ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 205-208

 บทที่ 205 เจ้าตัวใหญ่ที่ลงมาจากเขา

โดย

Ink Stone_Fantasy

เห็นฉินสือโอวกำลังหยอกล้อกับวาฬเบลูกา บิลลี่เริ่มอ้าปากค้าง


ฉินสือโอวผิวปากหนึ่งที จากนั้นยื่นนิ้วชี้และนิ้วกลางออกมาวาดคำว่า ‘2’ ในอากาศ วาฬเบลูกากระโดดในน้ำหนึ่งที อ้าปากออกแล้วพ่นน้ำออกมา 2 ครั้ง ‘พวู่ว พวู่ว’


บิลลี่อ้าปากกว้างกว่าเดิม ฉินสือโอวชี้ไปที่เขา วาฬเบลูกาพุ่งไปหาเขาอย่างรวดเร็ว ยื่นหน้าออกมาจากน้ำและพ่นน้ำทะเลใส่เขา


น้ำทะเลที่มีรสชาติทั้งเค็มและขมเข้าไปในปาก บิลลี่อ้าปากกว้างขึ้นไปอีก!


ฉินสือโอวหัวเราะ ทำท่ากินอาหาร วาฬเบลูกาดำลงไปในน้ำอย่างร่าเริง ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็วนกลับมาพร้อมกับปลาแฮร์ริ่งมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีความยาวกว่า 20 เซนติเมตรในปาก……


หลังจากนั้นบิลลี่ไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อกลับไปถึงฟาร์มปลา เขาจับไหล่ของฉินสือโอวส่ายไปมาราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน และพูดว่า “ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ! นี่ไม่ใช่เรื่องจริง! วาฬเบลูกาจะเชื่อฟังนายได้อย่างไรกัน? มันฉลาดเช่นนี้เชียวเหรอ?! ฉันไม่เชื่อ!”


ฉินสือโอวยักไหล่และพูดว่า “ถ้าฉันบอกว่าวาฬเบลูกาเป็นผู้พบเรือดังเคิลออสเตียส นายน่าจะยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่”


บิลลี่นั่งลง และพึมพำ “พระเจ้า พ่อที่ศักดิ์สิทธิ์ของฉัน พ่อคนเดียวของฉัน พระเจ้าองค์เดียวในโลก โปรดยกโทษในบาปของฉันด้วย สิ่งที่ฉันได้พบได้เห็นก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตาของท่านเท่านั้น บนโลกนี้มีเรื่องปาฏิหาริย์ ในที่สุดท่านก็แสดงปาฏิหาริย์ของท่าน อาเมน!”


ฉินสือโอวรู้สึกงงงวย ทำไมเจ้านี่จู่ๆ ก็เริ่มอธิษฐานล่ะ?


บิลลี่พึมพำอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นวาดไม้กางเขนตรงอก จากนั้นถอนหายใจและพูดว่า “ฉิน ขอบคุณนายมาก ฉันเคยสงสัยในพระเจ้า ฉันเกือบจะก้าวลงเหวแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่ให้นายมาช่วยฉัน……”


“อะไรกัน อะไรกัน?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ เจ้านี่ประสาทหรือเปล่า?


บิลลี่จับเขาไว้ และพูดอย่างตื้นตันใจว่า “วาฬเบลูกาตัวนั้นยังไงล่ะ มันก็คือปาฏิหาริย์ มันเป็นแกะที่พระเจ้าส่งมาช่วยฉัน! หากพระเจ้าไม่ได้สร้างมัน มันจะฉลาดแบบนี้ได้ไง?!”


ฉินสือโอวเกือบจะเป็นลม นี่มันอะไรกัน? เขารีบตัดเข้าประเด็นสำคัญว่า “ฟังนะ บิลลี่ ฉันมีบอลหิมะ บอลหิมะสามารถไปทั่วทุกสารทิศในมหาสมุทร มันใช้ดีกว่าเครื่องตรวจจับทุกประเภท อย่างนี้เราสามารถร่วมมือกันได้ นายบอกตำแหน่งโดยประมาณของซากเรืออับปาง ฉันให้บอลหิมะไปหาตำแหน่งที่แน่ชัด จากนั้น เมื่อหาซากเรืออับปางเจอ เราก็จะทำการกู้ได้ เข้าใจไหม?”


บิลลี่กล่าวว่า “ได้ยังไงกันล่ะ วาฬเบลูกาตัวนั้นเป็นตัวแทนของพระเจ้า……”


“เจ้าโง่ จุดประสงค์ที่พระเจ้าส่งมันมายังโลกใบนี้ นายคิดว่าเพียงเพื่อมาช่วยจิตวิญญาณอันน่าสงสารของนายหรอกเหรอ? ท่านยังต้องใช้บอลหิมะเป็นตัวกลาง ในการทำให้ซากเรืออับปางปรากฏบนโลกใบนี้!”ฉินสือโอวรีบเปลี่ยนวิธีการพูด


เขาคิดว่าบิลลี่ต้องเคยทำสิ่งเลวร้ายมากมายเป็นแน่ ตอนนี้เมื่อได้เห็นบอลหิมะ จึงคิดว่าน่าเป็นความปาฏิหาริย์ของพระเจ้า ชาวตะวันตกชอบทำเรื่องแบบนี้ที่สุด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องโยงไปถึงพระเจ้า


แต่แน่นอนว่า พระเจ้าก็สู้แฟรงกลินไม่ได้(รูปปั้นที่มีมูลค่ากว่าหนึ่งร้อยดอลลาร์) เมื่อบิลลี่สงบสติอารมณ์ลง เขาคิดว่าก็จริงอย่างที่พูด เมื่อมีบอลหิมะที่แสนฉลาดและทรงพลัง โอกาสที่พวกเขาจะเจอซากเรืออับปางก็เพิ่มขึ้น


สิ่งที่ยากที่สุดในการกู้ซากเรืออับปางคืออะไร? ความลำบากในการทำงานใต้ทะเลลึกเหรอ? วิธีการป้องกันวัตถุโบราณกับปัญหาการเกิดออกซิเดชันหลังกู้มันขึ้นมาเหรอ? ไม่ ไม่ใช่ทั้งสิ้น ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือจะพบซากเรืออับปางได้อย่างไร!


มีซากเรืออับปางมากมายบนโลกใบนี้ แต่ละปีสามารถกู้ออกมาได้เพียงน้อยนิด เหตุผลก็คือความยากในการค้นหาตำแหน่งที่แน่ชัดของมัน การกู้ซากเรืออับปางที่มีชื่อเสียงในโลก ก็ล้วนแต่ใช้เวลานานหลายปีจึงจะเสร็จสมบูรณ์


ดังเช่นการกู้เรือรบเมอซี่ของโอดิสซีย์ในครั้งนี้ พวกเขาใช้เวลานานสี่ปีในการกำหนดตำแหน่งที่แน่ชัดของมัน แต่การค้นพบและกู้ ใช้เวลาเพียงสองเดือนครึ่งเท่านั้น!


ฉินสือโอวบอกแผนของตนให้บิลลี่ฟัง “บิลลี่ นายทำงานให้ตระกูลของนาย ได้รับผลประโยชน์อะไรบ้าง? มากสุดก็โบนัสนิดหน่อย! ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว นายมีวิธีการและเครือข่ายที่จะได้มาซึ่งตำแหน่งที่ตั้งของซากเรืออับปางลำใหญ่ ส่วนฉันสามารถหาซากเรือเหล่านั้นเจอ”


“หลังจากนั้น เรากู้สมบัติในเรืออับปาง แล้วร่วมมือกับเบลคและอลัน คนหนึ่งดูแลเรื่องการจำหน่ายผ่านงานประมูล อีกคนจัดการเรื่องเงินให้เราผ่านธนาคาร” พรรคพวก อยากรวย อย่ามักง่ายเกินไป!”


บิลลี่ถูกโน้มน้าวสำเร็จ ใช่แล้ว นี่เป็นแผนการที่ไม่เลว เขาคิดไตร่ตรองอยู่ครึ่งชั่วโมง แล้วพยักหน้าเห็นด้วย “นายพูดถูก ฉิน นี่เป็นแผนที่ไม่เลว ฉันคิดว่าเราสามารถทำแบบนี้ได้”


ความจริงแล้วฉินสือโอวไม่ได้ต้องการเงินมากขนาดนั้น แต่ก็ตามที่เขาได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ ใครจะคิดว่าตัวเองมีเงินมากเกินไปล่ะ? อีกอย่าง ในอนาคตข้างหน้าเขาจำต้องพบซากเรืออับปางอีก เขาคงไม่ทำเป็นไม่เห็นแล้วเก็บไว้ให้รุ่นหลังใช่ไหม? สู้กู้ขึ้นมาเองดีกว่า


อย่างนี้ การกู้สมบัติครั้งที่หนึ่งของเขาสามารถใช้ความโชคดีในการอธิบายได้ แล้วครั้งที่สองล่ะ? ครั้งที่สามล่ะ? ครั้งที่ห้าครั้งที่สิบล่ะ?


หากมีบริษัทกู้ซากเรือและระบบจัดการขุมทรัพย์ที่สมบูรณ์ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องง่าย


สำหรับความถี่ในการพบเจอเหรอ? ฮ่าๆ ฉินสือโอวไม่สนใจหรอก


วันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญา บิลลี่นำเอาบันทึกกัปตันเรือดังเคิลออสเตียสกลับไปด้วย และทิ้งสัญญาโบนัส 15% ไว้


หากเป็นไปตามคาด ฉินสือโอวสามารถทำเงินได้เกือบ 20 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยมือเปล่า!


เมื่อหาเงินได้ง่ายเช่นนี้ ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่าตนกำลังเพ้อฝัน เมื่อก่อน เขาใช้สมองไปกับการได้มาซึ่งเงินสองพันหยวน แต่ตอนนี้ เพียงแค่บันทึกเล่มหนึ่งและหนึ่งความคิด เขาก็สามารถได้มาซึ่ง 20 ล้าน มิหนำซ้ำยังเป็นดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย!


เมื่อส่งบิลลี่กลับ ฉินสือโอวนั่งตากลมและดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ บนหาด เพลิดเพลินกับความสงบที่มีมาไม่บ่อยนัก


วินนี่นั่งอยู่ใต้ร่มบังแดดอีกคันและกำลังจัดการกับขนของหู่จือและเป้าจือ ตอนนี้พวกมันดูตลกมาก ขนส่วนหัวและเท้าทั้งสี่ยังคงยาวเหมือนเดิม แต่ขนบนตัวกลับสั้นลงหนึ่งเท่า


อย่างไรก็ตาม แม้จะดูน่าเกลียด แต่มีประสิทธิภาพสูง กลางวันแสกๆ ทั้งหู่จือและเป้าจือต่างไม่ได้แลบลิ้น นอนราบอยู่ข้างๆ วินๆ ปล่อยให้เธอจัดการกับขนของพวกมัน


ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เด็กทั้งสี่ไม่มีเรียน กอร์ดอนและมิเชลหยอกล้อกันในน้ำ เชอร์ลี่ย์อ่านหนังสือแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจเรียน ส่วนมิเชลนั้นสวมหมวกแข่งรถ แว่นกันแดด ใส่เสื้อยีน กำลังเพลิดเพลินกับรถเอทีวี


ฉินสือโอวกำลังพักผ่อน และจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้อง ‘อู้ว อู้ว’ เขารู้ในทันทีว่าเป็นเสียงของฉงต้า จึงรีบลุกขึ้น


จากทางทิศตะวันออกของบ้านพัก ฉงต้าวิ่งกลับมาอย่างรีบร้อน วิ่งไปด้วยมองไปหันหลังและส่งเสียงร้องไปด้วย


หู่จือและเป้าจือลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งตรงไป ส่งเสียงร้องตาม “โฮ่งๆๆ โฮ่งๆๆ”


วินนี่ถาม “เกิดอะไรขึ้น?”


ฉินสือโอวทำหน้างงงุนและพูดว่า “เหมือนว่าจะมีตัวอะไรเข้ามาในฟาร์มปลา ขอให้ไม่ใช่หมาป่า ให้ตายเถอะ! ฉันต้องไปดูเสียหน่อยแล้วล่ะ!”


วินนี่ดึงเขาไว้ และรีบพูดขึ้นว่า “พระเจ้า คุณเอาปืนไปด้วยสิ……”


ฉินสือโอวเขาเธอพร้อมหอมเธอหนึ่งที พูดว่า “วางใจเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”


พูดจบ เขาตะโกนเสียงดังไปทางประตูบ้านพัก “อีวิลสัน หยิบปืน มากับฉัน!”


อีวิลสันที่กำลังกินเนื้อลาแห้งในที่ร่มตรงประตูรีบลุกขึ้น เขาเข้าไปในบ้านเอา AR-15 และเรมิงตัน M870 ของฉินสือโอวออกมา แล้วก้าวขาวิ่งอย่างรวดเร็ว


ฉินสือโอวกำลังจะวิ่ง พาวลิสขับซีบิสกิตหักโค้งเข้ามาแล้วพูดว่า “ลุงฉิน ขึ้นรถ เดี๋ยวผมไปส่ง!”


แม้ซีบิสกิตจะเป็นรถเอทีวีขนาดเล็ก แต่ล้อหลังทั้งสองสูงพอสมควร ขั้นบนมีแผ่นกันชนที่ทำจากเหล็ก สามารถนั่งได้ ฉินสือโอวขึ้นไปนั่งพร้อมรับ AR-15 มาด้วยความเคยชิน แต่อีวิลสันขึ้นไปไม่ได้ เขาโบกมือเอา AR-15 กลับคืนมาแล้วส่งเรมิงตันให้เขา และพูดว่า “หมูป่า อันนี้! อันนี้แรง!”


ข้างๆ ฉงต้าหายใจแรงมาก มันกอดล้อรถไว้และอยากปีขึ้นไป แต่ไม่ว่ามันจะพยายามแค่ไหนก็เสียแรงเปล่า ขาสั้นๆ ของมันพยายามปีนป่ายแต่ปีนขึ้นไปได้เพียงครึ่งเมตรก็ร่วงลงมา


ฉินสือโอวรู้สึกจนปัญญา จึงดึงฉงต้าขึ้นไปอีกฟากหนึ่งของรถ เมื่อเห็นเช่นนี้ พาวลิสเหยียบคันเร่งเปลี่ยนเกียร์เพื่อเร่งความเร็ว ซีบิสกิตวิ่งออกไปอย่างสงบ ฉินสือโอวใส่กระสุนปืนเข้าไปทีละนัด ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไม่นานก็ไปถึงฟาร์มปศุสัตว์


ห่างกันตั้งไกล เขาเห็นร่างใหญ่สองร่างเดินวนอยู่ตรงฟาร์มปศุสัตว์และส่งเสียงร้อง ‘หึ่ง หึ่ง’ ส่วนไก่และเป็ดที่อยู่ข้างในก็ส่งเสียง ‘กุก กุก’ ไม่หยุด เห็นได้ชัดว่ากลัวกันอย่างมาก


เจ้าร่างใหญ่สองตัวนี้ร่างกายสีน้ำตาล มีขนยาวปกคลุมตัว และมีฟันแหลมคมสีส้ม สี่ขาของมันดูยาวและแข็งแกร่งมาก ร่างของมันใหญ่เท่าบานประตู มันคือหมูป่าสองตัวที่วิ่งลงมาจากเขา


ไม่รู้ว่าทำไมหมูป่าสองตัวนี้จึงลงจากเขามาในวันที่อากาศร้อนจัดเช่นนี้ คาดว่าน่าจะเดินมาตามแม่น้ำ เมื่อเห็นฟาร์มปศุสัตว์ ก็อยากจะบุกเข้าไป


อย่างไรก็ตาม ฟาร์มปศุสัตว์ถูกซีมอนสเตอร์และชาร์คปิดตายด้วยลำต้นขนาดใหญ่และมีความสูงเท่าคน พวกมันวนอยู่หลายรอบก็ไม่พบกับทางเข้า


เมื่อได้ยินเสียงของซีบิสกิต หมูป่าตัวหนึ่งหันมามองด้วยความระมัดระวัง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เผยให้เห็นฟันที่แหลมคม หมูป่าอีกตัวดูแข็งแกร่งยิ่งกว่า เมื่อมันหาทางเข้าฟาร์มปศุสัตว์ไม่พบ ก็เริ่มวิ่งไปกระแทกรั้วไม้


……………………………………….


บทที่ 206 ฉงต้าทำผลงาน

โดย

Ink Stone_Fantasy

อากาศร้อนเกินไป ดูเหมือนหมูป่าก็เดือดดาลเป็นพิเศษ


เสียงของซีบิสกิตไปกระตุ้นหมูป่าตัวใหญ่สองตัวเข้า ตัวหนึ่งเงยหน้าขึ้นแล้วพุ่งตรงเข้ามา


ใจของฉินสือโอวหล่นไปที่ตาตุ่ม!


ก่อนหน้านี้ ฉินสือโอวขึ้นไปล่าหมูป่าบนภูเขาสองครั้ง ในตอนนี้มีผู้คนจำนวนมาก อีกอย่างพวกเขาทำการซุ่มโจมตีหมูป่า จึงไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวของมัน


ตอนที่หมูป่าเข้าปะทะจากด้านหน้า เขาเพิ่งรู้สึกถึงความน่ากลัวของมัน


ไม่แปลกใจในตอนที่อยู่ประเทศจีน เมื่อพรานล่าสัตว์อาวุโสพูดถึงสัตว์ป่ามักจะพูดว่า ‘หมูหนึ่งหมีสองเสือสามหมาป่าสี่’ หมูป่าที่เจริญเติบโตเต็มที่จะมีความยาวกว่าสองเมตร ทั้งตัวถูกปกคลุมด้วยขน ตอนโจมตีด้วยลักษณะท่าทางที่ดุดัน ก็เหมือนรถถังเคลื่อนที่คันหนึ่ง


เมื่อกองทัพทั้งสองรบกัน พละกำลังคืออันดับหนึ่ง


เมื่อปะทะกันซึ่งๆ หน้า ฉินสือโอวกลับกลัวหมูป่าจนนิ่งไปเลย พาวลิสยิ่งไม่ต้องพูดถึง เจ้าเด็กนี่เหยียบเบรกด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก และลืมไปว่าต้องเลี้ยวรถเพื่อเลี่ยงหมูป่า


เมื่อเห็นหมูป่าพุ่งเข้ามา ฉงต้าที่นอนอยู่บนรถจ้องด้วยสายตากริ้วโกรธ มันกระโดดลงบนพื้นจากนั้นใช้เท้าข่วนบนพื้นดินอย่างแรง ร่างอ้วนท้วนเป็นเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่ มันส่งเสียงร้องและกระโจนใส่หมูป่าตัวนั้น!


ใช้เวลาเพียงสองสามวินาทีเท่านั้น แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ฉงต้าและหมูป่าก็เริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือด


หากปะทะกันซึ่งๆ หน้า แม้ฉงต้าไม่ถูกชนเจียนตายก็ต้องพิการ เนื่องจากหมูป่าทรงพลังมากและมีฟันที่แหลมคม ฉงต้าเป็นเพียงหมีขนาดกลาง จะสู้กับหมูป่าซึ่งๆหน้าได้อย่างไร?


ฉินสือโอวกลัวมากจนรู้สึกโมโห จึงตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า “ลูกรัก กลับมา……”


ฉงต้าพุ่งไปอยู่ตรงหน้าหมูป่า แต่ในวินาทีสุดท้ายที่จะแตะพื้น เขาบิดตัวออกอย่างคิดไม่ถึง จากการประจันหน้ากันกลายเป็นการบิดตัวหนี จากนั้นไหล่ของมันไปอยู่ตรงช่วงคอของหมูป่าพอดี!


ขณะเดียวกัน ตอนที่ฉงต้าชนเข้ากับหมูป่านั้น มันยกอุ้งเท้าขวาขึ้นอย่างกะทันหัน ตบไปที่คอของหมูป่าอย่างรวดเร็ว


“ปั้บ!”ทั้งสองฝ่ายชนเข้าด้วยกัน และต่างก็กระเด็นออกไป ฉงต้าลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศและตกลงมา ส่วนหมูป่าตัวนั้นก็กระเด็นออกไปกว่าหนึ่งเมตร


หมูป่าถูกชนจนหงายท้อง จากนั้นโซเซลุกขึ้น ฉินสือโอวถือโอกาสนี้ เล็งไปที่หัวของมัน


‘ปั้ง!’ปากกระบอกปืนเรมิงตันพ่นประกายไฟ หมูป่าที่เพิ่งลุกขึ้นยืนถูกกระสุนปืนเข้าแล้วลืมลงกับพื้น


ฉินสือโอวพยายามควบคุมความตื่นเต้นในใจ หลังจากระเบิดหัวของหมูป่าตัวที่ชนฉงต้าแล้วก็เล็งไปที่หมูป่าอีกตัว กระสุนปืนที่เหลือสาดออกไปเกือบทั้งหมด จนหมูป่าตัวนั้นหงายหลัง ครึ่งซีกของมันได้กลายเป็นกระชอน


เมื่อเห็นว่าหมูป่าสองตัวไม่น่าจะมีชีวิตรอด ฉินสือโอวก็โล่งอกไปที เขาวิ่งไปหาฉงต้าอย่างกระวีกระวาด ฉงต้าลุกขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเห็นฉินสือโอว ก็ส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสารหนึ่งครั้ง และยื่นอุ้งเท้าออกมา


ฉินสือโอวกอดฉงต้าไว้ เขาตรวจเช็คร่างกายของฉงต้าคร่าวๆ ครั้งนี้ฉงต้าได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ผิวตรงไหลแดงและมีเลือดซึมออกมา ปากก็เบี้ยวเล็กน้อย นี่เป็นสิ่งที่เขาเป็นห่วงมากที่สุด แต่แล้วเมื่อฉงต้าขยับปาก ‘จึ้บ จึ้บ’ ปากก็กลับมาตรงอีกครั้ง


เป็นเวลานานพอสมควร นีลเซ็นก็ขับโพราริสรถเอทีวีมาพร้อมกับอีวิลสัน เขากระโดดลงจากรถไปดูหมูป่าสองตัว หลังจากที่มั่นใจว่าตายแล้วก็พูดกับฉินสือโอวว่า “บอส คุณบ้าบิ่นเกินไปแล้ว! คุณไม่ควรมาคนเดียว จะทำให้คุณตกอยู่ในอันตรายได้ง่าย! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ต้องให้ทุกคนมาช่วยกันแก้ปัญหาสิ!”


ฉินสือโอวรู้สึกเป็นห่วงฉงต้า จึงตะโกนไปว่า “ใครจะไปรู้ว่าจะเจอหมูป่าสองตัวล่ะ? ให้ตายเถอะ รีบกลับกันเถอะ ฉันจะทำแผลให้ฉงต้า!”


เมื่อได้ยินเช่นนี้ นีลเซ็นรู้สึกตกใจ เขารีบเดินมาดูและโล่งอกไปที แล้วพูดว่า “หนังถลอก สำหรับหมีน้ำตาลแล้วเป็นเรื่องปกติ เมื่อครู่ฉงต้าชนหมูป่าด้วยด้านข้างเหรอ?”


ฉินสือโอวพยักหน้าและถามว่า “ทำไม?”


นีลเซ็นลูบหัวของฉงต้าพร้อมรอยยิ้ม และชื่นชมว่า “เก่งจริงๆ ตัวเล็กแค่นี้ก็รู้จักใช้ด้านข้างในการชนคู่ต่อสู้ โดยทั่วไปแล้วนี่เป็นวิธีการจู่โจมของหมีสีน้ำตาลตัวเต็มวัย หมีสีน้ำตาลเล็กคิดไม่ได้หรอก”


ฉินสือโอวกอดฉงต้าไว้แน่นและใช้หน้าผากถูกับขนฟูๆ ของมัน แล้วพูดอย่างพึงพอใจว่า “แน่นอน ฉงต้าของฉันเป็นเด็กฉลาด”


กลับถึงบ้านพัก บรรยากาศวุ่นวายอีกครั้ง วินนี้ตกใจที่เห็นฉงต้าบาดเจ็บ เอาชุดปฐมพยาบาลมาและใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อเสียก่อน จากนั้นฉีดสเปรย์ห้ามเลือด แล้วพันด้วยผ้าก๊อซ


เมื่อครู่แม้ฉงต้าจะถูกหมูป่าชนจนกระเด็นก็ได้ส่งเสียงกรีดร้อง แต่ตอนนี้ใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ กลับร่ำไห้คร่ำครวญ


ดูเหมือนว่า ไม่ว่าคนหรือสัตว์ การฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ล้วนเป็นความเจ็บปวดที่ยากที่จะทนได้


ฉินสือโอวไปเอาผลเบอร์รี แอปเปิล สาลี่และแตงโตมา ใช้เมเปิลไซรัปและครีมทำผลไม้สลัดชามใหญ่ให้ฉงต้าและยกมาไว้ตรงหน้ามัน ดูเหมือนว่าครั้งนี้ฉงต้าจะเจ็บหนัก ไม่แม้แต่จะหันมองผลไม้สลัดที่เป็นของโปรด อ้าปากกว้างและส่งเสียงครวญคราง ตาเล็กๆ ของมันกะพริบพร้อมน้ำตา


วินนี่เช็ดน้ำตาให้มัน จับหูเล็กๆ ของมันเบาๆ และพูดว่า “ฉงต้าเด็กดี เด็กกล้าหาญ ไม่ร้องแล้วดีไหม?”


ต้าป๋ายคลานไปเลียผ้าก๊อซบนตัวฉงต้า ถือเป็นการปลอบใจฉงต้า ฉินสือโอวกลัวจะติดเชื้อแบคทีเรีย จึงอุ้มต้าป๋ายลงมา วางผลไม้สลัดตรงหน้าต้าป๋ายและพูดกับฉงต้าว่า “ลูกรัก ถ้าแกไม่กินจะให้ต้าป๋ายกินแล้วนะ”


ฉงต้าฟังที่ฉินสือโอวไม่ออก แต่รู้สึกได้ถึงความหิวโหยของต้าป๋ายและครอบครัวของกระรอกดิน มันจึงรีบยกชามมาไว้ระหว่างขา ฉินสือโอวเป็นคนป้อนผลไม้ให้มัน มันจึงได้หยุดร้องครวญคราง


อีวิลสันและนีลเซ็นนำหมูป่ากลับมาด้วย พร้อมกับลูกหมูป่าอีก 7 ตัว ลูกหมูป่าเหล่านี้มีขนาด 30 – 40 เซนติเมตร ส่งเสียงร้องและต้องการหนี แต่น่าสงสารที่ถูกมัดคอเอาไว้ ถูกขังไว้รอบๆ รถ


“ทำไมมีลูกหมูป่าด้วยล่ะ”ฉินสือโอวถาม


นีลเซ็นหัวเราะ “ฉันเป็นมีตัวเมียตัวหนึ่ง ก็เลยเดาว่าน่าจะมีลูกหมูอยู่รอแถวนั้นด้วย และเมื่อลองหาดู ก็เจอจริงๆ ”


ชาร์คที่ตามมาทีหลังพูดว่า “เย็นนี้มีลาภปากแล้วล่ะ ลูกหมูป่าเป็นของหายาก ซึ่งมีค่ากว่าหมูป่ามาก”


หมูป่าตัวเต็มวันนั้นเป็นสัตว์ป่าขนาดใหญ่ เวลาพวกมันออกหาอาหารหรือเคลื่อนไหวจะเสียงดังมาก หากต้องการหาพวกมันให้เจอ นำสุนัขล่าสัตว์ไปด้วยก็จะเจอได้ง่ายๆ สำหรับลูกหมูป่านั้นหายากกว่ามาก ปกติแล้วพวกมันจะถูกซ่อนโดยพ่อแม่ เคลื่อนไหวในพื้นที่เล็กๆ เท่านั้น เนื่องจากตัวเล็กและว่องไว จึงยากที่จะหาพวกมันเจอ


หลังจากที่ซีมอนสเตอร์สำรวจครอบครัวหมูป่าแล้ว เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าฤดูหนาวปีนี้จะเกิดหายนะหมู ปีก่อนๆ ไม่มีใครขึ้นไปล่าหมูป่า ผมคิดว่าหมูป่าท่วมท้นไปหน่อย ครอบครัวหมูป่านี้น่าจะหาอาหารไม่ได้บนภูเขา จึงเดินลงมาตามแม่น้ำเพื่อหาอาหาร และพบกับฟาร์มปศุสัตว์”


นีลเซ็นและอีวิลสันแบกหมูป่าสองตัวขึ้น และลากลูกหมูป่าไปด้วย แล้วพูดว่า “คืนนี้กินหมูหันกันก่อนไหม?”


ฉินสือโอวคิดทบทวนแล้วพูดว่า “ส่วนลูกหมูป่า เราเลี้ยงไว้ก่อนเป็นไง? เลี้ยงสักครึ่งปีค่อยกิน”


ชาร์คหัวเราะ “ไม่จำเป็นหรอกครับบอส หากคุณอยากกินหมูป่า ในป่ามีไม่น้อย ดูทรงปีนี้แล้ว เรายังต้องขึ้นไปล่าหมูป่าในฤดูหนาว”


ฉินสือโอวโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ได้หมายถึงอย่างนี้ เนื้อหมูป่าไขมันน้อย เราเลี้ยงระยะหนึ่ง อย่างนี้เนื้อหมูจะกำลังพอดี และอร่อยด้วย”


เมื่อคนอื่นๆ คิดพิจารณาก็เห็นว่าเป็นจริงอย่างที่พูด นีลเซ็นกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเราเอาหมูป่าไปเลี้ยงในฟาร์มเถอะ”


ฉินสือโอวยกมุมปากขึ้นแล้วพูดว่า “เก็บตัวที่อ้วนที่สุดไว้หนึ่งตัว ฮ่าๆ คืนนี้กินหมูหันกัน”


……………………………………….


บทที่ 207 ท่าเรือสร้างเสร็จแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

นีลเซ็นโยนลูกหมูป่าเข้าไปในฟาร์ม ฉินสือโอวสังเกตอยู่พักหนึ่ง เห็นว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็เตรียมกลับและกะเอาแม่ไก่กลับไปด้วยหนึ่งตัว


หมูป่าเหล่านี้ยังเด็ก มีขนาดเล็กกว่าหมูพื้นเมืองมาก อยู่ในฟาร์มถึงแม้ว่าพวกมันอยากเลียนแบบความเอาแต่ใจของพ่อแม่ก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อก้มหน้าลงทำท่าเตรียมจะชนคนอื่น หมูพื้นเมืองก็หันก้นให้กับพวกมัน สอนการวางตัวของหมูให้พวกมันในไม่กี่นาที


นอกจากนี้ ในฟาร์มมีเพียงไก่ตัวผู้ตัวนั้นเท่านั้นที่สามารถเอาแต่ใจได้ และแน่นอนว่า ตอนนี้ได้โตเต็มวัยแล้ว เจ้าตัวนี้มีขนสีแดง หงอนไก่ตั้งตรงและเป็นสีทอง เมื่อก้าวเท้าเดินแลดูห้าวหาญ กลางวันขันกลางคืนล่อตัวเมีย เป็นเจ้าแห่งไก่แน่นอน


หลังจากที่ลูกหมูป่าเข้าไปอยู่ในนั้นแล้ว ไก่ตัวผู้ก็ไล่จิกพวกมัน ลูกหมูป่าเหล่านี้ถูกไก่จิกจนเลือดออก แต่พวกมันก็ทำได้เพียงวิ่งหนี เจ้าแห่งป่าต้องตกอยู่ในสภาพนี้ น่าสงสารจริงๆ


ฉินสือโอวกลับไปพร้อมแม่ไก่หนึ่งตัว ในที่สุดก็ถึงฤดูเก็บเกี่ยว เลี้ยงมาเกือบสี่เดือน ไก่พื้นเมืองที่เลี้ยงปล่อยเหล่านี้สามารถกินได้แล้ว


ตามปกติแล้วไก่พื้นเมืองต้องเลี้ยงครึ่งปีจึงจะกินได้ พวกมันเติบโตช้า ไม่เหมือนไก่เนื้อที่เลี้ยงเพียงสามเดือนก็สามารถกินได้แล้ว อีกอย่าง แม้จะเลี้ยงมานานครึ่งปี ก็เป็นแค่แม่ไก่โตปานกลาง ยังไม่ใช่แม่ไก่โตเต็มวัย


ฉินสือโอวเห็นว่ามีแม่ไก่หลายตัวที่นอนอยู่นิ่งๆ บนกองหญ้าตรงมุมตะวันออกเฉียงใต้ของฟาร์ม ตัดสินใจจะเข้าไปจับสักหนึ่งตัว แต่แล้วเมื่อเดินเข้าไป เห็นในกองหญ้าซ่อนไข่ไว้หลายใบ!


“โอ้โห!”ฉินสือโอวแหกปาก รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แม่ไก่เล็กเหล่านี้ออกไข่เหรอ?


เขาไม่รู้เรื่องการเลี้ยงไก่พื้นเมืองเท่าไร ไก่พื้นเมืองปกติสี่เดือนก็สามารถออกไข่ได้แล้ว เขาใช้พลังแห่งโพไซดอนในการปรับเปลี่ยนไก่พื้นเมืองเหล่านี้ด้วย ตอนนี้เลี้ยงมาสามเดือนกว่าแล้ว จะไม่ให้ออกไข่ได้อย่างไร?


ไม่เพียงแต่ไก่พื้นเมืองที่ออกไข่ ในกองหญ้ามีไข่เป็ดสีเขียวอ่อนด้วย เห็นได้ชัดว่าเป็ดเองก็เริ่มออกไข่แล้ว


ฉินสือโอวหัวเราะฮิฮิ บอกให้นีลเซ็นกลับไปเอากล่องเก็บความร้อนและใส่ผงขี้เลื่อยมาเก็บไข่ไก่ เด็กทั้งสี่วิ่งมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉินสือโอวเก็บไข่ไก่และไข่เป็ดแล้วพูดว่า “เด็กๆ มอบหมายหน้าที่หนึ่งให้พวกหนู ต่อไปนี้หลังเลิกเรียน ต้องมาเก็บไข่ไก่ก่อน โอเคไหม?”


“ได้ครับ ได้ครับ”มิเชลตอบด้วยความตื่นเต้น สำหรับเด็กแล้ว นี่คือกิจกรรมที่ไม่เลว


อย่าดูถูกเป็ดและไก่เหล่านี้เชียวล่ะ ฉินสือโอวเก็บไข่ได้กว่าร้อยฟอง และมีหลายฟองที่ยังอุ่นอยู่ ก่อนหน้านี้ก็มีเป็ดและไก่นั่งฟักไข่เหล่านี้อยู่


ชาร์คและอีวิลสันจัดการกับหมูป่าสองตัว วางเนื้อที่หั่นแล้วลงไปในน้ำเกลือ ขาหมูถูกสับอย่างเรียบร้อย ฉินสือโอวหาที่ตั้งบนชายหาดและเผาไฟ หมูรมควันอร่อยกว่า


วินนี่ช่วยต้มตับหมูและปอดหมู แบ่งให้ฉงต้า หู่จือและเป้าจือ สิ่งเหล่านี้มีกลิ่นคาว ตอนพวกมันกินแลดูอร่อยกว่าเนื้อหมู


หมูป่าสองตัว ตัวผู้ถูกฉินสือโอวระเบิดหัวไปแล้ว ส่วนตัวเมียก็ถูกทำลายไปครึ่งตัว ที่สามารถกินได้ก็เหลือเพียงตัวครึ่ง ถือว่าหมูป่ามีร่างกายที่แข็งแกร่ง หากเป็นหมูทั่วไป เมื่อถูกเรมิงตันเข้าน่าจะกลายเป็นเนื้อเน่าไปแล้ว


ของจำพวกไส้หมู ฉินสือโอวกะจะโยนทิ้งเพราะมันเหม็นเกินไป แต่หากจัดการกับมันดีๆ ทำเป็นไส้หมูผัดพริกก็ไม่เลว แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเขาขี้เกียจที่จะทำ


แต่ชาร์คเก็บมันไว้ ฉินสือโอวพูดว่า “นายจะเก็บไว้กินเหรอ?”


ชาร์คจ้องตาโตแล้วพูดว่า “พระเจ้า ของสิ่งนี้จะกินได้อย่างไรกัน?” ฉันจะจัดการกับมันสักหน่อย แล้วเอาไปตกปูและกุ้งมังกร พวกมันชอบของคาวๆ แบบนี้ที่สุด


ฉินสือโอวพยักหน้า และเตรียมบาร์บีคิวสำหรับมื้อเย็น เขาโทรหาผับดาราประกาย ไม่นานบาร์เทนเดอร์ก็นำเบียร์มาส่ง


เมื่อได้ดื่มเบียร์ ชาร์คและซีมอนสเตอร์ทำงานกระฉับกระเฉงมากกว่าเดิม ฉินสือโอวและนีลเซ็นเตรียมเตาปิ้งและเตาอบ และเริ่มจัดทำมื้อเย็น


ฉินสือโอวโทรหาคุณลุงฮิคสัน เพื่อเรียนรู้การทำหมูหันกับเขา ลูกหมูป่าตัวนี้เป็นเมนูหลักของวันนี้


หลังจากรู้วิธีการทำคร่าวๆ ฉินสือโอวดูข้อมูลในกูเกิลควบคู่ไปด้วย แล้วเริ่มลงมือย่างหมูหัน


เมื่อเตรียมหมูหันเสร็จ ทิ้งเครื่องในและเลือด แต่ส่วนขาและส่วนหัวยังคงอยู่ หลังจากล้างแล้วก็ใช้สาเกและผงเครื่องเทศ ผงปรุงรส ซีอิ๊ว น้ำมันงา เกลือกลั่นทาบนตัวและช่องท้องหมู แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง


จากนั้นก็ทำการหมักครั้งที่สอง ครั้งนี้ใช้ซอสปรุงรส ซอสงา น้ำตาล กระเทียม หัวหอมแห้ง หัวหอมใหญ่ แป้ง ผงเครื่องเทศและไข่ขาวทำเป็นซอส แล้วทาภายใน


หลังจากหมักด้วยวิธีนี้แล้ว ใช้ไม้ไผ่ตึงตัวหมูไว้ ใส่ชามที่มีเหล้าขาว น้ำส้มสายชูและมอลโตสเข้าไปในเตาอบ ใช้ไฟแรงทำให้สาเกระเหย และใส่ผักป่าอย่างสมุนไพร คื่นฉ่ายและต้นเฟิร์นในท้องหมู แล้วรีบนำเข้าเตาอบ


หมูหันหมุนอย่างช้าๆ ในเตาอบ ฉินสือโอวถือเครื่องดื่มไว้แก้วหนึ่งและเริ่มตากลมและชมพระอาทิตย์ตก วิลเข้ามาทักทายว่า “ฉิน เป็นมื้อเย็นที่หรูหราอีกมื้อ ชีวิตดีจริงๆ ฉันจะมาบอกนายว่า ท่าเรือจวนจะเสร็จแล้ว ใช้เวลาอีกไม่เกิน 5 วัน ก็เสร็จงานแล้ว”


ฉินสือโอวชวนเขาอยู่ทานมื้อเย็นด้วยกัน วิลปฏิเสธพร้อมรอยยิ้ม บอกว่าภรรยาและลูกๆ รอเขาอยู่ที่บ้าน เขาต้องกลับบ้านแล้ว


มองดูวิลเดินจากไป ฉินสือโอวพูดว่า “ทำไมต้องมีการเหยียดชาติพันธุ์ด้วยล่ะ? ดูสิ คนผิวทำที่เป็นผู้ลากมากดีก็มีไม่น้อยไม่ใช่เหรอ?”


วินนี่พยักหน้าเห็นด้วย และอธิบายว่า “ไม่ว่าคนสีผิวอะไรก็ล้วนแต่มีคนที่มีความสามารถยอดเยี่ยม เพียงแต่ในกลุ่มคนผิวดำส่วนมากจะไม่มีการศึกษา ทำให้พวกเขามีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี โดยเฉพาะในอเมริกา ปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องปกติ แม้ชาวอเมริกันจะพูดเสมอว่าทุกคนมีความเท่าเทียมกัน แต่คนผิวดำที่นั่นไม่เคยได้รับความเท่าเทียมนั้น”


เมื่อเริ่มรับประทานมื้อเย็น นอกจากหมูย่างและหมูหันแล้ว ยังมีผักด้วย เชอร์ลี่ย์ได้ทำยำแตงกวา มะเขือม่วงผัดพริก มะเขือเทศผัดไข่อะไรทำนองนี้


เมื่อเห็นอาหารเหล่านี้ ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “ดูเหมือนฉันต้องไปเรียนอาหารผัดเพิ่มแล้วล่ะ กินแต่เมนูเดิมๆ ไม่มีความแปลกใหม่เสียเลย”


อีวิลสันมีข้าวชามใหม่เหมือนฉงต้าเช่นกัน แต่ชามใหญ่กว่า มีขนาดเท่ากะละมังล้างหน้าเลยล่ะ ฉินสือโอวตักหมูย่าง ซอสหมูและสลัดให้เขาเต็มชาม เขากอดชามข้าวไว้แล้วกินอย่างตะกละตะกลาม


วินนี่อุ้มฉงต้ากินข้าวด้วย วันนี้ฉงต้าเป็นวีรบุรุษ ดังนั้นฉินสือโอวและวินนี่อุ้มมันขึ้นไปนั่งบนโต๊ะอาหาร


การประมาณการของวิลค่อนข้างแม่นยำ งานที่ท่าเรือใช้เพียงสี่วันเท่านั้นก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว


คณะก่อสร้างเริ่มเก็บเครื่องจักรและขยะบนชายหาด ฉินสือโอวเดินขึ้นไปอยู่บนกำแพงท่าเทียบเรือ


แนวชายฝั่งที่กว้างขวางของฟาร์มปลา ทั้งทางฝั่งทิศตะวันออกและฝั่งทิศตะวันตกมีท่าเทียบเรือยาวและสั้นยื่นออกไปสองแห่ง ราวกับสองแขน ที่โอบกอดมหาสมุทรอันสวยงาม


กำแพงท่าเทียบเรือที่มีความยาว 50 เมตรนั้นมีความทนทานและมั่นคง มีจุดจอดเรือทั้งหมด 8 ที่ พื้นที่ส่วนอื่นจะมีลักษณะเป็นขั้นบันได เมื่อเป็นเช่นนี้ ในยามว่างสามารถนั่งตกหมึกตกปลาและตกปูบนขึ้นบันไดนั้นได้


เมื่อมีเรือจอดเทียบท่า แม้ว่าเรือจะไม่สูงเท่าไร ก็สามารถก้าวเท้าขึ้นไปได้ ทำให้สะดวกมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรือประมงที่มีน้ำหนักถึงหนึ่งพันตันหรือจะเป็นเจ็ตสกีคันเล็กก็สามารถจอดเทียบท่าได้


ราคาที่สูงแลกกับคุณภาพที่สูง หินที่ใช้ในท่าเรือก็ล้วนแล้วแต่เป็นหินบลูสโตน อย่างไรเสีย แคนาดาก็มีภูเขาแหล่งแห่ง การขุดเหมืองหินนั้นถือเป็นเรื่องง่าย


สำหรับท่าเทียบเรือบล็อคคอนกรีต แม้จะขาดความมั่งคงอย่างกำแพงท่าเทียบเรือ แต่ก็มีชีวิตชีวามากกว่า มันเหยียดตรงลงไปในมหาสมุทรเป็นระยะทาง 500 เมตร เนื่องจากส่วนรับน้ำหนักเป็นเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำให้สามารถป้องกันการกระแทกของคลื่นได้ วินบอกว่าท่าเทียบเรือบล็อคคอนกรีตแห่งมีระยะเวลาใช้งานโดยไม่ต้องทำการซ่อมแซมครั้งใหญ่นานห้าสิบปี เพียงแค่ทำการบำรุงรักษาประจำทุกปีก็พอ


แน่นอนว่างานบำรุงรักษาก็จะให้คณะก่อสร้างวิลเป็นผู้ดูแลเช่นกัน แม้แต่การก่อสร้างก็มีบริการหลังการขาย พวกเขาจะรับผิดชอบการบำรุงรักษาให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 20 ปี


ท่าเทียบเรือบล็อคคอนกรีตมีทางวิ่งยกระดับสองชั้น ชั้นล่างเป็นแผ่นคอนกรีตชนิดแข็งแกร่ง ส่วนชั้นบนนั้นเป็นแผ่นไม้ที่ผ่านการจัดการแล้ว สามารถป้องกันน้ำ ป้องกันการกัดกร่อน และป้องกันการถูกเหยียบซ้ำๆ จึงมีความทนทานและความสวยงาม แถมยังกันการลื่นล้มได้ดีด้วย สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง!


……………………………………….


บทที่ 208 ได้รับเงินแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร ฉินสือโอวจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้คณะก่อสร้างวิล เงินก้อนโตจำนวน 5.5 ล้านก็ได้บินหายไป


เมื่อได้รับเงินส่วนที่เหลืออย่างง่ายดายเช่นนี้ ก็ไม่แปลกที่วิลผู้เคร่งขรึมจะดีอกดีใจ เขาเดินเข้าไปกอดฉินสือโอว และเชิญเขา และเชิญฉินสือโอวไปเที่ยวบ้านเขา


“พาภรรยาคนสวยของนายไปด้วยล่ะ ฉันอยากให้ภรรยานายได้ไปเห็นบ้านของฉัน แม้ฉันจะไม่มีคฤหัสถ์หลังโตแบบนาย แต่บ้านเล็กๆ ของฉันก็มีรสนิยม หวังว่าฉินจะไม่ปฏิเสธคำเชิญของฉันนะ” วิลจับมือฉินสือโอวและพูดด้วยความจริงใจ


ฉินสือโอวยิ้ม “ไม่มีปัญหา พรรคพวก เดี๋ยวฉันจัดการกับงานในมือก่อน ถึงเวลานั้นเราค่อยติดต่อกันทางโทรศัพท์ ฉันจะไปเที่ยวบ้านนาย”


ชาร์คและซีมอนสเตอร์อยู่ปลายท่าเทียบเรือบล็อคคอนกรีต สายลมพัดโชย ทำให้เสื้อยืดของทั้งสองราวกับกำลังเต้นระบำ ฉินสือโอวเดินไปหาพวกเขา ดวงตาของทั้งสองแดงก่ำ เขาตำใจ และถามว่า “พวกนายเป็นริดสีดวงที่ตาเหรอ?”


สำหรับเขาแล้ว เขาทั้งสองคนเป็นชายแกร่ง ไม่ว่าจะเจอกับพายุหรือลมฝนพวกเขาก็เป็นชายชาตรีที่อดกลั้นกับความยากลำบาก จึงแกล้งหยอกเล่นว่าพวกเขาเป็นริดสีดวงตา


แต่ทำให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างจีนกับแคนาดาอีกครั้ง ชาร์คกล่าวว่า “ไม่ใช่ครับ บอส ตาของผมไม่ได้เป็นอะไร ผมร้องไห้เพราะความรู้สึกตื้นตันใจ คุณรู้ไหมว่าท่าเรือแห่งนี้มีความหมายกับเมืองแฟร์เวลยังไง? มีความหมายว่าการมีชีวิตใหม่อีกครั้ง!”


ฉินสือโอวพูดในใจว่าแกอย่าทำมาเป็นพูดดี อ้างถึงเรื่องศีลธรรม ฉันสร้างท่าเรือมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการจับปลา แกมาพูดถึงเรื่องการมีชีวิตใหม่อีกครั้งทำไม?


แต่ต่อมา เมื่อเขาเข้าไปซื้อของในเมืองจึงพบว่า เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ สิ่งแรกที่ชาวเมืองถามเขาก็คือเรื่องเกี่ยวกับท่าเรือ ท่าเรือสมัยใหม่สองแห่งนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นแลนด์มาร์กของเมืองนี้ไปแล้ว


ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เมื่อมีท่าเรือน้ำลึก เรือขนาดใหญ่จึงจะสามารถมาจอดเทียบท่าได้ เกาะแฟร์เวลตั้งอยู่ทางใต้สุดของแคนาดา จากที่นั่นไปทางทิศใต้อีกก็คือเมืองบอสตันประเทศสหรัฐอเมริกา ไปทางทิศตะวันตกคือเมืองออกัสตาประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นกัน ความจริงแล้วตำแหน่งที่ตั้งสำคัญมาก ถือเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารทางทะเลระหว่างสองประเทศเลยล่ะ


เมื่อเหตุนี้ เรือของประเทศแคนาดาและประเทศสหรัฐอเมริกาสามารถมาพักเรือที่นี่ เพียงแต่ขาดแคลนท่าเรือน้ำลึก เรือใหญ่ไม่สามารถมาจอดเทียบท่าได้ ทำได้แต่อ้อมไปทางนครเซนต์จอห์น


อย่าดูถูกระยะทางช่วงนี้เชียวล่ะ สำหรับเรือขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักรวมกว่าพันกว่าหมื่นตันเหล่านี้ ตัวเลขของค่าน้ำมันดีเซลที่ใช้ไปกับระยะทางหนึ่งพันเมตรน่ากลัวมาก หากสามารถพักเรือที่เกาะแฟร์เวลได้ พวกเขาไม่มีทางไปที่นครเซนต์จอห์นหรอก


ฉินสือโอวไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน หลังจากพอเข้าใจแล้วเขาก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจ เพราะเขาไม่ต้องการให้มีเรือจำนวนมากมาจอดเทียบท่าที่ฟาร์มปลาของเขา ไม่เพียงแต่จะทำลายชีวิตที่สงบสุขของเขา อาจเกิดกรณีพิพาทได้ง่ายด้วย


ดีที่ท่าเรือของเขาเพิ่งจะสร้างเสร็จไม่นาน ในระยะนี้ยังไม่มีเรือมาจอดเทียบท่า


ด้วยเหตุนี้ เขาตัดสินใจนำเรือของตนมาจอด เรือประมงค์ฮาวิซทต่อเสร็จนานแล้ว แต่จอดไว้ในอู่ต่อเรือตลอดมา เขาต้องหาเวลานำเรือประมงของตนกลับมา


เนื่องจากท่าเทียบเรือบล็อคคอนกรีตเหยียดตรงลงไปในมหาสมุทรเป็นระยะทาง 500 เมตร ระยะทางนี้เหมาะสำหรับการตกปลาและตกปูมาก ในวันถัดไปชาร์คก็เตรียมคันเบ็ดและมุ่งตรงไปตกปลาอย่างกระตือรือร้นและดีใจ


เมื่อเขาจัดการกับลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็กของหมูป่าเรียบร้อยแล้ว กำลังจะออกเดินทาง ฉินสือโอวเดินมาทางเขา และทำเขาว่าจะทำอะไร


ชาร์คอธิบายพักหนึ่ง ฉินสือโอวเหลือบไปเห็นลำไส้ที่เขาจัดการเรียบร้อยพอดีก็ยิ้มในทันที หลังจากแย่งมันไปได้ก็พูดว่า “พรรคพวก นายไปซื้อเหยื่อตกปลาเถอะ ฮ่าๆ ของเหล่านี้เป็นของบอสแล้ว”


ชาวแคนาดาไม่ทานเครื่องในสัตว์ สำหรับไส้หมูยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตั้งแต่ฉินสือโอวมาอยู่ที่เกาะแฟร์เวลยังไม่ได้กินไส้อ่อนผัดพริกเลย ครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากชาร์ค เขาสามารถรำลึกถึงความหลังสักหน่อยแล้ว


ชาร์คพูดไม่ออกบอกไม่ถูก พูดว่า “บอส นี่มันสกปรกมากนะ จะกินได้ยังไง?”


ฉินสือโอวกะพริบตาแล้วพูดว่า “นี่เป็นความชอบ เข้าใจไหม? เป็นอาหารขึ้นชื่อในบ้านเกิดฉันเชียวล่ะ อย่าว่าแต่ลำไส้ใหญ่เลย แม้แต่เต้าหู้ทอดเหม็นฉันก็เคยกิน”


ชาร์คส่ายหน้าแล้วเดินจากไป เต้าหู้ทอดเหม็นคืออะไรกัน? สำหรับเขาแล้วอาหารจีนดูเข้าใจยากกว่าตารางธาตุเสียอีก


ตอนเที่ยง ขณะที่ฉินสือโอวกำลังจะลงมือทำเมนูไส้ผัดในห้องครัวอย่างมีความสุข โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ขณะนั้นมือของเขาเต็มไปด้วยน้ำมัน จึงตะโกนออกไปว่า “วินนี่ โทรศัพท์!”


วินนี่วิ่งเข้าไป ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปก็รีบอุดจมูก ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พระเจ้า ฉงต้าถ่ายหนักในนี้เหรอ? ทำไมเหม็นอย่างนี้ล่ะ?”


ฉงต้าที่เดินตามเธอมาทำท่าอุดจมูกตาม แต่ไม่รู้ว่าตนได้สูดกลิ่นนั้นเข้าไปเต็มๆ แล้ว


ฉินสือโอวหัวเราะ เมื่อวินนี่ยืดตัวไปมองก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเอามือออกจากจมูกแล้วพูดว่า “อ้อ คุณกำลังจะทำเมนูไส้หมูเหรอ? คุณปู่ของฉันชอบทาน จำได้ว่าในตอนเด็ก คุณปู่และคุณย่าเคยทะเลาะกันเพราะสิ่งนี้”


เมื่อรับโทรศัพท์ วินนี่ปิดไมโครโฟนและพูดกับฉินสือโอวว่า “สายจากเบลค เขาต้องการคุยกับคุณ”


ฉินสือโอวรู้แล้ว ว่าผลเกี่ยวกับเงิน จึงล้างมือให้สะอาดแล้วมารับโทรศัพท์


ตามที่คิดไม่มีผิด เบลคบอกเขาว่า เมื่อเงินผ่านกระบวนการกลั่น น้ำหนักสุทธิในตอนนี้คือ 98 ตัน สกัดส่วนอื่นๆ ได้กว่าสองตัน ให้เขาแวะไปดูหน่อย แล้วรับเงินด้วย


สำหรับผลครั้งนี้ ฉินสือโอวไม่มีความสงสัยใด เพราะก่อนหน้านี้ที่เขานำเงินไปตรวจสอบในเมือง เถ้าแก่บอกเขาแล้วว่าเงินนี้ไม่ได้บริสุทธิ์ร้อยละร้อย มีส่วนผสมอื่นๆ ไม่น้อย


แม้ฉินสือโอวจะเชื่อใจเบลคมาก แต่บางขั้นตอนก็ไม่ควรละ เขาตอบกลับไปว่าจะนั่งเครื่องบินไปออตตาวาในวันพรุ่งนี้ ค่อยคุยเรื่องนี้กันวันพรุ่งนี้


วันรุ่งขึ้น ฉินสือโอวพาเออร์บักและนีลเซ็นบินไปออตตาวาด้วย เดิมทีเขาอยากพาวินนี่ไปด้วย แต่วินนี่ปฏิเสธ และอธิบายว่า “คุณไปคุยเรื่องธุรกิจ ให้ฉันไปด้วยทำไม? ที่สำคัญคือ หากเราไปกันทั้งคู่ ใครจะดูแลลูกๆ ล่ะ?”


เหตุผลนี้ไม่เลว ให้วินนี่อยู่ดูแลฉินโซ่วทั้งหลาย ฉินโซ่วจริงๆ


การกลั่นเงินถูกบันทึกไว้ตลอด และมีข้อมูลทางสถิติที่แน่ชัดในแต่ละขั้นตอน เออร์บักดูข้อมูลทางสถิติเหล่านี้แล้วก็พยักหน้าและบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินสือโอวก็ลงนามบนสัญญาจำหน่ายเงินอย่างว่าง่าย


เดิมทีมันเป็นเงิน 100.52 ตัน หลังผ่านกระบวนการกลั่น เหลือ 98.2222 ตัน ซึ่งก็คือเงิน 98222.2 กิโลกรัม คิดตามราคาเงินระหว่างประเทศในปัจจุบัน  0.6152 ดอลลาร์แคนาดาต่อกรัม เงินที่ฉินสือโอวจะได้รับเท่ากับ 60.19 ล้านดอลลาร์แคนาดา


60 ล้านดอลลาร์แคนาดาเท่ากับเท่าไร? 300 ล้านหยวน!


หักค่าใช้ค่าอื่นๆ ออก 4% ฉินสือโอวยังคงได้รับเงิน 60 ล้านดอลลาร์แคนาดา


เขากำลังลงนาม ทางอลันก็กำลังรวมยอดสุดท้าย นี่ก็คือข้อดีของการทำงานอย่างเป็นระบบ สามารถจัดการหลายอย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกัน สะดวกมาก


ตระกูลของเบลคและตระกูลของอลันสนิทกันมาก ธนาคารที่บริษัทจัดประมูลริชชี่ใช้ก็คือธนาคารมอนทรีออล ดังนั้น ในตอนนี้เบลคจึงแนะนำให้ฉินสือโอวใช้ธนาคารมอนทรีออล


การทำธุรกรรมเงินครั้งนี้ เบลคได้ส่วนแบ่งไม่มากเท่าไร เขาเพียงเพื่อช่วยอลันเท่านั้น


แต่แน่นอนว่า เขาเองก็มีจุดประสงค์อื่นเช่นกัน นั่นก็คือกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและฉินสือโอว ไม่มีใครอยากปฏิเสธการเป็นเพื่อนกับมหาเศรษฐีร้อยล้านหรอก โดยเฉพาะมหาเศรษฐีร้อยล้านที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี!


ภายใต้การเป็นพยานของธนาคารมอนทรีออลและสำนักงานสำรองโลหะมีค่าออตตาวา เงินล็อตนี้ได้ถูกเก็บไว้แล้ว หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ฉินสือโอวก็ได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบริการของสำนักงานใหญ่ธนาคารมอนทรีออล ยอดเงินชำระ!


เมื่อได้รับเงิน 60 ล้าน ฉินสือโอวไม่ได้แสดงสีหน้าตื่นเต้นและดีใจใดๆ เขาทำหน้านิ่งเฉยตั้งแต่ต้นจนจบ


สิ่งนี้ทำให้เบลครู้สึกประหลาดใจ เขาคิดว่าฉินสือโอวเป็นเพียงบุคคลที่รวยชั่วข้ามคืน แต่ดูเหมือนไม่ง่ายอย่างที่คิด เขาลองถามใจตัวเอง หากตนได้รับเงิน 60 ล้าน ไม่นิ่งเฉยอย่างนี้แน่นอน


ความจริงแล้ว ฉินสือโอวไม่เพียงแต่นิ่งเฉย ยังแอบบ่นในใจด้วย!


ให้ตายเถอะเขาถูกกูเกิลหลอกแล้วล่ะ ในคืนที่เขาพบเงินเขาได้เข้าไปหาราคาเงินในกูเกิล ไม่รู้ว่าเป็นเว็บไซต์ตั้งแต่ปีไหน ในนั้นเขียนว่าราคาเงิน 0.8 ดอลลาร์แคนาดาต่อกรัม ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น!


เดิมทีฉินสือโอวคิดว่าครั้งนี้ตนจะสามารถกลายเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านได้ แต่พบว่า เขายังอยู่ห่างจากมหาเศรษฐีร้อยล้านระยะหนึ่ง การสร้างฟาร์มปลา ซื้อรถที่ใช้ในฟาร์มปลา เพิ่มสายพันธุ์ปลาทะเลและเมล็ดพันธุ์หญ้าทะเล และค่าภาษีที่เสียไป เขาใช้เงินไปแล้ว 28 ล้านดอลลาร์แคนาดา!


เงินประมูลรูปวาดชื่อดังและรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ครั้งล่าสุดของเขาได้ไม่ถึง 30 ล้าน ดังนั้นบวกกับ 60 ล้านในครั้งนี้ก็ไม่ถึงร้อยล้าน


แต่เบลคและคนอื่นๆไม่ได้คิดอย่างนี้ พวกเขานับสินทรัพย์อย่างฟาร์มปลาของฉินสือโอวด้วย ดังนั้นในสายตาของเขาและอลัน ฉินสือโอวมีทรัพย์สินกว่าร้อยล้าน


เออร์บักช่วยฉินสือโอวจัดการขั้นตอนที่เหลือของการขายเงิน เบลคยื่นมือไปโอบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ ฉิน ฉันเตรียมงานเลี้ยงไว้ให้นาย ไปฉลองให้กับมหาเศรษฐีร้อยล้านที่อายุน้อยที่สุดในนิวฟันด์แลนด์กันเถอะ!”


……………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)