อัจฉริยะสมองเพชร 2016-2017

 ตอนที่ 2016 พวกเราควรจับตัวเขาไหม?

การที่อีกฝ่ายสำเร็จวรยุทธขั้นเสมือนอมตะระดับล่างตั้งแต่อายุยังน้อย ก็หมายความว่าเขามีวิธีการและระบบระเบียบของตัวเอง แล้วทำไมจู่ๆถึงฝ่าฝืนกฎของตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น?


“ตอนนี้เหรินชิงก็อยู่กับเขา ผมจะถามเธอเอง” ผู้อาวุโสไป๋เย่พูด


หานเจี้ยนชิวพยักหน้ารับ


ผู้อาวุโสไป๋เย่ส่งข้อความไป ไม่นานก็ได้รับการตอบกลับ เมื่อเห็นคำตอบ เขาขยี้ตาอย่างแรงราวกับกลัวว่าจะตาฝาด


เห็นทีท่าแปลกประหลาดของผู้อาวุโสไป๋เย่ หานเจี้ยนชิวขมวดคิ้ว “มีอะไร?”


“ไป๋เหรินชิงบอกผมว่าผู้อาวุโสลู่อวิ๋นกับใครๆบอกเธอว่าจางเซวียนเป็นนักรบระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ขั้นต้นเท่านั้นตอนที่เขาเข้าสู่สำนักของเราเมื่อวาน!” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตอบด้วยอาการงุนงงสุดขีด


“นักปราชญ์โบราณขั้น 4 ขั้นต้น? เดี๋ยวก่อน…คุณกำลังบอกผมว่าเพียงชั่วข้ามวัน เขาก็ยกระดับวรยุทธจากผู้ทำลายล้างมิติมาเป็นนักรบเสมือนอมตะหรือ? มันห่างกันหนึ่งขั้นเต็มๆเลยนะ!” หานเจี้ยนชิวหรี่ตา


จริงอยู่ว่าวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ไม่ได้สูงส่งอะไรมากมาย แต่การยกระดับวรยุทธได้ถึงหนึ่งขั้นเต็มๆในชั่วข้ามวัน…นั่นเป็นวีรกรรมที่เรียกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้


“ไม่เพียงเท่านั้นนะ เท่าที่ผมได้รู้จากเหรินชิง ดูเหมือนตอนนี้เขาสำเร็จวรยุทธขั้นเสมือนอมตะสรวงสวรรค์แล้ว” ผู้อาวุโสไป๋เย่เสริม


“เสมือนอมตะสรวงสวรรค์?”


ทุกคนถึงกับจังงัง


พวกเขาเพิ่งต่อสู้กับชายหนุ่มเมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน ซึ่งอีกฝ่ายน่าจะเป็นแค่นักรบเสมือนอมตะระดับล่างเท่านั้น เอาเวลาที่ไหนไปยกระดับวรยุทธได้รวดเร็วขนาดนี้?


หานเจี้ยนชิวครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะสั่งการ “เรียกตัวผู้อาวุโสลู่อวิ๋นมา”


ด้วยคำสั่งโดยตรงของท่านเจ้าสำนัก ไม่ช้าผู้อาวุโสลู่อวิ๋นก็มาถึงสภาผู้อาวุโส


“ผมอยากให้คุณทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองชวนเจียงอย่างละเอียด” หานเจี้ยนชิวพูดพร้อมกับโบกมือ


“ขอรับ ท่านเจ้าสำนักหาน” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นรีบสาธยายทุกอย่างที่เขาได้เห็นและได้ยิน


“คุณบอกว่า…จางเซวียนทำให้ตั้นเฉี่ยวเทียนฝ่าด่านวรยุทธจากนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 มาเป็นนักปราชญ์โบราณได้ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงหรือ?”


ทุกคนพากันตัวสั่นจนแก้มที่เหี่ยวย่นของพวกเขากระตุกไม่หยุด


ในฐานะนักรบอมตะขั้นสูง พวกเขาได้เห็นเรื่องเหลือเชื่อในโลกนี้มามากมาย แต่ไม่เคยมีใครได้ยินว่านักรบคนหนึ่งจะสามารถฝ่าด่านวรยุทธได้ถึง 2 ขั้นเต็มๆภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง!


“ใช่ ผมรู้ว่ามันฟังดูเหลวไหล แต่ผมเห็นมากับตา!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพูด “ผมแน่ใจว่าในเวลานั้น ระดับวรยุทธของจางเซวียนคือผู้ทำลายล้างมิติขั้นต้นเท่านั้น”


“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว คุณไปพักผ่อนได้ อย่าบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับใครก็แล้วกัน” หานเจี้ยนชิวพูดขณะปล่อยให้ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นกลับไป


เมื่ออีกฝ่ายจากไปแล้ว สภาผู้อาวุโสก็ตกอยู่ในความเงียบ


พวกเขาเคยคิดว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นไม่น่าทำอะไรได้นอกจากโอ้อวดตัวเองไปวันๆ แถมยังไม่ใส่ใจการฝึกฝนวรยุทธอีกต่างหาก แต่ใครจะไปรู้ว่าขณะที่สร้างความอึกทึกครึกโครมมากมายภายในสำนัก เขาก็สามารถยกระดับวรยุทธจากนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ขั้นต้นไปเป็นนักรบเสมือนอมตะสรวงสวรรค์ได้ด้วย!


พัฒนาได้รวดเร็วขนาดนี้…ต่อให้ผู้ก่อตั้งสำนักดาบเมฆเหินก็ยังเหงื่อตกหากต้องประชันขันแข่งกับเขา!


“แล้ว…” ผู้อาวุโสคนหนึ่งโพล่งออกมาท่ามกลางความเงียบ “พวกเราควรจับตัวเขาไหม?”


เมื่อครู่นี้เองที่หานเจี้ยนชิวกับผู้อาวุโสเหอกำลังหารือกันเรื่องการจะลากตัวจางเซวียนกลับมา ไม่ให้ไปสร้างความวุ่นวายที่ไหนและบีบบังคับให้อีกฝ่ายฝึกฝนวรยุทธ แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็นว่าความรวดเร็วในการยกระดับวรยุทธของจางเซวียนนั้นน่าสะพรึงกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก หากจะเปรียบเทียบกัน พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับหอยทาก…


ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ควรไปจับตัวเขาไหม?


“เหตุผลที่เขาฝึกฝนวรยุทธได้รวดเร็วน่าจะเป็นเพราะเขามีวิถีทางในการฝึกฝนวรยุทธของตัวเอง ตอนนี้เราอย่าเพิ่งสนใจเรื่องนั้นเลย” หานเจี้ยนชิวใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนจะสั่งการ “ผู้อาวุโสโฉว ผมอยากให้คุณแอบติดตามเขาไป ดูให้แน่ใจนะว่าเขาไม่รู้ตัว แต่ก็ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยให้เขาด้วย เข้าใจไหม?”


“ขอรับ ท่านเจ้าสำนักหาน” ผู้อาวุโสโฉวประสานมือก่อนจะรีบออกจากสภาผู้อาวุโส


ความเงียบเข้าครอบงำสภาผู้อาวุโสอีกครั้ง ขณะที่คนที่เหลือพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่


พูดกันตามตรง ความตื่นตระหนกที่ว่าที่เจ้าสำนักของพวกเขาทำลงไปช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน


ศิลปะเพลงดาบที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ ผนึกกำลังกันกับความรวดเร็วในการพัฒนาวรยุทธอย่างเหลือเชื่อ…


ยังมีเรื่องน่าประหลาดใจรอพวกเขาอยู่อีกมากมายแค่ไหน?


“ดูเหมือนเขาจะมีความเข้าใจอย่างล้ำลึกในศิลปะเพลงกระบี่ด้วย เขากดข่มเจตจำนงเพลงดาบของผมได้อย่างง่ายดาย” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตั้งข้อสังเกตเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดในวันนั้น


“เขาใช้เจตจำนงเพลงกระบี่ของเขากดข่มเจตจำนงเพลงดาบของคุณได้อย่างนั้นหรือ? อธิบายให้ละเอียดหน่อยสิ!” หานเจี้ยนชิวพูด


คนอื่นๆพากันหันมา


ไม่ช้าผู้อาวุโสไป๋เย่ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างละเอียด


ทุกคนต่างอับจนถ้อยคำอีกครั้ง


ศิลปะเพลงดาบ ค่ายกล ศิลปะเพลงกระบี่…เจ้าหนุ่มคนนั้นเก่งกาจไปเสียทุกอย่างได้อย่างไร?


“นำตัวตั่นเฉี่ยวเทียนมาที่นี่!” หานเจี้ยนชิวสั่งการ


ไม่ช้า ตั่นเฉี่ยวเทียนก็ถูกนำตัวมาอยู่ต่อหน้าสภาผู้อาวุโส


“บอกผมมาตามตรง เทคนิคการโยนดาบที่คุณเชี่ยวชาญน่ะ คุณร่ำเรียนจากจางเซวียนใช่ไหม?” หานเจี้ยนชิวตั้งคำถาม


รู้ดีว่าไม่มีทางปกปิดเรื่องนี้ได้อีกต่อไป ตั้นเฉี่ยวเทียนตัดสินใจพูดหมดเปลือก “ใช่ ถึงผมจะบอกใครต่อใครว่าเขาเป็นสหาย แต่อันที่จริงเขาคือท่านอาจารย์ของผมเอง”


“นึกแล้วเชียว!” หานเจี้ยนชิวพยักหน้า “ในเมื่อเป็นอย่างนั้น…ผมอยากให้คุณใช้เทคนิคการโยนดาบนั้นสู้กับพวกเรา เพื่อที่เราจะได้ทดสอบประสิทธิภาพของมัน”


“ฮะ? บอกคุณตามตรงนะ ผมเพิ่งเรียนกับท่านอาจารย์ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และความรู้ที่ผมได้จากเขาก็จำกัดจำเขี่ยมาก แต่ถ้าคุณต้องการล่ะก็ ท่านเจ้าสำนักหาน…ผมก็จะลองดู” ตั้นเฉี่ยวเทียนตอบอย่างลังเล


“ไม่กี่ชั่วโมง? เอาเถอะ…พวกเราจะออมมือให้!” หานเจี้ยนชิวตอบยิ้มๆ


3 นาทีต่อมา ประตูของสภาผู้อาวุโสก็เปิดออก ผู้ที่ก้าวออกมาคือตั้นเฉี่ยวเทียน


ในห้องนั้น ทั้งหานเจี้ยนชิว ผู้อาวุโสเหอ และคนอื่นๆล้วนมีดาบปักอยู่ที่ศีรษะคนเล่ม แม้จุดสำคัญในร่างกายของพวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ดาบนั้นก็ยังแทงทะลุผิวหนัง ทำให้เลือดซึมออกมาจากศีรษะ


คนที่เหลือรีบเข้าไปดึงดาบออกจากศีรษะของพวกเขา ขณะที่ทั้งห้องเงียบงันไปอีกครั้ง


ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าที่เสียงแหบพร่าของหานเจี้ยนชิวจะดังขึ้น “เขาเพิ่งเรียนกับจางเซวียนแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่พวกเราก็สู้เขาไม่ได้แล้ว…”


ฟังดูเหมือนหานเจี้ยนชิวร่ำๆจะปล่อยโฮออกมา


เท่าที่ได้ฟังจากตั้นเฉี่ยวเทียน ดูเหมือนก่อนหน้าที่จะพบกับจางเซวียน เขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศิลปะเพลงดาบเลย แต่หลังจากได้เรียนแค่ไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาก็สู้ตั้นเฉี่ยวเทียนไม่ได้แล้ว


ส่วนไป๋เหรินชิง เธอได้เรียนกับจางเซวียนเพียง 1 ชั่วโมง แต่ก็เก่งกาจจนไม่มีศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนไหนเทียบชั้นได้


มันจะเหลือเชื่อไปหน่อยไหม?


ทำไมถึงดูเหมือนกับว่าการฝึกฝนวรยุทธตลอดหลายปีที่ผ่านมาของพวกเขาไม่ได้เรื่องได้ราวเลย?


บรรยากาศภายในสภาผู้อาวุโสหนักอึ้งเสียจนทุกคนแทบหายใจหายคอไม่ออก


“พวกเรา…ควรขอให้เขาถ่ายทอดความรู้ให้พวกเราไหม หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจแล้ว?” ผู้อาวุโสเหอเปรยอย่างลังเล


พวกเขารู้ดีว่าจางเซวียนทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ แต่คิดว่าอีกฝ่ายเชี่ยวชาญเพียงแค่ศิลปะเพลงดาบเท่านั้น ในแง่ของความเข้าใจศิลปะเพลงดาบโดยภาพรวม เจ้าหนุ่มคนนั้นไม่น่าจะเทียบชั้นกับพวกเขาได้ เพราะถึงอย่างไร ผู้อาวุโสทุกคนก็ฝังตัวอยู่ในโลกของศิลปะเพลงดาบอันล้ำลึกมาเนิ่นนานจนนับปีไม่ถ้วน


แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจผิดมหันต์!


แม้จะท้อใจ แต่ก็รู้ดีว่านี่คือโอกาสครั้งใหญ่


หากพวกเขายอมละทิ้งศักดิ์ศรีและร้องขอการถ่ายทอดความรู้จากอีกฝ่ายอย่างนอบน้อมถ่อมตัว ก็น่าจะพัฒนาวิถีทางของเพลงดาบให้ตัวเองได้มาก


“ดี เราจะขอให้เขาถ่ายทอดความรู้ให้เราหลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจแล้ว” หานเจี้ยนชิวพยักหน้ารับ


…..


จางเซวียนไม่รู้เรื่องที่ระดับวรยุทธปลอมของเขาถูกไป๋เหรินชิงเปิดเผย ในตอนนั้น เขากำลังจ้องมองเมืองใหญ่โตโอ่อ่าที่อยู่ตรงหน้าอย่างตื่นเต้น


สมกับที่เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในอาณาบริเวณโดยรอบสำนักดาบเมฆเหิน ในแง่ของขนาด เมืองอู๋ไห่ไม่ได้ด้อยกว่าเมืองหลวงของจักรวรรดิอันทรงเกียรติเลย


หลังจากเดินทางมาได้ราวสองพันลี้ เมืองใหญ่โตโอ่อ่าที่มีค่ายกลอันซับซ้อนปกป้องไว้หลายชั้นก็ปรากฏแก่สายตา มีผู้เชี่ยวชาญปรากฏตัวให้เห็นอยู่ทั่วไป พร้อมด้วยร่องรอยของกองทหารอันทรงพลังที่ลาดตระเวนอยู่ในเมือง


“ท่านเจ้าเมืองอู๋ไห่เป็นนักรบอมตะขั้นสูง เขาไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าท่านปู่ของฉันเลย” ไป๋เหรินชิงอธิบาย


แม้เธอจะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่ก็พอนึกภาพออกว่าเมืองอู๋ไห่เป็นอย่างไรจากเรื่องเล่าที่ได้ฟังจากท่านปู่ จึงไม่ประหลาดใจนักกับสิ่งที่เห็น


“นักรบอมตะขั้นสูง?” จางเซวียนพยักหน้าช้าๆ


ไม่แปลกใจแล้วที่เมืองนี้เป็นเมืองขั้น 1 ของทวีปที่ถูกลืม ลำพังแค่ความแข็งแกร่งของเจ้าเมืองก็เพียงพอที่จะดึงดูดนักรบผู้ทรงพลังและปราดเปรื่องให้เข้ามา ส่งผลให้ทั้งเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง


เป็นไปได้ว่าน่าจะมีนักรบอมตะตัวจริงอยู่ในเมืองนี้มากมาย


“ใช่” ไป๋เหรินชิงพยักหน้าก่อนจะหันกลับมามองจางเซวียนอย่างเคร่งขรึม “เพราะฉะนั้น ถึงเราจะเป็นศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน แต่ก็ต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง…”


“ตามนั้น!”


ที่ไหนก็ตามที่มีผู้เชี่ยวชาญมารวมตัวกันมากมาย ก็ย่อมมีการแข่งขันและการแบ่งพรรคแบ่งพวก ทุกอย่างอาจกลายเป็นหายนะได้หากไปล้ำเส้นของกลุ่มอำนาจใดๆเข้าโดยบังเอิญ


“ถ้าอย่างนั้น…อาจารย์ลุง เราจะตรงไปที่ตลาดอู๋ไห่เพื่อเข้าร่วมภารกิจตรวจสอบสมบัติเลยไหม?” ไป๋เหรินชิงถามด้วยความอยากรู้


“ไม่ต้องรีบหรอก อยู่ที่นี่…เราจะหาตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลได้จากที่ไหน? ไปแวะชมหอนิรันดร์ของเมืองนี้ก่อนเถอะ” จางเซวียนตอบยิ้มๆ


ตอนที่ 2017 แล้วตอนนี้คุณมีอยู่เท่าไหร่?

“คุณอยากเข้าสู่หอนิรันดร์หรือ?” ไป๋เหรินชิงไม่คิดว่าอาจารย์ลุงจะกระตือรือร้นกับเรื่องดังกล่าวมากขนาดนี้ เธอครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “ก็ได้!”


ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีเวลา 3 วันในการปฏิบัติภารกิจ จึงไม่น่ามีปัญหามากนัก


อีกอย่าง พวกเขาก็มาที่นี่เพื่อสำรวจดินแดน ด้วยปริมาณทรัพย์สินที่มี การที่พวกเขาจะปฏิบัติภารกิจลุล่วงหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ


ไป๋เหรินชิงรีบนำแผนที่ออกมาตรวจดูอย่างถี่ถ้วนก่อนจะสั่งการให้อสูรมุ่งหน้าไป ราว 30 นาทีให้หลัง ทั้งคู่ก็มาถึงอาคารสูงตระหง่านหลังหนึ่ง


มันคือหอนิรันดร์สาขาเมืองอู๋ไห่


“อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้กันในเมืองอู๋ไห่เวลานี้เหมือนกับเหรียญนิรันดร์ที่ใช้ในเมืองชวนเจียง เพียงแต่มูลค่าสูงกว่า ในเมื่อมูลค่าของอัตราแลกเปลี่ยนในท้องถิ่นเทียบกับเหรียญสำนักดาบของเราได้ในอัตราส่วน 1:1 เราก็น่าจะซื้อหาทรัพยากรที่นี่ได้โดยใช้เหรียญสำนักดาบได้” ไป๋เหรินชิงอธิบายยิ้มๆ


ได้ยินแบบนั้น จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก


เขายังกังวลอยู่ว่าอาจจะต้องหาวิธีบางอย่างเพื่อให้ได้เงินมาซื้อหาตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล แต่ดูเหมือนจะไม่ต้องกังวลแล้ว


ตอนนี้เขามีเหรียญสำนักดาบอยู่กับตัวมากมาย การซื้อหาสัญลักษณ์ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่


ทั้งคู่รีบตรงไปยังเคาน์เตอร์ต้อนรับ


“ราคาของตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลจะแตกต่างกันไปตามระดับขั้น, 20 เหรียญนิรันดร์สำหรับ นักปราชญ์โบราณขั้น 4, 200เหรียญนิรันดร์สำหรับนักรบเสมือนอมตะระดับล่าง และ 2,000 เหรียญนิรันดร์สำหรับนักรบอมตะตัวจริง” เจ้าหน้าที่อธิบาย


ราคาค่างวดของตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลที่นี่ออกจะถูกกว่าที่สำนักดาบเมฆเหินเล็กน้อย


“เราจะซื้อตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของนักรบเสมือนอมตะระดับล่าง 2 อัน” จางเซวียนพูดขณะยื่นเงิน 400 เหรียญนิรันดร์ให้อีกฝ่าย โดยใช้บัตรนิรันดร์ของเขา


หลังจากได้รับเงิน พนักงานต้อนรับรีบยื่นตราหยก 2 อันให้และถามว่า “คุณทั้งสองต้องการห้องด้วยไหม? มีห้องส่วนตัวอยู่ตรงนั้น, ราคา 1 เหรียญนิรันดร์ต่อ 2 ชั่วโมง”


จางเซวียนจองห้องพักห้องหนึ่ง หลังจากจ่ายเงินแล้ว เขาก็รีบเข้าสู่ห้องนั้นพร้อมกับไป๋เหรินชิง กลไกทุกอย่างเป็นแบบเดียวกันกับการทำงานของตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล ไม่ช้าทั้งคู่ก็ได้เข้าสู่หอนิรันดร์


แผนผังของหอนิรันดร์ที่นี่เหมือนกับที่อื่นๆ เหมือนจนทำให้ประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากสลัดความรู้สึกแปลกๆออกไป จางเซวียนก็เดินไปที่เคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับและแสดงตราสัญลักษณ์ที่เขาได้มาจากปรมาจารย์ขง “


คุณบอกผมหน่อยได้ไหมว่าผมจะใช้ตราสัญลักษณ์อันนี้ซื้ออะไรได้บ้าง?”


เจ้าหน้าที่รับตราสัญลักษณ์ไปหลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ตาโตด้วยความตกใจ “ท่านแขกผู้มีเกียรติ เชิญทางนี้เลย ฉันเกรงว่ามูลค่าของตราสัญลักษณ์ของคุณจะสูงเกินไป คงต้องให้เจ้านายของฉันมาดูแลคุณเป็นการส่วนตัว!”


จางเซวียนกับไป๋เหรินชิงถูกนำตัวเข้าสู่ห้องขนาดใหญ่ ครู่ต่อมา ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็กระวีกระวาดเข้ามาด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน


“ผมคือผู้อาวุโสของหอนิรันดร์แห่งเมืองอู๋ไห่ ผมได้เห็นตราสัญลักษณ์ของคุณแล้ว มันคือเหรียญตราเกียรติยศที่ได้รับการส่งมอบจากหัวหน้าของเราโดยตรง สิ่งนี้จะทำให้คุณมีสิทธิ์ซื้อหาทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธเท่าที่คุณต้องการโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ!” ผู้อาวุโสเลิกคิ้วขณะยื่นตราสัญลักษณ์คืนให้จางเซวียน


ตราสัญลักษณ์อันนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของหัวหน้าของพวกเขา ทุกคนจึงต้องแสดงความเคารพสูงสุดต่อใครก็ตามที่ถือมันติดตัวไว้ ดังนั้นผู้อาวุโสจึงไม่กล้าแสดงความกระด้างกระเดื่องแม้แต่น้อยต่อชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แม้อีกฝ่ายจะยังมีอายุไม่มาก


“อือ!” เมื่อรู้แล้วว่าตราสัญลักษณ์เป็นของจริง จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขายิ้มและพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้น ผมอยากให้คุณนำยาเม็ดอมตะขั้นสูงมาให้ผมสัก 100 เม็ด”


หลังจากสำเร็จวรยุทธเสมือนอมตะสรวงสวรรค์แล้ว จางเซวียนรู้ทันทีว่ายาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการยกระดับวรยุทธของเขาอีกต่อไป หากเขาต้องการยกระดับวรยุทธอีก อย่างน้อยๆก็จะต้องใช้ยาเม็ดอมตะขั้นสูง


ที่สำนักดาบเมฆเหิน ยาเม็ดอมตะขั้นสูง 1 เม็ดมีราคาถึง 20,000 เหรียญสำนักดาบ แม้ตอนนี้เขาจะร่ำรวย แต่เงินทองก็คงหมดไปอย่างรวดเร็วหากต้องเสียเงินซื้อหามัน


“ยาเม็ดอมตะขั้นสูง 100 เม็ด?” ผู้อาวุโสเลิกคิ้ว “ยาเม็ดอมตะขั้นสูงเป็นทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธอันล้ำค่า ที่แม้แต่นักรบอมตะขั้นสูงต่างก็ตามหา ผมเกรงว่าในหอนิรันดร์แห่งเมืองอู๋ไห่ของเราจะไม่สามารถหาได้จำนวนมากขนาดนั้น”


“แล้วตอนนี้คุณมีอยู่เท่าไหร่?” จางเซวียนถาม


“น่าจะราวๆ…20 เม็ดเท่านั้น!” ผู้อาวุโสหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ถ้าคุณไม่รีบร้อน ผมน่าจะรวบรวมตามจำนวนที่คุณต้องการได้ครบภายใน 3 วัน!”


“อย่างนั้นก็ได้ เอามาให้ผม 20 เม็ดก่อน แล้วค่อยไปจัดการรวบรวมที่เหลือ” จางเซวียนสั่งการ


เขารู้ดีว่าการใช้ตราสัญลักษณ์อันนี้ไม่ได้ ‘ฟรี’ เสียทีเดียว ถึงเขาจะมีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกันกับปรมาจารย์ขงแต่ ก็ไม่ไร้เดียงสาถึงขนาดจะคิดว่าอีกฝ่ายจะแสดงความใจกว้างต่อเขาขนาดนี้โดยไม่คาดหวังอะไรตอบแทน


เป็นไปได้ว่าในอนาคตเขาน่าจะต้องตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ด้วยวิธีใดสักอย่าง


แต่ก็แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญกว่าสำหรับเขาในตอนนี้คือการยกระดับวรยุทธ หลังจากพูดกับหานเจี้ยนชิวแล้ว เขารู้ดีว่ากำลังตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง จึงต้องยกระดับพละกำลังของตัวเองและรักษาสถานภาพที่มีอยู่ในทวีปที่ถูกลืมให้ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้


“ขอรับ ผมเข้าใจแล้ว” ผู้อาวุโสตอบก่อนจะรีบเดินออกไป


ครู่ต่อมาเขาก็กลับมาพร้อมกับแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่ง ผู้อาวุโสยื่นแหวนเก็บสมบัติให้จางเซวียน จากนั้นก็โค้งคำนับอย่างงามและตั้งคำถามอีกครั้ง “ท่านแขกผู้มีเกียรติ ไม่ทราบว่าคุณยังต้องการสิ่งอื่นอีกไหม?”


“ผมอยากได้หนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริง…ไม่ทราบว่าตราสัญลักษณ์อันนี้จะช่วยให้ผมซื้อหามันได้หรือไม่?” จางเซวียนถาม


“ตราสัญลักษณ์นี้สามารถใช้ในการซื้อหาทรัพยากรที่จะช่วยยกระดับวรยุทธของคุณเท่านั้น ผมเกรงว่าการซื้อหนังสือคงทำไม่ได้…”


ผู้อาวุโสพลันนึกอะไรได้บางอย่าง เขารีบเสริม “ทรัพยากรที่คุณซื้อไปแล้วน่ะ จะนำไปขายไม่ได้นะ ถ้าคุณถูกพบว่าฝ่าฝืนกฎล่ะก็ สิทธิพิเศษจากตราสัญลักษณ์ของคุณจะถูกระงับอย่างถาวร!”


ได้ยินคำนั้น จางเซวียนส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มแห้งๆ


ตอนที่เขาได้ยินว่าผู้อาวุโสใช้คำว่าทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ ก็นึกสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าไม่น่าจะซื้อหาหนังสือเทคนิควรยุทธได้ด้วยตราสัญลักษณ์อันนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังอดผิดหวังเล็กน้อยไม่ได้เมื่อได้ยินกับหู


นอกจากหนังสือเทคนิควรยุทธ ก็ไม่มีอะไรที่จางเซวียนจะต้องการมากกว่านี้ เขาจึงทำได้แค่ออกจากหอนิรันดร์ และด้วยการใช้ค่ายกลที่มีอยู่ในตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล จางเซวียนก็นำยาเม็ดอมตะขั้นสูงออกมาได้


ยาเม็ดอมตะขั้นสูงมีพลังจิตวิญญาณในปริมาณที่เข้มข้นมาก สามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานที่พวยพุ่งออกจากมัน หากจะเปรียบเทียบกันยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐาน ยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานก็ดูจะอ่อนด้อยไปเลย


“นี่!” จางเซวียนโยนยาเม็ดอมตะขั้นสูงเม็ดหนึ่งให้ไป๋เหรินชิง


“ขอบคุณมาก อาจารย์ลุง!”


ไป๋เหรินชิงหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น เธอเคยเห็นยาเม็ดอมตะขั้นสูงก็เฉพาะที่ท่านปู่ของเธอมี แต่เพราะมูลค่ามหาศาลของมัน เธอจึงไม่เคยกินยานั้นมาก่อน


ไป๋เหรินชิงจ้องมองยาเม็ดอย่างลิงโลด จากนั้นก็อ้าปากและกลืนมันลงไป


ฟิ้ววววว!


ยาเม็ดละลายในร่างกายของเธอ ปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณมหาศาลออกมา ไป๋เหรินชิงหรี่ตาด้วยความประหลาดใจขณะทั้งร่างสั่นสะท้านไม่หยุดจากพลังงานปริมาณมหาศาลนั้น เหงื่อไหลโชกทั้งร่าง


เห็นไป๋เหรินชิงออกอาการผิดปกติ จางเซวียนขมวดคิ้ว “มีอะไร?”


“อาจารย์ลุง พลังจิตวิญญาณในยาเม็ดอมตะขั้นสูงนี้เข้มข้นเกินไป…ฉันรับมันไม่ไหว”ไป๋เหรินชิงร้องออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือด


ขนาดพลังจิตวิญญาณในยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานเพียงเม็ดเดียว เธอก็ยังต้องใช้เวลาซึมซับระยะหนึ่ง นับประสาอะไรกับยาเม็ดอมตะขั้นสูง


ก็เหมือนกับความพยายามยัดรถทั้งคันเข้าไปในปากของเด็กน้อย คงน่าแปลกใจถ้าร่างของอีกฝ่ายไม่ระเบิด


ถึงตอนนี้ ในที่สุดไป๋เหรินชิงก็เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านปู่จึงไม่เคยอนุญาตให้เธอกินยาเม็ดอมตะขั้นสูง ไม่ใช่เพราะท่านปู่สู้ราคาไม่ไหว แต่เพราะมันจะกลายเป็นความสูญเปล่าครั้งใหญ่ และหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา ชีวิตของเธอก็จะตกอยู่ในความเสี่ยง!


“โอ๊ยยยย…” ไป๋เหรินชิงส่งเสียงคร่ำครวญ


ด้วยพลังงานมหาศาลที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของเธอ มีบางส่วนเล็ดลอดออกจากจุดชีพจรด้วย ใบหน้าของไป๋เหรินชิงแดงก่ำ ลำตัวพองขึ้นเหมือนลูกโป่ง ดูพร้อมจะระเบิดได้ทุกขณะ


จางเซวียนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้


เขามอบยาเม็ดอมตะขั้นสูงให้ไป๋เหรินชิงเพื่อจะตอบแทนบุญคุณที่เธอช่วยเหลือเขา ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น


ถ้าร่างของไป๋เหรินชิงระเบิดขึ้นมาจริงๆจากการกินยาเม็ดอมตะขั้นสูงที่เขามอบให้ แล้วเขาจะอธิบายเรื่องนี้กับผู้อาวุโสไป๋เย่อย่างไร?


“เร็วเข้า รีบสำแดงเทคนิคการต่อสู้ออกมา!” จางเซวียนคำราม


รู้ดีว่าสถานการณ์คับขันแค่ไหน ไป๋เหรินชิงรีบกัดฟันแล้วบังคับตัวเองให้สำแดงศิลปะเพลงดาบ ด้วยการชำเลืองมองแวบเดียว จิตใต้สำนึกของจางเซวียนก็ดำดิ่งเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้าเพื่อพิจารณาหนังสือที่ประมวลขึ้นใหม่เกี่ยวกับไป๋เหรินชิง รอยย่นปรากฏบนหน้าผากของเขา


ดูเหมือนวิธีเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ก็คือ ไป๋เหรินชิงต้องรีบใช้พลังจิตวิญญาณที่กำลังพุ่งพล่านและแปรสภาพมันให้กลายเป็นพลังปราณ จางเซวียนคิด ด้วยวิธีนี้ เธอจะสามารถควบคุมมันและเก็บมันไว้อย่างปลอดภัยในจุดตันเถียนได้


แต่ด้วยสภาวะของไป๋เหรินชิงในเวลานี้ ออกจะยากเกินไปที่จะปลดปล่อยพลังงานออกจากร่างของเธอ การก่อตัวกันของพลังงานนั้นหนักหน่วงเกินกว่าที่จางเซวียนจะรับประกันได้ว่าเขาจะสามารถควบคุมกระแสพลังงานที่ไหลออกจากร่างของเธอได้อย่างปลอดภัย วิธีการที่ปลอดภัยที่สุดในเวลานี้ก็คือต้องซึมซับพลังจิตวิญญาณเข้าสู่ร่างของเธอ


แต่ขีดจำกัดข้อใหญ่ของไป๋เหรินชิงคือระดับเทคนิควรยุทธที่เธอมีอยู่


เทคนิควรยุทธทั่วไปนั้นเหมือนกับหลอดดูดน้ำ ไม่ว่าจะพยายามใช้หลอดดูดดูดน้ำออกจากมหาสมุทรสักแค่ไหน ก็ไม่ก่อให้เกิดอะไรขึ้น


ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือต้องหาเทคนิควรยุทธที่ทรงพลังพอที่ไป๋เหรินชิงจะสามารถ ควบคุมพลังจิตวิญญาณที่กำลังเดือดพล่านของเธอให้อยู่ภายใต้การควบคุมได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)