อัจฉริยะสมองเพชร 2002-2003

 ตอนที่ 2002 ฆ่าเต่า…

“หัวใจของศิลปะเพลงดาบปีศาจอยู่ที่การหลบซ่อนอย่างลับๆล่อๆ มันคือศิลปะเพลงดาบที่มีเจตนาเพื่อการลอบสังหาร ผู้เชี่ยวชาญมากมายมองมันอย่างดูถูกเหยียดหยาม เห็นศิลปะเพลงดาบนี้เป็นการเล่นตุกติกใต้เข็มขัด แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธพละกำลังของมันได้” ชายชราผู้นั้นพูดอย่างสุขุม “ผมว่าหลานสาวของคุณน่าจะแพ้แล้วล่ะ”


“มันเกินความสามารถของไป๋เหรินชิงในตอนนี้จริงๆที่จะเอาชนะกระบวนท่านี้ได้…” ผู้อาวุโสไป๋เย่ถอนหายใจเฮือกใหญ่


การที่ไป๋เหรินชิงเลือกจะล่าถอยตั้งแต่แรกก็หมายความว่าเธอมองเห็นการโจมตีของหูเฉินแล้ว แต่ สิ่งที่น่าสะพรึงอย่างแท้จริงในย่างก้าวของเซียนดาบปีศาจก็คือการที่ไม่สามารถแกะรอยกระบวนท่าของมันได้เลย ดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีวิธีไหนที่ทำให้เธอเอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้


เพราะกว่าเธอจะจับทางของคู่ต่อสู้ได้ ก็คงถูกสังหารไปแล้ว!


พูดได้เลยว่าลำพังแค่กระบวนท่านี้ก็เกินพอที่จะทำให้หูเฉินกลายเป็นผู้ที่แทบไม่มีนักรบในระดับเดียวกันคนไหนเทียบชั้นกับเขาได้


อันที่จริง เหตุผลที่ผู้รั้ง 3 อันดับต้นเอาชนะเขาได้ในครั้งนั้น ก็เพราะคนเหล่านั้นว่องไวพอที่จะเปิดการโจมตีก่อน และเล่นงานเขาได้ตั้งแต่แรก


แต่ส่วนหลานสาวของเขา, ไป๋เหรินชิง เพิ่งเริ่มเรียนได้เพียง 2 กระบวนท่าเท่านั้น คือการฟาดฟันในแนวราบและการโยนดาบ ไม่มีกระบวนท่าไหนมีประโยชน์พอจะใช้การได้ในสถานการณ์แบบนี้


ขณะที่ทั้งสองหารือกันอยู่ ไป๋เหรินชิงก็ถอยไป 7 ก้าว ทั้งยังมองไม่เห็นหูเฉิน แต่ก็ไม่ใส่ใจ เธอกัดฟันแล้วตัดสินใจโยนดาบไปทางซ้ายโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง


ฟิ้วววว!


ดาบนั้นพุ่งออกไปราวกับดาวตก


ผู้อาวุโสไป๋เย่พูดไม่ออก


เขารู้ดีว่าโอกาสที่หลานสาวของเขาจะเอาชนะได้มีน้อยเต็มที แต่การโยนดาบของตัวเองออกไปต่อหน้าต่อตาทุกคนแบบนั้น…ต่อให้เธอยอมแพ้และถอดใจต่อโชคชะตาแล้ว มันก็ดูออกจะเหลวไหลเกินไป!


ผู้อาวุโสไป๋เย่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากำลังจะยกมือขึ้นปิดตา ก็พอดีกับที่บรรยากาศในสังเวียนประลองเปลี่ยนแปลงไปอย่างปุบปับ ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเพราะพละกำลังของดาบที่ถูกโยนออกไป


“ตายซะ!” หูเฉินตวาดก้องขณะพุ่งเข้าใส่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขาออกไปสักก้าว ดาบนั้นก็ตรงเข้าแทงทะลุศีรษะของเขา


“เวรแล้ว…”


เขาทำได้แค่ก่นด่าสาปแช่งออกมาก่อนที่ร่างจะแหลกสลายและหายวับไป


ฝูงชนที่อยู่โดยรอบต่างเงียบกริบ


มันคือการเอาชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้อีกครั้ง!


นี่คือหูเฉิน, ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้รั้งอันดับ 4 ของสำนักดาบเมฆเหิน ใครก็ตามที่รู้จักย่างก้าวของเซียนดาบปีศาจย่อมรู้ดีว่าเทคนิคนี้น่าสะพรึงขนาดไหน ถึงขนาดที่ผู้รั้ง 3 อันดับแรกก็ยังรับมือกับมันได้ยาก


แต่ไป๋เหรินชิงเอาชนะหูเฉินได้ในกระบวนท่าเดียว บ้าบอสิ้นดี!


“ฉันชนะจริงๆหรือ?” ไป๋เหรินชิงถึงกับสะพรึงกับวีรกรรมของตัวเอง


เธอเชื่อว่าตัวเองคงจบเห่แน่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเพียงเพราะเธอทำตามคำสั่งของอาจารย์ลุงอย่างเคร่งครัด


ดูเหมือนอาจารย์ลุงของเธอจะสามารถทำนายอนาคตและรู้กระบวนท่าต่อไปที่คู่ต่อสู้ของเธอจะสำแดงออกมา จึงสั่งการให้เธอเตรียมตัวล่วงหน้าได้


เมื่อเอาชนะการดวลถึง 2 นัดติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย ไป๋เหรินชิงมั่นอกมั่นใจกว่าที่เคย เธอหันไปพูดกับสาวน้อยคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน “ศิษย์พี่หลิว ตาคุณแล้ว!”


ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้แข็งแกร่งเป็นอันดับ 3, หลิวยู่เหลียน!


หลิวยู่เหลียนเป็นสาวน้อยหน้าตาหมดจด มีเสน่ห์ในแบบที่ใครๆชื่นชม ในแง่ของรูปร่างหน้าตา เธอไม่ได้เป็นรองไป๋เหรินชิงเลย


แต่ผู้ที่เคยสู้กับเธอก็รู้ดีเกินกว่าจะตัดสินความสามารถของเธอด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดูนุ่มนวลนั้น


ศิลปะเพลงดาบสำหรับการป้องกันตัวของหลิวยู่เหลียนจัดได้ว่ารัดกุมถึงขนาดที่แม้แต่หูเฉินที่สำแดงย่างก้าวเซียนดาบปีศาจแล้วก็ยังทำลายปราการการป้องกันตัวของเธอไม่ได้ สุดท้ายเขาก็ลงเอยด้วยการเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเอง ทำให้เธอเล่นงานเขาจนพ่ายแพ้ได้โดยไม่ลังเล


หลิวยู่เหลียนก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลองอย่างอาจหาญ


ไป๋เหรินชิงหัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมานานแล้วว่าศิลปะเพลงดาบดอกบัวของคุณไร้เทียมทานมาก ศิษย์พี่หลิว…ฉันอยากเห็นกับตา”


เมื่อชูช่อขึ้นเหนือน้ำ ดอกบัวที่แสนจะภาคภูมิใจย่อมปฏิเสธไม่ให้น้ำแม้แต่หยดเดียวแปดเปื้อนผิวของมันได้ นั่นคือแนวคิดที่อยู่ในศิลปะเพลงดาบดอกบัวของหลิวยู่เหลียน


“ศิษย์น้องไป๋ คุณก็อกเกรงใจเกินไป ถ้าคุณทำลายปราการการป้องกันตัวของฉันได้ล่ะก็ ฉันจะยอมแพ้และมอบเหรียญสำนักดาบทั้งหมดของฉันให้คุณเลย” หลิวยู่เหลียนตอบพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน


รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการท้าพนัน เธอจึงตัดสินใจพูดขึ้นเสียเอง


“ขอบคุณมาก ศิษย์พี่หลิว” ไป๋เหรินชิงพยักหน้า


โธ่…จากนี้ไป ชื่อเสียงของเธอคงป่นปี้ไม่มีเหลือแน่


เธอเริ่มต้นทุกอย่างด้วยเจตนาดี หวังแค่จะท้าทายบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดและไต่เต้าขึ้นไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม แต่ตอนนี้เธอดูไม่ต่างอะไรกับจอมโจรผู้ละโมบโลภมากที่ตั้งใจจะฉกฉวยเงินทองจากทุกคน


การรักษาชื่อเสียงให้ดีงามตลอดเวลานั้นยาก แต่ทำลายมันได้โดยใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น


“เริ่มกันเถอะ”


หลิวยู่เหลียนสะบัดข้อมือ ภาพติดตามากมายนับไม่ถ้วนของดาบปรากฏอยู่รอบตัวเธอ มันเบ่งบานขึ้นเหมือนดอกบัวที่โผล่พ้นจากโคลนตม


ศิลปะเพลงดาบดอกบัว!


มีแต่ผู้ที่เข้าถึงความสำเร็จโดยภาพรวมของศิลปะเพลงดาบแล้วเท่านั้นถึงจะทำให้ดอกบัวเบ่งบานอยู่โดยรอบได้


ไป๋เหรินชิงขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัวเมื่อเห็นอีกฝ่ายสำแดงศิลปะเพลงดาบต่อหน้า ด้วยปราการของการป้องกันตัวที่ไม่อาจทะลุทะลวงได้ เธอไม่รู้จริงๆว่าควรเริ่มต้นอย่างไร


กระแสดาบฉีของอีกฝ่ายเรียงซ้อนกัน เกิดเป็นปราการอันซับซ้อนที่แทบมองไม่เห็นว่าสิ้นสุดตรงไหน หากสำแดงกระบวนท่าออกไปโดยไม่พิจารณาให้ดี ก็จะถูกปราการนั้นเล่นงานได้อย่างง่ายดาย


“โยนดาบของคุณออกไป!”


ขณะที่ไป๋เหรินชิงกำลังจนปัญญา เสียงของอาจารย์ลุงจางก็แว่วเข้าหูอีกครั้ง


คราวนี้เธอโยนดาบออกไปทันทีโดยไม่ลังเล


ฟึ่บ!


ดอกบัวที่เรียงรายกันอยู่หายวับไปทันทีขณะที่พุ่งเข้าปักศีรษะของหลิวยู่เหลียน นัยน์ตาของเธอเบิกโพลงราวกับลูกปัดเม็ดใหญ่ขณะจ้องหน้าไป๋เหรินชิงอย่างไม่อยากเชื่อ


จากนั้นศพของเธอก็ร่วงลงไปกองกับพื้น


ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้แข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 พ่ายแพ้แล้ว!


ฝูงชนพากันเงียบกริบ ไม่มีใครพูดออกมาแม้แต่คำเดียว


“นั่นใช่หลานสาวของคุณจริงๆหรือเปล่า? คุณแน่ใจนะว่าไม่ใช่คนอื่นปลอมตัวมา?” ชายชราหันไปตั้งคำถามกับผู้อาวุโสไป๋เย่


เขาเองก็รู้ระดับพละกำลังของไป๋เหรินชิงดี ต่อให้เธอได้ร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบอันทรงพลัง 2 อย่างนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง ก็ไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขนาดเล่นงานหลิวยู่เหลียนได้แบบนั้น


นั่นหมายความว่าไป๋เหรินชิงมีประสิทธิภาพการต่อสู้เทียบเท่ากับศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด 3 อันดับแรกหรือ?


ขยับจากอันดับ 17 มาอยู่ใน 3 อันดับแรกได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง…เท่านั้นก็เกินพอที่จะทำให้ชื่อของเธอถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสำนักดาบเมฆเหินแล้ว!


“ผม-ผมก็คิดอย่างนั้น…” ผู้อาวุโสไป๋เย่ออกจะงงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น


เขาคาดว่าหลานสาวของเขาน่าจะได้รับการถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบจากผมน่ะถ่อมตัว แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะเชื่อว่าเพียงแค่ 2 กระบวนท่าก็เพียงพอจะทำให้เธอก้าวขึ้นสู่การเป็น 3 อันดับแรก!


หลังจากหลิวยู่เหลียนพ่ายแพ้ ศิษย์สายตรงผู้รั้งอันดับ 2 ก็ก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลอง


พละกำลังของเขาใกล้เคียงกับหลิวยู่เหลียนมาก ด้วยเหตุนี้ ภายใต้คำชี้แนะของจางเซวียน เขาก็ถูกแทงเข้าที่ศีรษะอย่างจังจากเทคนิคการโยนดาบ


“ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้รั้งอันดับ 1 คือเหอจิ้งชวน เขาเป็นหลานชายของผู้อาวุโสที่ 1 เหอเทียน!”


“ดูเหมือนเรากำลังจะได้เห็นการต่อสู้อันแสนเร้าใจของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้รั้งอันดับ 1”


“ถึงไป๋เหรินชิงจะก้าวขึ้นสู่การเป็นสุดยอดของบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดในหอนิรันดร์ แต่เธอก็ยังไม่ใช่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ดี อีกอย่าง ระดับวรยุทธของนักรบทุกคนถูกลดลงมาเป็นนักรบเสมือนอมตะระดับล่างเมื่ออยู่ที่นี่ ผมรู้มาว่าแท้ที่จริงเหอจิ้งชวนสำเร็จวรยุทธขั้นนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์แล้ว อีกก้าวเดียวก็จะได้เป็นนักรบอมตะขั้นสูง!”


“คุณน่ะมองอะไรตื้นๆเกินไปแล้วล่ะ ผมรู้มาว่าไป๋เหรินชิงก็สำเร็จวรยุทธขั้นอมตะตัวจริงแล้วเช่นกัน ขอแค่เธอเอาชนะศิลปะเพลงดาบของเหอจิ้งชวนได้ ด้วยสถานภาพของผู้อาวุโสไป๋เย่ เขาน่าจะสรรหาทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนเพื่อให้เธอสามารถเข้าถึงวรยุทธขั้นอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น…”


“ก็จริง การยกระดับวรยุทธนั้นง่ายกว่าการขัดเกลาศิลปะเพลงดาบมาก…”


…..


ฝูงชนพากันซุบซิบออกความเห็นอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นตัวแทนของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้มีพละกำลังสูงสุดเดินเข้าสู่สังเวียน


หากเหอจิ้งชวนพ่ายแพ้ ก็คงไม่เป็นการเกินเลยหากจะพูดว่าไป๋เหรินชิงได้ก้าวขึ้นสู่ความเป็นสุดยอดในบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดแล้ว


“ผมขอเดิมพันกับคุณแบบเดิม” เหอจิ้งชวนพูดอย่างสุขุม ไม่ได้สะทกสะท้านกับผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากมายก่อนหน้าเขา


“ขอบคุณที่คุณเข้าใจ ศิษย์พี่เหอ” ไป๋เหรินชิงพยักหน้า “เริ่มกันเถอะ!”


“ได้สิ”


เหอจิ้งชวนสูดหายใจลึกและก้าวออกไปก้าวหนึ่ง


การเคลื่อนไหวของเหอจิ้งชวนไม่ได้ว่องไวนัก และศิลปะเพลงดาบนั้นก็ไม่ได้มีสีสันอะไรมากมาย แต่ความน่าประทับใจก็คือศิลปะเพลงดาบของเขาดูเหมือนกับเต่าที่มีกระดองสีดำ ไม่ว่าใครสักคนจะพยายามเล่นงานเขาสักแค่ไหน ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแทงทะลุปราการการป้องกันตัวของเขาได้


“มันคือศิลปะเพลงดาบวิญญาณเต่า!”


ใครคนหนึ่งจดจำกระบวนท่านั้นได้


“ศูนย์กลางของศิลปะเพลงดาบวิญญาณเต่าคือการป้องกันตัว ดูเหมือนศิษย์พี่เหอจะกลัวการโยนดาบของเธอ…”


“ใช่สิ เรื่องนั้นมันช่วยไม่ได้ ดาบนั้นไม่เคยพลาดเลย ทันทีที่ถูกโยนออกไป ก็จะตรงเข้าแทงทะลุศีรษะของอีกฝ่ายทันที ใครบ้างจะไม่ระแวงเทคนิคแบบนั้น?”


“จริงด้วย…พูดก็พูดเถอะ ผมคงตายแน่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับมัน”


เกิดการหารืออย่างอื้ออึงเซ็งแซ่ในหมู่ฝูงชน


แม้ศิลปะเพลงดาบวิญญาณเต่าจะมีศูนย์กลางอยู่ที่การป้องกันตัว แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเหอจิ้งชวนอ่อนแอ ในทางกลับกัน ทุกคนรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ดีที่เขาเลือกใช้กระบวนท่านี้


เห็นศิลปะเพลงดาบของอีกฝ่ายมีลักษณะเหมือนกระดองเต่า ทำให้เธอไม่มีโอกาสปล่อยการโจมตี ไป๋เหรินชิงถึงกับตระหนก


เธอจะเอาชนะการป้องกันตัวแบบนี้ได้อย่างไร? ถ้าฝ่าปราการการป้องกันตัวของเหอจิ้งชวนไม่ได้ แล้วจะเอาชนะได้ด้วยวิธีไหน?


ขณะที่ไป๋เหรินชิงยังคงจับจ้องสถานการณ์ตรงหน้าอย่างกังวล เสียงของอาจารย์ลุงก็แว่วเข้าหู “คุณเคยฆ่าเต่าไหม?”


“ฆ่าเต่า…” ไป๋เหรินชิงพึมพำทวนคำนั้น


เธอไม่เคยฆ่าเต่ามาก่อน แต่ก็พอได้ยินเรื่องนั้นอยู่บ้าง


ตอนที่ 2003 น่าอับอายเหลือเกิน!

“คุณจะต้องล่อมันด้วยอาหาร ยั่วให้มันเปิดเผยตัวเองให้ได้ หาโอกาสเล่นงานมันด้วยการฟาดฟันเพียงครั้งเดียว!” เสียงของจางเซวียนดังต่อเนื่อง


“สถานการณ์ในตอนนี้ก็เป็นแบบเดียวกัน ถ้าคู่ต่อสู้อยากเอาชนะคุณให้ได้ สุดท้ายเขาก็จะต้องเคลื่อนไหว ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำก็คือใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้อีกฝ่ายเข้ามา การโจมตีของเขาจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการตอบโต้…ผมชี้ทางให้คุณแล้วนะ ส่วนคุณจะเอาชนะได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง”


“ได้ อาจารย์ลุง!” ไป๋เหรินชิงตอบอย่างสำนึกบุญคุณ


เธอรู้ดีว่านี่คือบททดสอบที่อาจารย์ลุงมอบให้


เขาชี้แนะวิธีการรับมือกับการต่อสู้ให้เธอแล้ว หากเธอยังไม่อาจเอาชนะได้ ต่อให้ได้รับการจับตาจากใครต่อใครในฐานะผู้ท้าทายศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอันดับ 1 แต่ก็คงจะสูญเสียความสนใจจากใครๆไปอย่างรวดเร็ว


ขอแค่เธอเอาชนะการดวลครั้งนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะเพลงดาบหรือสภาวะจิต ก็ล้วนแต่จะถูกยกระดับขึ้นสู่การพัฒนาครั้งใหม่ เธอจะกลายเป็นนักรบที่ไม่มีศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนไหนเทียบชั้นได้เลย!


สิ่งนี้เหมือนกับศิลปะเพลงดาบของชี้เหมิงชุยเฉว่ แม้จะมีพละกำลังไร้เทียมทาน แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นหมายเลขหนึ่ง แต่หลังจากที่เขาสังหารเย่กู่เฉิง สภาวะจิตของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อเวลาผ่านไป สุดท้ายเขาก็กลายเป็นเทพดาบในยุคสมัยของเขา ก้าวขึ้นสู่การเป็นบุคคลที่ไม่มีใครในโลกเอาชนะได้!


นั่นคือสถานการณ์แบบเดียวกันกับที่อยู่ตรงหน้าไป๋เหรินชิง


เธอเอาชนะในการดวลได้ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยคำชี้แนะของอาจารย์ลุง แต่นั่นมีแต่จะทำให้เธอต้องพึ่งพาเขาอยู่ร่ำไป ถ้าเหตุการณ์ดำเนินไปอย่างนี้เรื่อยๆ ความคิดที่จะเกิดขึ้นในใจของเธอก็คือเธอไม่อาจเอาชนะการต่อสู้ใดๆได้ด้วยความสามารถของตัวเอง ดังนั้น เธอจึงต้องคว้าชัยชนะด้วยตัวเองให้ได้โดยเร็วเพื่อจะได้เกิดความมั่นใจขึ้นมา พร้อมกับพัฒนาศิลปะเพลงดาบของตัวเองด้วย


รู้ดีว่าอาจารย์ลุงทำทั้งหมดนี้เพื่อประโยชน์ของเธอเอง ไป๋เหรินชิงพุ่งเข้าใส่เหอจิ้งชวนอย่างไม่ลังเล


“นั่น..เหรินชิงตั้งใจจะใช้ตัวเธอล่อเหอจิ้งชวนหรือ?” ผู้อาวุโสไป๋เย่หรี่ตา


เป็นที่รู้กันว่าตัวเขาในฐานะหนึ่งในสามผู้อาวุโสใหญ่ย่อมมองเห็นข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของเหอจิ้งชวนได้เช่นกัน เพียงแต่…ไม่คิดว่าหลานสาวของตัวเองจะเปิดการโจมตีอย่างมั่นอกมั่นใจขนาดนี้


ใครๆก็รู้ว่าการพุ่งเข้าใส่แบบนั้นไม่ต่างอะไรกับการเปิดเผยตัวเองให้กับคู่ต่อสู้ หากประมาทเพียงนิดเดียวก็อาจถึงแก่ความตายได้ทันที!


“ผมเคยคิดว่าเหตุผลที่หลานสาวของคุณเอาชนะในการดวลได้ครั้งแล้วครั้งเล่านั้นเป็นเพราะศิลปะเพลงดาบพิสดารพันลึกที่เธอร่ำเรียนมาจากใครสักคน ต่อให้เธอก้าวเข้าสู่ 3 อันดับแรกได้ แต่ก็คงรักษาตำแหน่งไว้ได้ไม่นาน เพราะเธอไม่ได้มีรากฐานของวรยุทธที่หนักแน่นเหมือนกับศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนอื่นๆ พวกเขาย่อมเอาชนะเธอได้ทันทีที่พบข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของเธอ…แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดเสียแล้ว!” ชายชราที่อยู่ข้างผู้อาวุโสไป๋เย่พูดพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ


ไป๋เหรินชิงท้าทายตั้งแต่ผู้รั้งอันดับ 16 มาจนถึงอันดับ 2 ซึ่งกระบวนท่าที่เธอใช้ก็มีแค่การฟาดฟันในแนวราบกับการโยนดาบเท่านั้น ไม่ได้มีทักษะอันทรงพลังใดๆเลย เธอใช้ประสิทธิภาพของศิลปะเพลงดาบของเธอล้วนๆในการผลักดันตัวเองให้มาไกลได้ขนาดนี้


ต่อให้เธอเข้าถึงอันดับ 1 ก็แล้วใครจะจดจำเธอได้?


หรือตัวเธอเองก็เถอะ จะจดจำตัวเองได้หรือเปล่า?


เพียงชั่วพริบตา ไป๋เหรินชิงก็เห็นจุดอ่อนในศิลปะเพลงดาบของอีกฝ่ายและตัดสินใจพุ่งเข้าใส่เพื่อเล่นงานเหอจิ้งชวนแม้จะต้องเสี่ยงตาย เพียงเท่านั้นก็เห็นได้ชัดแล้วว่าความเข้าใจในวิถีทางแห่งเพลงดาบของเธอได้เข้าสู่ระดับที่สูงกว่าเดิม เธอไม่ได้พึ่งพาแค่พละกำลังของศิลปะเพลงดาบเพียงอย่างเดียวแล้ว


ขณะที่ทั้งคู่ยังคงหารือกัน สถานการณ์บนสังเวียนประลองก็เปลี่ยนไป เหอจิ้งชวนมองเจตนาของไป๋เหรินชิงออก จึงถอนมาตรการป้องกันตัวและล่าถอยไปช้าๆ


เขายังไม่ยอมเปิดเผยจุดอ่อนใดที่จะทำให้ไป๋เหรินชิงฝ่าปราการการป้องกันตัวของเขาได้ เหอจิ้งชวนจะไม่ยอมเคลื่อนไหวใดๆโดยเด็ดขาดจนกว่าจะแน่ใจว่าจะได้ชัยชนะ


การต่อสู้แบบนี้ถือว่าไม่เลวเลย…จางเซวียนพยักหน้า


ดูเหมือนสัญชาตญาณของเหอจิ้งชวนจะเฉียบแหลมไม่น้อย ไม่น่าแปลกใจแล้วที่เขารั้งอันดับ 1 ในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด สภาวะจิตของเขาถือว่าแข็งแกร่งทีเดียว


เหอจิ้งชวนในเวลานี้เหมือนนายพรานผู้มีน้ำอดน้ำทนที่ซุ่มรออยู่ในพงหญ้าเพื่อหาโอกาสเหมาะๆในการเล่นงานเหยื่อ


ถ้าเป็นคนอื่น ก็คงจะใช้โอกาสนี้กระโจนเข้าสู่การต่อสู้และกดดันไป๋เหรินชิงแล้ว แต่นั่นมีแต่จะเป็นการเปิดโอกาสที่ไป๋เหรินชิงรอคอยเพื่อจะได้ตอบโต้กลับ


แต่หากเขายื้อการต่อสู้ให้นานออกไป ไป๋เหรินชิงก็ย่อมไม่มีทางเลือกนอกจากยื้อเวลาเช่นกัน ตอนนี้ทั้งคู่กำลังแข่งขันกันเรื่องความอดทน


ทั้งคู่มีการปะทะกันบ้าง 2-3 ครั้ง แต่ก็ล้วนเป็นการปะทะแบบผิวเผินที่ไม่เปิดช่องให้ใครเล่นงานใครได้ เมื่อเห็นว่าเหอจิ้งชวนไม่ยอมเคลื่อนไหวสักที ไป๋เหรินชิงเริ่มร้อนใจ


เธอไม่เคยมีน้ำอดน้ำทนตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว การต้องรอคอยบวกกับการปะทะแบบผิวเผินที่เกิดขึ้นทำให้เธอปวดประสาทมาก


ตอนนี้แหละ!


เหอจิ้งชวนดูออกว่าไป๋เหรินชิงใกล้หมดความอดทนเข้าไปทุกขณะ การเคลื่อนไหวของเธอบ่งบอกอารมณ์ของเธอได้เป็นอย่างดี เขารู้ว่านี่คือโอกาสที่จะได้จัดการทุกอย่างให้ราบคาบ


ท่ามกลางความเงียบงันอย่างน่าประหลาดของการต่อสู้ เหอจิ้งชวนพุ่งเข้าเล่นงานไป๋เหรินชิงอย่างปุบปับราวกับนักล่าที่กำลังตะครุบเหยื่อ ความสุขุมเยือกเย็นที่มีอยู่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตาที่ทำให้อีกฝ่ายไม่ทันระวังตัว ทันทีที่การล่าของจริงเริ่มต้น ความเร็วของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับที่ผู้ชมมองตามแทบไม่ทัน


เขามาแล้ว! ไป๋เหรินชิงกัดฟันกรอดขณะโยนดาบของเธอออกไป


จริงอยู่ว่าเธอหงุดหงิดและโมโหมากขึ้นทุกทีเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป แต่ก็ไม่หลงลืมคำสอนของอาจารย์ลุง ตลอดระยะเวลานั้น เธอจับตามองการเคลื่อนไหวของเหอจิ้งชวนอย่างใกล้ชิด


ฉึกกกก!


ดาบของเหอจิ้งชวนแทงเข้าที่หน้าอกของไป๋เหรินชิง แต่ในเวลาเดียวกัน ดาบของไป๋เหรินชิงก็แทงทะลุศีรษะของเขา


เหอจิ้งชวนตายสนิท


แต่ไป๋เหรินชิงก็พ่ายแพ้เช่นกัน


การดวลครั้งนี้จบลงด้วยการเสมอ


เธอยังอ่อนด้อยเกินไป…จางเซวียนส่ายหน้า


เขาชี้ทางให้เธอแล้ว จึงคิดว่าเธอน่าจะเอาชนะได้ ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายจะจบลงด้วยการเสมอกัน


น่าอับอายเหลือเกิน!


โชคดีที่เธอไม่ใช่ลูกศิษย์ของเขา ไม่อย่างนั้นคงจะต้องเทศนากันยาว


แต่พูดก็พูดเถอะ น่าเสียดายอยู่ไม่น้อย ไป๋เหรินชิงควรจะมีโอกาสได้เงินจากศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอันดับ 1 คนนี้ แต่เงินนั้นก็หลุดมือไปเพราะความอ่อนแอของเธอ


ตรงกันข้ามกับความหงุดหงิดของจางเซวียน ฝูงชนต่างเงียบกริบ ทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออก


เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อยากเชื่อว่าไป๋เหรินชิงจะเสมอกับเหอจิ้งชวนได้


ขณะที่เฝ้าดูทั้งสองร่างสลายตัวไป ชายชราหันไปพูดกับผู้อาวุโสไป๋เย่ “ยินดีด้วยนะ คุณมีหลานสาวที่เก่งกาจจริงๆ!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนเธอพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตอบอย่างยินดีปรีดา


แน่นอนว่าเขาภาคภูมิใจที่หลานสาวเสมอกันกับศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้รั้งอันดับ 1 ได้


“เธอเก่งกาจไร้เทียมทานจริงๆ แต่มันไม่เข้าท่าเลยที่เธอท้าพนันกับบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดเพื่อให้ได้เหรียญสำนักดาบของพวกเขา มันจะไม่เป็นผลดีกับคุณด้วยนะ!” ชายชราพูด


คงจะดีหากเป็นการดวลแบบธรรมดา แต่ดวลกันเพื่อเดิมพันเอาเงินนั้น…นั่นจะเป็นการบ่อนทำลายจิตวิญญาณและความมีน้ำใจนักกีฬาในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด


คุณเองก็เป็นถึง 1 ใน 3 ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักดาบเมฆเหิน แต่หลานสาวของคุณหิวเงินเสียจนเที่ยวท้าพนันกับใครต่อใครไปทั่ว ใครที่รู้เรื่องนี้คงคิดว่าคุณไม่อบรมสั่งสอนหลานสาวของตัวเอง!


“เอ่อ…แล้วผมจะสั่งสอนเธอทีหลัง!” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตอบ


“นายท่าน ผมเกรงว่าถึงตอนนั้นจะสายไป…” ไป๋เฟิงพูดอย่างกังวล


คำนั้นทำให้ผู้อาวุโสไป๋เย่ครุ่นคิดหนัก


ก็จริง เรื่องนี้ลือกระฉ่อนไปทั่วแล้ว และความสำเร็จของหลานสาวของเขาก็จะต้องด่างพร้อยเพราะเรื่องที่เธอท้าพนัน


“คุณพูดถูก ผมควรจัดการเสียตั้งแต่ตอนนี้” ผู้อาวุโสไป๋เย่พยักหน้าขณะก้าวออกไปก้าวหนึ่งและเปิดการเจรจากับฝูงชน “ทุกท่าน กรุณาฟังผมด้วย!”


เสียงของเขาดังสนั่นและชัดเจน ดึงดูดทุกสายตาให้หันมาจับจ้องทันที


“เดิมพันที่ไป๋เหรินชิงประกาศไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเหรียญสำนักดาบของพวกคุณนั้นเป็นแค่การล้อเล่น ความตั้งใจที่แท้จริงของเธอก็เพื่อผลักดันให้พวกคุณสู้สุดกำลัง เพื่อจะได้เป็นการรับประกันความชอบธรรมของการดวล ซึ่งในเมื่อเป็นแค่การล้อเล่น พวกคุณก็ไม่ต้องถือเป็นเรื่องจริงจังหรอกนะ!” ผู้อาวุโสไป๋เย่พูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ


“ไม่ต้องถือเป็นเรื่องจริงจัง?” ทันทีที่ผู้อาวุโสไป๋เย่พูดจบ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากฝูงชน บ่งบอกความไม่พอใจอย่างหนัก “คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะบอกพวกเขาว่าไม่ให้ถือเป็นเรื่องจริงจัง? คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน?”


ผู้อาวุโสไป๋เย่หันขวับพร้อมกับขมวดคิ้ว เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา


“อ๋อ…ผมเป็นแค่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่ผมเชื่อว่านั่นคือความคิดของไป๋เหรินชิงตอนที่เธอเสนอเดิมพันให้กับคู่ต่อสู้ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร?”


เห็นชายหนุ่มเผชิญหน้ากับเขาอย่างโกรธเกรี้ยว ความรู้สึกแรกของผู้อาวุโสไป๋เย่คืออยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจปกปิดตัวตนไว้และแก้ไขสถานการณ์ก่อน


ในฐานะผู้อาวุโส ย่อมดีที่สุดหากเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจธุระของบรรดาศิษย์สายตรง เพราะไม่อย่างนั้นก็อาจส่งผลกระทบในแง่ร้ายต่อเขา


“ผมคือ ‘ผมน่ะหล่อมาก’ เป็นเพื่อนสนิทของไป๋เหรินชิง คำพูดของผมบ่งบอกเจตนาของเธอแล้ว!” จางเซวียนตอบ “ในเมื่อมันคือเดิมพัน แล้วจะมีความหมายอะไรหากอีกฝ่ายไม่ชดใช้? เรื่องนี้ไม่ใช่เดิมพันอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นความไว้เนื้อเชื่อใจขั้นพื้นฐานระหว่างมนุษย์ด้วยกัน หากเราเริ่มต้นด้วยการผิดสัญญา ต่อไปใครจะถือเอาอะไรเป็นเรื่องจริงจังได้อีก? แต่ถ้าคุณไม่อยากชดใช้ล่ะก็ ได้เลย! มาดูกันว่าดาบของผมจะเห็นด้วยหรือไม่!”


จะให้เขายอมทิ้งเงินที่หามาด้วยความเหนื่อยยากแบบนั้นได้อย่างไร?


คุณล้อผมเล่นแล้วล่ะ!


ใครที่บอกให้ผมทิ้งเงินจำนวนนี้ล่ะก็ เตรียมตัวถูกซ้อมยับได้เลย!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)