอนโคโฮยาวเจ็ดสิบเซนติเมตรอีกหนึ่งตัวขึ้นมาได้


ผ่านไปสักพัก ทางฝั่งวินนี่ก็มีปลามางับเหยื่ออีกครั้งแล้ว เธอลองหยั่งเชิงตามที่ฉินสือโอวสอน ปลาตัวนี้ก็มีกำลังไม่มาก เธอจึงรู้สึกสิ้นหวัง ทว่าก็ยังฮึดสู้แล้วลากไปทางด้านหลัง


แรงของเธอมีไม่มากเท่าฉินสือโอว ดังนั้นจึงไม่สามารถดึงเอาปลาตัวนี้ขึ้นมาได้ในทันที จึงปล่อยแกนหมุนของคันเบ็ดเพื่อสู้กับปลาตัวนี้


ยื้อยุดอยู่ไม่กี่วินาที ทันใดนั้นเส้นเอ็นตกปลาก็สั่นสะบัดอย่างรุนแรง จึงทำให้วินนี่กักแกนหมุนของเบ็ดตกปลาเอาไว้ไม่ได้ แกนหมุนหมุนวนไปอย่างรวดเร็ว แค่ครู่เดียวเส้นเอ็นก็ถูกลากออกไป ถึงห้าหกเมตร


“เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?” วินนี่ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ เธอเกือบจะจับคันเบ็ดไม่อยู่แล้ว ฉินสือโอวแย่งเอาคันเบ็ดมาจับไว้ แต่ปรากฏว่าแกนหมุนก็ยังคงหมุน ‘ฟิ้วๆ’ อยู่ เขาจึงลองวัดแรงด้วยการลากไปข้างหลัง ต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “คราวนี้เจอปลาตัวใหญ่แล้วล่ะ!”


แฮมเล็ตเดินข้ามมาจากอีกฟากของเรือแล้วมองลงไปยังทะเลข้างล่าง แสงในยามราตรีทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “ฉิน ลองแหย่มันสักสองครั้งก่อน พยายามให้มันโผล่มาใกล้ๆกับผืนน้ำ แล้วดูลักษณะของมัน”


บางครั้งเวลาตกปลาจะเกิดเหตุการณ์แบบได้ปลาสองครั้ง ก็คือการที่คุณตกปลาเล็กได้แล้วหนึ่งตัว แต่ปรากฏว่าก็มีปลาใหญ่อีกหนึ่งตัวที่จ้องมาแล้วก็กินปลาเล็กตัวนี้เข้าไป เมื่อเป็นเช่นนี้ปลาใหญ่ก็จะติดเบ็ด


ทว่าตามปกติแล้ว ปลาจำพวกที่จะมาติดเบ็ดเป็นทอดที่สองนี้มักจะเป็นพวกฉลาม คราวนี้ต้องทำให้ว่ายมาใกล้ๆผิวน้ำเพื่อให้แน่ใจสักหน่อย ถ้าเป็นฉลามก็จะไม่มีค่าอะไร ตัดเส้นเอ็นปล่อยให้มันหนีไปก็พอแล้ว จะได้ไม่เสียแรงไปเปล่าๆ ถ้าโครงเบ็ดหักก็จะยิ่งสิ้นเปลืองเงินไปอีก


…………………………………………….


บทที่ 216 ปลากระโทงสีน้ำเงินยักษ์

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวยื่นมือออกไปจับคันเบ็ดไว้ คลื่นพละกำลังมหาศาลก็ถูกส่งเข้ามา เอ็นตกปลาถูกดึงจนแน่นตึง ลากดึงจนคันเบ็ดส่งเสียง ‘เอี๊ยดๆ’ ออกมา คล้ายกับว่าจะโดนดึงจนหัก


แฮมเล็ตเพ่งมองออกไปไกล น่าเสียดายที่ความมืดในยามค่ำคืนทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน ทว่าไม่ต้องสงสัยเลย นี่เป็นปลาใหญ่ที่มาติดเบ็ด อีกทั้งยังเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่มากอีกด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่ถึงกับทำให้ฉินสือโอวต้องเปลืองแรงอย่างนี้


หู่จือและเป้าจือเตรียมพร้อมที่จะลงมือ ฉินสือโอวตะโกนสั่งว่า “หมอบลงไป!”


สำหรับปลาที่น่าจะมีความยาวหลายเมตรตัวนี้แล้ว ถ้าหากหู่จือและเป้าจือกล้าไปขู่มัน คาดว่าแค่คำเดียวก็น่าจะกลืนพวกมันลงไปได้หมด


วินนี่ยืนมองเส้นเอ็นตกปลาอยู่บนดาดฟ้าด้วยความตื่นเต้นระคนกับกังวล ฉินสือโอวควบคุมแกนหมุนของคันเบ็ดไว้อย่างใจเย็น ยืดๆหยุ่นๆ ส่วนนีลเซ็นที่อยู่ที่แท่นขับเรือก็ควบคุมเรือลาดตระเวนให้เข้าไปใกล้กับทิศทางของปลามากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สามารถตัดกำลังของปลาใหญ่ตัวนั้นลงไปได้


แฮมเล็ตคอยแนะนำเขาอยู่ข้างๆ “ฉิน ไม่ต้องลากดึงมันจนตึงเกินไป ถ้าหากเอ็นตกปลารัดเข้ากับแก้มของมัน จะทำให้มันเจ็บจนทนไม่ไหว แบบนั้นจะทำให้มันใช้แรงทั้งหมดเพื่อดิ้นรนขัดขืน และทำให้เอ็นตกปลาถูกดึงขาดได้อย่างง่ายดาย……”


โดยปกติแล้วถ้าหากเป็นการตกปลาทั่วๆไป ฉินสือโอวจะไม่ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอน สิ่งที่ต้องใช้ในการตกปลาก็คือจิตใจและความรู้สึกที่อยากจะทำให้สำเร็จ ถ้าใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็คงจะไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว


ทว่าครั้งนี้เขาอยากจะให้วินนี่รู้สึกดีใจ ดังนั้นเขาจึงต้องตกปลาใหญ่ตัวนี้ขึ้นมาให้ได้ จึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเพื่อไปดูลักษณะของมันก่อนเป็นอย่างแรก


เมื่อจิตสำนึกแห่งโพไซดอนดำดิ่งลงไปสู่ผืนน้ำ ฉินสือโอวก็มองเห็นเจ้าปลาใหญ่ที่กำลังดิ้นรนอยู่ ปลาตัวใหญ่ที่มีขนาดความยาวถึงสามเมตรเต็มๆ!


ให้ตายเถอะ ฉินสือโอวถึงกับอึ้งไปเลย นอกจากฉลามแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นปลาที่ตัวใหญ่ขนาดนี้


นี่คือปลากระโทงสีน้ำเงิน บนหัวของมันมีกระดูกยาวแหลมที่ยื่นออกมาหนึ่งเส้น บนหลังของมันมีสีน้ำเงินดำ บริเวณส่วนท้องปรากฏให้เห็นปีสีเงิน บนลำตัวมีลายพาดสีน้ำเงินจางเป็นเส้นๆ ในลายพาดแต่ละเส้นจะมีจุดกลมๆเรียงต่อกันอยู่ มีครีบบนหลังสองเส้นและครีบด้านหลังทวารอีกสองเส้น


ตอนนี้ฉินสือโอวก็เป็นชาวประมงที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมแล้ว แค่มองครั้งเดียวเขาก็แยกได้ว่า นี่คือปลากระโทงสีน้ำเงินที่หาได้ยาก หรือที่เรียกว่าปลากระโทงสีน้ำเงินมหาสมุทรแอตแลนติก


ปลาชนิดนี้เป็นปลากระโทงชนิดหนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในมหาสมุทรแอตแลนติก เนื้อของมันมีไขมันสูง เป็นวัตถุดิบที่มีราคาแพงมากสำหรับการทำเมนูซาซิมิในญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีมูลค่าทางการค้าที่สูงมาก มักจะเป็นผลพลอยได้มาจากการล่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ


ขณะเดียวกัน เนื่องจากการที่มันมีมูลค่าทางการค้าสูง จนทำให้ชาวประมงจับปลาจนเกินความเหมาะสม จึงก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ต่อความเป็นอยู่ของพวกมัน ทำให้ตอนนี้สามารถพบเห็นพวกมันได้น้อยมาก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะจับพวกมันได้ด้วยการใช้เบ็ดตกปลา


การที่ปลากระโทงสีน้ำเงินตัวนี้มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ คาดว่าน่าจะถูกท่อนปลาแฮร์ริ่งที่ฉินสือโอวใส่พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปดึงดูดให้มาที่นี่ เมื่อกินท่อนปลาแฮร์ริ่งพวกนั้นแล้วก็เจอเข้าปลาเป็นๆที่มาติดเบ็ดของวินนี่เข้าพอดี จากนั้นก็จึงกลืนลงไปอย่างตะกละตะกลาม จนส่งผลร้ายกับโชคชะตาของมันในตอนนี้


เนื่องจากความล้ำค่าของปลากระโทงสีน้ำเงิน ถ้าหากเป็นเวลาอื่นฉินสือโอวคงจะปล่อยมันไป แต่ครั้งนี้วินนี่ไม่ได้เจอกับปลาใหญ่ง่ายๆ เขาจึงทำได้แค่ตกมันขึ้นมาเพื่อสร้างรอยยิ้มให้กับสาวสวย


ปลากระโทงสีน้ำเงินเรือแฟร์เวลพุ่งออกไปไกลหลายสิบไมล์ทะเล จึงเพิ่งจะลดความเร็วลง นีลเซ็นยืนถือฉมวกตกปลาเพื่อเตรียมตัวลงมืออยู่บนดาดฟ้าเรือ แฮมเล็ตก็มองลงไปที่ผิวทะเลด้วยความตื่นเต้น “ฉันสัมผัสได้ว่า ปลาที่พวกเราตกได้คราวนี้ อาจจะสร้างสถิติใหม่ให้กับการตกปลาในทะเลของเกาะแฟร์เวล!”


ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนบังคับปลากระโทงสีน้ำเงิน ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เส้นเอ็นของวินนี่เล็กเกินไป ถ้าหากปลาตัวนี้โกรธจนสะบัดตัวอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา ก็อาจจะทำให้เอ็นตกปลาโดนดึงจนขาดได้


หลังจากปะทะกันไปแล้วหนึ่งครั้ง ในที่สุดปลากระโทงสีน้ำเงินก็สิ้นแรงลงแล้ว ฉินสือโอวลากมันเข้ามาใกล้กับเรือจับปลา ส่วนนีลเซ็นก็ลงมือด้วยความรวดเร็วที่ดุจดั่งกับสายฟ้า ขว้างฉมวกแทงลงไปยังบริเวณหลังของปลากระโทงสีน้ำเงิน


“โดน!” แฮมเล็ตพูดออกมาอย่างตื่นเต้น การตกปลาตัวใหญ่ ตราบใดที่ยังไม่ได้ลากปลาขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ เรื่องก่อนหน้านั้นทั้งหมดก็ยังไม่นับว่ามีความหมายอะไร เนื่องจากถึงแม้ว่าจะใช้ฉมวกแทงปลาแล้ว แต่มันก็อาจจะดิ้นหนีไปได้อยู่ดี


ทว่า การใช้ฉมวกแทงปลาถูกแบ่งออกเป็นสองทาง มีโอกาสแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ปลาจะหนีไปไม่พ้น


ที่ส่วนปลายของฉมวกแทงปลาผูกติดกับเชือก นีลเซ็นดึงเชือกเพื่อลากปลาให้มาอยู่ข้างๆเรือ ปรากฏให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของปลาตัวนี้ ที่มีความยาวถึงสามเมตร ลำตัวเรียบลื่น แววตามุทะลุโหดร้าย ต้องเป็นปลาชั้นเยี่ยมแน่นอน


แฮมเล็ตช่วยเอาบ่วงเชือกไปมัดไว้ที่ส่วนหางของปลาด้วยอีกแรง ผูกกระชับห่วงเชือกแล้วเริ่มเดินเครื่องดึงรอก ปลาตัวนี้ก็ถูกยกขึ้นมา


“ปลากระโทงสีน้ำเงินมหาสมุทรแอตแลนติก ยาวสามเมตร นักอย่างน้อยเจ็ดร้อยปอนด์ อยู่ในสภาพดีด้วย สุดยอดจริงๆ!” แฮมเล็ตกล่าวด้วยความดีใจ “รีบๆเอาเลือดออกเร็ว ถ้าส่งปลาตัวนี้ไปที่ตลาดนครเซนต์จอห์นได้ล่ะก็ ขอแค่เนื้ออยู่ในสภาพที่พอใช้ได้ ผมคิดว่าน่าจะขายได้ในราคาสามหมื่นดอลลาร์เลยล่ะ!”


นีลเซ็นพูดพร้อมยกนิ้วโป้งให้กับวินนี่ “โชคดีมาก คนสวย ดูท่าว่าเสน่ห์ของคุณคงจะเป็นอะไรที่ขวางไว้ไม่ได้จริงๆ”


ฉินสือโอวให้วินนี่มายืนถ่ายรูปอยู่ข้างๆ จากนั้นทั้งสองคนก็ถ่ายรูปคู่กัน ในตอนสุดท้ายทุกคนก็ถ่ายรูปกับปลาตัวนี้ด้วยกันทั้งหมด ยังไงซะนี่ก็เป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆ


หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว ฉินสือโอวกับนีลเซ็นก็ตัดหัวกับหางของปลากระโทงสีน้ำเงินตัวนี้ออก เพื่อให้เลือดไหลออกมา ปลามีเลือดที่ร้อน ถ้าเหลืออยู่กับร่างกายของปลาหลังตายแล้ว จะทำให้เนื้อและคุณสมบัติของปลาถูกทำลายได้อย่างรวดเร็ว


สามหมื่นดอลลาร์แคนาดา ถึงแม้จะเป็นหัวหน้าแอร์โฮสเตสของแอร์แคนาดาแต่ก็นับว่านี่เป็นเงินก้อนใหญ่เช่นกัน ฉินสือโอวเคยค้นเจอว่า เงินเดือนของหัวหน้าแอร์โฮสเตสของสายการบินนานาชาติจะอยู่ระหว่างหกพันถึงแปดพันดอลลาร์ รวมเงินเบี้ยเลี้ยงและเงินโบนัสเข้าไปด้วยก็จะเท่ากับราวๆหนึ่งหมื่น ดังนั้นปลาตัวนี้จึงมีราคาที่มากกว่าเงินเดือนของวินนี่ในหนึ่งรอบฤดูกาลอยู่ค่อนข้างมาก


“ถ้ากลับไปแล้วผมจะพาคุณเอาปลาตัวนี้ไปขาย”ฉินสือโอวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าเป็นอย่างนี้คุณก็ได้เงินชดเชยจากช่วงที่คุณลางานกลับคืนมาแล้วใช่ไหม?”


วินนี่ส่ายหัว “เราไม่ต้องขายมันหรอกค่ะ เก็บไว้กินน่าจะดีกว่า”


แฮมเล็ตหัวเราะฮ่าๆแล้วพูดขึ้นมาว่า “ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ พวกเธอต้องกินกันกี่วัน? อีกอย่าง พูดจริงๆเลยนะ แม่หนู ปลากระโทงสีน้ำเงินจะถูกเอาไปทำซาซิมิแบบที่คนญี่ปุ่นชอบทาน ถ้าว่ากันตามรสนิยมของฉันแล้วล่ะก็ ฉันคิดว่าปลาค็อดนึ่งก็มีรสชาติที่ดีไม่แพ้กันเลยล่ะ”


ฉินสือโอวกอดวินนี่ไว้ เขาจูบเธอหนึ่งครั้งแล้วบอกกับเธอว่า “ต้องเอามันไปขายนะครับ นี่เป็นเงินก้อนแรกที่คุณได้จากการตกปลา”


เมื่อมีปลากระโทงสีน้ำเงินที่ล้ำค่าและหายากอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาจึงไม่ได้มีปลาไหนน่าประหลาดใจจนต้องพูดถึงอีก ท่อนปลาแฮร์ริ่งที่ฉินสือโอวโปรยลงไปพร้อมทั้งหลอดไฟล่อปลาล่อปลาใหญ่มาได้ไม่น้อย ทว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นฉลาม


แฮมเล็ตก็ตกปลาตัวใหญ่ได้เช่นกัน มันคือฉลามสีนํ้าเงินตัวใหญ่หนึ่งตัว ขนาดความยาวประมาณสองเมตรกว่าๆ


เดิมทีฉินสือโอวอยากจะตัดเอ็นตกปลาเพื่อปล่อยมันไป แต่แฮมเล็ตอธิบายว่าฉลามสีนํ้าเงินก็เป็นวัตถุดิบสำหรับทำอาหารที่มีรสชาติอร่อยเช่นกัน มันไม่ใช่สัตว์ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ สามารถตกมันขึ้นมาได้


เมื่อมีฝูงฉลามเข้ามาปะปน การตกปลาครั้งต่อมาจึงค่อนข้างเปลืองแรง เมื่อถึงเวลาตีสองกว่าๆ ฉินสือโอวจึงบอกให้วินนี่ไปพักผ่อน


วินนี่ยังคงตกอยู่ในห้วงของความตื่นเต้นดีใจที่สามารถตกปลากระโทงสีน้ำเงินขึ้นมาได้ เธอกลับไปที่ห้องพักได้เพียงครู่เดียวก็วิ่งกลับมาคุยเล่นกับฉินสือโอว


ฉินสือโอวเห็นว่านีลเซ็นและแฮมเล็ตก็ไปนอนกันหมดแล้ว ไม่มีคนอื่นอยู่บนดาดฟ้า เขาจึงยิ่งกอดวินนี่ไว้อย่างหวานซึ้งมากกว่าเดิม


วินนี่เป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉินสือโอวจะแค่กอดเธอไปพร้อมกับชมทะเล แต่เธอรู้จักนิสัยของผู้ชายดี อ้อมกอดที่หวานซึ้งเป็นเพียงแค่ขั้นตอนแรกเท่านั้น ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นอย่างอื่นแล้ว เรือที่ขยับโคลงเคลงไปมาแบบนี้ก็ยิ่งให้ความรู้สึกยั่วยวนใจสำหรับผู้ชาย


ดังนั้น เธอจึงนั่งรับลมทะเลอยู่ในอ้อมกอดของเขาโดยไม่กระโตกกระตากอะไรไปก่อน จากนั้นก็ทำทีว่าอยากจะเปลี่ยนท่านั่ง รอจนฉินสือโอวคลายอ้อมแขนออก แล้วเธอก็รีบลุกขึ้นมาทันที


ฉินสือโอวงงงัน “เป็นอะไรไป ที่รักครับ คุณหนีออกไปทำไมกัน? พวกเรานั่งรับลมทะเล มองไปบนท้องฟ้าด้วยกันไม่ดีเหรอ?”


วินนี่พิงประตูห้องพักแล้วหัวเราะคิกคักออกมา เธอพูดกับเขาว่า “จริงเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะอยู่ตรงนี้แล้วมองท้องฟ้าเป็นเพื่อนคุณดีไหมคะ?”


เมื่อได้เห็นว่าวินนี่ยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้ เขาก็รู้ว่าเจตนาที่มีอะไรแอบแฝงอยู่ของเขาถูกเธอมองออกหมดแล้ว จึงยังไม่ได้แสดงท่าทีกระโตกกระตากอะไรออกไป เขาเกาศีรษะของตัวเอง ทำทีเป็นไม่ได้คิดอะไรแล้วเดินเข้าไปใกล้วินนี่


วินนี่มีปฏิกิริยาที่ว่องไวกว่าฉินสือโอว เมื่อเห็นว่าเขาเข้ามาใกล้เธอก็รีบก้าวเข้าไปในห้องพักผู้โดยสารทันทีแล้วจึงทำท่าเหมือนกำลังจะปิดประตู


ช่วยไม่ได้แล้ว ฉินสือโอวจึงทำได้แค่ไปเล่นกับหมาแลบราดอร์แทน ทว่าหู่จือและเป้าจือเองก็ง่วงมากแล้ว พวกมันทั้งสองตัวอยากจะวิ่งไปหาที่นอนอย่างเดียว แต่ฉินสือโอวก็ไม่ยอมปล่อยพวกมันไป ทำให้พวกมันทรมานจนอยากจะอ้อนวอนขอความตาย


เมื่อเห็นวินนี่ที่ยังยิ้มอยู่ ฉินสือโอวก็มองค้อนเธออย่างโกรธเคือง ใบหน้างดงามของวินนี่ก็แดงขึ้นมา เธอพูดอย่างอ้ำๆอึ้งๆว่า “กลับไปถึงฝั่งก่อน กลับไปถึงฝั่ง แล้วคุณอยากจะทำอะไรก็ทำ”


ฉินสือโอวก็ดีใจเป็นล้นพ้น กำลังจะไปเช็กเรื่องนี้ให้แน่ใจอีกสักครั้ง แต่วินนี่กลับยักไหล่ใส่เขา แล้วจึงปิดประตูห้องหนีไป


…………………………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)