ข้ามกาลบันดาลรัก 207-208
ตอนที่ 207 ปลิดชีวิตไม่ให้เหลือซาก
แม้อันอี่หยวนจะประหลาดใจเหตุใดเมิ่งเชี่ยนโยวถึงสนใจโดยรอบศาลาว่าการเช่นนี้ ทว่าก็ยังพานางเดินดูโดยรอบแต่โดยดี
เดินวนดูหนึ่งรอบ เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปากพูดลอยๆ “ถนนเส้นนี้คึกคักยิ่งนัก แม้แต่คนที่มาตั้งแผงก็มากกว่าที่อื่น”
อันอี่หยวนตอบ “ปกติไม่มีคนมาตั้งแผงเยอะเช่นนี้หรอก คงเพราะได้ข่าวที่เปาอีฝานจะแต่งงานวันพรุ่ง คิดว่าคนมาก การค้าก็จะดีตาม จึงได้เข้ามากันเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า แสร้งแสดงท่าทีประหลาดใจเดินเที่ยวไปตามแผงลอยต่างๆ รู้สึกเกิดข้อกังขา ก็จะหยุดยืนแสร้งทำเป็นสนใจสิ่งของแผงลอยนั้น ด้านหนึ่งหยิบยกขึ้นมาดู ด้านหนึ่งก็มองประเมินเจ้าของแผงอย่างไม่ให้สังเกตเห็น
อันอี่หยวนนึกว่าการซื้อของเป็นนิสัยติดตัวมาของหญิงสาว จึงมิได้สงสัยอะไร เดินพานางดูไปคุยไปอย่างเบิกบาน
เดินมาได้สามเค่อ ถึงเดินทั่วครบทุกแผง ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวก็มีความคิดโดยประมาณไว้แล้ว
หลังจากดูสิ่งของบนแผงลอยสุดท้ายเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวก็กล่าวกับอันอี่หยวนอย่างรู้สึกผิด “ปกติจะหาดูของเหล่านี้ในชนบทไม่ได้เลย ข้าพลันดูอย่างสนใจใคร่รู้ไปทั่ว รบกวนคุณชายอันต้องมาเดินกับข้าเป็นเวลานานไปด้วยแล้ว”
“เจ้าพูดเช่นนี้แสดงว่าเห็นข้าเป็นคนนอก เราถือว่าเป็นสหายที่ดีต่อกัน เจ้าเข้ามาอำเภอ ข้าต้อนรับเจ้าอย่างเต็มที่ก็สมควรแล้ว หากไม่เพราะเปาอีฝานจะแต่งงาน เวลากระชับ ข้าจะพาเจ้าเข้าไปเดินรอบตัวอำเภอให้เต็มที่ทีเดียว” อันอี่หยวนพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวแสดงท่าทีสนอกสนใจ วางท่าเยี่ยงสาวน้อยไร้เดียงสา “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ เอาไว้คราวหน้าข้าเข้าอำเภอมาอีก ท่านจักต้องพาข้าเดินเที่ยวให้ทั่วทุกที่ทีเดียว”
อันอี่หยวนรับปากทันควัน “ไม่มีปัญหา ข้าเติบโตในอำเภอแต่เกิด รู้จักทุกซอกทุกมุมของเมืองนี้เป็นอย่างดี เจ้าอยากเดินดูสิ่งใด ขอเพียงเจ้าพูด ข้าจะพาไปได้อย่างแม่นยำ”
“ท่านพูดเช่นนี้ ทำให้ข้ายิ่งอยากเดินแล้ว ไปเถิด พวกเรากลับไป ข้าจะกลับไปปรึกษากับพี่ใหญ่ ดูว่าหลังจากเสร็จงานแต่งของเปาอีฝาน พวกเราจะอยู่ในอำเภออีกสักวันได้หรือไม่” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
ทั้งสองหันหลังกลับ เมิ่งเชี่ยนโยวฉวยโอกาสลอบมองเจ้าของแผงที่น่าสงสัยอีกรอบ
เพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ หน้าประตูใหญ่ศาลาว่าการก็ติดอักษรมงคลขนาดใหญ่ ประดับด้วยโคมไฟสีแดงตลอดแนว สิงโตหินหน้าประตูก็ถูกมัดด้วยผ้าแถบสีแดงสด ทุกที่เต็มไปบรรยากาศรื่นเริงมงคล แม้แต่คนที่เดินผ่านไปมายังถูกซึมซับไปด้วย หลังจากที่เดินผ่านใบหน้าจะเจือแววความยินดี
ทั้งสองเพิ่งจะเดินเข้ามาถึงเรือนด้านหลังศาลาว่าการ พวกเปาอีฝานก็ออกมาจากในห้องพอดี พอเห็นพวกเขา เปาอีฝานก็พูดด้วยน้ำเสียงเจือแววปิติปลาบปลื้ม “แม่นางเมิ่ง สาวใช้บอกว่าท่านแม่ตื่นแล้ว สีหน้าอาการดีขึ้นมาก พวกเรากำลังจะไปดู พวกเจ้าก็ไปด้วยกันเถอะ”
พูดจบ ไม่รอให้ทั้งสองคนตอบ ก้าวฉับๆ ออกไปที่เรือนด้านหลังพลัน
เซี่ยเจียงเฟิงและจูหลานเดินตามติดไป
อันอี่หยวนรีบเดินตามติด เมิ่งเชี่ยนโยวก็เร่งฝีเท้าเดินตามไป
ยังเดินไม่ถึงในห้อง เสียงตื้นตันยินดีของเปาอีฝานก็ดังลอยมา “ท่านแม่ สีหน้าท่านดีขึ้นมากแล้วจริงๆ”
คนทั้งหมดเดินเข้ามาในห้อง ถึงได้เห็นฮูหยินเปาลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงแล้ว ไม่มีอาการลมหายใจอ่อนระทวยเหมือนที่พบในตอนเช้า ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
เห็นคนทั้งหมดเข้ามา ฮูหยินเปาไปกวักมือเรียกหาเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่งรีบเข้ามา ข้าต้องขอบใจเจ้าโดยแท้ พอกินยาของเจ้าเข้าไป ข้าก็รู้สึกร่างกายมีเรี่ยวมีแรง กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาขึ้นมาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปเบื้องหน้านาง ฮูหยินเปาคว้ามือของนางมาอย่างซาบซึ้งใจ พร่ำกล่าวขอบคุณไม่หยุด
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เดิมฮูหยินก็มิได้ป่วยหนักอะไร เพียงแต่หมอพวกนั้นกลัวจะทำให้ท่านเสียสุขภาพ จึงจ่ายยาฤทธิ์อ่อน เห็นผลช้าให้ท่าน ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรท่านก็ต้องหายดี”
ฮูหยินเปาตบมือนางอย่างอ่อนโยน “ร่างกายของข้าข้ารู้ดี เมื่อก่อนพอดื่มยาเสร็จ หลังจากสะลึมสะลือหลับไป ร่างกายกลับยิ่งเหนื่อยอ่อนไร้เรี่ยวแรง วันนี้ไม่เหมือนกัน พอข้าตื่นขึ้นมา รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเต็มที่ หากไม่เพราะสาวใช้ห้ามไว้ ข้าคงออกไปเดินในลานเรือนแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ “ฮูหยิน ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านดี ทว่าร่างกายท่านเพิ่งจะดีขึ้น ไม่ควรออกกำลังกายหักโหม หากท่านต้องการขยับเขยื้อนร่างกาย ก็ให้สาวใช้ประคองท่านเดินวนรอบห้องช้าๆ สักสองสามรอบ”
ฮูหยินเปารู้สึกเบาสบายตัว เหมือนร่างกายค่อยฟื้นตัวดีขึ้น ความกลัดกลุ้มในใจก็พลันมลายหายไป ในตอนนี้ถึงมีแก่ใจสนใจสิ่งอื่น ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวเอาแต่ขานเรียกนางว่าฮูหยิน จึงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าเป็นสหายสนิทของฝานเอ๋อร์ ไม่ต้องทำตัวเป็นคนนอกเรียกข้าว่าฮูหยินแล้ว จงทำเหมือนพวกเขา เรียกข้าว่าท่านป้าก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มหวานร้องเรียก “ท่านป้า”
ฮูหยินเปาขานรับอย่างมีความสุข “เจ้านี่นะข้ายิ่งเห็นก็ยิ่งชอบนัก ไม่รู้ว่าพ่อแม่เจ้าทำบุญด้วยสิ่งใด ถึงมีบุตรสาวที่น่ารักเช่นเจ้าได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านป้า ภายหน้าถ้ามีโอกาส คำพูดนี้ท่านจักต้องพูดให้ท่านแม่ข้าได้ยิน วันๆ ท่านแม่เอาแต่พร่ำบ่นที่ข้าไม่มีความเป็นหญิง บอกว่าพอเห็นข้าก็ปวดหัวจี๊ด”
ฮูหยินเปาใช้ปิดปากหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
เปาอีฝานและคนอื่นก็หัวเราะขบขันไปด้วย
“ท่านป้า ข้าจะจับชีพจรให้ท่านอีกครั้ง” หลังจากหัวเราะแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็วางมือฮูหยินเปานอนราบ วางนิ้วมือจับชีพจรให้นางแล้วพูดไปด้วย
ฮูหยินเปายิ้มให้นางที่จับชีพจรให้ตัวเอง
หลังจากจับชีพจรมือทั้งสองข้างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งพูดอย่างดีอกดีใจ “ดีขึ้นมากแล้ว กินยาอีกไม่กี่เทียบ ร่างกายของท่านก็จะฟื้นคืนหายดีดังเดิม”
ฮูหยินเปาเปล่งเสียงถามอย่างตื่นตะลึง “ที่เจ้าพูดเป็นความจริง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับอย่างซุกซน “ท่านป้า ท่านเป็นฮูหยินนายอำเภอ หากข้าไม่พูดความจริง ท่านใต้เท้าได้ให้คนจับข้าไปโบยเสียเล่า”
คนทั้งหมดหัวเราะขบขันอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวใช้หางตามองชิวผิง เห็นภายใต้เปลือกนอกที่ดูสงบนิ่งนั้นซ่อนแววหวาดผวาและเคืองขุ่นบางๆ เอาไว้
อย่างไรฮูหยินเปาก็ล้มป่วยมานาน แม้จะดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ทว่าร่างกายก็ยังอ่อนแอ พูดคุยกับทุกคนได้ไม่เท่าไหร่ สีหน้าก็เริ่มเหนื่อยล้า
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างเป็นห่วง “ท่านป้า ตอนนี้ไม่ควรให้สุขภาพของท่านเหนื่อยล้าเกินไป ท่านรีบนอนพักผ่อนอีกหน่อยเถิด รอท่านหายดีแล้ว ข้าจะมาอยู่คุยด้วยอีก”
ฮูหยินเปาก็รู้สึกอ่อนเพลียแล้วจริงๆ จึงไม่บอกปฏิเสธ หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวช่วยประคองเอนตัวลงนอน ก็พูดว่า “พอฝานเอ๋อร์แต่งงานเสร็จแล้ว เจ้าอย่าเพิ่งกลับ จักต้องอยู่ต่ออีกสองวัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ารับประกัน “ได้ ข้าจะเชื่อฮูหยิน ข้ายังไม่กลับ จะอยู่ต่ออีกสองวัน”
ฮูหยินเปาตบหลังมือนาง พูดว่า เด็กดี แล้วทนความง่วงไม่ไหวหลับตาลง เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
คนทั้งหมดเดินออกมาจากห้องอย่างแผ่วเบา เปาอีฝานสะกดกลั้นความยินดีไม่อยู่ หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างตื้นตันใจ “แม่นางเมิ่ง ขอบใจเจ้ามาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ท่านมิต้องเกรงใจเช่นนี้ เรื่องสำคัญในตอนนี้คือเตรียมงานของท่านให้เรียบร้อย”
เปาอีฝานเข้าใจความหมายแฝงของนาง พยักหน้าพลัน
พวกเปาอีฝานทั้งสามคนกลับไม่เข้าใจ กำลังงงงวยอยู่กับตัวเอง จูหลานก็อดไม่ได้ถามขึ้น “พรุ่งนี้เปาอีฝานก็จะเป็นเจ้าบ่าวแล้ว วันนี้ยังต้องเตรียมเรื่องอันใด?”
เมิ่งเชี่ยนโยวกรอกตาขาวใส่เขา ตอบอย่างว่องไว “ย่อมต้องเตรียมเรื่องต้อนรับเจ้าสาวในวันพรุ่งนี้ เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่รู้ ซื่อบื้อ”
จูหลานถูกรังเกียจรังงอนอีกครั้ง ยังคงได้แต่ลูบจมูกตัวเอง ไม่กล้าปริปาก
อันอี่หยวนออกเสียงช้าไปหนึ่งก้าว ไม่ถูกเอ็ดว่า เอาเปรียบคนอื่นได้ยังจะอวดฉลาด พูดอย่างฉวยโอกาส “แม่นางเมิ่งด่าได้ดี สมองหมูเช่นเขาสมควรต้องถูกด่าหลายๆ ครั้งถึงจะได้สติ”
จูหลานหวาดกลัวเมิ่งเชี่ยนโยว แต่ไม่กลัวอันอี่หยวน ไม่ทนอีกต่อไป เถียงกลับทันควัน “เจ้าว่าใครเป็นหมู เจ้านะสิสมองหมู”
อันอี่หยวนหัวเราะเขา “แม้แต่เรื่องที่เห็นได้อย่างชัดเจนนี้เจ้ายังไม่รู้ เจ้าไม่เป็นสมองหมูแล้วเป็นอะไร?”
จูหลานสะอึกกึก
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ
คนทั้งหมดกลับเข้ามาในเรือนเปาอีฝาน จัดแจงธุระในวันพรุ่งนี้จนเรียบร้อย มองดูท้องฟ้าเย็นย่ำแล้ว ถึงแยกย้ายกันออกไป
พอคนทั้งหมดจากไป เมิ่งเชี่ยนโยวให้คนไปเรียกเมิ่งเสียน บอกเขาว่า “วันนี้ครอบครัวเปาอีฝานงานยุ่งมาก ฮูหยินเปาก็มาล้มป่วยอีก ไม่มีใครดูแลพวกท่านได้ ท่านพาเหวินเปียวและเหวินหู่ไปพักที่โรงเตี้ยมเถอะ คืนนี้ข้าจะไปนอนกับท่านพี่ซุน จึงไม่ไปด้วยแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดได้อย่างสมเหตุสมผล เมิ่งเสียนไม่ได้คิดอะไรมาก พยักหน้าเห็นพ้อง ร้องเรียกเหวินเปียวให้บังคับรถม้าไปโรงเตี้ยม
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งพวกเมิ่งเสียนออกไปแล้ว ก็เดินมามองดูคนที่ตั้งแผงอยู่หน้าประตูศาลาว่าการอีกครู่หนึ่ง ถึงเดินกลับเข้าไปเรือนด้านหลังศาลาว่าการพร้อมเปาอีฝาน เมื่อนั่งในห้องดีแล้ว ก็สั่งบ่าวไพร่ในห้องให้ออกไป ใช้เสียงเบาพูดกับเปาอีฝาน “คุณชายเปา ข้าวางกับดักล่อเอาไว้แล้ว หากข้าเดาไม่ผิด คืนวันนี้คนวางยาพิษจะต้องลงมืออีกครั้ง ไม่ทราบว่าใต้เท้าเปาเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่?”
เปาอีฝานพยักหน้า “เมื่อครู่ท่านพ่อให้คนมาส่งข่าวแก่ข้า บอกว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ขอเพียงมีคนกล้าลงมือ พวกเราจะจับเขาได้ทันที”
“เช่นนั้นก็ดี หัวค่ำกว่านี้ท่านค่อยต้มยาให้ท่านป้ากินอีกครั้ง ข้าจะเพิ่มยากล่อมประสาทให้นางเล็กน้อย เลี่ยงไม่ให้นางต้องขวัญผวา อาการป่วยจะยิ่งกำเริบหนัก” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เปาอีฝานเห็นพ้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวเขียนใบสั่งยา มอบให้เปาอีฝาน
เปาอีฝานสั่งคนรับใช้รีบไปจัดยามา
คนรับใช้คล่องแคล่วว่องไว อึดใจเดียวก็จัดยาเข้ามา หลังจากตรวจสอบแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยื่นให้เปาอีฝาน
เปาอีฝานรับมา นำมาวางรวมกับยาที่จัดมาเมื่อเช้า
เปาชิงเหอเลิกงานออกจากศาลาว่าการกลับมา เริ่มจากเข้าไปดูฮูหยินเปาในห้อง เห็นนางหลับพริ้ม สีหน้ามีเลือดฝาดอ่อนๆ ก็ให้ดีใจ ตรงเข้ามากล่าวขอบคุณเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยตัวเอง
ทั้งสามหารือเรื่องปฏิบัติการในคืนนี้
เปาชิงเหอกล่าวว่า “ข้าได้วางกับดักเอาไว้จนทั่วแล้ว หากคืนวันนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าลงมือวางยาอีกครั้ง ข้าจักให้มันได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวขบคิดเล็กน้อย ตัดสินใจบอกสิ่งที่ตนเองคาดเดาไว้ออกมา “หากข้าเดาไม่ผิด คนวางยาน่าจะเป็นชิวผิง”
เปาชิงเหอตะลึงงัน ถามขึ้น “เหตุใดแม่นางถึงกล่าวเช่นนี้ หรือแม่นางพบสิ่งใดเข้า?”
เปาอีฝานยิ่งมองนางอย่างไม่เชื่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าพบบางสิ่งจริงๆ แต่ยังยืนยันไม่ได้ รอให้คืนนี้จับคนได้ก่อนค่อยพูดเถอะ ทว่าข้ายังมีเรื่องต้องเตือนพวกท่าน ไม่เพียงแต่ชิวผิง น่าจะยังมีคนอื่นที่ประสงค์ร้ายต่อพวกท่าน”
เปาชิงเหอกล่าว “แม่นางถึงกับกล่าวเช่นนี้ จักต้องพบอะไรบางอย่างแล้ว จงพูดออกมาเถิด พวกเราจะได้พร้อมรับมือได้ทันควัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ปิดบัง บอกเรื่องที่ตัวเองเห็นความผิดปกติของคนที่มาตั้งแผงหน้าประตู
สองพ่อลูกเปาชิงเหอตกใจลุกขึ้นพรวดพร้อมกัน ถามขึ้น “ที่แม่นางพูดเป็นความจริง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “คงเพราะพวกท่านมัวแต่เป็นห่วงอาการป่วยของท่านป้าเปา ไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องอื่น จึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติเหล่านี้”
เปาชิงเหอบ่นพึมพำ “จักเป็นไปได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้า อย่าเพิ่งนำมาใส่ใจเลย ขอเพียงคืนนี้จับตัวคนวางยาได้ เรื่องทั้งหมดก็จะกระจ่างเอง ถึงตอนนั้นค่อยยืนยันอีกครั้งก็ยังไม่สาย”
เปาชิงเหอโบกมือ “หากเป็นดั่งที่แม่นางพูดจริงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาทั่วไปแล้ว พวกเราจักต้องปรึกษากันให้ดีอีกครั้ง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ข้าเดาว่าท่านใต้เท้าเปาอาจจะไปล่วงเกินใครบางคนเข้า พวกเขาถึงฉวยโอกาสแก้แค้นในช่วงเวลาที่คุณชายเปาแต่งงาน”
เปาอีฝานปฏิเสธเสียงแข็ง “บิดาข้ารับราชการมาหลายปี มีแต่ความสุจริตเที่ยงธรรม ไม่กล้าพูดว่าสะสางคดีได้เหมาะสมทุกคดี ทว่าไม่มีทางตัดสินผิดใส่ความผู้อื่น ไม่ควรจะมีใครจะมาคิดแค้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวย้อนถาม “ก็แล้วอย่างไร สัมผัสข้าไม่เคยพลาด คนพวกนั้นตั้งเป้ามาที่พวกท่าน”
เปาชิงเหอและเปาอีฝานขมวดคิ้วยู่ย่นอย่างไม่เข้าใจ
ทั้งสองคิดถึงที่มาที่ไปไม่ออก เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งไม่รู้เรื่องเลย
ภายในห้องพลันไร้เส้นเสียง
เปาชิงเหอสมแล้วที่เป็นข้าราชการยอดฝีมือ หลังจากตกตะลึงในช่วงแรก ตอนนี้สงบนิ่งลงแล้ว พูดว่า “ข้าเตรียมพร้อมแล้ว ไม่ว่าใคร กล้าเข้ามาก่อเรื่องในศาลาว่าการ ข้าจะปลิดชีวิตไม่ให้เหลือซาก”
ตอนที่ 208 จับกุม
เปาอีฝานพยักหน้าสนับสนุน
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ดูท่าวันนี้คนด้านนอกจะยังไม่ลงมือ พวกเขาน่าจะฉวยโอกาสกระทำบางอย่างตอนงานแต่งงานของคุณชายเปาพรุ่งนี้ คืนวันนี้พวกเราจัดการเรื่องคนวางยาก่อน ดูว่าจะมีอะไรเชื่อมโยงถึงกันหรือไม่”
สองพ่อลูกเปาชิงเหอพยักหน้า
ทั้งสามหารือกันอย่างรอบคอบอีกครั้ง หลังจากกำหนดแผนการอย่างถี่ถ้วนแล้ว เปาชิงเหอก็กลับมาที่ห้องฮูหยินเปา
เปาอีฝานกินอาหารค่ำเสร็จแต่หัวค่ำ แล้วไปต้มยาหนึ่งเทียบให้ฮูหยินเปาด้วยตัวเองอีกครั้ง นำมาป้อนให้นาง รอจนนางหลับสนิท ถึงกลับมาห้องตัวเอง
เปาชิงเหอใช้เรื่องงานบังหน้าออกไปห้องหนังสือ บอกสาวใช้ในห้อง วันนี้ตนเองมีเรื่องสำคัญต้องสะสาง อาจจะอยู่ในห้องหนังสือจนดึก ให้พวกนางดูแลฮูหยินเปาให้ดี มีเรื่องใดให้รายงานเขาทันที
บรรดาสาวใช้ขานรับคำ
ฮูหยินเปาหลับสนิทไปแล้ว ในห้องก็ไม่มีงานอื่นอีก ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ชิวผิงก็สั่งพวกสาวใช้ให้กลับไปพักผ่อน มีตนเองอยู่ปรนนิบัติในห้องก็พอ
ชิวผิงติดตามฮูหยินเปามานานหลายปี ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากฮูหยินเปาเป็นอย่างมาก เรื่องใหญ่น้อยภายในเรือนจะมอบให้นางจัดการเกือบทั้งหมด บรรดาสาวใช้ยอมรับกลายๆ ถึงสถานะของนางแล้ว ได้ยินนางสั่งการ หลังจากเอ่ยปากขานรับก็แยกย้ายกลับเข้าห้องตัวเอง ภายในห้องจึงเหลือนางเพียงคนเดียว
ผ่านไปอีกสองเค่อ ชิวผิงเงี่ยหูฟังด้านนอกไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว จึงเดินไปข้างโต๊ะรินน้ำหนึ่งถ้วย ล้วงห่อขนาดใหญ่ออกมาจากชายแขนเสื้อเทลงในน้ำ แกว่งถ้วยเล็กน้อย ยกน้ำเดินมาข้างเตียง เอ่ยเรียกฮูหยินเปาเสียงแผ่ว “ฮูหยิน ลุกขึ้นมาดื่มน้ำเถอะเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเปาไม่ขานรับ
ชิวผิงส่งเสียงเรียกอีกสองครั้งติดต่อกัน ฮูหยินเปายังคงหลับสนิท ไม่มีเสียงขานรับ
ชิวผิงวางน้ำไว้บนเก้าอี้เตี้ยข้างเตียง หลังจากเข้าไปประคองตัวฮูหยินเปาขึ้น ก็หยิบถ้วยน้ำ หมายจะกรอกใส่ปากฮูหยินเปา
บานประตูพลันถูกถีบออก เปาอีฝานยืนอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าขุ่นมัว ถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ชิวผิง เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”
ชิวผิงตกใจสะดุ้ง ถ้วยน้ำในมือตกลงพื้น แตกเป็นเสี่ยงๆ ตอบตะกุกตะกัก “คุณ.. คุณชาย ข้ากลัวฮูหยินคอแห้ง คิดจะเอาน้ำให้นางดื่มเจ้าค่ะ”
เปาอีฝานย่างสามขุมเข้ามาในห้องอย่างนิ่งขรึม
ชิวผิงรีบวางฮูหยินเปานอนลง ลุกขึ้นยืนอย่างสั่นผวา
เปาอีฝานมองดูน้ำที่สาดกระเซ็นไปทั่วพื้นแวบหนึ่ง เค้นถามชิวผิง “ปกติท่านแม่ข้าดีต่อเจ้ามาก เหตุใดเจ้าต้องคิดร้ายต่อนาง”
ชิวผิงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “คุณ คุณชาย ท่านพูดอะไร? ข้าฟังไม่รู้เรื่อง”
เปาอีฝานบันดาลโทสะ ยกเท้าถีบใส่ “คนเนรคุณคน เจ้าวางยาพิษท่านแม่ข้าใช่หรือไม่”
ชิวผิงถูกถีบจนล้มกองไปกับพื้น หวีดร้องโอดครวญ หวังจะให้ฮูหยินเปาตื่นขึ้นมา แก้สถานการณ์ให้นาง
ฮูหยินเปายังคงหลับสนิท ราวกับไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใดภายในห้อง
เมื่อคำขอไม่เป็นผล ชิวผิงจำต้องกัดฟันตะเกียกตะกายลุกขึ้นคุกเข่า “คุณชาย ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าท่านพูดเรื่องอะไร? ฮูหยินได้รับโรคไข้ลมมิใช่หรือเจ้าคะ? จะได้รับพิษได้อย่างไร?”
เปาอีฝานถีบใส่อีกครั้ง “จนถึงตอนนี้ยังจะเฉไฉ พูดมา ใครเป็นคนบงการเจ้า?”
ชิวผิงถูกถีบล้มอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้ลุกขึ้น แต่นอนพูดไปบนพื้นอย่างไม่ได้รับความยุติธรรม “ฮูหยินมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ข้าจะวางยานางได้อย่างไร คุณชายใส่ร้ายข้าโดยไร้หลักฐาน ประเดี๋ยวฮูหยินตื่นขึ้นมาจักต้องตำหนิท่าน”
เปาอีฝานยังไม่ทันพูดอะไร เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดังขึ้นหน้าประตู “อยากได้หลักฐานหรือ? ข้าจะให้เจ้า”
ชิวผิงมองไปที่นาง สายตาล่อกแล่ก หมายจะนำสิ่งของในชายเสื้อ ลอบโยนเข้าไปใต้เตียง
“หากเจ้ากล้าขยับ ข้าจะให้คุณชายเปาตัดแขนเจ้า” เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งเสียงข่มขู่
ชิวผิงตกใจตัวสั่นเทิ้ม สิ่งของในชายเสื้อร่วงสู่พื้น
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไป ยกยิ้มมองนางแวบหนึ่ง ก้มตัวหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา
ชิวผิงถูกนางมองจนขนลุกชูชัน ฉวยโอกาสตอนที่เปาอีฝานไม่ระวัง ตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่งออกไปโดยไว
เปาอีฝานและเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขัดขวางนาง
ชิวผิงวิ่งพ้นประตูออกมา ยังไม่ทันได้หายใจ แสงไฟในลานเรือนพลันสว่างจ้า เปาชิงเหอใบหน้าเ**้ยมเกรียมนำกองกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามายืนเต็มลานเรือน มีสาวใช้และบ่าวรับใช้ทั้งหมดยืนขวัญผวาอยู่ด้านข้าง
เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ชิวผิงรู้ว่าถูกจับได้แล้ว หมายจะดิ้นรนเฮือกสุดท้ายก่อนตาย ล้วงกริชสั้นออกมาจากอกเสื้อ กระโดดลอยตัวพุ่งเข้าหาเปาชิงเหอ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนในเรือนไม่มีใครรู้มาก่อนว่าชิวผิงมีวรยุทธ์ ต่างตกตะลึงจังงัง
เปาชิงเหอก็คล้ายจะตะลึงค้าง ลืมเบี่ยงตัวหลบ
พอเห็นว่าใกล้จะทำสำเร็จแล้ว ชิวผิงแสยะยิ้มลำพองใจ
คาดไม่ถึงว่า ตอนที่อยู่ห่างจากเปาชิงเหออีกเพียงฉื่อ[1]เดียว ด้านหลังเปาชิงเหอมีเจ้าหน้าที่นายหนึ่งพุ่งตัวออกมา ยกดาบกวัดแกว่งใส่นาง
ชิวผิงหยุดร่างกะทันหัน ถอยหลังไปหลายก้าว
เปาอีฝานเดินพ้นประตูออกมา เห็นชิวผิงมีวรยุทธ์ เกิดอาการตื่นตะลึงมากกว่าคนทั้งลานเรือน
เปาชิงเหอก็ตกใจไม่น้อย ชิวผิงปิดบังหลบซ่อนอย่างลึกล้ำ อยู่คอยปรนนิบัติข้างกายตนเองและฮูหยินมานานหลายปี พวกเขากลับไม่เคยสังเกตรู้ว่านางมีวรยุทธ์
ชิวผิงยืนนิ่ง คับข้องใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากไหนถึงตอบสนองไวเช่นนี้ เพ่งพินิจมอง กลับไม่รู้จัก ตวาดถามน้ำเสียงฉุนเฉียว “เจ้าเป็นใคร?”
เจ้าหน้าที่ไม่พูดอะไร ยืนเบื้องหน้าเปาชิงเหอคอยปกป้องเขา
ชิวผิงประเมินเขาอย่างละเอียดแวบหนึ่ง โพล่งปากถาม “เจ้าคือองครักษ์หลวง?”
เจ้าหน้าที่นายนั้นไม่โต้ตอบ
เปาชิงเหอและเปาอีฝานกลับยิ่งตกตะลึง
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น หรี่ตาลงมองประเมินเจ้าหน้าที่นายนั้น
คนในลานเรือนมากมายเช่นนี้ เปาอีฝานกลัวชิวผิงจะพูดสิ่งใดออกมาอีก ฉวยโอกาสที่นางหันหลังให้ตัวเอง กระโดดตัวลอยถีบเข้าเต็มรัก
ชิวผิงไม่ได้ระวังตัว ถูกถีบเข้าอย่างจัง ร่างโซเซก้าวไปเบื้องหน้าสองสามก้าว
เปาชิงเหอออกคำสั่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมด “จับตัวนางไว้”
เจ้าหน้าที่ชักมีดดาบข้างเอวออกมา เฮโลเข้าไปพร้อมกัน
แม้ชิวผิงจะมีวรยุทธ์ แต่ก็มิได้สูงส่ง ภายใต้การถูกโจมตีจากเจ้าหน้าที่ ต้านทานได้เพียงอึดใจ ก็ถูกจับกุมอย่างน่าเวทนา
เปาชิงเหอเดินขึ้นหน้า มองนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง โบกมือให้เจ้าหน้าที่ “นำตัวไปขังคุก”
เจ้าหน้าที่สองนายเดินขึ้นหน้า หยิบโซ่ตรวนออกมา คล้องชิวผิงที่ยังดิ้นรนขัดขืน นำตัวไปเข้าคุก
เจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้เอ่ยปากเลยนายนั้นก็ตามออกไปด้วย
เปาชิงเหอหันมองกลุ่มคนในลานเรือน ตวาดเสียงลั่น “สิ่งที่เห็นในคืนนี้ทั้งหมด หลังจากกลับไปแล้วพวกเจ้าจงลืมไปจนสิ้น หากใครกล้าเอ่ยขึ้นลับหลังข้าแม้แต่ครึ่งคำ มีเรื่องแพร่งพรายออกไป ข้าจะตัดหัวสถานเดียว”
สาวใช้และบ่าวรับใช้ต่างตกใจค้างกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เอาแต่ยืนเหม่อไม่ได้สติกลับมา ได้ยินเสียงตวาดของเปาชิงเหอ ต่างลนลานขานรับตัวสั่น “ขอรับ นายท่าน”
“คืนวันนี้ข้ามีธุระ ไม่กลับห้องแล้ว พวกเจ้าดูแลฮูหยินให้ดี เกิดเรื่องอะไรก็ห้ามออกมา” เปาชิงเหอกำชับอีกครั้ง
สาวใช้สองสามคนขานรับ เดินขาสั่นเข้าไปในห้องฮูหยินเปา
เปาชิงเหอโบกมือให้คนที่เหลือถอยออกไป หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “คืนนี้พวกเราจะไปสอบสวนชิวผิงในที่คุมขัง รบกวนแม่นางเมิ่งเข้าไปฟังด้วยเถิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่บอกปัด พยักหน้าตกลง
ทั้งสามคนมาถึงในคุกด้วยกัน
ผู้คุมถูกปลุกขึ้นกลางดึก เกิดอาการหงุดหงิดเคืองขุ่น กระทั่งได้เห็นคนที่ถูกนำตัวมาคือชิวผิงคนสนิทข้างกายฮูหยิน ก็ให้ตะลึงค้าง รีบสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่?
เจ้าหน้ายังตื่นตกใจ ย่อมพูดไม่ออก พูดเพียงว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ชิวผิงที่ปกติดูเป็นสาวน้อยอรชรบอบบางนางหนึ่ง กลับมีวรยุทธ์ ไม่เพียงเกือบจะฆ่านายท่าน ยังต้านทานการล้อมโจมตีของเหล่าเจ้าหน้าที่ได้ครู่ใหญ่ถึงถูกจับกุมตัว
ผู้คุมได้ฟังต่างพินิจมองชิวผิงอย่างละเอียด พบว่านางก็ยังเป็นชิวผิงคนเดิม ทั้งมิได้ถูกสับเปลี่ยนตัวและมิได้แปลงโฉม ก็ยิ่งให้ตะลึงลาน ซักถามเจ้าหน้าที่ว่าจะพานางมาเข้าคุกหรือคุมตัวไปห้องสอบสวน
เจ้าหน้าที่ตอบว่าย่อมต้องพานางไปห้องสอบสวน ประเดี๋ยวนายท่านและคุณชายจะเข้ามา
พวกเปาชิงเหอทั้งสามคนเข้ามาในคุก เดินตรงมาที่ห้องสอบสวน
ชิวผิงถูกล่ามโซ่คุกเข่าอยู่บนพื้น
เปาชิงเหอนั่งบนโต๊ะสอบสวน เปาอีฝานและเมิ่งเชี่ยนโยวนั่งข้างเขาคนละฝั่ง
เปาชิงเหอพูดขึ้น “ชิวผิง เห็นแก่ที่เจ้าทุ่มเทปรนนิบัติข้าและฮูหยินมานานหลายปี ข้าจะไม่ใช้วิธีการทรมานเจ้า เจ้าจงสารภาพมาตามความจริงเหตุใดถึงต้องวางยาพิษฮูหยินของข้า?”
ชิวผิงทำเหมือนไม่ได้ยิน นิ่งเงียบไม่ปริปาก
เปาชิงเหอถามขึ้นอีกครั้ง
ชิวผิงยังคงไม่ตอบสนอง
เปาอีฝานเดือดดาล เดินไปตรงหน้า ใช้เท้าถีบจนนางล้มกลิ้งไปสองรอบ “รีบพูด ใครกันแน่ที่ส่งเจ้ามาวางยาพิษท่านแม่ข้า?”
ชิวผิงถูกถีบล้มไปกองกับพื้น หากไม่ได้ตะเกียกตะกายลุกขึ้น กลับหัวเราะเยาะหยัน “ตอนนี้ข้าตกอยู่ในกำมือพวกเจ้าแล้ว จะฆ่าจะแกงก็เชิญตามสบาย อยากรู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังข้า พวกเจ้าฝันไปเถอะ”
อย่างไรเปาอีฝานก็ยังเด็ก พอคิดว่าตัวเองถูกหลอกอำพรางมาหลายปี กลับไม่เคยรู้เลยว่าชิวผิงมีวรยุทธ์ ทั้งมารดาก็เกือบถูกนางวางยาพิษจนตาย ไฟโทสะลุกพรึบในใจ เกรี้ยวกราดเสียงลั่น “อยากตาย คิดง่ายเกินไปแล้ว วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ก็เหมือนตาย ตายก็เหมือนอยู่”
พูดจบ ชักมีดดาบข้างเอวเจ้าหน้าที่ ฟันฉับไปที่มือชิวผิง
ชิวผิงกรีดร้องโหยหวน นิ้วมือสองนิ้วร่วงหล่นพื้น
แม้เปาอีฝานจะเป็นบุตรชายท่านนายอำเภอ แต่เวลาอยู่ในบ้านไม่เคยวางอำนาจบาตรใหญ่กับใคร ปกติเป็นคนที่เข้าหาง่าย ไม่ว่าใครมีเรื่องมาขอร้อง ขอเพียงไม่ใช่เรื่องที่เกินกว่าเหตุ เขาจะพยายามช่วยจัดการให้อย่างสุดกำลัง ดังนั้นบรรดาเจ้าหน้าที่และผู้คุมต่างประทับใจในพฤติกรรมของเขาเป็นอย่างมาก นึกว่าเขาเป็นคนนิสัยอ่อนโยน ตอนนี้ได้มาเห็นอีกด้านที่อำมหิตโหดเ**้ยมของเขากะทันหัน ต่างตกตะลึงพรึงเพริด มีเจ้าหน้าที่บางคนถึงกับคิดว่าตนเองได้เคยทำสิ่งใดล่วงเกินเขาหรือไม่
ชิวผิงเจ็บจนกลิ้งไปมากับพื้น
เปาชิงเหอทำเหมือนไม่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาสงบนิ่งเช่นนี้ หรี่หลุบนัยน์ตา
เปาอีฝานยังไม่หายแค้น ใช้มีดชี้ชิวผิง ตวาดถาม “จะพูดไม่พูด?”
ชิวผิงเจ็บจนเหงื่อซึมไปทั้งร่าง พูดอะไรไม่ออก
เปาอีฝานยกมีดดาบขึ้นอีกครั้ง
บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างทนดูไม่ได้หลับตาปี๋
“ช้าก่อน!” เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งเสียงร้อง
เจ้าหน้าที่ลืมตาขึ้น
เปาอีฝานหันศีรษะกลับมาอย่างกังขา
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มพูด “คุณชายเปา ท่านช่างไม่รู้จักทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรีบ้าง เหตุใดถึงกระทำเรื่องโหดเ**้ยมเช่นนั้นต่ออิสตรีได้เล่า?”
เปาอีฝานพลันไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหน ไม่ได้พูดอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ท่านทำเช่นนี้อำมหิตเกินไป จะทำให้คนอื่นตื่นตกใจได้ ให้ข้าจัดการเถอะ เป็นผู้หญิงด้วยกัน อย่างไรก็พูดกันง่ายกว่า”
เปาอีฝานเคยเห็นวิธีการของนาง จึงคืนมีดดาบในมือให้เจ้าหน้าที่ เดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้
เปาชิงเหอไม่ได้พูดอะไร มองดูพฤติกรรมของเมิ่งเชี่ยนโยวเงียบๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างกายชิวผิง ย่อตัวนั่งยอง พูดเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “แม่นางชิวผิง เจ้ายอมบอกผู้อยู่เบื้องหลังแต่โดยดีเถอะ เจ้าดูอาการของคุณชายเปา หากเจ้าไม่พูด เขาได้ตัดนิ้วมือเจ้ากุดไปทั้งแถบแน่ ถึงตอนนั้นแม้แต่ข้าวก็กินไม่ได้ ได้อดตายทั้งเป็นแน่”
ชิวผิงสั่นระริกไปทั้งร่าง กลับยังกัดฟันพูดว่า “เมื่อพวกเจ้ารู้ว่าเป็นข้าแล้ว ก็ไม่มีทางให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อ ช้าเร็วก็ต้องตาย ข้าไม่มีวันบอกเจ้าเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวชูนิ้วชี้ ยื่นออกไปแกว่งไกวเบื้องหน้านาง “แม่นางชิวผิงพูดผิดแล้ว ตายกับตายก็ยังมีความแตกต่าง หากเจ้าบอกพวกเราว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พวกเราจะให้เจ้าตายอย่างสบาย ไม่ให้เจ้าต้องทุกข์ทรมาน หากเจ้าไม่พูด เกรงว่าเจ้าจะต้องทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตาย”
ชิวผิงแค่นเสียงหึ กัดฟันแน่นไม่ปริปาก
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ดูจากพฤติกรรมทั้งหมดของแม่นางชิวผิง คงจะได้รับการฝึกฝนพิเศษมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่อยู่ข้างกายฮูหยินเปาได้อย่างยาวนานโดยไม่ถูกจับได้เช่นนี้ เช่นนั้นเจ้าคงรู้ดีว่าวิธีการลงทัณฑ์คนมีหลากหลายแบบ ไม่ทราบว่าเจ้าอยากลองแบบไหนก่อน?”
ชิวผิงเบิกตาโพลงอย่างหวาดผวา มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เชื่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวคลี่ยิ้มมองกลับนาง
ชิวผิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ใคร่ครวญครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว พูดว่า “ข้าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น เชิญพวกเจ้าจัดการตามใจเถอะ”
[1] ฉื่อ (尺) มาตรวัดของจีน โดย 1 ฉื่อจะเท่ากับ 1 ฟุตหรือ 10 นิ้วของจีน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น