ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 2010-2028
ตอนที่ 2010 เสี่ยวเป่าผู้รับใช้ยาก
การที่มีลูกชายมาเป็นสมาชิกในครอบครัวเพิ่มถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก หนิงเฉินเซวียนและเฮ่อเหลียนเช่อต่างก็มีความสุข แต่เสี่ยวเป่าที่เพิ่งเกิดออกมาไม่นานดูประหลาด เขาติดอู่เยวี่ยมากและจะกินแต่นมของอู่เยวี่ยเท่านั้น เขาให้อู่เยวี่ยอุ้มคนเดียวเท่านั้น คนอื่น ๆไม่มีใครเข้าใกล้ได้เลย แค่เข้าใกล้นิดหน่อยก็จะงอแงยกใหญ่แล้ว
อีกทั้งหากเสี่ยวเป่างอแงขึ้นมาก็ไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้องเหมือนเด็กคนอื่น เขาเพียงแค่ขมวดคิ้วและส่งเสียงฮึดฮัด มองแล้วช่างน่าเวทนานัก ถึงแม้เฮ่อเหลียนเช่อจะเป็นคนโหดร้ายแค่ไหน แต่ยามที่เผชิญหน้ากับเสี่ยวเป่าเขากลับใจเหี้ยมไม่ลง
เฮ่อเหลียนเช่อและหนิงเฉินเซวียนไม่ต้องการให้เสี่ยวเป่าติดอู่เยวี่ยมากเกินไป เสี่ยวเป่าเพิ่งเกิดไม่นาน พวกเขาก็พยายามมองหาแม่นมที่มีคุณภาพ หาอยู่นานจนถึงตอนนี้ก็ได้มายี่สิบกว่าคน แต่ละคนได้รับการรับรองจากแพทย์แล้วว่าร่างกายแข็งแรง มีน้ำนมชั้นยอดสารอาหารครบถ้วน ไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย
แต่เสี่ยวเป่ากลับไม่รับน้ำใจเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นแม่นมคนไหนเสี่ยวเป่าก็ไม่ไหวหน้าทั้งนั้น แม้กระทั่งอุ้มก็ยังไม่ให้อุ้มเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องให้นมเลย
เขาเปลี่ยนคนมาเรื่อย ๆแต่กลับไม่มีแม่นมคนไหนที่สามารถกุมหัวใจของเสี่ยวเป่าได้สำเร็จ เด็กน้อยเอาแต่อู่เยวี่ยคนเดียว หากไม่ใช่นมของอู่เยวี่ยก็จะไม่ดื่ม นี่จึงทำให้เฮ่อเหลียนเช่อปวดหัวเป็นอย่างมาก
อู่เยวี่ยแอบหัวเราะเยาะ ถึงนายจะเรียกแม่นมมาอีกเป็นร้อยเป็นหมื่นคน ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม
เธอคลอดลูกออกมาด้วยความยากลำบาก แล้วมีสิทธิ์อะไรมาพรากเธอกับลูกเล่า?
ครั้งนี้เฮ่อเหลียนเช่อให้ลูกน้องหาแม่นมชาวต่างชาติมาซึ่งหามาได้ทั้งหมดสี่คน แม่นมชาวรัสเซียรูปร่างอวบอั๋นและร่างกายแข็งแรง แม่นมชาวญี่ปุ่นที่อ่อนโยนและอ่อนน้อม แม่นมชาวอเมริกันที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น แม่นมชาวฝรั่งเศสที่โรแมนติกและงดงาม
แม่นมทั้งสี่คนหน้าตาสะสวยและร่างกายแข็งแรงมากกันทุกคน พวกเธอผ่านการทดสอบที่เข้มงวดหลายด่าน ต่อให้เอามาเป็นแม่นมของเจ้าชายก็ยังไม่มีปัญหาเลย
เฮ่อเหลียนเช่อคิดง่ายดายมาก เมื่อก่อนแม่นมที่ลูกน้องของเขาหามามีแต่คนในประเทศ แต่น้องของเขาก็ยังไม่ยอมรับ เขาจึงคิดว่าน้องชายคนนี้อาจจะชอบกินนมนำเข้า ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ลูกน้องไปหาแม่นมที่เป็นชาวต่างชาติมาจากทั่วทุกสารทิศ ถือว่าเขาหามาจนครบแล้ว
“เข้ามาให้เสี่ยวเป่าทดสอบทีละคน”
เฮ่อเหลียนเช่อมองไปที่เสี่ยวเป่าอย่างคาดหวัง คาดหวังว่าวันนี้น้องชายของเขาจะยอมรับแล้วเลือกคนใดคนหนึ่ง
แต่ทว่า——
ไม่ว่าแม่นมคนไหนเข้าใกล้เสี่ยวเป่าก็บิดตัวไปมาอย่างไม่ไว้หน้า ส่งเสียงฮึดฮัด แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ชอบแม่นมเหล่านี้อย่างมาก
แม่นมที่เต็มไปด้วยความมั่นใจทั้งสี่ต่างก็มีสีหน้าบึ้งตึง ก่อนมาพวกเธอมั่นใจมาก พวกเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่นมที่ดีที่สุดในโลก ขอแค่ผ่านการทดสอบพวกเธอก็จะสามารถสร้างรายได้มหาศาล เพียงพอสำหรับที่จะทำให้ลูกของพวกเธอมีชีวิตที่ดีขึ้น
แต่ตอนนี้ความหวังทั้งหมดสูญสลายไปหมดแล้ว
เฮ่อเหลียนเช่อถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ เขาเองก็ไม่กล้าเข้าใกล้เสี่ยวเป่าเพราะเด็กคนนี้ก็ไม่ยอมไว้หน้าเขาเหมือนกัน
“ตกลงนายจะเอาอย่างไรกันแน่?” เฮ่อเหลียนเช่อถามอย่างหงุดหงิด เสี่ยวเป่ากินนมอิ่มแล้วจึงเรอออกมาอย่างพอใจ ทันใดนั้นเขาก็หันมายิ้มให้เฮ่อเหลียนเช่อ น้ำลายไหลย้อยหยดลงบนหลังมือของอู่เยวี่ย
อู่เยวี่ยขมวดคิ้วพลันรีบลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายอย่างรวดเร็ว เธอไม่กล้าที่จะแสดงความรังเกียจน้ำลายของลูกน้อย จากนั้นก็หันไปยิ้มและพูดกับเฮ่อเหลียนเช่อว่า “คุณชายเช่อวางใจได้ ฉันจะดูแลเสี่ยวเป่าเป็นอย่างดีแน่นอน”
เธอพูดพลางลูบหลังของเสี่ยวเป่าเบา ๆด้วยความรักเพื่อกล่อมให้เขาหลับ เด็กส่วนใหญ่เมื่ออิ่มแล้วก็จะนอน นอนแล้วก็กิน ไม่นานเสี่ยวเป่าก็หลับไป ปากมุ่ยเล็กน้อย ขนตายาวราวกับผีเสื้อจนทิ้งเงาไว้ที่เปลือกตา ใบหน้างดงามราวกับเทวดาตัวน้อย
เฮ่อเหลียนเช่อพยายามอดกลั้นความรังเกียจที่มีต่ออู่เยวี่ยไว้ แต่นัยน์ตากลับมิอาจปกปิดความสุขไว้ได้ การมีเสี่ยวเป่ามันทำให้เขามีท่าทีเหนือคาดจริง ๆ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าคำพูดที่ตนเคยกล่าวว่าไม่รักเด็กในอดีตเป็นแค่คำพูดไร้สาระ หากว่าเด็กทุกคนน่ารักน่าชังเหมือนกับเสี่ยวเป่าละก็ เขาคงเป็นคนที่มีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักมากที่สุดบนโลกใบนี้แน่นอน
…………………………………………..
ตอนที่ 2011 หากคนเราไม่ฝึกตน ฟ้าดินก็จะไม่ปราณี
เฮ่อเหลียนเช่ออดใจไม่ไหวจนต้องยื่นมือออกไปลูบไล้ใบหน้าของเสี่ยวเป่า และมีเพียงช่วงที่เสี่ยวเป่าหลับสนิทเท่านั้นเขาถึงจะกล้าเข้าใกล้เสี่ยวเป่า ไม่เช่นนั้นเสี่ยวเป่าคงร้องโวยวายเอะอะใหญ่โตแน่นอน
แก้มของเด็กน้อยช่างเนียนนุ่มจริง ๆ เขารู้สึกว่าขาวเนียนนุ่มยิ่งกว่าแก้มก้นของเขาเสียอีก สัมผัสมือดีจัง ทั้งลื่นทั้งนุ่มนิ่ม
เฮ่อเหลียนเช่อลูบไล้ใบหน้าของเสี่ยวเป่าอย่างไม่อาจละมือได้ ลูบไล้ไปมาไม่มีเบื่อ เขาสามารถทำเช่นนี้วนซ้ำไปมาได้เป็นหมื่นครั้ง
อู่เยวี่ยก้มหน้ากดตาลงต่ำพลันรู้สึกได้ใจเป็นอย่างมาก ยิ่งเฮ่อเหลียนเช่อแสดงออกว่าชื่นชอบเสี่ยวเป่ามากแค่ไหนโอกาสความสำเร็จของเธอก็ยิ่งมีมากตามเท่านั้น ขอแค่ควบคุมเสี่ยวเป่าไว้ได้ เฮ่อเหลียนเช่อและหนิงเฉินเซวียนก็จะถูกเธอหลอกใช้
เธอจะต้องขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโลกใบนี้ราวกับราชินีที่มองลงไปในใต้หล้าให้ได้!
เสี่ยวเป่าไม่พอใจต่ออุ้งมือที่น่ารำคาญบนใบหน้าเป็นอย่างมาก ขมวดคิ้วมุ่นบาง ๆ ย่นจมูกเนื้อน้อย ๆส่งเสียงฮึดฮัดไม่กี่ที หมัดเล็ก ๆก็เริ่มขยับปัดป่าย ร่างกายบิดไปมาอยู่หลายครั้ง เฮ่อเหลียนเช่อตกใจจนต้องดึงมือกลับ ไม่กล้าหยิกหยอกเจ้าตัวเล็กอีก
“ดูแลเสี่ยวเป่าให้ดี ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเป่าแม้แต่น้อย ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”
ฉับพลันเฮ่อเหลียนเช่อก็ได้สติขึ้นมา เขาเผลอแสดงด้านอ่อนโยนของตนที่ไม่เคยแสดงให้ใครเห็นต่อหน้าอู่เยวี่ยและหมอเกา เขาเป็นถึงคุณชายเช่อที่ประสบความสำเร็จในทุกอย่าง อำนาจเหนือฟ้าไม่มีใครเอาชนะได้ แล้วจะใจอ่อนให้กับความรักอันลึกซึ้งได้อย่างไร?
เขารีบตีหน้าขรึมแล้วเหลือบมองเสี่ยวเป่าอีกครั้งอย่างอาลัยอาวรณ์ จากนั้นก็เบนสายตาหนี พร้อมทั้งกำชับอู่เยวี่ยกับหมอเกาอย่างเยือกเย็น
เพราะนอกจากอู่เยวี่ยแล้ว หมอเกาคือคนที่สองที่สามารถใกล้ชิดกับเสี่ยวเป่าได้ ดังนั้นจึงทำได้แค่ให้เจ้าหมอนั่นคอยดูแลเสี่ยวเป่าอยู่ข้าง ๆ
อู่เยวี่ยรู้สึกได้ใจจนเนื้อเต้นแสดงท่าทีนอบน้อม “คุณชายเช่อโปรดวางใจ เสี่ยวเป่าเป็นลูกชายของฉัน ทำไมฉันจะไม่ดูแลเขาให้ดีล่ะ!”
เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยเสียงขรึม “อันดับแรกเสี่ยวเป่าเป็นทายาทของตระกูลหนิง ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเธอมาก เธอเป็นแค่เครื่องมือให้กำเนิดเสี่ยวเป่าก็เท่านั้น เธอมีสิทธิ์อะไรมาเป็นแม่ของเสี่ยวเป่า?”
โสเภณีคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตสำส่อน ผู้หญิงสารเลวคนหนึ่งที่สกปรกเสียยิ่งกว่าคลองน้ำเน่ากล้าอ้างว่าตนเป็นแม่ของเสี่ยวเป่าเหรอ?
ใครให้เกียรตินั้นกับเธอกัน?
เลือดฝาดบนใบหน้าของอู่เยวี่ยค่อยๆ จางหายไป ริมฝีปากซีดเผือด จากตอนแรกที่เห็นแก่ความน่ารักจิ้มลิ้มของเสี่ยวเป่าจึงทำให้ความใจอ่อนที่เธอมีอย่างบางเบากลับมาแข็งกร้าวอีกครั้ง
ในเมื่อพวกคุณไร้น้ำใจ เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าเธอไร้คุณธรรมแล้วกัน!
หากคนเราไม่รู้จักฝึกตนฟ้าดินก็จะไม่ปราณี เสี่ยวเป่าเอ๋ยเสี่ยวเป่า หากจะโทษก็คงต้องโทษที่แกเป็นลูกชายของเฮ่อเหลียนเช่อ อย่าหาว่าเธอใจร้ายเลย!
“ค่ะ ฉันรู้ตัวเองดี ต่อไปจะไม่มีทางพูดแบบนี้อีก” อู่เยวี่ยงุดหน้าลงเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว
หมอเกามองอู่เยวี่ยอย่างอดไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าอู่เยวี่ยใจดำอำมหิตเกินไป แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสงสารมาก บางทีการที่เธอทำแบบนี้ จริง ๆแล้วเป็นเพราะถูกบีบบังคับสินะ?
เฮ่อเหลียนเช่อแทบไม่มองอู่เยวี่ยเลยด้วยซ้ำ เขาลูบไล้ใบหน้าของเสี่ยวเป่าอีกครั้งก่อนจะจากไป
เขาต้องปรึกษากับหนิงเฉินเซวียนเพื่อหาหนทางสักหน่อยแล้ว เสี่ยวเป่าตัวติดอู่เยวี่ยขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ต้องแยกเขาออกจากอู่เยวี่ยให้ได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะกลายเป็นผู้ถูกกระทำเสียเอง
ผู้หญิงอย่างอู่เยวี่ยนำพาความอับอายมาสู่ตระกูลหนิงตั้งมากมาย ฉะนั้นจะปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่คอยสร้างเรื่องทำลายตระกูลหนิงต่อไปอีกไม่ได้ หนำซ้ำภารกิจของอู่เยวี่ยก็เสร็จสิ้นลงแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เธอมารับตำแหน่งคุณนายเฮ่อเหลียนแล้ว
เพราะเธอไม่คู่ควร!
สำหรับตำแหน่งคุณนายเฮ่อเหลียนในใจของเขาแล้วมีเพียงแค่เหมยซูหานตราบชั่วนิรันดร์ จะไม่มีบุคคลที่สอง!
หลังจากที่เฮ่อเหลียนเช่อจากไป อู่เยวี่ยก็มีท่าทีเคร่งขรึมแล้วเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ภายในห้องที่เงียบสงบนั้นดูผิดปกติขึ้นมาทันที หมอเกาพลันสะดุ้งตกใจ เมื่อครู่เขาคิดว่าอู่เยวี่ยบ้าไปแล้วจริง ๆ
“เอาของออกมาเถอะ!” อู่เยวี่ยพูดกับหมอเกาอย่างเย็นชา
ตอนที่ 2012 เสี่ยวเป่าคือที่พึ่งของอู่เยวี่ย
หมอเกามีท่าทีลังเล เวลาล่วงเลยไปนานเขาก็ไม่ยอมขยับเท้าสักที เขารู้สึกสับสับเป็นอย่างมาก ความรู้สึกกับความผิดชอบชั่วดีตีกันไปมาจนลากยาวไม่จบไม่สิ้น
เขาชอบอู่เยวี่ยและไม่อยากเห็นเธอตาย
แต่เขาก็ไม่กล้าทำร้ายเด็กทารกตัวน้อยในผ้าอ้อม โดยเฉพาะเสี่ยวเป่าผู้งดงามเหมือนเทวดาตัวน้อย เขากล้ำกลืนเหมือนอยู่ในนรกทุกวัน หวังอยากให้ตัวเองตาย ๆไปในเร็ววันถึงจะดี
“เราคิดหาวิธีอื่นดีกว่าไหม?” หมอเการ้องขออีกครั้ง
ความอึดอัดใจจุกอยู่ในอกของอู่เยวี่ย เธอรู้สึกโกรธเกลียดผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างมาก ก็เป็นแค่เศษสวะ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ยังใช้งานได้อยู่ เธอคงกำจัดเจ้าหมอนั่นทิ้งไปแล้ว
อู่เยวี่ยหยิกเข้าที่เนื้อขาด้านใน ขอบตาแดงก่ำจนแลดูน่าสงสาร
“คุณคิดว่าฉันอยากทำร้ายเสี่ยวเป่าเหรอ? เสี่ยวเป่าเป็นลูกชายสุดที่รักที่ฉันคลอดออกมาอย่างยากลำบาก ฉันรักเขามาก ฉันจะเต็มใจทำร้ายเขาได้อย่างไร?”
น้ำตาของอู่เยวี่ยไหลพรากพร้อมจ้องมองเสี่ยวเป่าในอ้อมอกอย่างอาลัยอาวรณ์ ร้องไห้พร้อมกล่าวว่า “คุณเคยคิดไหมถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ฉันก็ไม่อาจจะอยู่เคียงข้างและเติบโตไปพร้อมกับเสี่ยวเป่าได้ แค่ฉันคิดว่าจะต้องแยกจากกับเสี่ยวเป่าโดยมีความเป็นความตายมาขวางกั้น หัวใจของฉันก็เหมือนถูกมีดทิ่มแทง คุณว่ามาสิว่าฉันควรทำอย่างไร?”
เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าร้องไห้ฟูมฟาย ใจของหมอเกาก็แหลกสลาย
สิ่งที่อู่เยวี่ยพูดล้วนเป็นความจริง เพราะมันคือความจริง เขาถึงได้ลังเลเช่นนี้
“ถ้างั้นพวกเราคิดหาวิธีอื่นดีกว่าไหม? คิดหาวิธีที่ดีต่อกันทั้งสองฝ่าย ได้ไหม?”
“ถ้ายังมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ คุณคิดว่าฉันเต็มใจที่จะทำแบบนี้เหรอ?” อู่เยวี่ยหยิกเข้าที่ขาตัวเองอีกครั้ง น้ำตาไหลอาบหน้ามากกว่าเดิม ในใจรู้สึกอึดอัดมาก ตอนนี้เธอเหลือตัวคนเดียวไม่มีใครเป็นที่พักพิง จึงจำเป็นต้องพึ่งพาคนไร้ประโยชน์อย่างหมอเกา
หมอเกาถอนหายใจลากยาว เขาเองก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว เสียงร้องไห้ของอู่เยวี่ยทำให้เขาว้าวุ่นใจจึงจำต้องใจร้ายหยิบเอายาน้ำที่เตรียมไว้อยู่เนิ่นนานออกมา
“เธอใช้ก่อนแล้วกัน ฉันจะไปหาข้อมูลอื่นดูว่าพอจะมีวิธีอื่นอีกหรือเปล่า” หมอเกาไม่กล้ามองเสี่ยวเป่า จำต้องเบือนหน้าหนี
อู่เยวี่ยแอบยิ้มชั่วร้าย แต่ใบหน้ากลับแสดงออกว่าขอบคุณและรับเอายามา
“คุณพยายามใช้ให้น้อยหน่อย อย่าทาเยอะเกินล่ะ” หมอเกากำชับ
อู่เยวี่ยคิดบางอย่างออกเหลือบมองหมอเกา ถอดเสื้อตัวที่ไม่ได้ติดกระดุมนั้นออก ยิ้มอ่อน ๆและเอ่ยว่า “งั้นคุณก็มาทาให้ฉันสิ!”
หมอเกาหน้าแดงเคอะเขินขึ้นมาทันที ลมหายใจหอบถี่ขึ้น จิตใต้สำนึกร้องบอกเขาว่าไม่ควรทำเช่นนี้อีกแล้ว แต่สัญชาตญาณร่างกายของเขากลับพุ่งไปหาอู่เยวี่ย มือที่สั่นระริกเริ่มขยับทายาให้
“อืม…คุณอ่อนโยนจัง…ฉันไม่เหลือใครให้ไว้ใจได้อีกแล้ว มีแค่คุณเท่านั้น คุณต้องช่วยฉันนะคะ…”
อู่เยวี่ยจงใจเลิกเสื้อออกให้กว้างขึ้นพร้อมกับวางเสี่ยวเป่าไว้บนเตียง และเลียเบา ๆที่กกหูของหมอเกา
…
เฮ่อเหลียนเช่อและหนิงเฉินเซวียนปรึกษากันอยู่เนิ่นนาน ก็ยังปรึกษาหาวิธีที่ดีออกมาไม่ได้ คนทั้งคู่ต่างก็หมดความอดทน
“แข็งใจฆ่าอู่เยวี่ยให้ตายไปเลย ผมไม่เชื่อหรอกว่าถ้าไม่มีผู้หญิงคนนี้ เสี่ยวเป่าจะไม่กินนม!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคือง
หนิงเฉินเซวียนส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่ได้ ตอนนี้เสี่ยวเป่ายังกินนมอยู่ ถ้าหากว่าเขาไม่ยอมกินนมของผู้หญิงคนอื่นจริง ๆ แกจะให้เขาหิวตายเหรอ?”
ในใจของหนิงเฉินเซวียน เสี่ยวเป่าคือที่หนึ่ง มีค่ามากยิ่งกว่าชีวิตของเขา เขาไม่มีทางใช้หลานชายเป็นหนูทดลองแน่นอน
“งั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ? จะปล่อยให้คนชั่วอย่างนังนี่มีชีวิตอยู่ต่อไปเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อเถียงกลับอย่างไม่พอใจ ตอนแรกคนที่ต้องการฆ่าอู่เยวี่ยคือหนิงเฉินเซวียน แต่ตอนนี้กลับปฏิเสธ แล้วจะเอาไงกันแน่?
……………………………………………….
ตอนที่ 2013 แมงมุมแม่ม่ายดำ
หนิงเฉินเซวียนจ้องเขาอย่างดุดัน “ถ้าตอนนั้นแกเชื่อฟังฉัน ขอผู้หญิงคนอื่นแต่งงาน ตอนนี้จะเกิดปัญหาวุ่นวายมากขนาดนี้เหรอ?”
“ขอผู้หญิงคนอื่นแต่งงาน อาจจะคลอดลูกออกมาไม่ได้เหมือนเสี่ยวเป่าก็ได้นะครับ!” เฮ่อเหลียนเช่อบ่นอุบอิบเสียงเบา
หนิงเฉินเซวียนสะอึก คิด ๆดูแล้วมันก็ใช่ ถึงแม้ว่ายัยชั่วอู่เยวี่ยจะไม่ได้ว่านอนสอนง่ายแต่กลับดูถูกท้องของเธอไม่ได้เลย เสี่ยวเป่าที่คลอดออกมาเป็นที่เอ็นดูชื่นชอบของคนไม่น้อย!
ท้องของหญิงสาวคนอื่น ๆอาจจะไม่ได้ดีถึงเพียงนี้ ถ้าเป็นแบบนี้แล้วตอนนั้นที่เฮ่อเหลียนเช่อดึงดันจะแต่งงานกับอู่เยวี่ยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นเขาจะมีหลานชายที่ดีขนาดนี้เหมือนเสี่ยวเป่าเหรอ?
หนิงเฉินเซวียนขบคิดอยู่สักพักถึงได้ตัดสินใจว่า “ก่อนที่เสี่ยวเป่าจะหย่านม ห้ามทำอะไรอู่เยวี่ยเป็นการชั่วคราว หลังจากเสี่ยวเป่าหย่านมแล้วค่อยว่ากันอีกที”
เพื่อหลานชายแล้ว เขาสามารถทนให้อู่เยวี่ยมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกหลายเดือน สิ่งที่เขามีคือความอดทน
สำหรับหนิงเฉินเซวียนแล้วอู่เยวี่ยก็เป็นแค่มดตัวหนึ่ง เขาอยากจะให้มันตายมันก็ต้องตาย อยากจะให้มันรอดมันก็ต้องรอด ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา
แต่เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าอู่เยวี่ยไม่ใช่แค่มดตัวหนึ่ง เธอคือแมงมุมแม่ม่ายดำที่มีพิษร้ายแรงคนหนึ่ง!
แม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะไม่พอใจแต่ก็ทำได้แค่นี้ เขารู้สึกเจ็บปวดในใจ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกชายแท้ ๆ สิ่งดี ๆที่หนิงเฉินเซวียนปฏิบัติต่อเสี่ยวเป่าทำให้เขารู้สึกหึงหวง
แต่เขาไม่กล้าแสดงออกมาให้เห็น นี่คงจะเป็นได้แค่ความลับตลอดไป จนถึงวันตายก็ไม่อาจพูดได้
เหมยซูหานอยู่บ้านทำกับข้าวไว้เต็มโต๊ะซึ่งล้วนเป็นของที่เฮ่อเหลียนเช่อชอบกินทั้งนั้น เขานั่งลงข้างโต๊ะ จ้องมองกับข้าวที่มีไอร้อนพวยพุ่งพลางลอบถอนหายใจ
เป็นเพราะเสี่ยวเป่าช่วงนี้เฮ่อเหลียนเช่อจึงมาหาเขาที่นี่น้อยครั้งนัก แล้วก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มักจะหาเวลาว่างมาอยู่กับเขา แม้จะเชื่อในความรู้สึกที่เฮ่อเหลียนเช่อมีต่อเขา แต่เหมยซูหานก็ยังรู้สึกหดหู่อยู่ดี มากกว่านั้นคือความรู้สึกโทษตัวเองและความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
เพราะเขาไม่สามารถมีลูกให้เฮ่อเหลียนเช่อได้ และเขาก็ไม่สามารถยืนอยู่เคียงข้างเฮ่อเหลียนเช่อได้อย่างเปิดเผยสมเกียรติ
รู้ไหมว่ามีอยู่หลายครั้งที่เขาฝันว่าได้กลายเป็นคุณนายเฮ่อเหลียน เขาในฝันมีความสุขหอมหวานเพียงใดตื่นจากฝันเขาก็ยิ่งเจ็บปวดเท่านั้น
“เฮ้อ…”
เหมยซูหานถอนหายใจอีกครั้ง เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นนอกประตู เฮ่อเหลียนเช่อเดินเข้าประตูบ้านมา เขาเห็นอาหารมื้อโอชะที่จัดวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะและเหมยซูหานที่นั่งหันหลังให้กับประตู แผ่นหลังนั้นเต็มไปด้วยความเหงาเดียวดาย
เฮ่อเหลียนเช่อใจดิ่งวูบพลันนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้มากินข้าวกับเหมยซูหานนานมากแล้ว
“ฉันกลับมาแล้ว ทำไมวันนี้กับข้าวเยอะจัง ฉันจะกินให้เยอะ ๆเลย หิวจะตายอยู่แล้ว” เฮ่อเหลียนเช่อพูดขึ้นเสียงดัง แล้วเดินเข้าไปโอบไหล่ของเหมยซูหาน
เหมยซูหานยกยิ้มอย่างดีใจ “ฉันไปตักข้าวให้ นายไปล้างมือสิ”
“ได้เลย!”
เฮ่อเหลียนเช่อเดินไปห้องน้ำอย่างว่าง่าย ไม่นานก็ล้างมือเสร็จเดินออกมารับจานข้าวจากมือของเหมยซูหาน พร้อมฉุดเขาให้ลงมานั่งด้วยกัน “เรามากินด้วยกันสิ ดูสินายผอมไปหมดแล้วนะ กินเยอะ ๆล่ะ”
เขาคีบเนื้อติดมันเยิ้ม ๆชิ้นหนึ่งแล้ววางลงจานของเหมยซูหาน พร้อมกับมองเขาส่งยิ้มตาหยีให้
เหมยซูหานยกยิ้มอย่างจนใจ ความจริงคือเขาไม่กินเนื้อติดมันมานานมากแล้ว แต่เพื่อความความสุขของเฮ่อเหลียนเช่อเขาจึงกินเนื้อติดมันนั้นเข้าไป เพื่อตอบแทนน้ำใจเฮ่อเหลียนเช่อเหมยซูหานจึงได้คีบเนื้อติดมันชิ้นใหญ่วางลงจานของเฮ่อเหลียนเช่ออย่างทะเล้น
“นายเองก็กินเยอะ ๆล่ะ”
เฮ่อเหลียนเช่อยัดเนื้อติดมันเข้าปากคำเดียวอย่างไม่ใส่ใจโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตาเลยด้วยซ้ำ กับข้าวที่เหมยซูหานทำเป็นรสชาติที่ถูกปากของเขามากที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นอะไรเขาก็กินได้อย่างมีความสุข
“ดูเหมือนนายจะมีเรื่องในใจนะ ไหนลองพูดออกมาสิ บางทีฉันอาจจะช่วยนายคิดหาวิธีได้นะ!” แม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะพูดพลางกลั้วหัวเราะ แต่เหมยซูหานก็สังเกตได้ว่าเขามีเรื่องหนักใจอยู่
ตอนที่ 2014 เสี่ยวเป่าผิดปกติ
เฮ่อเหลียนเช่อไม่เคยมีความลับต่อเหมยซูหาน เขาจึงเล่าเรื่องที่เสี่ยวเป่าติดอู่เยวี่ยให้ฟัง
“กลุ้มใจชะมัดเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเป่า ฉันไม่มีทางปล่อยให้ยัยผู้หญิงคนนั้นมีชีวิตรอดได้แม้แต่วันเดียว” เฮ่อเหลียนเช่อยัดข้าวคำใหญ่เข้าปากด้วยความกลุ้มใจ คิดว่าเนื้อเป็นอู่เยวี่ยแล้วกัดเคี้ยวด้วยความแค้น
เหมยซูหานนั่งคิดบางอย่างอยู่เงียบ ๆ เขาไม่เคยเจอเสี่ยวเป่าแต่เขาผ่านมาแล้วสองภพชาติ และด้วยเหตุผลทางร่างกายของเฮ่อเหลียนเช่อเมื่อชาติก่อน เขาจึงได้ศึกษาตำราทางการแพทย์มามากมาย และเป็นธรรมดาที่จะเข้าใจบางอย่างมากกว่าเฮ่อเหลียนเช่อ
นี่เห็นได้อย่างชัดเจนมากว่าการแสดงออกของเสี่ยวเป่าผิดปกติ
เป็นเรื่องปกติที่ทารกจะตัวติดกับแม่แต่ไม่มีทางเหมือนเสี่ยวเป่าแน่นอน ถึงขนาดไม่ยอมดื่มนมที่ไม่ใช่ของแม่ตนเอง ถ้าไม่ใช่อ้อมอกของแม่ก็จะงอแง นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมาก
“เสี่ยวเป่ายังยอมให้ใครอุ้มอีกไหม?” เหมยซูหานถาม
เฮ่อเหลียนเช่อขบคิดพร้อมเอ่ยว่า “ยังมีหมออีกคนหนึ่ง ตอนที่โอหยางซานซานตั้งครรภ์เขามักจะอยู่ด้วยเสมอ ตอนเสี่ยวเป่าเกิดก็ได้เขาทำคลอดให้ เสี่ยวเป่าสนิทสนมกับเขามาก”
นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เฮ่อเหลียนเช่อไม่พอใจมากที่สุด
ต่อให้เขาไม่ใช่พ่อแท้ ๆของเสี่ยวเป่าแต่ก็ถือว่าเป็นพี่ชายแท้ ๆ มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด ทำไมถึงไม่ยอมให้เขาอุ้มแต่กลับไปสนิทกับคนนอกเสียได้ล่ะ?
น่าโมโหชะมัดเลย!
เหมยซูหานกลับยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติมากขึ้น ถ้าสนิทกับแม่ก็ยังพูดได้ว่าเป็นสายสัมพันธ์แม่ลูก แต่สนิทกับหมอเกาที่เป็นคนนอก นี่มันเป็นเพราะอะไรกันนะ เรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องทางวิทยาศาสตร์เลยสักนิดเดียว
“อาเช่อ ฉันไปเจอเสี่ยวเป่าได้ไหม?” เหมยซูหานถาม
เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลแต่ตอนนี้เขายังไม่เคยเจอเสี่ยวเป่าจึงไม่ควรผลีผลามตัดสินใจ ต้องรอหลังจากได้เจอกันก่อนถึงจะมั่นใจในสิ่งที่เขาคาดเดาในใจได้
ตอนแรกเฮ่อเหลียนเช่อจะตอบว่าไม่ได้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าแห่งความหวังของเหมยซูหานจึงใจอ่อนยวบและพูดขึ้นว่า “งั้นเดี๋ยวฉันจะจัดเวลาให้สักวันแล้วกัน ฉันให้นายดูรูปถ่ายของเสี่ยวเป่าก่อนดีกว่า เจ้าตัวเล็กนี่หน้าตางดงามมาก หน้าตาดีกว่าตอนฉันเด็ก ๆเสียอีก แต่นิสัยใจคอไม่ได้เรื่องเลย ดูแลเอาใจยากชะมัด”
เขาหยิบรูปของเสี่ยวเป่าออกมาด้วยความตื่นเต้น ทั้งหมดเป็นรูปถ่ายตอนครบหนึ่งเดือน เขาให้ช่างกล้องถ่ายไว้หลายสิบรูป
เหมยซูหานเพิ่งเห็นรูปเสี่ยวเป่าเป็นครั้งแรก แค่แวบแรกก็ตกตะลึงมองด้วยความอึ้ง และไม่พูดอะไรออกมาเป็นเวลาสักพักใหญ่เลย
เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดคนที่ตัดญาติขาดมิตรอย่างเฮ่อเหลียนเช่อถึงได้อ้าปากก็เสี่ยวเป่าหุบปากก็เสี่ยวเป่า ความหดหู่ตลอดหนึ่งเดือนของเขาล้วนเกิดมาจากความเอาใจใส่ที่เฮ่อเหลียนเช่อมีต่อเสี่ยวเป่า ความเอาใจใส่เช่นนี้ทำให้เขาเกิดความหึงหวง
แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าตัวเองใจแคบเกินไป หากได้เผชิญหน้ากับเด็กทารกตัวเล็ก ๆที่เปรียบเสมือนเทวดา ใครจะไม่ชอบเล่า?
“น่ารักจัง แน่นอนว่าต้องน่ารักกว่าอาเช่อตอนเด็ก ๆอยู่แล้ว ดวงตาของเสี่ยวเป่าโตกว่านาย จมูกก็โด่งกว่า เค้าโครงหน้าก็งดงามกว่า ทำไมถึงมีเด็กที่น่ารักได้ขนาดนี้นะ หน้าตางดงามจริง ๆ เอารูปอื่นออกมาดูให้หมดเลยสิ…”
เหมยซูหานไม่มีอารมณ์กินข้าวแล้ว เขาแย่งรูปถ่ายทุกใบในมือเฮ่อเหลียนเช่อมาชื่นชมทุก ๆใบ ดูรูปใบหนึ่งก็ชมออกมาหนึ่งประโยค ในแววตาและหัวใจเขามีแต่เสี่ยวเป่า
เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกปวดใจ แม่เจ้าโว้ย ทุกคนเป็นแบบนี้กันไปหมด คิดว่าเขาตายไปแล้วหรือไงกัน?
“มีอะไรให้น่าดูนัก? ก็แค่เด็กคนหนึ่งไม่ใช่หรือไง ขับถ่ายเองก็ไม่ได้เหม็นจะตายไป ไม่ต้องดูแล้วรีบกินข้าวเลย” เฮ่อเหลียนเช่อแย่งรูปมาด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์
เหมยซูหานอารมณ์เสียยิ่งกว่าแล้วแย่งรูปภาพกลับมา “นายจะหึงอะไรแม้กระทั่งกับเด็กฮะ? ดูความใจแคบของนายสิ ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าปลายเข็มสักเท่าไรเลย”
เฮ่อเหลียนเช่อลูบจมูกปอย ๆไม่กล้ายอมรับว่าตนเองหึงหวง แต่เขาเองก็รู้สึกลำพองใจไม่น้อยเพราะมีน้องชายที่งดงามขนาดนี้ และเขาก็เป็นคนทำมันออกมาเองด้วย!
“พวกเราเอาเสี่ยวเป่ามาเลี้ยงเองดีไหม?” จู่ ๆเหมยซูหานก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา แต่เพียงครู่เดียวเขาก็มีท่าทีสร้อยเศร้าพลางยกยิ้ม “ฉันแค่ล้อเล่น นายอย่าคิดจริงจังไปเลยนะ”
………………………………………………….
ตอนที่ 2015 ไม่อาจต้านทานความชอบที่มีต่อเด็กคนนี้
เมื่อครู่เหมยซูหานเกิดความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะเลี้ยงดูเสี่ยวเป่าขึ้นมาจริง ๆจึงพลั้งปากพูดออกไปอย่างห้ามไม่ได้ แต่พอคำพูดหลุดออกมาจากปากเขาก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้
เสี่ยวเป่าเป็นถึงทายาทของตระกูลหนิง หนิงเฉินเซวียนจะต้องเลี้ยงเขาไว้ข้างกาย แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่มีสิทธิ์เลี้ยงดู แล้วเขามีบารมีมีความสามารถอะไรเหรอ?
เฮ่อเหลียนเช่อลูบหลังมือของเหมยซูหานเบา ๆเอ่ยปลอบโยนว่า “เจ้าเด็กบ้าเสี่ยวเป่านั่นไม่ยอมเชื่อฟังเลยสักนิด นิสัยก็แย่ พวกเราไม่ต้องเอาเขาหรอก วันหลังเราค่อยไปรับเด็กที่ทั้งน่ารักและเชื่อฟังจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเลี้ยงแล้วกันนะ”
เหมยซูหานยกยิ้ม “ตกลง”
ความจริงเขาอยากจะพูดว่าไม่ หลังจากที่ได้เห็นเสี่ยวเป่า เด็กคนไหน ๆก็ไม่อาจเข้าตาเขาได้อีก
แต่เขาไม่อยากทำให้เฮ่อเหลียนเช่อลำบากใจ เรื่องของอนาคตไว้ค่อยคุยก็แล้วกัน
ทางด้านเหยียนหมิงซุ่นเองก็สืบหาข่าวคราวบางอย่างได้บ้างแล้ว เหมยเหมยอ่านเอกสารตรวจสอบเหล่านั้นพลันรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
“ยอมกินแค่นมของอู่เยวี่ยคนเดียว แถมยอมให้อู่เยวี่ยอุ้มเพียงคนเดียวอีก นี่มันแปลกไปหน่อยนะ!”
เหมยเหมยบ่นพึมพำกับตัวเอง คิ้วขมวดเป็นปม เธอย้อนนึกไปถึงตำราการเลี้ยงดูทารกที่เคยอ่านเมื่อชาติก่อน ในหนังสือเคยบอกไว้ว่าทารกคุ้นกลิ่นของแม่มาก จากที่ว่ามาทารกจะติดแม่มากกว่าหน่อยเท่านั้นแต่ไม่ถึงขั้นว่ายอมให้แม่เข้าใกล้เพียงคนเดียวจนถึงขนาดต่อต้านการเข้าใกล้จากคนอื่น ๆแบบนี้
อันที่จริงเด็กทารกจัดว่าเป็นวัยที่ใจร้ายที่สุดเนื่องจากไม่มีจิตใต้สำนึกและไม่มีความทรงจำ แม้จะติดแม่ตามสัญชาตญาณแต่นั่นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพียงแค่แยกเด็กออกห่างจากแม่สักระยะหนึ่ง เด็กทารกคนนั้นก็จะลืมแม่ของตนเองไปตลอดกาล
โบราณว่าไว้พระคุณของผู้ให้กำเนิดก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าพระคุณของผู้ที่เลี้ยงดูมา จริง ๆแล้วความหมายเป็นเช่นนี้แหละ
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดคนจำนวนมากถึงได้รับเลี้ยงลูกของคนอื่น แถมหลังจากเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ก็จะมีใจผูกพันลึกซึ้งเหมือนกัน นั่นเป็นเพราะความรู้สึกสามารถค่อย ๆบ่มเพาะกันได้ ทารกที่ยิ่งเล็กก็ยิ่งง่ายต่อการอบรมเลี้ยงดู
ดังนั้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างอู่เยวี่ยกับลูกต้องมีปัญหาแน่ ๆ
“พวกเฮ่อเหลียนเช่อค้นพบว่าเสี่ยวเป่าตาบอดแต่กำเนิดหรือยัง?” เหมยเหมยถามขึ้นอีก
“ตระกูลหนิงไม่มีใครสังเกตเห็น พวกเขาต่างคิดว่าเสี่ยวเป่าคือเด็กที่แข็งแรงสมบูรณ์” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างมั่นใจ
เหมยเหมยรู้สึกโล่งใจ หากยังไม่พบก็ดี เสี่ยวเป่าจะได้รับความรักมากขึ้นและไม่ต้องถูกหนิงเฉินเซวียนทอดทิ้งด้วย
เด็กน้อยงดงามอย่างเสี่ยวเป่า ใครเห็นใครก็หลงรัก แม้แต่ซาตานจอมมารก็ยังไม่อาจตัดใจทำร้ายเด็กคนนี้ได้เลย
แต่ถ้าเป็นหนิงเฉินเซวียนไม่รับประกัน
คน ๆนี้บ้าไปแล้ว เราไม่สามารถใช้มาตรฐานของมนุษย์ทั่วไปมาวัดค่าการกระทำของคนบ้าได้
เหยียนหมิงซุ่นหลุดขำพรืด “จะว่าไปเฮ่อเหลียนเช่อก็ปฏิบัติกับเด็กคนนี้ได้ไม่เลวเลยนะ เลี้ยงเหมือนลูกแท้ ๆเลย”
ตอนที่เขาฟังรายงานข่าวคราวที่ลูกน้องไปตามสืบหามาก็รู้สึกเหลือเชื่อ เฮ่อเหลียนเช่อยังเป็นคนที่เลือดเย็นไร้ความรู้สึกและโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างที่เขาเคยรู้จักอยู่ไหมนะ?
นึกไม่ถึงเลยว่าจะไปเลือกซื้อของเล่นให้เด็กที่ห้างสรรพสินค้า แถมยังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็กอีก เพียงแต่เสี่ยวเป่าไม่ยอมรับน้ำใจไว้ก็เท่านั้น
เหมยเหมยกลับไม่รู้สึกแปลกใจเลย เมื่อก่อนเธอเคยฟังเหมยซูหานพูดถึงเรื่องสมัยเด็ก ๆของเฮ่อหลียนเช่อ ตามที่เหมยซูหานพูดจริง ๆแล้วเฮ่อเหลียนเช่อจอมวิปริตเป็นเด็กคนหนึ่งที่น่ารัก จิตใจดีมีเมตตา เก่งกาจมีพรสวรรค์ ซ้ำยังขี้อายเอามาก
แต่เขาถูกปลูกฝังเลี้ยงดูจากหนิงเฉินเซวียนจนกลายเป็นพวกตัดญาติขาดมิตรวิปริตต่างหาก
คงพูดได้เพียงว่าสิ่งแวดล้อมมีบทบาทในการพัฒนาอุปนิสัยของมนุษย์อย่างมาก
แต่ความเป็นจริงนั้นอุปนิสัยเดิมของเฮ่อเหลียนเช่อยังคงไว้ซึ่งความใจดีมีเมตตาอย่างเมื่อครั้งยังเด็ก และเขากับเสี่ยวเป่าก็มีสายสัมพันธ์กันทางสายเลือด อีกอย่างเสี่ยวเป่าหน้าตาน่ารักขนาดนี้ แม้แต่ตัวเธอเองที่โกรธเกลียดอู่เยวี่ยยังยากที่จะโกรธเกลียดเด็กคนนี้ได้เลย หากคนเป็นพี่ชายอย่างเฮ่อเหลียนเช่อไม่ชอบสิแปลก!
ตอนที่ 2017 สนใจในสิ่งที่แตกต่าง
เหมยเหมยนึกเสียใจที่ยอมให้เหยียนหมิงซุ่นบอกเฮ่อเหลียนชิงเรื่องที่เสี่ยวเป่าตาบอดมาแต่กำเนิด ถ้าเกิดเขาคนนั้นไปบอกหนิงเฉินเซวียนขึ้นมา เสี่ยวเป่าคงตกอยู่ในอันตรายแน่
“วางใจเถอะ พ่อบุญธรรมของพี่มีแต่จะอยากทำให้หนิงเฉินเซวียนโชคร้าย แล้วจะพูดขึ้นมาตอนนี้ได้อย่างไร เขาต้องปิดปาดเงียบแน่นอน”
เหยียนหมิงซุ่นมีความมั่นใจมาก คุณสมบัติของเสี่ยวเป่าเป็นอย่างไรตอนนี้เขาไม่รู้ แต่เขาแน่ใจอย่างหนึ่งว่าคนที่มองไม่เห็นจะไม่สามารถเป็นทายาทผู้สืบทอดได้
หนิงเฉินเซวียนที่ไม่รู้เรื่องนี้จะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเลี้ยงดูเสี่ยวเป่า หากไม่มีใครพูดถึงจุดบกพร่องข้อนี้ออกมา เรื่องที่เสี่ยวเป่าตาบอดแต่กำเนิดคาดว่าคงถูกสังเกตเจอในวัยสองถึงสามขวบ หากคิดจะลงมือทำอะไร บางทีอาจจะปิดบังได้นานกว่านี้หน่อย
โอกาสดีขนาดนี้เฮ่อเหลียนชิงจะยอมพลาดได้อย่างไร?
เขาจะต้องคิดหาวิธียื้อเวลาไม่ให้หนิงเฉินเซวียนสังเกตเห็นว่าเสี่ยวเป่าตาบอด แบบนี้แล้วหากตอนรู้ว่าทายาทที่ตนเองอบรมเลี้ยงดูมาด้วยใจตาบอดแต่กำเนิด หนิงเฉินเซวียนถึงจะได้รับความสะเทือนใจรุนแรงกว่าเดิม และนั่นยิ่งทำให้เฮ่อเหลียนชิงได้ใจขึ้นไปอีก
“งั้นก็ปิดได้ไม่นาน พอเสี่ยวเป่าเดินได้หนิงเฉินเซวียนก็จะสังเกตเห็นเรื่องนี้แน่ พี่คะ พี่ว่าหนิงเฉินเซวียนจอมวิปริตนั่นจะลงมือทำร้ายเสี่ยวเป่าไหม?” เหมยเหมยเป็นกังวลมาก
“ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้มาก แต่ต่อให้หนิงเฉินเซวียนอยากลงมือ เฮ่อเหลียนเช่อจะต้องห้ามไว้แน่ เจ้าบ้านั่นชอบเสี่ยวเป่าขนาดนั้น ไม่มีทางนิ่งดูดายปล่อยให้เกิดเรื่องกับเสี่ยวเป่าหรอก”
เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจในตัวเฮ่อเหลียนเช่อมาก จริง ๆแล้วเขารู้สึกว่าตัวเขากับเฮ่อเหลียนเป็นคนประเภทเดียวกัน
พวกเขาต่างเป็นชายแล้งน้ำใจแต่กลับเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวง่าย
พวกเขาไม่ได้เกิดความรู้สึกกับใครง่าย ๆแต่หากได้เกิดความรู้สึกกับใครแล้วก็มักจะทุ่มให้สุดใจจนอดไม่ได้ที่จะยอมยกสิ่งดี ๆทั้งหมดให้คนที่ตนรัก เช่นเดียวกับที่เขาปฏิบัติต่อเหมยเหมย และเหมือนที่เฮ่อเหลียนเช่อปฏิบัติต่อเหมยซูหาน
ในส่วนของความรู้สึกพวกเขาเหมือนกัน แม้แต่อารมณ์ความรักก็คล้ายคลึงกัน
แต่กลับถูกลิขิตให้เป็นศัตรูกัน หากไม่ตายก็จะไม่มีวันเลิกรา
ดูจากตอนนี้เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกรักและเอ็นดูเสี่ยวเป่าเข้าแล้ว คนอย่างเขาถ้าได้รู้สึกขึ้นมาคงไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องกับเสี่ยวเป่าแน่ เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์
แม้ว่าเหมยเหมยจะไม่ได้รู้จักเฮ่อเหลียนเช่อดีแต่เธอเชื่อใจเหยียนหมิงซุ่น ในเมื่อเหยียนหมิงซุ่นเชื่อใจเฮ่อเหลียนเช่อมากขนาดนี้ เช่นนั้นเธอเองก็เชื่อใจเขาด้วย
เสี่ยวเป่าหน้าตางดงามจนไม่มีใครเทียมได้ เหมยเหมยลอบถอนหายใจ “ถ้าลูกของเราในอนาคตงดงามได้เหมือนกับเสี่ยวเป่าก็คงดีสิ”
เด็กน้อยน่ารักอย่างเสี่ยวเป่าช่างหาได้ยากเหลือเกินจึงไม่แปลกเลยที่อู่เยวี่ยจะได้ใจขนาดนั้น พระเจ้าช่างไม่มีตาเอาเสียเลย ส่งเด็กที่งดงามขนาดนี้ให้มาเกิดใหม่ในท้องของยัยชั่วอู่เยวี่ย
เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นตึกตัก ตอนนี้พอเขาได้ยินเรื่องเด็กก็ปวดหัวขึ้นมา ซ้ำยังรู้สึกหวั่นใจกลัวว่าเหมยเหมยจะพูดเรื่องนี้กับเขามากไปกว่านี้ เขาไม่รู้ว่าจะปิดบังต่อไปเช่นไรแล้ว
“ลูกของเราในอนาคตจะต้องหน้าตาดีกว่าเสี่ยวเป่าแน่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน”
เหยียนหมิงซุ่นมีท่าทีจริงจัง เขาหน้าตาหล่อเหลากว่าหนิงเฉินเซวียนร้อยเท่า เหมยเหมยก็สวยกว่าอู่เยวี่ยเป็นหมื่นเท่า ฐานสูงเสียยิ่งกว่าเทือกเขาเอเวอเรสต์ ฉะนั้นเด็กที่จะคลอดออกมามีหรือที่จะสู้เสี่ยวเป่าไม่ได้?
ลูกเขาต้องน่าตาดีกว่าเสี่ยวเป่าแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขายังจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรไปเผชิญหน้ากับเฮ่อเหลียนเช่อได้ล่ะ?
เหมยเหมยกลอกตามองเขาทีหนึ่ง ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?
แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเด็กจะได้มาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่มีคำนามคำหนึ่งไม่เคยได้ยินหรือไง?
การกลายพันธุ์ของยีนน่ะ!
“เสี่ยวเป่าเอายีนเด่นมาจากพ่อแม่ แต่ถ้าเกิดว่าลูกเราดึงเอายีนด้อยของเราสองคนมารวมกันล่ะจะเป็นอย่างไร?”
ในสมองของเหมยเหมยได้วาดภาพเด็กทารกที่ดึงเอาข้อบกพร่องของเธอและเหยียนหมิงซุ่นมารวมกัน ทันใดนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมา โธ่สวรรค์ อย่าแกล้งกันแบบนี้เลย!
เหยียนหมิงซุ่นตบศีรษะเหมยเหมยเบา ๆด้วยความโมโห ตำหนิว่า “หน้าตาของพวกเราไม่มีข้อบกพร่องเลยสักนิด สมบูรณ์ไร้ที่ติ!”
เหมยเหมย ‘…ไปเอาความมั่นใจมากจากไหนนะ?’
………………………………………………………
ตอนที่ 2018 ความสงสัยของเหมยซูหาน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็ใกล้เข้าฤดูร้อนแล้ว อีกแค่หนึ่งเดือนมหาวิทยาลัยก็จะปิดเทอมภาคฤดูร้อน
เจ้าหญิงอัปลักษณ์ซีซั่นแรกถ่ายทำเสร็จไปแล้วซึ่งจะฉายออกอากาศในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้นจะต้องได้รับใบอนุญาตออกอากาศจากสำนักงาน GD เสียก่อน
“เหมยเหมย ครั้งนี้คงไม่เกิดเรื่องอีกนะ?” จ้าวเสวียเอ๋อร์เป็นกังวลมาก
“วางใจเถอะ ฉันจะพยายามหาวิธีเอาใบอนุญาตมาให้ได้” ปากเหมยเหมยพูดปลอบโยนแต่ในใจกลับไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย
สำนักงาน GD ไม่ใช่ที่ของเธอ หากว่าอู่เยวี่ยเริ่มอาละวาดขึ้นมาอีกแล้วสั่งให้โอหยางเซี่ยงหมิงหยุดละครเรื่องนี้ไว้ โดยที่ก็ไม่ได้แจ้งว่าไม่ให้ฉาย ยื้อเวลาออกไปอีกเป็นปีครึ่งละก็ละครคงได้จบเห่กันพอดี
เรื่องแบบนี้เธอมักจะพบเห็นได้บ่อยในชาติก่อนบนอินเทอร์เน็ต ว่ากันว่าหลังจากถ่ายทำรายการทีวีและภาพยนตร์หลาย ๆเรื่องเสร็จสิ้น บางทีอาจจะถูกตีตายเข้าไปอยู่ในวังเย็นไม่มีโอกาสได้ออกอากาศตลอดชีวิต
เธอเองก็ไม่อยากให้เจ้าหญิงอัปลักษณ์ถูกตีตายเข้าไปอยู่ในวังเย็นสักหน่อย
“เรื่องนี้เธอจัดการเองแล้วกัน ไม่งั้นพี่ให้ทางกองถ่ายเริ่มถ่ายทำซีซั่นสามเลยไหม?”
จ้าวเสวียเอ๋อร์พลันโล่งใจ เข้าใจว่าน้องสาวของตนนั้นมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
การถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์นั้น เหมยเหมยไม่ได้ให้ทางผู้กำกับทำตามขั้นตอนที่เคยวางไว้ โดยการถ่ายทำละครเสร็จแล้วจึงค่อยตัดออกอากาศ แต่กลับใช้วิธีการถ่ายไปด้วยออกอากาศไปด้วยแบบซีรีส์อเมริกันที่ได้รับความนิยมมาใช้แทน เพราะหากเกิดจุดไหนที่ไม่ดีก็สามารถตัดทิ้งได้เลย
ผู้กำกับฟางชิงผิงใจเต้นกับคำแนะนำของเหมยเหมย เขาเองก็คิดว่านี่เป็นวิธีการที่ดีมากเช่นกัน และตัวเขาเองก็ไม่เคยถ่ายทำละครประเภทนี้มาก่อน สำหรับตัวเขาแล้วนี่ถือว่าเป็นการเรียนรู้และเป็นโอกาสที่จะได้ก้าวออกมาจากคอขวด[1]
เนื่องจากคนงานในกองถ่ายและนักแสดงต่างก็ทุ่มเทและตั้งใจกับงานมาก ดังนั้นการถ่ายทำจึงราบรื่นดี ซีซั่นแรกและซีซั่นสองถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้กำกับฟางชิงผิงตั้งใจที่จะทำออกมาทั้งหมดสี่ซีซั่น ซีซั่นละยี่สิบสี่ตอน เป็นโครงการใหญ่ทีเดียวล่ะ!
ตอนแรกตั้งใจว่าหลังจากที่ซีซั่นแรกออกอากาศจะรอดูผลตอบรับและการให้คำแนะนำของผู้ชม เพื่อดูว่ามีจุดไหนที่ต้องแก้ไขแล้วค่อยเริ่มถ่ายทำอีกสองซีซั่นที่เหลือ
เหมยเหมยปฏิเสธคำแนะนำของจ้าวเสวียเอ๋อร์ “ไม่ต้องรีบ ให้กองถ่ายพัก ให้ทุกคนได้พักผ่อนดี ๆก่อน รอหลังจากซีซั่นแรกออกอากาศจบ ค่อยเริ่มถ่ายทำซีซั่นสาม”
ใจร้อนไปก็ไม่อาจทำให้สิ่งต่าง ๆลุล่วงได้ เธอจะไม่ยอมให้ความเร่งรีบมาทำให้ผลผลิตละครทีวีออกมาดูแย่จนทำลายเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเธอ
จ้าวเสวียเอ๋อร์รู้สึกไม่สบอารมณ์นัก เขาคือนักธุรกิจที่มุ่งเน้นในเรื่องเงิน กำไรเท่านั้นที่จะเป็นรากฐานของเขา ดังนั้นการคิดถึงปัญหาของเขาจึงแตกต่างจากเหมยเหมยไปโดยสิ้นเชิง
สำหรับเขาแล้วเจ้าหญิงอัปลักษณ์มีฐานการขายที่ดี เรตติ้งการรับชมคงไม่ต่ำแน่นอน และต้องทำเงินได้อยู่แล้ว
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก ถ่ายทำทั้งสามซีซั่นให้จบทีเดียวเลย จากนั้นค่อยถ่ายทำละครเรื่องอื่น สิ่งสำคัญที่สุดของการหาเงินก็คือความเร็วมิใช่หรือ?
แต่เหมยเหมยกับคิดถึงเรื่องคุณภาพของชิ้นงาน เงินทองเป็นรองเพราเธอไม่ขาดแคลนเงิน เธอสนใจเรื่องของการรับประกันคุณภาพงานมากกว่า
เหมยเหมยรู้ความคิดของจ้าวเสวียเอ๋อร์แต่แรกแล้ว เพราะงั้นเธอถึงเซ็นสัญญากับจ้าวเสวียเอ๋อร์ เพื่อให้บัญชีพี่น้องคุยกันรู้เรื่องหน่อย
“พี่สาม สัญญากำหนดไว้อย่างชัดแจ้งแล้วว่าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำละครทีวีจะเป็นไปตามคำสั่งของฉัน พี่อย่าลืมสิ” เหมยเหมยพูดติดตลกแฝงการตักเตือนเขา
จ้าวเสวียเอ๋อร์หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย จากนั้นจึงนึกถึงสัญญาที่เขาโยนทิ้งไปแล้ว
แย่แล้ว น้องสาวของเขาไม่ธรรมดาเลย ขุดหลุมลึกให้เขามาตั้งแต่แรกและตัวเขาก็ยินยอมที่จะกระโดดลงไปเอง ถึงขนาดไม่แม้แต่จะอ่านดูเลยด้วยซ้ำ
“ได้ ๆ เอาตามเธอว่าเลยแล้วกัน พี่จะไม่ยุ่งเรื่องนี้แล้ว เธอแจ้งให้ถ่ายทำเมื่อไรก็จะถ่ายทำเมื่อนั้น พี่จะกลับไปจัดการกับหนังของพี่แล้วนะ”
จ้าวเสวียเอ๋อร์พูดออกมาอย่างปวดใจ เตรียมจะปล่อยเจ้าหญิงอัปลักษณ์ไว้ก่อน แล้วไปทุ่มกับการถ่ายภาพยนตร์ดีกว่าเพราะทางนั้นได้เงินเร็ว!
น้องสาวไม่สนใจเงิน แต่เขาสน!
ไม่มีเงินจะแต่งงานหาภรรยาได้อย่างไร?
…………………………………………………………………..
[1] ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคออกมาได้ แล้วพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
ตอนที่ 2019 ความสงสัยของเหมยซูหาน
ตอนแรกเหมยเหมยตั้งใจจะไปเข้าพบผู้อำนวยการที่สำนักงาน GD โดยตรง เพื่อไม่ให้ผ่านมือโอหยางเซี่ยงหมิง แต่เหมยซูหานกลับต้องการพบเธอจึงนัดเธอออกไปดื่มชาที่โรงน้ำชา
ยังคงเป็นสถานที่เดิม ซึ่งเงียบสงบมาก ราวกับว่าตลอดทั้งปีจะมีแขกเพียงแค่ไม่กี่คน
“ให้ฉันสั่งคุกกี้ถั่วลิสงให้เธอสักจานไหม?” เหมยซูหานยิ้มพลางพูด
“เอาสิ ชาเขียวหลงจิ่งอีกสักกานะ”
เหมยเหมยพยักหน้า เธอในตอนนี้สามารถเผชิญหน้ากับเหมยซูหานได้อย่างสงบแล้ว ในใจไร้ซึ่งอารมณ์ฟุ้งซ่านราวกับเป็นการเผชิญหน้ากับเพื่อนทั่วไปก็ไม่ปาน ความสัมพันธ์ไม่อาจพูดได้ว่าดีแต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าแย่ เพราะเป็นไปอย่างปกติราบเรียบ
เป็นแบบนี้ยังดีกว่าอีก
พนักงานนำชาและคุกกี้เข้ามาเสิร์ฟอย่างรวดเร็วแล้วถอยออกไปเงียบ ๆ ในห้องจึงเงียบสงบมาก
เหมยซูหานเลื่อนคุกกี้ไปทางเหมยเหมยพร้อมทั้งรินชาสีเขียวอ่อนให้เธอ เมื่อเทียบกันแล้วแค่ดมก็รู้ว่าเป็นชาหมิงเฉียน[1]
“นัดฉันมามีเรื่องอะไรเหรอ?” เหมยเหมยยกน้ำชาขึ้นจิบพร้อมเอ่ยถาม
เหมยซูหานยกยิ้มแล้วพูดว่า “เธอไม่ต้องกังวลเรื่องใบอนุญาตออกอากาศของเจ้าอัปลักษณ์นะ ฉันจะจัดการให้เอง”
เหมยเหมยเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง เหมยซูหานนั่งด้วยท่าทีสงบนิ่ง หว่างคิ้วก็แลดูสงบ ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะทำให้เขาวิตกกังวลได้
“ขอบคุณนะ ฉันกังวลใจกับเรื่องนี้อยู่พอดี” เหมยเหมยเองก็ไม่คิดเกรงใจ
“ขอบคุณอะไรกัน ฉันเองก็เป็นผู้ร่วมลงทุนกับละครเรื่องนี้นะ แน่นอนว่าต้องหวังให้ละครทำเงินอยู่แล้วสิ” เหมยซูหานพูดอมยิ้ม
เหมยเหมยเองก็ยิ้มตาม เธอลืมไปเสียสนิท เพราะที่สำคัญเลยเหมยซูหานมาปรากฏตัวในกองถ่ายน้อยมาก ตั้งแต่เริ่มถ่ายทำจนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยไปกองถ่ายเลย ซ้ำยังไม่เคยโทรมาถามความคืบหน้าในการถ่ายทำละครทีวีด้วย แค่ควักเงินก้อนใหญ่ให้จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอะไรอีก
“งั้นฉันไม่ขอบคุณแล้วนะ ขอยกชาแทนเหล้า ขอให้ละครทีวีของพวกเราได้ยอดขายพุ่งกระฉูดแล้วกัน” เหมยเหมยยกถ้วยชาขึ้นชนกับเหมยซูหานหนึ่งครั้ง
“วางใจเถอะ ยอดขายพุ่งกระฉูดแน่นอน” เหมยซูหานมั่นใจมาก
เขาดื่มชาเข้าไปหลายอึกราวกับกำลังขบคิดบางอย่างอยู่ จนในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “เหมยเหมยรู้เรื่องเสี่ยวเป่าไหม?”
เหมยเหมยชะงักไป นึกไม่ถึงว่าเหมยซูหานจะถามเธอเรื่องเสี่ยวเป่า เธอจึงพยักหน้ารับ
“รู้สิ ลูกชายของเฮ่อเหลียนเช่อ ฉันเจอตอนงานเลี้ยงครบรอบหนึ่งเดือน เขาเป็นเด็กคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มมาก ๆเลยนะ”
“ใช้แล้วล่ะ เสี่ยวเป่าคือเด็กคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มที่สุดในโลกนี้เลย ฉันชอบเขามาก” เหมยซูหานยกยิ้ม สีหน้าแววตามีแต่ความรักความเอ็นดู จนพอจะดูออกเลยว่าเขาชอบเด็กคนนั้นมากจริง ๆ
เหมยเหมยเองก็ไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะตัวเธอเองก็ชอบเสี่ยวเป่ามากเช่นกัน
เธอรอให้เหมยซูหานพูดต่ออย่างเงียบ ๆเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะตั้งใจนัดเธอออกมาเจอเพียงแค่จะบอกเธอว่าชอบเสี่ยวเป่าหรอก คิด ๆดูแล้วต้องมีเรื่องบางเรื่องอยากคุยกับเธอแน่
เหมยซูหานจิบชาอีกอึกแล้วพูดต่อไปว่า “สองเดือนมานี้ฉันได้เจอกับเสี่ยวเป่ารวม ๆแล้วประมาณห้าหกครั้งจึงพบปัญหาบางอย่างเข้า เธอคงได้ยินเรื่องประหลาดของเสี่ยวเป่ามาบ้างใช่ไหม?”
“ใช่ ได้ยินมาว่าเสี่ยวเป่าเอาแต่แม่คนเดียว แล้วยังปฏิเสธการเข้าหาของทุกคนด้วย” เหมยเหมยพูดความจริงออกมา
“ใช่ และตอนนี้มันแย่ลงยิ่งกว่าเดิมเพราะทั้งวันไม่ยอมออกห่างโอหยางซานซานเลยตลอด24ชั่วโมง ยอมให้แค่โอหยางซานซานอุ้มเท่านั้น แค่ห่างจากแม่เพียงหนึ่งเมตรเสี่ยวเป่าก็งอแงอาละอาดแล้ว”
เหมยซูหานมุ่นคิ้ว เฮ่อเหลียนเช่อพาเขาไปเจอเสี่ยวเป่าเพียงไม่กี่ครั้ง ทุกครั้งที่เจอกันก็มักจะกระอักกระอ่วนใจเพราะเสี่ยวเป่าไม่สนใจเขาเลย แถมยังปฏิเสธการเข้าหาของเขาด้วย ทางด้านเฮ่อเหลียนเช่อเองก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกัน
จากเดิมคิดว่ารอให้เสี่ยวเป่าโตขึ้นมาหน่อยคงเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ดูทรงจากตอนนี้แล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย กลับกันยิ่งแย่ลงทุกวัน
“นี่มันผิดปกติมาก ฉันสงสัยว่าโอหยางซานซานต้องทำเรื่องไม่ดีบางอย่างกับเสี่ยวเป่าแน่” เหมยซูหานพูดในสิ่งที่เขาคาดเดาไว้ออกมา
[1] ใบชาที่เก็บเกี่ยวจากต้นที่เพิ่งแตกหน่อใบใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ ใบชาอ่อนนุ่ม กลิ่นหอมมาก รสชาติดีเลิศ โดยจะเก็บเกี่ยวก่อนถึงช่วงเทศกาลเชงเม้ง
………………………………………………
ตอนที่ 2020 อู่เยวี่ยจอมร้ายกาจ
เหมยเหมยนิ่งไป ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆสักพักใหญ่ ขบคิดอยู่เนิ่นนานกว่าจะนึกออกว่าโอหยางซานซานที่เหมยซูหานพูดถึงก็คืออู่เยวี่ย เหมยซูหานไม่รู้เรื่องที่อู่เยวี่ยตายแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่
เธอตกใจกับคำพูดของเหมยซูหานมาก ย้อนถามกลับไปว่า “เธอทำอะไรกับเสี่ยวเป่า?”
เหมยซูหานเงียบไปสักพักแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ฉันยังพูดอะไรไม่ได้ แต่ฉันมั่นใจว่าโอหยางซานซานจะต้องวางยาเสี่ยวเป่าแน่นอน เสี่ยวเป่าถึงได้ติดเธอหนักขาดนั้น แค่ครึ่งวินาทีก็ห่างเธอไม่ได้แล้ว”
“เคร้ง”
เหมยเหมยเกือบทำแก้วชาคว่ำ เธอตกใจมากจริง ๆ
ในเสี้ยววินาทีนั้นคำพูดของเหมยซูหานได้ทำให้เธอนึกถึงผง* จะมียาอะไรที่สามารถเสพติดได้มากกว่าผง*อีกล่ะ?
แต่เสี่ยวเป่ายังอายุไม่ถึงหกเดือนเลยนะ ต่อให้อู่เยวี่ยใจจืดใจดำแค่ไหน แต่จะถึงขนาดกล้าลงมือทำเรื่องแบบนี้กับลูกชายตัวเองได้เลยเหรอ?
“เป็นไปไม่ได้ นั่นคือลูกชายแท้ ๆของเธอเลยนะ สายสัมพันธ์แม่ลูกเธอจะกล้าลงมือแบบนั้นได้อย่างไรกัน?” เหมยเหมยส่ายหน้าเป็นพันละวันบ่งบอกว่าไม่เชื่อ
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะคาดเดาคนเป็นแม่ในทางลบหรอกนะ แต่ความจริงเป็นแบบนั้น โอหยางซานซานไม่เหมาะกับการเป็นแม่คนเลย” เหมยซูหานพูดด้วยความเกลียดชัง
เขาเป็นคนคิดรอบครอบ รวมถึงตัวเขาเองเคยอ่านตำราการแพทย์มามาก มีความรู้พื้นฐานทางการแพทย์อยู่บ้าง แถมยังชื่นชอบเสี่ยวเป่ามากด้วย ดังนั้นจุดเล็ก ๆน้อย ๆของเสี่ยวเป่าเขาจึงสังเกตเห็นหมด หลายครั้งมานี้เขาได้พบกับความร้ายกาจของโอหยางซานซานไม่น้อย
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีหลักฐาน ดังนั้นเขาต้องหาคนมาช่วย
ร่างกายของเสี่ยวเป่าไม่อาจทนรับการทรมานจากอู่เยวี่ยได้อีกต่อไป เด็กคนหนึ่งที่งดงามแต่กลับถูกแม่แท้ ๆของตัวเองทารุณกรรมราวกับไม่ใช่มนุษย์
“ทำไมนายถึงมาบอกฉันล่ะ? ถ้านายสงสัยว่าโอหยางซานซานมีปัญหานายบอกเฮ่อเหลียนเช่อไปตรง ๆก็ได้เลยนี่” เหมยเหมยไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไร เธอสงสัยว่านี่เป็นกลลวงของเฮ่อเหลียนเช่อ เหมยซูหานอาจจะไม่รู้เรื่องด้วยแต่ก็อาจจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
เธอไม่ควรสร้างเรื่องวุ่นวายให้เหยียนหมิงซุ่นอีก
แต่ในใจเธอก็ยังรู้สึกเป็นกังวล หากว่าสิ่งที่เหมยซูหานพูดเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นเสี่ยวเป่าก็น่าสงสารมาก!
เหมยซูหานมองปราดเดียวก็รู้ได้ถึงความวิตกของเหมยเหมย จึงอธิบายว่า “อาเช่อไม่มีทางเชื่อคำพูดของฉัน แล้วฉันก็กลัวว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ดังนั้นฉันถึงต้องมาหาเธอ หวังว่าเหยียนหมิงซุ่นจะช่วยหาหลักฐานเอาผิดโอหยางซานซานได้ ช่วยเสี่ยวเป่าด้วยนะ”
เขาพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ ท่าทีเจ็บปวดจับใจ
“โอหยางซานซานไม่ใช่คน เธอไม่เหมาะที่จะเป็นแม่ของเสี่ยวเป่า ตอนนี้ยังพอช่วยรักษาเสี่ยวเป่าได้ทัน หากช้าไปกว่านี้เสี่ยวเป่าคงแย่แน่ เธอเองก็ชอบเสี่ยวเป่าใช่ไหมล่ะ? ขอร้องช่วยเขาทีนะ เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์เขาไม่ควรเข้ามาข้องเกี่ยวกับความแค้นของผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ”
เหมยซูหานมองเหมยเหมยด้วยสาตาวิงวอน หางตามีน้ำตาคลออยู่ แววตาเต็มไปด้วยความหวัง
เหมยเหมยกัดริมฝีปากเอ่ยว่า “นายคิดว่าโอหยางซานซานวางยาอะไรเสี่ยวเป่า?”
“ยาอะไรฉันไม่อาจระบุได้แน่ชัด แต่ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นยาเสพติดประเภทหนึ่งแน่นอน ไม่งั้นเสี่ยวเป่าไม่มีทางติดโอหยางซานซานขนาดนั้น”
เหมยซูหานพูดออกมาอย่างมั่นใจ และมีท่าทีโมโหเป็นอย่างมาก การคาดเดาของเขากับเหมยเหมยตรงกัน
“ฉันจะกลับไปปรึกษากับพี่หมิงซุ่นก่อน ฉันจะให้คำตอบนายพรุ่งนี้นะ”
ท้ายที่สุดก็ทำใจแข็งไม่ลง เหมยเหมยเองก็ไม่อยากเห็นเด็กที่น่ารักอย่างเสี่ยวเป่าถูกยัยชั่วอู่เยวี่ยทำร้าย แต่เธอก็ไม่ได้รับปากในทันทีเพราะถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็สำคัญไม่ควรมองข้าม เธอต้องปรึกษาเหยียนหมิงซุ่นเสียก่อนถึงจะตัดสินใจได้
“ขอบใจนะ ฉันสงสัยว่าหมอเกาที่อยู่ข้างกายโอหยางซานซานจะเป็นพวกเดียวกันกับเธอ บางทีเธออาจจะหาช่องโหว่จากเขาได้”
เหมยซูหานแนะนำพร้อมก่นด่าโอหยางซานซานออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาไม่ได้ดูสุขุมสง่าเหมือนเคย ดูแล้วค่อนข้างผิดแปลกไปบ้าง แต่ก็พอจะเห็นได้ว่าเขาโกรธแค้นผู้หญิงคนนี้มากจริงๆ
เหมยเหมยนึกบางอย่างขึ้นได้ หรือควรจะบอกตัวตนที่แท้จริงของโอหยางซานซานกับเหมยซูหานดีนะ?
ตอนที่ 2021 อย่าเชื่อคนเคียงหมอนมาก
หลายวันก่อนเหมยเหมยยังถามเหยียนหมิงซุ่นว่าจะบอกความจริงเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของโอหยางซานซานให้เหมยซูหานรับรู้ดีหรือไม่ เหยียนหมิงซุ่นบอกว่าแล้วแต่เธอ จะบอกหรือไม่บอกล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเธอ
ตอนแรกที่ไม่พูดออกมาเพราะต้องการจะกุมอำนาจเหนือกว่า ไม่อยากให้เฮ่อเหลียนเช่อได้ทันตั้งตัว ตอนนี้ลูกคลอดออกมาแล้ว อู่เยวี่ยไม่มีประโยชน์ใดอีก สถานะของเธอคงไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไรแล้ว
อีกทั้งอีกไม่กี่วันเหยียนหมิงซุ่นก็จะเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของอู่เยวี่ยซึ่งนี่เป็นแผนที่เขากับโจวจื่อหัวปรึกษากันเอาไว้ เขาต้องการจะบอกเฮ่อเหลียนเช่อให้รู้ว่าแผนชั่วร้ายทุกอย่างของอีกฝ่ายล้วนอยู่ในกำมือของเขา
ฉะนั้นต่อให้ตอนนี้เธอไม่บอกเหมยซูหาน อีกไม่กี่วันเหมยซูหานก็จะเห็นความจริงจากบนหน้าหนังสือพิมพ์อยู่ดี
เหมยซูหานใจหล่นตุบพลางถาม “หมายความว่าไง? โอหยางซานซานมีสถานะตัวตนอะไรอีกเหรอ?”
เขาคิดว่าเหมยเหมยถามเช่นนี้ต้องมีความนัยบางอย่างตามสัญชาตญาณ
หรือว่าโอหยางซานซานคือสายลับงั้นหรือ?
เหมยซูหานเครียดขึ้นมาในทันทีแล้วรีบเอ่ยถามว่า “เธอเป็นสายลับที่คู่อริส่งตัวมาเพื่อให้ทำร้ายอาเช่อใช่ไหม?”
เหมยเหมยกลอกตาทีหนึ่ง จินตนาการช่างสูงส่งเหลือเกิน
แต่นี่ก็พิสูจน์แล้วว่าระหว่างเหมยซูหานกับเฮ่อเหลียนเช่อคือรักแท้
“นายคิดมากไปแล้ว โอหยางซานซานไม่ใช่โอหยางซานซาน เธอเป็นคนอื่นปลอมตัวมา”
“ใคร? เป็นคนที่ฉันรู้จักไหม?” เหมยซูหานถาม
เหมยเหมยพยักหน้า “ใช่ เป็นคนที่เรารู้จักกันดีเลยล่ะ อีกอย่างเป็นเพื่อนสนิทของนายด้วยนะ อีกทั้งยังเป็นคนที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพด้วย”
เหมยซูหานทำหน้าฉงน พอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งสีหน้าก็พลันถอดสีแล้วโพล่งออกมาว่า “อู่เยวี่ยเหรอ? เธอไม่ได้ตายเหรอ? เป็นไปไม่ได้ ฉันเห็นเธอตกตึกเองกับตา จะไม่ตายได้อย่างไร?”
เหมยซูหานส่ายศีรษะเป็นพัลวันอย่างไม่เชื่อในคำพูดของเหมยเหมย ตอนนั้นอู่เยวี่ยตกลงมาจากตึกสี่ชั้นพร้อมกับร่างกายที่มีรอยแผลจากใบมีดนับหลายสิบจุด ต่อให้เป็นมนุษย์เหล็กก็ต้องตายแล้วเธอรอดมาได้อย่างไร?
หนำซ้ำศพของอู่เยวี่ยยังมีเฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนชันสูตร อีกทั้งยังส่งศพไปเผาที่ลานเผาศพจนเหลือเพียงเถ้ากระดูก หรือว่าเธอได้รับความเมตตาจากกวนอิมฟื้นคืนชีพงั้นเหรอ?
เหมยซูหานไม่เคยสงสัยในตัวเฮ่อเหลียนเช่อมาก่อน เขาเชื่อใจอีกฝ่ายอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อนั้นเฮ่อเหลียนเช่อบอกเขาเองกับปากว่าอู่เยวี่ยตายแล้ว แปลว่าหล่อนต้องตายไปแล้วอย่างแน่นอน
เหมยเหมยแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “อันนี้ก็ต้องไปถามอาเช่อของนายแล้วล่ะว่าตอนนั้นเขาทำอะไรไปบ้าง? แล้ววางแผนอะไรอยู่?”
เหมยซูหานยังไม่เชื่ออยู่ดี
เหมยเหมยบอกหลักฐานมัดตัวที่แน่นหนาออกมา “โอหยางซานซานแพ้อาหารทะเล อู่เยวี่ยแพ้ถั่วลิสง นายจะลองดูสักครั้งก็ได้นะ”
พูดจบเธอก็เตรียมตัวกลับแต่ก็เอ่ยเตือนอีกที “เห็นแก่ที่เรารู้จักกันมาหลายปี ฉันขอเตือนนายสักหน่อยว่าอย่าเชื่อคนเคียงหมอนมากนัก บางครั้งระแวงไว้บ้างก็เป็นสิ่งที่จำเป็นนะ”
เหมยซูหานอดถามไม่ได้ “เหมยเหมยเธอก็ทำแบบนี้กับเหยียนหมิงซุ่นเหมือนกันเหรอ?”
ตอนนี้เขาเห็นเหมยเหมยเป็นน้องสาว แต่การพ่ายแพ้ให้เหยียนหมิงซุ่นก็ยังเป็นปมในใจของเขาอยู่ดี เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้แย่ไปกว่าเจ้าก้อนน้ำแข็งอย่างเหยียนหมิงซุ่นเลยนี่นา!
เหมยเหมยแค่นเสียง “แน่นอนว่าไม่ เฮ่อเหลียนเช่อจะมีสิทธิ์เทียบกับพี่หมิงซุ่นได้อย่างไรเล่า เพราะระหว่างฉันกับพี่หมิงซุ่นไม่มีความลับต่อกัน”
เหมยซูหานหัวเราะเยาะตัวเอง ที่แท้แล้วในใจของเหมยเหมยเหยียนหมิงซุ่นก็เป็นบุคคลที่พูดความลับต่อกันได้ ส่วนเขากลับเป็นได้เพียงคนนอกคนหนึ่งเท่านั้น
เขาแพ้ตั้งแต่เริ่มแล้ว
บางทีนั่นอาจจะเป็นแค่ฝันก็ได้!
หลังจากเหมยเหมยกลับบ้านไปก็บอกเหยียนหมิงซุ่นถึงเรื่องที่เหมยซูหานสงสัย
“พี่ พี่ว่าเหมยซูหานจะเดาถูกไหม? เราลองไปสืบข้อมูลคุณหมอเกาคนนั้นดูดีไหม?” เหมยเหมยถาม
……………………………
ตอนที่ 2022 ครั้งนี้จะไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ตกใจนักเพราะความจริงเขาก็คาดเดาแบบนั้นเช่นกัน สถานการณ์ระหว่างอู่เยวี่ยกับเสี่ยวเป่าน่าประหลาดเกินไป เขาถึงได้ไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญหลายคน
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่คุณแม่จะวางยาที่มีฤทธิ์คล้ายยาเสพติดให้เด็กถึงทำให้เด็กอยู่ห่างเธอไม่ได้ กลายเป็นว่าต้องพึ่งพายาชนิดนั้น
แต่เหยียนหมิงซุ่นกับผู้เชี่ยวชาญต่างไม่เชื่อความจริงนี้ในเมื่อเสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง หากอู่เยวี่ยทำเรื่องที่เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน นี่เป็นเรื่องที่เห็นได้น้อยนักบนโลกใบนี้
แต่ก็เป็นความจริงที่มีความไปได้สูงที่สุด เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจส่งคนไปตามสืบคนรอบตัวอู่เยวี่ย ซึ่งคุณหมอเกาเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยสำคัญ
ตอนนี้เหมยซูหานก็เริ่มสงสัยไปในทิศทางเดียวกันทำให้เหยียนหมิงซุ่นยิ่งเชื่อในการกระทำชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานของอู่เยวี่ยมากขึ้นไปอีก
เขาบอกข้อสันนิษฐานของผู้เชี่ยวชาญให้เหมยเหมยรู้ เหมยเหมยสบถด่าอย่างโกรธเกรี้ยว “เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ชั่วช้ายิ่งกว่าเหอปี้อวิ๋น พี่ จะปล่อยให้สัตว์เดรัจฉานตัวนี้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไม่ได้แล้วนะ”
ถึงขนาดวางยาเด็กทารกที่เพิ่งคลอด อู่เยวี่ยทำได้ลงคอได้อย่างไรกัน?
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้ารับ “ครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้หล่อนหนีไปได้อีกแล้ว”
ถ้าปล่อยให้อู่เยวี่ยหนีลอยนวลไปได้อีก เหยียนหมิงซุ่นอย่างเขาก็ไม่ต้องอยู่ในวงการนี้ต่อไปแล้ว เอาหัวชนฝาผนังตายเสียเถอะ
ถึงแม้อยากให้อู่เยวี่ยตายเสียเดี๋ยวนี้แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องค่อย ๆทำไปทีละก้าว ฉะนั้นการที่อู่เยวี่ยยังมีลมหายใจอยู่อีกระยะหนึ่ง เห็นแล้วมันช่างสะอิดสะเอียนใจจริง ๆ
เหมยซูหานยังค้างคาใจกับคำพูดของเหมยเหมยอยู่ เขาไม่อยากเชื่อว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะโกหกตน แต่เหมยเหมยพูดเป็นตุเป็นตะจนทำให้ความแน่วแน่ของเขาเริ่มสั่นคลอน
หรือว่าอาเช่อโกหกเขาจริง ๆ?
อาหารทะเลกับถั่วลิสงหรือ?
จะลองดูสักครั้งดีไหมนะ?
ตอนเย็นเฮ่อเหลียนเช่อจะมาทานข้าวกับเหมยซูหานเพราะระยะนี้เสี่ยวเป่าเริ่มติดอู่เยวี่ยหนักขึ้นเรื่อย ๆ เฮ่อเหลียนเช่อกับหนิงเฉินเซวียนยังหนักใจและรู้สึกน้อยใจยิ่งกว่า
หากเป็นแบบนี้ต่อไปต่อให้เสี่ยวเป่าหย่านมก็หาทางกำจัดอู่เยวี่ยทิ้งได้ยาก เพราะเสี่ยวเป่าอยู่ห่างอู่เยวี่ยไม่ได้เลย หากกำจัดอู่เยวี่ยทิ้งเสี่ยวเป่าก็อยู่ไม่รอด
นี่ไม่ใช่จุดจบที่เขากับหนิงเฉินเซวียนต้องการ ฉะนั้นตอนนี้ทำได้เพียงอดทนเท่านั้น
แต่เขากลับอดทนสั่งสมอารมณ์จนแน่นอก เพราะนังแพศยาอู่เยวี่ยปีกกล้าขาแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้ยังกล้าแข็งข้อใส่เขาว่าจะรับช่วงดูแลบริษัทแห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาด้วย
หากไม่ตกลงเธอจะพาเสี่ยวเป่าออกไปหางาน
ถึงขนาดอาศัยข้ออ้างที่ว่าเสี่ยวเป่าอยู่ห่างจากเธอไม่ได้มาเป็นข้อต่อรองกับเขา!
“ทานผักเยอะ ๆหน่อย อย่าทานแต่เนื้อสิ” เหมยซูหานคีบผักเขียวใส่ถ้วยเฮ่อเหลียนเช่อ
เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ว่าง่ายยอมทานผักแต่โดยดีอย่างแต่ก่อน แต่กลับเขี่ยผักไปข้างถ้วยข้าวและไม่ยอมทาน บ่งบอกว่าตอนนี้เขากำลังอารมณ์เสียมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำตัวงอแงแบบนี้
“ไม่ชอบทานก็ไม่ต้องทาน”
เหมยซูหานเองก็ไม่ฝืนใจเขาเลยคีบผักมาใส่ถ้วยตัวเอง
เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกผิดเล็กน้อย “ขอโทษ วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร”
“มีเรื่องเครียดอะไรลองระบายออกมาหน่อยไหม บางทีอาจจะอารมณ์ดีขึ้นก็ได้” เหมยซูหานโน้มน้าวเสียงอ่อนโยน
เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าย่ำแย่เลยบอกเรื่องที่อู่เยวี่ยข่มขู่เขา “นังแพศยา รอฉันหาวิธีได้ก่อนเถอะ ฉันจะทำให้หล่อนทรมานเจียนตายชนิดที่ตายทั้งเป็นเลย กล้าข่มขู่ฉันเหรอ!”
เหมยซูหานผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาได้เลยถาม “นายคิดจะทำอย่างไรต่อไป?”
“จะทำอย่างไรได้ล่ะ ตอนนี้เสี่ยวเป่าอยู่ห่างจากหล่อนไม่ได้เลยจำเป็นต้องทำให้หล่อนพอใจ นายลองหาสักบริษัทที่ไม่เตะตาให้หล่อนก็พอ”
เฮ่อเหลียนเช่อกัดเนื้อติดมันคำหนึ่งอย่างแรงพร้อมสายตาฉายแววเยือกเย็น ก่อนจะประทับชื่ออู่เยวี่ยไว้ในบัญชีดำ
ตอนที่ 2023 เสียใจภายหลัง
เหมยซูหานเดาได้แต่แรกแล้วว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะต้องเป็นฝ่ายยอมเพราะเขาให้ความสำคัญกับเสี่ยวเป่ามาก หากโอหยางซานซานคนนี้เป็นอู่เยวี่ยปลอมตัวมาจริง ๆก็น่าแค้นใจยิ่งนัก
เมื่อก่อนเห็นว่าอู่เยวี่ยเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตา เป็นคนช่างเอาใจใส่และรู้ความ กลับไม่คิดว่าที่แท้แล้วจะเป็นคนแบบนี้!
แต่ก็ต้องพิสูจน์อีกทีว่าคำพูดของเหมยเหมยเป็นจริงหรือไม่
“ก็ได้ อย่าโมโหไปเลย แค่บริษัทเดียวเอง ขอแค่เธอดีกับเสี่ยวเป่าจริง ๆ ต่อให้เป็นสิบบริษัทฉันก็ยอม”
เหมยซูหานพูดปลอบใจ
เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย พอมีเหมยซูหานที่รู้ความเอาใจใส่มาเป็นตัวเปรียบเทียบอย่างเห็นได้ชัด เขาก็ยิ่งรังเกียจอู่เยวี่ย น่ารังเกียจยิ่งกว่าหนูในท่อน้ำทิ้งเสียอีก
“เอาเป็นว่าเรื่องนี้นายไม่ต้องสนใจแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะนัดโอหยางซานซานออกมาทานข้าวแล้วเอาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบริษัทให้เธอ นายว่าเป็นไง?” เหมยซูหานจงใจถาม
เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้คิดอะไรมากกลับคิดว่าเหมยซูหานช่างเอาใจใส่ดีเหลือเกิน
“ได้ พรุ่งนี้นายไม่ต้องเกรงใจกับหล่อนเลยนะ เอาบริษัทเล็ก ๆสักบริษัทให้หล่อนก็พอ”
“รู้แล้ว ฉันรู้ขอบเขตน่า นายทานข้าวเสร็จก็ไปพักผ่อนเถอะ ดูสิว่านายเหนื่อยขนาดไหนแล้ว” เหมยซูหานสงสารจับใจ ความอ่อนล้าฉายชัดบนใบหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อ
เฮ่อเหลียนเช่อเหนื่อยมากจริง ๆเพราะหนิงเฉินเซวียนอยากรับเสี่ยวเป่าไปดูแลเอง แต่เพิ่งรับไปได้เพียงครึ่งวันเสี่ยวเป่าก็เริ่มร้องไห้ไม่หยุด สุดท้ายก็เกิดอาการชักทำเอาหนิงเฉินเซวียนกับเขาตกใจแทบแย่ จนจำต้องเรียกอู่เยวี่ยมาถึงจะปลอบประโลมเสี่ยวเป่าให้หยุดร้องไห้ได้
เมื่อก่อนเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการเลี้ยงเด็กจะเหนื่อยขนาดนี้ เหนื่อยทั้งกายและใจ เขายอมอาสาไปรบยังจะดีเสียกว่า
วันรุ่งขึ้นเหมยซูหานโทรหาอู่เยวี่ยนัดเธอไปเจอกันที่ร้านอาหารภายใต้การดูแลของเขาร้านหนึ่ง นัดไว้เวลาสิบเอ็ดโมงซึ่งก่อนหน้านี้เหมยซูหานได้สั่งทางครัวของร้านอาหารไว้โดยเฉพาะว่าให้เตรียมอาหารรสเลิศไว้หนึ่งโต๊ะ
อู่เยวี่ยอุ้มเสี่ยวเป่ามาตามนัด เสี่ยวเป่าอายุสามเดือนกว่าแล้วเลยดูโตขึ้นเล็กน้อย แต่เหมยซูหานกลับรู้สึกว่าเสี่ยวเป่าผอมลงเรื่อย ๆและไม่ได้ผิวขาวเหมือนแต่ก่อน
“ทำไมเสี่ยวเป่าผอมลงอีกแล้วล่ะ? ถ้าน้ำนมของเธอไม่พอก็เปลี่ยนไปป้อนนมผงก็ได้นี่นา” เหมยซูหานมองเสี่ยวเป่าที่นอนอยู่ในรถเข็นเด็กเงียบ ๆอย่างร้อนใจ
เวลาที่เสี่ยวเป่าไม่ร้องไห้ทุกอย่างเงียบเชียบงดงามราวกับภาพวาด เพียงแค่นอนอยู่ในรถเข็นเด็กเงียบ ๆ ลืมตาโตกะพริบตาปริบ ๆแล้วทอดมองไปที่ไกลแสนไกล โดยที่ไม่รู้ว่าเด็กตัวน้อยกำลังมองอะไรอยู่
แต่เสี่ยวเป่าที่เป็นแบบนี้กลับทำให้เหมยซูหานปวดใจเหลือเกิน
เด็กไม่ควรเงียบขนาดนี้ แบบนี้มันผิดไม่ปกติ
ครั้นอู่เยวี่ยเห็นคนที่เป็นรักแรกในวัยแรกแย้มของตน ภายในใจก็รู้สึกเศร้าสลด เธอกับเหมยซูหานได้ใช้ช่วงเวลาแสนสุขร่วมกันมาสองปี แม้ไม่ได้มีคำมั่นสัญญาอะไรแต่เธอคิดว่าเหมยซูหานในตอนนั้นต้องชอบเธอแน่ ๆ เพียงแต่ไม่มีความกล้าที่จะสารภาพรักกับเธอเท่านั้นเอง
ที่สำคัญตอนนั้นเธอรังเกียจที่บ้านของเหมยซูหานยากจน แถมยังมีแม่ที่ป่วยออด ๆแอด ๆ เธอไม่อยากใช้ชีวิตลำบากกับเหมยซูหานจึงรักษาระยะห่างกับผู้ชายคนนี้อยู่เสมอ ภายหลังยังเลือกใกล้ชิดสนิทสนมกับเหยียนหมิงต๋าเป็นพิเศษอีกด้วย
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ระหว่างเหมยซูหานกับเธอห่างเหินกันขึ้นเรื่อย ๆจนกลายเป็นความเฉยชา
อู่เยวี่ยนึกเสียดายว่าหากตอนนั้นเธอคว้าเหมยซูหานไว้ บางทีเธออาจจะไม่ต้องเจออุปสรรคมากมายขนาดนี้ เธอคงกลายเป็นคุณนายเจ้าของบริษัทที่มีความสุข มันจะดีขนาดไหนกันนะ
แต่ตอนนั้นใครจะไปรู้ว่าเหมยซูหานจะพลิกชะตาชีวิตจากหนุ่มน้อยยาจกคนหนึ่งมาเป็นเจ้าของบริษัทได้ล่ะ?
แล้วก็เหยียนหมิงซุ่นด้วยที่ทำให้เธอตกใจยิ่งกว่า
อู่เยวี่ยลอบด่าตัวเองที่มีตาหามีแววไม่ ต้นเงินต้นทองที่ถูกหมายตาไว้อย่างเหยียนหมิงต๋ากลับตกม้าตาย สองคนที่ไม่เข้าตากลับกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ
หากย้อนเวลากลับไปในอดีตได้คงดี!
……………………………..
ตอนที่ 2024 อร่อยก็ทานเยอะๆ
พอได้ยินถ้อยคำราวกับซักถามของเหมยซูหานอู่เยวี่ยก็เริ่มโกรธเล็กน้อย หลุดจากภวังค์ความทรงจำในอดีตที่แสนงดงาม สีหน้าเย็นชาตอบกลับด้วยเสียงเย็น “น้ำนมของฉันพอทาน บางทีเสี่ยวเป่าทานไม่หมดด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มนมผงที่ไร้สารอาหารแบบนั้นหรอก”
หากเปลี่ยนเป็นนมผงแล้วเธอจะควบคุมเสี่ยวเป่าได้อย่างไรอีก?
แล้วจะเอาผลประโยชน์จากตัวเฮ่อเหลียนเช่อได้อย่างไร?
แล้วจะไต่เต้าขึ้นที่สูงกลายเป็นราชินีที่ควบคุมโลกใบนี้ได้อย่างไร?
เหมยซูหานโกรธมากกับถ้อยคำของอู่เยวี่ยพลางชี้ไปที่ดวงหน้าเล็กที่ปลายคางเรียวแหลมอย่างเห็นได้ชัดของเสี่ยวเป่า เอ่ยด้วยเสียงที่พยายามระงับอารมณ์โกรธเต็มทีไว้ว่า “ตามปกติแล้วเด็กอายุสองสามเดือนจะร่างกายเติบโตเร็วที่สุด หนึ่งเดือนอ้วนขึ้นหนึ่งถึงสองกิโลเป็นเรื่องปกติมาก แต่เธอดูเสี่ยวเป่าเกิดมาหนักสามกิโลเจ็ดขีด นี่เกือบจะสามเดือนครึ่งแล้วกลับหนักแค่ห้ากิโลกว่า สามเดือนอ้วนขึ้นแค่หนึ่งกิโลครึ่ง เธอให้เขาทานอิ่มท้องแน่เหรอ?”
อู่เยวี่ยใจหล่นวูบ เธอเลี้ยงเด็กเป็นครั้งแรกโดยไม่เคยมีประสบการณ์ใด ๆมาก่อนแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กคนหนึ่งควรหนักขึ้นกี่กิโลในหนึ่งเดือน ฟังจากเหมยซูหานที่พูดดูมีหลักการเหตุผล หรือว่าจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ?
“เสี่ยวเป่าของฉันแข็งแรงดี มีคุณหมอเกาคอยตรวจเช็กสุขภาพให้เขาทุกวันแล้วจะมีปัญหาได้อย่างไร คุณเหมยเข้ามายุ่งมากเกินไปหรือเปล่า?” อู่เยวี่ยโต้กลับด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก
เธอรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเหมยซูหานกับเฮ่อเหลียนเช่อ เพราะเขาทำให้หลังแต่งงานเฮ่อเหลียนเช่อไม่เคยมานอนห้องเดียวกันกับเธอเลยแม้แต่คืนเดียวเพราะมัวแต่อยู่กับเหมยซูหาน
เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาแย่งผู้ชายคนเดียวกับเหมยซูหาน อีกทั้งเธอยังเป็นฝ่ายแพ้อีกด้วย!
เรื่องนี้ทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกเสียศักดิ์ศรีมากและยิ่งเกลียดเหมยซูหาน พอตอนนี้เหมยซูหานใช้น้ำเสียงแบบนี้คุยกับเธอก็ยิ่งทำให้อู่เยวี่ยบันดาลโทสะในฉับพลัน
เสี่ยวเป่าเป็นลูกชายของเธอ เหมยซูหานมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนเธอ?
เหมยซูหานใจหนักอึ้ง ความเศร้าโศกถาโถมเข้ามา
จริงด้วย เขาไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องเสี่ยวเป่า แต่เขาสงสารนี่นา!
“ฉันกับอาเช่อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ลูกชายของเขาก็เหมือนลูกชายของฉัน ฉันหวังว่าเสี่ยวเป่าจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ด้วยเหตุนี้ฉันถึงได้อ่านตำราคู่มือเลี้ยงดูเด็กทารกมามากมาย!”
เหมยซูหานพูดไปก็สังเกตสีหน้าของอู่เยวี่ยไปพลาง จากนั้นเขาก็เห็นสายตาลุกลี้ลุกลนของเธอพาดผ่านเข้ามาแวบหนึ่ง ทว่ากลับหนีไม่พ้นสายตาของเขา
มีปมจริง ๆด้วย!
เหมยซูหานลอบแค่นหัวเราะในใจ ต่อหน้าเฮ่อเหลียนเช่อเขาเป็นเยี่ยงบัวพันกลีบรู้ภาษาที่อ่อนโยนแสนเชื่อง แต่ต่อหน้าคนภายนอกเขากลับเป็นท่านประธานเหมยที่เย็นชาเจ้าเล่ห์ หากไม่เจ้าแผนการสักนิดจะก่อร่างสร้างตัวมีธุรกิจใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างไร?
อู่เยวี่ยยังคิดจะโต้ตอบกลับไปสักหน่อยแต่เหมยซูหานกลับปรบมือให้พนักงานมาเสิร์ฟอาหาร ไม่นานบนโต๊ะอาหารก็เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศเต็มโต๊ะจนทำเอาอู่เยวี่ยตาลาย
“อาเช่อบอกเรื่องที่เธออยากดูแลบริษัทให้ฉันแล้ว เรื่องเล็กน้อย พอดีเลยช่วงนี้ฉันค่อนข้างยุ่ง เธอช่วยฉันแบ่งเบาภาระหน่อยก็ไม่เลว ทานข้าวก่อน ทานไปคุยไปแล้วกัน”
เหมยซูหานยิ้มเอ่ยแล้วหมุนโต๊ะเบา ๆ พลางเลื่อนเมนูวุ้นเส้นเป่าฮื้อไปตรงหน้าอู่เยวี่ย อู่เยวี่ยตาเป็นประกายวาววับ วุ้นเส้นเป่าฮื้อเป็นของโปรดของเธอเชียว
อู่เยวี่ยไม่รอช้าคีบเป่าฮื้อมาทานหนึ่งตัวอย่างเอร็ดอร่อย เหมยซูหานตาหม่นแสงลงและรู้สึกขมฝืดที่ลิ้น อาเช่อโกหกเขาจริง ๆด้วย!
โอหยางซานซานคนนี้คืออู่เยวี่ย
เขาจำได้แม่นยำว่าอู่เยวี่ยชอบทานวุ้นเส้นเป่าฮื้อ เป็นเมนูที่ต้องสั่งทุกครั้งเวลาไปทานข้าวร้านอาหาร ซึ่งต่อให้ทานเท่าไรก็ไม่มีวันเบื่อ อีกทั้งท่วงท่าและสีหน้าเวลาโอหยางซานซานคนนี้ทานวุ้นเส้นเป่าฮื้อเหมือนอู่เยวี่ยไม่มีผิด ความรู้สึกแบบนั้นมันหลอกกันไม่ได้
“ดูเหมือนเธอจะชอบอาหารทะเลมากเลยนะ ของหวานอันนี้เป็นของหวานเอกลักษณ์ของร้านอาหารแห่งนี้เลย รสชาติดีไม่หยอก เธอลองทานดูสิ”
เหมยซูหานเลื่อนของหวานสีเหลืองมาตรงหน้าอู่เยวี่ยที่ดูจะเป็นแป้งทอดโรยงา แค่ดมกลิ่นก็หอมมากแล้ว
อู่เยวี่ยทนกลิ่นหอมยั่วยวนไม่ไหวเลยคีบมาทานหนึ่งชิ้นก่อนปริปากชม “รสชาติไม่เลวเลย อร่อยมาก”
“อร่อยก็ทานเยอะ ๆ”
เหมยซูหานอมยิ้มแต่รอยยิ้มกลับดูมีเลศนัย
ตอนที่ 2025 ในที่สุดก็เห็นธาตุแท้
ของหวานทำมาจากแป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วเหลือง แป้งข้าวโพดใส่น้ำตาลขาวคนให้เข้ากันแล้วทอดในน้ำมัน กรอบนอกนุ่มในถูกปากอู่เยวี่ยพอดิบพอดี เพราะเธอชอบทานของหวานชนิดของทอดแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
เหมยซูหานเป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันกับอู่เยวี่ยย่อมรู้นิสัยความเคยชินในการเลือกทานของเธอดี ของหวานชนิดนี้เขาจงใจให้ทางครัวทำขึ้นมาโดยเฉพาะและทำขึ้นด้วยความตั้งใจเพราะข้างในนี้มีเล่ห์กลบางอย่างแอบซ่อนไว้อยู่
ขนมแป้งขนาดไม่ใหญ่มากซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าไข่นกกระทาเพียงนิดเดียว อู่เยวี่ยทานไปสองชิ้นติดต่อกัน สายตาอาลัยอาวรณ์จับจ้องขนมในมือแล้วก็หยุดชะงักลง
“ทำไมไม่ทานต่อล่ะ? รสชาติไม่ดีเหรอ?” เหมยซูหานถามเสียงอ่อน เสียงแผ่วทุ้มต่ำที่ฟังดูคล้ายเสียงกระซิบกระซาบระหว่างคู่รักราวกับเกี่ยวเอาวิญญาณคนฟังให้ออกจากร่าง
อู่เยวี่ยใจสั่นไหวเชยตามองเหมยซูหานด้วยแววตาที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย
ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงมักมีความทรงจำเกี่ยวกับคนรักที่เป็นรักแรกลึกซึ้งกว่าเสมอ และมักจะใจอ่อนยวบกว่าเล็กน้อย
อู่เยวี่ยในขณะนี้กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์นี้พอดี เธอหวนนึกถึงช่วงเวลาแสนสุขในวันวานของเธอกับเหมยซูหานก่อนจะคีบขนมแป้งอีกหนึ่งชิ้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ฉันกำลังลดความอ้วนอยู่ ทานของทอดอ้วนง่าย ต้องทานน้อยหน่อย ทานอีกหนึ่งชิ้นก็ไม่พอแล้ว”
อู่เยวี่ยชอบทานขนมแป้งทอดมากจริง ๆ แต่เธอไม่พอใจกับรูปร่างของตัวเองในตอนนี้อย่างมาก ฉะนั้นช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอทานแต่น้ำต้มผักกับสลัดผลไม้มาโดยตลอด กลับเข้าสู่ช่วงทานอาหารลดความอ้วนอย่างเคย วันนี้ทานขนมแป้งทอดสองชิ้นนับว่าไว้หน้าเหมยซูหานมากแล้ว
นี่ก็เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ไม่อย่างนั้นอู่เยวี่ยไม่แม้แต่จะทานสักคำเดียว
เหมยซูหานขมวดคิ้วน้อย ๆ พลางเหลือบมองเสี่ยวเป่าที่นอนอยู่ในรถเข็นเด็กเงียบ ๆ ทั้งตัวเล็ก ทั้งตัวผอมแห้งและไร้ที่พักพิง
เขาพยายามระงับความโกรธแค้นในใจแสร้งเอ่ยว่า “เธอยังอยู่ในช่วงให้นมลูก และเป็นช่วงที่เสี่ยวเป่าต้องการสารอาหารมากที่สุด จะมาลดความอ้วนอะไรกัน?”
อู่เยวี่ยชะงักและเพิ่งรู้ตัวว่าสถานะของตนในเวลานี้ต่างไปจากอดีต จะว่าไปตอนนี้เธอยังไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าตัวเองกลายเป็นแม่คนแล้ว และไม่มีจิตใต้สำนึกความเป็นแม่เลยสักนิด
เธอยังเหมือนอดีตที่อยากจะทำอะไรก็ทำแบบนั้น สูบบุหรี่ดื่มเหล้าลดความอ้วนไม่เคยขาด คุณหมอเกาเคยเกลี้ยกล่อมเธออยู่หลายครั้งแต่อู่เยวี่ยทำเป็นหูทวนลมยังคงทำตามใจตัวเองอย่างเคย
“จะให้ฉันจดจ่อสมาธิอยู่กับเสี่ยวเป่าอย่างเดียวคงไม่ได้หรอกมั้ง ฉันมีชีวิตของฉัน คุณเหมยคงไม่มีวันเข้าใจความต้องการที่อยากจะมีรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของผู้หญิงหรอก”
อู่เยวี่ยทานขนมแป้งทอดชิ้นที่สามหมดก็วางตะเกียบลงด้วยท่าทีแน่วแน่ ไม่ยอมทานอะไรนอกเหนือจากนี้อีก
เหมยซูหานรู้สึกเอือมระอา มองอู่เยวี่ยอย่างผิดหวัง ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ?
ทั้งที่อู่เยวี่ยในวัยเด็กอ่อนโยนขนาดนั้น ใจดีขนาดนั้น เห็นนกกระจอกตัวน้อยตกต้นไม้ยังน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ตอนนี้กลับใจร้ายกับลูกชายแท้ ๆของตัวเองถึงขนาดนี้!
“ไม่ต้องการให้เธอมอบความรักทั้งหมดให้เสี่ยวเป่าหรอก แต่ขอให้เธอมีจิตสำนึกของความเป็นแม่สักนิด เธอดูสิว่าเสี่ยวเป่าที่เธอเลี้ยงดูสภาพเป็นอย่างไรแล้ว ถ้าเธอเลี้ยงไม่ได้ก็ถอนตัวออกไปเถอะ แล้วส่งเสี่ยวเป่าให้คนที่ใช้หัวใจจริง ๆดูแลแทนจะดีกว่า!” เหมยซูหานพูดเสียงนิ่ง
เขาอยากเลี้ยงเสี่ยวเป่าเองแต่กลับไม่มีโอกาส อู่เยวี่ยมีโอกาสนี้กลับไม่รู้จักรักษา
น่าแค้นใจนัก!
อู่เยวี่ยหัวเราะอย่างได้ใจ “คุณคิดว่าฉันอยากลำบากเลี้ยงเด็กแบบนี้เหรอ? แต่ช่วยไม่ได้นี่นา พอเสี่ยวเป่าอยู่ห่างจากฉันก็เอาแต่ร้องไห้ ใครให้เขาติดฉันแจขนาดนี้ล่ะ!”
เหมยซูหานรู้สึกอัดอั้นเต็มที ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนนั้นเหมยเหมยถึงแค้นอู่เยวี่ยถึงเพียงนี้!
ตอนแรกที่เหมยเหมยหาว่าเขาเป็นคนตาบอดหูหนวกและโง่เง่ามองธาตุแท้ของอู่เยวี่ยไม่ออก ตอนนั้นเขายังตำหนิเหมยเหมยว่าเธอจิตใจคับแคบ ใจร้ายใจดำกับพี่สาวตัวเองเกินไป
แต่ตอนนี้เขามองชัดเจนทุกอย่างแล้ว
……………………….
ตอนที่ 2026 แพ้อาหาร
ภายในเวลาสั้น ๆเพียงสามสี่ปี ต่อให้คน ๆหนึ่งจะได้รับเรื่องสะเทือนใจมากแค่ไหนก็ไม่มีทางเปลี่ยนนิสัยราวกับเป็นคนละคนมากขนาดนี้ นี่บ่งบอกได้เพียงว่าสิ่งที่เธอแสดงให้เห็นในอดีตล้วนเสแสร้งทั้งเพ!
เมื่อก่อนอู่เยวี่ยเคยแสดงมุมที่อ่อนโยน ใจกว้าง เอาใจใส่ เป็นเด็กดี ใจดี…มุมที่แสนดีทุกอย่างต่อหน้าเขาล้วนแต่เป็นเปลือกปลอม
ทุกอย่างเป็นแค่หน้ากากสวยงามของอู่เยวี่ย!
เหมยซูหานใจเย็นวาบและรู้สึกหนาวไปทั้งตัว เขารู้จักอู่เยวี่ยช่วงประมาณวัยสิบขวบ ตอนนั้นในใจของเขาอู่เยวี่ยคือเจ้าหญิงสโนว์ไวท์แสนใจดี เป็นเด็กสาวที่จิตใจดีที่ล่วงเกินไร้มารยาทด้วยไม่ได้
ตอนนี้ดูแล้วความดีงามทุกอย่างเป็นเพียงการเสแสร้งของอู่เยวี่ย
เพิ่งสิบขวบเท่านั้นเอง เด็กอายุสิบขวบก็ช่างวางแผนได้ขนาดนี้แล้ว เหมนซูหานยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดหวัง เขาหวนนึกถึงความฝันที่เหมยเหมยถูกผลักลงจากตึก สองมือคู่นั้นของอู่เยวี่ยที่ได้รับการทะนุถนอมดูแลอย่างดี
สวยงามมาก สง่าสมฐานะมาก แต่กลับทำให้เขาหวาดกลัว
เหมยซูหานประเมินหญิงสาวตรงหน้าที่เขารู้จักมาหลายปีใหม่อีกครั้งด้วยสายตาเย็นยะเยือกราวกับกำลังจ้องคนแปลกหน้า
อู่เยวี่ยรู้สึกถึงความผิดปกติเลยยิ้มถาม “คุณเหมยมองฉันแบบนี้ มีอะไรแปลกไปงั้นเหรอคะ?”
ไม่นานเหมยซูหานก็จัดระบบความคิดได้ ก่อนหน้านี้เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าเลยยังทำใจไม่ค่อยลง แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นมลายหายไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่ควรได้รับความเห็นใจ เธอไม่ควรถูกเรียกว่าเป็นคนเสียด้วยซ้ำ
“เปล่า นี่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท เธอลองอ่านดูคร่าว ๆก่อนนะ ถ้ามีตรงไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามฉันได้เลย”
เหมยซูหานหยิบเอกสารปึกหนึ่งจากกระเป๋าออกมา นี่เป็นบริษัทเล็ก ๆบริษัทหนึ่งภายใต้ชื่อของเขา บริษัทนี้ก็ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดีจากเขาแล้วว่าเหมาะกับผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานอย่างอู่เยวี่ยมาก
อู่เยวี่ยตาลุกวาวแล้วรับเอกสารมาอย่างดีใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าขอแค่เอาเสี่ยวเป่ามาเป็นไพ่ต่อรอง เฮ่อเหลียนเช่อจะต้องยอมแพ้
เสี่ยวเป่าก็คืออาวุธวิเศษสำหรับชัยชนะของเธอ ลูกชายคนนี้ไม่ได้คลอดมาสูญเปล่าและไม่เสียแรงที่เธออ้วนขึ้นห้ากิโลกว่าเลย
อู่เยวี่ยเผลอได้ใจชั่วขณะซึ่งความละโมบฉายชัดบนใบหน้าเธอ เหมยซูหานหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
บริษัทของเขาไม่ได้ให้เอาไปง่าย ๆหรอกนะ!
“ไม่ต้องรีบมีเวลาถมเถไป ดื่มน้ำชาก่อนแล้วทานของว่างอีกนิด ของว่างน้อยแค่นี้ไม่ทำให้เธออ้วนขึ้นหรอก” เหมยซูหานให้พนักงานเสิร์ฟน้ำชาแล้วคีบขนมแป้งทอดอีกชิ้นใส่จานตรงหน้าอู่เยวี่ย
อู่เยวี่ยที่อารมณ์ดีขึ้นทันตาก็นึกอยากจะตามใจตัวเองอีกสักครั้งเลยไม่ปฏิเสธการปรนนิบัติอย่างขยันขันแข็งของเหมยซูหาน คีบขนมแป้งทอดมาทานไปอ่านเอกสารไปพลาง เมื่ออู่เยวี่ยทานขนมแป้งทอดไปเรื่อย ๆ ก็ทานไปเกือบครึ่งจานโดยไม่รู้ตัว
เหมยซูหานเหยียดยิ้มมุมปากกว้างกว่าเดิมและคาดคะเนว่าใกล้ได้เวลาแล้วจึงไม่เกลี้ยกล่อมให้อู่เยวี่ยทานขนมอีก ตัวเองนั่งดื่มชาเงียบ ๆ รอดูเรื่องสนุก ๆเปิดฉากขึ้น
“แอะ ๆ…”
เสี่ยวเป่าที่อยู่ในรถขยับตัวดิ้นกะทันหัน สีหน้าดูเจ็บปวดอย่างมากและชูกำปั้นน้อย ๆทั้งสองข้างโบกไปมาไม่หยุดพร้อมส่งเสียงครางในลำคอ
อู่เยวี่ยรีบถลาเขาไปหมายจะอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นแล้วยังถามว่า “ที่นี่มีห้องส่วนตัวไหม? ฉันจะป้อนนมให้เสี่ยวเป่า”
“มี ฉันให้พนักงานพาเธอไป”
เหมยซูหานมองเสี่ยวเป่าที่เริ่มออกอาการชักด้วยหัวใจที่บีบรัดและสีหน้าร้อนรน แค่ต้องการดื่มนมเท่านั้นแต่เสี่ยวเป่ากลับบิดตัวไปมาราวกับเป็นลมชัก แล้วจะเป็นเด็กปกติได้อย่างไรกัน?
พนักงานเพิ่งเดินเข้ามาอู่เยวี่ยก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเกือบทำเสี่ยวเป่าในอ้อมแขนหล่นตกพื้น เหมยซูหานตกใจรีบรับเสี่ยวเป่าไว้ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ถั่ว…ลิสง…คุณ…”
อู่เยวี่ยดูเหมือนใกล้จะขาดอากาศหายใจตายก็ไม่ปาน สีหน้าขึ้นสีช้ำม่วงแล้วร่างก็ล้มนอนลงบนพื้น
ตอนที่ 2027 ต้องช่วยเสี่ยวเป่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูท่าจะอยู่เหนือความคาดหมายของเหมยซูหาน เดิมทีเขาแค่อยากลองเชิงอู่เยวี่ยว่าคำพูดของเหมยเหมยเป็นความจริงหรือไม่ จึงให้ทางครัวเตรียมของหวานที่ผสมถั่วลิสงไว้โดยเฉพาะ
ปริมาณผงถั่วลิสงไม่มากนักอีกทั้งเพื่อให้กลบกลิ่นของถั่วลิสงยังเพิ่มแป้งถั่วเหลืองกับแป้งข้าวโพดเป็นพิเศษด้วย แล้วค่อยใช้น้ำมันทอดกลบกลิ่นหอมเดิมเอาไว้ ขอเพียงแค่กินโดยไม่ใส่ใจก็ยากจะรู้รสชาติถั่วลิสงที่ผสมอยู่ข้างในได้
เพื่อให้ทุกอย่างราบรื่นเหมยซูหานยังให้ทางครัวเตรียมเมนูวุ้นเส้นเป่าฮื้อเป็นพิเศษ ความสดใหม่ของอาหารทะเลช่วยให้ประสาทรับกลิ่นทำงานช้าลง ฉะนั้นอู่เยวี่ยถึงได้ทานของหวานไปเกือบครึ่งจานแล้วยังไม่รู้รสชาติถั่วลิสงในของหวาน
แม้เหมยซูหานจะมีความรู้การแพทย์ติดตัวอยู่บ้างแต่เขาไม่เข้าใจผู้ป่วยที่แพ้ถั่วลิสงมากนักว่าต้องทานเท่าไรถึงจะเกิดอาการแพ้ เขาถึงเกลี้ยกล่อมให้อู่เยวี่ยทานของหวานเรื่อย ๆ
พอมองอู่เยวี่ยที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนพื้น เหมยซูหานถึงรู้ได้ว่าสงสัยคงทานมากไปแล้ว
จะถึงตายหรือเปล่านะ?
นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สร้างความปวดใจแก่เหมยซูหานมากกว่าคือเสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา เพราะไม่ได้ดื่มนมจากอกของอู่เยวี่ยเสี่ยวเป่าถึงได้รู้สึกทรมานทำให้ร่างเล็กชักไม่หยุด ใบหน้าเล็กขึ้นสีช้ำม่วงที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องสงสารกันทั้งนั้น
เดิมทีเหมยซูหานยังรู้สึกผิดต่ออู่เยวี่ยอยู่บ้าง แต่พอเห็นสภาพย่ำแย่ของเสี่ยวเป่าเหมยซูหานก็นึกอยากจะให้อู่เยวี่ยตายต่อหน้าเขาบัดเดี๋ยวนี้เลย
คนที่ชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานไม่คู่ควรอยู่สิ้นเปลืองออกซิเจนบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ
“เสี่ยวเป่า…เด็กดี…ไม่กลัวนะ คุณอาอยู่นี่…”
เหมยซูหานพูดกล่อมเสี่ยวเป่าด้วยเสียงอ่อนโยนแต่กลับไม่ช่วยอะไร ใบหน้าของเสี่ยวเป่าบิดเบี้ยวและส่งเสียงไอจากลำคอ ร่างเล็กพยายามดิ้นรนราวกับปลาตัวน้อยที่อยู่ห่างจากน้ำใกล้ตาย นอนอยู่บนบกสูดอากาศอย่างสิ้นหวัง
“เรียกรถพยาบาล ยังจะมัวยืนนิ่งทำไมเล่า รีบไปเรียกรถพยาบาลให้ฉันสิ!”
เหมยซูหานตาแดงก่ำแล้วตะคอกใส่พนักงานร้านอาหารที่พุ่งเข้ามาหลังได้รับข่าว ใบหน้าอ่อนโยนมีสง่าบิดเบี้ยวขึงขัง พนักงานร้านอาหารไม่เคยเห็นเจ้านายใหญ่โกรธขนาดนี้มาก่อนเลยตกใจรีบไปโทรเรียกรถพยาบาลกันยกใหญ่
เหมยซูหานกอดเสี่ยวเป่าที่ยังชักด้วยความหวาดกลัวและเกิดความกระวนกระวายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขากลัวว่าเสี่ยวเป่าจะทนไม่ไหวแล้วตายคาอ้อมอกเขาแบบนี้
“เจ้านาย เด็กคงไม่ได้เป็นลมชักหรอกใช่ไหม ดูอาการแย่เอาการเลย!” ผู้จัดการร้านอาหารเห็นสภาพของเสี่ยวเป่าก็รู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ลมหายใจโรยริน อาการดูน่าเป็นห่วงอย่างมาก
เหมยซูหานมองเสี่ยวเป่าในอ้อมแขนที่ลมหายใจอ่อนลงเรื่อย ๆ และไม่ได้ชักรุนแรงเท่ากับก่อนหน้านี้ แต่กลับสร้างความหวาดกลัวแก่เขามากกว่าเดิมเลยกระชับกอดเสี่ยวเป่าแน่นอย่างอดไม่ได้ พลางตวาดเสียงใส่ผู้จัดการ
“เหลวไหล คุณต่างหากที่หนักเอาการ เสี่ยวเป่าจะอายุยืนร้อยปี จะสุขภาพแข็งแรง ไสหัวไป!”
เหมยซูหานรู้สึกขัดใจกับผู้จัดการที่เคยชื่นชมเหลือเกิน ปากพล่อยจริง ๆ โบนัสท้ายปีหักครึ่ง
แต่เขารู้ว่าความจริงผู้จัดการพูดไม่ผิด เสี่ยวเป่าไม่ไหวแล้วจริง ๆ ควรทำอย่างไรดี?
ใครช่วยเสี่ยวเป่าได้บ้าง?
อาเช่อหรือ?
ไม่ อาเช่อไม่ใช่คุณหมอ เรียกหาเขาก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้จะปล่อยเวลายืดเยื้อไม่ได้ ต้องตามหาคนที่ช่วยเสี่ยวเป่าได้ มีใครบ้าง?
เหมยซูหานพยายามสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็นลงแล้วคัดเลือกจากท่ามกลางคนที่เขารู้จักทีละคน ๆ เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า เหมยซูหานไล่ความทรงจำถึงคนที่เขารู้จักทั้งหมดหนึ่งรอบแต่กลับไม่มีใครที่จะช่วยเสี่ยวเป่าได้เลย
เวลาแบบนี้สงสัยมีเพียงเจ้าแม่กวนอิมที่ช่วยชีวิตเสี่ยวเป่าได้แล้วสินะ?
เหมยซูหานมองเสี่ยวเป่าที่นอนหายใจโรยรินในอ้อมแขนอย่างขมขื่น เจ้าแม่กวนอิมเป็นเพียงบุคคลในตำนานที่เล่าขานกันมาในชีวิต แล้วจะปรากฏตัวได้อย่างไร?
หรือว่าเขาต้องมองเสี่ยวเป่าตายจากไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้จริงหรือ?
เหมยซูหานเจ็บปวดใจยากจะทนไหว สายตาแน่วแน่มั่นคง เขาจะพยายามช่วยเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
ภูเขาหายน้ำเหือดแห้งคล้ายหมดหนทาง กลับเห็นแต่ต้นหลิวผลิดอกไม้บานสะพรั่งหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง[1] ขณะที่กำลังสิ้นหวังอยู่เหมยซูหานก็ฉุกนึกถึงใครบางคนขึ้นมากะทันหันก่อนจะยิ้มแก้มปริ
………………………..
ตอนที่ 2028 เป็นแม่พระแล้วกัน
เหมยซูหานนึกถึงเรื่องหนึ่งครั้งอดีตที่เฮ่อเหลียนเช่อเคยเล่าให้เขาฟัง เฮ่อเหลียนเช่อบอกว่าเหมยเหมยมียาวิเศษราวกับน้ำวิเศษของเจ้าแม่กวนอิม นอกจากจะช่วยยืดอายุแล้วยังช่วยให้ฟื้นจากความตายได้ด้วย
ตอนนั้นเขาไม่เชื่อเท่าไรพลางคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อกำลังพูดเรื่องเหลวไหล เกิดแก่เจ็บตายเป็นวัฎจักรชีวิตตามกฎธรรมชาติ แล้วจะมียาชนิดนี้ได้อย่างไร?
อีกอย่างเขารู้จักกับเหมยเหมยมาตั้งแต่เด็กจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเธอมียาวิเศษแบบนี้หรือไม่ เพียงแต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับเชื่อมั่นว่าเหมยเหมยมี ทั้งยังส่งลูกน้องตามสืบ เพียงแต่เหยียนหมิงซุ่นคุมเข้มทำให้ลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อสืบไม่ได้ความอะไรเลย เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องค้างคาใจของเฮ่อเหลียนเช่อมาโดยตลอด
บางทีเหมยเหมยอาจจะมียาวิเศษจริง ๆก็ได้!
แบบนี้เสี่ยวเป่าก็รอดแล้ว!
เหมยซูหานตัดสินใจเดิมพันไว้ที่ตัวเหมยเหมย เพราะเขาไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว
เหมยเหมยเพิ่งเลิกเรียนเตรียมจะไปทานข้าวที่โรงอาหารกับพวกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เพจเจอร์ในกระเป๋าก็แผดเสียงดังติดต่อกัน เป็นข้อความจากเหมยซูหาน ‘เสี่ยวเป่ามีอันตราย รีบติดต่อกลับด่วน’
เธอตกใจแทบแย่ อยู่ดี ๆเสี่ยวเป่าจะมีอันตรายได้อย่างไร?
เหมยเหมยจึงไม่สนเรื่องทานข้าวอีกพลางให้พวกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปโรงอาหารก่อน ส่วนเธอวิ่งไปใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ใกล้ที่สุดเพื่อติดต่อเหมยซูหาน เสียงรอสายเพิ่งดังได้กริ๊กเดียวเหมยซูหานก็กดรับทันที เห็นได้ว่าเขาร้อนใจมากจริง ๆ
ไม่รอเหมยเหมยถามเหมยซูหานก็เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน “เหมยเหมย ตอนนี้เสี่ยวเป่าตกอยู่ในอันตรายมาก เธอช่วยเขาหน่อยได้ไหม? ฉันขอร้องล่ะ…”
“นายน่าจะพาเสี่ยวเป่าไปโรงพยาบาลนะ ฉันไม่ใช่คุณหมอสักหน่อย” เหมยเหมยเองก็เป็นห่วงมาก แต่เธอยอมรับไม่ได้ว่าตัวเองมียาวิเศษ เฮ่อเหลียนเช่อสงสัยว่าเธอมียาวิเศษมาตั้งแต่แรกแล้วใครจะรู้ได้เล่าว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แผนของเขากับเหมยซูหาน
“คุณหมอช่วยเสี่ยวเป่าไม่ได้ เหมยเหมยถ้าเธอยังไม่มาอีกเสี่ยวเป่าอาจจะตายจริง ๆก็ได้นะ ฉันขอร้องล่ะ อย่าให้เสี่ยวเป่าตายเลยนะ…”
เสียงของเหมยซูหานติดสะอื้นดังลอยผ่านปลายสายมาอย่างชัดเจน เหมยเหมยเลิกคิ้วอย่างฉงน ตามนิสัยของเหมยซูหานที่แม้จะอ่อนโอนเด็ดเดี่ยวแต่ความจริงท่ามกลางความอ่อนโยนกลับเข้มแข็ง เป็นคนที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง ต่อให้เจออุปสรรคมากแค่ไหนก็มีแต่จะประจันหน้ากับมันแต่ไม่ใช่ร้องไห้
ในความทรงจำเหมยเหมยเคยเห็นเหมยซูหานร้องไห้เพียงครั้งเดียว
ชาติที่แล้วคือตอนที่คุณแม่เหมยเสียชีวิต เหมยซูหานร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจและไม่ทานอะไรไปสามวัน
เพียงครั้งนั้นครั้งเดียว เวลาอื่นไม่ว่าจะตอนไหนเหมยซูหานก็จะมีแต่รอยยิ้ม ไม่สะทกสะท้านกับเรื่องอะไร ใจเย็นสงบนิ่ง
แต่ครั้งนี้เขากลับร้องไห้
“นายอยู่ไหน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เหมยเหมยไม่ปฏิเสธอีกต่อไป
เธอใจร้ายกับเสี่ยวเป่าไม่ลงจริง ๆ หากเด็กคนนี้อยู่ในท้องของอู่เยวี่ยตลอดไปเธอคงไม่รู้สึกอะไร ต่อให้ตายไปก็ไม่สะเทือนใจ แต่ตอนนี้เขาคลอดออกมาเป็นคนจริง ๆ เป็นเด็กน้อยที่น่ารักราวกับเทวดาตัวน้อย
ต่อให้จะรังเกียจอู่เยวี่ยกับเฮ่อเหลียนเช่อมากเพียงใดก็ไม่อาจห้ามให้เธอหยุดชอบเสี่ยวเป่าได้ ตอนนี้เสี่ยวเป่าตกอยู่ในอันตรายเธอย่อมนิ่งดูดายไม่ได้
ถือเสียว่าเธอเป็นแม่พระแล้วกัน!
เหมยซูหานบอกว่าได้ส่งคนไปรับเหมยเหมยแล้วก่อนที่จะโทรมาหาเพื่อเป็นการประหยัดเวลา
เขารู้อยู่แล้วว่าเหมยเหมยเป็นผู้หญิงใจดี เธอไม่ปล่อยให้เสี่ยวเป่าเป็นอะไรไปอย่างแน่นอน เขาเดิมพันถูกคนแล้ว!
เหมยเหมยโทรหาลุงเหลาอีกครั้งให้เขาแจ้งเหยียนหมิงซุ่นให้ทราบเรื่องนี้ พอคนของเหมยซูหานมาถึงเธอก็ก้าวขึ้นรถทันที
เธอยังเชื่อในตัวเหมยซูหานในเมื่อชาตินี้เหมยซูหานไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับเธอ แถมยังช่วยเธอไว้ไม่น้อย ครั้งนี้เธอเลือกที่จะเชื่อเหมยซูหาน
ดีที่ร้านอาหารของเหมยซูหานอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าไร ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึง ในอ้อมแขนของเหมยซูหานมีเสี่ยวเป่าที่นอนไม่ได้สติพร้อมกับเขาที่ทำหน้าสิ้นหวัง พอเห็นเหมยเหมยก็มีความหวังใหม่จุดประกายขึ้นมาบนใบหน้า
……………………….
[1] เป็นสำนวนแปลว่ายามที่เจอเรื่องลำบาก ฉับพลันก็เห็นแสงสว่างนำทางช่วยแก้ปัญหา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น