อัจฉริยะสมองเพชร 2078-2083

 ตอนที่ 2078 ผมประเมินคุณต่ำไปมากจริงๆ

ฟิ้วววว!


ทันใดนั้น คริสตัลเพชรที่เล่นงานไป่ซวนเฉิงก่อนหน้านี้ก็ลอยออกจากปากของมันและพุ่งเข้าหาเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว


“ฮึ่มมมม!”


เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวเตรียมการไว้แล้วหลังจากได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับไป่ซวนเฉิง แต่ขณะที่เขากำลังจะหลบ ร่างหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า


“อย่าหลบ”


ร่างนั้นคือจางเซวียน


จางเซวียนยิ้มอ่อน เขาก้าวออกไปและคว้าคริสตัลเพชรไว้


ฟึ่บ!


คริสตัลเพชรหายวับไปทันที จางเซวียนเก็บมันเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติของเขาแล้ว


“เฮ้ย….”


คราวนี้ไม่ใช่แค่เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวที่ชะงัก เต่าหลังดำก็งุนงงสุดขีด


เหตุผลที่มันยื้อการปะทะออกไปเรื่อยๆก็เพื่อรอโอกาสจะทุ่มคริสตัลเพชรใส่คู่ต่อสู้ แต่ใครจะไปคิดว่าจู่ๆหมอนี่จะโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แถมยังเก็บคริสตัลเพชรเข้าแหวนเก็บสมบัติของตัวเองด้วย?


มันไม่ใช่คริสตัลเพชรธรรมดา เพชรนี้มีพลังงานมหาศาล มันเปล่งประกายที่มองเห็นได้แม้แต่จากระยะหมื่นลี้ แล้วแหวนเก็บสมบัติจะไม่ระเบิดหรือ?


ถ้าเก็บคริสตัลเพชรเม็ดนี้ไว้ในแหวนเก็บสมบัติได้ พวกมันคงทำแบบนั้นไปนานแล้ว ทำไมต้องเสียเวลาหลบ?


เห็นเต่าหลังดำงงหนัก จางเซวียนถามยิ้มๆ “คุณสงสัยหรือว่าทำไมผมเก็บคริสตัลเพชรเข้าแหวนเก็บสมบัติของผมได้?”


จางเซวียนสะบัดข้อมือ แล้วคริสตัลเพชรก็ปรากฏเหนือฝ่ามือของเขา ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ


“อะ-อะไรกัน?” เต่าหลังดำตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ “คุณทำให้คริสตัลเพชรยอมจำนนได้หรือไง?”


กว่าเต่าหลังดำจะใช้พละกำลังของคริสตัลเพชรหลอกล่อฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงินได้ มันต้องแผดเผาหยดเลือดของตัวเอง ก่อนจะกลืนคริสตัลเพชรเข้าไปทั้งเม็ดเพื่อทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนอย่างสมบูรณ์…


แต่ในชั่วพริบตา คริสตัลเพชรก็ตกไปเป็นของคนอื่น!


ถึงจะไม่ใช่อาวุธ แต่ของล้ำค่าระดับขั้นนี้ก็มีจิตวิญญาณของตัวเอง เมื่อมอบความจงรักภักดีให้กับเจ้านายคนหนึ่งแล้ว ก็จะไม่มีวันแปรพักตร์จนกว่าเจ้านายของมันจะตาย แล้วชายหนุ่มทำอะไรลงไป?


“ใช่ ผมสังหารจิตวิญญาณที่อยู่ในคริสตัลเพชรและร่ายมนต์ใส่จิตวิญญาณดวงใหม่เข้าไป แล้วจิตวิญญาณดวงใหม่จะยอมจำนนให้ใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ผม?” จางเซวียนตอบเสียงเรียบ


จากนั้นเขาก็กระดิกนิ้ว


วิ้งงงง!


คริสตัลเพชรลอยละลิ่วใส่เต่าหลังดำก่อนจะเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าเดิม


ฟึ่บ!


ฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงินที่กำลังร้อนรนพุ่งเข้ารุมล้อมเต่าหลังดำทันที


“ผมประเมินคุณต่ำไปมากจริงๆ” เต่าหลังดำพูดขณะจับจ้องจางเซวียนด้วยสายตาล้ำลึก


มันหันหลังกลับและเตรียมเผ่นหนีโดยไม่ลังเล


แผนการเดิมของมันคือสังหารเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว และด้วยการเล่นงานนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ถึง 2 คน มันก็จะยกระดับวรยุทธของตัวเองได้ แต่แล้วแผนการของมันก็ถูกชายหนุ่มผู้นี้ทำลาย


ตอนนี้พลังงานของมันเหือดแห้งไปเกือบหมดแล้ว เต่าหลังดำจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหลบหนี


“คุณไม่คิดว่ามันสายไปหน่อยหรือที่จะหนีตอนนี้?” จางเซวียนถามขณะก้าวออกไป


ทะเลที่กำลังเกรี้ยวกราดเงียบสนิททันที ราวกับถูกพละกำลังบางอย่างตรึงไว้ แม้แต่ฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงินที่กำลังปั่นป่วนก็เงียบกริบ


ด้วยความตกใจ เต่าหลังดำรีบพุ่งหนีด้วยความเร็วสูงกว่าเดิม แต่ก็ถูกปราการบางอย่างปิดล้อมไว้ สีหน้าของมันเคร่งเครียดขณะพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่มันค่ายกลชนิดไหน? ทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?”


มันแน่ใจว่าได้ตรวจสอบบริเวณนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว และรู้ว่าค่ายกลที่ถูกติดตั้งไว้คือค่ายกลคู่วังวนวารี ถึงค่ายกลจะกักตัวมันไว้ได้สักพัก แต่หากมันพุ่งชนด้วยพละกำลังเต็มพิกัด ก็ยังมีโอกาสหนีไปได้อย่างปลอดภัย


แล้วนี่มันนรกอะไรกัน?


มันถูกปราการนั้นตีกลับทั้งที่โถมตัวเข้าใส่สุดแรง นี่มันค่ายกลชนิดไหน?


ค่ายกลทุกอันต้องอาศัยพลังงานหล่อเลี้ยง พื้นที่ตรงนี้ไม่มีกระแสพลังงานเลย แล้วปราการที่ทนทายาดขนาดนี้ก่อตัวขึ้นได้อย่างไร?


“ค่ายกลคู่วังวนวารีเป็นแค่ค่ายกลกักกันแบบทั่วๆไป มันขังคุณไม่ได้หรอก ผมจึงปรับเปลี่ยนนิดหน่อย ขยายอาณาบริเวณและเพิ่มประสิทธิภาพของมัน โดยค่ายกลนี้จะซึมซับพลังงานที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้งสามปลดปล่อยออกมาระหว่างการต่อสู้ ด้วยเหตุนี้ จนกว่าผมจะปลดชนวนค่ายกลด้วยตัวเอง มันก็แข็งแกร่งไม่ต่างอะไรกับการที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์สามคนสกัดกั้นคุณไว้ คุณทำอะไรไม่ได้หรอก” จางเซวียนอธิบาย


ในเมื่อค่ายกลที่ผู้อาวุโสเฟิงติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้ใช้การไม่ได้ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขยับปรับเปลี่ยนมัน


เหตุผลที่ก่อนหน้านี้จางเซวียนไม่เข้าขัดขวางการต่อสู้ ก็เพื่อปล่อยให้ค่ายกลได้ซึมซับพลังงาน พลังงานนั้นสะสมเพิ่มขึ้นจนถึงขั้นที่เต่าหลังดำไม่อาจฝ่าปราการออกไปได้ มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะยับยั้งเต่าหลังดำได้สำเร็จ


“ค่ายกลซึมซับพลังงานที่พวกเราปลดปล่อยออกมา? คุณเป็นใครกันนี่?”


เต่าหลังดำพยายามพุ่งชนปราการอีก 2-3 ครั้ง แต่ก็เป็นอย่างที่จางเซวียนบอก แม้มันจะใช้พละกำลังเต็มพิกัด ก็ยังทำลายปราการไม่ได้ เมื่อรู้แล้วว่าหมดโอกาส สีหน้าของมันเคร่งเครียด


ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามันมีระดับวรยุทธไม่สูงนัก แต่ทำให้คริสตัลเพชรยอมจำนนและสร้างค่ายกลที่ทรงพลังขนาดนี้ได้ ราวกับเขาคือผู้บงการตัวจริงที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด และทุกอย่างก็เป็นไปตามการคิดคำนวณของเขา!


ชายผู้นี้เป็นใคร?


เต่าหลังดำคิดว่าตัวมันน่าจะสร้างชื่อลือกระฉ่อนได้จากการต่อสู้ในทะเลคันฉ่องน้อยครั้งนี้ และจะไม่มีมนุษย์หน้าไหนกล้ารบกวนมันอีก แต่หลังจากลงทุนลงแรงสร้างสถานการณ์มากมาย สุดท้ายมันก็พ่ายแพ้


“คุณอยากรู้ว่าผมเป็นใคร?” จางเซวียนมองหน้าเต่าหลังดำและยิ้มให้ “เจ้าเต่าน้อย ยอมรับผมเป็นเจ้านายของคุณซะ แล้วผมจะบอกคุณว่าผมเป็นใคร”


“ยอมรับเขาเป็นเจ้านาย?”


“ผู้อาวุโสหลิวคิดจะทำให้เต่าหลังดำยอมจำนนหรือ?”


เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงมองหน้ากันอย่างพรั่นพรึง


อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มีความหยิ่งผยองในตัวเองมาก แม้พวกเขาจะลงทุนลงแรงเตรียมการขนาดนี้ ก็ยังไม่กล้าคิดว่าจะมีความเป็นไปได้เต่าหลังดำจะยอมจำนน…เจ้าเต่านั่นจะยอมจำนนเพียงเพราะมีคนบอกให้มันยอมอย่างนั้นหรือ?


ต่อให้หัวหน้าเจิ้งหยางแห่งหอนานาอสูรมาเอง ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเขาจะทำให้เต่าหลังดำยอมจำนนได้!


เป็นอย่างที่ทั้งคู่คิดไว้ ทันทีที่เต่าหลังดำได้ยินคำพูดของจางเซวียน สีหน้าของมันก็บูดบึ้ง มันคำรามลั่นราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิด “คุณอยากให้ผมยอมรับคุณเป็นเจ้านาย? พิสูจน์ตัวเองก่อนเถอะ!”


ฮึ่มมมม!


เต่าหลังดำคำรามก้อง จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่จางเซวียนอย่างดุเดือด


“สกัดกั้น!” จางเซวียนไม่แม้แต่จะหลบ เขากระดิกนิ้วเบาๆ


ฟิ้วววว!


กระแสพลังงานภายในค่ายกลรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ตรึงร่างของเต่าหลังดำไว้ มันดิ้นขลุกขลักราวกับปลาที่ติดอยู่ในน้ำแข็ง แม้จะออกแรงมากแค่ไหนก็ไม่อาจเป็นอิสระ


“ยอมจำนนให้ผม ไม่อย่างนั้นก็ตายซะ!” จางเซวียนพูดหลังจากสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเต่าหลังดำไว้ได้


“ฆ่าผมได้ก็ทำสิ!” เต่าหลังดำตวาดขณะหดหัวกลับเข้าไปในกระดอง


เพราะเป็นอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ กระดองของมันจึงแข็งแกร่งเทียบเท่ากับของล้ำค่าที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แทบไม่มีอะไรทำลายได้ ขอแค่มันซ่อนตัวอยู่ในกระดอง ต่อให้อีกฝ่ายกักขังมันได้ ก็ไม่อาจทำอะไรมากกว่านี้


อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์หยิ่งในเกียรติยศและศักดิ์ศรี จะให้ยอมรับมนุษย์ที่อ่อนแอกว่าเป็นเจ้านายได้อย่างไร?


แถมค่ายกลที่กักขังมันอยู่ก็ต้องใช้พลังงานหล่อเลี้ยง ขอแค่มันยืนหยัดอยู่ได้นานพอ สุดท้ายค่ายกลก็ต้องพังทลาย และมันก็จะเป็นอิสระ


“คุณคิดว่าทำแบบนั้นแล้วผมจะหมดปัญญาหรือ?” จางเซวียนคาดการณ์ไว้แล้วว่าเต่าหลังดำจะต้องทำแบบนี้ จึงปรบมือและพูดว่า “ไก่น้อย ได้เวลารับแขก!”


“รับทราบ!” ลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยเดินเตาะแตะออกไป


เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงกระพริบตาปริบๆ


นี่พวกเขาตาฝาดหรือเปล่า? ลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยที่มีวรยุทธอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์?


จริงอยู่ว่าวรยุทธของลูกเจี๊ยบตัวนั้นไม่ได้อ่อนด้อย แต่มันมีขนาดตัวแค่ฝ่ามือ จะเอาปัญญาที่ไหนไปเล่นงานเต่าหลังดำ?


ไก่น้อยไม่ใส่ใจความตกตะลึงของใครๆ มันเดินเตาะแตะขึ้นไปบนแผ่นหลังของเต่าหลังดำ แต่หลังจากปีนป่ายไปได้พักใหญ่ กระแสน้ำก็พัดมันลงไป ทำให้ร่วงหล่น มันต้องรีบกระพือปีกที่มีขนาดเท่านิ้วโป้งอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อตะเกียกตะกายกลับขึ้นไป


เหตุการณ์วนเวียนแบบเดิมอยู่ 2-3 ครั้ง


เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงแทบจะทึ้งผมตัวเอง


อสูรตัวเล็กจ้อยแบบนี้จะรับมือกับเต่าหลังดำที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้หรือ?


ล้อเล่นแล้วล่ะ!


เต่าหลังดำที่หลบอยู่ในกระดองแอบมอง มันถึงกับผงะที่เห็นลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยกำลังปีนป่ายกระดองของมัน


คุณอาจพยายามทำให้ผมยอมจำนนได้ แต่จะหยามหน้าผมไม่ได้นะ!


ถึงอย่างไรผมก็เป็นอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปที่ถูกลืม แม้แต่ นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่เป็นผู้นำ 2 ใน 6 สํานักใหญ่ก็ยังเทียบชั้นกับผมไม่ได้…


มีวิธีตั้งมากมายที่คุณอาจใช้เพื่อทำให้ผมยอมจำนน แต่คุณกลับส่งไก่ตัวหนึ่งมา!


ถ้าเป็น ‘ไก่เร่าร้อน’ ที่มาพร้อมกับศิลปะการยั่วยวนก็เป็นเรื่องหนึ่ง-แต่นี่มันบ้าบออะไร?


ให้นรกกินเถอะ คนบ้าที่ไหนเอาไก่เป็นๆมาใช้ในการต่อสู้!


เต่าหลังดำแทบหายใจหายคอไม่ออก


ถ้าไม่ใช่เพราะมันอยู่ในสภาพอ่อนแอและไม่อาจฝ่าปราการได้ คงพุ่งเข้าใส่ไอ้งั่งที่กล้าใช้ยุทธวิธีแบบนี้กับมันให้ตกลงไปทะลุนรกขุมที่ 18!


ระหว่างนั้น ไก่น้อยยังร่วงลงมาอีก 2-3 รอบ สุดท้ายมันก็ถอดใจและหันไปโวยวายใส่จางเซวียน “คุณไม่รู้หรือไงว่าไก่น่ะทำอะไรไม่ถนัดเมื่ออยู่ในน้ำ? แทนที่จะมัวยืนเซ่ออยู่อย่างนั้น ทำไมไม่มาช่วยผม!”


จางเซวียนงง


หลายครั้งหลายหนที่ผ่านมา แกก็ว่ายอยู่ในน้ำเดือดๆอย่างสบายใจไม่ใช่หรือ?


รู้ดีว่าทะเลาะกับไก่ปัญญาอ่อนก็เสียเวลาเปล่า จางเซวียนจึงเดินเข้าไปคว้าคอลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยไว้แล้วโยนมันขึ้นไปด้านบน “ไปซะ!”


พลั่ก!


ไก่น้อยกระแทกกับแผ่นหลังของเต่าหลังดำและกลิ้งหลุนๆไป


“รีบจัดการเข้าเถอะ” จางเซวียนพูด


“วางใจน่ะ ปล่อยเป็นภาระของผม!” ไก่น้อยพยักหน้า


มันยืนจังก้าอยู่กลางกระดองเต่าที่มีความกว้างกว่า 100 เมตร จากนั้นก็อ้าปากเล็กจ้อย


ฟึ่บ!


ปากที่เคยมีขนาดเท่าเล็บมืออ้าออกกว้างกว่า 100 เมตร งับกระดองเต่าขนาดมหึมาไว้และกลืนลงไปทั้งอัน


ช่างเป็นภาพที่แสนพิลึกพิลั่น…ราวกับมีขนฟูสีเหลืองงอกทั่วกระดองเต่า


“เรียบร้อย สำเร็จแล้ว” ลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยกระพือปีกอย่างผู้ชนะ


“แกทำอะไรน่ะ? ฉันบอกให้แกช่วยฉันทำให้มันยอมจำนน จะกลืนมันเข้าไปเพื่อ?” จางเซวียนพูดไม่ออก


เจ้านี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆ!


ฉันอยากให้แกช่วยฉันขู่มันให้กลัวจนยอมจำนน ไม่ใช่ให้กลืนลงไปแบบนั้น! แกกลืนมันลงไปแล้วฉันได้อะไร?


ตอนที่ 2079 ผมเต็มใจยอมจำนนให้เขา

จางเซวียนรีบกระโจนใส่ไก่น้อยที่ตัวบวมเป่งและเขย่ามัน “คายออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”


“ก็ได้ ก็ได้!”


ไก่น้อยคำรามอย่างขัดใจขณะขย้อนเต่าหลังดำออกมา


ถึงตอนนี้ เต่าหลังดำรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย มันยืดหัวออกจากกระดองด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนัก


นี่เราเป็นใคร? เราอยู่ที่ไหน?


“ยอมจำนนให้ผมซะ” จางเซวียนออกคำสั่ง


คำพูดนั้นกระชากเต่าหลังดำออกจากภวังค์ มันคำรามด้วยอาการหงุดหงิด “คุณน่ะฝันกลางวันแล้วล่ะ!”


“ก็ได้” จางเซวียนหันไปพูดกับไก่น้อย “แกกินมันต่อก็แล้วกัน”


ลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยอ้าปากกว้างอีกครั้ง


“ดะ-ดะ-เดี๋ยว…ผม…ผมยอมจำนนให้คุณแล้ว!” เต่าหลังดำละล่ำละลักอย่างสิ้นหวัง


มันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมจำนน มันไม่ได้กลัวตาย แต่ถ้าใครๆรู้ว่ามันถูกไก่น้อยตัวนี้กิน ชื่อเสียงที่สั่งสมมาเนิ่นนานหลายปีคงป่นปี้!


“ต้องแบบนี้สิ” จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจขณะรีบดำเนินการทำสัญญา


ภาพนั้นทำให้เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงอ้าปากค้าง


แค่นี้ก็ยอมจำนนแล้วหรือ? ลูกเจี๊ยบตัวจ้อยนั่นจะเก่งกาจไปหน่อยไหม?


พูดกันตามตรง พวกเขาเคยคิดว่าชายหนุ่มนำลูกเจี๊ยบตัวนั้นออกมาเพื่อทำให้เต่าหลังดำขยะแขยง แต่ใครจะไปรู้ว่าอสูรตัวเล็กจ้อยขนาดนั้นจะกลืนเต่าหลังดำตัวเบ้อเร่อได้? โดยสภาพร่างกายแล้วไม่น่าเป็นไปได้เลย!


และเมื่อใคร่ครวญเรื่องนี้…หรือว่าลูกเจี๊ยบนี่คือเหตุผลที่ทำให้ชายหนุ่มฉกฉวยโซ่โลหะขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ของเจ้าสำนักไป่ซวนเฉิงได้?


จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอกหลังจากเสร็จสิ้นการทำสัญญาผูกมัดจิตวิญญาณ เขามองเต่าหลังดำขณะเปรย “ตอนนี้แกตัวใหญ่ไปหน่อยนะ ทำตัวให้เล็กลงซะ”


“ขอรับ นายท่าน!”


เต่าหลังดำรีบหดตัวจนมีขนาดราว 2 เมตร


จางเซวียนโบกมือ จากนั้นก็นำซุปไก่ออกมา 2-3 ขวด “ดื่มเสีย”


เต่าหลังดำไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของเจ้านาย มันกลืนซุปไก่ลงไปทันที เพียงครู่เดียวก็ตาค้างด้วยความประหลาดใจ


อันที่จริง ร่างกายของมันอยู่ในสภาพย่ำแย่หลังผ่านการต่อสู้อันยืดเยื้อ การที่มันพุ่งเข้าชนคู่ต่อสู้ซ้ำๆทำให้อวัยวะภายในบอบช้ำอย่างหนัก อีกทั้งการโจมตีไม่หยุดหย่อนของฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงินก็ทำให้มันเจ็บปวดไม่น้อย


เต่าหลังดำนึกไม่ถึงว่าอาการทั้งหมดจะหายดีเป็นปลิดทิ้งหลังจากดื่มซุปไก่เพียงไม่กี่ขวด


มันแทบจะรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตไหลพล่านไปทั่วทั้งตัว นี่คือซุปไก่ที่เพิ่มพลังชีวิตได้จริงๆ!


หรือว่าลูกเจี๊ยบตัวจ้อยนั่นเป็นอสูรสวรรค์? เจ้านายของเราเป็นเทพเจ้าหรือเปล่า?


สายตาที่เต่าหลังดำมองเจ้านายของมันเปลี่ยนไปจากเดิม


เหตุผลแรกที่มันยอมจำนนก็เพราะรู้สึกว่าการถูกไก่ตัวหนึ่งหยามหน้าช่างเลวร้ายกว่าการยอมจำนนให้มนุษย์เสียอีก…แต่ตอนนี้ มันรู้แล้วว่าชายหนุ่มมีอะไรมากกว่าที่เห็น


การที่ลูกเจี๊ยบตัวจ้อยกลืนมันลงไปได้อย่างง่ายดายหมายความว่าอีกฝ่ายไม่ใช่อสูรอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ธรรมดา ในแง่ของความเก่งกาจ เจ้านั่นเหนือชั้นกว่ามันมาก


และในเมื่อตัวมันเป็นอสูรขั้นกึ่งสวนสวรรค์ อสูรตัวไหนก็ตามที่แข็งแกร่งกว่ามันหลายเท่าก็น่าจะเป็นอสูรสวรรค์ตัวจริง


นายท่านของมันทำให้อสูรสวรรค์ยอมจำนนได้ ถึงพละกำลังของเขาจะยังอ่อนด้อย แต่ก็แน่ใจได้เลยว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา!


จางเซวียนไม่ใส่ใจเต่าหลังดำที่กำลังงุนงง เขากระโจนลงสู่ก้นมหาสมุทรและคีบดาบระดับอมตะขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 3 เล่มของไป่ซวนเฉิงไว้ จากนั้นก็กวัดแกว่งไปมาหลายครั้ง เพียงครู่เดียว เสียงกึกก้องของโลหะกระทบกันก็ดังขึ้นจากดาบ เป็นเสียงที่บ่งบอกความปีติยินดี


ดาบทั้ง 3 เล่มยอมจำนนให้เขาแล้ว


ฟึ่บ!


จางเซวียนเก็บพวกมันเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ


จากนั้นเขาก็นำกระสอบอสูรออกมาเพื่อเก็บเต่าหลังดำกับไก่น้อยเข้าไป แล้วหันไปพูดกับเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว “คริสตัลเพชรคือสิ่งที่คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงลิ่วเพื่อให้ได้มันมา ผมจะคืนมันให้คุณเดี๋ยวนี้แหละ”


ถึงเขาจะมีบทบาทสำคัญที่ทำให้การล่าครั้งนี้ประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังรู้สึกผิดที่ล้ำเส้นด้วยการทำให้เต่าหลังดำยอมจำนน แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ตั้งใจจะทิ้งเต่าหลังดำไว้ให้ทำหน้าที่อารักขาสำนักดาวเจ็ดดวงเมื่อเขาออกจากมิติเบื้องบนไปแล้ว ซึ่งนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อสำนักดาวเจ็ดดวงมาก


เพราะถึงอย่างไร เงินมากขนาดไหนก็ไม่อาจซื้อหาองครักษ์ที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้


แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเขาเก็บคริสตัลเพชรไว้ก็คงจะรู้สึกผิดมาก จึงตัดสินใจคืนเจ้าของ


“คือ…”


เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวรับคริสตัลเพชรมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ


เขามั่นใจในพละกำลังและแผนการที่วางไว้ เคยคิดว่าคงเล่นงานเต่าหลังดำได้สบาย ไม่รู้เลยสักนิดว่าเกือบจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่


ส่วนชายหนุ่มคนนี้ใช้แค่ค่ายกลอันหนึ่งกับลูกเจี๊ยบอีกตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ทำให้เต่าหลังดำยอมจำนนได้อย่างง่ายดาย


ดูเหมือนเขาประเมินความเก่งกาจของอีกฝ่ายต่ำไปมาก


“เราจะทำอย่างไรกับเจ้าสำนักไป่?” จางเซวียนถาม


ไป่ซวนเฉิงยังคงนอนสลบไสลไม่ได้สติกลางปลักโคลนก้นมหาสมุทร เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกเต่าหลังดำพุ่งชน และยังไม่อาจฟื้นคืนสภาพได้ในตอนนี้


“ถ้าเขารู้ว่าพวกเราเป็นเจ้าของเต่าหลังดำแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 สำนักจะต้องย่ำแย่ เรารีบออกไปเถอะ” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวตอบ


พวกเขาปรากฏตัวหลังจากที่ไป่ซวนเฉิงสลบไปแล้ว นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายไม่มีทางรู้ว่าใครเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้


ถึงอย่างไร สำนักป้อมปราการกระจกดำก็เป็นพันธมิตรที่ทำการแลกเปลี่ยนค้าขายกับสำนักดาวเจ็ดดวง การมีเรื่องกับอีกฝ่ายย่อมไม่ดีแน่


แถมพวกเขา…ยังนำของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ของไป่ซวนเฉิงไปด้วย ถ้าหมอนั่นร้องแรกแหกกระเชอเมื่อฟื้นขึ้นมา พวกเขาคงไม่รู้จะทำอย่างไร


ในเมื่อเป็นอย่างนั้น รีบหลบไปให้เร็วที่สุดจะดีกว่า!


“ออกไปตอนนี้?” จางเซวียนคิดหนักก่อนจะเดินไปที่ร่างของไป่ซวนเฉิง ดึงอีกฝ่ายออกจากปลักโคลนและดึงแหวนเก็บสมบัติของเขาออกมา


“ใครบังอาจ…” ไป่ซวนเฉิงได้สติเมื่อรู้สึกว่าใครคนหนึ่งกำลังถอดแหวนเก็บสมบัติของเขา เขาตวาดก้อง แต่ยังไม่ทันจะได้ลืมตา ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ท้ายทอย


พลั่ก!


ไป่ซวนเฉิงสลบไปอีกรอบ


จางเซวียนชักมือกลับ เขาหันไปบอกเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวขณะยังถือแหวนเก็บสมบัติไว้ในมือ “ไปกันเถอะ”


ในเมื่อหมอนี่มีของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์และดาบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ถึง 3 เล่ม ก็แน่ใจได้เลยว่าจะต้องร่ำรวยมาก


น่าเสียดายแย่ถ้าจะทิ้งทรัพย์สมบัติไว้แบบนี้!


“เอ่อ…”


เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวส่ายหัวอย่างจนปัญญา เขาไม่คิดว่าจางเซวียนจะละโมบโลภมาก แต่สุดท้ายก็ยั้งปากไว้ ไม่พูดอะไร


ทั้งสามแหวกว่ายกลับสู่ผิวน้ำ


ตอนที่ขึ้นจากทะเลคันฉ่องน้อย พวกเขาเห็นเงาสะท้อนของพระจันทร์เต็มดวงอยู่บนผืนน้ำสีเงิน ทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นเยือก


แมลงเม่าใบไม้สีเงินพวกนั้นดูเหมือนไม่สลักสำคัญอะไร ใครจะไปรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วพวกมันแสนจะน่าสะพรึง?


เมื่อรวมตัวกันเป็นกองทัพ ก็สามารถทำลายของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย!


ถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายพวกเขารู้เรื่องเหล่านี้ล่วงหน้า ทั้งคู่ก็คงลงเอยในสภาพเดียวกันกับไป่ซวนเฉิง หรือไม่ก็อาจได้กลับบ้านเก่า!


ขณะที่ความคิดนั้นแวบเข้ามา เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองชายหนุ่ม


เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวหันไปถามผู้อาวุโสเฟิง “คุณมีความเห็นอย่างไร?”


“เขาเก่งกาจเหนือชั้นกว่าที่ผมคิดไว้มาก” ผู้อาวุโสเฟิงพยักหน้า “ผมเต็มใจยอมจำนนให้เขา”


“ดี” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวตอบยิ้มๆ


จากนั้นเขาก็ถามจางเซวียน “ผู้อาวุโสหลิว ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณเรื่องหนึ่ง”


จางเซวียนขมวดคิ้ว


“ไม่ทราบว่าคุณเต็มใจจะรับตำแหน่งของผมในฐานะเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงไหม?”


นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำร้องขอแบบนี้ จางเซวียนถึงกับผงะก่อนจะรีบส่ายหน้า “ขออภัยด้วย แต่ผมคุ้นชินกับการเดินทางตระเวนไปทั่วดินแดนมากกว่า เกรงว่าคงไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวง”


ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจตำแหน่งเจ้าสำนัก เพราะถึงอย่างไรสำนักดาวเจ็ดดวงก็ได้ชื่อว่าเป็นองค์กรที่มั่งคั่งที่สุดในทวีปที่ถูกลืม! แต่เขาเป็นหัวหน้าหอนานาอสูรแล้ว คงไม่เหมาะหากจะรับตำแหน่งผู้นำของสำนักดาวเจ็ดดวงอีก


“แบบนั้นไม่ใช่แน่ ถ้าอย่างคุณเรียกว่าไม่มีความสามารถล่ะก็ ตัวผมก็คงแสนน่าอับอาย” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวตอบเบาๆ


ผู้นำที่แข็งแกร่งย่อมคู่ควรกับองค์กรที่ทรงอำนาจ ในเมื่อชายหนุ่มทำให้เต่าหลังดำยอมจำนนได้อย่างง่ายดาย ก็ไม่มีตัวเลือกไหนจะเหมาะสมไปกว่าเขาอีกแล้ว


“ผู้อาวุโสหลิว ผมขอวิงวอนคุณให้รับตำแหน่งเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงของเราด้วย” ผู้อาวุโสเฟิงประสานมือ


“คือ…” จางเซวียนทำอะไรไม่ถูก


เริ่มแรกก็หอนานาอสูร คราวนี้แม้แต่สำนักดาวเจ็ดดวงก็ยังทำแบบเดียวกันอีก


ให้เขาเป็นแค่ผู้อาวุโสธรรมดาๆไม่ได้หรือไง ทำไมมันยากเย็นนัก?


การที่เขาโดดเด่นแบบนี้เป็นความผิดของเขาหรือเปล่า?


แต่เมื่อคิดให้ถี่ถ้วน ถึงอย่างไรสำนักดาบเมฆเหินก็จัดว่าดีที่สุด เพราะเขายังคงทำตัวเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ที่ไม่รับรู้เรื่องราวใดๆได้ ไม่ต้องแบกรับภาระของทั้งสำนักเอาไว้


เห็นความลังเลของจางเซวียน เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวรุกคืบ “อายุขัยของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มีจำกัด ผมจึงไม่อาจปกป้องสำนักดาวเจ็ดดวงไปได้อีกนานนัก แต่อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์นั้นขึ้นชื่อเรื่องอายุยืน โดยเฉพาะเต่าหลังดำที่ใครๆร่ำลือกันว่ามันมีชีวิตอยู่กว่าหลายพันปีแล้ว ถ้าคุณรับตำแหน่งเจ้าสำนักและสั่งการให้เต่าหลังดำทำหน้าที่อารักขาสำนักของเราล่ะก็ พวกเราคงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของสำนักดาวเจ็ดดวงไปอีกหลายพันปี!”


ได้ยินคำนั้น จางเซวียนพยักหน้า


มิติเบื้องบนเป็นเพียงจุดแวะพักระหว่างทางเท่านั้น ไม่ช้าไม่นานเขาก็จะต้องเข้าสู่หอเทพเจ้าเพื่อตามหาหลัวลั่วชิง แต่ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะทิ้งเต่าหลังดำไว้ให้ทำหน้าที่อารักขาสำนักดาวเจ็ดดวง


เพราะถึงอย่างไร เขาก็ยังเป็นหนี้บุญคุณเหล่าสมาชิกสำนักดาวเจ็ดดวงที่เคยให้ความช่วยเหลือ


จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “ผมไม่รังเกียจที่จะรับตำแหน่งเจ้าสำนักหรอก แต่ผมเคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับกิจธุระของสำนักดาวเจ็ดดวงให้มากนัก”


“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา บทบาทของเจ้าสำนักคือรับหน้าที่เป็นด่านหน้า คอยสร้างความยำเกรงให้กับคนนอก ส่วนกิจธุระต่างๆของสำนักนั้น คุณมอบหมายให้ผู้อาวุโสที่ 1 ได้เลย” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวตาโตเมื่อได้ยินจางเซวียนตอบรับ เขาหัวเราะลั่นอย่างสบายใจ


ผู้อาวุโสเฟิงนำเรือออกมาอีกครั้ง จากนั้นทั้งสามก็ลงเรือและมุ่งหน้าสู่เกาะคว้าดาว


ตอนที่ 2080 ทะเลว่างเปล่า?

ครู่ต่อมา จางเซวียนก็กลับถึงที่พักของเขาที่สาขาของสำนักดาวเจ็ดดวง เขานำเต่าหลังดำออกจากกระสอบอสูรและถ่ายเลือดจำนวนหนึ่งของมันออกมา จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิกับพื้นและซึมซับหยดเลือดของเต่าหลังดำเข้าสู่ร่างกาย


ซรืดดดดดด!


ทันทีที่หยดเลือดซึมซับเข้าร่าง จางเซวียนรู้สึกได้ทันทีว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาพลันมีชีวิต กระแสพลังงานอันน่าสะพรึงไหลพล่านทั่วทั้งทางเดินพลังปราณ และไปรวมตัวกันที่จุดตันเถียน


จางเซวียนหน้าแดงก่ำ เขารีบขับเคลื่อนพลังปราณเพื่อซึมซับพลังงานนั้น


“แบบนี้ไม่ได้การ ถ้าไม่มีเทคนิควรยุทธระดับอมตะขั้นสูง ต่อให้เราซึมซับพลังงานได้มากแค่ไหนก็คงไร้ประโยชน์”


เขาเคยคิดว่าต่อให้ไม่มีเทคนิควรยุทธ ก็น่าจะยังฝ่าด่านวรยุทธได้หากได้รับพลังงานในปริมาณมากพอจากเลือดของอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่แล้วก็รู้ว่าเรื่องนั้นพูดง่ายกว่าทำมาก


ดูเหมือนเขาคงระเบิดเป็นชิ้นๆเสียก่อนที่จะยกระดับวรยุทธได้สำเร็จ!


“ในเมื่อยังยกระดับวรยุทธไม่ได้ บ่มเพาะร่างกายก่อนก็แล้วกัน”


รู้ดีว่าหากมัวยกระดับวรยุทธของพลังปราณเพียงอย่างเดียวก็คงเสียเวลาเปล่า จางเซวียนจึงหันไปสนใจเรื่องอื่น


เต่าหลังดำขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจในการป้องกันตัว เลือดของมันมีประโยชน์มากในการบ่มเพาะร่างกายของนักรบ กายเนื้อของจางเซวียนแข็งแกร่งขึ้นมากเพราะการควบคุมพลังงานจากหยดเลือดที่ไหลพล่านไปทั่วทางเดินพลังปราณของเขา


2 ชั่วโมงต่อมา พละกำลังของกายเนื้อของจางเซวียนก็เข้าถึงระดับนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็นำโซ่โลหะที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ออกจากแหวนเก็บสมบัติเป็นลำดับถัดไป


ด้วยการขู่เข็ญของลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยและการชี้ข้อบกพร่องโดยใช้หอสมุดเทียบฟ้า ไม่ช้าจางเซวียนก็ทำให้โซ่โลหะนั้นยอมจำนนได้


“คุณน่ะชื่อเต่าน้อย ส่วนคุณชื่อโซ่โลหะ” จางเซวียนตั้งชื่อให้อสูรและของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์


เต่าน้อย โซ่โลหะ


หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ จางเซวียนก็ปล่อยมังกรอสรพิษกับพรรคพวกออกมา


“นี่คือหยดเลือดของอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ พวกคุณรับไปคนละสิบหยด ส่วนจะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณแล้วล่ะ” จางเซวียนพูดขณะมอบหยดเลือดของเต่าหลังดำให้อสูรเหล่านั้น


อสูรกลุ่มนี้สำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์แล้ว และสายเลือดของพวกมันก็ทรงพลังมาก หากได้กลืนหยดเลือดของอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เข้าไป ก็น่าจะพัฒนาได้อีก คงจะดีที่สุดหากพวกมันฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ


แต่ถึงจะไม่ได้ ก็ไม่ได้สิ้นเปลืองมากมายอะไร


มังกรอสรพิษ นกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัว และอสูรตัวอื่นๆรีบโค้งคำนับด้วยความสำนึกในบุญคุณขณะกลืนหยดเลือดเข้าไป


4 ชั่วโมงต่อมา พวกมันยกระดับวรยุทธขึ้นได้อีกมาก แต่ก็ไม่อาจฝ่าด่านคอขวดด่านสุดท้ายที่กีดขวางอยู่ได้


ดูเหมือนการสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จะไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่อย่างนั้น จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คงมีมากกว่านี้ เมื่อเห็นว่าอสูรทุกตัวพยายามเต็มที่แล้ว จางเซวียนก็เก็บพวกมันกลับเข้าไปในกระสอบอสูรก่อนจะนำเต่าหลังดำออกมาอีกครั้ง


“ผมอยากให้คุณทบทวนให้ผมฟังว่าคุณฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้อย่างไร แล้วทำได้ที่ไหน” จางเซวียนสั่งการ


นี่คือเหตุผลแรกที่ทำให้เขาตัดสินใจกำราบเต่าหลังดำให้ยอมจำนนแทนที่จะฆ่ามัน นับตั้งแต่เขารู้รายละเอียดของหินโลหิตเทพเจ้า ก็นึกสงสัยมาตลอดว่าจะต้องมีบางอย่างเชื่อมโยงกับหลัวลั่วชิง


“ผมฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จที่ทะเลว่างเปล่า” เต่าหลังดำทบทวน


“ทะเลว่างเปล่า?”


“ใช่ มันอยู่ห่างจากที่นี่ไปราว 2 ล้านลี้ เป็นมหาสมุทรที่รกร้างว่างเปล่า ไม่มีเกาะแก่งหรือมนุษย์อาศัยอยู่เลย นั่นคือที่มาของชื่อนี้” เต่าหลังดำอธิบาย


“ไกลเหลือเกิน…” จางเซวียนขมวดคิ้ว “แล้วคุณฝ่าด่านวรยุทธได้อย่างไร? เท่าที่ผมรู้ มีแต่ผู้ที่เข้าท้าทายสะพานเบื้องบนเท่านั้นถึงจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้”


“ก็จริงอยู่ว่าผู้ที่ไม่ได้เข้าท้าทายสะพานเบื้องบนจะไม่อาจเข้าถึงวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่เมื่อ 2 เดือนก่อน ผมบังเอิญกลืนเลือดหยดหนึ่งลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ยังไม่ทันจะรู้ตัว ผมก็สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว”


“เลือดหยดหนึ่ง?” จางเซวียนกำหมัดแน่น


“ผู้เชี่ยวชาญขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนหนึ่งประกอบพิธีกรรมบางอย่างเหนือผืนน้ำของทะเลว่างเปล่า หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดรอยแยกบนท้องฟ้า แล้วร่างหนึ่งก็ตกลงมา ร่างนั้นดูจะได้รับบาดเจ็บ เลือดสดๆไหลรินจากร่างของเธอลงสู่ผิวทะเล ตัวผมกับอสูรอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อีก 2-3 ตัวดื่มเลือดของเธอเข้าไป และหลังจากนั้นไม่นานก็สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์…”


เต่าหลังดำรีบทบทวนเรื่องราวของมัน


“ร่างหนึ่ง? ร่างนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร? แล้วคุณรู้ไหมว่าหลังจากนั้นเธอไปไหน?” จางเซวียนถามต่อด้วยความอยากรู้


“เธอคือสาวน้อยคนหนึ่ง ผมเห็นหน้าตาของเธอไม่ชัด และไม่แน่ใจด้วยว่าหลังจากนั้นเธอไปไหน”


“…เมื่อดื่มเลือดของเธอแล้ว ผมสลบไปทันทีเพราะพลังงานมหาศาลที่อยู่ในเลือดหยดนั้น พอรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว บอกตามตรงนะ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร” เต่าหลังดำตอบอย่างกระอักกระอ่วน


หลังจากสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้ระยะหนึ่ง มันจึงเริ่มขบคิดที่มาที่ไป และพบว่าต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับสาวน้อยที่ร่วงลงจากท้องฟ้าในวันนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าเธออาจเป็นเทพเจ้าตัวจริง นั่นอธิบายได้เลยว่าทำไมเลือดของเธอจึงทรงพลังขนาดนั้น ทำให้ตัวมันกับอสูรอีกจำนวนหนึ่งฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ


“เธอหน้าตาแบบนี้หรือเปล่า?” จางเซวียนรีบกระดิกนิ้วและวาดภาพเหมือนของหลัวลั่วชิงกลางอากาศ


“ผมจำไม่ได้หรอก…” เต่าหลังดำส่ายหน้า “เพราะอะไรก็ไม่รู้นะ แต่ความทรงจำของผมที่มีต่อเธอออกจะเลือนลาง”


มันจำได้ว่าเห็นสาวน้อยร่วงลงมาจากท้องฟ้า แต่นอกจากเพศของเธอแล้ว ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง มันจดจำรูปร่างหน้าตาหรือรายละเอียดอื่นๆของเธอไม่ได้เลย หัวสมองของมันว่างเปล่าทุกครั้งที่พยายามขบคิดเรื่องนี้


เป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นการกระทำของสาวน้อยคนนั้นเช่นกัน


จางเซวียนลบภาพเหมือนแล้วสั่งการ “ถ้าอย่างนั้นก็พาผมไปทะเลว่างเปล่าที่คุณพูดถึง”


เต่าหลังดำมีทีท่าพรั่นพรึง มันรีบอธิบาย “ในวันนั้น มีอสูรอีก 2-3 ตัวที่ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จเหมือนกัน การเดินทางไปที่นั่นในเวลานี้ถือว่าอันตรายมาก!”


มันฝ่าด่านวรยุทธเป็นอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้สำเร็จก็จริง แต่รู้ดีว่าตัวมันไม่ได้เป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลว่างเปล่า ในวันนั้น อสูรบางตัวที่กลืนเลือดเข้าไปมากกว่ามันก็แข็งแกร่งกว่ามันหลายเท่า ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันรีบออกจากทะเลว่างเปล่าทันทีที่ฟื้นคืนสติ


การเดินทางไปที่นั่นถือว่าอันตรายเกินไป!


“ผมเข้าใจว่าคุณกังวล แต่นี่คือการเดินทางที่ผมต้องไปให้ได้!” จางเซวียนพูดอย่างหนักแน่น


ไม่สงสัยแล้วว่าสิ่งที่ทำให้เต่าหลังดำฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จคือโลหิตของเทพเจ้า ซึ่งเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อน ตกราวๆ 600 วันในทวีปแห่งปรมาจารย์ ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่เขาพบหลัวลั่วชิงเป็นครั้งแรกพอดี


มีความเป็นไปได้สูงที่เทพเจ้าที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้าจะเป็นหลัวลั่วชิง!


แต่เขาจะระบุแน่ชัดได้ก็ต่อเมื่อเดินทางไปที่นั่น


เห็นนายท่านตัดสินใจเป็นมั่นเหมาะแล้ว เต่าหลังดำนึกถึงลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยและของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่อีกฝ่ายครอบครอง จากนั้นก็รู้สึกอุ่นใจกว่าเดิม “อย่างนั้นก็ได้…”


“ไปกันเถอะ!” จางเซวียนไม่อาจรอคอยได้อีก เขากระโจนขึ้นขี่เต่าหลังดำ จากนั้นก็รีบส่งโทรจิต หาเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวเพื่อแจ้งให้อีกฝ่ายรับรู้ ก่อนจะรีบออกเดินทางไปยังทะเลว่างเปล่า


ในฐานะอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ เต่าหลังดำพุ่งฉิวฝ่าผืนน้ำไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด หากเป็นนักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั่วไป จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันในการเดินทางระยะ 2 ล้านลี้ แต่เมื่อเต่าหลังดำเร่งความเร็วเต็มพิกัด เพียงครึ่งวันก็ถึงที่หมาย


จางเซวียนลอยตัวอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็จ้องมองลงไปที่ทะเลว่างเปล่า


เป็นอย่างที่เต่าหลังดำบรรยายไว้ ไม่มีผู้คนหรือเกาะแก่งให้เห็นเลย สิ่งที่เห็นคือน้ำกับน้ำ ซึ่งดูเหมือนจะหลอมรวมเข้ากับขอบฟ้า


แต่ที่นี่ก็ไม่เหมือนผืนน้ำสีฟ้าอันล้ำลึกในบริเวณอื่นๆของทะเลพลัดดาว ผืนน้ำที่นี่มีสีออกแดง ให้ความรู้สึกน่าขยะแขยงเหมือนเคยมีเหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างเกิดขึ้น


“มหาสมุทรในดินแดนนี้เคยมีสีฟ้าเข้ม แต่นับตั้งแต่เลือดของสาวน้อยคนนั้นหยดลงไปในน้ำ ทุกอย่างก็กลายเป็นแบบนี้ มันไม่ยอมกลับสู่สภาพเดิมแม้จะผ่านไปถึง 2 เดือนแล้ว” เต่าหลังดำพูด


จางเซวียนพยักหน้า เขาเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้และลงสู่ผืนน้ำอย่างระมัดระวังเพื่อตรวจดูใกล้ๆ


น้ำในมหาสมุทรที่มีสีออกแดงมีพลังจิตวิญญาณเข้มข้นอย่างน่าประหลาด คล้ายดินแดนที่ได้รับพรจากสวรรค์ มันช่วยบ่มเพาะทั้งอสูรและพืชพรรณที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ พวกมันจึงแข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในส่วนอื่นๆของมหาสมุทร


เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับโลหิตเทพเจ้า


จางเซวียนว่ายดิ่งลงไปถึงก้นมหาสมุทร และพบก้อนหินสีแดงก่ำ 2 ก้อนที่นั่น พวกมันคือหินโลหิตเทพเจ้าที่เขาเคยเห็นที่ตลาดเมืองอู๋ไห่


มีก้อนหินแบบนี้อยู่ไม่มากนัก และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีพละกำลังมากมายอย่างก้อนที่เขาเคยเห็น


จางเซวียนใช้มือแตะหินก้อนหนึ่ง จากนั้นก็วิเคราะห์ด้วยหอสมุดเทียบฟ้า หนังสือเล่มหนึ่งถูกประมวลขึ้น เผยชื่อของมัน…หินโลหิตเทพเจ้า


จางเซวียนว่ายไปรอบๆและรู้สึกได้ว่าผืนน้ำที่เจือสีแดงนั้นไม่ได้กว้างใหญ่เท่าไหร่ เขาหันมาถามเต่าหลังดำ “ตอนนั้นน่ะ สาวน้อยคนนั้นปรากฏตัวที่ไหน?”


“ดูเหมือนจะเป็นทางทิศใต้ของบริเวณที่เราอยู่ในเวลานี้ แต่นายท่าน…ผมขอแนะนำคุณว่าอย่าไปที่นั่นเลย พื้นที่นั้นเป็นเขตแดนของฉลามสามพี่น้อง ในครั้งนั้น พวกมันคืออสูรที่ไล่ผมออกมา” เต่าหลังดำตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ


“ฉลามสามพี่น้อง?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


“พวกมันคือผู้บงการทะเลว่างเปล่า มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์และทรงพลังมากถึงขนาดที่ผมไม่เคยสู้กับพวกมันได้ ในครั้งนั้น เพราะความสามารถในการป้องกันตัวของผมและข้อเท็จจริงที่ว่าผมไม่เคยมีเรื่องกับพวกมัน เราจึงไม่ได้ปะทะกัน….”


“แต่หลังจากได้ดื่มเลือดและสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว พวกมันก็แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก แข็งแกร่งกว่าผมเสียอีก เพื่อฉกฉวยเอาหยดเลือดทั้งหมดที่มีอยู่ในพื้นที่นี้ไปเป็นของตัวเอง พวกมันขับไล่ผมออกจากดินแดนที่ผมเคยพำนักอยู่ ผมสู้พวกมันไม่ได้ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องออกไป” เต่าหลังดำพูด


“คุณกำลังจะบอกว่าฉลามสามพี่น้องมีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์?” จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด


ตอนที่ 2081 อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์!

“ใช่แล้ว นายท่าน!” เต่าหลังดำตอบพร้อมกับพยักหน้า


มันอาจรับมือกับเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวและคนอื่นๆได้ แต่หากเป็นฉลามสามพี่น้อง ก็จนปัญญา


เพราะพวกมันล้วนเป็นประชากรท้องถิ่นของทะเลพลัดดาว จึงรู้จุดอ่อนจุดแข็งของกันและกันเป็นอย่างดี ถ้ามันไม่หนีจากทะเลว่างเปล่ามา คงตายไปนานแล้ว


“ไม่เพียงแต่พวกมันจะเป็นอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ยังแข็งแกร่งกว่าผมด้วย ผมเชี่ยวชาญการป้องกันตัว ขณะที่พวกมันเชี่ยวชาญการโจมตี ถ้านักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่สะกดรอยตามผมและสู้กับผมก่อนหน้านี้ถูกพวกมันรุมล้อมล่ะก็ ผมยังสงสัยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ถึง 3 อึดใจหรือเปล่า!” เต่าหลังดำพูด


จางเซวียนหรี่ตาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น


ไป่ซวนเฉิงอาจไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้นำของ 6 สำนักใหญ่ แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอที่สุดเหมือนกัน การที่นักรบระดับเขาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ถึง 3 อึดใจเมื่ออยู่ต่อหน้าฉลามพวกนั้น…ก็ดูเหมือนพวกมันจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงจริงๆ!


“นายท่าน ทำไมเราไม่ล้มเลิกความคิดนั้นเสีย ยังไม่สายนะถ้าจะเดินทางไปที่นั่นหลังจากที่คุณสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว” เต่าหลังดำพยายามหว่านล้อมแม้จะสิ้นหวัง


เจ้านายของมันมีกลเม็ดเด็ดพรายซุกซ่อนไว้มากมาย และไก่น้อยตัวนั้นก็เป็นอสูรที่เก่งกาจ แต่มันก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าอะไรๆไม่ปลอดภัย เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์พร้อมกันทีเดียวถึง 3 ตัว ต่อให้ไก่น้อยนั่นกลืนลงไปได้สักตัวหนึ่ง ก็ยังเหลืออีก 2 ตัวให้ต้องรับมือ


จางเซวียนนิ่งไปครู่หนึ่ง “ตอนนี้คุณกลับเข้าไปในกระสอบอสูรก่อนเถอะ ผมจะแอบเข้าไปที่นั่นอย่างเงียบๆ แค่เฝ้าดู และจากนั้นก็จะออกมาโดยไม่ทำให้พวกมันรู้ตัว”


เขาลงทุนมาถึงนี่แล้ว จะให้กลับไปโดยไม่เสาะหาข้อมูลเลยได้อย่างไร?


เต่าหลังดำไม่เชี่ยวชาญการสะกดรอย อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ตัวอื่นๆจึงตรวจจับการปรากฏตัวของมันได้ง่าย แต่ตัวเขาปกปิดรังสีได้ด้วยการขับเคลื่อนเคล็ดวิชาเทียบฟ้า จึงมั่นใจว่าจะซ่อนตัวจากฉลามสามพี่น้องที่เต่าหลังดำพูดถึงได้ไม่ยาก


เมื่อรู้ว่าหมดหนทางหว่านล้อมเจ้านายของมัน เต่าหลังดำถอนหายใจอย่างจนปัญญาก่อนจะกลับเข้าไปในกระสอบอสูร


เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น จางเซวียนรีบปกปิดรังสีของเขาและอำพรางตัว ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปตามทิศทางที่เต่าหลังดำเคยบอกไว้


เขากลั้นหายใจอย่างระแวดระวังขณะปล่อยตัวให้กระแสน้ำพัดไปตามก้นมหาสมุทรที่มืดมัว โชคดีที่ก้นทะเลว่างเปล่ามีปะการังและสาหร่ายต้นสูงอยู่มากมาย ทำให้ซ่อนตัวได้ง่ายขึ้น


ขณะรุดหน้าต่อไป จางเซวียนนึกสงสัย ถ้าหลัวลั่วชิงคือผู้ที่เข้าสู่มิติเบื้องบนด้วยการฝ่าปราการมิติที่นี่…แล้วใครคือผู้รับตัวเธอ?


ถ้าสาวน้อยที่เต่าหลังดำพูดถึงเป็นหลัวลั่วชิงจริงๆ ใครคือผู้ประกอบพิธีกรรมเรียกตัวเธอมา?


จนถึงตอนนี้ ผู้เดียวที่จางเซวียนรู้ว่าสามารถประกอบพิธีกรรมเพื่อเรียกเหล่าเทพเจ้ามาได้ก็มีแต่เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นเท่านั้น


แต่ถ้าเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นเรียกหลัวลั่วชิงมาจริง แล้วเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดเสียเลือดปริมาณมากที่ทำให้น้ำในมหาสมุทรเปลี่ยนสีได้อย่างไร?


ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับหลัวลั่วชิงเรียงรายกันเข้ามาในหัวสมองของเขา เหมือนความทรงจำอันน่ากังขาที่ไม่อาจคลี่คลายได้ ทำให้จางเซวียนท้อใจมาก


เขาเริ่มรู้สึกว่าการทำความเข้าใจหญิงสาวที่เขารักช่างยากเย็นเหลือเกิน


จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็นำจี้สีแดงก่ำที่ห้อยไว้ตรงหน้าอกออกมา เขาหลับตาและเพ่งสมาธิสู่พลังจิตวิญญาณที่อยู่ภายใน ไม่ช้าก็รู้สึกว่ามันค่อยๆอุ่นขึ้น


ดูเหมือนเรื่องนี้มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเธอ จางเซวียนคิดขณะรีบรุดหน้าต่อไป


10 นาทีต่อมา เขาก็หยุดอยู่ที่ท้องร่องบริเวณก้นมหาสมุทร


ตามข้อมูลของเต่าหลังดำ ท้องร่องนี้คือบริเวณที่ฉลามสามพี่น้องพำนักอยู่


จางเซวียนแอบดู และรู้สึกได้ว่าน้ำบริเวณนี้มีสีแดงเข้มกว่าที่อื่น ในเวลาเดียวกัน พลังจิตวิญญาณก็เข้มข้นกว่ามาก พืชพันธุ์มากมายขึ้นก่ายกองทับกันหนาแน่นเต็มพื้นที่


ตรงนี้จะต้องเป็นบริเวณที่หยดเลือดกระจายตัวลงมาแน่


พลังจิตวิญญาณที่เข้มข้นกว่าที่อื่นมากบ่งบอกว่าจุดนี้คือต้นกำเนิดของมัน จางเซวียนรู้สึกได้ว่าจี้ที่เขาห้อยคออยู่ค่อยๆร้อนขึ้น


หากเขาต้องการสืบเสาะเรื่องราวให้ลึกซึ้งกว่านี้เพื่อดูว่าหลัวลั่วชิงเกี่ยวข้องกับอะไร ก็น่าจะเป็นสิ่งนี้นี่เอง


แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อยู่ข้างในถึง 3 ตัว จางเซวียนจึงไม่พรวดพราดเข้าไป เขาซ่อนตัวอยู่หลังโขดหินเพื่อสังเกตการณ์


พื้นที่ก้นทะเลที่หนาแน่นไปด้วยพืชน้ำเขียวชอุ่มบดบังทัศนวิสัยมาก แต่จางเซวียนก็พอมองเห็นอย่างเลือนรางว่ามีสิ่งมีชีวิตมากมายแหวกว่ายไปมา แต่ไม่มีร่องรอยที่บ่งบอกเลยว่าฉลามสามพี่น้องอยู่แถวนี้


เขาคุยกับเต่าหลังดำระหว่างกำลังเดินทางมาที่นี่ ดูเหมือนเต่าหลังดำจะถูกฉลามสามพี่น้องโจมตีเพราะไม่ยอมเป็นบริวารของพวกมัน


ถ้าไม่ใช่เพราะกระดองอันแข็งแกร่งและความว่องไวอย่างน่าทึ่ง เต่าหลังดำคงสังเวยชีวิตให้ฉลามสามตัวนั้นไปนานแล้ว


แม้ทั้งสองฝ่ายจะเคยสู้กันมาก่อน แต่เต่าหลังดำก็ไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับถิ่นที่อยู่ของฉลามสามพี่น้อง จึงไม่อาจให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์ได้


เรื่องนี้ถือว่าช่วยไม่ได้จริงๆ


จางเซวียนไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อทำไม เขาลัดเลาะไปตามริมท้องร่องและเล็ดลอดเข้าสู่พื้นที่นั้น


ท้องร่องนี้มีลักษณะเหมือนหุบเขาที่ไม่อาจหยั่งความลึกได้ แสงอาทิตย์ส่องลงไปไม่ถึง จึงมืดสนิท


ด้วยวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงและดวงตาหยั่งรู้ของจางเซวียน เขาจึงคลำทางในความมืดได้โดยไม่มีปัญหา จางเซวียนลัดเลาะไปตามท้องร่องและเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ


มันเงียบกริบอย่างน่าประหลาด


บางเวลา เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำที่เขาเคยเห็นก็หายวับไปจากสายตา ราวกับเขาได้รุกล้ำเข้าสู่ดินแดนแห่งความตาย


จางเซวียนมั่นใจว่าเขาสามารถอำพรางตัวได้แม้จะต้องเผชิญหน้ากับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ จึงไม่กังวลมากนัก เขาสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียดลออและเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ


น่าจะเป็นเพราะอานุภาพของโลหิตเทพเจ้าที่อยู่ในพื้นที่นี้ พืชพรรณที่นี่จึงล้วนแต่ดกหนาและแข็งแกร่งทนทาน แม้นักรบที่มีพละกำลังระดับจางเซวียนก็ไม่อาจแผ้วถางกิ่งก้านของมันที่กองทับกันระเกะระกะได้โดยง่าย


พูดอีกอย่างก็คือ ความแข็งแกร่งของพืชใต้น้ำเหล่านี้เทียบได้กับของล้ำค่าระดับอมตะตัวจริงโดยทั่วไปเลยทีเดียว!


อานุภาพของโลหิตเทพเจ้านั้นไร้เทียมทาน ไม่เพียงแต่จะทำให้อสูรระดับอมตะขั้นสูงสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน แม้แต่พืชก็ยังแข็งแกร่งขึ้นมาก


ยิ่งจางเซวียนลัดเลาะลึกเข้าไปเท่าไหร่ พลังจิตวิญญาณโดยรอบก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกได้ว่าทุกเซลล์ในร่างกายกำลังตื่นตัว พยายามจะกลืนกินพลังงานที่อยู่โดยรอบ


แต่จางเซวียนรู้ดีว่าจะต้องถูกพบตัวทันทีหากทำอะไรเอิกเกริกไป จึงยั้งใจไว้ หลังจากว่ายลึกลงไปอีก 2000 เมตร ก็มาถึงก้นทะเลอีกจุดหนึ่ง


จางเซวียนลัดเลาะต่อไป เห็นถ้ำขนาดใหญ่


เขาเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้เพื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนก่อนพยักหน้า “ตรงนี้น่าจะเป็นที่อยู่ของฉลามสามพี่น้อง…”


มีรังสีรุนแรงแผ่ซ่านออกจากภายใน คล้ายกับรังสีที่เขารู้สึกได้จากเต่าหลังดำและเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว เป็นไปได้ว่าฉลามที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 3 ตัวน่าจะอยู่ในนั้น


จางเซวียนแตะจี้สีแดงก่ำที่ห้อยไว้บริเวณหน้าอกอีกครั้ง รู้สึกได้ว่ามันร้อนผ่าวจนแทบลุกไหม้ ความร้อนนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขาเหยียบย่างเข้าสู่ภายในถ้ำ


หรือว่า…ตรงนี้ยังมีโลหิตเทพเจ้าที่ฉลามพวกนั้นยังไม่ได้กลืนกินไป?


ปฏิกิริยาตอบสนองของจี้นั้นไม่ซับซ้อน ยิ่งโลหิตเทพเจ้ามีความเข้มข้นมากขึ้นเท่าไหร่ ความร้อนที่จี้ปล่อยออกมาก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ด้วยความร้อนของจี้ในเวลานี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าน่าจะยังมีโลหิตเทพเจ้าบางส่วนที่ยังไม่ได้ถูกกลืนกิน


ถ้าเขาพบมัน ก็น่าจะหาทางชี้ชัดได้ว่ามันมาจากหลัวลั่วชิงหรือไม่!


ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ–เราต้องยอมเสี่ยง จางเซวียนตัดสินใจพร้อมกับกัดฟันกรอด ก่อนจะว่ายช้าๆเข้าสู่ถ้ำ


ถ้ำนั้นมีความกว้างหลายร้อยเมตร


หลังจากเข้าไปได้ไม่ไกล จางเซวียนก็รู้สึกได้ว่าในถ้ำขนาดใหญ่นั้นมีอสูรจำนวนหนึ่งเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบในรูปแบบของค่ายกล


เมื่อมองใกล้ๆ เขารู้ทันทีว่าแม้แต่ตัวที่อ่อนแอที่สุดก็มีวรยุทธระดับอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ ส่วนอสูรที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงนั้นน่าจะมีอยู่อย่างน้อยหลายร้อยตัว


อสูรระดับอมตะขั้นสูงหลายร้อยตัว…จางเซวียนใจเต้นตึกตัก


ค่ายกลนี้แข็งแกร่งกว่าค่ายกลของ 6 สํานักใหญ่แน่!


“ด้วยความแข็งแกร่งของราชาของพวกเรา เราจะเป็นใหญ่ในทะเลพลัดดาว จะไม่มีมนุษย์หน้าไหนย่างกรายเข้ามาในอาณาเขตของพวกเราได้อีก!”


“ใช่แล้ว! ราชาของเราสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ เทียบชั้นได้กับบรรดาผู้นำของ 6 สํานักใหญ่ ทันทีที่ราชาออกคำสั่ง พวกเราจะสังหารมนุษย์ทุกคนที่กล้าบุกรุกที่นี่ จะได้รู้กันไปว่าใครใหญ่!”


อสูรหลายตัวตะโกนก้องด้วยอารมณ์เร่าร้อน


จางเซวียนมองค่ายกลที่อยู่ตรงหน้า เห็นบัลลังก์ขนาดมหึมา 3 อันตั้งตระหง่านอยู่ในจุดที่ลึกที่สุดของถ้ำ


ฉลามสามพี่น้องอยู่บนบัลลังก์นั้น แต่ละตัวแผ่ความกดดันหนักหน่วงออกมา


อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์!


ฉลามแต่ละตัวแข็งแกร่งกว่าเต่าหลังดำมาก


ลำพังพวกมันเพียงตัวเดียวยังทรงพลังขนาดนี้ ก็น่าสะพรึงทีเดียวหากจะนึกภาพว่าเมื่อทั้งสามผนึกกำลังกันแล้วจะเป็นอย่างไร


“เหตุผลที่เราเรียกพวกคุณทั้งหมดมารวมตัวกันในวันนี้ก็เพื่อเตือนให้ทุกเผ่าพันธุ์รู้ว่ามหาสมุทรนี้เป็นของเรา ตลอดหลายปีมานี้ มนุษย์รุกล้ำอาณาเขตของเราและฉกฉวยทรัพยากรของเราไป เราจะทำให้ไอ้หัวขโมยสารเลวพวกนั้นรู้ว่าเราจะไม่อดทนกับพฤติกรรมของพวกมันอีกแล้ว ใครก็ตามที่รุกล้ำเข้ามาจะต้องถูกฆ่าโดยปราศจากความปรานี!”


ฉลามตัวที่นั่งอยู่ตรงกลางพูดด้วยเสียงดังสนั่น กึกก้องไปทั่วทั้งถ้ำ


“ราชาของเราพูดถูกที่สุด! มหาสมุทรเป็นของพวกเรา!”


“เราต้องยับยั้งทรราชย์ 6 สำนักนั้นให้ได้ โดยเฉพาะพวกตำหนักคว้าดาว!”


ความร้อนเร่ากระจายออกไปถึงเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำชนิดอื่นๆ พวกมันส่งเสียงขานรับสนับสนุนเซ็งแซ่


พวกนี้คิดจะก่อตั้งกลุ่มอำนาจของตัวเองอย่างจริงจังหรือ? จางเซวียนคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว


ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีสิ่งมีชีวิตทรงพลังอยู่มากมายในมหาสมุทร แต่ไม่เคยมีตัวไหนสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มาก่อน ดังนั้นพวกมันจึงไม่แข็งแกร่งพอจะต่อสู้กับ 6 สำนักใหญ่


แต่เมื่อจู่ๆมีอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ปรากฏขึ้นถึง 3 ตัว เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงก็ไม่อาจระงับความทะเยอทะยานไว้ได้อีก พวกมันตั้งใจจะรวบรวมเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างกลุ่มอำนาจที่สามารถรับมือกับ 6 สำนักใหญ่ได้


ตอนที่ 2082 เราต้องไปแล้ว!

เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมเมื่อครู่นี้จางเซวียนถึงเห็นสัตว์น้ำมากมาย แต่แล้วพวกมันก็หายวับไป เป็นไปได้ว่าเขาคงเห็นตอนที่พวกมันกำลังขานรับเสียงเรียกและรีบไปรวมตัวกัน


“เป้าหมายแรกของเราคือตำหนักคว้าดาว เกาะคว้าดาวของพวกนั้นตั้งอยู่บริเวณใจกลางทะเลพลัดดาว ผมหารือกับอีกสองราชาแล้ว พวกเราจะบุกเข้าโจมตีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเพื่อให้พวกนั้นรู้ว่าเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำจะไม่อดทนอีกต่อไป ขอแค่เราสำแดงพละกำลังได้มากพอ…6 สำนักใหญ่จะไม่กล้าทำอะไรเราอีก!” ฉลามตัวที่นั่งบัลลังก์กลางพูดอย่างวางมาด


มหาสมุทรมีทรัพยากรมหาศาล และแก่นอสูรของเหล่าอสูรใต้น้ำก็เป็นประโยชน์มากในการฝ่าด่านวรยุทธของนักรบ ด้วยเหตุนี้ แม้จะมีอันตรายอยู่ทั่วมหาสมุทร แต่ 6 สำนักใหญ่ก็มักส่งบรรดาศิษย์สายตรงลงมาปฏิบัติภารกิจออกล่าอยู่เนืองๆ


โดยเฉพาะตำหนักคว้าดาว เพราะพวกเขาอาศัยอยู่บนเกาะโดดเดี่ยวแห่งนี้ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพึ่งพาทรัพยากรจากมหาสมุทร


หากพวกมันอยากรวบรวมเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำให้เป็นหนึ่งเดียวและทำให้ 6 สำนักใหญ่ยำเกรง ก็ไม่มีเป้าหมายไหนจะเหมาะสมไปกว่าตำหนักคว้าดาว!


ปลาดุกทะเลตัวหนึ่งที่มีหูมากมายออกความเห็น “ฝ่าบาท คงจะดีที่สุดหากพวกเราทำให้ตำหนักคว้าดาวเป็นเป้าหมายแรกได้ แต่ผมเชื่อว่าเราจำเป็นไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อน จากการหาข่าวของผม…ผู้ที่ประกอบพิธีกรรมเรียกเทพเจ้าสาวน้อยผู้นั้นลงมาเมื่อ 2 เดือนก่อนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตู้ชิงหย่วน หัวหน้าตำหนักคว้าดาว!”


“เธออยู่เบื้องหลังเรื่องนั้น?” ฉลามตัวที่อยู่บัลลังก์กลางชะงักไปครู่หนึ่งกับข่าวที่ได้รับ “คุณแน่ใจหรือ?”


เหตุผลที่พวกมันทั้งสามฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จก็เพราะหยดเลือดของเทพเจ้าสาวน้อยที่ร่วงลงสู่ทะเล


“ฝ่าบาท ผมส่งบริวารหนึ่งแสนตัวไปสืบเสาะเรื่องนี้แล้ว และผมแน่ใจมาก!” ปลาดุกทะเลตอบอย่างหนักแน่น


ฉลามตัวที่อยู่ตรงกลางใช้เวลาระงับอารมณ์ครู่หนึ่งก่อนจะคำราม “ฮึ่มมม! ต่อให้เธอเรียกเทพเจ้ามาได้ ก็แล้วอย่างไรล่ะ? เท่าที่ผมเห็นในวันนั้น หลังจากเข้าสู่ทวีปที่ถูกลืมได้ไม่นาน เทพเจ้าก็ทำลายมิติโดยรอบบางส่วนเพื่อมุ่งหน้าไปที่อื่น และจากนั้นเธอก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย ขอแค่เทพเจ้าไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ พวกเราก็มีโอกาสเล่นงาน 6 สำนักใหญ่ได้!”


“พี่ใหญ่ของเราพูดถูก! แม้แต่เทพเจ้าที่ลงมายังทวีปที่ถูกลืมก็ยังมีพละกำลังลดลงเมื่ออยู่ที่นี่” ฉลามตัวที่อยู่ทางซ้ายตั้งข้อสังเกต “ก็เพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้ไม่มีเทพเจ้าลงมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวใดๆของที่นี่ นอกจากหอเทพเจ้า ต่อให้ตำหนักคว้าดาวสื่อสารกับเทพเจ้าได้ ก็ใช่ว่าพวกเขาจะเรียกตัวเทพเจ้าให้มาต่อสู้แทนได้เสียเมื่อไหร่!”


“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เรายังต้องกลัวอะไร? ถึงหัวหน้าตำหนักคว้าดาวจะทรงพลังแค่ไหน เธอก็หัวเดียวกระเทียมลีบ หากพวกเราทั้งสามผนึกกำลังกันล่ะก็ การฆ่าเธอย่อมง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก!”


“การที่สวรรค์อนุญาตให้พวกเราฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จก็บอกชัดแล้วว่าโชคชะตากำลังเข้าข้าง เผ่าพันธุ์อสูรที่อยู่ใต้น้ำ พวกเราควรฉกฉวยโอกาสนี้ไว้ แทนที่จะปล่อยให้มันหลุดมือไป” ฉลามตัวที่อยู่ทางขวากล่าวเสริม “ยุคสมัยของพวกเราใกล้เข้ามาแล้ว ที่ผ่านมาพวกเราเคยเข่นฆ่ามนุษย์ไปมากมายเท่าไหร่…หลังจากนี้จะมากกว่านั้นเป็น 2 เท่า! เราจะทำให้พวกเขารู้ว่าจะมาดูถูกพวกเราไม่ได้!”


“พวกเราไม่ได้เกิดมาให้ใครดูถูก!”


คำพูดนั้นจุดประกายและสร้างความเร่าร้อนให้เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำทั้งกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกุ้งฝอย ปลาหมึก ปู หอยนางรม…ทุกตัวพากันสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำประกาศนั้น


หลายพันปีที่ผ่านมา เผ่าพันธุ์มนุษย์จาก 6 สํานักใหญ่กุมอำนาจในทวีปที่ถูกลืมมาตลอด ทำให้เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำไม่กล้าเหยียบย่างพื้นดิน เพราะเกรงจะถูกฆ่า แต่ในเมื่อตอนนี้พวกมันมีอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คอยหนุนหลังแล้ว ก็ไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีก


จางเซวียนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว “หัวหน้าตำหนักคว้าดาว?”


ตำหนักคว้าดาวก่อตั้งโดยเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น ในเมื่อหลัวลั่วชิงเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ก็เป็นธรรมดาที่เธอจะตอบรับเสียงเรียกร้องของพวกเขา


หากสิ่งที่ใครๆพูดถึงหลัวลั่วชิงเป็นความจริงล่ะก็ เป็นไปได้ว่าหัวหน้าตู้ชิงหย่วนเรียกตัวเธอลงมาสู่มิติเบื้องบน และจากนั้นหลัวลั่วชิงก็ลงไปยังทวีปแห่งปรมาจารย์เพื่อฉกฉวยมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง!


เท่าที่เห็น การเข้าถึงหัวหน้าตู้ชิงหย่วนให้ได้คือหัวใจของการไขข้อเท็จจริงที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง!


เขารีบร้อนมาที่นี่หลังจากสันนิษฐานว่าหินโลหิตเทพเจ้ามีบางอย่างเกี่ยวข้องกับหลัวลั่วชิง แต่ดูเหมือนประเด็นของเขาจะผิดไป


ถ้าตู้ชิงหย่วนคือผู้ที่เรียกหลัวลั่วชิงลงมา เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหลัวลั่วชิงเป็นใครและอยู่ที่ไหน?


เราต้องกลับเสียที จางเซวียนบอกตัวเองหลังจากได้รู้ข้อมูลสำคัญ


นอกจากความจริงที่ว่ามีอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อยู่ตรงนี้ถึง 3 ตัว เพียงแค่อสูรระดับอมตะขั้นสูงอีกหลายร้อยตัวก็เกินพอจะเล่นงานเขาแล้ว


เหตุผลหลักที่เขาพยายามเสาะหาต้นกำเนิดที่แท้จริงของโลหิตเทพเจ้าก็เพื่อจะตรวจสอบว่าหลัวลั่วชิงมาที่มิติเบื้องบนจริงหรือไม่ และจากนั้นเธอไปไหน ในเมื่อเขาสามารถสอบถามข้อมูลเหล่านี้จากหัวหน้าตู้ชิงหย่วนได้ ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป


เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ควรแกว่งเท้าหาเสี้ยน!


จางเซวียนค่อยๆถอยฉาก แต่ขณะที่กำลังจะออกจากถ้ำ ก็รู้สึกได้ถึงกระแสพลังจิตวิญญาณจากภายใน พลังงานนั้นทำให้จี้ที่ห้อยอยู่รอบลำคอของเขาเกร็งขึ้นเล็กน้อย ความร้อนอย่างน่าสะพรึงแผ่ซ่านออกจากตัวมัน


จางเซวียนรีบหันกลับไป และเห็นฉลามตัวที่อยู่ตรงกลางนำเลือดสีแดงก่ำหยดหนึ่งออกมาให้เผ่าพันธุ์อสูรทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าได้เห็น


เลือดหยดนั้นมีขนาดเพียงแค่เมล็ดงา แต่พลังงานที่มันแผ่ออกมาจัดว่ารุนแรงมาก ราวกับโลกทั้งโลกถูกบีบอัดเข้าไปในนั้น ถ้าพลังงานในปริมาณระดับนั้นถูกปลดปล่อยออกมา ทั้งมหาสมุทรจะต้องเดือดพล่าน!


“นี่คือโลหิตเทพเจ้า” ฉลามตัวที่อยู่ตรงกลางพูดขณะลุกขึ้นจากบัลลังก์ “มันคือกุญแจที่ทำให้พวกเราสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ พวกคุณควรจงรักภักดีและยอมรับใช้เรา โดยปราศจากเงื่อนไข แล้วจะไม่ผิดหวังกับสิ่งที่ได้รับ!”


“ฝ่าบาท พวกเรายินยอมพร้อมใจมอบชีวิตให้คุณ!”


การปรากฏของโลหิตเทพเจ้าทำให้เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำตาโตขณะกู่ก้องคำรามอย่างตื่นเต้น


แค่เลือดหยดเดียวของเทพเจ้าตัวจริงก็เกินพอจะทำให้พวกมันสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่โลหิตเทพเจ้าจะเป็นของล้ำค่าที่ดึงดูดเผ่าพันธุ์ใต้น้ำทุกสายพันธุ์


เมื่อเห็นว่าเรียกความฮึกเหิมจากเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำได้ ฉลามตัวที่อยู่ตรงกลางพยักหน้าอย่างพอใจ


ด้วยลูกล่อลูกชนและการใช้พระเดชพระคุณ มันมั่นใจว่าบริวารเหล่านี้จะรับใช้พวกมันอย่างจงรักภักดี


อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์พวกนี้ไม่อาจสบประมาทได้จริงๆ จางเซวียนคิดอย่างระแวง


พละกำลังของพวกมันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าฉลามสามพี่น้องจะเก่งกาจเชี่ยวชาญในศิลปะการออกคำสั่งด้วย ดูเหมือนที่ผ่านๆมา เผ่าพันธุ์มนุษย์จะประเมินความเฉลียวฉลาดของเจ้าพวกนี้ต่ำไป


เราต้องไปแล้ว!


แน่นอนว่าจางเซวียนสนอกสนใจโลหิตเทพเจ้า แต่ก็รู้ดีว่าด้วยพละกำลังของเขาในเวลานี้ ไม่มีทางฉกฉวยมันมาได้ ความเสี่ยงที่ต้องแบกรับมีมากเกินไป


อีกอย่าง เขาก็ไม่จำเป็นต้องออกโรงด้วยตัวเอง แน่นอนว่าตำหนักคว้าดาวกับอีก 5 สำนักที่เหลือจะต้องเล่นงานฉลามสามพี่น้องแน่เมื่อรู้เรื่องนี้ พวกเขาไม่อาจยอมรับความเสี่ยงที่จะปล่อยให้เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำสร้างกลุ่มอำนาจของตัวเอง


เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็แค่ยืมมือ 6 สำนักใหญ่เล่นงานฉลามสามพี่น้องนั่น


“ใครน่ะ?”


ครืนนนน!


เสียงกึกก้องราวสายฟ้าฟาดทำให้ทั้งถ้ำสั่นสะเทือน ก้อนหินแตกเป็นเสี่ยงๆ ฝุ่นร่วงกราวลงพื้น


จากนั้น รังสีอันทรงพลังไร้ขอบเขต 3 สายก็ระเบิดออกมา


เกิดอะไรขึ้น? จางเซวียนคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว


เขากดข่มรังสีของตัวเองไว้ตลอดเวลา อีกฝ่ายไม่น่าตรวจจับการปรากฏตัวของเขาได้ง่ายๆ อีกอย่าง ถ้าพวกมันรู้ว่าเขามา ก็น่าจะรู้ตั้งแต่ตอนที่เขาเข้าไปในถ้ำแล้ว มันเรื่องอะไรถึงมารู้เอาเมื่อตอนที่เขากำลังจะกลับ?


จางเซวียนหันกลับไปอย่างงุนงง แต่แล้วก็แทบลมจับด้วยความพรั่นพรึง


โลหิตเทพเจ้าที่ลอยอยู่ตรงหน้าเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำให้เกิดความอลหม่านอย่างหนักภายในถ้ำ


ฉลามขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 3 ตัวโมโหเดือด พวกมันปล่อยรังสีทรงพลังออกมา ตั้งใจจะฉีกตัวการให้แหลกเป็นชิ้นๆ


“นั่น!”


เสียงหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศ


จากนั้น กระแสน้ำก็ระเบิดกระแทกเพดานถ้ำ ทำให้หินร่วงกราวลงพื้น


จางเซวียนมองตามกระแสน้ำ สิ่งที่เห็นเกือบทำให้เขาเข่าอ่อน


ที่มุมหนึ่งของถ้ำ ลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยกำลังกระพือปีกอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ในกระแสน้ำ ในเวลาเดียวกัน ก็เรอออกมาดังสนั่น พลังงานของโลหิตเทพเจ้าพลุ่งพล่านอยู่ภายในตัวมัน


เห็นได้ชัดว่าใครคือตัวการที่ขโมยโลหิตเทพเจ้าไป


“ฉันจะไม่ร่วมวงกับความพยายามฆ่าตัวตายของแกหรอกนะ…”


จะให้จางเซวียนทำอะไรได้ในสถานการณ์แบบนี้ นอกจากหันหลังกลับและเผ่นหนี?


เจ้าไก่นี่ปัญญาอ่อน!


มีอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ถึง 3 ตัว แถมด้วยเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงอีกหลายร้อย แต่เจ้าโง่นั่นก็ยังเข้าไปขโมยโลหิตเทพเจ้าของพวกมันได้ ทำแบบนี้ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย?


“เจ้านาย รอผมด้วย!”


ยังไม่ทันที่จางเซวียนจะไปได้ไกล ลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยก็ร้องลั่น…


พริบตาต่อมา มันก็ตามเขาทัน


“พละกำลังของโลหิตเทพเจ้ายิ่งใหญ่กว่าที่ผมคิดไว้ ผมใช้แรงหมดเกลี้ยงเลย ขยับตัวไม่ไหวแล้ว ต้องขอพักสักหน่อย…”


ฟึ่บ!


หลังจากพูดจบ ไก่น้อยก็มุดเข้าไปในกระสอบอสูร


จางเซวียนมองไปรอบๆ เห็นกองทัพอสูรใต้น้ำกำลังจับจ้องเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง ทำเอาเขาแทบปล่อยโฮ


สวรรค์โปรด…ผมทำอะไรผิด ถึงต้องถูกลงโทษแบบนี้?


แกก็เล่นง่าย เข้าไปหลับ แล้วทิ้งภาระทุกอย่างไว้ให้ฉัน คราวนี้ฉันจะทำอย่างไร?


จางเซวียนพึมพำสาปแช่ง เขาอยากจะย่างเจ้าไก่สารเลวนั่นทั้งเป็น แต่ก็รู้ดีว่าการจะทำแบบนั้นได้ ก็ต้องเอาชีวิตออกจากที่นี่ให้ได้ก่อน


จางเซวียนรีบสำแดงศิลปะการเคลื่อนไหวเทียบฟ้าและเผ่นหนีโดยไม่ลังเล


หากมัวรีรอต่อไปคงได้ตายแน่


ตอนที่ 2083 ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์?

“จับเขาไว้!”


“มนุษย์กล้ามาถึงที่นี่และขโมยโลหิตเทพเจ้าของพวกเราได้อย่างไร? ฆ่ามัน!”


“สับเนื้อมันให้หมากิน!”


“แกมันโง่ พวกเราไม่มีหมาอยู่ใต้น้ำสักหน่อย ให้ฉันกินแทนดีกว่า!”


เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำตวาดก้องอย่างคลุ้มคลั่ง


เพิ่งเมื่อครู่นี้เองที่พวกมันประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจว่าจะขับไล่มนุษย์ออกไปจากมหาสมุทร แต่หลังจากนั้นไม่นาน มนุษย์คนหนึ่งก็เล็ดลอดเข้ามาถึงถิ่นของพวกมันและขโมยโลหิตเทพเจ้าไป เป็นธรรมดาที่พวกมันจะโมโห


บึ้มมมมม!


ขณะที่จางเซวียนเผ่นหนี กระแสพลังงานมากมายนับไม่ถ้วนก็ระเบิดรอบตัวเขา ทำให้ขนลุกขนชันไปหมด จางเซวียนแทบปล่อยโฮออกมา


ผมแค่มาแอบดูเฉยๆ สาบานได้เลยว่าไม่ได้เป็นตัวการที่ขโมยโลหิตเทพเจ้าของพวกคุณ ทำไมไม่มีใครเชื่อผม!


ฉลามสีเทาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้านซ้ายลุกพรวดและคำรามเดือด “คุณคิดว่าจะเข้านอกออกในที่นี่ได้ตามใจงั้นหรือ?”


มันฟาดหาง จากนั้นก็เข้าขวางจางเซวียน


แน่นอนว่าศิลปะการเคลื่อนไหวเทียบฟ้าของจางเซวียนนั้นไร้เทียมทาน แต่การเคลื่อนไหวของเขาถูกขัดขวางอย่างหนักจากความหนืดของน้ำ ส่วนคู่ต่อสู้ที่เขากำลังเผชิญนั้นอาศัยอยู่ในน้ำมาทั้งชีวิต ร่างกายของพวกมันคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวในน้ำเป็นอย่างดี


ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่มีโอกาสทำความเร็วเหนืออีกฝ่ายได้เลย!


“แก ไอ้มนุษย์หัวขโมย! ชดใช้ความโง่เง่าของตัวเองซะ!”


ฉลามสีเทาฟาดหางทรงพลังของมันเข้าใส่จางเซวียนด้วยเรี่ยวแรงที่อาจทำให้มิติโดยรอบพังทลาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจางเซวียนในเวลานี้ไม่อาจต้านทานการโจมตีที่ทรงพลังขนาดนั้นได้!


อันตรายของอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่เชี่ยวชาญการโจมตีนั้นเหนือชั้นกว่าเต่าหลังดำมาก


ถึงตอนนี้ จางเซวียนตื่นตระหนกเล็กน้อย


เขาภาคภูมิใจในความเร็วของตัวเองมาตลอด แต่เมื่ออยู่ใต้น้ำ ก็ไม่ต่างอะไรกับหอยทากที่คืบคลานแข่งกับกระต่ายป่า


จางเซวียนหันไป เห็นอสูรใต้น้ำที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงกลุ่มใหญ่พากันจ้องมองเขาอย่างโกรธแค้น ฉลามขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีก 2 ตัวพุ่งเข้าใส่เขาด้วยเจตนาสังหารหนักหน่วง


ปฏิกิริยาตอบโต้ของจางเซวียนนั้นรวดเร็ว แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะหมดหนทางเมื่อต้องต่อสู้กับเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำ ยังไม่ทันจะรู้ตัว ก็ถูกพวกมันล้อมไว้อย่างแน่นหนา


“ไป!”


รู้ดีว่าสถานการณ์กำลังคับขัน จางเซวียนสะบัดข้อมือ


ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!


ดาบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ 5 เล่มปรากฏตรงหน้าเขา


ด้วยการกระดิกนิ้ว ดาบทั้ง 5 เล่มที่มีเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าอยู่ภายในก็พุ่งเข้าไปในถ้ำ


ฉลามขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าเขาทรงพลังเกินไป ไม่มีทางที่เขาจะเผชิญหน้ากับมันตรงๆได้ ในเวลาเดียวกัน เขาก็กำลังถูกผลักดันให้กลับเข้าไปในถ้ำ หมดหนทางหลบหนี


จางเซวียนจะปล่อยให้ตัวเองติดแหงกอยู่ที่นี่ไม่ได้!


ในเมื่อถูกล้อมไว้ทั้ง 4 ทิศทางแล้ว ทางเดียวที่จะหนีพ้นก็คือทะลุเพดานถ้ำ


ถ้าเขาหาทางออกไปได้ ก็จะลัดเลาะไปตามคู อาศัยพืชใต้น้ำที่ขึ้นอยู่หนาแน่นบริเวณนั้นอำพรางตัว และน่าจะหนีไปได้อย่างปลอดภัย!


เพราะการจะควานหาตัวเขาท่ามกลางมหาสมุทรขนาดใหญ่ที่มีเผ่าพันธุ์อสูรอยู่มากมายย่อมเป็นเรื่องยาก ขอแค่เขาออกจากถ้ำนี้ได้ ด้วยความสามารถในการปลอมตัว ก็มีโอกาสสูงที่จะหลบหนีได้สำเร็จ!


บึ้มมมมม!


ดาบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั้ง 5 เล่มปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าออกมาพร้อมกัน การผนึกกำลังกันของพวกมันเหนือชั้นกว่าแม้แต่ดาบฟาดฟันทะเลของเขา ในชั่วพริบตา ทางเดินที่เปิดทางให้จางเซวียนหลบหนีได้ก็พุ่งทะลุเพดานถ้ำ


จางเซวียนรีบรุดหน้าไป


ทันที่ที่เขาดำดิ่งเข้าสู่ทางเดิน เสียงระเบิดลั่นก็ดังขึ้นด้านล่าง มิติที่เขาเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้แหลกละเอียดเป็นผุยผง


“ต้องรีบแล้ว!”


จางเซวียนรู้ดีว่าเวลาเหลือน้อย ไม่ช้าเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำที่อยู่ด้านล่างจะต้องตามเขาทันแน่ จึงรีบถ่ายทอดพลังงานเข้าสู่ดาบทั้ง 5 เล่มอย่างบ้าคลั่ง เปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นสว่านที่เจาะเพดานให้แตกเป็นเสี่ยงๆ


ไม่ช้า น้ำก็ขุ่นคลั่ก


“คุณคิดจะไปไหน?”


เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังก้องไปทั่วทางเดิน จางเซวียนรู้สึกได้ว่าถ้ำนั้นสั่นสะเทือน


ฉลามสามพี่น้องคิดไม่ถึงว่าจางเซวียนจะพุ่งทะลุเพดาน แต่พวกมันก็รีบตามไปติดๆ


เพราะจางเซวียนตัวเล็ก ทางเดินที่เขาขุดขึ้นจึงไม่ใหญ่พอให้ฉลามสามพี่น้องผ่านไปได้ พวกมันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้แรงพุ่งเข้าชนเพื่อหาทางออกไป


จางเซวียนถ่ายทอดพลังปราณอย่างต่อเนื่องถึง 3 อึดใจ จึงหนีรอดออกไปยังปลายอีกด้านหนึ่งได้ ทันที่ที่ออกมา ก็รีบโยนดาบออกไปก่อนจะพุ่งไปซ่อนตัวอยู่ในปะการังและเถาวัลย์


แต่ยังไม่ทันจะไปได้ไกล เสียงระเบิดดังสนั่นก็ดังขึ้นจากถ้ำที่อยู่ด้านล่าง ท่ามกลางน้ำขุ่นคลั่กที่ปนเปื้อนฝุ่นผง ฉลามตัวหนึ่งพุ่งออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว มันอ้าปากกว้างและพ่นน้ำปริมาณมหาศาล


ซู่!


น้ำนั้นพุ่งเข้าใส่จางเซวียนอย่างแรง ฉีกกระชากพืชใต้น้ำที่เขาเคยคิดว่าน่าจะแข็งแกร่งพอได้อย่างง่ายดาย


“หลบ!”


เมื่อเห็นว่าไม่มีทางหลบกระแสน้ำพ้น จางเซวียนชักดาบถงซังออกมากวัดแกว่งอย่างดุเดือด สีหน้าของเขาเคร่งเครียด


กระแสดาบฉีปะทะกับกระแสน้ำ ทำให้จางเซวียนรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณง่ามนิ้ว ถึงจะปัดป้องการโจมตีของคู่ต่อสู้ออกไปได้ แต่เขาก็แน่นหน้าอก ทำให้ต้องถอยหลังกรูด


“ทรงพลังจริงๆ!” จางเซวียนตัวแข็งทื่อ


นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เผชิญหน้ากับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่แท้จริง แม้ตอนที่เขาทำให้เต่าหลังดำยอมจำนนได้ก่อนหน้านี้ จางเซวียนก็อาศัยพละกำลังของไก่น้อยเข้าช่วย การได้เห็นประสิทธิภาพการต่อสู้ของอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การต้องรับมือกับมันด้วยตัวเองนั้นแตกต่างออกไปมาก!


แม้เขาจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูงระดับล่างได้แล้ว และกายเนื้อก็แข็งแกร่งถึงระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่อาจต้านทานได้แม้แต่การโจมตีเพียงครั้งเดียวจากคู่ต่อสู้


จางเซวียนรีบตั้งตัวก่อนจะพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง


การเผชิญหน้ากับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เพียงตัวเดียวยังน่าสะพรึงขนาดนี้ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าหากต้องรับมือกับพวกมันพร้อมกันทีเดียว 3 ตัวจะเป็นอย่างไร แถมยังมีอสูรใต้น้ำที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงอีกหลายร้อยตัวรอเล่นงานเขาด้วย


ทางเลือกเดียวของเขาคือหนี!


“นับตั้งแต่วินาทีที่คุณขโมยทรัพย์สมบัติของเรา คุณก็ชะตาขาดแล้ว!”


เสียงคำรามกึกก้องดังมาจากด้านบน


จางเซวียนเงยหน้าขึ้นมองอย่างหวาดระแวง เห็นฉลามอีกตัวหนึ่งกำลังพุ่งเข้าใส่เขาด้วยปากอ้ากว้าง เผยให้เห็นฟันคมมากมายนับไม่ถ้วนที่เปล่งประกายเย็นเยือกออกมา


ขณะที่ฉลามตัวหนึ่งกำลังไล่ล่า อีก 2 ตัวก็พุ่งออกจากถ้ำด้วยความเร็วสูงกว่าเพื่อสกัดเขาจากด้านหน้า!


แถมยังมีกระแสน้ำรุนแรงพุ่งลงมากระแทกเขาจากด้านบนอีกด้วย


รู้ดีว่าตกที่นั่งลำบากแล้ว จางเซวียนไม่กล้ารั้งรอ เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็นำของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่เขาทำให้มันจำนนได้เมื่อครู่นี้ออกมา จางเซวียนแปรสภาพมันให้เป็นปราการขนาดใหญ่


เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้นด้านหลัง


คลื่นความสั่นสะเทือนทำลายพืชน้ำและโขดหินที่อยู่โดยรอบจนแหลกสลาย


แรงปะทะนั้นทำให้สองแขนของจางเซวียนเป็นเหน็บ เขาแทบยกแขนไม่ขึ้น


แม้ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จะทำให้เขาต้านทานการโจมตีของพวกมันได้ แต่แรงปะทะก็ส่งผลให้อวัยวะภายในกระทบกระเทือน จางเซวียนได้รับความบอบช้ำสาหัส


“นี่มันบ้าบออะไร?” เขารู้สึกเหมือนจะเสียสติ


เขามาที่นี่เพียงเพื่อสำรวจ ไม่ใช่ทำให้คู่ต่อสู้รู้ตัว และเขาก็ได้ทำตามที่ต้องการสำเร็จแล้ว สิ่งที่ใครๆว่าไว้นั้นแสนจะเป็นเรื่องจริง สมาชิกที่งี่เง่าเพียงคนเดียวในทีมก็เกินพอจะทำให้ทั้งทีมล่มจม!


“ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์?” เห็นโล่ที่จางเซวียนนำออกมา ฉลามสามพี่น้องตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น “โลหิตเทพเจ้าหยดหนึ่งแลกกับอาวุธชิ้นหนึ่ง ผมว่าก็ไม่เลวนะ!”


ถึงโลหิตเทพเจ้าจะทรงพลังแค่ไหน แต่ทั้งหมดที่พวกมันต้องการก็คือโลหิตเทพเจ้าเพียงหยดเดียวเพื่อให้สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ อะไรที่นอกเหนือไปจากนั้นถือว่าไม่จำเป็น


เพราะหากพวกมันทำให้ของล้ำค่าขั้นกึ่งสูงสวรรค์ชิ้นหนึ่งยอมจำนนได้ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าประสิทธิภาพการต่อสู้จะเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก!


ตึ้ง! ตึ้ง! ตึ้ง!


ฉลามสามพี่น้องพุ่งชนโล่ของจางเซวียนจากสามทิศทาง ตั้งใจจะทำลายมันให้ได้


แม้จางเซวียนจะยืนหยัดอยู่ได้ แต่ก็รู้สึกเหมือนจะเป็นอัมพาตเพราะแรงปะทะที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน เขาตวาดก้อง “เต่าหลังดำ รีบออกมาและพาผมไปจากที่นี่ที!”


ฟึ่บ!


เต่าหลังดำที่มีความกว้างราว 100 เมตรปรากฏตัว ทันทีที่มันออกมา ก็พุ่งขึ้นสู่ด้านบนอย่างรวดเร็วโดยมีจางเซวียนขี่หลัง


ความเร็วของมันสูงกว่าจางเซวียนมาก แต่ก็ไม่อาจทิ้งห่างฉลามสามพี่น้องได้ ฉลามกลุ่มนั้นยังคงโจมตีพวกเขาต่อไป ทั้งมหาสมุทราาวกับจะพังทลาย


“เจ้าเต่าเฒ่า นึกไม่ถึงเลยว่าแกจะเลือกยอมจำนนให้มนุษย์แทนที่จะเป็นพวกเรา แกนี่เป็นแกะดำของเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำจริงๆ!”


“ฉันยังพอเข้าใจนะถ้าแกยอมจำนนให้ผู้เชี่ยวชาญสักคน แต่หมอนี่เป็นแค่นักรบอมตะขั้นสูงระดับล่าง…ดูเหมือนกาลเวลาจะทำให้แก่งี่เง่าขึ้นเรื่อยๆ!”


“โง่เหลือเกิน พวกเราปล่อยแกไป แต่แกก็ยังตัดสินใจกลับมา ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าพวกเราจะปรานี เราจะฝังแกไว้ที่นี่พร้อมกับเจ้านายคนใหม่ของแกนั่นแหละ!”


เสียงคำรามเยาะดังขึ้นโดยรอบ เมื่อเห็นเต่าหลังดำซึ่งเป็นอริเก่ายอมจำนนให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ฉลามสามพี่น้องอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย


ยิ่งเต่าหลังดำได้รับความบอบช้ำมากขึ้นเท่าไหร่ ความเร็วของมันก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ออกจากคู เต่าหลังดำก็ส่งโทรจิตหาจางเซวียน “นายท่าน ผมเกรงว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะออกจากที่นี่ไม่ได้…”


เหตุที่เมื่อคราวก่อนมันหนีพ้น ก็เพราะมันหลบออกมาทันทีที่การเผชิญหน้าเริ่มต้น และฉลามสามพี่น้องก็ไม่ติดใจจะเอาเรื่อง


แต่คราวนี้เจ้านายของมันขโมยโลหิตเทพเจ้าของฉลามพวกนั้นมา แถมทำลายที่พำนักของพวกมันจนสิ้นซาก…ไม่มีทางที่ฉลามสามพี่น้องจะปล่อยให้พวกเขารอดไปได้แน่!


“คุณพูดถูก ดูเหมือนถ้าเป็นแบบนี้ เราไม่น่าจะหนีรอด” จางเซวียนพึมพำอย่างเห็นด้วยและรีบประเมินสถานการณ์รอบตัว


ขณะที่ทั้งคู่กำลังปะทะกับฉลามสามพี่น้อง เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำระดับอมตะขั้นสูงที่จางเซวียนเคยเห็นในถ้ำเมื่อครู่ก่อนก็กระจายตัวกันสกัดกั้นหนทางหลบหนีอื่นๆไว้หมด


พูดอีกอย่างก็คือพวกเขาจบเห่แน่ ไม่ว่าจะมุ่งหน้าไปทางไหน ในท้ายที่สุดก็จะต้องตกอยู่ในวงล้อมของฉลามสามพี่น้องอยู่ดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)