อัจฉริยะสมองเพชร 2014-2015

 ตอนที่ 2014 กินมันเสียเลยก็สิ้นเรื่อง!

“เป็นได้แค่ของล้ำค่าระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์? คุณรู้หรือเปล่าว่าในทวีปนี้มีของล้ำค่าระดับกึ่งสรวงสวรรค์อยู่เพียงหยิบมือเท่านั้น? เงื่อนไขของการหลอมของล้ำค่าระดับกึ่งสรวงสวรรค์นั้น ละเอียดยิบย่อยมาก จนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จ อย่าเสียเวลาสรรหาคำพูดมาหลอกลวงผมเลย!” ดาบถงซังคำราม


“ถ้าคุณคิดว่าจะเอาชนะผมได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำล่ะก็ อย่าเสียเวลา เปลืองแรงเปล่า”


ของล้ำค่าระดับดาบถงซังมีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในตัวเอง มันไม่อาจยอมรับใครเป็นเจ้านายได้โดยง่าย แม้แต่เจ้านายคนเก่าของมันก็ยังต้องลำบากลำบนไม่น้อยกว่าจะทำให้มันยอมจำนนได้สำเร็จ


“หลอกลวง? คุณก็คิดมากไป ทุกอย่างที่ผมพูดน่ะเป็นความจริงทั้งนั้น ด้วยวัตถุดิบและกรรมวิธีการหลอมที่สร้างตัวคุณขึ้นมา โอกาสที่คุณจะได้เป็นอาวุธระดับกึ่งสรวงสวรรค์นั้นมีราว 10% และต้องอยู่ภายใต้ข้อสันนิษฐานที่ว่าเงื่อนไขเหล่านั้นสมบูรณ์แบบด้วย” จางเซวียนตอบพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่แยแส


“แต่ถ้าอยู่กับผม ขอแค่ผมปรารถนา คุณก็มั่นใจได้เลยว่าจะได้เป็นอาวุธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ โดยโอกาสที่จะล้มเหลวนั้นเป็นศูนย์!”


“ดูคุณมั่นใจเหลือเกินนะ เอาเถอะ ผมจะฟังว่าคุณคิดอะไร” ดาบถงซังตอบอย่างเย็นชา แสดงความไม่มั่นใจออกนอกหน้า


ถ้าอาวุธชิ้นหนึ่งเข้าถึงระดับกึ่งสรวงสวรรค์ได้ง่ายๆ ในทวีปที่ถูกลืมแห่งนี้ก็คงไม่มีอาวุธระดับนั้นอยู่เพียงแค่หยิบมือ


ขนาดหานเจี้ยนชิวผู้ทรงพลังก็ยังทำไม่สำเร็จ จึงไม่มีทางที่นักรบขั้นเสมือนอมตะคนหนึ่งจะทำสำเร็จได้


“ง่ายนิดเดียว”


จางเซวียนเพ่งสมาธิไปที่เจตจำนงเพลงดาบที่ปลายนิ้วของเขาก่อนจะถ่ายทอดมันเข้าสู่ดาบถงซัง


มันคือเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าที่เขาทำความเข้าใจได้สำเร็จ!


เมื่อรู้สึกได้ถึงแนวคิดอันล้ำลึกที่อยู่เบื้องหลังเจตจำนงเพลงดาบ ดาบถงซังรู้สึกราวกับได้รับการจุมพิตจากเทพเจ้า มันเป็นความรู้สึกอันอบอุ่นลึกซึ้ง ดาบถงซังอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ “คุณทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จแล้วหรือ?”


“ก็ใช่น่ะสิ คุณก็น่าจะรู้ว่านักดาบที่ครอบครองเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าน่ะมีพละกำลังที่ต่อกรได้แม้แต่กับเทพเจ้า แล้วก็ควรจะรู้ด้วยว่ามีโอกาสสูงแค่ไหนที่คุณที่จะได้เป็นอาวุธระดับกึ่งสรวงสวรรค์ถ้าผมบ่มเพาะคุณด้วยเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า” จางเซวียนพูด


ถ้าอาวุธระดับอมตะขั้นสูงชิ้นหนึ่งต้องการยกระดับตัวเองให้สูงขึ้น ก็ไม่มีวิธีไหนที่จะดีไปกว่าการบ่มเพาะมันด้วยเจตจำนงเพลงดาบ และแน่นอนว่าไม่มีเจตจำนงเพลงดาบชนิดไหนที่ทรงพลังกว่าเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า


“ผมเข้าใจแล้ว ภายใต้การบ่มเพาะของคุณ ผมน่าจะกลายเป็นอาวุธระดับกึ่งสรวงสวรรค์ได้ แต่วรยุทธของคุณยังอ่อนด้อยเกินไป ผมไม่ยอมจำนนให้คุณหรอก” ดาบถงซังลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจปฏิเสธจางเซวียน


ฟึ่บ!


ในตอนนั้นเอง น้ำเต้าตงฉู่ก็ปรากฏตัวและกลืนดาบถงซังเข้าไปทั้งเล่ม


“มัวเสียเวลาทำไมนักหนา? ถ้ามันไม่ยอมจำนนให้คุณล่ะก็ กินมันเสียเลยก็สิ้นเรื่อง!”


น้ำเต้าตงฉู่ออกอาการฟึดฟัด


“แก…”


นึกไม่ถึงว่าน้ำเต้าตงฉู่จะโหดเหี้ยมขนาดกลืนดาบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์เข้าไปทั้งเล่มแบบนั้น จางเซวียนรีบหยิบขวานออกมาแล้วจามลงไปบนตัวน้ำเต้าตงฉู่อย่างแรง “แกทำบ้าอะไรอยู่? รีบคายมันออกมาเดี๋ยวนี้!”


ดาบนี้จะเป็นไม้ตายที่ช่วยรับประกันความปลอดภัยของเขา หากปล่อยให้น้ำเต้ากลืนลงไป จะเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่!


เพราะถึงอย่างไร เขาก็ไม่อาจพึ่งพาน้ำเต้าตงฉู่ให้ช่วยปกป้องเขาได้


“ก็แค่ก้อนโลหะเสร่อๆก้อนหนึ่ง วางท่าใหญ่โตเสียราวกับเป็นเจ้าของโลกใบนี้ ทำไมคุณไม่ให้ผมกินเจ้าโง่นี่ซะ?” น้ำเต้าตงฉู่ทักท้วงพร้อมกับส่ายก้น


“เร็วๆเข้า คายมันออกมา! ไม่อย่างนั้นแกจะไม่ได้อะไรจากฉันอีกเลย!” จางเซวียนโมโหจนแทบปรี๊ดแตกเหมือนภูเขาไฟที่กำลังระเบิด


น้ำเต้าตงฉู่เป็นบ้าอะไร? สงสัยจะคิดเป็นอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องกิน!


แต่ถึงจางเซวียนจะโมโหน้ำเต้าตงฉู่แค่ไหน เขาก็ตกตะลึงมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น


ที่ผ่านมา เขาเคยคิดว่าประโยชน์เพียงอย่างเดียวของน้ำเต้าตงฉู่ก็คือน้ำที่ได้จากการต้มตัวมัน แต่ใครจะไปรู้ว่ามันทำได้ถึงขนาดกลืนดาบที่เป็นของล้ำค่าระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์?


ถ้ามันเก่งกาจขนาดนี้ จะไม่หมายความว่ามันแข็งแกร่งกว่าของล้ำค่าระดับอมตะขั้นสูงอีกหรือ?


ด้วยการข่มขู่ของจางเซวียน น้ำเต้าตงฉู่ยึกยักครู่หนึ่งก่อนจะยอมคายดาบถงซังออกมาอย่างไม่เต็มใจ


มันไม่มีทางเลือก จึงต้องทำแบบนั้น น้ำเต้าตงฉู่รู้ดีว่าอะไรก็ตามที่นายท่านจะมอบให้ในอนาคตจะต้องมีค่ามากกว่าดาบขี้ปะติ๋วเล่มนี้ มันพอชั่งน้ำหนักได้เสียของสถานการณ์นี้ได้


ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ลำพังแค่พลังปราณของนายท่านก็เหนือชั้นเกินกว่าที่ดาบเพียงเล่มเดียวจะเทียบได้แล้ว


“แกเป็นใคร?” ดาบถงซังหวาดกลัวจนแทบขาดใจ


มันคือดาบที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ของล้ำค่าอันเลื่องชื่อของทวีปที่ถูกลืม…แต่กลับถูกกลืนลงไปทีเดียวทั้งเล่มโดยน้ำเต้าลูกหนึ่ง แถมทุกอย่างยังเลวร้ายกว่านั้นอีก เพราะมันไม่มีหนทางต่อสู้เลย!


แค่นึกถึงก็มากพอจะทำให้มันสั่นสะท้านไปทั้งตัวแล้ว


น้ำเต้าตงฉู่คำราม “แกมันไอ้งั่ง ถ้าไม่ยอมรับเจ้าหนุ่มคนนี้เป็นเจ้านายเสีย ฉันจะเขมือบแกอีกรอบ แล้วหักแกเป็นชิ้นๆ!”


“ผม…”


ดาบถงซังสั่นสะท้านครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งคมดาบให้ตรงและประกาศก้อง “นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้เห็นนายท่าน ผมก็รู้แล้วว่าเขาคือคนพิเศษที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต ในวินาทีนั้น ผมตัดสินใจทันทีว่าจะไม่รับใครอื่นเป็นเจ้านายนอกจากเขา ก่อนหน้านี้ที่ผมปฏิเสธไป…ก็เพื่อทดสอบความมุ่งมั่นของเขาเท่านั้น!”


จางเซวียนยกมือปิดหน้า พูดอะไรไม่ออก


เขาไม่คิดเลยว่าของล้ำค่าระดับอมตะขั้นสูงจะไร้ยางอายขนาดนี้!


จางเซวียนรีบดำเนินกระบวนการการยอมรับตัวเขาเป็นเจ้านาย ไม่ช้าก็รู้สึกได้ว่าดาบถงซังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์


ดูเหมือนน้ำเต้าตงฉู่จะไม่ใช่แค่ตะกละตะกลาม มันพอมีประโยชน์อยู่เหมือนกัน!


แม้หอสมุดเทียบฟ้าจะมองทะลุข้อบกพร่องของดาบถงซังได้ ซึ่งทำให้จางเซวียนมั่นใจว่าสุดท้ายเขาจะทำให้มันยอมจำนนได้สำเร็จ แต่ก็รู้ดีว่าคงไม่ราบรื่นขนาดนี้หากไม่ได้การข่มขู่ซ้ำจากน้ำเต้าตงฉู่


ดูเหมือนการควบคุมดาบที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงจะยังเกินความสามารถของเราในเวลานี้ ขนาดมีเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า เราก็ยังดึงศักยภาพสูงสุดของมันออกมาไม่ได้ จางเซวียนคิด


เมื่อบงการดาบถงซังได้แล้ว จางเซวียนถึงเพิ่งรู้ว่ามันน่าสะพรึงขนาดไหน นั่นอธิบายได้ว่าทำไมมันถึงไม่เต็มใจจะยอมจำนนให้เขา


หากเปรียบเทียบกับพละกำลังของมัน พละกำลังของนักรบขั้นเสมือนอมตะก็ไม่ต่างอะไรกับมดตัวหนึ่ง ด้วยความแข็งแกร่งที่จางเซวียนมีอยู่ในเวลานี้ เขาไม่อาจดึงศักยภาพของดาบถงซังออกมาได้ถึงหนึ่งในร้อยส่วนด้วยซ้ำ


แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เมื่อมีดาบนี้ในมือ ก็ไม่มีนักรบคนไหนที่มีวรยุทธต่ำกว่าระดับอมตะขั้นสูงจะทำอันตรายเขาได้ อันที่จริง จางเซวียนอาจเล่นงานได้แม้แต่นักรบอมตะขั้นสูงหากคนเหล่านั้นไม่ทันระวังตัว


ด้วยสิ่งนี้ ในที่สุดเขาก็มีวิถีทางของการปกป้องตัวเอง


“เข้าไป!” จางเซวียนเก็บดาบถงซังเข้าสู่แหวนเก็บสมบัติ


เขาหันไปพยักหน้าอย่างให้การยอมรับในตัวน้ำเต้าตงฉู่ “คราวนี้แกทำดีมาก แล้วฉันจะซื้อยาให้เป็นรางวัล”


หลังจากชมเชยน้ำเต้าตงฉู่และส่งมันกลับเข้าจุดตันเถียนของเขาแล้ว จางเซวียนก็เดินออกจากห้อง


จากข้อมูลที่เขาได้จากหานเจี้ยนชิวเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนมีความเป็นไปได้สูงที่หลัวลั่วชิงจะเป็นเทพเจ้า เรื่องนี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้นอีก จางเซวียนคิดทันทีว่าการยกระดับวรยุทธคือภารกิจเร่งด่วนที่สุดในเวลานี้


เขาสำเร็จวรยุทธระดับเสมือนอมตะสรวงสวรรค์ได้กว่า 2 ชั่วโมงแล้ว ถือว่าเวลาผ่านไปไม่น้อยนับตั้งแต่การฝ่าด่านวรยุทธครั้งสุดท้าย ถึงเวลาเริ่มตามหาหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงเพื่อฝ่าด่านวรยุทธอีกครั้ง


ขอแค่เขาได้เป็นนักรบอมตะตัวจริง ด้วยความบริสุทธิ์ที่เป็นสุดยอดของพลังปราณเทียบฟ้า ผนวกกับเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าและดาบถงซัง เขาก็จะเก่งกาจเทียบชั้นได้แม้แต่กับนักรบอมตะขั้นสูง


จางเซวียนเดินไปหาไป๋เหรินชิงและเอ่ยปากขอยืมอสูรบินได้ของเธอ จากนั้นก็มุ่งหน้ากลับสู่ยอดเขาซึ่งเป็นที่พำนักของเหล่าผู้อาวุโส


ก็เหมือนกับการที่หนังสือส่วนใหญ่ในหอสมุดของศิษย์สายตรงฝ่ายในเป็นหนังสือของวรยุทธที่ต่ำกว่าขั้นเสมือนอมตะลงไป หนังสือส่วนใหญ่ที่อยู่ในหอสมุดของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดก็เป็นหนังสือของวรยุทธที่ต่ำกว่าขั้นอมตะตัวจริงลงไปเช่นกัน หากเขาอยากรวบรวมหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริง หรือแม้แต่หนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะขั้นสูงให้ได้มากพอ ก็จะต้องเข้าสู่หอสมุดของผู้อาวุโส


เมื่อถึงที่หมาย จางเซวียนแสดงตราสัญลักษณ์ที่ได้มาจากหานเจี้ยนชิว ซึ่งก็เป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกไว้ เขาเข้าไปในนั้นได้ทันที


หอสมุดของผู้อาวุโสไม่ได้ใหญ่โตเหมือนหอสมุดของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด เป็นเพียงตึก 2 ชั้นที่มี ชั้นหนังสือไม่กี่ชั้นกระจัดกระจายอยู่รอบห้อง จางเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะรีบกวาดสายตามองหนังสือที่อยู่รอบตัว


มีหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงอยู่ที่นี่จริงๆ แต่ดูจะมีไม่มากนัก เพียงไม่นาน จางเซวียนก็ถ่ายโอนทุกอย่างเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้าได้สำเร็จ


“แค่ 600 เล่มเองหรือ?” จางเซวียนถอนหายใจเฮือก


จำนวนของมันห่างไกลจากโดยปกติที่เขาต้องใช้หนังสือเป็นพันเล่มเพื่อประมวลเคล็ดวิชาเทียบฟ้า


จางเซวียนส่ายหน้าแล้วเดินขึ้นไปชั้น 2 ที่นี่มีหนังสือเทคนิควรยุทธระดับอมตะขั้นสูง แต่ปริมาณก็น้อยกว่าเดิมเสียอีก รวมแล้วมีเพียง 12 เล่มเท่านั้น


“เฮ้ย…” จางเซวียนถึงกับไปต่อไม่ถูก


จริงอยู่ว่านักรบส่วนใหญ่ต้องการหนังสือเทคนิควรยุทธที่เหมาะสมเพียงเล่มเดียวเพื่อยกระดับวรยุทธของตัวเองให้สูงขึ้น แต่เขาต้องการหนังสือในปริมาณมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อประมวลเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับสมบูรณ์…


จะว่าไป จำนวนหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่มีน้อยมาก ซึ่งนอกจากสำนักใหญ่อย่างสำนักดาบเมฆเหิน ก็คงไม่มีที่ไหนอีกแล้วในทวีปที่ถูกลืมที่จะมีโอกาสได้พบหนังสือจำนวนมากขนาดนี้…แต่มันก็ยังห่างไกลเหลือเกินกับจำนวนที่เขาต้องการ


ประมวล!


ด้วยความหวังอันน้อยนิด จางเซวียนพยายามรวบรวมหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงเข้าด้วยกัน เขาพลิกดูหน้าหนังสือที่ประมวลขึ้นใหม่ ไม่ช้าก็หน้าถอดสีด้วยความผิดหวัง


ตอนที่ 2015 เว้นเสียแต่อะไร?

เป็นอย่างที่คิดไว้ เทคนิควรยุทธที่ประมวลได้มีข้อบกพร่องมากมายอย่างเหลือเชื่อ มากถึง 7 ข้อเลยทีเดียว ไม่มีทางที่เขาจะยอมฝึกฝนอะไรที่น่าขยะแขยงแบบนี้!


ดูเหมือนเราต้องหาทางรวบรวมหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงให้ได้มากกว่าเดิม


จางเซวียนกุมขมับอย่างปวดใจ


เขาน่าจะต้องการหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงอีกอย่างน้อย 400 เล่ม เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้น แต่รวมแล้วก็คงจะมีราคาสูงมาก อย่างน้อยๆ เหรียญสำนักดาบที่เขามีอยู่ในเวลานี้ก็คงไม่พอ


จางเซวียนเดินวนรอบหอสมุดเพื่อให้แน่ใจว่าถ่ายโอนหนังสือทุกเล่มเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้าแล้ว ก่อนจะออกจากตรงนั้นมาพร้อมกับถอนหายใจอย่างจนปัญญา


หลังจากกลับถึงที่พัก จางเซวียนครุ่นคิดหนัก


แม้แต่ในสถานที่อย่างสำนักดาบเมฆเหิน การสำเร็จวรยุทธได้เป็นนักรบอมตะขั้นสูงก็เพียงพอจะทำให้ได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสฝ่ายในแล้ว ในบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด มีไม่กี่คนที่เข้าถึงระดับนี้ คงไม่เป็นการพูดเกินเลยหากจะบอกว่านักรบอมตะตัวจริงนั้นแข็งแกร่งพอที่จะกลายเป็นผู้ทรงอำนาจในดินแดนส่วนใหญ่ของทวีปที่ถูกลืม!


หากเปรียบเทียบกับทวีปแห่งปรมาจารย์ วรยุทธระดับนี้ก็พอจะเทียบได้กับวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่


เป็นธรรมดาที่หนังสือเทคนิควรยุทธขั้นนี้จะมีจำนวนน้อยมาก แต่ด้วยอิทธิพลสูงส่งของสำนักดาบเมฆเหิน จึงสามารถรวบรวมได้ถึง 600 เล่มอย่างที่เห็น


แต่หากเขาไม่สามารถประมวลเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับสมบูรณ์ได้ ก็ไม่มีทางได้ฝึกฝนวรยุทธต่อ เขายอมตายเสียดีกว่าที่จะต้องฝึกฝนเทคนิควรยุทธที่มีข้อบกพร่องอยู่ในนั้นถึง 7 ข้อ!


ปรมาจารย์ขงมอบตราสัญลักษณ์ที่อนุญาตให้เราใช้ทุกสิ่งจากหอนิรันดร์ได้ เราน่าจะใช้มันซื้อหาหนังสือเทคนิควรยุทธได้นี่ ใช่ไหม? จางเซวียนคิด


จากที่หานเจี้ยนชิวบอก ตราสัญลักษณ์ที่เขาเพิ่งได้รับจากปรมาจารย์ขงนั้นมีมูลค่าไม่จำกัด ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น เขาจะใช้มันซื้อหนังสือเทคนิควรยุทธทั้งหมดที่เขาต้องการได้หรือเปล่า?


ก่อนหน้านี้จางเซวียนเคยทดลองมาแล้ว แต่ในตอนนั้นค่าใช้จ่ายก็สูงเกินไป ในเมื่อตอนนี้เขามีตราสัญลักษณ์อยู่ในมือ เงินก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอีก


จางเซวียนตาโตเมื่อคิดได้ แต่ครู่ต่อมา เขาก็หน้าเจื่อนขณะพึมพำ “แต่เราต้องออกจากสำนักดาบเมฆเหินเสียก่อน…”


เป็นที่รู้กันว่าเขาไม่อาจใช้ตราสัญลักษณ์อันนี้กับพื้นที่ด้านในของหอนิรันดร์ที่สำนักดาบเมฆเหินควบคุมดูแลอยู่ เขาจะต้องไปที่บริเวณด้านนอกของหอนิรันดร์เพื่อใช้สิทธิพิเศษนี้


เราต้องหาข้อมูลสักหน่อยก่อนตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป จางเซวียนคิดขณะที่กลับถึงบ้านพักพอดี


เห็นไป๋เหรินชิงยังอยู่ จางเซวียนเดินเข้าไปถาม “ไม่ทราบว่าเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้สำนักดาบเมฆเหินที่สุดอยู่ที่ไหน? แล้วที่นั่นมีหอนิรันดร์หรือเปล่า?”


“คุณอยากไปหรือ?” ไป๋เหรินชิงชะงักไปเล็กน้อย


“ผมมีจุดประสงค์บางอย่าง” จางเซวียนตอบตามตรง


“เมืองที่อยู่ใกล้กับสำนักของเราที่สุดคือเมืองอู๋ไห่ ห่างจากที่นี่ไปราว 3,000 ลี้ ชื่อของมันมีต้นกำเนิดจากทะเลอู๋ที่อยู่ใกล้ๆ มันเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ในระดับขั้น 1 จึงมีหอนิรันดร์อยู่ที่นั่นด้วย” ไป๋เหรินชิงตอบ


“อือ ก็ไม่ไกลเท่าไหร่…” จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก


ด้วยระยะทางสามพันลี้ เขาน่าจะขี่อสูรเพื่อเดินทางไปถึงที่นั่นได้ภายในเวลา 2 ชั่วโมง


“มันอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ก็จริง แต่สำนักดาบเมฆเหินไม่อนุญาตให้ศิษย์สายตรงคนไหนออกจากพื้นที่ได้ตามใจ จะต้องผ่านกระบวนการมากมายกว่าจะได้รับอนุญาตให้ออกไปได้ อันที่จริง อาจต้องผ่านการอนุมัติจากสภาผู้อาวุโสด้วยซ้ำ กระบวนการทั้งหมดจะกินเวลาหลายวัน” ไป๋เหรินชิงอธิบาย


“หลายวัน?” จางเซวียนขมวดคิ้ว ระบบบ้าบออะไร!


เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และถามต่อ “แล้วผู้อาวุโสล่ะ? พวกเขาได้รับอนุญาตให้ออกจากพื้นที่อย่างอิสระไหม?”


“พวกเขาไม่มีสิทธิ์พิเศษแบบนั้นหรอก เว้นเสียแต่จะมีกิจธุระสำคัญบางอย่าง เหล่าผู้อาวุโสไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากสำนักได้ตามใจเช่นกัน” ไป๋เหรินชิงตอบ “เว้นเสียแต่…”


รู้ดีว่าเธอเป็นตัวเจ้าปัญหา ผู้อาวุโสไป๋เย่ผู้เป็นท่านปู่จึงกำชับกำชาไป๋เหรินชิงอย่างดีไม่ให้ก่อเรื่องยุ่งยาก


“เว้นเสียแต่อะไร?”


“เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะมีภารกิจ โดยปกติ เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์สายตรงที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจจะสามารถเข้านอกออกในสำนักได้โดยไม่มีปัญหา” ไป๋เหรินชิงตอบ


“ภารกิจ?”


“เมื่อบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในและศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดเกิดร้อนเงินขึ้นมา พวกเขาก็จะตรงไปที่หอภารกิจ ขอแค่มีตราสัญลักษณ์การปฏิบัติภารกิจอยู่กับตัว ก็จะออกจากสำนักได้โดยไม่มีข้อห้ามใดๆ” ไป๋เหรินชิงอธิบาย


จางเซวียนตาโตเมื่อเข้าใจ


ก่อนหน้านี้ เขาเคยได้ยินว่าการจะได้เหรียญสำนักดาบมาผ่านการปฏิบัติภารกิจนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่ก็รู้สึกว่าใช้เวลานานไปหน่อย


“อาจารย์ลุง ถ้าคุณอยากไปจริงๆ ฉันหาภารกิจแล้วพาคุณไปเมืองอู๋ไห่ได้นะ” ไป๋เหรินชิงพูด


เธออยากออกจากสันเขาแห่งนี้เพื่อไปท่องโลกมานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ท่านปู่ไม่เคยอนุญาต แม้เธอจะเคยปฏิบัติภารกิจมาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้ไปไกลจากสำนักดาบเมฆเหินเลย แต่คราวนี้ ในเมื่อมีอาจารย์ลุงอยู่ด้วย ท่านปู่คงยับยั้งเธอไม่ได้แน่


เมืองอู๋ไห่เป็นเมืองใหญ่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่ง อยู่ใกล้กับสำนักดาบเมฆเหิน เธอได้ยินชื่อของมันมานานแล้ว และอยากไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง


“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นไปที่หอภารกิจกันเถอะ” จางเซวียนพยักหน้า


ด้วยสถานภาพของเขาในตอนนี้ คงไม่เหมาะสมนักที่ตัวเขาจะปฏิบัติภารกิจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของไป๋เหรินชิงจะดีกว่า


“ไปกัน!”


ไป๋เหรินชิงกระโจนขึ้นหลังอสูรอย่างตื่นเต้น ทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังหอภารกิจโดยเร็ว


หอภารกิจคือสถานที่ที่สำนักดาบเมฆเหินจะมอบหมายภารกิจให้กับบรรดาศิษย์สายตรง ความยากง่ายของภารกิจจะขึ้นอยู่กับรายละเอียดของปฏิบัติการ โดยปริมาณของค่าตอบแทนก็จะต่างกันไป


ทั้งคู่กวาดสายตาดูประกาศมากมายที่ปักอยู่บนกระดาน ไม่ช้าก็พบภารกิจ 2-3 อย่างที่เกี่ยวข้องกับเมืองอู๋ไห่


ภารกิจของเมืองอู๋ไห่ดูจะยากกว่า แต่ค่าตอบแทนก็เย้ายวนใจมาก


“ภารกิจตรวจสอบสมบัติจากตลาดอู๋ไห่ ค่าตอบแทน 30 เหรียญสำนักดาบ เรารับงานนี้กันเถอะ” จางเซวียนพูดยิ้มๆ


ภารกิจอื่นดูจะต้องลงทุนลงแรงมากกว่านี้ ขณะที่ภารกิจนี้ต้องการให้เขาตรวจสอบข้าวของเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ซึ่งหลังจากปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็จะมีเวลาอีกมากที่จะสำรวจหอนิรันดร์ในดินแดนนั้น


“อาจารย์ลุง ฉันเกรงว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่เห็นนะ” ไป๋เหรินชิงขมวดคิ้ว


“ภารกิจจากเมืองอู๋ไห่มีทั้งหมด 17 ภารกิจ ส่วนใหญ่มีค่าตอบแทนราว 20 เหรียญสำนักดาบ แม้แต่ภารกิจนี้…การช่วยชีวิตลูกสาวท่านเจ้าเมือง ก็มีค่าตอบแทนเพียง 25 เหรียญสำนักดาบเท่านั้น คุณไม่รู้สึกว่ามันแปลกหรือที่ภารกิจการตรวจสอบสมบัติมีค่าตอบแทนมากขนาดนี้?”


ขนาดตัวเธอ ซึ่งน้อยครั้งที่จะคิดอะไรละเอียดลออ ก็ยังรู้สึกได้ว่าภารกิจการตรวจสอบสมบัติครั้งนี้มีบางอย่างแปลกๆ เธอแทบไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์ลุงจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ


“ไม่เป็นไรหรอกน่ะ” จางเซวียนตอบพร้อมกับโบกมือ


แน่นอนว่าเขาดูออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการตรวจสอบสมบัติ ขอแค่เขามีหอสมุดเทียบฟ้า ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร


“ถ้าคุณมั่นใจ ฉันจะนำภารกิจนั้นมาให้คุณ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการตรวจสอบสมบัติ” ไป๋เหรินชิงตรงเข้าประเด็น


เธอบูชาอาจารย์ลุงของเธอคนนี้จนแทบจะเรียกได้ว่าไม่ลืมหูลืมตา ซึ่งในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีข้อขัดข้อง ก็แปลว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร


หลังจากแน่ใจแล้วว่าทั้งคู่จะรับภารกิจนี้ ไป๋เหรินชิงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่


ไม่ช้าเธอก็ได้ตราสัญลักษณ์การปฏิบัติภารกิจมา ทันทีที่ภารกิจสำเร็จลุล่วง ก็จะปรากฏบนตราสัญลักษณ์นี้โดยอัตโนมัติ จากนั้นค่าตอบแทนก็จะถูกโอนเข้าสู่บัตรนิรันดร์ของผู้ปฏิบัติภารกิจ


สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ไว้ก็คือมันมีระยะเวลาจำกัด เพราะเมืองอู๋ไห่อยู่ใกล้ และภารกิจนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสำรวจหรือผจญภัย ดังนั้น หากภารกิจไม่สำเร็จลุล่วงภายใน 3 วัน ผู้รับภารกิจก็จะต้องจ่ายค่าชดเชยสำหรับการเสียเวลาเป็นเงินจำนวน 3 เหรียญสำนักดาบ


ทั้งคู่รับตราสัญลักษณ์การปฏิบัติภารกิจมา จากนั้นก็ขึ้นขี่หลังอสูรมุ่งหน้าไปเมืองอู๋ไห่ ทิ้งสำนักดาบเมฆเหินไว้เบื้องหลัง


…..


ได้ฟังรายงานจากผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้า หานเจี้ยนชิวกุมขมับ


ว่าที่เจ้าสำนักของพวกเขาคนนี้ช่างหาเรื่องมาให้วิตกกังวลเสียจริงๆ เมื่อครู่นี้เองที่เขาเพิ่งบอกอีกฝ่ายไปอ้อมๆว่าอย่าสร้างปัญหาภายในสำนัก แต่ในชั่วพริบตา เจ้าหนุ่มนั่นก็โบยบินไปเมืองอู๋ไห่เสียแล้ว


ทำไมถึงไม่อยู่ในสำนักอย่างว่าง่ายและฝึกฝนวรยุทธของตัวเองไป?


การที่อีกฝ่ายทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จก็หมายความว่าความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของเขาเข้าถึงขั้นสุดยอดแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือยกระดับวรยุทธ ขอแค่ได้เป็นนักรบอมตะขั้นสูง ต่อให้หานเจี้ยนชิวเองก็ไม่อาจเทียบชั้นกับเขาได้ เมื่อถึงเวลานั้น จางเซวียนจะกลายเป็นนักรบผู้ไร้เทียมทานอย่างไม่มีใครเทียบในทวีปที่ถูกลืม


แต่เจ้าหนุ่มนั่นก็ไม่พักไม่ผ่อนเลย หลังจากรังแกบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในได้สำเร็จ ก็รังแกศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดต่อ ตามด้วยเหล่าผู้อาวุโส และสุดท้ายก็เป็นตัวเจ้าสำนักเอง ซึ่งเมื่อได้ทุกอย่างสมใจแล้ว ก็บินฉิวไปเมืองอู๋ไห่!


เขาจะตายไหมหากหยุดทำตัวอวดเก่งสักวันหนึ่ง?


อีกอย่าง ต่อให้เขาไม่อยากฝึกฝนวรยุทธแค่ไหน แต่ก็เพิ่งได้รับดาบที่มีวรยุทธขั้นอมตะขั้นสูงไป แน่นอนว่าเขาจำเป็นจะต้องทำความคุ้นเคยกับดาบบ้าง เพื่อปูพื้นฐานของการทำให้มันยอมจำนนในอนาคต ไม่ใช่หรือ?


“เราควรไปจับตัวเขาและบีบบังคับให้เขาฝึกฝนวรยุทธไหม?” ผู้อาวุโสเหอหน้าดำคร่ำเครียด


“จะดีที่สุดหากเรานำตัวเขากลับมาได้…” หานเจี้ยนชิวพยักหน้าก่อนจะหยุดกึก เขาครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตั้งคำถาม “ความเร็วในการยกระดับวรยุทธของเขาเป็นอย่างไร? หากเขาได้เป็นนักรบเสมือนอมตะระดับล่างตั้งแต่อายุ 20 ปี นั่นก็หมายความว่าเขามีวิถีทางในการยกระดับวรยุทธของตัวเอง ถูกไหม? ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็ไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายแผนการของเขา มันอาจช้าหน่อย แต่อย่างน้อยก็จะช่วยบ่มเพาะเจตจำนงของเขาได้”


การทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบนั้นขึ้นอยู่กับโชคและความปราดเปรื่องของนักรบแต่ละคน แต่การฝึกฝนวรยุทธนั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่ความพากเพียรอย่างไม่ลดละ นักรบทุกคนจะต้องก้าวไปทีละขั้น และเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)