ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 94-97

ตอนที่ 94 หึง?

 

เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า “ดี ยามนี้เหวินซื่อน่าจะอยู่ที่ร้านยาเต๋อเหริน พวกเราไปรับเขาตอนนี้ จัดการเรื่องวุ่นวายได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนอมยิ้มมองนาง


 


 


เมิ่งเชียนโยวเกิดระแวงในใจ เขยิบถอยหลังไปริมรถก้าวหนึ่ง พูดว่า “ท่านมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน”
    


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเม้มริมฝีปาก ร่างกายเขยิบเข้าไปใกล้นางอีกนิด


 


 


เมิ่งเชียนโยวใช้มือกันหน้าอกเขาเอาไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้ หากท่านกล้า…”


 


 


ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหวงฝู่อี้เซวียนดึงกลับเข้ามา ริมฝีปากจรดทับลงมา อุดสิ่งที่นางจะพูดกลับลงไป
    


 


 


“อื้อ” เมิ่งเชียนโยวคิดไม่ถึงว่าตอนที่ฟ้าสว่างจ้าเขายังกล้าทำเรื่องเช่นนี้ นางใช้มือทุบลงไปในบนแผ่นหลังของเขาด้วยความโมโห


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนกลับกระชับกอดนางให้แน่นมากขึ้น เปิดริมฝีปากของนางอย่างได้คืบจะเอาศอก สอดลิ้นเข้าไปออกแรงดูดดึง


 


 


มีชีวิตมาสองภพก็ยังไม่เคยกระทำสิ่งที่บ้าคลั่งเช่นนี้มาก่อน เมิ่งเชียนโยวทั้งโกรธทั้งอาย กัดลงไปบนลิ้นของเขาอย่างจัง
    


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนออกเสียงในลำคอ ปล่อยนางไป มุมปากมีเลือดน้อยๆ ไหลออกมาให้เห็นในทันใด


 


 


คนบังคับรถม้าได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านใน ไถ่ถามในทันที “ซื่อจื่อ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ เพราะข้าน้อยบังคับรถม้าเร็วเกินไปหรือไม่ ทำให้ท่านบาดเจ็บหรือขอรับ”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนตอบไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำเท่าไรนัก “ไม่เป็นไร เจ้าบังคับรถม้าไป ไม่ต้องส่งเสียง”


 


 


คนบังคับรถม้าลอบอึดอัดอยู่ในใจ แต่กลับไม่กล้าถามอีก
    


 


 


เพราะเมิ่งเชียนโยวร้อนรนใจ การกัดครั้งนี้จึงไม่ลงแรงไปไม่น้อย มุมปากของหวงฝู่อี้เซวียนมีเลือดไหลซึมออกมาตลอด


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเองก็ไม่เช็ด ยังคงอมยิ้มมองนางอยู่อย่างนั้น


 


 


หลังจากที่เมิ่งเชียนโยวกัดไปแล้วก็เกิดรู้สึกเสียใจขึ้นมา มองเห็นรอยเลือดที่ไหลซึมก็เกิดความรู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก แต่กลับฝืนพูดว่ากล่าวออกไป “สมน้ำหน้า ใครให้ท่านเกิดอารมณ์แบบไม่คำนึงสถานการณ์เล่า”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนแลบลิ้นออกมา เลียรอยเลือดบริเวณมุมปากด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์
    



 


 


เมิ่งเชียนโยวหลบตาด้วยความใจฝ่อ


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนดึงนางเข้ามาในอ้อมอกของตนเองในทันใด ริมฝีปากกดบดลงไปอย่างรุนแรง


 


 


เมิ่งเชียนโยวดิ้นไม่หลุด คิดจะกัดเขาอีกครั้ง ในหัวเกิดภาพเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของเขา สุดท้ายแล้วก็ทำใจร้ายอีกครั้งไม่ลง
    


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายของนาง ก็ยิ่งได้คืบจะเอาศอก ตราบจนทั้งสองคนหายใจม่ทันถึงได้ปล่อยนางออก


 


 


เมิ่งเชียนโยวมุดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาหอบหายใจ หวงฝู่อี้เซวียนตระกองกอดนางแน่นมากขึ้น วางศีรษะลงบนศีรษะนาง พูดด้วยความอ่อนโยนว่า “เจ้าคือพระชายาซื่อจื่อของข้า ต่อจากนี้ต้องคุ้นชินกับเรื่องประเภทนี้ได้แล้ว”


 


 


เมิ่งเชียนโยวผลักเขาออก ถึงตามอง ใบหน้าแดงระเรื่อนพูดว่า “ใครเป็นพระชายาซื่อจื่อของท่านกัน ซื่อจื่อท่านลืมแล้วหรือว่าคุณหนูจวนตระกูลซ่างซูที่เป็นพระคู่หมั้นในนามของท่านต่างหาก”
    


 


 


ในดวงตาของหวงฝู่อี้เซวียนเกิดแสงประกายแล้วหายไป หัวเราะแกมพูดว่า “โยวเอ๋อร์หึงอย่างนั้นหรือ”


 


 


“ออกไป!” เมิ่งเชียนโยวถีบเขาทีหนึ่ง


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนไม่หลบไม่หลีก หัวเราะรับเท้าของนาง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา คิดจะเช็ดรอยเลือดบริเวณมุมปากให้นาง


 


 


เมิ่งเชียนโยวเอียงหัวหลบ
    


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนถอนหายใจเสียงเบา “แท้จริงแล้วโยวเอ๋อร์ก็อยากให้ข้าจูบอีกครั้งนี่เอง ข้ายินดียิ่งนัก” พูดจบก็พุ่งเข้าหา


 


 


เมิ่งเชียนโยวถลึงตามองเขาอย่างแรงทีหนึ่ง แยกผ้าเช็ดหน้าในมือเขาไป ยกขึ้นเช็ดอย่างไม่ใส่ใจสองสามครั้งพลางโยนกลับให้เขา พูดด้วยความแง่งอนว่า “ของท่านเองก็เช็ดด้วย”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มพลางรับผ้าเช็ดหน้ามา ดึงนางให้เข้ามาใกล้อีกเล็กหน่อย เช็ดรอยเลือดให้นางอย่างละเอียดอ่อน แล้วถึงได้ยัดผ้าเช็ดหน้ากลับเข้าไปในมือเมิ่งเชียนโยว ขยับหน้าให้เข้าไปใกล้นาง ความหมายชัดเจนอย่างมาก ให้นางเช็ดให้เขา
    


 


 


เมิ่งเชียนโยวแทบอยากจะปาผ้าเช็ดหน้าใส่หน้าเขาอย่างแรง แต่พอคิดไปถึงผลที่ตามมาหลังจากโยนไป ก็ต้องกัดฟันแน่นกล้ำกลืนลงไป จงใจเช็ดรอยเลือดบริเวณมุมปากเขาอย่างแรง


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนส่งเสียงสูดปากออกมาด้วยความเจ็บหลายครั้ง


 


 


เมิ่งเชียนโยวถึงได้รู้สึกระบายอารมณ์ไปบ้าง


 


 


เช็ดรอยเลือดเสร็จแล้ว มองดูผ้าเช็ดหน้าในมือ เมิ่งเชียนโยวคิดว่าควรจะจัดการเช่นไรดี
    


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนหยิบกลับไป พับอย่างเรียบร้อย ใส่เข้าในสาบเสื้อบริเวณหน้าอกของตนเองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งดั่งเดิม


 


 


เมิ่งเชียนโยวอ้าปากค้างน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา


 


 


รถม้ามาถึงร้านยาเต๋อเหริน หวงฝู่อี้เซวียนไม่ขยับตัว เมิ่งเชียนโยวเดินลงจากรถม้าไปก่อน
   


 


 


พนักงานในร้านยาเต๋อเหรินรีบเดินเข้ามาต้อนรับ “แม่หญิงเมิ่ง ท่านมาแล้วหรือขอรับ เถ้าแก่นของพวกข้าอยู่ด้านบนขอรับ”


 


 


เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า เดินขึ้นไปข้างบนแล้วผลักประตูเดินเข้าไปเลย


 


 


เหวินซื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินขึ้นมาข้างบน เขาเงยหน้าขึ้นมา เห็นว่านางผลักประตูเดินเข้ามา จึงวางสมุดบัญชีในมือลง ถามว่า “เจ้ามาด้วยเหตุใดกัน”
   


 


 


เดินมายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขา เมิ่งเชียนโยวพูดตรงๆ “อี้เซวียนตามหาที่หลบซ่อนตัวของน้องชายต่างมารดาตัวดีของเจ้าพบแล้ว เจ้าตามพวกข้าไป จัดการเรื่องราวความแค้นบุญคุณทั้งหมดให้แล้วสิ้นเถิด”


 


 


เหวินซื่อตะลึงไปพักหนึ่ง


 


 


เมิ่งเชียนโยวขมวดคิ้ว สีหน้านิ่งขรึม “เหตุใดหรือ หรือว่าทำใจลงมือไม่ได้”
    


 


 


เหวินซื่อโบกมือ “เรื่องนี้เหตุใดถึงรบกวนไปถึงซื่อจื่อได้เล่า”


 


 


เมิ่งเชียนโยวแค่นเสียงในลำคอ “ไม่ได้เป็นเพราะเจ้าหรืออย่างไร เมื่อคืนนี้น้องชายตัวดีของเจ้าคิดจะลักพาตัวข้าระหว่างที่ข้าเดินทางกลับจวนจากการไปส่งพี่สะใภ้ อี้เซวียนอยู่บนรถม้าของจ้าพอดี ไม่เพียงแต่จัดการคนที่เขานำมาด้วยจนราบคาบ แล้วยังจงใจปล่อยเขาไป ถึงได้ตามหารังเก็บตัวของเขาได้พบจากร่องรอยที่ทิ้งไว้”
    


 


 



เหวินซื่อผุดลุกขึ้น กวาดตาพิจารณานางทั้งร่างอยู่สองสามที ถามอย่างเป็นกังวลว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”


 


 


“หากวันนี้ท่านไปจัดการกับเขาให้เสร็จข้าก็ไม่เป็นอะไร หากว่าเจ้ายังใจมีเมตตาใจอ่อนอยู่ล่ะก็ เกรงว่าข้าคงจะมีเรื่องเดือดร้อนไปตลอด”


 


 


“ไม่มีทาง วันนี้ข้าจะจัดการอย่างเด็ดขาดให้จบสิ้นกับเขา ไม่ใช่เขาตายก็ข้าสิ้น” เหวินซื่อพูดเสียงขรึม 
    



 


 


เมิ่งเชียนกรอกตาขึ้นมองท้องฟ้า “เถ้าแก่เหวิน มีพวกข้าคอยช่วยเหลืออยู่อีกแรง แล้วท่านจะยังสู้เอาเป็นเอาตายกับเขาอีก เช่นนี้มันไม่ได้โง่เขลาไปหน่อยหรือ”


 


 


เหวินซื่อโบกมือ “พวกเจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่ง เรื่องระหว่างพวกข้า พวกข้าจะจัดการเอง”


 


 


“ท่านมั่นใจหรือว่ารับมือเขาได้” เมิ่งเชียนโยวถามด้วยความสงสัย
    


 


 


เหวินซื่อถลึงตามองนางด้วยความไม่พอใจ “ดูถูกข้าไปแล้ว แต่ก่อนนี้ข้าอยู่ในที่สว่างเขาอยู่ในที่มืด ข้าจึงรับมือเขาไม่ไหว วันนี้พวกข้าเผชิญหน้าตรงกัน กวางน้อยจะตายในมือใครก็ยังไม่แน่นอนหรอก”


 


 


เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า “ขอให้ท่านอย่าได้สร้างความเดือดร้อนให้พวกเราอีกเลย”


 


 


พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป
    


 


 


เหวินซื่อบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจลับหลังนาง “เจ้าเด็กบ้า ใครจะไปสร้างเรื่องเดือดร้อนให้เจ้า ข้าเองก็มีวิชาเหมือนกัน”


 


 


เมิ่งเชียนโยวชะงักฝีเท้า หมุนตัวกลับมาในทันใด เอ่ยถามด้วยท่าทีเหมือนจะยิ้มแย้ม “เมื่อครู่นี้ท่านพูดว่าอะไรหรือ ข้าได้ยินไม่ชัด”


 


 


เหวินซื่อก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองนางด้วยความหวาดระแวง เอ่ยปฏิเสธลูกเดียว “ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น”


 


 


แค่นเสียงเย็นออกมาทีหนึ่ง เมิ่งเชียนโยวหมุนตัวเดินออกไป “อี้เซวียนรอข้าอยู่บนรถม้า หากท่านกล้าเรียกข้าเช่นนี้อีก ให้เขาได้ยินเข้าเจ้าก็คงจะรู้ว่ามีอะไรรออยู่”
    


 


 


คิดถึงวิธีการจัดการที่มีชีวิตยังไม่สู้ว่าไปตายที่หวงฝู่อี้เซวียนปฏิบัติต่อเฮ่อเหลี่ยน เหวินซื่อก็ต้องตัวสั่นสะท้าน ปิดปากของตนในทันใด


 


 


เดินมาถึงชั้นล่าง เมิ่งเชียนโยวเดินตรงออกไปข้างหน้า ก้าวขึ้นรถม้าที่จอดอยู่ข้างหน้า


 


 


เหวินซื่อเดินตามมาข้างหลัง เอ่ยกำชับพนักงานสองสามประโยคถึงได้ออกมา เดิรตรงไปยังรุม้าช้างหน้า


 


 


เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนลอยออกมาจากในรถม้า “ไม่รบกวนเถ้าแก่เหวินให้มาบังคับรถม้าของพวกข้าหรอก เจ้าไปนั่งรถม้าด้านหลังเถิด”

 

 

 


ตอนที่ 95 ปะทะ

 

เหวินซื่อหมุนฝีเท้าในทันใด รีบก้าวขึ้นไปบนรถม้าด้านหลังอย่างรวดเร็ว


 


 


“ไปเมืองประจิม” หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยเสียงสั่ง


 


 


คนบังคับรถม้ายกแส้ขึ้นฟาดบังคับรถม้าไม่นานก็มาถึงเมืองประจิม


 


 


คนเมืองอุดรแม้จะยากจน แต่ก็ล้วนเป็นคนพื้นที่ที่ซื่อสัตย์จริงใจทั้งสิ้น แต่เมืองประจิมกลับต่างออกไป คนพื้นที่ คนนอกพื้นที่ ขอทาน คนร่อนเร่ ผู้อพยพ ผู้คนหลากหลายประเภทล้วนมีทั้งสิ้น เป็นสถานที่ที่มีคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน จวนราชการเองก็ยังไม่อาจทำอะไรเมืองประจิมได้ ผ่านไปนานวันเข้าก็กลายเป็นแถบพื้นที่ที่ไม่มีใครเข้าไปจัดการ


 


 


รถม้ามาถึงเมืองประจิม ผู้คนทั้งหลายทยอยลงมาจากรถม้า คนที่แต่งกายชุดองครักษ์จวนอ๋องผู้หนึ่งเดินมาถึงหน้ารถม้า พูดอย่างนอบน้อมว่า “ซื่อจื่อ เขายังอยู่ในเรือนพักขอรับ”


 


 


“นำทาง!”


 


 


“ขอรับ!”


 


 


องครักษ์นำทางกลุ่มคนเดินเข้าไปในถนนที่สกปรกอย่างมาก


 


 


น้อยครั้งที่จะมีคนแต่งตัวโดดเด่นดูสง่าเช่นนี้มายังเมืองประจิม ฉะนั้นสถานที่ที่พวกเขาเดินผ่านล้วนมีคนไม่น้อยส่งสายตาสงสัยทอดมองมา


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชียนโยวเดินตรงเข้าไปในอย่างไม่ว่อกแว่ก


 


 


เหวินซื่อไม่ค่อยคุ้นชินกับสายตาเช่นนี้เท่าไรนัก ขมวดคิ้วมุ่น


 


 


เดินมาจนถึงสุดปลายถนนมีบ้านหลังทรุดโทรมอยู่หลังหนึ่ง องครักษ์หยุดฝีเท้าลง “ซื่อจื่อ ตรงนี้ขอรับ”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า แสดงท่าทีให้รับรู้


 


 


องครักษ์ก้าวขึ้นไปข้างหน้า ถีบประตูใหญ่ของเรือนพักหลังเล็กเข้าเต็มเท้า คนที่เหลือทยอยเดินเข้าไปข้างในลานเรือนพัก


 


 


คนในเรือนพักได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว หยิบอาวุธในมือกระชับให้แน่น ล้อมรอบผู้ที่เข้ามาบุกรุกเอาไว้


 


 


คุณชายเหวินเอ้อร์เดินออกมาจากข้างในด้วยสีหน้าดำคล้ำ


 


 


เมิ่งเชียนโยวกวาดตาพิจารณาเรือนพักทรุดโทรมหลังนี้ จิ๊ปากออกมาสองที พูดเย้ยหยันว่า “ทำให้คุณชายเอ้อร์ลำบากแล้ว จำต้องมาหลบซ่อนอยู่ในที่สกปรกเช่นนี้”


 


 


คุณชายเหวินเอ้อร์เอ่ยปากขึ้นด้วยอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “พวกเจ้าช่างกัดไม่ไป อยู่เป็นเงาตามตัวเสียเหลือเดิน ตามหาที่นี่จนพบ”


 


 


“ไม่รู้จะทำเช่นไร คุณชายเอ้อร์มอบของกำนัลให้ข้าหลายครั้งติดต่อกัน ข้าเองจะไม่ตอบแทนก็ดูไม่ถูกต้องเท่าไรนัก แต่วันนี้ข้าไม่ได้มาลงมือกับท่าน เรื่องระหว่างพวกท่านสองพี่น้องก็ไปจัดการกันเองเสียเถิด ข้ายืนดูอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว” พูดจบก็เลี่ยงตัวออกไป ให้เหวินซื่อเดินขึ้นมาข้างหน้า


 


 


คุณชายเหวินเอ้อร์แค่นเสียงหัวเราะ มองเหวินซื่อด้วยความดูถูก “อาศัยเพียงคนไร้ความสามารถเช่นเจ้า ยังคิดจะประมือกับข้าอีกหรือ”


 


 


เหวินซื่อหน้าดำคล้ำ พูดว่า “ตั้งแต่เด็กข้าเห็นเจ้าเป็นน้องชาย ปฏิบัติกับเจ้าอย่างดี เหตุใดเจ้าถึงทำร้ายข้าไม่เลิกไม่รา”


 


 


คุณชายเหวินเอ้อร์หัวเราะด้วยความดูแคลน “เจ้าไม่มีอะไรสู้ข้าได้ เพียงแต่อาศัยตำแหน่งลูกชายคนโตจากภรรยาเอกก็สามารถสืบทอดร้านยาเต๋อเหรินได้ แต่ข้านั้นไม่ว่าจะพยายามเช่นไร เจ้าเฒ่าผู้นั้นก็ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา แม้แต่เรื่องการแต่งงานก็ยังเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เจ้า ข้าไม่ยอม!”


 


 


“พวกเจ้าไล่ข้าออกจากตระกูล ทำให้ข้าไม่มีอะไรติดตัวเลยไม่ใช่หรือ เช่นนั้นข้าเองก็จะให้พวกเจ้าลิ้มรสความเจ็บปวดจากการไม่ได้ครอบครองสิ่งที่เห็น”


 


 


“เป็นอย่างไรบ้างเล่า ตอนที่เห็นผู้หญิงที่รักสุดหัวใจให้กำเนิดทารกไร้ชีวิตออกมา ในใจเจ็บปวดมากใช่หรือไม่ จะบอกเจ้าให้ฟัง นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ขอเพียงแต่ข้ายังอยู่ ชีวิตนี้ของเจ้าก็ไม่ต้องคิดว่าจะมีลูกได้อีก เจ้าอวดอ้างไม่ใช่หรือว่ามีสัมพันธ์อันลึกซึ้งต่อเฝิงจิ้งเหวิน ข้าคิดอยากจะดูนักว่านางไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้อีกแล้ว ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของเจ้านี้จะยังยืนหยัดได้อีกนานเพียงใด”


 


 


“แท้จริงแล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นเจ้าคอยชักใยอยู่เบื้องหลังนี่เอง เสียดายที่ข้าเห็นเจ้าเป็นน้องชายแท้ๆ” เหวินซื่อพูดออกมาด้วยความโมโห


 


 


เหวินเอ้อร์เขยิบเข้ามาใกล้พวกเขาอีกก้าวหนึ่ง “ข้าทำแล้วจะทำไมหรือ คนไร้ความสามารถเช่นเจ้าจะทำอะไรข้าได้”


 


 


เหวินซื่อพูดเสียงดัง “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์พี่น้องของข้าและเจ้าตัดจากกัน ข้าไม่มีทางใจอ่อนมีเมตตากับเจ้าอีกต่อไป!”


 


 


เหวินเอ้อร์แค่นเสียงเย็น แล้วก้าวขึ้นไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง “ไม่ใจอ่อนมีเมตตากับข้าอีก เช่นนั้นก็ต้องดูแล้วว่าเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่!”


 


 


เมิ่งเชียนโยวรู้สึกว่าไม่ถูกต้องเท่าไรนัก ตะโกนเตือนขึ้นมาประโยคหนึ่ง “เหวินซื่อ!”


 


 


แต่ว่าช้าเกินไป เหวินเอ้อร์บ้าคลั่งไปแล้ว ใช้ความเร็วดุจสายฟ้าฟาดควักมีดพกออกมาจ่ออยู่ตรงคอของเหวินซื่อ ยิ้มเย็นมองเมิ่งเชียนโยวและหวงฝู่อี้เซวียน “ข้าเคยพูดไว้นานแล้ว เขาเป็นคนไร้ความสามารถ พวกเจ้าไม่ฟัง ตอนนี้คงรู้แล้วใช่หรือไม่ หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าเขาสิบคนก็ไม่ใช่ศัตรูของข้า”


 


 


เหวินซื่อดิ้นหนีสุดกำลัง มีดพกของเหวินเอ้อร์หายเข้าไปในคอของเขาเล็กน้อย เลือดจำนวนหนึ่งไหลลงมาตามคมมีด


 


 


“เหวินซื่อ อย่าขยับ!” เมิ่งเชียนโยวต่อว่าเสียงดัง


 


 


เหวินเอ้อร์ก็หัวเราะหยันพูดว่า “พี่ใหญ่คนดีของข้า มีดพกในมือของน้องไม่ได้เป็นของธรรมดา เจ้ายังดิ้นหนีอีก ระวังว่าภรรยาคนดีของเจ้าจะกลายเป็นแม่ม่ายเอา”


 


 


เหวินซื่อหยุดดิ้นหนี มองไปยังเมิ่งเชียนโยวด้วยความอับอาย


 


 


มีดพกของเหวินเอ้อร์จมหายเข้าไปในคอเหวินซื่อลึกขึ้นอีกเล็กน้อย เขาไม่สนใจเลือดสดที่ไหลออกมาจากลำคอแม้แต่น้อย พูดเสียงดังว่า “แม่หญิงเมิ่ง ซื่อจื่อ พวกเรามาคุยข้อตกลงกันจะว่าอย่างไร”


 


 


“เจ้าพูด!” เสียงของเมิ่งเชียนโยวพูดขึ้นมาเรียบๆ


 


 


“วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าคนไร้ความสามารถนี้ไป พวกเจ้าเองก็ต้องให้ทางรอดกับข้าจะว่าอย่างไร”


 


 


“ไม่ต้องสนใจข้า ฆ่าเขา” เหวินซื่อพูดเสียงดัง


 


 


เสียงของเหวินเอ้อร์ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย “หากว่าพี่ใหญ่คนดีของข้าดึงดันจะตายไปพร้อมกับข้าล่ะก็​ ข้าเองก็ไม่มีความเห็นต่าง ก็ดีว่าในปรโลกยังมีคนไปอยู่เป็นเพื่อน”


 


 


“เจ้าไม่คู่ควร!” เมิ่งเชียนโยวพูดเสียงเย็น


 


 


เหวินเอ้อร์ตะลึงไป “ความหมายของแม่หญิงเมิ่งคืออะไรหรือ”


 


 


“ความหมายของข้าคิดเจ้าไม่คู่ควรที่จะตายไปพร้อมกับเหวินซื่อ ชาติกำเนิดเขาสูงส่ง ท่านเป็นเพียงสุนัขไม่มีเจ้าของตัวหนึ่งเท่านั้น คิดจะตายไปเป็นเพื่อนเขา ท่านดูเหมือนจะเป็นคนโง่ที่พูดจาเพ้อฝันไปเสียหน่อย”


 


 


เหวินเอ้อร์ไม่หงุดหงิด แล้วยังหัวเราะออกมาเบาๆ “เช่นนี้แม้หญิงเมิ่งเองก็คงตอบรับคำขอของข้าแล้วหรือ”


 


 


เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า “วันนี้เป็นพวกข้าที่ไม่ระวัง ตกอยู่ในน้ำมือท่านเรื่องนี้พวกข้ายอมรับ วันอื่นหากได้พบเจอท่านอีก พวกข้าย่อมไม่ปล่อยไปง่ายๆ เป็นแน่”


 


 


เหวินเอ้อร์หันไปมองหวงฝู่อี้เซวียน “ความคิดของซื่อจื่อเล่า”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้พูดอะไร


 


 


เหวินเอ้อร์พูดเองเออเอง “ดูท่าซื่อจื่อคงจะไม่เห็นด้วย”


 


 


“เรื่องของเขาข้าเป็นคนตัดสิน ข้าบอกให้ปล่อย เจ้าก็ต้องปล่อย” เมิ่งเชียนโยวพูด


 


 


เหวินเอ้อร์ดังเหวินซื่อให้เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ในน้ำเสียงแฝงความเย้ยหยันเอาไว้ “ได้ยินมาว่าแม่หญิงเมิ่งรู้สึกสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อซื่อจื่อยิ่งนัก ในตอนนั้นเพื่อเขาก็เกือบจะต้องสูญเสียชีวิตไป ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงได้เป็นห่วงเจ้าคนไร้ความสามารถผู้นี้ขนาดนี้ด้วย หรือว่าแม่หญิงเมิ่งและเจ้าคนไร้ความสามารถนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจบอกใครได้เช่นนั้นหรือ”


 


 


ไอพิฆาตรอบกายหวงฝู่อี้เซวียนระเบิดออก ตะคอกเสียงดัง “หาที่ตาย!”


 


 


เหวินเอ้อร์กลับพยักหน้า “ซื่อจื่อพูดถูกแล้ว ข้านั้นรนหาที่ตายจริง ไม่สู้ว่าท่านข้าฆ่าให้ตายตอนนี้ ข้าจะได้ลากเจ้าไร้ความสามารถนี้มาเป็นแพะรับบาป”


 


 


เมิ่งเชียนโยวหรี่ตาลง เสียงยิ่งเย็นขึ้นหว่าเดิม “นี่เจ้ามั่นใจแล้วว่าพวกข้าจะไม่มีวิธีลงมือกับเจ้าเช่นนั้นหรือ”


 


 


“แน่นอนว่าไม่ใช่ แม่หญิงเมิ่งและซื่อจื่อในเมื่อกล้ามาถึงที่นี่ คิดว่าคนของพวกท่านก็คงจะวางกรอบดักศัตรูเอาไว้ด้านนอกแล้วกระมัง เหวินเอ้อร์แม้จะไม่ฉลาด แต่ก็รักชีวิตยิ่งนัก แต่เมื่อดูท่าทีของพวกท่าน วันนี้ย่อมไม่มีทางปล่อยข้าไปง่ายๆ เป็นแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้ายังมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องร้องขอพวกท่านอีก สามารถดึงเจ้าคนไร้ความสามารถนี้ไปตายด้วยกันได้ ข้าเองก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว”


 


 


“ข้าเคยพูดไว้ ปล่อยเจ้าไป ขอเพียงแค่เจ้าปล่อยเหวินซื่อมา ข้าจะให้พวกเขาปลดออกทันที” เมิ่งเชียนโยวพูด


 


 


“แม่หญิงเมิ่งเห็นข้าเป็นเด็กสามขวบเช่นนั้นหรือ ต่อให้ปลดพวกเขาออกไปแล้วจะเป็นอย่างไร อาศัยเพียงวิชาวิทยายุทธ์ของพวกท่านทั้งหลายก็สามารถกุมตัวข้าได้อย่างง่ายดายแล้ว”

 

 

 


ตอนที่ 96 คุณชายเหวินเอ้อร์ที่แสนต่ำช้า

 

“เจ้าคิดจะทำอย่างไร”


 


 


“ย่อมต้องให้แม่หญิงเมิ่งไปส่งพวกข้าสักระยะหนึ่งเป็นแน่”


 


 


“ได้!”


 


 


“ในเมื่อแม่หญิงเมิ่งตอบรับง่ายเช่นนี้ ข้าเองก็ง่ายดายเช่นเดียวกัน คนอื่นถอยไป รบกวนแม่หญิงเมิ่งส่งข้าออกจากเมืองประจิมด้วย แล้วให้คนของท่านเตรียมม้าชั้นดีตัวหนึ่งให้ข้า”


 


 


“ได้!”


 


 


“ไม่ได้!”


 


 


เสียงของเมิ่งเชียนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนดังขึ้นมาพร้อมกัน


 


 


“ดูท่าซื่อจื่อจะไม่เห็นด้วย เช่นนั้นต้องรบกวนแม่หญิงเมิ่งพูดเกลี้ยกล่อมเขาแล้ว แต่ความอดทนของข้ามีจำกัด หวังว่าพวกท่านจะเร็วเสียหน่อย”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง “โยวเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ข้าจะส่งพวกเจ้าออกจากเมืองเอง”


 


 


เหวินเอ้อร์ส่ายหัว “วิชาวิทยายุทธ์ของซื่อจื่อลึกล้ำเกินคาดเดา หากว่ากลับคำขึ้นมา ข้าย่อมสู้ท่านไม่ได้เป็นแน่ อย่างไรแม่หญิงเมิ่งออกโรงเรื่องนี้ข้าก็สบายใจกว่าหน่อย”


 


 


“ได้ ข้าจะไปส่งเจ้าออกจากเมืองในทันใด” เมิ่งเชียนโยวพูด


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนมองนางด้วยสายตาไม่เห็นด้วยอย่างมาก


 


 


เมิ่งเชียนโยวส่งยิ้มให้เขาทีหนึ่ง “คุณชายเหวินเอ้อร์แม้จะนิสัยต่ำช้าไปเสียหน่อย แต่ก็เป็นคนที่เข้าใจเรื่องราว รู้ว่าหากเขาทำร้ายข้าจนบาดเจ็บ ท่านจะต้องไล่ตามฆ่าเขาอย่างสุดหล้าฟ้าเขียวเป็นแน่ ถึงเวลานั้นวันเวลาที่เขาจะได้พักผ่อนย่อมไม่มีเป็นแน่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ” พูดเท่านี้ก็หันไปทางเหวินเอ้อร์ “ข้าพูดถูกหรือไม่ คุณชายเหวินเอ้อร์”


 


 


เหวินเอ้อร์ยิ้มพลางพยักหน้า “แม่หญิงเมิ่งพูดได้ถูกต้องนัก ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นเป็นแน่”


 


 


“เช่นนั้นก็ไปเถิด ข้าจะส่งคุณชายเอ้อร์ออกจากเมือง” เมิ่งเชียนโยวเองก็ยิ้มพลางพูดออกมา


 


 


คุณชายเหวินเอ้อร์ส่งสายตาให้คนในปกครอง “พวกเจ้าไปก่อน”


 


 


กลุ่มคนที่อยู่ในลานเรือนพักขยับฝีเท้า


 


 


“ช้าก่อน!” เมิ่งเชียนโยวยิ้มพลางตะโกนเสียงดัง “ข้ารับปากส่งคุณชายเหวินเอ้อร์ออกจากเมือง แต่ไม่ได้รับปากว่าจะปล่อยลูกน้องของเจ้าเหล่านี้ไป”


 


 


เหวินเอ้อร์ชะงักเก็บท่าที หรี่ตาลง “แม่หญิงเมิ่งหมายความเช่นไร”


 


 


“หมายความเฉกที่เจ้าคิด เจ้าไปได้ พวกเขาจำต้องอยู่ที่นี่”


 


 


“หากว่าข้าไม่ตกลงเล่า” เหวินเอ้อร์ถามเสียงเย็น


 


 


เมิ่งเชียนโยวยักไหล่ “เช่นนั้นก็คงได้แต่ปล่อยให้เจ้าฆ่าเหวินซื่อแล้ว”


 


 


“เจ้า…” เหวินเอ้อร์โมโหอย่างมาก คิดจะระเบิดออกมา


 


 


เมิ่งเชียนโยวยิ้มมองเขา


 


 


ความโกรธของเหวินเอ้อร์สลายหายไปในทันใด ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าต้องให้พี่ชายแสนดีผู้นี้ไปก่อนข้าแล้ว” พูดจบมีดก็ทิ่มเข้าไปในลำคอเหวินซื่ออีกเล็กน้อย


 


 


เหวินซื่อส่งเสียงร้องในลำคอ


 


 


เมิ่งเชียนโยวมองเหวินเอ้อร์ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนว่าไม่ได้เอาความเป็นอยู่ของเหวินซื่อเก็บมาคิด


 


 


เหวินเอ้อร์พยายามขยับมีดอีกเล็กน้อยเป็นการลองเชิง


 


 


เมิ่งเชียนโยวยังคงยิ้มมองเขาอยู่เหมือนเดิม


 


 


เหวินเอ้อร์ไม่กล้าขยับอีก สีหน้าดำคล้ำมองเมิ่งเชียนโยว


 


 


เมิ่งเชียนโยวผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญ “คุณชายเอ้อร์ รบกวนเร็วเสียหน่อย เวลาไม่เช้าแล้ว หลังจากที่เก็บกวาดร่างพวกท่านทั้งหลาย ข้ายังต้องรีบกลับไปร่วมรับประทานอาหารอีก”


 


 


เหวินเอ้อร์มองนางด้วยสายตาลอบประเมิน แต่กลับมองไม่ออกว่าแท้จริงแล้วพูดจริงหรือโกหก


 


 


ผ่านไปครู่ใหญ่จู่ๆ เหวินเอ้อร์ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “แม่หญิงเมิ่ง ท่านชนะแล้ว คนพวกนี้ข้าไม่พาไปด้วย จัดการได้ตามใจเจ้าเลย”


 


 


“ผู้ที่รู้หน้าที่และกาลเทศะถือเป็นวีรบุรุษ คุณชายเหวินสมแล้วที่เป็นผู้ชาญฉลาด หวังว่าหลังจากนี้จะยังมีโอกาสได้พบหน้ากันอีก” เมิ่งเชียนโยวพยักหน้าเอ่ยชื่นชม


 


 


เหวินเอ้อร์พูดออกมาด้วยท่าทีแสยะยิ้ม “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น แม่หญิงเมิ่งมอบของขวัญชิ้นใหญ่ที่ยากจะลืมเลือนให้ข้าเช่นนี้ ข้าจะไม่จดจำว่าต้องตอบแทนได้อย่างไร”


 


 


“ดี ข้าจะรอ หวังว่าครั้งหน้าคุณชายเอ้อร์จะไม่ทำให้ข้าผิดหวังเช่นนี้”


 


 


“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น และหวังว่าแม่หญิงเมิ่งจะมีชีวิตที่ยืนยาวเสียหน่อย รอข้ากลับมารำลึกความหลังกับท่าน”


 


 


เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปข้างนอก “ใกล้จะถึงช่วงเที่ยงวันแล้ว ข้าส่งคุณชายเอ้อร์ออกนอกเมืองดีกว่า”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนคิดจะตามไป เสียงของเหวินเอ้อร์ดังขึ้น “ซื่อจื่อ ทางที่ดีท่านอย่าได้ขยับ ข้ารับประกันว่าแม่หญิงเมิ่งจะกลับมาอย่างปลอดภัย”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนไม่ขยับ


 


 


เหวินเอ้อร์ผลักเหวินซื่อให้เดินอ้อมกลุ่มคนอย่างระมัดระวัง ตามเมิ่งเชียนโยวออกไปทางประตูหลัง ตรงไปยังนอกเมือง


 


 


เมืองประจิมแต่เดิมเป็นสถานที่ที่มีคนดีและคนเลวปะปนกัน มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งต่อสู้เกิดขึ้นทุกวี่ทุกวัน เห็นเหวินเอ้อร์ใช้มีดพกจ่ออยู่ตรงลำคอเหวินซื่อ ผลักให้เขาเดินตามสตรีผู้หนึ่งก็เพียงแต่มองด้วยความแปลกใจเท่านั้น ไม่ได้มีใครมาสนใจ


 


 


เมื่อใกล้ถึงประตูเมืองประจิม เมิ่งเชียนโยวก็หยุดฝีเท้าลง หมุนตัว “ข้าส่งคุณชายเหวินเอ้อร์ถึงที่นี่ก็แล้วกัน”


 


 


“แม่หญิงเมิ่งคิดจะกลับคำหรืออย่างไร” เหวินเอ้อร์ถามเสียงเคร่ง


 


 


เมิ่งเชียนโยวส่ายหน้า “คุณชายเหวินเอ้อร์บีบบังคับเหวินซื่อเช่นนี้ ถูกนายทหารเฝ้าเมืองเห็นเข้าจะต้องถูกกีดขวางเป็นแน่ ถึงตอนนั้นเจ้าเองก็ไปไหนไม่ได้ ไม่สู้ว่าเจ้าปล่อยมือตอนนี้ ข้าสั่งให้คนไปจูงม้ามา”


 


 


เหวินเอ้อร์กวาดตามองรอบข้างด้วยความหวาดระแวง พลางมองประตูเมืองที่อยู่ข้างหน้า คำนึงถึงความเป็นจริงของคำพูดของเมิ่งเชียนโยว


 


 


เมิ่งเชียนโยวก็ไม่ได้เร่งเร้าอะไร ปล่อยให้เขาคิดจนเข้าใจ


 


 


ผ่านไปครู่หนึ่งเหวินเอ้อร์ถึงได้กัดฟันพูดว่า “เอาเถิด ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง ให้คนของเจ้าไปจูงม้ามา”


 


 


เมิ่งเชียนโยวโบกมือให้ด้านหลัง ชิงหลวนจูงม้าตัวหนึ่งเดินเข้ามา


 


 


เหวินเอ้อร์พยักเพยิดศีรษะส่งให้ชิงหลวน “เจ้าเดินไปทางนาง”


 


 


ชิงหลวนปล่อยบังเ**ยนในมือออก เดินไปข้างกายเมิ่งเชียนโยว


 


 


เหวินเอ้อร์ดันเหวินซื่อให้เดินไปข้างม้า เอาบังเ**ยนมากระชับถือไว้ในมืออย่างระแวดระวัง ผลักเหวินซื่อออกไปทางทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็กระโจนตัวขึ้นหลังม้าอย่างว่องไว ออกแรงฟาดหลังม้าอย่างแรง ม้ารู้สึกเจ็บส่งเสียงร้องลั่นแล้วกระโจนตัววิ่งออกไป


 


 


เสียงของเหวินเอ้อร์ลอยมาจากที่ไกล “แม่หญิงเมิ่ง พวกเรายังต้องพบกันอีก”


 


 


ชิงหลวนคิดจะไล่ตามไป เมิ่งเชียนโยวขวางนางเอาไว้ “ปล่อยเขาไปเถิด ลูกน้องเขาทั้งหมดเสียหายอยู่ในน้ำมือของพวกเรา เขาคนเดียวไม่อาจพลิกคลื่นลูกใหญ่มหึมาได้”


 


 


ชิงหลวนชะงักฝีเท้า


 


 


เหวินซื่อลูบเลือดสดข้างลำคอตนเองทีหนึ่ง พูดว่า “เจ้าไม่ควรยอมปล่อยเขาไป”


 


 


“เช่นนั้นหรือ?” เมิ่งเชียนโยวถามขึ้นด้วยท่าทีเย็นยะเยือก


 


 


เหวินซื่อไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงของนางเลยแม้แต่น้อย พยักหน้า “ตระกูลฝั่งยายของเขามีทรัพย์สินมากมาย เขาคิดจะฝึกฝนคอีกสักจำนวนหนึ่งก็ถือเป็นเรื่องง่ายดายนัก เจ้าทำเช่นนี้ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า…”


 


 


โครม! เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเมิ่งเชียนโยวยันลงไปบนพื้นเข้าอย่างจัง


 


 


ชิงหลวนอ้าปากค้างตาถลนมองภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า


 


 


เมิ่งเชียนโยวยังคงไม่หายโกรธ ก้าวขึ้นไปข้างหน้าซ้ำอีกสองที พูดด้วยความโมโหว่า “ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะใครกัน ข้าเคยเตือนท่านมาก่อนนี้แล้ว เขาไม่ใช่คนที่จะต่อสู้ด้วยได้ ท่านกลับถือเป็นลมข้างหู ถ้าไม่ใช่เพราะคำนึงถึงท่าน ข้าจะปล่อยให้เขาหนีไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ ท่านรู้หรือไม่ว่าคนที่เคยข่มขู่ข้า ข้าล้วนส่งผู้คนเหล่านั้นไปเกิดใหม่หมดแล้ว”


 


 


เหวินซื่อถูกเตะจนมึน นอนหงายท้องอยู่บนพื้นมองนางด้วยท่าทีซื่อบื้อ


 


 


เห็นท่าทีของเขาเมิ่งเชียนโยวยิ่งโมโหมาหขึ้น เดินเข้าไปใกล้เขามอบลูกเตะไปให้อีกทีหนึ่ง


 


 


เหวินซื่อได้สติกลับขึ้นมาในทันใด กลิ้งหลบไปทางด้านข้าง หนีจากฝีเท้านางไปได้ “เจ้าเด็กบ้า เจ้าเตะจริงๆ หรือนี่ ข้ายังบาดเจ็บอยู่นะ”


 


 


พอเขาหลบเมิ่งเชียนโยวก็ยิ่งโมโหมากขึ้น เท้าก็ยิ่งขยับเร็วมากขึ้น “ตายไปได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องทำให้ข้าต้องมาคิดมากเรื่องท่านอยู่ทั้งวี่วัน ตอนแรกข้าตาบอดไปแล้วจริงๆ เหตุใดถึงได้รู้จักกับคนสมองหมูเช่นเจ้าด้วย”


 


 


ชิงหลวนไม่เคยเห็นเมิ่งเชียนโยวโหดเ**้ยมเช่นนี้มาก่อน นิ่งอึ้งยืนบื้อไปโดยสมบูรณ์แบบ


 


 


รอบข้างมีคนเดินผ่านไปมา ผู้ที่เดินเข้าเมืองออกเมืองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ก็พากันชะงักฝีเท้า ซุบซิบกล่าวขานหันมามองทางนี้

 

 

 


ตอนที่ 97 ปล่อยให้เจ้าเจ็บจนตายไปเลย

 

ตอนทีหวงฝู่อี้เซวียนนำทางทุกคนมาถึงก็เห็นสภาพเหตุการณ์นี้ เมิ่งเชียนโยวเตะเหวินซื่ออย่างแรงหลายทีติดต่อกันด้วยความโมโหโกรธา เหวินซื่อนอนอยู่บนพื้น หลบหนีไปมาด้วยความน่าเวทนา


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ดึงเมิ่งเชียนโยวเอาไว้ “พอแล้ว โยวเอ๋อร์ เถ้าแก่เหวินยังบาดเจ็บอยู่นะ”


 


 


เมิ่งเชียนโยวหยุดลงด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ


 


 


ในที่สุดเหวินซื่อก็ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ค่อยๆ พยุงตัวขึ้นมา อ้อนวอนกับหวงฝู่อี้เซวียนว่า “ดูแลสตรีของท่านให้ดี เอะอะก็ตบตี ทำตัวเป็นนางแม่มดไปได้”


 


 


เมิ่งเชียนโยวดิ้นหลุดจากมือของหวงฝู่อี้เซวียน เหยียบลงไปหน้าเท้าของเหวินซื่อเข้าอย่างแรงทีหนึ่ง


 


 


เหวินซื่อเจ็บจนยกเท้าขึ้นมากุมร้องเจ็บปวดกระโดดวนไปมาหลายครั้ง


 


 


ทุกคนที่ล้อมรอบล้วนขำขันด้วยท่าทางของเขา


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเห็นว่าเศษเสี้ยวความโมโหของเมิ่งเชียนโยวยังหายไปไม่หมด จึงตัดสินใจย่อตัวอุ้มนางขึ้นมา เดินขึ้นไปยังรถม้าที่ตามมา


 


 


ผู้คนที่ล้อมรอบพากันส่งเสียงโห่ร้องยินดี


 


 


เมิ่งเชียนโยวถลึงตามองเขาด้วยความโมโหทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ดิ้นหนีอะไร


 


 


เหวินซื่อปล่อยเท้าลง เดินกะโผลกกะเผลกตามไปด้านหลัง


 


 


เสียงของเมิ่งเชียนโยวดังขึ้น “ม้าถูกเอาไว้ไปให้น้องชายแสนดีของเจ้าใช้แล้ว เจ้าเดินกลับไปเถิด”


 


 


เหวินซื่อร้องครวญคราง “เจ้าเด็กบ้า นี้เจ้าคิดจะเล่นงานข้าหรืออย่างไร”


 


 


เมิ่งเชียนโยวแค่นเสียงเย็นดังออกมาจากรถม้า


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนหลุดหัวเราะ พูดว่า “เถ้าแก่เหวิน ล้อท่านเล่นแล้ว รถม้าอยู่ด้านหลัง”


 


 


พูดจบกัวเฟยก็บังคับรถม้ามาพอดี


 


 


ไม่ทันให้รถม้าได้จอดสนิท เหวินซื่อก็กระวีกระวาดขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว


 


 


“กลับร้านยาเต๋อเหริน!” หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยสั่ง


 


 


คนบังคับรถม้ารับคำสั่ง บังคับรถม้ารีบกลับไปยังร้านยาเต๋อเหริน


 


 


เหวินซื่อประสบพบพานเรื่องราวหลากหลายทั้งหมดนี้ถึงได้รู้สึกความเจ็บปวดตรงข้างลำคอ รอจนรถม้าหยุดลงก็กระโดดลงจากรถม้าในทันที เดินเข้าไปภายในร้านยาเต๋อเหริน


 


 


พนักงานเห็นสภาพเขาก็ต้องตกใจอย่างหนัก รีบถามว่า “เถ้าแก่ ท่านเป็นอะไรหรือ”


 


 


เหวินซื่อแบมือ “ไม่เป็นอะไร ไปเอายาห้ามเลือดมา”


 


 


พนักงานรีบวิ่งไปเอายาห้ามเลือดมา


 


 


เหวินซื่อกลับไปยังห้องด้านบน


 


 


เมิ่งเชียนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนก็ลงมาจากรถม้าเช่นเดียวกัน เดินเข้าไปในร้านยาเต๋อเหริน


 


 


เมิ่งเชียนโยวเอ่ยสั่งพนักงานอีกคน “ไปเอาสุราแรงและผ้าพันมา”


 


 


พนักงานรับคำ วิ่งไปหยิบของ


 


 


ทั้งสองคนก็พากันเดินมาถึงชั้นสอง


 


 


เหวินซื่อกำลังส่องกระจกด้วยท่าทางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจากความเจ็บปวด


 


 


“ไม่ต้องส่องแล้ว แผลเท่านี้ไม่ถึงตายหรอก” เมิ่งเชียนโยวพูดเสียงเย็น


 


 


เหวินซื่อมองนางทีหนึ่ง เห็นนางยังมีท่าทีความโกรธยังไม่สลายไปหมด ก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำ


 


 


พนักงานทยอยนำของที่ต้องการเข้ามา


 


 


เมิ่งเชียนโยวสั่งพนักงานผู้หนึ่งให้ไปยกอ่างน้ำสะอาดมาอ่างหนึ่ง สั่งเหวินซื่อว่า “จัดการล้างบาดแผลตนเองซะ”


 


 


เหวินซื่อชุบผ้าสะอาดในน้ำให้เปียกอย่างง่าย จัดการเช็ดบาดแผลให้สะอาด


 


 


เมิ่งเชียนโยวยื่นมือออกมาหาเขา “ผ้าเช็ดหน้า”


 


 


เหวินซื่อส่งผ้าเช็ดหน้าไปให้นางอย่างไม่ค่อยเข้าใจ


 


 


เมิ่งเชียนโยวราดสุราแรงลงไปบนผ้าเช็ดหน้า แสดงท่าให้เหวินซื่อเงยหน้าขึ้น


 


 


เหวินซื่อทำตาม


 


 


เมิ่งเชียนโยวจัดการโปะผ้าเช็ดหน้าลงไปบนบาดแผลของเหวินซื่อ


 


 


เหวินซื่อส่งเสียงแผดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “เจ็บๆๆๆ เจ็บจะตายแล้ว!”


 


 


พนักงานที่อยู่ข้างล่างทั้งหลายได้ยินเสียงนี้ก็ตกใจจนโยนของที่อยู่ในมือลงบนพื้น ยิ่งตัวหมอยิ่งไม่ต้องพูดถึง มือที่จับชีพจรอยู่กระตุกสั่นไหว


 


 


เมิ่งเชียนโยวไม่มีทีท่าจะปล่อยมือ พูดเสียงเย็น “เจ็บก็ต้องทน อย่างไรก็ดีกว่าตาย”


 


 


เหวินซื่อเจ็บจนเหงื่อผุดขึ้นมากลางหน้าผาก


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วอย่างอดไม่ไหว


 


 


เมิ่งเชียนโยวปล่อยมือออก หยิบยาห้ามเลือดเทลงไปบนปากแผล บ่นพึมพำ “หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าพี่สะใภ้ ข้าคงไม่ช่วยท่านจัดการบาดแผล”


 


 


ครั้งนี้เหวินซื่อฉลาด ไม่กล้าพูดอะไรอีก


 


 


สุดท้ายแล้วก็นำผ้าสะอาดขึ้นมาพันแผลให้เรียบร้อย เมิ่งเชียนโยวพูดว่า “เรื่องที่เหลือคงไม่ต้องให้ข้ากำชับท่านแล้วกระมัง คิดจะมีชีวิตนานกว่านี้อีกหน่อย ก่อนที่บาดแผลจะสมานเข้าหากันทางที่ดีที่สุดอย่าได้โดนน้ำ จะต้องเปลี่ยนผ้าสะอาดวันละครั้งทุกวัน ยาห้ามเลือดจะต้องติดตัวเอาไว้ตลอด หากเลือดออกโดยมิได้ตั้งใจก็รีบเทลงไป”


 


 


เหวินซื่อคิดจะพยักหน้า แต่กลับเจ็บจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน


 


 


เอ่ยกำชับเรื่องราวเหล่านี้เสร็จแล้ว เมิ่งเชียนโยวก็หมุนตัวเดินออกไป


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเดินตามไปข้างหลัง


 


 


รอจนเสียงฝีเท้าของทั้งสองคนหายลับไปชั้นล่าง เหวินซื่อถึงได้กล้าบ่นพึมพำเสียงเบา “เจ้าเด็กบ้า ลงมือหนักนัก เจ็บจะตายอยู่แล้ว”


 


 


เมิ่งเชียนโยวย่อมต้องไม่ได้ยินคำพูดนี้ของเขา เดินออกจากร้านยาเต๋อเหรินมาพลางพูดว่า “ข้าจะไปดูเปาอีฝานสักครา ท่านจะไปกับข้าหรือจะกลับจวน”


 


 


เหลือบมองท้องฟ้าทีหนึ่ง หวงฝู่อี้เซวียนพูดว่า “ข้ากลับไปรอเจ้าที่จวน”


 


 


คำว่าจวนในที่นี้หมายถึงที่ใดเมิ่งเชียนโยวย่อมรู้ดี เม้มปากพูดว่า “วันนี้จ้าคิดจะไปจวนตระกูลเฝิงสักครั้งหนึ่ง เวลาที่กลับไปก็น่าจะดึกมากแล้ว”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว “เหมือนเมื่อวานนี้ไม่ได้หรือ ให้เหวินฮูหยินไปที่จวน”


 


 


“เมื่อวานนี้ข้าเพียงแต่ให้ชิงหลวนไปแจ้งเหวินฮูหยินให้ามารักษาอาการบาดเจ็บที่บ้านอย่างกะทันหัน เหวินเอ้อร์กับรู้ข่าวอย่างรวดเร็ว น่าจะเพราะคนข้างกายนางปล่อยข่าวออกไป วันนี้ข้าจะไปเยี่ยมที่จวนรักษาอาการบาดเจ็บให้นาง แล้วจะได้สืบค้นคนข้างกายนางไปด้วย”


 


 


“เรื่องเช่นนี้มอบให้พวกเขาจัดการเองก็พอแล้ว คนตระกูลเฝิงยังพอมีฝีมืออยู่บ้าง” หวงฝู่อี้เซวียนพูด


 


 


เมิ่งเชียนโยวส่ายหน้า “รักษาอาการบาดเจ็บมาจนถึงช่วงเวลาสำคัญ หากเวลานี้เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นอีก การรักษาก่อนหน้านี้ล้วนเสียเปล่า วันนี้เหวินเอ้อร์ถูกพวกเราบีบให้ออกจากเมือง เชื่อว่าแม่เลี้ยงของเหวินซื่อจะต้องรู้เป็นแน่ ข้ากลัวว่านางจะลงมือเ**้ยมโหดกับเหวินฮูหยินอีกครั้ง ถึงเวลานั้นทุกอย่างก็จะไม่ทันแล้ว”


 


 


สีหน้าหวงฝู่อี้เซวียนมีความคาดไม่ถึงให้เห็น “กว่าเสด็จลุงจะไม่สั่งงานให้ข้าไปทำในหลายวันนี้ เจ้ากลับโดนพวกนางเอาเวลาไปหมด”


 


 


“อาจเป็นแค่เรื่องเพียงสองชั่วยาม ท่านกลับบ้านไปก่อน รอจนถึงชั่วยามนั้นมารับข้าก็พอแล้ว”


 


 


ดวงตาของหวงฝู่อี้เซวียนประกายแสงขึ้นมาในทันใด พูดเสียงเบาว่า “ความหมายของเจ้าคือ คืนนี้ข้ายังนอนค้างได้เช่นนั้นหรือ”


 


 


เมิ่งเชียนโยวไม่พูดอะไร แต่ติ่งกูกลับแดงระเรื่อ


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนปรากฏรอยยิ้มออกมา พูดว่า “ข้าไม่กลับบ้านแล้ว ตามเจ้าไปเดินเล่นดีกว่า”


 


 


เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า


 


 


มาถึงโรงหัตถกรรม ทั้งสองคนลงจากรถม้า หวงฝู่อี้เซวียเดินเข้าไปในตัวโรงหัตถกรรม เมิ่งเชียนโยวกลับแยกตัวไปจวนตระกูลเปา ชิงหลวนและจูหลีเดินตามไปข้างหลังห่างไปไม่ถึงก้าว


 


 


คนเฝ้าประตูของจวนตระกูลเปาจำนางได้ หลังจากที่ทักทายต้อนรับอย่างกระตือรือร้นแล้วนั้น ก็ให้นางเดินเข้าไป


 


 


เพิ่งจะเดินเข้ามาถึงเรือนของเปาอีฝาน ก็ได้ยินเสียงหัวเราะด้วยความดีใจของมั่วเอ๋อร์ดังออกมา


 


 


คาดการณ์ไปว่าเปาอีฝานจะต้องตื่นแล้วเป็นแน่มั่วเอ๋อร์ถึงได้ดีใจเช่นนี้ เร่งฝีเท้าเดินอีกสองสามก้าวก็เข้าไปถึงในห้อง


 


 


เป็นไปตามที่คาดไว้ ครอบครัวทั้งสี่คนล้วนรอบล้อมอยู่หน้าเตียงอย่างครบพร้อมหน้าพร้อมตา มองดูเปาอีฝานที่ลืมตาขึ้นด้วยความดีอกดีใจ


 


 


ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ผู้คนทั้งหมดพากันหันกลับมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นนาง มั่วเอ๋อร์ก็พุ่งเข้ามา พูดอย่างดีอกดีใจว่า “กูกู ท่านพ่อตื่นแล้ว”


 


 


เมิ่งเชียนโยวลูบผมนาง จูงมือเล็กของนางมาถึงหน้าเตียง ยิ้มและพูดว่า “ยินดีกับคุณชายเปาด้วย ครั้งนี้ถือว่ารอดพ้นจากช่วงเวลาอันตรายมาแล้วจริงๆ หลังจากนี้ขอเพียงบำรุงให้ดีก็พอแล้ว”


 


 


สีหน้าของเปาอีฝานยังคงซีดขาว แต่ก็ฟื้นฟูแลมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง ยิ้มอย่างอ่อนแรงทีหนึ่ง “ครั้งนี้ขอบคุณแม่หญิงเมิ่ง ข้าถึงได้มีชีวิตกลับมา”


 


 


เมิ่งเชียนโยวสะบัดมือ “เป็นเพราะท่านชะตาหนัก แย่งชิงชีวิตของตนเองกลับมาจากมือพญายม ข้าไม่กล้าแย่งชิงความสำเร็จนี้” พูดจบก็พูดอีกว่า “ร่างกายของท่านในตอนนี้ยังคงอ่อนแออย่างมาก พยายามพูดให้น้อยลง พักผ่อนให้มากขึ้น”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)