ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 202-205
ตอนที่ 202 เพียงต้องการฉีกเขาเป็นพันช...
ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะสตรีชั่วร้ายนางนั้น ทั้งๆ ที่เขาและชือฉิงอยู่ด้วยกันแต่ก็ไม่อาจใช้ชีวิตเป็นดั่งสามีภรรยาทั่วไป!
เขาเกลียดชังนาง อยากให้ดวงจิตของนางแตกสลายดับสูญ!
นางคงหอบร่างของตนเองหนีลงไปใต้อารามที่เขาเคยสร้างห้องใต้ดินเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว
หลังจากตอนนั้นเขาพาชือฉิงที่กลายเป็นงูยักษ์ไปสร้างความเคลื่อนไหวที่แม่น้ำลี่เหอ เหล่าประชาชนต่างคิดกันว่าเทพธิดาไม่ยอมปกป้องแม่น้ำลี่เหออีกแล้ว จึงค่อยๆ พากันเลิกราการจุดธูปหอมบูชาไปจนหมด
ขอเพียงควันธูปดับมอด ศรัทธาเสื่อมสูญ ดวงจิตของนางก็ต้องสูญสลายไปจากโลกนี้
เมื่อถึงวันที่เขาย้อนกลับไปเพื่อทำลายอารามด้วยตนเอง ต้นฮว๋ายที่อยู่ในอารามก็เ**่ยวเฉาไปแล้ว
เขาจึงรู้ว่า ในที่สุดชือหลีก็จบสิ้นไปแล้ว
นับจากวันนี้ไป นางไม่อาจเป็นภัยคุกคามเขาและชือฉิงได้อีก
แต่ชือฉิงถูกคำสาปของนาง ไม่อาจกลายร่างเป็นคนได้อีกตลอดกาล เขาได้ยินวิธีการมาวิธีหนึ่ง ขอเพียงมีจิตใจมุ่งมั่นในรักแท้ ใช้เลือดของเขาเลี้ยงดูชือฉิง เมื่อผ่านไปหลายปีเข้า คำสาปนั้นก็จะถูกทำลายลง
เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะได้อยู่กันชือฉิงอีกครั้ง
ดังนั้นตลอดสิบปีมานี้ มิว่าจะต้องเผชิญลมฝนเช่นไรเขาก็ยังมอบเลือดของตนเองให้ชือฉิง เพียงวาดหวังให้คำสาปนั้นถูกทำลายลงโดยเร็ว
ที่จริงเขาเคยคิดเอาไว้ว่า ต่อให้คำสาปมิอาจทำลายลงไป เขาก็ยังจะเลี้ยงดูชือฉิงไปชั่วชีวิต ชาตินี้ทั้งชาติจะไม่ขอห่างจากนาง
” จีหราน เจ้าเคยสำนึกเสียใจสักนิดบ้างไหม? ” ในตอนนั้นเอง มือของชือหลีก็บีบคางของเขาเอาไว้จนแน่น
ตู๋กูซิงหลันสัมผัสได้ถึงจิตใจของชือหลี นี่คือความรู้สึกที่อยู่ในใจของนาง
นางเกลียดชังบุรุษผู้นี้อย่างถึงที่สุด เพียงต้องการจะฉีกเขาเป็นพันชิ้น หักกระดูกให้แหลกเป็นผุยผง!
” เจ้ามันเป็นนางปีศาจ ที่ฮ่องเต้ลากออกมาเพื่อปิดหูปิดตาประชาชน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน! ” จีหรานยังคงปากแข็งดั่งเป็ดตายตัวหนึ่ง
ประชาชนเห็นท่าทางของเขาที่แม้จะตายก็ยังไม่ยอมรับ ก็ชักจะรู้สึกว่า หรือว่าหรานอ๋องจะถูกใส่ร้ายจริงๆ
เนื่องเพราะที่เขาพูดออกมาก็ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้
ฟังมาว่าฮ่องเต้พระองค์นี้น้ำพระทัยลึกล้ำ แม้แต่อี้อ๋องจีเย่ที่เป็นพระอนุชาแท้ๆ ยังถูกพระองค์ขับไล่ไปอยู่ซีเหลียงเลย
จีหรานเป็นเสด็จอา ทั้งยังได้รับความเคารพรักจากพวกเขา โอรสสวรรค์ไหนเลยจะยอมให้มีคนในราชวงศ์ได้รับความรักจากประชาชนมากกว่าตนเองได้กัน?
พวกเขาเองก็เป็นเพียงประชาชนธรรมดา ยิ่งไม่กล้าตัดสินว่าผู้ใดจริงผู้ใดเท็จโดยง่าย ได้แต่ทำตนเป็นฉากหลังมองดูจากด้านข้างเท่านั้น
ทันทีที่จีหรานพูดจบ ก็ยิ่งโหมความโกรธเกรี้ยวของชือหลีขึ้นมา
ดวงจิตของชือหลีไหววูบอย่างรุนแรง แทบจะฉีกทำลายยันต์สีชาดของตู๋กูซิงหลัน
ดวงเนตรยาวรีของนางลุกโชนด้วยไฟแค้น ภายใต้การควบคุมของตู๋กูซิงหลัน ก็ตบลงไปบนพักตร์ของจีหรานอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง ” เจ้ามันตัวเนรคุณ! “
ลูกตบของเทพเรียกเลือดสดๆ จากริมฝีปากของจีหราน ร่างของเขาปลิวไปดั่งเศษผ้าชิ้นหนึ่ง พอเห็นอยู่ว่ากำลังจะกระแทกเข้ากับลำต้นของต้นฮว๋ายในอาราม
ก็มีหางที่ใหญ่ยาวของงูยักษ์พุ่งออกมารับตัวจีหรานเอาไว้
งูตัวนั้นพอรัดตัวจีหรานเอาไว้ได้ก็คิดจะหนี
ผู้คนทั้งหลายหวาดกลัวมันต่างก็ไม่กล้าขัดขวาง
ฮ่องเต้เสด็จออกมาจากในอาราม ตรัสคำเดียวด้วยพระพักตร์เย็นชา ” ตาม”
เหล่าองครักษ์รับพระบัญชา ต่างโผร่างเหาะขึ้นไปขวางทางเจ้างูยักษ์ตัวนั้นเอาไว้
” ซี่ ซี่ ซี่…….” งูยักษ์แลบลิ้นออกมา จดจ้องพวกเขาด้วยสายตาชิงชัง
แต่กลับม้วนตัวจีหรานเอาไว้ด้วยความระมัดระวัง ความกลัวว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
ประชาชานทั้งหลายต่อให้โง่เขลาเพียงใด ยามนี้ก็สามารถดูออกว่างูตัวนี้กำลังปกป้องจีหรานอยู่
หากว่าเป็นปีศาจที่ฮ่องเต้ทรงเรียกออกมาจริงๆ เช่นนั้นจะปกป้องจีหรานไปทำไมกัน?
ประกอบกับเมื่อครู่งูตัวนั้นก็พุ่งออกมาจากตำหนักของจีหราน เช่นนี้ต่อให้มิได้พูดอะไร พวกเขาก็เข้าใจได้ แล้ว ว่างูตัวนี้ต้องถูกจีหรานเลี้ยงเอาไว้อย่างแน่นอน
เหล่าองครักษ์เคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายลม หลังไล่ตามอยู่เพียงครู่เดียว ในมือของพวกเขาก็ปรากฎตาข่ายสีทองขึ้นมา ตาข่ายถูกเหวี่ยงขึ้นไป คิดจะจับงูตัวนั้นเอาไว้
แต่น่าเสียดายที่เกล็ดบนตัวมันแข็งแกร่งมาก ตาข่ายสีทองพอคลุมลงไปถูกมันดิ้นเพียงไม่กี่ครั้งก็ขาดกลายเป็นรูขนาดใหญ่
ในตำหนักของจีหราน อู้เจินและอู๋ซื่อต่างก็รีบรุดออกมาช่วยเหลือ ที่ด้านหลังของพวกเขายังมีเหล่าลูกศิษย์ที่งดงามดั่งบุปผาชุ่มน้ำตามมาอีกด้วย
เหล่านักพรตน้อยที่งดงามเหาะลงมาดุจเซียนวิเศษ พวกเขาพากันเขวี้ยงยันต์และชักกระบี่วิเศษใส่งูยักษ์ คิดจะสกัดจับมันเอาไว้
หลังจากรับมือกันอยู่หลายรอบ งูยักษ์นั้นก็พังท้องถนนเสียจนราบคาบ มันโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ส่งเสียงกรีดร้องดังกึกก้อง น้ำในแม่น้ำลี่เหอก็เกิดคลื่นซัด เห็นอยู่ว่ากำลังจะถาโถมเข้าสู่เมืองลี่โจวอีกครั้ง
” ที่แท้ปีศาจที่ทำให้แม้น้ำลี่เหอวิปริตไปก็คืองูตัวนี้! ” ในบรรดาฝูงชนมีคนคิดขึ้นมาถึงเสียงประหลาดที่ดังกึกก้องขึ้นมาในวันนั้นได้
” ใครจะไปคิดกัน ว่าหรานอ๋องยามปกติคำนึงถึงประชาชนก่อนอยู่เสมอ ที่แท้ก็คือเจ้านายของสัตว์ปีศาจ! “
” สวรรค์ทรงโปรด พอคิดดูให้ดีๆ ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว ตกลงเขาคิดอะไรอยู่กันแน่? ทั้งหมดนี้คือการวางแผน รวบไปถึงที่สละร่างเข้าขวางเขื่อนแตกด้วยหรือ? “
ไม่กล้าคิดเลยจริงๆ หากว่าวันนี้ฮ่องเต้มิได้เสด็จมา เมื่อลี่โจวจะกลายเป็นเช่นไร “
…………………………….
จีฉวนประทับอยู่ในอาราม สายพระเนตรเหลืบลงที่ใต้โต๊ะบูชาอย่างจดจ้อง
ทันทีที่ทอดพระเนตรลงไป ก็เห็นว่าใต้บันไดหลายขั้นนั้นมีความเคลื่อนไหว
พอดวงเนตรหงส์ของเขาหรี่ลง ก็พบว่าเป็นศีรษะของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมา แม้จะมีหนวดเครารกครึ้มแต่ก็ไม่อาจปิดบังใบหน้าที่งดงามนั้นได้
” ฝ่าบาท? ” ตู๋กูเจวี๋ยเห็นพระองค์ก็พลอยตกตะลึง เขากวาดตามองฮ่องเต้ที่แต่งพระองค์มาอย่างเต็มยศ ชนิดที่เรียกว่าแทบจะเขียนเอาไว้บนพระพักตร์ว่า ” ข้าคือฮ่องเต้” อย่างไรอย่างนั้น
เขาถวายพระพรจีฉวนครั้งหนึ่ง ค่อยกราบทูลว่า “พวกเขาพูดจามั่วซั่ว ตอนนั้นคนที่เอาตัวเข้าไปขวางเขื่อนที่แตกก็คือกระหม่อม จีหรานผู้นั้นมิใช่ตัวดี! “
” ฝ่าบาท พระองค์มิได้ทรงทราบ ตอนนั้นสถานการณ์อันตรายมาก เขื่อนนั้นเดิมทีก็อ่อนเป็นเต้าหู้ แค่มีงูตัวหนึ่งเข้าไปชนเพียงเบาๆ ก็พังทลายออกมาแล้ว ตอนนั้นกระหม่อมร้อนใจ ไม่มีหนทางอื่นได้แต่ใช้ร่างที่ผ่ายผอมเล็กบางของตนเองขวาง แต่ก็ไม่อาจปิดรอยแตกนั้นเอาไว้ได้ ทั้งยังถูกกระแสน้ำพัดพาไป เฮ้อ โชคดีที่ยามปกติกระหม่อมทำบุญแผ่เมตตาเอาไว้มาก จึงได้รับความคุ้มครองจากสวรรค์ ตอนนี้ถึงได้ถูกเทพธิดาช่วยออกมาแล้วอย่างไรเล่าพะยะค่ะ”
ทูลแล้ว ตู๋กูเจวี๋ยก็หันไปกล่าวกับเทพธิดาว่า ” เทพธิดา บุญคุณที่ช่วยชีวิตไม่รู้จะตอบแทนเช่นไรดี ประเดี๋ยวข้าจะช่วยแทงจีหรานให้ท่านสักสองดาบ ให้ท่านได้ระบายแค้นในปีนั้นออกมา”
” ถึงแม้ว่าช่วงนี้ทั้งร่างกายและจิตใจของข้าจะพึ่งผ่านการถูกทรมานอย่างอย่างหนักหนา แต่ว่าบุญคุณช่วยชีวิตจะอย่างไรย่อมยิ่งใหญ่กว่าและสำคัญกว่า ข้ามิใช่จิ้งจอกตาขาว ย่อมไม่มีทางลืมเลือนอยู่แล้ว “
ยามนี้พอชือหลีได้ยินเสียงของเขาขึ้นมาทีไรนางเป็นต้องรู้สึกคลื่นไส้วิงเวียน!
เจ้าช่วยลืมมันไปเสียเถอะ!
ฮ่องเต้เองก็ทรงขมวดพระขนงเบาๆ เห็นตัวเขาสกปรกไปหมดทั้งยังมีกลิ่นเหม็นโชยชาย ฮ่องเต้จึงขยับพระองค์ไปทางด้านข้างหลายก้าว ไม่คิดจะเสวนากับเขาเลยแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้ก็รู้อยู่แล้ว ว่าคุณชายรองตระกูลตู๋กูเป็นคนช่างพูด แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีวาจาไร้สาระมากมายถึงเพียงนี้
ชาวบ้านทั้งหลายได้เห็นเขา และได้ฟังคำพูดของเขา ก็กึ่งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
หรานอ๋องจะแย่เพียงไร ก็คงไม่ถึงขั้นแย่งผลงานปิดกั้นเขื่อนของผู้อื่นหรอกมั้ง?
พอมองออกไป ทั้งองครักษ์ นักพรต และงูยักษ์ตัวนั้นต่างก็ต่อสู้กันไปอีกหลายรอบแล้ว ตลอดทั้งถนนถูกทุบทำลายจนกลายเป็นพื้นที่ราบ
ชือหลียังคงถูกควบคุมเอาไว้ ไม่อาจกระทำการเกินเลยด้วยตนเอง นัยตายาวรีทั้งสองของนางมองดูชือฉิงที่กลายเป็นงูยักษ์ กำลังพยายามปกป้องจีหรานเอาไว้อย่างดี ก็คิดถึงตอนที่ถูกคนทั้งสองหักหลังขึ้นมา ใจของนางราวกับถูกฉีกกระชากออกจากกัน
ตู๋กูซิงหลันไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไป ทั้งไม่อยากเห็นประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ในมือจึงเพิ่มยันต์สีแดงอีกแผ่นหนึ่งขึ้นมา ขณะที่นางยังไม่ทันได้เขวี้ยงออกไป ก็เห็นสหายติ๊งต๊องชิงอาสากระโดดนำไปก่อนเสียแล้ว
ตอนที่ 203 ที่แท้นางก็มิได้หลอกลวงเขา
มันกระพือปีกทั้งสองข้าง และด้วยการกระโดดโผเพียงครั้งเดียวก็โบยบินออกไปจากทางเดินใต้ดินไปแล้ว
พอส่งเสียงร้องออกมาครั้งหนึ่ง ทั่วทั้งร่างก็เปล่งประกายสีทองออกมา
มันสะบัดปีก อุ้งเท้าที่รวบอยู่ในอากาศก็แสดงท่วงท่าอันสง่างามและองอาจออกมา โผบินด้วยลีลาที่สุดแสนจะหยิ่งผยอง
ท่ามกลางท้องฟ้าที่อึมครึมพลันปรากฎสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งที่มีประกายสีทองทั่วทั้งร่าง สายตาของทุกผู้ทุกนามต่างก็ถูกดึงดูดไปทางนั้น
เจ้างูยักษ์พอเห็นมันเข้า ก็คิดถึงความน่ากลัวยามเมื่อถูกเจ้าไก่ตัวนั้นโจมตีเมื่อหลายคืนก่อนขึ้นมาทันที
ความดุร้ายของมันจึงถดถอยลงไปมาก
พอมันม้วนหางได้ก็คิดจะหลบหนี แต่กลับถูกเหล่าองครักษ์และนักพรตทั้งหลายสกัดไว้
เจ้าติ๊งต๊องโฉบลงไปตรงบริเวณเจ็ดนิ้วจากหน้าท้องของมัน กรงเล็บที่แหลมคมคู่นั้นเปล่งประกายสีทองออกมา มันตะปบลงไปโดยมิได้รอช้า
ทันทีที่กรีดอุ้งเท้าลงไป ก็ฉีกเอาเกล็ดที่แข็งแกร่งเหล่านั้นออกมา
” ซี่ ซี่ ซี่……” งูยักษ์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายที่ใหญ่โตโอฬารของมันขดม้วนไปมาคิดจะสะบัดเจ้าไก่ขนฟูตัวนั้นลงไป
แต่ยิ่งมันออกแรง กรงเล็บของเจ้าไก่ขนฟูก็ยิ่งตะครุบแน่นขึ้น เล็บของมันยาวเสียยิ่งกว่ามีดสั้น พอกรีดทะลุเกล็ดลงไปก็ฉีกจนเห็นเนื้อที่อยู่ภายใน
จุดเจ็ดนิ้วจากหน้าท้องของงูนั้นเป็นบริเวณที่ใกล้กับหัวใจของงู หากว่าหัวใจถูกตะครุบเอาไว้ มันก็ได้แต่ต้องตายสถานเดียวแล้ว
กรงเล็บที่ยาวและแหลมคมของเจ้าไก่ตัวนั้นเดิมทีมิได้มีผลกับมันสักเท่าไร ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเผาผลาญสิ่งชั่วร้ายทั้งหมด มันต้องคำสาปแห่งทวยเทพต้องกลายเป็นอสรพิษดุร้าย เดิมที่ก็นับว่าตัวประหลาดที่ไม่อาจสู้หน้าผู้คนได้อยู่แล้ว
พอแสงเพลิงสีทองนี้แผดเผาจากจุดเจ็ดนิ้วลงไป ก็ยิ่งทำให้กระทั่งหัวใจของมันถูกเผาไปด้วย จนมันเจ็บปวดอย่างไม่อาจทนทาน
แต่ว่าหางของมันยังคงม้วนตัวจีหรานเอาไว้ ทำให้ไม่อาจตอบโต้เจ้าไก่ขนฟูนั่นได้เลยแม้แต่น้อย
มันคิดแต่จะพาจีหรานหนีไปให้ไกลจากที่นี่
” กะ กะ กะต๊าก! “เจ้าไก่ขนฟูคือติ๊งต๊องผู้ไร้ความปราณี มันตะกุยกรงเล็บลงไป ทั้งยังสาดแสงเพลิงออกมาโดยมิได้หยุดหายใจ
ยามนี้ไฟนั่นแผดเผาไปจนถึงหัวใจของงูยักษ์แล้วจริงๆ
จนสามารถได้ยินเสียงดังฉ่าๆ ออกมา กลิ่นเนื้อที่ถูกย่างลอยคุ้งไปทั่ว จุดเจ็ดนิ้วของงูถูกย่างจนสุกกลายเป็นเนื้องูสุกใหม่ที่แสนจะน่ากิน
เจ้าไก่ขนฟูได้แต่น้ำลายไหล
วันนั้นมันได้กินเนื้องูไปเล็กน้อย ก็ได้รับพลังที่สามารถสร้างเพลิงสีทองเช่นนี้ขึ้นมา หากว่าวันนี้มันได้กินไปอีกสักหลายคำ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดผลได้ถึงขนาดไหน
หากว่ามันมีความสามารถเพิ่มพูนขึ้นมาละก็ พี่สาวตัวน้อยจะต้องยิ่งชมชอบมันอย่างแน่นอน
ฮืม จะต้องรักมันมากกว่าไอ้ถวนจื่อตัวดำนั่นเป็นแน่
พอคิดได้ถึงตรงนี้ มันก็ใช้จงอยปากที่แหลมคมจิกลงไป ฉีกเอาทั้งเนื้อและเกล็ดหลุดออกมาชิ้นใหญ่ กลืนลงไปโดยไม่ได้เคี้ยวเลยแม้แต่น้อย
ที่จริงแล้ววิญญาณทมิฬเองก็คิดอยากจะเข้าไปเอาส่วนแบ่งอย่างยิ่ง แต่ว่าน่าเสียดายกระทั่งตัวมันเองยังต้องเกรงใจเพลิงสีทองของเจ้าไก่ขนฟูตัวนั้น จนไม่กล้าเข้าใกล้เลยสักนิด
พอคิดไปคิดมาแล้วมันก็เห็นว่าชีวิตน้อยๆ ของตนเองยังคงสำคัญกว่า เนื้องูนั่นมันคงได้แต่ต้องถอดใจเสียแล้ว
เพียงครู่เดียว เจ้าไก่ขนฟูก็กลืนเนื้องูลงไปอีกชิ้น
พอผู้คนทั้งหลายอยู่ๆ ก็ได้เห็น’ไก่ยักษ์’ ที่มีเพลิงสีทองโผบินออกมาก็ต้องพากันตกตะลึงไปตามๆ กัน
พอเห็นมันโผบินขึ้นสูง ตลอดร่างสง่างามแกล้วกล้า แม้แต่งูยักษ์ตัวนั้นก็ถูกมันโจมตีจนไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้ได้เลย
เจ้าไก่สีทองตัวนั้นบินออกมาจากในอาราม หรือว่าจะเป็นสัตว์เทพที่เป็นผู้ติดตามของเทพธิดากัน?
” เราผู้เป็นเทพได้รับเครื่องบูชาขอพรจากโอรสสวรรค์ ย่อมต้องขจัดสิ่งชั่วร้ายแทนสวรรค์ ไก่ตัวนี้เกิดจากผืนทรายใต้ฐานรองนั่งของเรา ควรค่าแก่การให้ความเคารพ ” ตู๋กูซิงหลันเริ่มพล่ามไร้สาระต่อไป
สหายติ๊งต๊องนั้นเป็นดาวพิฆาตของงูยักษ์แต่กำเนิด ทั้งๆ ที่ขนาดร่างกายของมันต่างกับเจ้างูยักษ์นั้นมาก แต่ว่ายิ่งจู่โจมก็ยิ่งได้เปรียบ
ในเมื่อไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกไปจัดการด้วยตนเอง ตู๋กูซิงหลันก็รู้สึกว่านางสามารถออมแรงไปได้มาก
นางอาศัยจิตเทพเอื้อนเอ่ยของชือหลี นอกจากฮ่องเต้แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดมาสังเกตทางใต้ดินที่ใต้โต๊ะบูชาอีก
ยามนี้ดวงเนตรหงส์เหลือบมองลงไปอีกครั้ง
คนในวังยิ่งทียิ่งโอหังมากแล้ว ที่แท้แล้วเจ้าไก่ขนฟูที่เขาลงมือจับส่งไปยังห้องเครื่องด้วยตนเองกลับยังไม่ตาย คนในห้องเครื่องเหล่านั่นไปหาไก่กาตัวอื่นมาปิดบังเขา
เจ้าไก่ขนฟูนั้นเอาแต่ตามติดนางอยู่ทั้งวี่ทั้งวัน แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ไก่ดีจากที่ไหน
ยามนี้มันมีเพลิงสีทองทั่วทั้งร่าง พอคิดว่าหากในอนาคตจะจับมันมาตุ๋นน้ำแกงก็จะต้องยากยิ่งกว่าเดิมแล้ว
ขณะที่ฮ่องเต้ทรงกำลังใคร่ครวญปัญหาที่สำคัญนี้อยู่ ก็ชักพระบาทเสด็จไปยังปากทางใต้ดินอีกก้าวหนึ่ง ร่างสูงมองลงไปยังด้านล่าง
เพียงแค่แว๊บเดียวก็ทอดพระเนตรเห็นตู๋กูซิงหลันยืนอยู่บนบันไดไม้
นางสวมชุดบุรุษหนุ่มสีดำ เกล้าผมรวบสูงเป็นหางม้าเช่นเดิม ใบหน้ารูปไข่ที่งดงามสะดุดตา คราวนี้ยิ่งส่งประกายองอาจเหนือผู้คน
เป็นหนุ่มน้อยที่หล่อเหลางดงามผู้หนึ่ง
อยู่ๆ ตู๋กูซิงหลันก็รู้สึกว่าศีรษะเย็นวาบขึ้นมา พอเงยหน้ามองดูก็เห็นว่าเป็นพระพักตร์ภูเขาน้ำแข็งพันปีที่ไม่มีวันละลายของฮ่องเต้
อุ้ย ทำไงดี ชักจะอายๆ อยู่เหมือนกัน
ทำไมสิ่งที่อยู่ในความสนใจของฮ่องเต้ผู้นี้ถึงได้ไม่เหมือนกับของผู้อื่นตลอดเลยนะ?
เจ้าติ๊งต๊องนั้นเท่ห์จะตายเขาไม่คิดจะไปดูบ้างหรือ?
เขาสมควรจะประหลาดใจที่ได้เห็นไก่ที่เสกไฟได้ไม่ใช่หรือ? จะวิ่งมานี่เพื่อจับตาดูนางทำไมกัน?
พอดวงตาทั้งสี่ประสานกัน สายพระเนตรของจีเฉวียนก็หรี่ลง เมื่อครู่เขาโดนหุ่นไม้สาปแช่ง แม้ว่าน้ำแข็งบางๆ บนใบหน้าจะละลายไปแล้วแต่ว่าสีหน้าก็ยังคงย่ำแย่อยู่หลายส่วน
คนดูไปแล้วให้ความรู้สึกคล้ายดั่งกับคนงามที่ป่วยไข้
จีเฉวียนมองเห็นนาง ก็มิได้ตรัสสิ่งใด
เขามิได้ประหลาดใจเลยสักน้อย เพียงยืนอยู่ด้านข้าง มองดูนางควบคุมดวงจิตของชือหลี
ตู๋กูซิงหลันถูกเขาจ้องมองมา ก็เกรงว่าวันหน้าเขาจะมาหาเรื่องนาง จึงได้แต่ทำหน้าหนากล่าวออกไปว่า ” จีเฉวียน โอรสสวรรค์แห่งต้าโจว ได้รับชะตาฟ้าเป็นมังกรจุติ แคว้นต้าโจวมีประมุขเช่นนี้ ย่อมต้องเจริญรุ่งเรืองสืบเนื่องกันไปทุกรุ่นอีกนานนับพันปี “
แน่นอนว่า ในสายตาของผู้คนทั้งหลาย คำพูดนี้เป็นชือหลีเอ่ยออกมา
แต่ที่จริงประโยคประจบประแจงเช่นนี้ เป็นเพียงการดิ้นรนเพื่อการเอาชีวิตรอดของนางเท่านั้น
ชือหลีรู้สึกว่านางเป็นเทพมาตั้งนานหลายปี ยังไม่เคยรู้สึกว่าอับอายขายหน้าถึงขนาดนี้มาก่อน
จะอย่างไรนางก็เป็นถึงดวงจิตของเทพ แต่ว่านังเด็กน้อยผู้นี้กลับยืมปากของนางมาประจบประแจงฮ่องเต้นั่น
ขนาดนางที่เป็นเทพเด็กนั่นยังกล้าเล่นงาน แต่แล้วกลับเกรงกลัวฮ่องเต้องค์หนึ่ง? นางที่มีความสามารถถึงเพียงนี้หากจะกำจัดฮ่องเต้ทิ้งไปสักคนแล้วให้ตนเองขึ้นแทนที่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใดๆ เลยสักนิด
จีเฉวียนถูกนางประจบประแจงเสียจนอิ่มเอิบขึ้นมาเขานึกถึงคำพูดนี่นางเคยกล่าวกับเขาเมื่อตอนแรกๆ ขึ้นมาได้
นางอยากให้เขาเป็นฮ่องเต้ที่ดี
ตระกูลตู๋กูของนางยังจงรักภักดีต่อเขา
ที่แท้ นางก็ไม่ได้โกหกเขา
เขารู้ว่านางรู้วิชาไสยเวท แต่คิดไม่ถึงว่าแม้แต่จิตของเทพนางก็สามารถควบคุมได้ ทั้งยังใช้ปากของเทพมาพิสูจน์ให้เขาดู
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ตู๋กูซิงหลันจะทำเพื่อเขาถึงเพียงนี้
นอกจากตอนเด็กๆ ที่เคยได้รับการปกป้องจากพระมารดาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่จีเฉวียนทรงรู้สึกว่ามีคนปกป้องเขา
หัวใจที่เย็นเป็นน้ำแข็งถูกกระเทาะออกมาเล็กน้อย ความอบอุ่นสายหนึ่งแทรกซึมเข้าไป เติมเต็มในหัวใจของเขา
อืม เป็นความอบอุ่นจากดอกฮว๋ายฮวา
จีเฉวียนมองดูนาง เกล็ดน้ำแข็งในดวงเนตรหงส์คู่นั้นละลายออกไป ปลายนาสิกแสบร้อนขึ้นมา แม้กระทั่งในดวงเนตรก็มีไอน้ำเกาะพราว
นั่นเป็นความรู้สึกที่มิอาจจะบรรยายออกมาได้
เขาที่ถูกพระบิดาทอดทิ้ง ถูกผู้คนรุมรังแก มีกระทั่งช่วงเวลาที่ต้องไปแย่งชิงอาหารกับสุนัข แต่ก็ยังไม่เคยหลั่งน้ำตาเลยสักหยด
ตอนนี้กลับ อยากจะร้องไห้ออกมา
เขาเป็นฮ่องเต้ จะหลั่งน้ำตาได้อย่างไร?
แต่ว่าตอนนี้ หยดน้ำในดวงตากลับเอ่อขึ้นมาอย่างระงับไม่อยู่
เขามองดูตู๋กูซิงหลันด้วยสายตาที่ลึกล้ำครั้งหนึ่ง
ในตอนนั้นเอง ฮ่องเต้ได้ทรงตัดสินพระทัยบางอย่างออกไปอย่างเงียบๆ ……
ตอนที่ 204 บุรุษในตระกูลจีของข้า ที่ผ...
ตู๋กูซิงหลันแห็นท่าทางของเขา ในใจก็เกิดความตระหนกขึ้นมา
ใช่เป็นเพราะว่ากลิ่นในห้องใต้ดินนี้รุนแรงเกินไปหรือไม่ ถึงได้ทำให้เขาพาลน้ำตาไหลออกมา?
นางยังจำได้ว่าตอนที่เขาถูกมูลราชาหมาป่ารมในพระตำหนักจิ่นซิ่ว เขาก็มีสีหน้าเช่นนี้
นางได้แต่โบกแขนเสื้อเบาๆ คิดจะพัดกลิ่นพวกนั้นให้เบาบางลง จมูกของฮ่องเต้สุนัขผู้นี้ก็ดีเกินไปแล้ว เห็นท่าทางของเขาดูอ่อนแอเช่นนี้ น่ากลัวว่าหากทนไม่ไหวคงจะต้องเป็นลมล้มลงไปแน่
จีเฉวียนประทับยืนอยู่ด้านข้าง ก็ยื่นมือไปหยิบผลไม้สีแดงสดใสผลหนึ่งจากบนโต๊ะบูชาส่งให้กับนาง
อือ ในเมืองลี่โจวเดิมก็ไม่มีของกินอะไรอยู่แล้ว หลายวันนี้นางย่อมไม่ได้ทานอาหาร อย่าได้หิวจนย่ำแย่ไป
ตู๋กูซิงหลัน “? ” ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาหมายความว่าอะไร
นางรับผลไม้ที่จีเฉวียนส่งให้ไปอย่างเงียบๆ ของพวกนี้ไม่ใช่ว่าเอาไว้บูชาเทพหรือ?
” เจ้ากินเสียเถอะ เจ้าก็คือเทพที่อยู่เบื้องหลัง มิใช่ว่าต้องถวายบูชาให้เจ้าหรอกหรือ? ” วิญญาณทมิฬกรอกตาค้อน ตอนนี้มันอัดอั้นตันใจอย่างมาก ตัวมันไม่มีโอกาสได้กินเนื้องูที่เลิศรส ได้แต่ยอมยกทั้งหมดให้ไอ้ไก่นั่น แค่นี้ก็นับว่าได้รับความอยุติธรรมมากแล้ว
ตอนนี้เจ้าฮ่องเต้สุนัขนั่นยังเป็นฝ่ายยื่นของกินให้หลันหลันด้วยตนเอง ฮือ ฮือ ฮือ
ตู๋กูซิงหลันเงียบงันไป เจ้าวิญญาณทมิฬนั่นเหมือนจะพูดถูก
……………………
ที่ด้านนอก ติ๊งต๊องที่มีเปลวเพลิงสีทองอยู่ทั่วร่าง กลืนเนื้องูลงไปหลายคำแล้ว
มันโบกปีกอันใหญ่โตไปมา ส่งเสียงสูงร้องกะต๊ากๆ ออกไป
เมื่อมีมันเป็นแม่ทัพ เหล่าองครักษ์และนักพรตทั้งหลายเป็นทหารราบ ก็สามารถสกัดงูยักษ์ตัวนั้นเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด อู๋ซื่อและอู๋เจินศิษย์พี่และศิษย์น้องทั้งสองเสกฝุ่นดินเป็นแส้มัดปากงูยักษ์ตัวนั้นเอาไว้ไม่ให้มันส่งเสียงกรีดร้องสร้างคลื่นในแม่น้ำลี่เหออีก
เหล่าองครักษ์ก็สกัดบริเวณลำคอของมันเอาไว้ เมื่อใช้ดาบกระบี่กระหน่ำแทงลงไป ถึงแม้ว่างูยักษ์จะมีเกล็ดที่ทั้งหนาและแข็งอย่างยิ่งก็สามารถกรีดจนเป็นแผลลากยาว
ที่สำคัญที่สุดก็คือเปลวเพลิงสีทองของเจ้าไก่ขนฟู ที่แผดเผาจนมันเจ็บปวดแทบสิ้นชีวิต
เหล่าประชาชนได้เห็นดังนั้นต่างก็พากันตกตะลึงจนถึงขีดสุด แต่ละคนยิ่งเพิ่มพูนความเคารพในตัวเทพธิดาแห่งสายน้ำ
พวกเขาเลิกจุดธูปเทียนบูชามานานหลายปี คิดไม่ถึงว่าเทพธิดาจะยังคงยอมส่งไก่เทพออกมาช่วยเหลือพวกเขากำราบปีศาจ
ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะฮ่องเต้ทรงทำการถวายบูชาอย่างได้ผล เขาคือโอรสที่สรวงสวรรค์เลือก เมื่อแผ่พระเกียรติแห่งจักรพรรดิออกมาก็สามารถทำให้เทพธิดายอมรับ
ที่ปลายหางของงูยักษ์ จีหรานที่ถูกปกป้องเอาไว้อย่างระมัดระวังมองดูงูยักษ์ต้องเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ในใจของเขาก็เหมือนจะบิดเป็นเกลียว
เขาอยากจะดิ้นออกไปจากหางงู แต่ว่างูยักษ์กลับรัดเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ทั้งยังรับดาบแทนเขาไปอีกหลายครั้ง
จีหรานไอออกมาหลายครั้ง ตะโกนใส่ชือหลีอย่างคลุ้มคลั่ง ” ชือหลี จะฆ่าจะแกงก็จงมาลงที่ข้าผู้เป็นอ๋อง อาฉิงนางไม่ได้ผิดอะไร! “
ภายในอารามสีหน้าของชือหลีพลันเปลี่ยนไป ความเกลียดชังที่รุนแรงพวยพุ่งขึ้นมาจนเกือบจะทลายยันต์สีชาดของตู๋กูซิงหลันออกไป
นัยตายาวรีสีแดงเลือดคู่นั้นทอประกายแสงเย็นยะเยือกดั่งธารน้ำแข็ง จดจ้องมองจีหรานอย่างลึกล้ำ นางแย้มยิ้มอย่างเย็นชา ” พวกเจ้าช่างเป็นชายหญิงชาติสุนัขที่มีความรักลึกล้ำต่อกันจริงๆ “
หากมิใช่เป็นเพราะถูกยันต์สีชาดของตู๋กูซิงหลันควบคุมเอาไว้ นางจะต้องสับชายหญิงชาติสุนัขคู่นี้จนเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว
” ชือหลี เจ้ามันไม่มีเมตตาไร้ปราณี ทั้งที่เป็นถึงเทพ หากปีนั้นเจ้าไม่ได้พรากข้ากับอาฉิง บีบบังคับให้ข้าแต่งเจ้าเป็นภรรยา พวกเราก็คงไม่ต้องมีวันเป็นเช่นนี้! ” จีหรานตอกย้ำอย่างหนักแน่น ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีความผิดใดเลยสักนิด
” ตอนนั้นข้ายังเยาว์วัยไม่รู้ความ ถึงได้ให้คำสัญญากับเจ้าไป เจ้ากลับยึดไว้ไม่ยอมปล่อย บุรุษในโลกมีนับพันนับหมื่น ทำไมจึงจะต้องเป็นอ๋องเช่นข้าเท่านั้น? “
ยามนี้ชือหลีคิดแต่เพียงจะตัดลิ้นของเขาออกมาป้อนให้สุนัขกิน ดูคำพูดเหล่านั้นสิยังจะใช่คนอยู่หรือไม่?
ตู๋กูเจวี๋ยทนดูไม่ได้อีกต่อไป ถูกขังอยู่คุกใต้ดินมาตั้งนาน เขาย่อมได้รับรู้เรื่องราวของชือหลีมาเจ็ดแปดส่วน
บวกกับที่เขามาบรรเทาทุกข์อยู่ที่ลี่โจวนี้เกือบครึ่งปี นับว่าได้รู้จักท่านอ๋องจีหรานผู้นี้จนคุ้นเคย อ๋องผู้นี้เป็นคนเช่นไร ตนเองเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง
” หรานอ๋อง ข้าจะไม่ด่าเจ้าก็คงจะไม่ได้แล้ว จะเลวก็เลวไปเถอะ ไยต้องมาทำให้ราชวงศ์ต้องแปดเปื้อนถึงเพียงนี้ เจ้ามันทำให้พวกเราเหล่าบุรุษต้องอับอาย! “
” ดูแม่นางเทพธิดาสิ นางงดงามหาใดเทียบ มีรักแท้ให้โดยไม่แปรผัน ทั้งยังมีบุญคุณช่วยชีวิตเจ้า ปกป้องชาวเมืองลี่โจวมาตลอดหลายปี ฐานะสูงส่งเกินใดเทียบ นางเกิดความรักต่อเจ้า ต่อให้บรรพบุรุษของเจ้าฟื้นขึ้นมาก็ยังไม่อาจวาดฝันได้ “
” เจ้ากลับดีเหลือเกิน ไม่เพียงแต่หักหลังนาง ไปพลอดรักเพ้อรำพันกับน้องสาวของผู้อื่น ตอนนี้ยังจะกล้ามาโต้กลับ สาดน้ำเย็นใส่เทพธิดาเช่นนาง เจ้าไม่ละอายบ้างหรือไร? เจ้าไม่ละอาย ฮ่องเต้ยังทรงละอายแทนเลย ต้องมามีเสด็จอาเช่นเจ้า ก็ไม่รู้ว่าเป็นความซวยของพระองค์มากี่ชาติกัน! “
ว่าแล้ว เขาก็ไม่ลืมหันกลับไปขอคำยืนยันจากฮ่องเต้สักหน่อย ” ฝ่าบาท พระองค์คิดว่ากระหม่อมพูดถูกหรือไม่พะยะค่ะ? “
พอจีเฉวียนได้ยินคำพูดของเขาก็ปวดพระเศียรขึ้นมา เขานวดขมับเบาๆ ” บุรุษในตระกูลจีของข้า ที่ผ่านมาล้วนสูงส่งดั่งทองพันชั่ง “
” ฟังสิ ฟัง! ” ตู๋กูเจวี๋ยย้ำคำนั้นไม่มีหยุด รีบกล่าวต่อไปว่า ” หรานอ๋อง เจ้ามันไม่สมกับที่เป็นบุรุษเป็นลูกหลานในตระกูลจี! “
” หุบปากเจ้าของเจ้าซะ ” ชือหลีรำคาญเขาอย่างที่สุดแล้วจริงๆ
” แม่นางเทพธิดา เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ไอ้บุรุษเสเพลเช่นนี้ไม่ว่าใครก็สามารถลงโทษมันได้ทั้งนั้น ท่านเป็นถึงเทพที่คนเคารพ ย่อมด่าออกมาไม่ได้ ข้ามันเป็นเพียงคนธรรมดาย่อมด่าได้ถนัดอยู่แล้ว แต่ว่าข้าก็ต้องขอตำหนิท่านสักหน่อย สายตาการเลือกบุรุษของท่านนับว่าใช้ไม่ได้จริงๆ ท่านที่โดดเด่นถึงเพียงนี้ จะต้องไปแขวนคอตายใต้ต้นไม้ทำไม? ” (เปรียบเทียบถึงความผิดหวังในรัก)
” คนที่รักท่าน ต่อให้ตีให้ตายก็ยังไม่ยอมไปจากท่าน หากไม่ได้รัก จะฝืนได้มาเพื่ออะไร ” ตู๋กูเจวี๋ยยังคงพูดต่อไป ” ต้องสละลมหายใจไปให้กับบุรุษเสเพลเช่นนี้ ช่างไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ ไยจึงไม่ละวางความเกลียดชังนั้นลงเสีย กลับไปเป็นเทพธิดาแห่งสายน้ำอีกครั้ง ดูแลชาวประชา ได้รับการสักการะอย่างยิ่งใหญ่ หรือไม่ก็สักวันหนึ่ง อาจจะมีคนที่ยินดีร่วมเป็นร่วมตายกับท่านปรากฎตัวขึ้นมาก็ได้ “
ชือหลี “……” เอาจริงๆ เลยนะ หากมิใช่ว่ามียันต์สีชาดนั้นควบคุมนางเอาไว้ นางก็จะกระชากลิ้นของตู๋กูเจวี๋ยออกมาด้วย
ตลอดครึ่งปีมานี้ จีหรานเองก็รู้ดีถึงความร้ายกาจในวาจาตู๋กูเจวี๋ย พอได้ยินคนผู้นี้เอ่ยปากขึ้นมาก็รู้สึกว่าความหวังทั้งหมดดับสูญ
” ชือหลี เจ้าไม่ต้องมายืมปากของไอ้หนุ่มนั่นมาดูถูกข้า ตอนนั้นทั้งหมดที่ข้าทำลงไปเป็นเพราะว่าถูกเจ้าบีบคั้น เจ้ารีบปล่อยอาฉิงเสีย ข้ายอมรับการลงโทษทั้งหมดจากเจ้า “
ดวงเนตรของจีหรานปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด เขาเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะเกิดความเปลี่ยนแปลงไปจนมาถึงจุดนี้
เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาก็ไม่คำนึงถึงสิ่งใดอีกแล้ว
เขารู้จักชือหลีมานานหลายปี รู้ว่านางดูถูกคนที่ขี้ขลาดตาขาวที่สุด หากว่าเขาวิงวอนขอให้นางละเว้น ตนเองและอาฉิงก็มีแต่จะต้องตายเร็วขึ้น
มิสู้ฝืนอดทนไว้ บางทีชือหลีอาจจะละเว้นพวกเขาก็ได้
ชือหลีโกรธเกรี้ยวจนดวงจิตไหววูบ นางกำลังคุ้มคลั่งจนแทบจะทลายพลังที่ควบคุมนางอยู่ออกไป
แต่ตู๋กูซิงหลันยังคงใช้ยันต์สีชาดควบคุมนางเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที
จากนั้นก็ได้ยินเสียงนางยืมปากของชือหลีเอ่ยออกมาว่า ” เจ้าไม่มีคุณสมบัติจะมาต่อรองกับเราผู้เป็นเทพ บุรุษเจ้าชู้และสตรีชั่วช้าคู่หนึ่ง ฆ่าพวกเจ้าทิ้งก็เปื้อนมือของเราเปล่าๆ “
ชือหลีเดิมที่ก็หลงเหลือแต่เพียงดวงจิตอยู่แล้ว ตลอดหลายปีมานี้นางทำให้บุรุษชุดขาวต้องตายไปหลายคน เดิมทีก็นับว่ามีความผิดติดตัวอยู่แล้ว หากว่าสองมือยังต้องแปดเปื้อนเลือดอีก เช่นนี้แม้แต่ด้วยจิตของนางก็ต้องมีมลทิน ได้แต่ดิ่งลงสู่วิถีของมาร
ตู๋กูซิงหลันตอบไปอีกว่า ” เจ้าชักนำงูยักษ์มาปั่นป่วนแม่น้ำหลี่เหอ ทำร้ายสรรพชีวิตไปมากมาย โทษทัณฑ์นี่ยังหนักหนายิ่งกว่าที่หลอกลวงเรา และทำลายควันธูปของเราผู้เป็นเทพเสียอีก เรื่องของผู้คนบนโลกเราผู้เป็นเทพจะไม่ยื่นมือสอดแทรก ย่อมต้องให้ฮ่องเต้ทรงคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนทั้งหลายเอง “
ตอนที่ 205 ฮ่องเต้ทรงเท่ห์จริงๆ!
ประชาชนทั้งหลายพอได้ยินดังนั้นต่างก็ยิ่งทวีความชิงชังขึ้นมา
หรานอ๋องช่างรู้จักเสแสร้งนัก ทำเป็นรักใคร่ห่วงใยประชาชนมานานหลายปี คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วเขานี่ละคือตัวชั่วร้ายที่สุด!
ราชวงศ์มีตัวแปลกปลอมเช่นนี้ขึ้นมา นับว่าเป็นความอับอายจริงๆ!
ไม่เพียงแต่เขาจะหลอกลวงเทพธิดา เขายังทำร้ายนางไปดาบหนึ่งจนทำให้ดวงจิตของนางเกือบจะต้องแตกดับ
คนเช่นนี้ เก็บเอาไว้ก็มีแต่จะเป็นเภทภัยเท่านั้น!
” ขอฝ่าบาททรงลงพระอาญาหรานอ๋องและงูยักษ์ เพื่อชดเชยให้กับผู้ที่ต้องตายไป! “
ทันใดนั้นประชาชนทั้งหลายต่างก็พากันคุกเข่าลงไป มองดูฮ่องเต้ด้วยความเคารพเชื่อถืออย่างหมดใจ
หากว่าฮ่องเต้มิได้เสด็จมาด้วยพระองค์เอง ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องถูกหรานอ๋องหลอกลวงไปจนถึงเมื่อไหร่
หากเมืองลี่โจวต้องถูกคลื่นลมและพายุฝนกระหน่ำต่อไปก็คงจะไม่มีใครทนทานต่อไปได้อีกแล้ว
ทั้งที่ฝ่าบาทสามารถนั่งชมดูอยู่บนบัลลังก์โดยไม่จำเป็นต้องสนใจความเป็นตายของพวกเขา แต่พระองค์กลับเสด็จมาแล้ว
นี่เป็นเพราะพระองค์ทรงคำนึงถึงแผ่นดิน ในพระทัยมีราษฏร จึงได้ทรงเสด็จมา
ดูเหล่าองครักษ์และนักพรตทั้งหลายเหล่านั้นสิ ต่างก็มาที่นี่ตามพระบัญชา ฮ่องเต้พระองค์นี้คงจะทรงตรวจสอบพบความผิดปกติในลี่โจวเกิดขึ้นเพราะปีศาจมาแต่แรก จึงได้ทรงวางแผนการเอาไว้แล้ว
ต้าโจวของพวกเขามีฮ่องเต้ที่ทรงพระปรีชาสามารถเช่นนี้ นับว่าเป็นบุญของประชาชน บุญของชาติบ้านเมือง!
จีหรานเห็นท่าทางของประชาชนกลายเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทั้งโกรธทั้งผิดหวัง คนพวกนี้ก็เหมือนกับฝูงจิ้งจอกตาขาวที่เลี้ยงอย่างไรก็เลี้ยงไม่เชื่อง พวกหญ้าบนกำแพง
ตอนนี้ทำไมพวกเขาถึงได้จดจำความดีของเขาไม่ได้เลยสักนิด?
กลับต้องการให้ฮ่องเต้ลงโทษเขา ส่งเขาไปประหาร?
เขายังคิดจะดิ้นรนขัดขืน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนกล่าวอีกว่า ” ดูนั้นเร็ว มีทองคำมากมายถูกพัดออกมาจากตำหนักของหรานอ๋อง! “
ทันใดนั้น สายตาของผู้คนก็พากันจับจ้องไปที่ตำหนักหรานอ๋อง
พายุฝนที่ราวกับฟ้ารั่วเป็นรูลงมานั้น ที่จริงได้ทลายตำหนักหรานอ๋องลงมาทั้งหลังแล้ว แม้แต่ห้องลับของหรานอ๋องก็ถูกทำลายลงมาด้วย
ทองคำสุกปลั่งที่ถูกสร้างเป็นกำแพงนั้น ถูกน้ำจากในแม่น้ำพัดโถมเข้าใส่จนทลายลงมา
แม้ว่าท้องฟ้าในตอนนี้จะยังอึมครึม แต่แสงสีทองของทองคำก็ยังเจิดจ้าในสายตาของผู้คน
” ดูท่าเงินบรรเทาทุกข์ที่เราส่งมา คงจะเป็นที่ถูกใจของหรานอ๋องมากแล้ว ” จีเฉวียนทรงหรี่พระเนตรลง สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เย็นชาอย่างที่สุด
ตู๋กูเจวี๋ยที่สามารถล้างคำครหาได้หมดสิ้นก็ยิ่งกล่าวขึ้นมาว่า ” ฝ่าบาท ครั้งนี้ทรงเชื่อกระหม่อมล้วใช่ไหมพะยะค่ะ? กระหม่อมไม่ได้หอบเอาเงินบรรเทาทุกข์หนีไปจริงๆ หรานอ๋องเป็นโจรที่ร้องจับโจรแท้ๆ โยนหม้อดำใบใหญ่ใส่หัวกระหม่อม กระหม่อมถูกใส่ร้ายจนเกือบต้องตาย “
หากว่าเงินบรรเทาทุกข์มิได้ปรากฏออกมา อาศัยฝีปากของจีหรานก็ไม่รู้ว่าเรื่องจะต้องถูกกลับดำเป็นขาวไปถึงเมื่อไหร่
ตอนนี้หลักฐานปรากฏชัดเจน ต่อให้เขาจะพูดอะไรอีก ก็ไม่อาจล้างความผิดได้แล้ว
ทำร้ายเทพธิดา ชักใยงูยักษ์ กักตุนเงินบรรเทาทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นข้อไหนก็สามารถจะทำให้เขาได้รับโทษหนักห้าม้าแยกสังขาร แล่เนื่อพันชิ้นได้ทั้งนั้น
เขาครุ่นคิดอย่างละเอียด เงินบรรเทาทุกข์นั้นถูกเขาเก็บเอาไว้ในห้องลับ มีแต่ตนเองและคนสนิทที่ล่วงรู้ ห้องลับก็สร้างอย่างแข็งแรง แค่น้ำหลากครั้งเดียวจะซัดจนพังได้อย่างไร?
นอกเสียจากว่าจะมีคนหักหลังเขา
คราวนี้จีหรานมองออกไป ถึงได้มองเห็นว่าคนสนิทที่เคยพูดจาแทนเขาตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้างกายจีเฉวียน
ในสมองของเขาพลันเกิดเสียงแตกเพล้งขึ้นมา
แม้กระทั่งคนสนิทของเขาก็เป็นคนของจีเฉวียน
ที่แท้ราชวงค์จีไม่เคยเชื่อใจเขามาโดยตลอด ทุกสิ่งที่เขากระทำลงไปล้วนอยู่ภายใต้การจับตาดูของจีเฉวียน
ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เป็นเพียงคนโง่เขลาที่ไหนกัน
เห็นอยู่ว่าเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่เจ้าเล่ห์และช่างวางแผนชัดๆ!
พระองค์แกล้งแสดงให้เขาดูตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งยังขุดหลุมพลางขนาดใหญ่เอาไว้รอให้เขากระโดดลงไป!
ช่างน่าขำที่เขาคิดมาตลอดว่าเป็นตนเอง ที่ขุดหลางพรางให้ฮ่องเต้กระโดดลงไป
ยามนี้เลือดทั่วทั้งตัวของเขาเย็นเฉียบ ที่ผ่านมามีแต่เขาเป็นฝ่ายวางแผนเล่นงานผู้อื่น ตอนนี้กลับถูกจิ้งจอกเฒ่ารุ่นหลานเล่นงานอย่างหมดสภาพ ทำให้เขาต้องรู้สึกพ่ายแพ้อย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
จีเฉวียนเสด็จออกมาจากในอาราม โอรสสวรรค์ทรงฉลองพระองค์มังกร ประทับยืนอยู่เบื้องหน้างูยักษ์
งูยักษ์ตัวนั้นแม้ว่าจะบาดเจ็บไปทั้วทั้งร่าง แต่ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โต ลำตัวงูที่หยาบหนานั้นยังใหญ่กว่าต้นไม้พันปีเสียอีก ดวงตาสีเขียวของมันทอประกายดุร้าย ที่มิว่าผู้ใดได้เห็นเป็นต้องหวาดกลัวขึ้นมาสามส่วน
แต่ว่าจีเฉวียนที่ประทับอยู่เบื้องหน้ามันกลับไม่มีความหวาดหวั่นเลยแม้สักน้อย
ยามเมื่อ ดวงเนตรหงส์ที่เย็นชาคู่นั้นกวาดมองมา ในสายพระเนตรมิได้มีความโหดเ**้ยม แต่ความองอาจนั้นยังเหนือล้ำกว่าเจ้างูยักษ์หลายเท่า
บนพระวรกายมีกลิ่นอายของผู้สูงส่งที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้มาแต่กำเนิด ราวกับมิว่าเขาจะยืนอยู่ในที่ใด ผู้คนต่างก็ต้องคุกเข่าลงไปก้มศีรษะให้เขาด้วยความเคารพ
” ซี่ ซี่ ซี่ ……” งูยักษ์ไม่สนใจว่ามีแส้มัดปากของมันอยู่ มันพยายามหันมาส่งเสียงขู่คำรามใส่จีเฉวียน
ทันทีที่มันพ่นน้ำลายที่เหม็นคาวออกมา องครักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับกางร่มคันใหญ่ที่เตรียมเอาไว้อยู่แล้วบังน้ำลายงูนั่นเอาไว้
ฮ่องเต้ทรงประทับอยู่ที่เดิมโดนมิได้ขยับพระองค์เลยสักนิด
พระองค์เพียงแต่หันไปทางหรานอ๋องแล้วตรัสว่า ” นับจากวันนี้ไป เจ้าถูกขับออกจากตระกูลจี ไม่ถือเป็นคนในราชวงค์ของต้าโจวอีก “
” ประชาชนมากมายต้องตายเพราะเจ้า เจ้าไม่เหมาะสมจะเป็นลูกหลานของตระกูลจี “
จีหรานยิ้มเย็นชาอย่างไม่สนใจไยดี ” ต่อให้ไม่ใช้แซ่จี ในกายของเราผู้เป็นอ๋องก็ยังมีพระโลหิตของอดีตฮ่องเต้ไหลเวียนอยู่ เจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงสายพระโลหิตในร่างกายของเราได้หรือไร? “
จีเฉวียนได้ทรงฟัง ก็ตรัสอย่างไม่ดังไม่เบาว่า ” ในเมื่อเจ้ามีคำขอร้องเช่นนี้ เช่นนั้นก็เปลี่ยนเป็นถ่ายเลือดและถอดกระดูกทั้งร่างของเจ้าออกมาทั้งหมด เพื่อเป็นการรำลึกถึงดวงวิญญาณที่ตายไปก็แล้วกัน “
ถ่ายเลือดถอดกระดูกทั้งร่าง!
โทษหนักถึงเพียงนี้จะต่างอะไรกับการถลกหนังเลาะเส้นเอ็นกัน!
แต่ท่าทางยามที่ฮ่องเต้ทรงตรัสออกมาจากพระโอษฐ์นั้น คล้ายดั่งกับว่าสบายๆ ราวกับพูดคุยเรื่องลมฟ้าอากาศก็ไม่ปาน ราวกับว่าเป็นเรื่องแค่ลากคนออกไปโบยตีสักสิบกว่าไม้เท่านั้น
ทั้งๆ ที่พระสุรเสียงก็ธรรมดามิได้แยแสใดๆ แต่กลับเป็นพระบัญชาที่โหดเ**้ยมอย่างที่สุด!
หัวใจของจีหรานอยู่ๆ ก็หวาดกลัวขึ้นมาแล้ว
จีเฉวียนผู้นึ้จะถึงกับกล้าถ่ายเลือดถอดกระดูกของเขาได้อย่างไรกัน?
” เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร? ” เขาตะโกนเสียงดังด้วยความเกรี้ยวกราด ” นับตั้งแต่ข้าผู้เป็นอ๋องอายุได้ห้าขวบก็ถูกขับออกมาจากเมืองหลวง มาเป็นอ๋องไร้ค่าอยู่ในที่ที่ทั้งห่างไกลและกันดารเช่นนี้ ตอนนั้นมิว่าใครก็สามารถรังแกข้าได้ ที่ข้าผู้เป็นอ๋องมีวันนี้ขึ้นมาได้ ก็เป็นเพราะว่าพึ่งพาตนเองสร้างขึ้นมาทั้งนั้น เจ้าถือสิทธิอะไรจะมาจัดการข้ากัน? “
” หรือเป็นเพราะว่าข้าผู้เป็นอ๋องกำเนิดจากนางกำนัล จึงถูกกำหนดให้ต้องสกปรกต่ำทรามหรือไร? ข้าก็เป็นองค์ชายพระองค์หนึ่ง เป็นโอรสของอดีตฮ่องเต้นะ! “
” เชื้อพระวงค์ทำผิด หากว่าจะต้องลงทัณฑ์ก็ต้องให้ผู้อาวุโสทั้งหมดในราชวงค์ร่วมกันหารือแล้วจึงจะกำหนดได้ จีเฉวียน เจ้าเพียงคนเดียวมีสิทธิ์อะไรมาลงโทษข้ากัน? “
จีฉวรทรงหรี่พระเนตรลง ตรัสอย่างเยือกเย็นออกมาครั้งหนึ่ง ” เพราะเจ้าทำร้ายประชาชนของต้าโจว เพราะเราก็คือฮ่องเต้แห่งต้าโจว “
เพียงแค่ประโยคนี้ประโยคเดียว ก็ทำให้ประชาชนทั้งหลายต่างก็ซาบซึ้งจนแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา
ฝ่าบาท การประหารญาติเพื่อคุณธรรมเช่นนี้ ไม่ต้องทำให้มันเท่ห์มากขนาดนั้นก็ได้มั้ง!
ตู๋กูซิงหลันยื่นศีรษะครึ่งหนึ่งออกมาจากทางใต้ดิน ดวงตาดอกท้อคู้นั้นจดจ้องอยู่บนเงาหลังของจีเฉวียน
ว่ากันตามจริงแล้ว เจ้าฮ่องเต้สุนัขผู้นั้นบางครั้งก็ออกจะมุทะลุดุดันเกินไปอยู่บ้าง
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่นิสัยไม่ดีและมักจะขุดหลุมวางแผนจัดการผู้อื่นอยู่เสมอ แต่ว่าหากพูดถึงเรื่องประชาชนและบ้านเมืองแล้วละก็ เขาก็เป็นฮ่องเต้ที่ดีพระองค์หนึ่งจริงๆ
” น้องเล็ก ได้ยินว่าว่าเจ้ามีใจแอบหลงใหลฮ่องเต้ วันนี้พอพี่รองได้เห็นสายตาของเจ้า ดูแล้วก็รู้ว่าไม่ธรรมดาอยู่บ้าง ” พอตู๋กูเจวี๋ยพบว่านางแอบมองดูจีเฉวียน ก็รับเข้ามาหาในทัน เขาคุกเข่าลงที่ข้างกายนางกล่าวว่า
” ขอเพียงเป็นบุรุษที่น้องเล็กของข้าพอใจ ต่อให้พี่รองต้องพูดจนปากเปื่อย ก็ต้องพูดจนเอามาให้เจ้าจนได้! “
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น