ข้ามกาลบันดาลรัก 205-206

ตอนที่ 205 ได้รับพิษ

 

เปาอีฝานพาคนทั้งหมดเข้ามาในห้องตัวเอง สั่งบ่าวรับใช้ไปนำกระดาษพู่กันมา วางไว้บนโต๊ะ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบพู่กันขึ้น ขบคิดเล็กน้อย แล้วจรดปลายพู่กันเขียนตัวยาออกมาอย่างว่องไว 


 


 


เปาอีฝานเห็นนางวางพู่กันลง ก็เข้าไปหยิบใบสั่งยา สั่งการบ่าวรับใช้ให้รีบไปจัดยา 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยับยั้งเขา หยิบใบสั่งยาในมือหันไปพูดกับเซี่ยเจียงเฟิงและจูหลาน “คุณชายเซี่ย คุณชายจู ใบสั่งยาของข้ามีตัวยาสองชนิดที่ค่อนข้างหายาก รบกวนทั้งสองท่านไปจัดมาด้วยตัวเองเถิด” 


 


 


ทั้งสองคนย่อมไม่ปฏิเสธ รับใบสั่งยามา 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับพวกเขาอีกครั้ง “หลังจากจัดยามาแล้ว ห้ามส่งผ่านมือผู้ใดเด็ดขาด พวกท่านจะต้องนำมาให้ข้าด้วยตัวเอง” 


 


 


ทั้งสองพยักหน้า รับปาก ถือใบสั่งยารีบเดินจากไป 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มหันไปพูดกับอันอี่หยวนอีกว่า “คุณชายอัน ใช้โอกาสยามว่างในตอนนี้ ท่านจงนำมันฝรั่งแผ่นหนึ่งพันห่อส่งไปยังร้านค้าของท่านพร้อมพี่ชายข้าเถอะ คนที่ข้าพามาจะได้พักบ้าง” 


 


 


อันอี่หยวนคิดว่าตัวเองนั่งอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ จึงพยักหน้ารับปาก จากไปพร้อมเมิ่งเสียน 


 


 


เปาอีฝานเห็นนางไล่คนออกไปจนหมด เกิดข้อกังขาในใจ กระทั่งคนทั้งหมดไปไกลแล้ว ถึงเอ่ยปากพูด “พูดมาเถอะ ท่านแม่ข้าป่วยเป็นอะไรกันแน่?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บคืนสีหน้า นั่งลงบนเก้าอี้ เอ่ยปากด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ฮูหยินเปามิได้เจ็บป่วย แต่ได้รับพิษ” 


 


 


เปาอีฝานถลึงตัวลุกขึ้น ถามอย่างตกใจสุดขีด “ท่านแม่ข้าได้รับพิษ?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “หากช้ากว่านี้อีกสองสามวัน คงหมดหนทางเยียวยาฮูหยินเปาแล้วจริงๆ” 


 


 


เปาอีฝานตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้น “ท่านแม่กินอยู่เหมือนกับพวกเรา สิ่งของเครื่องใช้ทั้งหมดก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง จะได้รับพิษได้อย่างไร?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าก็ไม่อาจรู้ได้แล้ว” 


 


 


“เช่นนั้นท่านแม่ข้าจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือไม่ เจ้าพอจะถอนพิษได้หรือไม่?” เปาอีฝานร้อนรนถาม 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “ย่อมต้องถอนได้ ทว่าด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ของฮูหยินเปา เกรงจะต้องทนทรมานไม่น้อย” 


 


 


เปาอีฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงทวีความร้อนรน “ขอเพียงถอนพิษให้นางได้ ต้องทนทรมานมากเพียงใดก็ไม่เป็นไร รบกวนเจ้าแล้ว” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่างเรา ท่านไม่จำเป็นต้องกล่าววาจาเกรงใจนี้ ข้าก็ต้องช่วยฮูหยินเปาถอนพิษอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ทว่า ท่านควรจะตรึกตรองดูหรือไม่ ใครกันที่บังอาจกล้าวางยาฮูหยินเปาของใต้เท้าเปา หากไม่หาตัวคนวางยา ต่อให้ครั้งนี้ข้าช่วยนางถอนพิษได้ เกรงว่าภายหน้าก็อาจจะถูกวางยาได้อีก ถึงตอนนั้นคงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ” 


 


 


เปาอีฝานค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความรู้สึก น้ำเสียงแฝงความฉุนเฉียว “สืบ ข้าย่อมต้องสืบ ต่อให้ต้องพลิกทั้งศาลาว่าการหา ข้าก็ต้องหาตัวคนวางยาออกมา แล้วแยกร่างมันเป็นหมื่นๆ ชิ้น” 


 


 


“จากที่ข้าจับชีพจรให้นางเมื่อครู่ ฮูหยินเปาได้รับพิษมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว อาการเริ่มแรกของพิษนี้มองผิวเผินจะเหมือนเป็นไข้ลม หมอทั่วไปจะดูไม่ออก ดังนั้นจึงแค่ออกยารักษาอาการไข้ลม บางทีคนวางยาอาจจะกลัวว่าพวกท่านจะดูออก จึงวางยาปริมาณน้อยมาก แต่ว่าน่าจะคอยให้ยานี้กับฮูหยินเปาทุกวัน ดังนั้นร่างกายของนางถึงแย่ลงเรื่อยๆ” 


 


 


เปาอีฝานนิ่งงงอีกครั้ง “ให้ยาทุกวัน?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ดูท่าแล้ว คนที่วางยาน่าจะมีสองแบบ” 


 


 


เปาอีฝานตกใจกับข่าวนี้จนไม่เหลือแรงกำลังขบคิดแล้ว ได้แต่ถามโพล่งออกไป “สองแบบไหน?” 


 


 


“แบบแรกคือคนวางยามีวรยุทธ์สูงส่ง ทุกวันจะเข้ามาวางยาในอาหารของฮูหยินเปาได้โดยไม่มีใครรู้ใครเห็น อีกแบบคนที่วางยาเป็นคนสนิทข้างกายฮูหยินเปาเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด 


 


 


ฟังนางวิเคราะห์จบ เปาอีฝานตัดแบบแรกออกไปทันที “พวกเราพำนักอยู่ในศาลาว่าการ หากจะคิดเข้ามาวางยาโดยไม่มีใครรู้ใครเห็นทุกวัน ต่อให้มีวรยุทธ์ล้ำเลิศ ก็ไม่มีทางจะไม่ถูกคนจับได้ ขอเพียงเป็นคนที่มีสมองย่อมไม่มีทางเลือกวิธีนี้” 


 


 


“เช่นนั้นก็เป็นแบบที่สอง เป็นคนสนิทข้างกายฮูหยินเปาที่ลงมือวางยา” 


 


 


เปาอีฝานก็ส่ายหน้าปฏิเสธอีก “สาวรับใช้ข้างกายมารดาข้าล้วนอยู่รับใช้ปรนนิบัตินางมาหลายปีแล้ว ตอนซื้อตัวพวกนางมาข้าก็ได้ตรวจสอบถี่ถ้วน ล้วนเป็นหญิงสาวที่ครอบครัวแร้นแค้น ไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ ถึงต้องจำยอมขายพวกนางมา พวกนางไม่มีเหตุผลจะกระทำเช่นนี้ สำหรับบ่าวรับใช้ ยิ่งไม่มีทาง พวกเขาต่างก็ติดตามบิดาข้ามาหลายปีแล้ว” 


 


 


“มีคำกล่าวว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ ท่านตรวจสอบให้ดีอีกรอบเถอะ ต้องจับตัวคนวางยาออกมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นปัญหาจะตามมาไม่จบสิ้น” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด 


 


 


เปาอีฝานขมวดคิ้วนิ่วหน้าครุ่นคิด เปล่งเสียงตะโกนออกไปด้านนอก “ออกไปดูด้านหน้า หากบิดาข้าไม่มีธุระใด บอกให้เขาเข้ามา บอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษา” 


 


 


“ทราบแล้วขอรับคุณชาย” นอกประตูมีคนขานรับ เสียงฝีเท้าเร่งเร้าจากไป 


 


 


เปาอีฝานขมวดคิ้วขบคิดเรื่องการวางยา เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งนิ่งเงียบอยู่อีกด้าน ไม่รบกวนเขา 


 


 


ไม่นานในลานเรือนก็มีเสียงฝีเท้าดังแว่วมา 


 


 


เสียงเปาชิงเหอดังลอยเข้ามา “ฝานเอ๋อร์ เจ้ารีบร้อนอยากพบพ่อด้วยเรื่องอันใด?” 


 


 


เปาอีฝานและเมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน กำลังจะออกไปต้อนรับ เปาชิงเหอก็เปิดม่านเดินเข้ามา เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวก็อยู่ในห้องด้วย ชะงักงันเล็กน้อย จากนั้นยิ้มพูด “แม่นางเมิ่งก็มาแล้ว” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวทำความเคารพเปาชิงเหอ “คารวะท่านใต้เท้าเปา” 


 


 


เปาชิงเหอโน้มประคองเล็กน้อย “แม่นางเมิ่งไม่ใช่คนอื่นไกล ไม่จำเป็นต้องทำความคารวะเต็มขั้นเช่นนั้น” 


 


 


ทั้งสามคนนั่งลง 


 


 


เปาชิงเหอถามขึ้นอีกครั้ง “ฝานเอ๋อร์ เจ้ารีบร้อนให้คนเรียกพ่อมา หรือว่าเกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้น?” 


 


 


เปาอีฝานเอ่ยปากด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านพ่อ เมื่อครู่แม่นางเมิ่งตรวจอาการให้ท่านแม่ ยืนยันว่าท่านแม่มิได้ป่วยเป็นไข้ลม แต่ถูกคนวางยา” 


 


 


เปาชิงเหอตกใจตัวโยน สีหน้าพลันซีดเผือก “เช่นนี้จะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตแม่เจ้าหรือไม่?” 


 


 


“แม่นางเมิ่งบอกว่าตอนนี้ยังถอนพิษให้นางได้ ทว่าต้องทนทรมานบ้าง” 


 


 


เปาชิงเหอโล่งอก “ขอเพียงไม่ถึงแก่ชีวิต ทนทรมานบ้างก็ไม่เป็นไร” แล้วให้บันดาลโทสะ “ใครกันที่บังอาจเช่นนี้ ถึงกับกล้าวางยาแม่เจ้า” 


 


 


“แม่นางเมิ่งบอกว่าท่านแม่ได้รับพิษเรื้อรัง ได้รับพิษทีละน้อยทุกวัน ถึงทำให้ร่างกายนางอ่อนแรงดังเช่นตอนนี้ คาดว่าคนวางยาจะเป็นคนใกล้ชิด แต่เมื่อครู่ข้าคิดทบทวนถี่ถ้วนแล้ว ก็คิดไม่ตกว่าใครจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้” 


 


 


เปาอีฝานตอบกลับ 


 


 


ภริยาถูกคนวางยาต่อหน้าต่อตาตนเองทุกวัน เปาชิงเหอเดือดดาลอย่างไม่ต้องสงสัย พูดเกรี้ยวกราด “สืบ สืบเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าใคร ขอเพียงข้าสืบได้ จักบั่นคอไม่ต้องปราณี” พูดจบหันตะโกนออกไปด้านนอก “เด็กๆ” 


 


 


บ่าวรับใช้รับคำเข้ามา ถามอย่างอ่อนน้อม “นายท่าน มีสิ่งใดจะสั่งการ?” 


 


 


“ไป ตีกลองประชุมพล ให้เจ้าหน้าที่ทุกนายมารวมกันที่ศาลาว่าการ รอฟังคำสั่งจากข้า” 


 


 


บ่าวรับใช้รับคำแล้วออก 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเสียงยับยั้ง “ช้าก่อน!” 


 


 


บ่าวรับใช้หยุดชะงัก สองพ่อลูกเปาชิงเหอมองนางอย่างข้องใจ 


 


 


“ท่านใต้เท้าเปา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “วันพรุ่งจะเป็นวันแต่งงานของคุณชายเปา ยังไม่พูดเรื่องข้าวของยังเตรียมการไม่เรียบร้อย การที่ท่านปลุกระดมพล ทำเอาทุกคนขวัญผวา ยิ่งไม่เป็นผลดีต่องานแต่งงานในวันพรุ่งนี้ของคุณชายเปา อีกทั้ง คนวางยาอยู่ในที่ลับ พวกเราอยู่ในที่แจ้ง ท่านดำเนินการเช่นนี้ เขาจะรู้ตัวได้ ไม่แน่ว่าเขาก็จะฉวยโอกาสนี้หลบหนีไป” 


 


 


เปาชิงเหอเองก็ตัดสินใจภายใต้ความฉุนเฉียว ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวเช่นนี้ สมองแจ่มแจ้งขึ้นกึ่งหนึ่ง โบกมือให้คนรับใช้ถอยออกไป ถามขึ้น “ดูมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม หรือว่าคิดแผนการอะไรได้แล้ว?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “หลังจากข้าตรวจพบว่าฮูหยินได้รับพิษ ก็คิดแผนการหนึ่งได้ ถึงได้แยกพวกคุณชายเซี่ยไป มิได้พูดต่อหน้าทุกคน เพราะกลัวเรื่องจะแพร่งพราย แหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้คนวางยาหนีรอดไปได้” 


 


 


หลังจากผ่านมาได้ระยะหนึ่ง เปาอีฝานกลับมาสงบนิ่งลง ได้ฟังก็พูดว่า “แม่นางเมิ่งมีแผนการที่ดีอันใด รีบพูดออกมาเถอะ” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปาก “ใบสั่งยาที่ข้าเขียนนั้นหาใช่ยาถอนพิษ แต่เป็นยาฟื้นฟูสภาพจิตใจฮูหยินเปา อีกประเดี๋ยวหลังจากคุณชายเซี่ยและคุณชายจูจัดยากลับมา ท่านอย่ามอบให้คนอื่นไปทำ จงต้มยาด้วยตัวเอง ให้คนที่วางยาไม่อาจลงมือได้ หลังจากฮูหยินเปาดื่มยาแล้ว จะกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก คนที่วางยาเห็นเข้า จักต้องคิดหาวิธีวางยาอีกครั้ง ท่านลอบเตรียมการให้ดี ถึงตอนนั้นจะได้จับเขาได้อยู่หมัด” 


 


 


เปาชิงเหอกล่าวชื่นชม “แผนการนี้ของแม่นางช่างดียิ่งนัก ทั้งไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ทั้งยังล่องูออกจากรูได้” 


 


 


เปาอีฝานก็พยักหน้าสนับสนุน ทว่ายังเคยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “หากท่านแม่ไม่ได้รับการถอนพิษทันท่วงที ไม่รู้ว่าร่างกายจะทนไปได้ถึงพรุ่งนี้หรือไม่” 


 


 


“การจะถอนพิษในร่างฮูหยินเปาต้องใช้กำลังแรงกายไม่น้อย ข้าเตรียมการจะช่วยนางถอนพิษหลังพิธีแต่งงานของท่าน ในสองวันนี้ข้าจะใช้ยาควบคุมไว้ก่อน ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้ารับประกันว่าวันพรุ่งนางจะยังประคองร่างได้ไหว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด 


 


 


ได้ฟังวาจาของนาง สองพ่อลูกเปาชิงเหอก็ให้วางใจลงพร้อมกัน 


 


 


เปาชิงเหอลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปเตรียมกับดักให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นภูตวัวหรือปีศาจงู[1]มาจากไหน คืนวันนี้ข้าจะต้องให้มันปรากฏร่างเดิม ข้าอยากเห็นนักว่า ใครที่มันชั่วช้าบังอาจกล้าคิดจะเอาชีวิตฮูหยินข้า” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวและเปาอีฝานก็ลุกขึ้นยืน ส่งเปาชิงเหอพ้นประตูออกไป 


 


 


เปาชิงเหอผลุนผลันจากไป 


 


 


เปาอีฝานกลับคืนสู่ท่วงท่าในยามปกติแล้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนขาด “ไม่ว่าใคร หากค่ำคืนวันนี้ถูกข้าจับได้ ข้าจะให้มันผู้นั้นอยู่ก็เหมือนตาย ตายก็เหมือนอยู่” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร 


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงและจูหลานจัดยากลับมาแล้ว พอเดินเข้าประตูมา จูหลานก็ส่งเสียงแปดหลอดพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “เจ้าพูดไม่ผิดเลย มีตัวยาสองชนิดที่หาได้ยากจริงๆ พวกเราวิ่งวุ่นหาหลายร้านถึงจะหาเจอ” พูดจบ วางห่อยาในมือลงบนโต๊ะเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดห่อยาออก ตรวจสอบอย่างละเอียด จัดยามาตามที่ตนเองเขียนไปไม่ผิด พยักหน้าเล็กน้อย 


 


 


เปาอีฝานเดินเข้ามา หยิบห่อยาแล้วพูดว่า “พวกเจ้ารอสักครู่เถิด ข้าจะไปต้มยาให้ท่านแม่ด้วยตัวเอง” 


 


 


จูหลานรู้สึกประหลาดใจ ถามขึ้น “เรื่องเช่นนี้ให้สาวใช้ไปทำก็พอ เหตุใดเจ้าต้องไปต้มยาด้วยตัวเองด้วยเล่า?” 


 


 


ไม่รอให้เปาอีฝานตอบ เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มพูดก่อน “ปกติฮูหยินเปาดีต่อพวกท่านมาก บัดนี้นางล้มหมอนนอนเสื่อ พวกท่านสมควรจะแสดงน้ำใจ ไปช่วยคุณชายเปาต้มยาให้ฮูหยินเปาด้วยหรือไม่?” 


 


 


หากเป็นปกติทั่วไป จูหลานจะต้องคัดค้านเป็นคนแรก งานเช่นนี้ล้วนเป็นหน้าที่บ่าวหรือสาวใช้ ไฉนเลยต้องให้พวกเขาลงมือเอง ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน เมื่อครู่พวกเขาเห็นร่างกายซูบผอมของฮูหยินเปากับตา เกิดความรู้สึกย่ำแย่หดหู่ บวกกับในอดีตฮูหยินเปาก็ดีต่อพวกเขามาก จึงเอ่ยปากทันควัน “ไม่มีปัญหา ก็แค่ต้มยาหนึ่งเทียบเท่านั้น ไม่นานพวกเราก็ทำเสร็จ” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถามเขา “เจ้าแน่ใจ” 


 


 


จูหลานตบหน้าอกรับประกัน “ข้าแน่ใจ” 


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงยืนอีกด้านไม่ได้พูดอะไร 


 


 


ไม่ทันไรจูหลานก็ตบปากตัวเองดังฉาด อย่าว่าแต่ต้มยาเลย ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปทั้งสามคนแม้แต่ไฟยังจุดไม่ติด ทำเอาทั้งลานเรือนมีแต่ควันไฟ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่กลัวสำลัก นั่งอยู่อีกด้านหัวเราะมองพวกเขา 


 


 


สาวใช้และบ่าวรับใช้ที่เดินมาเดินไปต่างมองพวกเขาอย่างประหลาดใจ 


 


 


จูหลานม้วนพับชายเสื้อ ใช้มือดำปื้นเช็ดเหงื่อบนใบหน้า พูดออกท่าทางหากจุดไฟไม่ติดไม่เลิกราว่า “ข้าไม่เชื่อหรอก แม้แต่เตาไฟใหญ่บ้านแม่นางเมิ่งข้ายังจุดติดได้ แค่เตาเล็กกระจิดนี้ข้าจะจุดไม่ติดได้อย่างไร” 


 


 


เปาอีฝานและเซี่ยเจียงเฟิงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน แสดงท่าทีท้อแท้จำยอม 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองพวกเขาอับอายขายหน้าไปพลาง ใช้หางตาพินิจมองสาวใช้และบ่าวไพร่ที่เดินไปเดินมาอย่างไม่ให้ผิดสังเกต ไม่นานนางก็พบว่า สาวรับใช้ข้างกายฮูหยินเปาที่เพิ่งพบหน้าเมื่อครู่คนนั้นเดินผ่านมาหลายครั้ง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่หลุบนัยน์ตาลง 


 


 


ในที่สุดเตาไฟก็จุดติด จูหลานใช้ใบหน้ากระดำกระด่างพูดอย่างเห่อเหิมใจ “เป็นอย่างไร ข้ามิได้โอ้อวดใช่ไหม ข้าบอกแล้วว่าข้าจุดได้ก็ต้องจุดได้” 


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงฝืนกลั้นหัวเราะ ชูนิ้วหัวแม่มือพูดชมเชยเขา “คุณชายจูเก่งกาจสามารถนัก ต่อไปงานจุดไฟนี้ขอมอบให้ท่านแต่เพียงผู้เดียว” 


 


 


จูหลานร้องตวาด “ไสหัวไป” 


 


 


 


 


 


[1] 牛鬼蛇神เป็นอุปมาแทนคนกเฬวราก ชั่วช้าสามานย์  

 

 


ตอนที่ 206 ระแวดระวัง

 

เปาอีฝานก็อดไม่ไหวหัวเราะลั่น ความรู้สึกหนักอึ้งในใจผ่อนคลายลงไปไม่น้อย 


 


 


หลังจากจุดไฟติดแล้ว นำยาที่แช่น้ำแล้ววางบนเตา เปาอีฝานสั่งบ่าวรับใช้ให้พาเซี่ยเจียงเฟิงและจูหลานไปล้างหน้าล้างตา ตนเองนั่งยองคอยต้มยา 


 


 


สาวรับใช้เดินเข้ามา กล่าวอย่างนบนอบ “คุณชายเจ้าคะ ท่านพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจัดการเอง” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตามอง 


 


 


เปาอีฝานโบกมือ “ไม่ต้อง เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ” 


 


 


สาวใช้ไม่ขยับ พูดเกลี้ยกล่อม “แต่ไหนแต่ไรคุณชายไม่เคยทำงานเช่นนี้มาก่อน หากฮูหยินทราบเข้า จักต้องปวดใจ ให้ข้าเป็นคนทำเถอะเจ้าค่ะ” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งเสียงพูด “นี่เป็นสูตรยาที่ข้าเขียนและเพิ่งไปจัดมาใหม่ให้ท่านฮูหยิน ข้ากลัวจะมีคนเล่นลูกไม้ ถึงให้คุณชายเปาลงมือต้มยาด้วยตัวเอง” 


 


 


สาวใช้ชะงักอึ้ง สีหน้าท่าทางเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย พลันพูดขึ้น “ข้าทราบแล้ว เช่นนั้นคุณชายค่อยๆ ต้มไปเถิด หากไม่ไหวจริงๆ ค่อยเรียกข้าเข้ามา” พูดจบ ทำความเคารพแล้วหุนหันจากไป 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมองทั้งหมดนี้อย่างไม่แสดงอาการ กระทั่งสาวใช้จากไปไกลแล้ว ถึงแสร้งพูดเรื่อยเปื่อย “สาวรับใช้คนนี้ช่างมีน้ำใจนัก รู้จักเข้ามาช่วยเหลือ” 


 


 


เปาอีฝานซับเหงื่อบนใบหน้า พูดว่า “เจ้าหมายถึงชิวผิงหรือ ตอนนางอายุได้สิบปีท่านแม่ข้าขึ้นเขาไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เก็บนางมาได้จากข้างทาง ในตอนนั้นนางหิวโซเกือบไม่รอดแล้ว ท่านแม่ข้าจิตใจดี พานางกลับมาบ้าน นับแต่นั้นนางก็อยู่ที่นี่มาตลอด ปีนี้อายุได้สิบเจ็ดปีแล้ว ท่านแม่ข้าคิดจะหาคู่ครองที่ดี ให้นางได้แต่งงานออกไป นางกลับไม่ยินยอม บอกว่าท่านแม่ข้ามีบุญคุณช่วยชีวิตนาง นางอยากอยู่รับใช้ข้างกายท่านแม่ข้า” 


 


 


“หมายความว่า พวกท่านไม่รู้ประวัติของนาง และไม่มีสัญญาทาสของนาง?” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม 


 


 


เปาอีฝานตรวจดูโถยา ถึงตอบว่า “ท่านแม่ข้าบอกว่าอย่างไรนางก็เป็นเพียงลูกคนยากจน จึงไม่ได้ให้คนไปสืบถาม นางไม่ใช่คนที่ครอบครัวเราซื้อมา ย่อมไม่มีสัญญาทาส” 


 


 


“เช่นนั้นนางเคยพูดหรือไม่ว่าตัวเองเป็นคนที่ไหน บ้านอยู่แห่งใด?” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม 


 


 


“ตอนนั้นนางอายุยังน้อย จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นคนที่ไหน พูดแค่ว่าพลัดหลงกับบิดามารดาที่หนีภัยพิบัติมาด้วยกัน ทำให้ตกทุกข์อยู่ณ ที่นั้น” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจแจ่มแจ้ง 


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงและจูหลานล้างหน้าล้างตากลับมา เห็นเปาอีฝานเหงื่อไหลไคลย้อยไปทั้งหน้า เซี่ยเจียงเฟิงพูดว่า “ให้ข้าทำบ้าง เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” 


 


 


เปาอีฝานมอบพัดในมือให้เขา ลุกมายืนข้างเมิ่งเชี่ยนโยว ทั้งกำชับบ่าวรับใช้ไปยกเก้าอี้สองตัวเข้ามา แบ่งให้จูหลานนั่งคนละตัว 


 


 


ทั้งสามเสวนาพาทีกันครู่หนึ่ง จูหลานก็เข้าไปสับเปลี่ยนแทนเซี่ยเจียงเฟิง 


 


 


หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเช่นนี้หลายครั้ง ในที่สุดก็ต้มยาเสร็จ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวให้เปาอีฝานเทยาออกมาด้วยความระวัง ทั้งกำชับจูหลาน “พวกเราจะไปป้อนยาให้ฮูหยินเปา เจ้าคอยดูกากยาให้ดี อย่าให้ใครเข้าใกล้เด็ดขาด” 


 


 


จูหลานรู้สึกว่าวันนี้เมิ่งเชี่ยนโยวมีท่าทีแปลกประหลาด เอ่ยปากถามขึ้น “กากยามีอะไรน่าดูกัน ต้องเอาไปเททิ้งไม่ใช่หรือ?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตาใส่เขา “เหตุใดถึงมีคำถามมากมายเช่นนี้ ให้เจ้าดูก็ดูไปเถิด” 


 


 


ถูกนางเอ็ดใส่ จูหลานลูบจมูก ไม่กล้าเปล่งเสียง 


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงมองเขาอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น 


 


 


จูหลานถลึงตาใส่เขา ยกเก้าอี้มานั่งข้างโถยาอย่างเชื่อฟัง คอยมองโถยาตาแทบไม่กะพริบ 


 


 


เห็นท่าทีว่าว่านอนสอนง่ายของเขา ทั้งสามก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้ 


 


 


ทั้งสามเข้ามาในห้อง ฮูหยินเปายังคงหลับสนิท 


 


 


เปาอีฝานวางยาลงบนโต๊ะ เดินมาข้างเตียง ร้องเรียกเสียงแผ่ว “ท่านแม่ ตื่นเถอะ ลุกขึ้นมาทานยาได้แล้ว” 


 


 


ฮูหยินเปาฝืนลืมตาขึ้น เห็นเปาอีฝานและคนอื่นๆ ขยับตัวจะลุกขึ้นนั่ง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปประคองนาง 


 


 


แค่การเคลื่อนไหวง่ายๆ นี้ ทำเอาฮูหยินเปาเหนื่อยจนหายใจหอบ 


 


 


เห็นอาการของนาง สีหน้าเปาอีฝานกลัดกลุ้มกังวล รอบตัวเต็มไปด้วยความเคืองแค้น 


 


 


ฮูหยินเปาราวกับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารของเขา ถามขึ้น “ฝานเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรหรือ?” 


 


 


เปาอีฝานควบคุมความรู้สึกตัวเอง ฝืนยกยิ้มอ่อน เปลี่ยนหัวข้อเรื่องของฮูหยินเปา พูดอย่างละมุน “ท่านแม่ ยาต้มเสร็จแล้ว ท่านพักสักครู่ แล้วค่อยดื่มยา” 


 


 


ฮูหยินเปาพยักหน้า ถามเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างคาดหวัง “แม่นางเมิ่ง หลังจากข้าดื่มยานี้แล้ว พรุ่งนี้จะเข้าร่วมพิธีแต่งงานของฝานเอ๋อร์ได้ใช่หรือไม่” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ฮูหยินวางใจ ขอเพียงท่านดื่มยาตรงเวลา ไม่เพียงจะเข้าร่วมงานแต่งงานของพวกเขาได้ ภายหน้ายังจะได้อุ้มลูกของพวกเขา วิ่งไล่จับหลานตัวอ้วนกลมของท่านไปทั่วลาน” 


 


 


ฮูหยินเปาปลาบปลื้มปิติ พูดเร่งเร้า “รีบยกยาเข้ามา!” 


 


 


สาวรับใช้เดินขึ้นหน้า คิดจะเข้าไปยกยาบนโต๊ะ 


 


 


“ข้าเอง” เปาอีฝานพูด 


 


 


สาวรับใช้มองฮูหยินเปา 


 


 


ฮูหยินเปาสูดลมหายใจเข้าลึก พูดอย่างอ่อนแรง “ให้ชิวผิงทำเถอะ เจ้าเป็นชายอกสามศอกจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร” 


 


 


ชิวผิงคิดจะยกถ้วยยาขึ้นอีกครั้ง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาหนึ่งก้าว ยกถ้วยยาขึ้น “ข้าเอง” 


 


 


ชิวผิงมองนางอย่างตกตะลึง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดตามองมือซ้ายของนางผ่านๆ แวบหนึ่ง ยกถ้วยยาขึ้น เดินไปนั่งข้างกายฮูหยินเปา 


 


 


ฮูหยินเปาโบกมือ “แม่นางเมิ่งเป็นแขก จะให้เจ้ามาป้อนยาให้ข้าได้อย่างไร?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ข้าและพี่ซุนเป็นเพื่อนรักกัน หากไม่เพราะพรุ่งนี้จะแต่งงาน พี่ซุนจะต้องเข้ามาป้อนยาให้ท่านด้วยตัวเอง ถือเสียว่าข้าแสดงความกตัญญูแทนนาง ท่านมิต้องปฏิเสธแล้ว” 


 


 


ฮูหยินเปามีความสุขกล่าวยกยอไม่ขาดปาก 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตักยาในถ้วยค่อยๆ ป้อนให้ฮูหยินเปาทีละช้อน 


 


 


กว่าฮูหยินเปาจะดื่มเสร็จก็ทำเอาเหนื่อยหอบ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวซับมุมปากให้นางอย่างเอาใจใส่ พูดเสียงแผ่ว “ท่านนอนพักอีกหน่อยเถิด เมื่อท่านฟื้นอีกครั้งจะรู้สึกสบายตัวขึ้น” 


 


 


ฮูหยินเปาพยักหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวประคองนางนอนลงบนเตียง 


 


 


ฮูหยินเปาหลับตาลงช้าๆ ค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทรา 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับสาวใช้ในห้อง “ให้ท่านฮูหยินได้พักผ่อนเต็มที่ ต่อให้มีเรื่องหนักหนารุนแรงเพียงใดก็ห้ามพวกเจ้ารบกวนนาง” 


 


 


สาวรับใช้รับคำ 


 


 


เดินออกมานอกห้องพร้อมกันทั้งสามคน 


 


 


เปาอีฝานมองดูท้องฟ้าแล้วสั่งการบ่าวรับใช้ “ไปตั้งสำรับอาหารที่เรือนข้า” 


 


 


สิ้นเสียงเขา เสียงของอันอี่หยวนก็ดังขึ้น “ไม่ต้องแล้ว ข้าจองห้องรับรองที่ภัตตาคารไว้ พวกเราไปกินด้วยกันเถอะ” 


 


 


จากนั้นเดินเข้ามาในลานเรือนอย่างมีความสุขพร้อมเมิ่งเสียน 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “อีกประเดี๋ยวข้าต้องไปแสดงความยินดีบ้านท่านพี่ซุน กินที่บ้านคุณชายเปาเถิด เอาไว้วันหลังมีเวลา พวกเราค่อยไปภัตตาคาร กินดื่มกันให้อิ่มหนำ” 


 


 


สถานการณ์ในวันนี้ค่อนข้างพิเศษ อันอี่หยวนจึงไม่ยืนหยัดอีก “ก็ได้ เอาไว้ครั้งหน้าข้าจะขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงแม่นางให้อิ่มหนำสำราญ” 


 


 


หลังกินอาหารเสร็จ หลังจากจัดแจงเตรียมการให้เมิ่งเสียน เหวินเปียวและเหวินหู่เรียบร้อย ก็ตรงมาจวนซุนพร้อมกับอันอี่หยวน 


 


 


คนเฝ้าประตูจวนซุนรู้จักอันอี่หยวน เห็นเขาเข้ามา รีบเข้าไปทักทายอย่างอ่อนน้อม “คุณชายอัน ท่านมาแล้ว” 


 


 


อันอี่หยวนพยักหน้า “รีบไปเรียนคุณหนูของพวกเจ้า บอกว่าแม่นางเมิ่งมาถึงแล้ว” 


 


 


คนเฝ้าประตูไม่รู้ว่าแม่นางเมิ่งเป็นใคร ทว่าเห็นนางมาพร้อมอันอี่หยวน เดาว่าคงจะเป็นคนที่คุณหนูรู้จัก หลังจากบอกให้พวกเขารอสักครู่ ก็วิ่งเข้าไปรายงาน 


 


 


เพียงอึดใจเดียว ภายในจวนก็มีเสียงเร่งฝีเท้าถี่ดังแว่วมา ตามมาด้วยเสียงปลื้มปริ่มของซุนฮุ่ย “น้องโยวเอ๋อร์ ข้ารอตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้ เหตุใดเจ้าถึงเพิ่งมา?” สิ้นเสียง คนก็มายืนเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ข้ามาแต่เช้าแล้ว มัวเสียเวลาอยู่บ้านฝ่ายเจ้าบ่าวเล่า” 


 


 


ซุนฮุ่ยกล่าวทักทายอันอี่หยวนหน้าแดงเรื่อ คล้องแขนเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างสนิทสนมเดินเข้าไปในจวน “วันนี้เจ้ามาแล้ว จะต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าให้ดี พอคิดว่าพรุ่งนี้ก็จะต้องแต่งงาน ข้าก็ตื่นเต้นจะแย่แล้ว” 


 


 


อันอี่หยวนเดินตามเข้ามาในจวน 


 


 


ซุนฮุ่ยสั่งให้บ่าวคอยดูแลอันอี่หยวน จากนั้นลากเมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปในห้องตัวเองอย่างไม่รอช้า 


 


 


ซุนฮุ่ยโบกมือให้สาวใช้ภายในห้องทั้งหมดออกไป แล้วดึงมือนางมาพูดว่า “วันนี้ท่านแม่มาพร่ำพูดเรื่องการแต่งงานตลอดทั้งเช้ากับข้า ข้าฟังแล้วหวาดกลัวยิ่งนัก แทบไม่อยากแต่งงานแล้ว” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มพูด “ท่านและคุณชายเปาไม่เหมือนคู่อื่นๆ พวกท่านหมั้นหมายกันมาหลายปี เข้าอกเข้าใจกันและกัน เป็นคู่ครองที่สมัครสมานรักใครกันโดยแท้” 


 


 


“ข้าก็คิดเช่นนี้มาตลอด กระทั่งเมื่อวานข้าก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่วันนี้พอท่านแม่พูดเรื่องดำรงเผ่าพันธุ์ สืบทอดทายาท คอยดูแลสามีเลี้ยงลูกให้ดี ข้าก็ตื่นกลัวขึ้นมาทันที” ซุนฮุ่ยพูดระบายพร้อมตบหน้าอกไปด้วย 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวขบขันนาง “ท่านตื่นกลัวที่จะต้องดูแลสามีเลี้ยงลูก หรือเรื่องที่ต้องสืบทอดทายาทกันเล่า?” 


 


 


ได้ยินวาจาแฝงความหยอกเย้าของนาง ซุนฮุ่ยก็ให้หน้าแดงก่ำ ทุบนางเบาๆ กลบเกลื่อน “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าพูดอะไรกัน?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะร่วน 


 


 


ซุนฮุ่ยก็หัวเราะตาม ความรู้สึกตื่นกลัวผ่อนคลายลงไม่น้อย 


 


 


“จริงสิ เจ้าไปทำอะไรที่บ้านเปาอีฝานตลอดทั้งเช้าหรือ? เหตุใดถึงเพิ่งจะมาหาข้าตอนนี้?” หลังจากหัวเราะเสร็จ ซุนฮุ่ยก็ถามขึ้น 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักค้างสีหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า “คุณชายเปารู้ว่าข้าพอจะรู้วิชาการแพทย์ ให้ข้าช่วยตรวจอาการให้ฮูหยินเปา กว่าจะเสร็จธุระ ก็ยามเที่ยงแล้ว พอข้ากินข้าวเที่ยงเสร็จถึงได้เพิ่งเข้ามา” 


 


 


“โอ้โห เจ้ายังรู้วิชาการแพทย์ด้วย?” ซุนฮุ่ยถามอย่างประหลาดใจระคนดีใจ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “รู้นิดหน่อย แต่มิได้เชี่ยวชาญ พอจะรักษาอาการเล็กๆ น้อยๆ ได้” 


 


 


“เช่นนั้นอาการป่วยของท่านป้าเปาเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อเตรียมงานแต่งงาน ข้าไม่ได้เข้าไปสี่ห้าวันแล้ว” ซุนฮุ่ยถามอย่างเป็นห่วง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตอบแหย่เย้า “อาการป่วยของท่านป้าเปาไม่มีอะไรหนักหนา รอเพียงจะได้อุ้มหลานตัวขาวอ้วนกลมของนางเท่านั้น” 


 


 


ซุนฮุ่ยให้หน้าแดงก่ำอีกครั้ง ยื่นสองมือออกมา พูดข่มขู่นาง “หากเจ้ากล้าหยอกเย้าข้าอีก ข้าจะจั๊กจี้เจ้าเดี๋ยวนี้” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรับลูกวิงวอนนาง “ท่านพี่สาวแสนดี ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปไม่กล้าอีกแล้ว” 


 


 


ทั้งสองหัวเราะครื้นเครง 


 


 


สาวใช้นอกห้องได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานของพวกนาง ต่างก็กังขา ทั้งสองคุยเรื่องอะไรกัน ถึงหัวเราะอย่างมีความสุขได้เช่นนี้ 


 


 


หลังจากแหย่เย้ากันเสร็จ ทั้งสองก็คุยกันอย่างสนิทสนมต่อ เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบกำไลมังกรหงส์ที่เตรียมไว้ออกมา วางใส่มือซุนฮุ่ย “ท่านพี่ซุน นี่เป็นของขวัญที่ข้ามอบให้ท่าน ท่านดูก่อนว่าชอบหรือไม่?” 


 


 


ซุนฮุ่ยรับมา คลี่ออกอย่างระวัง แล้วร้องอุทาน “สวรรค์ เป็นกำไลที่งดงามยิ่งนัก!” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มหยิบกำไลออกมา ใส่ที่ข้อมือนาง พยักหน้าพึงพอใจ “ผิวขาวเนียนของท่านพี่ซุนประดับด้วยกำไลนี้ช่างงดงามยิ่งนัก” 


 


 


ซุนฮุ่ยก็ชมชอบเช่นกัน หมุนข้อมือที่ใส่กำไลไปซ้ายทีขวาที แล้วถามว่า “กำไลราคามูลค่าสูงเช่นนี้ จักต้องจ่ายเงินไปไม่น้อยสินะ?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เงินทองไม่สำคัญ ท่านพี่ซุนชอบก็พอแล้ว” 


 


 


ทั้งสองคุยเล่นกันอีกครู่หนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวถึงลุกขึ้นกล่าวขออภัย “ท่านพี่ซุน เดิมวันนี้ข้าควรอยู่เป็นเพื่อนท่านที่จวนซุนหนึ่งคืน ทว่าอาการป่วยของฮูหยินเปายังวางใจไม่ได้ ข้าจักต้องกลับไปที่เรือนคุณชายเปา” 


 


 


ตั้งแต่ที่เมิ่งเชี่ยนโยวส่งข่าวกลับมาว่าจะเข้ามาก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน ซุนฮุ่ยก็เอาแต่เฝ้ารอ วันนี้ในที่สุดนางก็มาถึงแล้ว กลับไม่ทันไรก็จะไปอีก ซุนฮุ่ยอาลัยอาวรณ์ แต่ก็รู้ว่าอาการป่วยของฮูหยินเปาไม่ใช่เรื่องเล็ก จะรอช้าไม่ได้ จำต้องพยักหน้าอย่างอาวรณ์ 


 


 


เห็นนางทำท่าทางเศร้าสร้อย เมิ่งเชี่ยนโยวพูดปลอบประโลม “พรุ่งนี้พวกเราก็จะได้เจอกันอีก ข้ารับประกัน พรุ่งนี้หลังจากคุณชายเปารับตัวท่านมา ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะอยู่กับท่านในห้องหอ ต่อให้คุณชายเปาเข้ามา ข้าก็จะไล่เขาออกไป” 


 


 


ซุนฮุ่ยหัวเราะร่วน 


 


 


ทั้งสองเดินออกมาจากห้องซุนฮุ่ย ซุนฮุ่ยสั่งบ่าวรับใช้ไปเรียกอันอี่หยวน หลังจากส่งทั้งสองออกไปจากจวน มองดูคนทั้งคู่จนลับตาถึงหันหลังกลับเข้าจวน 


 


 


อันอี่หยวนและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาที่ศาลาว่าการ 


 


 


ด้านหน้าศาลาว่าการประดับประดาด้วยโคมไฟแดง ผูกริบบิ้นหลากสีสดใส ทว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารรุนแรง ขมวดคิ้วมุ่น มองไปโดยรอบ ถนนหน้าศาลาว่าการมีผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ ไม่มีอะไรให้รู้สึกผิดแปลกแตกต่างจากเมื่อก่อน 


 


 


แต่สัมผัสที่หกของเมิ่งเชี่ยนโยวแม่นยำมาตลอด ไม่มีทางที่ตัวเองจะคิดมากไปเอง จึงหันไปพูดกับอันอี่หยวน “ข้าเคยมาศาลาว่าการหลายครั้ง แต่ละครั้งได้แต่รีบมารีบกลับ ไม่เคยเดินวนรอบศาลาว่ากลางโดยทั่วสักครั้ง อย่างไรวันนี้ก็ไม่มีธุระอันใด รบกวนท่านช่วยพาข้าเดินโดยรอบหน่อยเถอะ” 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)