ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 201-204
บทที่ 201 เพื่อนใหม่ในงานราตรี
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวเตรียมขับรถไปรับเบลคที่ท่าเรือ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบความปากโป้งของเจ้านั่นนัก แต่ก็เป็นคนที่เคยช่วยเหลือเขา อีกอย่างเขาเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะจัดการกับเงินเหล่านี้ผ่านเบลค
แต่แล้ว เมื่อขับรถไปถึงปากประตูฟาร์มปลา รถคัมรี่ของแฮมเล็ตก็มาปรากฏต่อหน้า กระจกตรงเบาะโดยสารข้างคนขับได้เลื่อนลง เอี๋ยนตงเหล่ยยื่นหน้าออกมา แล้วถามว่า “ฉิน คุณกำลังจะออกไปข้างนอกเหรอ”
เมื่อเห็นว่ามีคนมาที่ฟาร์มปลาเพิ่มอีกหนึ่งคน ฉินสือโอวเริ่มรู้สึกเอะใจ เรื่องที่ตนต้องการจัดการกับเงินเหล่านั้นรู้กันทั่วทั้งแคนาดาแล้วเหรอ? ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างระมัดระวังคำพูดว่า “ใช่ครับ มีเพื่อนมาหา ผมจะไปรับเขาที่ท่าเรือ”
เอี๋ยนตงเหล่ยผิดหวังเล็กน้อย และพูดว่า “เดิมทีผมอยากคุยอะไรด้วยเสียหน่อย แต่คุณไปจัดการกับธุระของคุณก่อนเถอะ”
ฉินสือโอวถามหยั่งเชิง “เรื่องอะไรครับ?”
เอี๋ยนตงเหล่ยยิ้ม “แค่อยากฟังความเห็นคุณเกี่ยวกับบางประเด็นทางการเมืองน่ะ เมื่อวานนี้ผมรู้มาจากคุณเออร์บักว่าคุณสนใจในพรรคเสรีนิยม ผมเองก็มีความรู้ด้านนี้อยู่บ้าง เลยอยากคุยกับคุณหน่อย”
หากไม่มีชื่อ ‘เออร์บัก’ ในตอนนั้นฉินสือโอวไม่มีความประสงค์ที่จะคุยกับเขาต่อ ในเมื่อเออร์บักเองที่เป็นคนบอกเอี๋ยนตงเหล่ยว่าตนสนใจพรรคเสรีนิยม ถ้าอย่างนั้นตนก็ต้องสนใจแล้วล่ะ ชายชราเป็นผู้นำทางในชีวิตเขาเชียวล่ะ
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกโล่งอกไปทีที่เอี๋ยนตงเหล่ยไม่ได้มาเพราะเงินเหล่านั้น
ฉินสือโอวให้เอี๋ยนตงเหล่ยเข้าไปรอในบ้านพัก เขาเอาน้ำชามาเสิร์ฟ เอี๋ยนตงเหล่ยทำท่าดมกลิ่น จากนั้นจิบน้ำชาหนึ่งคำ แล้วชื่นชมว่า “แค่เป็นชาดำคิ้วอาชาทองคุณภาพสูงเชียวล่ะ เป็นชาที่ดี ชาดีเลยล่ะ ชาดำชนิดนี้อุ่นกระเพาะและช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตเป็นที่สุด หากสามารถดื่มสักแก้วในฤดูหนาวในแคนาดา สามารถอุ่นได้ทั้งวัน”
ชานี้เหมาเหว่ยหลงเป็นคนนำมาให้เขา เป็นถุงขนาดใหญ่ เขาไม่ชอบดื่มชาเสียเท่าไร ดังนั้นจึงไม่ได้แกะเลย ครั้งนี้เพราะการมาของเอี๋ยนตงเหล่ย เขาคิดว่าชานี้น่าจะไม่เลวจึงนำมาเสิร์ฟ
คิดไม่ถึงเลยว่า ชานี้ไม่เพียงแต่ไม่เลวยังเป็นชาดำคุณภาพสูงอีกด้วย หากเป็นชาดำคิ้วอาชาทองจริงๆ ไม่เพียงแต่มีราคาสูงเท่านั้น เป็นของหายากด้วยล่ะ
แฮมเล็ตก็จิบไปคำหนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า “เป็นชาดำคุณภาพสูงจริงๆ รสชาติบริสุทธิ์ แต่เสียดายฝีมือการชงชาของฉินที่ธรรมดาเกินไป ไม่อย่างนั้นเราสามารถจัดงานเลี้ยงน้ำชาเชียวล่ะ ฮ่าๆ”
ชาวอังกฤษชอบชาดำเป็นพิเศษ ตลอดทั้งปี หากมีโอกาสพวกเขาก็จะชงชาดำและเตรียมของว่างเพื่อเพลิดเพลินกับการจิบชายามบ่าย
ช่วงเช้าไปรับเบลค ช่วยบ่ายไปรับอลัน ตอนนี้ฟาร์มปลาคึกคักมาก
ฉินสือโอวจัดงานราตรีอย่างง่ายในบ้านพัก ผักและผลไม้สดมีพร้อมในสวน กุ้งและปลาในฟาร์มปลาก็ตัวใหญ่มาก วัตถุดิบอุดมสมบูรณ์ยิ่ง
ในตอนบ่าย เมื่อคนมากันครบแล้ว ฉินสือโอวแนะนำแต่ละคนให้รู้จัก เอี๋ยนตงเหล่ย เบลค อลัน บิลลี่ ภูมิหลังของทั้งสี่คนไม่ธรรมดา ครอบคลุมการเมือง การเงินและอุตสาหกรรม ฉินสือโอวพูดติดตลกว่า เป็นการประชุมครั้งใหญ่ของสี่ผู้ยิ่งใหญ่
ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีฐานะ ตำแหน่ง และสถานะทางสังคม ดังนั้น เมื่อทั้งสี่คนนั่งด้วยกันก็มีหัวข้อการสนทนาที่เป็นไปในทางเดียวกัน หลังจากแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อแล้ว ก็เริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ฉินสือโอวในฐานะเจ้าบ้าน ก็ต้องดูแลแขกผู้มาเยือน แต่มื้อเย็นมื้อนี้เขาลงมือเอง ไม่สามารถไปดูแลด้วยตัวเองได้ จึงให้เออร์บักเป็นคนไปดูแล ส่วนเขานั้นทำอาหารกับวินนี่
ด้วยเหตุนี้ ฉินสือโอว วินนี่ หู่จือ เป้าจือ ต้าฉงและต้าป๋าย รวมเป็นสองคนกับสัตว์อีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในส่วนผักอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ตรงประตูสวนผัก ครอบครัวของกระรอกดินกำลังซ่อนตัวอยู่ในที่ร่มเพื่อพักร้อน ตอนนี้เสี่ยวหมิงได้กลายเป็นพวกเดียวกันกับพวกมัน เพราะมันสามารถปีขึ้นไปเก็บแบล็กเบอร์รี ราสเบอร์รี สตรอเบอร์รี รวมถึงเรดดีลิเชียสอะไรทำนองนั้นบนต้นไม้มาให้เหล่ากระรอกดินได้ ดังนั้นเหล่ากระรอกดินชอบมันมาก และชอบป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ ตัวมัน
ฉินสือโอวเด็ดสตรอเบอร์รีมาสองสามลูกแล้ววางไว้ในที่ร่มใต้ต้นไม้ของครอบครัวกระรอกดิน ลูกกระรอกมองตามตาวาว จากนั้นวิ่งไปข้างๆ เท้าของเขาแล้วกัดรองเท้าของเขาเล่น ไม่นานเชือกผูกรองเท้าก็ขาด
เมื่อเห็นดังนี้ วินนี่ก็พลันหัวเราะ แต่แล้วก็มีกระรอกดินตัวหนึ่งวิ่งไปบนรองเท้าของเธอ แล้วเงยหน้ามองเธออย่างซื่อๆ เธอย่อตัวลงด้วยรอยยิ้มและจับกระรอกดินตัวน้อยวางบนฝ่ามือ กระรอกดินยิ้มกว้าง จากนั้นหมุนตัวแล้วกระโดดลงบนพื้นและวิ่งหนีไป
วินนี่รู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย พูดกับฉินสือโอวว่า “เจ้าพวกนี้ ดูเหมือนว่าไม่ต้องการเล่นกับฉันตั้งแต่แรก”
“เพราะพวกมันไม่คุ้นเคยกับคุณยังไงล่ะ”ฉินสือโอวตอบ “เมื่อคุ้นเคยกันแล้วพวกมันจะชอบคุณ คุณดูสิ ตอนนี้ฉงต้าชอบอยู่กับคุณมากที่สุดไม่ใช่เหรอ?”
ดูแล้วฉงต้าจะตามติดวินนี่จริงๆ วินนี่เด็ดมะเขือเทศให้มันลูกหนึ่ง มีเล็บที่เป็นเหมือนมีดเล็กๆ ดีดออกมาจากอุ้มมืออ้วนๆ ของมัน ผ่ามะเขือเทศให้เป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งให้ต้าป๋าย อีกครึ่งหนึ่งใส่เข้าไปในปากของตัวเอง
ฉินสือโอวเดินรอบสวนแตงกวา แตงกวาที่นี่เติบโตเร็วมาก เพียงแค่มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ พวกมันก็สามารถโตเป็นแตงกวาขนาดใหญ่ในวันเดียว
เดินแค่รอบเดียว ฉินสือโอวก็ได้แตงกวามากว่ายี่สิบลูก มะระและฟักแม้วก็โตแล้ว เขาก็ได้ไปเด็ดมาด้วยสองสามลูก
วินนี่เด็ดมะเขือเทศ และแยกมะเขือเทศที่สุกแล้วไว้ต่างหาก จากนั้นก็ไปเด็ดมะเขือ ถั่วฝักยาว พริก อะไรทำนองนั้นต่อ ส่วนฉินสือโอวมีหน้าที่ขุดผักคื่นฉ่ายและตัดกุยช่าย แบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน
เมื่อเก็บผักได้มากพอสมควร ฉินสือโอวไปที่ห้องครัว ล้างมะเขือเทศและแตงกวาครึ่งหนึ่ง แล้วนำไปเสิร์ฟให้กับเอี๋ยนตงเหล่ยและคนอื่นๆ เอี๋ยนตงเหล่ยรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย พูดว่า “คือว่า เสี่ยวฉิน ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหารของผมก็ไม่เลวนะ ให้ผมไปช่วยทำอาหารสักสองจานไหม?”
เบลคก็พูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว พรรคพวก แบบนี้มันรบกวนนายมากเกินไปแล้ว แม้ฉันอยากชินฝีมือของนายมาก แต่ฉันก็ไม่อยากรบกวนนายอย่างนี้”
ฉินสือโอวยิ้มและบอกว่าไม่เป็นไร และให้พวกเขาลองชิมแตงกวาและมะเขือเทศ เอี๋ยนตงเหล่ยหยิบแตงกวาท่อนหนึ่งขึ้นมากัด น้ำแตงกวากระเด็นออกมาทันที กลิ่นหอมค่อยๆ กระจายไปทั่วปาก
“อื้ม แตงกวาอร่อยจริงๆ”เอี๋ยนตงเหล่ยพูดอย่างประหลาดใจ “สมัยเด็ก ๆ ตอนที่ผมยังอยู่บ้านเกิด ในฤดูร้อนผมชอบไปขโมยแตงกวากับเพื่อนๆ ในความทรงจำของผม แตงกวาที่บ้านเกิดเป็นแตงกวาที่อร่อยที่สุดแล้ว แต่เมื่อได้กินแตงกวาที่คุณเอามา รสชาติของแตงกวาที่อยู่ในความทรงจำของผมก็แย่ลงเลยล่ะ”
เดิมทีเบลคและคนอื่นๆ คิดว่าเอี๋ยนตงเหล่ยเพียงเพื่อกล่าวตามมารยาทเท่านั้น แต่หลังจากที่พวกเขาได้ทานแตงกวาและมะเขือเทศแล้ว ต่างยกนิ้วโป้งให้ อลันถามฉินสือโอวว่านี่คือผักชนิดใด หลังบ้านเขามีสวนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง เขาเอาก็อยากปลูกผักชนิดนี้
คุยกับพวกเขาสักพัก ฉินสือโอวก็กลับไปที่ห้องครัว เพื่อเตรียมอาหารมื้อเย็น
ในช่วงบ่าย เชอร์ลี่ย์และเด็กคนอื่นๆ ก็เลิกเรียนกันแล้ว พวกเขาอยากช่วย ฉินสือโอวปฏิเสธ แต่เขาคิดไตร่ตรองแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น พวกเธอไปหาเห็ดที่เกาะมาหน่อยละกัน ตอนเย็นเราทำซุปเห็ดด้วย”
เมื่อสามารถช่วยอะไรได้ เด็กทั้งสี่คนดูมีความสุขมากขึ้น แล้วตามนีลเซ็นออกไปด้วยความดีอกดีใจ
เมื่อเห็นวินนี่ยังอยู่ที่ห้องครัว ฉินสือโอวถามอย่างสงสัยว่า “คุณทำอาหารเป็นเหรอ?”
ครั้งที่แล้วที่วินนี่มาที่ฟาร์มปลา นอกจากทอดไข่และปิ้งขนมปังแล้ว ก็ไม่พบฝีมือการทำอาหารอื่นๆ ของเธออีก
วินนี่หน้าแดง เธอพูดอย่างขวยเขินว่า “แม้ฉันจะไม่ถนัดเท่าไร แต่ฉันสามารถเรียนรู้ได้ และในตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ก็ดูคุณปู่และคุณย่าทำอาหารบ่อยๆ น่าจะไม่แตกต่างกันมากใช่ไหม?”
ฉินสือโอวหัวเรา วินนี่ยื่นมือไปตบเขา และพูดอย่างโมโหว่า “ห้ามหัวเราะ”
ฉินสือโอวจับข้อแขนของวินนี่ และดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน พูดว่า “ช่างเถอะ ที่รัก อาหารมื้อนี้ให้ผมเป็นคนทำเถอะ ถ้าคุณต้องการที่จะเรียนรู้ก็ยังมีโอกาสอีกมากมาย ถ้าวันนี้ทำให้เสียเรื่องจะไม่ดีเท่าไร”
“ฉันก็เป็นลูกมือคุณได้นี่นา” วินนี่กล่าว “งานหั่นผักฉันน่าจะทำได้นะ”
……………………………………….
บทที่ 202 อาหารทะเลที่ยอดเยี่ยมที่สุด
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชาวตะวันตกทานอาหารจีน พวกเขาไม่สามารถทานอะไรที่มันเยิ้มเกินไปได้ พวกเขาชอบทานขนมหวานมากกว่า ดังนั้นร้านอาหารจีนในไชน่าทาวน์จะทำให้อาหารจีนให้มีรสชาติที่หวานมาก
ฉินสือโอวพยายามปรุงพวกผักให้มีรสชาติไม่จัดจ้าน เพื่อรักษากลิ่นหอมและความสดใหม่ของผัก แตงกวาเขาได้ทำเมนูยำแตงกวาเย็นและยำแตงกวาใส่ไข่ เมื่อกลีบกระเทียมที่ขาวดั่งหิมะและแตงกวาสีเหลืองอ่อนจับคู่กันแล้ว สวยงามอย่างยิ่ง สำหรับยำแตงกวาใส่ไข่นั้น เป็นเมนูถนัดของฉินสือโอวเลยล่ะ
บร็อคโคลี่ที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ยังไม่หมด หลังจากที่นำไปผัดกับพริกแล้วก็ได้ทำเป็นคั่วแห้ง แม้จะมีเครื่องดูดควัน แต่เมื่อพริกถูกทอดด้วยน้ำมัน กลิ่นแสบจมูกนั้นก็ทำเอาดวงตาของวินนี่แดงไปเลย
ฉินสือโอวหันไปเช็ดขอบตาให้เธออย่างอ่อนโยน หัวเราะและพูดว่า “อย่าร้องเลย ไม่ต้องซาบซึ้งใจขนาดนี้ก็ได้”
แต่แล้วมือของเขาไปโดนใส่ตาของวินนี่ วินนี่เริ่มน้ำตาไหล ฉินสือโอวทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว พูดว่า “อย่าสิ อย่า วินนี่ คุณเป็นอะไร? เมื่อก่อนไม่เคยมีคนเช็ดน้ำตาให้คุณเหรอ?”
วินนี่ผลักมือของเขาออก น้ำตาหลั่งไหลออกมา ค่อยๆ เดินคลำหาก๊อกน้ำ เปิดน้ำล้างตา และพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า “พระเจ้า คุณตั้งใจแกล้งฉันเหรอ? มือของคุณ! ทำไมถึงได้แสบอย่างนี้? ตาของฉัน!”
ฉินสือโอวเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมล้างมือหลังจากหั่นพริก!
พวกพาวลิสกลับมาพร้อมเห็ดชิตาเกะและเห็ดน้ำหมาก เออร์บักตามพวกเขาเข้าไปในห้องครัวอย่างมีความสุข ทันทีที่เข้าไปห้องครัวพวกเขาต่างพากันตะลึง ฉินสือโอวกำลังกอดวินนี่ที่กำลังร้องไห้
เออร์บักคิดอะไรไม่ออก เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ตัดสินใจพาเด็กทั้งสี่ออกไปก่อน “พวกเราออกไปกันก่อนเถอะ เด็กๆ แล้วค่อยกลับมาเอาแตงกวา”
เชอร์ลี่ย์เบิกตากว้างและพูดว่า “ให้หนูช่วยคุณฉินทำอาหารด้วยเถอะค่ะ ตอนนี้ฝีมือหนูไม่เลวเลย”
เออร์บักหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็ดึงเชอร์ลี่ย์แล้วเดินออกไป
ฉินสือโอวปล่อยมืออย่างทำตัวไม่ถูก เขาไม่สามารถบอกว่าตัวเองทำพริกเข้าตาของวินนี่หรอกใช่ไหม?
เมื่อได้เห็ดชิตาเกะมาแล้ว ครั้งนี้ฉินสือโอวเปลี่ยนวิธีการปรุง เขาผสมไข่ไก่และแป้งเข้าด้วยกัน และใส่ซีอิ๊วและผงเครื่องเทศห้าชนิดของจีนลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากัน นำเห็ดชิตาเกะที่ฉีกไว้แล้วเข้าไปชุบในน้ำแป้งแล้วนำไปทอด ซึ่งไม่แตกต่างจากการทอดหมู
เห็ดชิตาเกะที่ปรุงด้วยกลวิธีนี้ มีรสชาติดีกว่าหมูทอดเสียอีก แบตเตอร์ถูกทอดจนกรอบและเป็นสีทอง และเห็ดชิตาเกะที่อยู่ด้านในเนื้อกำลังนุ่ม และน้ำเห็ดก็ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี กินพร้อมกับเกลืองา รสชาติอร่อยอย่างยิ่ง
นีลเซ็นไปตกปลาในทะเล ได้ปลาค็อดขนาดเท่าแขนมาหนึ่งตัว ได้ปลาลิ้นหมาขนาดใหญ่มาอีกหนึ่งตัว รวมกับปลาแซลมอนโคโฮและปูราชินี ต้องการเพียงอาหารทะเลสี่ชนิดนี้ ก็สามารถทำอาหารทะเลโต๊ะหนึ่งได้แล้ว
ฉินสือโอวได้ทำเมนูพริกผัดหมูป่า เนื้อลาซอสน้ำผึ้ง ผัดสามเซียน มะเขือยาวผัดซอส ระหว่างนั้นเชอร์ลี่ย์ได้เข้ามาทำถั่วไตผัดหมู มะเขือเทศผัดไข่ และในตอนท้ายก็ได้นำแตงกวา หัวไชเท้า ต้นหอม กระเทียม มะเขือเทศและซอสถั่วเหลืองมาใส่รวมกัน ก็ได้มาซึ่งอาหารที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของชนบทในประเทศจีน ซึ่งก็คือเมนู ‘เก็บเกี่ยวได้อย่างอุดมสมบูรณ์ยิ่ง’
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อาหารไม่พอทาน ฉินสือโอวได้ใช้ปลาแมคเคอเรลที่เหลือจากครั้งก่อนทำเมนูปลาน้ำแดง เดิมทีเขาอยากได้ปลาแฟงค์ทูธสักตัว เพราะมีรสชาติที่หาที่เปรียบไม่ได้ แต่เมื่อคิดๆ แล้วรู้สึกเสียดาย จึงเลิกคิด
และแล้ว ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน อาหารก็พร้อมทาน
โต๊ะที่ใช้เป็นโต๊ะอาหารแบบกลมที่ทำจากไม้ ปลาทั้งหมดได้วางในจานพอร์ซเลนขนาดยาว ส่วนผักนั้นใช้จานพอร์ซเลนทรงกลมสลักลายดอก บวกกับตะเกียบที่วางเป็นคู่ๆ เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ที่มีความเป็นจีน
“อาหารช่างอุดมสมบูรณ์เหลือเกิน ฉิน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าในอนาคตข้างหน้าใครจะโชคดีได้แต่งงานกับนาย มีเงิน อ่อนโยน ทำงานบ้านเป็น นายเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดในแคนาดาในตอนนี้” เบลคพูดอย่างเกิดความจริง
เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนต่างหันไปมองที่วินนี่ วินนี่ยิ้มและพยักหน้าตอบ แล้วพูดอย่างใจกว้างว่า “ช่วงนี้ฉันกำลังหว่านแหและหย่อนเบ็ด ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสตกเต่าทองคำที่ดีที่สุดในแคนาดาได้ไหม”
คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้น บิลลี่ชกฉินสือโอวหนึ่งที และพูดขึ้นว่า “นายนี่มันเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลย แต่แน่นอนว่า นายเองก็สมควรได้รับความสุขเหล่านี้”
ฉินสือโอวและวินนี่สบตากันแล้วยิ้ม นับวันทั้งสองยิ่งเข้าขากัน
เมื่อไปนั่งที่โต๊ะอาหาร เริ่มแรกเบลคและคนอื่นๆเพียงแต่รู้สึกถึงความแปลกใหม่ของการรับประทานอาหารในลักษณะนี้ และความอยากรู้อยากเห็นในอาหารจีนแท้ๆ จึงเริ่มลงมือ แม้ฉินสือโอวจะเตรียมตะเกียบสำหรับพวกเขา แต่คนเหล่านี้ใช้ไม่เป็นหรอก
และเมื่อเริ่มลงมือรับประทาน ทุกคนต่างทึ่งในรสชาติ
“นี่คือผักอะไร? ถั่วไตเหรอ? พระเจ้า ไม่ใช่ถั่วไตแน่นอน จะมีถั่วไตที่อ่อนอย่างนี้ได้อย่างไรกัน?”
“แตงกวานี้รสชาติดีจริงๆ เลย หากฉันไม่ได้เห็นฉินเด็ดพวกมันมาจากเถาวัลย์ ฉันคงคิดว่านี่เป็นผลไม้ดัดแปลงพันธุกรรมอะไรเสียอีก”
“เห้ย พรรคพวก ชิมอันนี้สิ นี่คืออะไร? ผัดสามเซียนเหรอ? เป็นชื่อที่แปลกมาก แต่รสชาติเยี่ยมจริงๆ!”
เอี๋ยนตงเหล่ยชิมผักทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เป็นเพราะว่าผมหิวเกินไปหรือเป็นอะไรไป? เสี่ยวฉิน ทำไมคุณทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้? ตั้งแต่มาอยู่ที่แคนาดาเกือบยี่สิบปี ไม่เคยได้ทานอาหารจีนที่อร่อยแบบนี้เลย!”
ฉินสือโอวยิ้มและบอกว่าทุกคนเกรงใจกันมากไปแล้ว เอี๋ยนตงเหล่ยกล่าวว่า “ไม่ๆๆ เสี่ยวฉิน ไม่ได้เกรงใจอะไรเลย ผมพูดจากใจจริง ฝีมือการทำอาหารของคุณดีมากจริงๆ! ถ้าคุณเปิดร้านอาหารในออตตาวาสักหนึ่งร้าน ผมว่าภายในหนึ่งสัปดาห์ก็จะกลายเป็นร้านอาหารจีนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแคนาดาเลยล่ะ”
หลังจากได้รับคำชมเชยมากมายเช่นนี้ หากบอกว่าในใจของฉินสือโอวไม่รู้สึกดีใจก็ไม่มีใครเชื่อ อาหารเหล่านี้มีรสชาติดี ไม่ได้เป็นเพราะฝีมือการทำอาหารของเขาดีแค่ไหน แต่เพราะพลังพิเศษแห่งโพไซดอนต่างหากล่ะ!
สำหรับอาหารจีน บิลลี่ เบลค อลันและคนอื่นๆ แม้จะรู้สึกว่าอร่อยแต่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะพวกเขาไม่คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ แต่หลังจากที่พวกเขาเลื่อนตะเกียบไปที่ปลาค็อดนึ่งและปลาลิ้นหมาเผาถ่าน สีหน้าก็เปลี่ยนไป
“ปลาที่ฉันเคยกินก่อนหน้านี้ ล้วนแต่เป็นปลาที่เลี้ยงในบ่อเหรอ?”เบลคถามอย่างไม่เชื่อใจนัก “นี่คือปลาลิ้นหมาชนิดไหน? เนื้อของมันนิ่มยิ่งกว่าเนื้อช่วงท้องของปลาทูน่าครีบน้ำเงินเสียอีก ถ้าเอาไปทำเป็นซาชิมิ จะอร่อยมากแค่ไหนนะ?”
อลันชิมเนื้อปลาลิ้นหมาและเนื้อปลาค็อดอย่างระมัดระวัง และถามว่า “ฉิน ปลาค็อดและปลาลิ้นหมาในฟาร์มปลาของนายล้วนมีรสชาติดีขนาดนี้เลยเหรอ? เนื้อนิ่มอะไรอย่างนี้?”
ไม่ต้องรอให้ฉินสือโอวตอบ ชาร์คพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ใช่ครับ คุณอลัน คิดว่าคุณน่าจะสังเกตเห็นแล้ว ว่าปลาในฟาร์มปลาของเราล้วนเป็นปลาที่ดีสุด! พระเจ้าทรงรู้ ผมไม่ได้พูดเกิดจริงเลยแม้แต่น้อย”
อลันพยักหน้า พูดว่า “ฉิน นายอาจไม่รู้ ตระกูลของฉันนอกจากจะทำธุรกิจในอุตสาหกรรมการเงินแล้ว ในอุตสาหกรรมอาหารเราก็มีบทบาทไม่น้อย พูดตามตรง ฉันไม่เคยกินปลาค็อดและปลาลิ้นหมาที่รสชาติยอดเยี่ยมเช่นนี้มาก่อน หากเป็นไปได้ ฉันอยากปรึกษาเรื่องธุรกิจกับนายหลังอาหารเย็น ธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารของเราที่ต้องการซื้ออาหารทะเลจากฟาร์มปลาของนาย”
เบลคยิ้มและพูดว่า “ไม่ๆ ฉิน อย่าตอบรับเขา ปลาของนายยอดเยี่ยมเกินไป ฉันแนะนำว่านายต้องเข้าร่วมงานแถลงข่าวอาหารทะเลในเดือนตุลาคมของปีนี้ ถึงเวลานั้นนายจะทำให้อุตสาหกรรมอาหรทะเลของแคนาดาต้องสั่นไหว”
……………………………………….
บทที่ 203 เงินจะเข้าบัญชีแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
เอี๋ยนตงเหล่ยและคนอื่นๆ ต่างมีภูมิฐานที่ดี ปกติเวลากินอาหารก็จะเรื่องมากไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นอาหารรสเลิศอะไร ก็ไม่สามารถดึงดูดให้พวกเขากินอย่างตะกละตะกลามเฉกเช่นคนทั่วไปได้
แต่อาหารมื้อนี้ของฉินสือโอวเป็นข้อยกเว้น แฮมเล็ตและสี่คนนั้นกินอย่างตะกละตะกลาม น้ำลายรวมเข้ากับอาหาร มีดและซ้อมกลืนไปกับเนื้อปลา ทำให้อีวิลสันก็รู้สึกได้ถึงความเร่งรีบ
อาหารแต่ละจานไม่นานก็เกลี้ยง กินหมดเกือบทุกอย่างเลยล่ะ โดยเฉพาะปลาลิ้นหมา ตอนท้ายบิลลี่ไม่สนใจสายตาคนอื่นอีกต่อไปแล้ว ใช้ส้อมและมีดจัดการกับกระดูกปลาอีกหนึ่งรอบ
ฉินสือโอวจำเป็นต้องนำอาหารมาเสิร์ฟเพิ่มอีกครั้ง เขาทำซุปมะเขือเทศต้มเนื้อสันใน ผัดฟักแม้ว สเต๊กปลาทอดมาเพิ่ม อย่างนี้จึงเพียงพอต่อพวกเขา
เมื่ออิ่มท้องแล้ว เอี๋ยนตงเหล่ยเอนกายไปกับเก้าอี้อย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ของตน หู่จือและเป้าจือยันเก้าอี้ของวินนี่และเงยหน้ามอง จากนั้นส่งเสียงร้องอย่างผิดหวังสองที จานบนโต๊ะว่างเปล่า ไม่เหลืออะไรให้พวกมันดีเลย
วินนี้ยิ้มและตบหัวของพวกมันเบาๆ เธอลุกขึ้นเก็บโต๊ะอาหาร เด็กทั้งสี่ของพาวลิสไม่ยอมล้าหลังจึงลุกไปช่วย
เมื่อไปถึงห้องครัว วินนี่เอาเนื้อลาที่ละลายน้ำแข็งแล้วออกมา หลังจากหั่นด้วยมีดแล้วก็เอาไปต้มในหม้อความดัน จากนั้นแบ่งให้ฉงต้า หู่จือและเป้าจือ แล้วเอาผลเบอร์รีให้ต้าป๋าย เสี่ยวหมิงและครอบครัวของกระรอกดิน
นิมิตส์บินเข้ามาทางหน้าต่าง และส่งเสียงร้อง ‘ก้าก ก้าก’
วินนี่ลูบปีกของมันแล้วพูดว่า “โอเค โอเค ไม่ได้ลืมแกน่ะ ดูนี่สิ นี่คือปลาแฮร์ริ่งที่เพิ่งได้มาเมื่อกี้ ของโปรดของแกเลย ใช่ไหม?”
จากนั้นหั่นปลาแฮร์ริ่งเป็นสองท่อน แล้วเอาให้นิมิตส์ นกฟรีเกตโบกปีกอย่างมีความสุข ยื่นคอแล้วกลืนปลาลงคอไป
หมีสีน้ำตาลเองก็ชอบกินปลา ฉงต้ากำลังกินของในชามและคิดถึงของที่อยู่ในหม้อ เมื่อเห็นนิมิตส์กินปลา มันกอดชามข้าวไว้ ยืดคอและส่งเสียงร้อง ‘อู้ว อู้ว’
วินนี่หยิกหูกลมๆ ของเขา ฉีกปลาปลาแฮร์ริ่งตัวหนึ่งที่มีความยาวกว่าสามสิบเซนติเมตรลงในชามข้ามของมัน และพูดอย่างจนปัญญาว่า “มีส่วนของแกน่ะ มีส่วนของแกทุกอย่าง แกกินเต็มที่เลย กินให้อ้วนไปเลย พ่อแกต้องบังคับให้แกลดน้ำหนักแน่นอน”
ฉงต้าสนใจปลาที่ถูกปรับเปลี่ยนโดยพลังพิเศษแห่งโพไซดอนอย่างยิ่ง มันเคี้ยวเสียงดัง หมุนลูกตาไปมา จับจ้องไปที่มือของวินนี่ วินนี่เอาของกินอะไรออกมามันก็จะกินของสิ่งนั้น สำหรับการลดน้ำหนักเหรอ? ฮ่าๆ ใครสนใจกันล่ะ?
เอี๋ยนตงเหล่ยเห็นว่าฉินสือโอวมีแขก รู้ว่าตนไม่ควรอยู่นานกว่านี้ เขาจึงนัดเวลากับฉินสือโอวและจากไปพร้อมแฮมเล็ต ฉินสือโอวส่งบิลลี่กลับโรงแรม เบลคและอลันรอเขาอยู่ที่บ้านพัก
แม้ทั้งฝั่งของบิลลี่และฝั่งของเบลคกับอลันจะไม่เคยกล่าวถึงเรื่องเงิน แต่ต่างฝ่ายก็ต่างรู้ดี รู้จุดประสงค์ที่อีกฝ่ายมาหาฉินสือโอว
เมื่อฉินสือโอวกลับมา เบลคปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ก่อนหน้า และถามด้วยความกระตือรือร้นว่า “พรรคพวก เงินหนึ่งร้อยตัน?”
“ฉันไม่แน่ใจ เพียงแต่รู้ตำแหน่งที่อาจได้มันมาเท่านั้น”ฉินสือโอวไม่สามารถพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีได้ เขายังคงไม่สามารถให้อภัยเจ้านี่ได้เรื่องที่บังอาจนำความลับของตนไปบอกอลัน
เบลคและอลันล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการควบคุมองค์กรขนาดใหญ่ จะไม่เข้าใจสิ่งที่ฉินสือโอวต้องการสื่อได้อย่างไร?
ดังนั้น เบลคอธิบายว่า “ฉิน นายเชื่อใจพวกเราเถอะ พวกเราสามารถช่วยนายจัดการกับเงินหนึ่งร้อยตันได้ แต่ฉันคนเดียวไม่ไหว ฉันมีวิธีสกัดเงิน แต่ไม่สามารถจำหน่ายออกไปได้ แต่อลันสามารถทำได้”
อลันยิ้มและพูดว่า “ธนาคารของเรามีคุณสมบัติในการสำรองเงิน เพียงแค่สกัดพวกมันออกมาได้ และหาเพื่อนมาประเมินค่า ก็จะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นตัวเลขกลุ่มหนึ่งในธนาคารมอนทรีออลให้นายได้โดยตรง”
ในเมื่อพูดกันตรงไปตรงมาอย่างนี้ ฉินสือโอวก็ไม่อยากเป็นคนใจแคบอีกต่อไป เขาสารภาพว่า “พวกนายก็รู้สถานะของบิลลี่ เขาเองก็สามารถช่วยฉันจัดการกับเงินเหล่านี้ได้ อีกอย่าง เขาไม่ต้องการให้ฉันออกค่าใช้จ่ายอะไรเลย”
เบลครีบพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นเขาต้องหวังอะไรกับนายแล้วล่ะ แต่นายก็ไม่อยากทำให้เขาสมหวัง”
เป็นคนฉลาดกันทั้งนั้น ทุกอย่างจึงพูดกันง่าย ฉินสือโอวดีดนิ้วแล้วพูดว่า “พวกนายว่ามาเลย เงินหนึ่งร้อยตัน ท้ายที่สุดแล้วฉันจะได้เงินเท่าไร?”
อลันมองไปที่เบลค เบลคส่งสายตาให้อลันเป็นคนพูด จึงอธิบายว่า “มันก็ขึ้นอยู่กับผลสกัดเงินท้ายสุด ตามที่นายบอก เงินล็อตนี้ได้มาจากมหาสมุทรเหรอ? ในอดีตเทคโนโลยีการสกัดเงินไม่ได้เรื่อง ดังนั้นจึงไม่บริสุทธิ์พอ โดยทั่วไป ก่อนหักภาษีนายจะได้รับร้อยละ 90 – 92 ของมูลค่ารวมของล็อตนี้”
ฉินสือโอวรู้ดี ขั้นตอนการสกัดเงินนั้นยุ่งยากมาก นี่ไม่เหมือนงานศิลปะที่เป็นวัตถุโบราณ เพียงแค่บอกว่าเป็นของประจำตระกูลก็สิ้นเรื่อง
หากบ้านไหนมีเงินมากมายเช่นนี้ ในแคนาดา ถือว่าเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเลยล่ะ และหากบอกรัฐบาลว่าเงินล็อตนี้ได้มาจากมหาสมุทร ก็จะค่อนข้างยุ่งยาก รัฐบาลจะตรวจสอบที่ตั้งของซากเรืออับปาง จากนั้นพิจารณาความเป็นเจ้าของเงิน ในเวลานั้นฉินสือโอวอาจไม่ได้อะไรเลย
นี่ไม่ได้พูดเกินความจริงเลยสักนิด รัฐบาลในยุโรปและอเมริกาเน้นเรื่องหลังการ เพียงแต่พิสูจน์แล้วว่าสมบัติใต้ทะเลลึกไม่ได้มาจากทะเลหลวง ส่วนมากจะถูกยึดทั้งหมด โดยไม่สนใจเกี่ยวกับกำลังคนกำลังทรัพย์และสติปัญญาและกำลังที่เสียไป ความขัดแย้งระหว่างบริษัทโอดิสซีย์และเนเธอร์แลนด์ก็เป็นบทเรียนหนึ่ง
เบลคและอลัน หากให้พวกเขาจัดการก็จะต้องเพิ่งบารมีของตระกูล จากนั้นเก็บค่าธรรมเนียม และข้ามขั้นตอนการพิสูจน์หลักฐานของรัฐบาลไป แล้วให้ฉินสือโอวทำการจ่ายภาษีย้อนหลังก็เป็นอันเสร็จสิ้น
สำหรับแหล่งที่มาของเงินล็อตนี้? ถ้าฉินสือโอวบอกว่าได้มาจากที่ไหนก็อิงตามนั้น
นี่ก็คือพลังของเงินและพลังของตระกูลในประเทศทุนนิยม!
ทั้งสองฝ่ายตกลงกันอย่างรวดเร็ว เบลคสามารถติดต่อเครื่องบินลำพิเศษในวันพรุ่งนี้ให้มาขนเงินล็อตนี้ ส่วนอลันก็กลับไปตระเตรียมขั้นตอนและเอกสารที่จำเป็นในการรับซื้อเงินล็อตนี้ของธนาคาร
“มีความสุขที่ได้ร่วมมือกัน ฉิน ยินดีต้อนรับนายเข้าสู่สโมสรมหาเศรษฐีร้อยล้านอย่างเป็นทางการ”อลันและเบลคต่างจับมือกับฉินสือโอว
เบลครีบพูดอย่างอิจฉาว่า “ฉันไม่รู้เลยว่าทำไมนายจึงโชคดีเช่นนี้ นายเพิ่งได้รับงานศิลปะที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูล จากนั้นก็พบซากเรืออับปางที่สุดยอดเช่นนี้ ฉันพูดได้แค่ว่า นายเป็นลูกรักของพระเจ้า ฉิน!”
ฉินสือโอวหัวใจเต้นแรง ตนไม่สามารถเปิดเผยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนของตนได้ แต่ความผิดแปลกของเขาจะกลายเป็นที่สนใจของคนอื่นได้ง่าย และจิตสำนึกแห่งโพไซดอนนี้จะทำให้เขาพบซากเรืออับปางอย่างไม่หยุดหย่อน
ดังนั้น ถึงเวลาที่เขาต้องหาวิธีป้องกันความเสี่ยงให้กับตัวเองแล้วล่ะ
เช้าตรู่ของวันถัดไป ฉินสือโอวนำตู้นิรภัยขนาดใหญ่ได้เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ไปที่แนวปะการัง ทีมงานหมึกกล้วยออกปฏิบัติการ ขนเงินมาใส่ในตะกร้า อีวิลสันเองก็ไม่เกี่ยงงานหนัก เก็บเงินเข้าไปในตู้นิรภัย
วุ่นวายกันครึ่งวันเต็ม ฉินสือโอวและอีวิลสันเกือบจะเป็นอัมพาต ต้องเข้าใจด้วยว่าความแข็งแกร่งและความอดทนของคนสองคนนี้เกินกว่ามนุษย์ทั่วไป แต่สำหรับเงินหนึ่งร้อยตันแล้วถือเป็นงานหนักจริงๆ
ตอนเที่ยง เครื่องบินเฉพาะของบริษัทจัดประมูลริชชี่ที่บินมาจากโทรอนโตลงจอดที่สนามบินเซนต์จอห์น ฉินสือโอวให้บิ๊กฟุตเรเยสจ้างรถเมอร์เซเดส-เบนซ์หนึ่งขบวนเพื่อส่งเงินจำนวนหนึ่งร้อยตันไปยังสนามบิน
ตั้งแต่ต้นจนจบ เรคและคนอื่นๆ ไม่มีใครรู้ว่าในตู้นิรภัยเหล่านี้มีอะไร หากให้พวกเขารู้ ว่านี่คือเงินหนึ่งร้อยตัน คาดว่าต้องมีการโจรกรรมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อยืนยันแล้วว่าเป็นเงินจริง อลันที่กลับไปที่ธนาคารแล้วได้ลงนามใบคำสั่งและจ่ายเงินค่ามัดจำก้อนหนึ่งให้กับฉินสือโอว ซึ่งเป็นเงิน 20 ล้านดอลลาร์แคนาดา!
……………………………………….
บทที่ 204 สิ่งนี้ต่างหากที่ฉันต้องการ
โดย
Ink Stone_Fantasy
หากไม่มีเงินมัดจำก้อนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ฉินสือโอวจะให้เบลคและอลันเป็นคนจัดการกับเงินเหล่านี้ เงินจำนวนหนึ่งร้อยตัน เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองทรยศต่อมิตรภาพระหว่างพวกเขากับฉินสือโอว จากนั้นก็แตกคอกัน
หลังรับประทานอาหารกลางวัน ฉินสือโอวได้ไปพบบิลลี่ บิลลี่พูดล้อเล่นอะไรนิดหน่อย แล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่า เงินของนายไม่ต้องให้ฉันเป็นคนจัดการแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวหัวเราะ ทายาทเศรษฐีเหล่านี้ฉลาดกว่าตัวเองมาก แม้บิลลี่มักจะทำตัวเรื่อยเฉื่อย วินนี่เองก็บอกว่าเขาเป็นเพลย์บอย แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้โง่
“มันไม่มีผลกระทบต่อการร่วมมือของเรา” ฉินสือโอวกล่าว “บันทึกของกัปตันเรือดังเคิลออสเตียสให้พวกนายเป็นของขวัญได้ ไม่ใช่ปัญหาอะไร”
บิลลี่ทำหน้าดีใจและถามว่า “เงื่อนไขล่ะ?”
ฉินสือโอวพูดว่า “มีสองข้อ ข้อหนึ่ง ผลประโยชน์ที่พวกนายได้รับหลังจากการเจรจากับรัฐบาลสเปน ฉันขอ 15% ข้อสอง ฉันต้องการถือหุ้นบริษัทโอดิสซีย์ มารีน เอกซ์พลอเรชั่นอย่างน้อย 10% เรื่องราคาหุ้นนั้นพวกนายเสนอมาเถอะ”
เมื่อได้ยินเงื่อนไขสองข้อนี้ บิลลี่ทั้งตกใจและสงสัย เขาส่ายหน้าอย่างแรงและพูดว่า “ไม่ๆๆ ฉิน ฉันยอมรับว่านายเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่เงื่อนไขสองข้อนี้ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้หรอก อีกอย่างที่ฉันสงสัยคือ ทำไมนายจึงต้องการซื้อหุ้นบริษัทของเราล่ะ? ฉันคิดว่า นายไม่ได้ขาดแคลนด้านการเงินนะ”
ฉินสือโอวหัวเราะ “นายต้องเข้าใจก่อน บิลลี่ พรรคพวกของฉัน ในโลกนี้ไม่มีใครไม่ขาดแคลนด้านเงิน บิล เกตส์และบัฟเฟตต์ต่างก็ขาดแคลนเงินเช่นกัน หากพวกนายไม่ยอมรับเงื่อนไขสองข้อนี้ มันน่าเสียดายมากจริงๆ ”
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ฉินสือโอวก็เคยสงสัย โอดิสซีย์อยากได้บันทึกเล่มนี้ไปทำไมกัน? เพื่อฟ้องรัฐบาลเนเธอร์แลนด์เหรอ? ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่บันทึกเล่มนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานชั้นต้นหรือเปล่า หากฟ้องร้องขึ้นมาจริงๆ รัฐบาลสเปนเพียงปฏิเสธเรื่องนี้ก็สิ้นเรื่อง พวกเขาจะยอมจ่ายเงินให้รัฐบาลสหรัฐ 4 ล้านตันจริงเหรอ?
หลังจากที่เขาบอกเรื่องนี้กับเออร์บัก ชายชราบอกเขาว่า โอดิสซีย์ไม่ฟ้องสเปนจริงหรอก พวกเขาจะเก็บหลักฐานนี้ไว้เพื่อไปเจรจากับรัฐบาลสเปน
เนื่องจากสมบัติส่วนหนึ่งของเรือรบเมอซี่ที่พวกเขากู้ขึ้นมาได้ ยังคงเก็บไว้ในตู้นิรภัยของโอดิสซีย์ ซึ่งยังไม่ได้ถูกรัฐบาลสเปนยึดไป
ไม่ได้เป็นเพราะว่ารัฐบาลสเปนไม่ต้องการเอามันไป แต่เป็นเพราะว่าสมบัติที่เหลือไม่เกี่ยวข้องกับเหรียญทองและเหรียญเงินในเรือ เหรียญทองและเหรียญเงินเหล่านั้นเป็นเปโซที่เป็นสกุลเงินสเปนในตอนนั้น ซึ่งถือเป็นของของรัฐบาลเก่าสเปน
สมบัติที่เหลือนั้น โดยมากเป็นงานศิลปะทอง เงิน ทองแดง ดีบุก และเหล็ก เป็นสิ่งที่กองทัพเรือสเปนปล้นมาจากชนพื้นเมืองในขณะนั้น ตาม ‘กฎหมายระหว่างประเทศ’ ในปัจจุบัน ของเหล่านี้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย หากรัฐบาลสเปนต้องการได้คืน มันจะไม่ง่ายเหมือนเหรียญทองและเหรียญเงิน จำต้องดำเนินคดีต่อไปอีกนาน
และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะหรือแพ้คดีนี้ โอดิสซีย์และรัฐบาลสเปนอยู่ในสองฝั่งของคันชั่ง บันทึกนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงความสมดุลของคันชั่งได้
ต้องเข้าใจว่า คดีนี้ถูกดำเนินในชั้นศาลฎีกาของสหรัฐอเมริกา หากให้ชาวอเมริกันรู้ว่าช่วงก่อตั้งประเทศพวกเขาถูกชาวสเปนปล้นเงินไปจำนวนสี่ร้อยตัน รัฐบาลสเปนจะชนะคดีนี้ได้อีก ถือว่าเทพจริงๆ!
บิลลี่พยายามทุกวิถีทางในการพูดโน้มน้าวฉินสือโอว แต่มันก็สูญเปล่า หากฉินสือโอวไม่รู้เรื่องเลยก็ว่าไปอย่าง ถือโอกาสแสดงน้ำใจก็เพียงพอ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความสำคัญของบันทึกนี้แล้ว จะให้ชาวอเมริกันเอาไปอย่างง่ายดายเหรอ? ฝันไปเถอะ!
ทั้งสองเจรจากันจนถึงช่วงโพล้เพล้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ท้ายที่สุดบิลลี่ก็ทนไม่ไหว เริ่มโทรศัพท์หาใครสักคน และพูดว่า “เรื่องผลประโยชน์ 15% นั้น เป็นไปไม่ได้หรอก พูดกันตามตรง พรรคพวก เครื่องเงินและเครื่องทองที่เหลือมีมูลค่าหนึ่งร้อยล้านเหรียญสหรัฐ เราไม่มีทางให้เงิน 15 ล้านกับนายเปล่าๆ เงิน 15 ล้านเชียวล่ะ!”
“ถ้าอย่างนั้นแปลว่าพวกนายเตรียมตัวทำสงครามยาวกับรัฐบาลสเปนใช่ไหม”ฉินสือโอวยิ้มและพูดว่า “ไว้พบกันใหม่ บิลลี่ หวังว่าจะมีโอกาสร่วมงานกันในอนาคต อีกอย่าง หากพวกนายต้องการทนายความที่เก่ง ฉันขอแนะนำคุณเออร์บัก”
บิลลี่รีบพูดขึ้นว่า “อย่ารีบร้อยสิ ฉิน ฉันยังไม่ได้พูดว่าเราร่วมมือกันไม่ได้ ผลประโยชน์ 15% สูงเกินไป อย่างมากสุดก็ได้แค่ 10% ส่วนเรื่องที่นายต้องการเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของโอดิสซีย์ มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ เพราะเราเป็นธุรกิจครอบครัว ไม่สามารถให้คนนอกเข้ามาแทรกแซงได้”
“ถ้าอย่างนั้นขอ 15% ฉันไม่เข้าไปเป็นคณะกรรมการของพวกนายก็ได้ นี่คือขีดจำกัดของฉัน หากนายต้องการเจรจาต่อ ฉันขอให้นายเลิกคิดเถอะ ปัญหาอธิปไตยไม่สามารถเจรจากันได้!”ในตอนท้ายฉินสือโอวได้ใช้คำพูดคำหนึ่งของเติ้ง เสี่ยวผิง
บิลลี่จะร้องไห้แล้ว นี่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องอำนาจอธิปไตยยังไง? เขาเตรียมจะโทรหาใครสักคนอีกครั้ง ฉินสือโอวส่งเอกสารฉบับหนึ่งให้เขา และพูดว่า “ดูให้แน่ชัด สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ดีกับพวกนายเท่าไร หากไม่มีบันทึกกัปตันเล่มนี้ ฉันคิดโอกาสที่พวกนายจะรักษาร้อยล้านดอลลาร์นี้ได้มีเพียง 20% เท่านั้น”
เอกสารฉบับนี้ เป็นสรุปที่เออร์บักใช้เวลารวบรวมหนึ่งวันเต็ม เขาใช้ความสัมพันธ์ระหว่างศาลฟลอริดาและศาลฎีกา ได้รับข้อมูลที่มีค่ามาบางส่วน
อีกอย่าง บิลลี่ไม่ได้บอกความจริงกับเขา หลังจากที่โอดิสซีย์กู้สมบัติที่อยู่ในซากเรือรบเมอซี่ขึ้นมานั้น ตีเป็นมูลค่าได้ 490 ล้าน ทองคำและเงินเปโซที่รัฐบาลสเปนขอคืนมีมูลค่าเพียง 350 ล้าน ซึ่งหมายความว่า ของที่อยู่ในมือของพวกเขายังมีมูลค่าอย่างน้อย 140 ล้าน
บิลลี่ได้โทรออกอีกหลายสาย ฉินสือโอวเองก็กำลังโทรหาเออร์บักให้ร่างสัญญา เขามั่นใจว่าบิลลี่จะต้องยอมรับเงื่อนไขของเขาอย่างแน่นอน เนื่องจากการกู้เรือรบเมอซี่นั้นใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง ทำให้บัญชีของโอดิสซีย์เกิดการขาดดุล พวกเขาต้องรับรองเครื่องทองและเครื่องเงินที่เหลือ และบันทึกกัปตันเล่มนี้ก็เป็นหลักประกันที่ดีที่สุด
สุดท้าย บิลลี่วางโทรศัพท์ลง พูดอย่างจนปัญญาว่า “ผลสรุปจากคณะกรรมการบอกว่า หากบันทึกเล่มนี้เพียงพอที่จะเป็นหลักฐาน เราสามารถแบ่งโบนัสให้นาย 14% นี่เป็นขีดจำกัดของเรา… ให้ตายเถอะ 14%! ฉิน 14% ฟัค โบนัสที่ฉันได้ไม่เคยเกินกว่า 2%!”
“หากฉันจะบอกว่า ฉันจะนำโบนัส 2% จาก 14% ให้นาย นายคิดยังไง?”ฉินสือโอวหัวเราะ
ดวงตาแดงก่ำของบิลลี่หายแดงในทันที เขามองฉินสือโอวด้วยความงุนงงพักหนึ่ง จึงหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “นายกำลังล้อเล่นกับฉัน ฉิน ฮ่าๆ เรื่องล้อเล่นนี้ ไม่ตลกสักเท่าไร”
ฉินสือโอวพูดว่า “ฮ่าๆ เรื่องล้อเล่นจริงๆ แต่ฉันเองก็จะแบ่งเงินส่วนหนึ่งให้นายน่ะ อาจจะเป็น 1% แต่ก็ไม่น้อยแล้วนะ เงินล้านเชียวล่ะ ใช่ไหมล่ะ?”
“ทำไมล่ะ?” บิลลี่รู้สึกได้ถึงความจริงจังของฉินสือโอว เพราะเขาได้ให้กับเออร์บักเขียนข้อนี้ในสัญญาร่างในโทรศัพท์แล้ว
ฉินสือโอวไม่ได้ตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่พูดว่า “บิลลี่ นายอยากรู้หรือไม่ ว่าฉันหาเรือดังเคิลออสเตียสเจออย่างไร?”
บิลลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “พูดตามตรง ฉันอยากรู้มาก เพราะเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ ฉันชื่อว่า รัฐบาลสเปนเองก็ไม่สามารถรู้พิกัดของมันได้ เพราะความลับนี้น่ากลัวเกินไป ควรปล่อยให้มันถูกฝังใต้มหาสมุทรตราบนานเท่านาน”
เมื่อเห็นว่ายังพอมีแสงสว่างหลงเหลืออยู่บ้าง ฉินสือโอวพาบิลลี่ขึ้นเทพเจ้าสายฟ้ามืดและมุ่งตรงไปยังมหาสมุทร เมื่อเผชิญกับแสงอาทิตย์สนธยา เขาลุกขึ้นยืนบนเจ็ตสกี และเริ่มผิวปากอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ใบหน้าของบิลลี่เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่นาน ก็เริ่มมีระลอกคลื่น ธนูน้ำคันหนึ่งพุ่งทะลุออกมาจากผิวน้ำ กระทั่งฉินสือโอวเปียกไปทั้งตัว
จากนั้น เขาตกใจเมื่อเห็นวาฬเบลูกาตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากน้ำ ครีบทั้งสองของมันตบกับผิวน้ำ ร่างของมันตั้งตรงอยู่ในน้ำ มันอ้าปากและส่งเสียงร้องมาทางฉินสือโอว “อู้ว อู้ว!”
……………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น