อัจฉริยะสมองเพชร 2000-2001

 ตอนที่ 2000 เดิมพันในการต่อสู้

เมื่อไปถึง ก็รีบปลอมตัวจนคนนอกไม่อาจรู้ได้ว่าทั้งคู่เป็นใคร


ในตอนนี้ สังเวียนประลองย้ายพื้นที่จากห้องส่วนตัวมาเป็นสังเวียนสาธารณะแล้ว ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดจำนวนมากได้ข่าวเรื่องการประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของไป๋เหรินชิง จึงมาออกันอยู่รอบสังเวียนประลองมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มีอยู่หลายสิบคน ชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขาออกจะไม่คุ้นหู ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะแต่ละคนใช้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล จึงบอกไม่ได้ว่าใครเป็นใคร


บนสังเวียนประลอง ไป๋เหรินชิงกำลังปะทะกับศิษย์สายตรงฝ่ายในผู้รั้งอันดับ 5 ที่ชื่อโม่เชียงอวิ๋น


ก็ตามชื่อของเธอ โม่เชียงอวิ๋นเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดที่เป็นผู้หญิง แต่ไม่เหมือนกับไป๋เหรินชิง เธอมีร่างกายที่ใหญ่โตและสูงตระหง่านกว่าชายทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่พยายามปรับปรุงรูปร่างหน้าตาให้ดูเรียบร้อย ทำให้รูปลักษณ์ของเธอออกจะไม่น่าดูอยู่บ่อยครั้ง


ถ้าไม่ได้ยินชื่อของเธอ ก็อาจเข้าใจผิดว่าเธอเป็นชาย


เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่รูปลักษณ์ของเธอเท่านั้น แต่รวมถึงศิลปะเพลงดาบด้วย แทนที่จะใช้ศิลปะเพลงดาบอันสง่างามและละเอียดอ่อนตามแบบของนักดาบหญิงทั่วไป ศิลปะเพลงดาบของเธอกลับดุดันและแข็งทื่อราวกับขวาน


“เริ่มกันเถอะ”


ทันทีที่ทั้งคู่เข้าประจำตำแหน่ง โม่เชียงอวิ๋นก็ไม่ยอมเสียเวลาพูดจา เธอพุ่งเข้าใส่ไป๋เหรินชิงอย่างไม่ลังเลราวกับแทงค์น้ำอันใหญ่ขณะกวัดแกว่งดาบอย่างแรง


ดาบของเธอแตกต่างจากนักดาบทั่วไป มันใหญ่โตจนน่าสะพรึง มีความยาวราว 7 สือ เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องในทุกการเคลื่อนไหว ทำให้ผู้ชมไม่สงสัยเลยว่ามันจะต้องเล่นงานทุกสิ่งที่ขวางทาง


(1 สือ = 2.33 เมตร)


ไป๋เหรินชิงรู้ดีเกินกว่าจะปะทะกับโม่เชียงอวิ๋นตรงๆ เธอปัดป้องการโจมตีครั้งแรกของโม่เชียงอวิ๋นโดยใช้การฟาดฟันในแนวราบ ก่อนจะสะบัดดาบอย่างมั่นอกมั่นใจ


เธอฝากความหวังทั้งหมดไว้กับการโยนดาบ


มันคือหนึ่งในสองกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดที่เธอมี ไป๋เหรินชิงรู้ดีว่าศิลปะเพลงดาบอื่นๆของเธอย่อมใช้การไม่ได้กับศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด 5 อันดับแรก หากใช้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายจะเล่นงานจุดอ่อนในศิลปะเพลงดาบของเธอเพื่อทำให้เธอจนมุม ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้ไม้ตายตั้งแต่ต้น


“ฮ่า กระบวนท่านั้นน่ะใช้การกับฉันไม่ได้หรอก!” โม่เชียงอวิ๋นพูดขณะตวัดดาบขึ้นไปเป็นแนวดิ่ง


การโจมตีของไป๋เหรินชิงถูกปัดป้องออกไป


ไป๋เหรินชิงล่าถอยด้วยความประหลาดใจ


สมกับที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ 5 อันดับแรก แต่ละคนมีไม้ตายของตัวเอง เธอไม่อาจคาดหวังว่าจะเอาชนะพวกเขาได้เพียงแค่เรียนรู้เทคนิคขั้นพื้นฐานของอาจารย์ลุงจาง


แถมอีกฝ่ายก็ได้เฝ้าดูการดวลที่ผ่านมาของเธอแล้ว และรู้ดีว่าเธอมีความเชี่ยวชาญอยู่เพียงแค่ 2 กระบวนท่า จึงเป็นธรรมดาที่จะใช้มาตรการปัดป้องได้อย่างง่ายดาย


“ถ้าคุณกล้าพอล่ะก็ ทำไมไม่รออยู่ที่นี่สักครู่ ฉันจะรีบกลับมาสู้กับคุณทันที ขอเวลาครู่เดียว!”


เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเอาชนะโม่เชียงอวิ๋นได้ด้วยสองกระบวนท่าที่มี ไป๋เหรินชิงตัดสินใจใช้วิธีล่าถอย


“ตามสบาย ฉันพร้อมเสมอแหละ!” โม่เชียงอวิ๋นคำรามพร้อมกับหัวเราะออกมา


เธอรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และรู้ดีว่าไป๋เหรินชิงไม่ได้ล้อเล่น เธออยากรู้เหมือนกันว่าไป๋เหรินชิงจะทำอะไรได้ภายในเวลาเพียง 2-3 นาที


ไป๋เหรินชิงประสานมือให้โม่เชียงอวิ๋นก่อนจะสลายตัว ครู่ต่อมาก็กลับมาที่บ้านพักของจางเซวียน


“ศิษย์น้องเฉี่ยวเทียน ช่วยสอนฉันอีกสัก 2 กระบวนท่าเถอะ!” ไป๋เหรินชิงตะโกนขณะวิ่งออกจากห้องของเธอ แต่พริบตาต่อมา ก็เห็นร่างหนึ่งที่ทำให้หน้าถอดสีทันทีด้วยความอับอาย “อาจารย์ลุงจาง!”


ร่างนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจางเซวียน!


หลังจากยกระดับวรยุทธไปเป็นนักรบเสมือนอมตะสรวงสวรรค์ได้ ในที่สุดจางเซวียนก็ออกจากการปลีกวิเวก


“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” จางเซวียนตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมาอยู่ในบ้านของเขา? แถมยังเรียกร้องให้ตั้นเฉี่ยวเทียนถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบให้เธอด้วย?


“อาจารย์ลุงจาง ฉันกำลังใช้ศิลปะเพลงดาบของคุณท้าทายนักรบคนอื่นๆในหอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด…” ไป๋เหรินชิงซิ่งหน้าแดงก่ำ เธอรีบอธิบายรายละเอียดให้จางเซวียนฟัง


หลังจากได้รู้เรื่องราวทั้งหมด คำถามแรกที่จางเซวียนถามก็คือ


“คุณวางเดิมพันในการต่อสู้หรือเปล่า?”


“เอ่อ ฉันเปล่า…” ไป๋เหรินชิงประหลาดใจกับคำถามปุบปับนั้น แต่ก็รีบส่ายหน้า


ฉันกำลังใช้ศิลปะเพลงดาบที่คุณถ่ายทอดให้มาต่อสู้กับคนอื่นๆ…แต่คุณถามว่าฉันได้วางเดิมพันในการต่อสู้หรือเปล่า?


เธอไม่เข้าใจว่าจางเซวียนกำลังคิดอะไร


“ถ้าไม่มีเดิมพัน จะสู้ไปเพื่ออะไร?” จางเซวียนออกอาการเซ็งสุดขีดกับความโง่เง่าของไป๋เหรินชิง


เขาเคยคิดว่าจะหาโอกาสลอบเข้าสู่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดเพื่อเปิดการสังหารอีกสักชุด เพราะถึงอย่างไร เขาก็ไม่ไร้เดียงสาจนกระทั่งจะคิดว่าเหรียญสำนักดาบทั้งหมดที่เขาได้มาจะเพียงพอต่อการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูง


แต่ใครจะไปคิดว่าแม่สาวคนนี้จะทำเรื่องไร้สาระอย่างการต่อสู้โดยไม่ได้อะไรตอบแทน?


คุณทำการกุศลอยู่หรือไง? มีเวลาเหลือเฟือมากพอจะทำอะไรไร้สาระแบบนี้หรือ?


“….” เห็นอาการเซ็งเป็ดของจางเซวียน ไป๋เหรินชิงอับจนถ้อยคำ


ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอเคยคิดว่าผมน่ะถ่อมตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญผู้เก็บเนื้อเก็บตัวและไม่แยแสชื่อเสียงหรือความรุ่งโรจน์…แต่กลับกลายเป็นว่าเขาหมกมุ่นอยู่กับการหาเงินจนไม่สนใจเรื่องอื่น!


เหตุผลที่ฉันท้าทายพวกนั้นก็เพื่อพิสูจน์ศิลปะเพลงดาบของฉันเอง แต่แล้วคุณก็กลับทำเหมือนกับว่าฉันโง่เง่าที่ยอมพลาดโอกาสงามในการฉกฉวยเงินของพวกเขา


ตัวฉัน, หลานสาวของ 1 ใน 3 ผู้อาวุโสใหญ่…จำเป็นต้องปล้นเงินของคนอื่นด้วยหรือ?


จางเซวียนไม่รู้ว่าภาพลักษณ์อันสวยหรูของตัวเองแตกสลายไปหมดแล้ว เขาถามไป๋เหรินชิง “คุณยังมีตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดเหลือหรือเปล่า? เอามาให้ผมอันหนึ่ง ผมจะเข้าไปท้าทายพวกนั้น บรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดน่าจะร่ำรวยไม่เบานี่ ถูกไหม?”


เขารู้สึกว่าควรหาข้อมูลเรื่องต่างๆให้แน่ใจ เพื่อจะได้ไม่ต้องผิดหวังกับผลที่เกิดขึ้นภายหลัง


“อะ-เอ่อ…ฉันคิดว่ามี” ไป๋เหรินชิงได้แต่ยกมือปิดหน้า


จะว่าไป ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดส่วนใหญ่ในสำนักดาบเมฆเหินก็ล้วนแต่มั่งคั่ง เพราะแม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังเป็นนักรบขั้นเสมือนอมตะ ไม่มีทางที่ศิษย์สายตรงฝ่ายในจะร่ำรวยเทียบชั้นกับพวกเขาได้เลย


“ดี ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของผมอยู่ไหน?” จางเซวียนยื่นมือออกมา


“ขนาดศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นนักรบเสมือนอมตะระดับล่าง พูดอีกอย่างก็คือ มีข้อกำหนดเข้มงวดว่าเฉพาะผู้ที่สำเร็จวรยุทธขั้นเสมือนอมตะขึ้นไปเท่านั้นถึงจะเข้าสู่หอนิรันดร์ได้ กฏนี้ตั้งขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีศิษย์สายตรงฝ่ายในคนไหนลักลอบเข้าไปที่นั่น” ไป๋เหรินชิงตอบอย่างลังเล


ตอนที่เธอสู้กับจางเซวียนเมื่อ 4 ชั่วโมงก่อน อีกฝ่ายเป็นแค่นักรบผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึกเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าระดับวรยุทธของเขายังไม่สูงพอที่จะเข้าสู่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด!


“เรื่องนั้นน่ะไม่ใช่ปัญหาแล้ว ผมเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จเมื่อเร็วๆนี้” จางเซวียนพูดขณะแผ่รังสีของเขาออกมา


“เสมือนอมตะสรวงสวรรค์?” ไป๋เหรินชิงแทบลมจับ


เธอแน่ใจเหลือเกินว่าอีกฝ่ายเป็นแค่นักรบผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึกเมื่อตอนที่เธอสู้กับเขา แต่เพียง 4 ชั่วโมงผ่านไป เขาก็ยกระดับวรยุทธได้ถึง 1 ขั้นใหญ่เต็มๆ…บ้าบออะไรอย่างนี้!


ต่อให้ยาเม็ดก็ยังยกระดับวรยุทธอย่างรวดเร็วแบบนี้ไม่ได้!


“น่าทึ่งจริงๆ!” เฉาเฉิงลี่พึมพำ นัยน์ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น


ตั้นเฉี่ยวเทียนก็กำหมัดแน่น


พวกเขารู้ดีว่าจางเซวียนทรงพลังมาก แต่ไม่คิดว่าจะไร้เทียมทานขนาดนี้!


“ด้วยพละกำลังและศิลปะเพลงดาบอันเหนือชั้นของนายน้อย เขาน่าจะเอาชนะผมน่ะถ่อมตัวได้สบาย!” เฉาเฉิงลี่อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น


2-3 ชั่วโมงก่อน เขาฟังจนหูชาถึงสิ่งที่คนอื่นๆพูดกันว่าผมน่ะถ่อมตัวทรงพลังแค่ไหน แต่ไม่ว่าหมอนั่นจะแข็งแกร่งอย่างไร ก็จะแข็งแกร่งกว่านายน้อยของเขาหรือ?


ดูวิธีการที่นายน้อยยกระดับวรยุทธจากผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึกมาเป็นนักรบเสมือนอมตะสรวงสวรรค์ได้ภายในวันเดียวสิ มีใครในสำนักดาบเมฆเหินทำได้แบบนี้หรือเปล่า?


พลั่ก!


แต่ทันทีที่เฉาเฉิงลี่พูดจบ ก็เจ็บแปลบที่ท้ายทอยขึ้นมาทันที เขาหันไปมองรอบๆอย่างหงุดหงิด เห็นนายน้อยกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


“เมื่อครู่นี้ผมเห็นคุณใช้เท้าขวาก้าวเข้าบ้านพัก คุณฝ่าฝืนกฎของผม สมควรถูกลงโทษ!”


“แต่คุณสั่งไว้ว่าไม่ให้ใช้ขาซ้ายนี่นา แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ผมจะเข้าบ้านพักได้อย่างไร?” เฉาเฉิงลี่แทบปล่อยโฮ


ดูเหมือนไม่เคยมีคำตอบที่ถูกต้องเลย!


“ไปได้แล้ว!” จางเซวียนไม่แยแสจอมโจรผู้บ้ากามและหน้าหนา เขาเดินกลับเข้าห้องไปพร้อมกับไป๋เหรินชิง ด้วยการกระดิกนิ้วครั้งหนึ่ง เขาหยดเลือดหยดหนึ่งลงไปบนตราหยก


สติสัมปชัญญะของเขาเลือนหายไปจากโลกของความเป็นจริง ครู่ต่อมา จางเซวียนก็มายืนอยู่ในหอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด


เราสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ไปแล้วด้วยสมญานามผมน่ะถ่อมตัว ทางสำนักดาบเมฆเหินจะต้องจับตาดูชื่อนั้นอย่างใกล้ชิดแน่ เราไม่ควรใช้มันอีก


จางเซวียนครุ่นคิดหนัก


ในเมื่อเหล่าผู้อาวุโสฝ่ายในกำลังจับตามองเขา เขาก็ใช้ชื่อเดิมไม่ได้ จำเป็นจะต้องหาสมญานามใหม่ที่เหมาะสม


การหาชื่อเหมาะๆช่างยากเหลือเกิน ในเมื่อเราใช้คำว่าถ่อมตัวไม่ได้ ก็ควรจะหาจุดแข็งจุดอื่นๆของเรามาใช้แทน…จางเซวียนใคร่ครวญครู่หนึ่งขณะพยักหน้าอย่างมั่นใจ เราคิดว่าเราควรเรียกตัวเองว่าผมน่ะหล่อมาก…อาจดูไม่ถ่อมตัวเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นความจริง!


เขาอดพออกพอใจไม่ได้กับสมญานามที่คิดขึ้นใหม่


แต่ก็แน่นอนว่าไม่มีชื่อไหนจะเทียบชั้นกับชื่อผมน่ะถ่อมตัวได้ มันคือชื่อที่บ่งบอกแนวคิดและความฝันของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ


แต่ผมน่ะหล่อมากก็แสดงออกถึงบุคลิกของเขาได้เช่นกัน จึงถือว่าพอรับได้


ส่วนไป๋เหรินชิง เมื่อเห็นสมญานามที่อาจารย์ลุงของเธอนำมาใช้ ก็ได้แต่ยกมือขึ้นปิดหน้า ซึ่งเป็นที่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของวันนั้น


พี่ชาย…คุณจะช่วยใช้ชื่อที่มันน่าฟังและดูนอบน้อมกว่านี้สักหน่อยได้ไหม?


ไป๋เหรินชิงมีสีหน้ากระอักกระอ่วนและทำอะไรไม่ถูก เธอมุ่งหน้าไปยังสังเวียนประลองพร้อมกับผมนะหล่อมาก


ขณะที่เดินไป ไป๋เหรินชิงส่งโทรจิตหาจางเซวียน “ฉันกำลังสู้กับโม่เชียงอวิ๋น แต่สู้เธอไม่ได้ ฉันควรทำอย่างไรดี?”


เธอกลับมาหลังจากที่ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย จึงไม่มีทางที่ผลการดวลจะแตกต่างไปจากครั้ง


ตอนที่ 2001 ดวลกันต่อเถอะ!

“ง่ายนิดเดียว ที่คุณต้องทำก็คือท้าพนันกับเธอ โดยผู้แพ้จะต้องมอบเหรียญสำนักดาบทั้งหมดที่ตัวเองมีให้กับผู้ชนะ แล้วหลังจากนั้นผมจะให้คำชี้แนะกับคุณระหว่างการดวล เพื่อที่คุณจะได้เอาชนะได้สบาย!” จางเซวียนส่งโทรจิตตอบ


“ระหว่างการดวล?” ไป๋เหรินชิงอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ


แต่ละสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการต่อสู้นั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทุกการตัดสินใจจะต้องเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที จะไม่ช้าไปหน่อยหรือหากจะให้คำชี้แนะกับเธอในระหว่างการดวล?


ขนาดผู้เชี่ยวชาญระดับท่านปู่ของเธอก็ยังไม่กล้าทำอะไรแบบนี้? อาจารย์ลุงแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะทำได้?


ถ้าเป็นแค่การดวลทั่วไป เธอก็คงไม่มีอะไรโต้แย้ง เพราะถึงอย่างไรเธอก็ถูกสังหารมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่ทุกอย่างจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงหากมีเดิมพันเข้ามาเกี่ยวข้อง


เธอไม่อยากหมดเนื้อหมดตัว!


“ใช่แล้ว!” จางเซวียนพยักหน้า “ไปเถอะ คุณไม่แพ้หรอก!”


“อย่างนั้นก็ได้!” ไป๋เหรินชิงไม่แน่ใจว่าเธอตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่เชื่อคำพูดของจางเซวียน แต่ลงท้ายก็เลือกไว้ใจเขา


เธอก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลองด้วยหัวใจหนักอึ้ง


“ในเมื่อคุณกลับมาแล้ว ก็ดวลกันต่อเถอะ!” โม่เชียงอวิ๋นพูดขณะเงื้อดาบขึ้น เกิดเสียงเสียดสีดังสนั่น


“รอเดี๋ยว!” แม้ไม่ได้หันไปมอง แต่ไป๋เหรินชิงก็รู้สึกได้ถึงสายตาเชือดเฉือนที่จางเซวียนส่งหาเธอ ดูเหมือนเขาคงถลกหนังเธอทั้งเป็นแน่หากเธอไม่ยอมท้าพนัน ไป๋เหรินชิงกัดริมฝีปากครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ในเมื่อเรากำลังจะดวลกัน ฉันก็คิดว่าคงดีหากจะมีเดิมพันเข้ามาเกี่ยวข้องสักหน่อย”


“เดิมพัน?” โม่เชียงอวิ๋นขมวดคิ้ว


“ใช่ ถ้าฉันชนะ คุณต้องมอบเหรียญสำนักดาบทั้งหมดที่คุณมีให้ฉัน แต่ถ้าฉันแพ้ ฉันก็จะมอบเหรียญสำนักดาบทุกเหรียญที่ฉันมีให้คุณเหมือนกัน!”


ขณะที่ไป๋เหรินชิงพูดออกมา ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ


เธอไม่กล้าขัดคำสั่งของอาจารย์ลุง แต่นั่นแหละ…มันน่าอับอายเหลือเกินที่ต้องพูดเรื่องแบบนั้นออกมาดังๆ!


“คุณจะให้ฉันเดิมพันด้วยเงินทั้งหมดของฉันหรือ? โม่เชียงอวิ๋นตาโต “คิดจะปล้นฉันหรือไง?”


“ชะ-ใช่” ไป๋เหรินชิงพยายามทำหน้าด้านหน้าทนเข้าไว้ “มันเป็นอย่างนั้นแหละ!”


ชายชราคนเมื่อครู่เข้าสู่หอนิรันดร์พร้อมกับผู้อาวุโสไป๋เย่และไป๋เฟิง เมื่อเห็นภาพนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้อาวุโสไป๋เย่ด้วยอาการตกตะลึงสุดขีด


“หลานสาวของคุณ…เธอยากจนข้นแค้นเกินไปจนเป็นบ้าไปแล้วหรือ?”


“ฮ้าาาา…” ผู้อาวุโสไป๋เย่ก็ผงะ


กล้าท้าพนันต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ นี่คือหลานสาวผู้ว่านอนสอนง่ายที่เขารู้จักจริงๆหรือ?


ต่อให้มีภูเขาไฟอยู่ตรงนั้น ไป๋เฟิงก็คงกระโจนลงไปทันทีโดยไม่ลังเล


นายท่านคือหนึ่งในสามผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักดาบเมฆเหิน ด้วยอิทธิพลของเขา ต่อให้บรรดาชนชั้นนำก็ไม่กล้ากระด้างกระเดื่องใส่…แล้วนายท่านจำกัดเงินในกระเป๋าของคุณหรือไง? หรือเขาให้คุณอดอยากปากแห้ง?


ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะกล้าท้าพนันกับคนอื่น…


แถมยังยื่นข้อเสนอราวกับจะปล้น


“ก่อนหน้านี้เธอเอาชนะโม่เชียงอวิ๋นไม่ได้ และเพิ่งจากไปเพียง 2 นาทีเท่านั้นเอง ผมเชื่อว่าเธอกลับมาคราวนี้ก็ไม่มีอะไรแตกต่างหรอก!”


“ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าแพ้แน่ๆ ไป๋เหรินชิงก็ยังกล้าท้าพนัน เธอคงไม่ได้บ้าไปแล้วหรอกนะ ใช่ไหม?”


“คงไม่หรอก เธออาจจงใจหาเรื่องดูถูกศิษย์พี่โม่ เพื่อทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสีย…”


“อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะถึงอย่างไร สภาวะจิตของนักรบคนหนึ่งก็มีบทบาทสำคัญมากในการต่อสู้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีทางที่นักรบระดับศิษย์พี่โม่จะอารมณ์เสียง่ายๆเพราะเรื่องแค่นั้นหรอก พนันไปก็ไม่มีประโยชน์!”


ฝูงชนที่เหลือต่างมองหน้ากันขณะพยายามวิเคราะห์เจตนาของไป๋เหรินชิง


ในบรรดาศิษย์สายตรง 5 อันดับแรก มีใครบ้างที่ไม่ได้ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนกว่าจะเข้าถึงระดับนี้ได้? หากพวกเขาอารมณ์เสียเพียงเพราะการยั่วยุเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ก็คงพ่ายแพ้ไปนานแล้ว คงไม่อาจรักษาตำแหน่งไว้ได้อย่างยาวนานและกลายเป็นบุคคลที่ได้รับความยกย่องอย่างสูงภายในสำนัก


เป็นอย่างที่ทุกคนคิด ไม่เพียงแต่โม่เชียงอวิ๋นจะไม่อารมณ์เสีย เธอยังมองหน้าไป๋เหรินชิงอย่างนึกสนุกด้วย


“ก็ดี เดิมพันนี้ดูน่าสนใจ มาดูกันดีกว่าว่าใครจะได้เงินไป ดีไหม?”


“เอ่อ แน่นอน…” ไป๋เหรินชิงหน้าแดงก่ำ อยากจะตายไปให้พ้นๆด้วยความอับอาย


ถึงเธอจะหุนหันพลันแล่นและชอบใช้กำลังในบางครั้ง แต่ความตรงไปตรงมาของเธอก็ทำให้รู้สึก ว่าช่างยากเหลือเกินที่จะทำเรื่องน่าอับอายแบบนี้


นี่ควรจะเป็นการดวลศิลปะเพลงดาบอันศักดิ์สิทธิ์ที่แข่งขันกันจนถึงที่สุด แต่ทันทีที่อาจารย์ลุงจางเข้ามา ก็ดูเหมือนบางอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง


ไม่ต่างกับการต่อสู้ใต้ดินของคนระดับล่าง!


โชคดีที่เธอต่อสู้อยู่ในหอนิรันดร์และท่านปู่ไม่รู้เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นคงถูกตีตายแน่


แต่อะไรที่เกิดก็เกิดไปแล้ว สายเกินกว่าจะคืนคำ เธอทำได้แค่เดินหน้าต่อไป


“ดวลกันต่อเถอะ!” โม่เชียงอวิ๋นคำรามคณะพุ่งเข้าใส่ไป๋เหรินชิงอีกครั้ง


มันคือกระบวนท่าเดียวกันกับคราวก่อนและมีพละกำลังมหาศาล


ไป๋เหรินชิงกัดฟันกรอด เธอกำลังจะสำแดงการฟาดฟันในแนวราบเพื่อปัดป้องการโจมตีนั้นเหมือนอย่างที่เคยทำคราวที่แล้ว ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงหนึ่ง


“โยนดาบของคุณออกไป!”


ผู้พูดไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอาจารย์ลุงจาง


“ฮะ?” ไป๋เหรินชิงเลิกคิ้วอย่างงุนงง


ดาบของโม่เชียงอวิ๋นกำลังพุ่งเข้ามาพร้อมกับเสียงกึกก้องและพละกำลังที่หนักหน่วงจนน่าสะพรึง มันพร้อมจะแทงทะลุศีรษะของเธอในทุกวินาที ถ้าเธอตัดสินใจโยนดาบออกไปแทนที่จะปัดป้องการโจมตีนั้น แล้วดาบตรงเข้าสู่เป้าหมาย…เธอคงตายแน่!


อีกอย่าง ทันทีที่ดาบหลุดจากมือ เธอก็จะหมดความสามารถในการป้องกันตัวอย่างสิ้นเชิง


“เร็วๆเข้า!” อาจารย์ลุงจางเร่งไป๋เหรินชิงที่กำลังเก้ๆกังๆด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด


“ช่างมันเถอะ!”


เมื่อหวนนึกถึงปาฏิหาริย์มากมายที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นในหอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงฝ่ายใน ทั้งยังสังหารท่านปู่เฟิงได้ในกระบวนท่าเดียว ไป๋เหรินชิงกัดฟันกรอดขณะโยนดาบออกไปโดยไม่ใส่ใจการโจมตีที่กำลังพุ่งเข้ามา


ฟิ้ววววว!


ดาบพุ่งออกไปจากมือของเธอ


“อะไรกัน?”


โม่เชียงอวิ๋นผิดคาดอย่างหนักที่เห็นไป๋เหรินชิงไม่พยายามปกป้องตัวเอง ขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะเล่นงานไป๋เหรินชิงให้บี้แบนเป็นแพนเค้ก ก็พลันรู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะ ยังไม่ทันจะรู้ตัว ดาบเล่มหนึ่งก็แทงทะลุเข้าที่หน้าผากของเธอ


ฉึกกกก!


ดาบของเธออยู่ห่างจากร่างของไป๋เหรินชิงเพียงนิ้วเดียว ขณะที่ร่างของเธอที่มีดาบปักอยู่แหลกสลายและหายวับไป


เธอพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเพียงเพราะสิ่งนี้!


“เฉียดฉิวเหลือเกิน” หัวใจของไป๋เหรินชิงเต้นรัวจนไม่อาจบอกได้ว่าเป็นเพราะความหวาดกลัวหรือความตื่นเต้น


เธอเคยคิดว่าคงแพ้แน่นอนแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าการคำนวณของอาจารย์ลุงจะแม่นยำขนาดนั้น


มันคือสองกระบวนท่าเดิมที่เมื่อครู่นี้เธอไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่ด้วยการชี้แนะของอาจารย์ลุงจาง ทุกอย่างก็ดูจะราบรื่นเสียจนเธอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น


ต่อให้มีศิลปะเพลงดาบที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่หากจับทิศทางของการต่อสู้ไม่ได้ ก็ไม่มีทางหยุดยั้งการต่อสู้ได้เลย!


อาจารย์ลุงจางได้สอนบทเรียนอันล้ำค่าในศิลปะเพลงดาบให้เธอ นั่นคือแม้กระบวนท่าที่สุดแสนจะธรรมดาสามัญก็อาจนำมาซึ่งชัยชนะได้ หากใช้มันอย่างถูกต้อง


“ไป๋เหรินชิงชนะ?”


“ผมตาฝาดหรือเปล่า ศิษย์พี่โม่แพ้ง่ายๆแบบนั้นหรือ?”


“เวลาช่างพอดิบพอดีอะไรอย่างนั้น ถ้าเธอพลาดไปเพียงนิดเดียวล่ะก็ ผลที่ออกมาจะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง…”


“ดูเหมือนระยะเวลาอันฉิวเฉียดคือหัวใจของชัยชนะของไป๋เหรินชิง เธอไร้เทียมทานขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”


“ศิลปะเพลงดาบของโม่เชียงอวิ๋นเน้นกระบวนท่าที่ทรงพลังเพื่อให้สามารถสำแดงพละกำลังเหนือชั้นออกมาได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าการป้องกันตัวคือจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ ขณะที่การโจมตี คือจุดแข็ง ทำให้เป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดที่เราจะเปิดการโจมตี หลังจากนี้ ท้าทายผู้รั้งอันดับ 4 และอย่าลืมยื่นเดิมพันด้วย!” เสียงของอาจารย์ลุงจางดังขึ้นในหัวสมองของไป๋เหรินชิง


“ได้!” ไป๋เหรินชิงส่งโทรจิตตอบก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มคนหนึ่งท่ามกลางฝูงชนซึ่งกำลังเฝ้าดูความปั่นป่วนวุ่นวายในเวลานั้นอยู่ “ศิษย์พี่หู ตาคุณแล้ว!”


ศิษย์สายตรงผู้รั้งอันดับ 4, หูเฉิน!


หูเฉินรู้ดีว่าไป๋เหรินชิงจะต้องท้าทายพวกเขาที่เหลือแน่หากเธอเอาชนะโม่เชียงอวิ๋นได้ จึงตัดสินใจใช้ชื่อจริง


เขาก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลองอย่างไม่ลังเล


ผู้ท้าทายคนหนึ่งมาเคาะประตูเรียกถึงบ้านแล้ว เขาไม่อาจปฏิเสธการดวลครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นก็ย่อมเสื่อมเสียศักดิ์ศรีและชื่อเสียง


“เหมือนคราวก่อนนะ ฉันขอเสนอเดิมพันระหว่างเราทั้งคู่ด้วยเหรียญสำนักดาบทั้งหมดที่เรามี ศิษย์พี่หู…ไม่ทราบว่าคุณเต็มใจยอมรับเดิมพันครั้งนี้หรือไม่?” ไป๋เหรินชิงตั้งคำถาม


มันอาจดูเหมือนการปล้นกันกลางวันแสกๆ แต่เรื่องแบบนี้ก็ต้องอาศัยความคุ้นชินกันสักหน่อย คราวนี้ไป๋เหรินชิงยื่นข้อเสนอท้าพนันด้วยทีท่าสุขุมเยือกเย็นกว่าเดิม


“แล้วแต่คุณเถอะ!” หูเฉินพยักหน้า


“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเลย” ไป๋เหรินชิงพูด


ทั้งคู่รีบเข้าประจำตำแหน่งและถือดาบไว้มั่น


ไป๋เหรินชิงกำลังจะเปิดการโจมตี ก็พอดีกับที่เสียงของอาจารย์ลุงจางแว่วเข้าหูอีกครั้ง “ถอยไป 7 ก้าว จากนั้นโยนดาบของคุณไปทางซ้าย”


“ถอย? โยนดาบของฉันไปทางซ้าย?” ไป๋เหรินชิงถึงกับงง


หูเฉินยังไม่ได้เคลื่อนไหวเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนเขากำลังเตรียมการที่จะเปิดการโจมตีครั้งใหญ่ จะดีหรือถ้าเราถอยและโยนดาบออกไปตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร?


จะไม่เป็นการโง่เง่าหรือไงหากจะสำแดงไม้ตายที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวอย่างบุ่มบ่ามแบบนั้น?


ไป๋เหรินชิงไม่เข้าใจว่าอาจารย์ลุงของเธอคิดอะไร แต่ไม่กล้าขัดคำสั่ง เธอรีบถอยไป 7 ก้าวโดยไม่ลังเล


ฟึ่บ!


ทันทีที่ถอย ร่างที่อยู่ตรงหน้าก็หายวับไปกับตา


“นั่นคือย่างก้าวของเซียนดาบปีศาจ!” ผู้อาวุโสไป๋เย่อุทานออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


“ย่างก้าวของเซียนดาบปีศาจ? คุณกำลังพูดถึงศิลปะเพลงดาบปีศาจที่อัจฉริยะผู้นั้นคิดค้นขึ้นตั้งแต่เมื่อ 800 ปีก่อนหรือ?” ชายชราคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆอุทานอย่างพรั่นพรึง “ในครั้งนั้น มันทำลายทั้งทวีปจนราบคาบเลยนะ และนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครประสบความสำเร็จในการฝึกฝนมันอีกเลย…คุณกำลังจะบอกว่าหูเฉินคนนั้นทำสำเร็จหรือ?”


“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นแหละ ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางเคลื่อนไหวด้วยความเร็วระดับนั้นได้ ขนาดผมก็ยังมองไม่ออกว่าเขาขยับไปทางไหนและจะปรากฏตัวอีกครั้งที่จุดไหน” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตั้งข้อสังเกต

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)