ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 90-93
ตอนที่ 90 กล้าแตะต้องผู้หญิงของข้า
หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยปากเอง เฝิงจิ้งเหวินไม่กล้าปฏิเสธอีก เดินตามทั้งสองมาถึงประตูจวน ขึ้นรถม้าของตนเอง
รถม้าของพวกนางอยู่ข้างหน้า รถม้าของเมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนอยู่ด้านหลัง ตามส่งนางกลับจวนเฝิง
มาถึงหน้าประตูจวนเฝิง หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ลงจากรถม้า หลังจากมองพวกนางเข้าไปด้านใน ก็สั่งกัวเฟยให้บังคับรถม้ากลับ
พอคิดว่าคืนนี้จะได้อยู่ค้างในห้องเมิ่งเชี่ยนโยว หวงฝู่อี้เซวียนก็ดีใจยิ้มไม่หุบปาก
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาทำหน้าเอ๋อ โพล่งหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะใสกังวานดังลอยออกไปท่ามกลางรัตติกาลมืดมิด
ทว่าท่ามกลางเสียงหัวเราะนี้ กลับมีเสียงเ**้ยมของชายคนหึ่งดังแว่วมา “แม่นางเมิ่งยังหัวเราะได้ระรื่นเช่นนี้ ดูท่าจะไม่ได้สนใจกับคำขู่ของข้าแม้แต่น้อย”
กัวเฟยหยุดรถม้า
ชิงหลวนและจูหลีทอดสายตามองออกไปอย่างระแวดระวัง
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดหัวเราะ เปล่งเสียงออกมาจากในห้องโดยสาร “คุณชายรองเหวินพูดได้ประหลาดนัก หรือนับแต่นั้นข้าก็ห้ามหัวเราะอีกรึ”
คุณชายรองเหวินแค่นเสียงหึ “แม่นางเมิ่งก็รู้ว่าข้าพูดถึงอะไร ยังจะแสร้งโง่เขลา ดูท่าวันนี้ข้าจะต้องเปิดหูเปิดตาเจ้าสักหน่อยแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่โมโห พูดด้วยน้ำเสียงปกติ “กัวเฟย คนที่ไม่กล้าสู้หน้าคนอื่นทำให้เจ้าตกใจจนหยุดรถม้าเชียวเรอะ ดูท่าต่อไปเจ้าอย่าตามข้าออกมาอีกเลย”
กัวเฟยเข้าใจนัยแฝงของนางพลัน รีบพูดรับผิด “นายท่านสั่งสอนได้ดี ผู้น้อยจะจดจำไว้ ต่อไปเจอพวกไม่กล้าสู้หน้าคน ผู้น้อยจะไม่หยุดรถม้าอีกขอรับ” ว่าแล้วก็สะบัดบังเ**ยน บังคับรถม้าเดินหน้าต่อ
คุณชายรองเหวินเพลิงโทสะปะทุ โบกมือ มีชายชุดดำสิบกว่านายลอยออกมาจากความมืดขวางหน้ารถม้าไว้
ม้าชะงักตกใจ เปล่งเสียงร้องลั่น
กัวเฟยรีบดึงบังเ**ยนม้า
คุณชายรองเหวินพูดเสียงเ**้ยม “แม่นางเมิ่ง ข้ามารอตรงนี้นานแล้ว เจ้าไม่แม้แต่จะพบหน้าก็จะไป ดูจะเสียมารยาทหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งเสียงตอบกลับ “คุณชายรองเหวินใบหน้าดุร้าย ข้าได้เห็นครั้งก่อน ทำเอานอนไม่หลับไปหลายวัน วันนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นแล้ว”
คุณชายรองเหวินส่งเสียงกร้าว “ปากดีนักนะ เจ้าตัดสินใจจะยุ่งเรื่องของเหวินซื่อ เป็นศัตรูกับข้าจริงๆ ใช่ไหมไ
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงพูดเนิบๆ “คุณชายรองเหวินประเมินตัวเองสูงไปแล้ว อย่างเจ้า ยังไม่คู่ควรจะเป็นศัตรูกับข้า”
“เจ้า…” คุณชายรองเหวินถูกยั่วโมโห กัดฟันพูดว่า “เจ้าอย่าบีบให้ข้าต้องลงมือกับเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเหอๆ “หรือเมื่อวานคุณชายรองเหวินเพียงแค่ล้อเล่น”
เมื่อวานที่ปะทะกัน ก็ถูกชิงหลวนและจูหลีฆ่าไปสองคน เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังเยาะเย้ยเขาอย่างเจ็บแสบ ต่อให้คุณชายรองเหวินสะกดกลั้นอารมณ์ได้ดีเพียงใด ก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หันไปโบกมือให้ชายชุดดำ “ลุย จัดการนังตัวดีไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำนั่นให้สาสม”
สิ้นเสียงเขา ชายชุดดำก็เข้ามาล้อมรถม้าไว้
ชิงหลวนและจูหลีก็ชักดาบข้างเอวออกมาเตรียมรับมือแล้ว
หวงฝู่อี้เซวียนแหวกม่านรถออก ก้าวออกมาจากในรถม้าช้าๆ เดินมาหน้ารถม้าอย่างสูงศักดิ์องอาจ พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “คุณชายรองเหวิน แม้แต่สตรีของข้าก็กล้าแตะต้อง ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม”
เห็นชัดว่าคุณชายรองเหวินรู้จักหวงฝู่อี้เซวียน ไม่คิดว่าเขาก็จะอยู่ในรถม้า ตกใจร้องตวาดชายชุดดำพลัน “ช้าก่อน!”
ชายชุดดำหยุดชะงัก ถอยกลับมาด้านหลังคุณชายรองเหวิน
หวงฝู่อี้เซวียนยืนหน้ารถม้า มองเขาอย่างเย็นชา พูดเนิบนาบ “เมื่อวานคุณชายรองเหวินมาขวางรถม้าโยวเอ๋อร์ พูดจาข่มขู่นาง เดิมข้าคิดจะส่งคนไปถามความกับเจ้า เมื่อวันนี้เจ้าเข้ามาเองก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องเปลืองแรง จัดการรวบยอดทีเดียว”
คุณชายรองเหวินหรี่นัยน์ตาประเมินหวงฝู่อี้เซวียนครู่หนึ่ง ถึงพูดว่า “หวงฝู่อี้เซวียน ท่านข้าหาได้มีความแค้นต่อกัน วันนี้ข้ามาหาแม่นางเมิ่ง หากท่านจะแหย่เท้าเข้ามาให้ได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
“อ่อ” หวงฝู่อี้เซวียนเปล่งน้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูแคลน “คุณชายรองเหวินจะไม่เกรงใจอย่างไรเล่า”
คุณชายรองเหวินหัวเราะเยาะหยัน “ซื่อจื่อเป็นคนฉลาด รู้แล้วไยต้องถาม”
“ข้าไม่รู้ ขอคุณชายรองเหวินชี้แนะด้วย”
คุณชายรองเหวินพูดเสียงกร้าว “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว ข้าจะส่งพวกเจ้าไปครองรักกันในปรโลกเอง”
หวงฝู่อี้เซวียนเบ้ปาก มองเขาอย่างเย็นชา หาได้สนใจคำขู่ขวัญของเขาไม่
คุณชายรองเหวินแสยะยิ้มยากจะคาดเดา โบกมือไปด้านหลัง ชายชุดดำโผล่ออกมาจากความมืดอีกยี่สิบสามสิบคน
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “ที่แท้คุณชายรองเหวินก็เตรียมการมาแล้ว วันนี้จะต้องเอาชีวิตโยวเอ๋อร์ให้ได้”
“ถูกต้อง ใครขวางข้าตาย ข้าเตือนนางแล้ว นางไม่แยแสเอง”
“ข้าไม่เข้าใจ คุณชายรองเหวินมีความสามารถเพียงนี้ เหตุใดถึงเอาชนะเหวินซื่อไม่ได้ ถูกเขาไล่จนไม่มีที่ซุกหัว”
คำพูดนี้สะกิดถูกต่อมคุณชายรองเหวิน เขาระเบิดอารมณ์ตอกกลับทันที “อย่าเอ่ยถึงเศษสวะนั่น หากไม่เพราะเจ้าเฒ่าลำเอียงนั่น ร้านยาเต๋อเหรินก็เป็นของข้าแล้ว เจ้าเศษสวะนั่นไม่มีวันได้ไป”
“ด้วยกำลังของคุณชายรองเหวินในตอนนี้ การกำจัดเหวินซื่อเป็นเรื่องง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ ไม่ทราบว่าเหตุใดท่านถึงไม่ลงมือ”
คุณชายรองเหวินหัวเราะลั่น “การจะฆ่าเขาทันทีมันง่ายเกินไป ข้าอยากทรมานให้มันตายช้าๆ เขาเที่ยวคุยโวว่ามีใจรักมั่นคงกับคุณหนูใหญ่เฝิงนักไม่ใช่เรอะ ข้าอยากเห็นนักว่าหากเฝิงจิ้งเหวินมีลูกไม่ได้ ถูกแรงกดดันจากเจ้าเฒ่านั่นจนต้องแต่งอนุเข้ามา ตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่ ทั้งอยากเห็นตอนที่เขาแต่งอนุเป็นร้อยเข้าเรือน ก็มีลูกไม่ได้ ถูกเจ้าเฒ่าถีบออกจากสกุลจะมีสภาพเช่นไร”
หวงฝู่อี้เซวียนร้อง “อ่อ” เบาๆ พูดว่า “ที่แท้คุณชายรองเหวินก็เป็นคนโรคจิตวิตปลาส ชอบเห็นคนอื่นเจ็บปวดเจียนตาย”
คุณชายรองเหวินหัวเราะเ**้ยมเกรียม “ท่านพูดถูกต้อง ข้าจะเก็บเหวินซื่อไว้ ได้เห็นภาพเขาถูกไล่ออกจากสกุล ถูกสกุลเฝิงไล่ล่าตามฆ่า แค่คิดข้าก็สะใจแล้วไ
หวงฝู่อี้เซวียนส่ายหน้า “น่าเสียดายนัก”
“เสียดายอะไร” คุณชายรองเหวินหรี่นัยน์ตาถาม
หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มอ่อน “เสียดายที่เจ้าจะไม่ได้เห็นภาพนั้น”
“ขอเพียงนังตัวดีนี่ไม่เข้ามาแส่ วันนั้นไม่ช้าก็จะมาถึง”
หวงฝู่อี้เซวียนยังคงส่ายหน้า “ต่อให้วันพรุ่งเหวินซื่อตกอยู่ในสภาพนั้น คุณชายรองเหวินก็ไม่มีวันได้เห็น”
“แค่พวกเจ้าไม่กี่คน” คุณชายรองเหวินพูดดูแคลน “ประเมินตัวเองสูงไปหน่อยแล้ว”
“จัดการซะ” หวงฝู่อี้เซวียนพูดกับอากาศ แล้วหันหลังกลับเข้าห้องโดยสาร
ตอนที่ 91 องครักษ์มังกร
คุณชายเหวินเอ้อร์ตะลึงงัน จากนั้นก็พูดอย่างนึกดูถูกว่า “อย่าคิดจะสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา ตัวข้า…”
คนชุดดำจำนวนหนึ่งทิ้งตัวลงต่อหน้าเขาอย่างเงียบเชียบไร้ซึ่งเสียง ไม่รอให้คนของเขาได้ทันตั้งตัว ก็ลงมืออย่างรวดเร็ว
คุณชายเหวินเอ้อร์ตื่นตกใจ ฝีมือวิทยายุทธ์ของเขาไม่ต่ำเตี้ย แต่กลับไม่รู้สึกถึงตัวตนของคนกลุ่มนี้
และส่วนกลุ่มคนเหล่านั้นที่เขาพามา เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ตื่นตะลึงก็เสียหายไปกว่าครึ่งแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งอยู่ในห้องโดยสารนิ่งเงียบไม่ไหวติง
หวงฝู่อี้เซวียนก็กลับมานั่งอยู่ภายในห้องโดยสารเช่นเดียวกัน พูดเสียงเบาว่า “ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูป”
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร นางพยักหน้า เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวด้านนอกอย่างตั้งใจ
ด้านนอกไม่มีเสียงต่อสู้ใดๆ เลยสักนิด
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกแปลกใจ คิดจะแหวกม่านหน้าต่างรถดูสถานการณ์ด้านนอก
หวงฝู่อี้เซวียนจับมือของนางเอาไว้ พูดเสียงเบาว่า “อย่าดูเลย ระวังพรุ่งนี้จะกินข้าวไม่ลง”
ชาติที่แล้วมีสภาพคนตายแบบไหนกันที่เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เคยพบเห็น ได้ยินเขาพูดเช่นนี้กลับทำให้นางเกิดความรู้สึกแปลกใจขึ้นมา จะแหวกม่านหน้าต่างรถดูให้ได้
หวงฝู่อี้เซวียนรีบจับมือของนางเอาไว้ ขัดขวางนาง
ระหว่างที่ทั้งสองคนชะงักแข็งไปนั่นเองเสียงที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา “ซื่อจื่อ จัดการหมดเรียบร้อยแล้วขอรับ คนเองก็ปล่อยไปตามคำสั่งท่านแล้วขอรับ”
“ตามเขาไป เจอสถานที่ซ่อนตัวของเขาแล้วมารายงานข้า” หวงฝู่อี้เซวียนสั่งเขา
ชายผู้นั้นรับคำถอยออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนปล่อยมือเมิ่งเชียนโยว
เมิ่งเชียนโยวแหวกม่านหน้าต่างรถออก หันไปมองทางด้านหน้ารถม้า สะอาดเรียบร้อยไม่เห็นมีอะไร นางหันมองรอบด้านด้วยความไม่นึกเชื่อก็ไม่เห็นร่องรอยอะไรเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน เห็นเพียงแต่กัวเฟย ชิงหลวนและจูหลีอยู่อึ้งตะลึงอ้าปากกว้างอยู่กับที่
“กัวเฟย เกิดเหตุอันใดขึ้น คนเหล่านั้นเหล่า” เมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้น
กัวเฟยเหมือนตกใจตื่นจากความฝัน ชี้ไปยังด้านหน้ารถม้า พูดติดอ่างกลับไปว่า “นาย…นายท่าน พวก…พวกเชา…”
กัวเฟยเป็นหัวหน้าองครักษ์หลวง ระดับวิทยายุทธ์ไม่ต่ำต้อย เคยพบเห็นเหตุการณ์นองเลือดหลากหลายมานับไม่ถ้วน การต่อสู้เมื่อครู่นี้กลับทำให้เขาตกใจได้ถึงเพียงนี้ เมิ่งเชียนโยวยิ่งเกิดความรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น ถามว่า “เมื่อครู่นี้เกิดเหตุอันใดขึ้นกันแน่”
“กัวเฟย ปิดปากของเจ้าให้แน่น หากเจ้ากล้าพูดออกมาแม้แต่นิดก็จัดการหาทางให้ตนเองไปเถอะ” เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนดังขึ้นมา
ปากที่เพิ่งอ้าออกของกัวเฟยหุบลงในทันใด
เมิ่งเชียนโยวหันกลับมาถลึงตาใส่หวงฝู่อี้เซวียนทีหนึ่ง พลางหันไปถามชิงหลวนและจูหลีอย่างอดไม่ได้ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
ชิงหลวนและจูหลีเหลือบไปมองหวงฝู่อี้เซวียนทีหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่แสดงการกระทำแบบเด็กน้อยออกมา ใช้มือปิดปากของตนเองเอาไว้ไม่พูดจา
เมิ่งเชียนโยวรู้ว่าตนเองถามไปก็ไม่ได้คำตอบ นางยกขาขึ้นเตะหวงฝู่อี้เซวียนทีหนึ่ง สั่งกัวเฟยด้วยความโมโห “กลับจวน”
กัวเฟยรีบกระชับบังเ**ยน บังคับรถม้ากลับจวนอย่างรวดเร็ว
หวงฝู่อี้ได้รับคำสั่งจากหวงฝู่อี้เซวียนมาพักใหญ่แล้ว รู้ว่าจะนอนค้างอยู่ที่นี่ ดังนั้นหลังจากที่หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชียนโยวออกมาแล้วจึงได้ตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ภายในหลืบประตูห้อง หัวเราะยิ้มแย้มพูดกับคนเฝ้าประตูว่าคืนนี้ตนเองจะต้องรบกวนเขาแล้ว
เมื่อมีประสบการณ์ครั้งที่แล้ว ครั้งนี้คนเฝ้าประตูสงบนิ่งขึ้นมาก เขาจัดการหาผ้าห่มฟูกนอนให้เขา ตนเองยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูรอพวกเมิ่งเชียนโยวกลับมา ขัดกลอนประตูกลับห้องของตนเองไปนอนพักผ่อน
กัวเฟยบังคับรถม้ามาถึงหน้าประตูจวน หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชียนโยวลงจากรถม้า เดินตรงเข้าไปข้างในไปพลาง กำชับเขาไปพลาง “เข้ารีบไปบอกพี่รองว่าโยวเอ๋อร์กลับมาแล้ว วันนี้เหนื่อยเกินไป จะกลับห้องไปนอนพักเสียก่อน มีเรื่องอันใดพรุ่งนี้ค่อยสนทนากัน”
กัวเฟยรับคำ จัดการบังคับรถม้าเข้าจวนจากประตูหลัง ไปยังเรือนของเมิ่งฉีเพื่อรายงาน
เมื่อครู่ตอนที่กินข้าวด้วยกันหวงฝู่อี้เซวียนได้บอกเมิ่งฉีไว้แล้วว่าตนเองจะพาเหวินฮูหยินลับไปส่งพร้อมกับเมิ่งเชียนโยว เมิ่งฉีจึงไม่ได้เป็นกังวลพวกเขาเท่าไรนัก ตอนนี้เมื่อทราบว่าเมิ่งเชียนโยวกลับมาและได้กลับไปพักผ่อนที่เรือของตนเอง เขาคิดว่าวันนี้นางเองก็คงจะเหนื่อยมากแล้ว จึงไม่ได้คิดอะไรมาก เป่าตะเกียงภายในห้องของตนแล้วหลับไป
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชียนโยวทั้งสองคนมาถึงภายในห้องของเมิ่งเชียนโยว ชิงหลวนยกน้ำมาให้พวกเขาได้เช็ดหน้าเช็ดตาทำความสะอาดกันครู่หนึ่ง หวงฝู่อี้เซวียนก็ถอดเสื้อนอกออก นอนลงฝั่งริมนอกของเตียง พลางใช้มือตบเตียงฝั่งในสองสามที แสดงท่าทางให้เมิ่งเชียนโยวเข้ามานอน
เมิ่งเชียนโยวไม่ขยับตัว ยกมือขึ้นกอดอกมองเขา
หวงฝู่อี้เซวียนพูดล่อลวงนาง “เจ้ามานอนให้ดี แล้วข้าจะบอกเจ้า”
ยังดีที่เขายังไม่กล้าปิดบังตนเอง เมิ่งเชียนโยวถอดเสื้อนอกเช่นเดียวกัน ทิ้งตัวลงนอนฝั่งด้านในเตียง
หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือออกไปรวบตัวนางไว้ในอ้อมกอด ประชิดเข้าหานางกระซิบข้างหูพูดเสียงเบาว่า “คนเหล่านั้นคือองครักษ์มังกร มีเอาไว้ลอบปกป้องเสด็จลุงโดยเฉพาะ ไม่แสดงตัวออกมาง่ายๆ วิธีการรับมือกับคนนั้นโหดเ**้ยมยิ่งนัก ระยะนี้ข้ากำลังจัดการเรื่องหนึ่งอยู่ เสด็จลุงกลัวว่าข้าจะมีอันตรายถึงได้ให้ข้ายืมพวกเขามาใช้สองสามวัน ก็ถือว่าเป็นโชคร้ายของคุณชายเหวินเอ้อร์ด้วย หากว่าเขาอดทนไว้ได้ ผ่านไปอีกไม่กี่วันค่อยมาหาเรื่องพวกเรา คนของเขาก็คงจะไม่ถูกกำจัดอย่างง่ายดายเพียงนี้”
เมิ่งเชียนโยวเข้าใจในทันใด มิน่าเล่านางถึงไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย แท้จริงแล้วองครักษ์มังกรกลุ่มนี้ก็ใช้วิธีสกปรกจัดการนี่เอง
สำหรับจะเป็นวิธีการอะไร ก็คงจะหนีไม่พ้นไม่กี่ประเภทเหล่านั้น เมิ่งเชียนโยวไม่มีความสนใจจะถามต่อไป ดึงผ้านวมที่อยู่ด้านข้างมาคลุมบนร่างพวกเขาสองคนเอาไว้ พูดว่า “นอนเถิด พรุ่งนี้เจ้ายังต้องรีบตื่นกลับจวนแต่เช้า หากพี่รองรู้เข้าว่าเจ้าหลอกลวงเขา คาดว่าหลังจากนี้ไปเจ้าคงไม่ต้องคิดกลับเข้ามาอีก”
เมิ่งฉีพูดเตือนพวกเขาสองคนซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ให้ทำเรื่องที่ขัดต่อจารีตประเพณีอีก หากว่าปล่อยให้เมิ่งฉีรู้เข้าจริงๆ ว่าหวงฝู่อี้เซวียนมานอนพักอ้างแรมอยู่ในห้องเมิ่งเชียนโยว คาดว่าเขาคงจะเอามีดมาฆ่าหวงฝู่อี้เซวียนเป็นแน่
หากเป็นเมื่อก่อน เมิ่งเชียนโยวพูดเช่นนี้ หวงฝู่อี้เซวียนย่อมต้องหลับตาอย่างว่าง่ายเชื่อฟัง กระชับกอดเมิ่งเชียนโยวเข้าสู่ภวังค์แห่งความฝัน แต่วันนี้เขากลับไม่ทำเช่นนั้น แต่กลับดันตัวขึ้นมาพิงหัวเตียง ลืมตากลมโตเป็นประกาย ถามอย่างเต็มไปด้วยความหวังว่า “โยวเอ๋อร์ ข้าจุมพิตเจ้าได้หรือไม่”
สิ่งที่ตอบเขาคือเท้าข้างหนึ่งของเมิ่งเชียนโยว
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ทันได้ป้องกันตัว ตึ้ง! เสียงดังสนั่นตกลงไปนอนอยู่ใต้เตียง
เมิ่งเชียนโยวได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวนั้น รู้ว่าเขาล้มไปไม่เบา คิดอยากจะลุกขึ้นดูอาการเขาอย่างรวดเร็วด้วยความสงสาร พลางคิดถึงคำขอของเขาเมื่อครู่นี้ถึงได้ทำใจแข็งนอนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับ
ชิงหลวนและจูหลีที่นอนพักผ่อนอยู่ในห้องรองได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวผิดปกติจึงรีบเดินไปยังหน้าประตูห้องเมิ่งเชียนโยวในทันใด ชิงหลวนถามขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “นายท่านเจ้าคะ ท่านเป็นอะไรไปหรือ จะต้องให้บ่าวเข้าไปช่วยเหลืออะไรหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องเข้ามา กลับไปนอนเถิด” เมิ่งเชียนโยวรีบตอบกลับ
ชิงหลวนและจูหลีล้วนเป็นหญิงสาวยังไม่ออกเรือน ย่อมไม่รู้ว่าข้างในเกิดเหตุอันใดขึ้น แม้จะเกิดความสงสัยขึ้นในใจ แต่ก็เดินกลับห้องตนเองไปอย่างเชื่อฟัง
“พวกข้าไม่เป็นอะไร คืนนี้ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอะไรก็ตามแต่ไม่ต้องเข้ามา!” หวงฝู่อี้เซวียนที่นอนอยู่บนพื้นเอ่ยสั่งทั้งสองคน
ทั้งสองคนยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ แต่กลับไม่กล้าส่งเสียงถามไถ่
ครั้งนี้หวงฝู่อี้เซวียนร่วงลงบนพื้นอย่างเต็มกำลัง ล้มจนศีรษะวิงเวียน เขาแยกเขี้ยวยิงฟัน หลังจากที่สั่งกำชับชิงหลวนและจูหลีทั้งสองคนแล้วถึงได้รู้สึกดีขึ้น เขาพยายามออกแรงลุกขึ้น ยืนอยู่ข้างเตียง ดวงตาประกายหลุบมองเมิ่งเชียนโยวจากด้านบน
เมิ่งเชียนโยวสบตาตอบ พูดเสียงเบาว่า “คิดจะอยู่ที่นี่ก็มานอนให้ดี มิเช่นนั้นก็กลิ้งกลับจวนอ๋องฉีไป”
หวงฝู่อี้เซวียนเม้มปาก ไม่พูดอะไร ภายในดวงตากลับประกายแสงเจ้าเล่ห์ออกมา
ตอนที่ 92 ศึกประลองจุมพิต
ภพที่แล้วเมิ่งเชียนโยวเป็นยอดนักฆ่าฝีมือดีผู้หนึ่ง นางแทบจะออกไปทำภารกิจทุกวัน ไม่มีเวลาที่จะมาพูดเรื่องความรักใคร่ใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อเห็นสายตาของหวงฝู่อี้เซวียน แม้จะไม่รู้ว่านั่นหมายถึงอะไร แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอันตรายที่แฝงไว้ นางกลืนน้ำลายลงคอตามสัญชาตญาณ “เจ้าจะทำ…”
ยังไม่ทันพูดจบ หวงฝู่อี้เซวียนก็พุ่งลงมาคร่อมนางเอาไว้
เมิ่งเชียนโยวกลิ้งตัวหลบไปด้านในเตียงตามสัญชาตญาณ คิดจะหลบหลีกเขา
หวงฝู่อี้เซวียนคาดเอาไว้แล้วว่านางจะทำเช่นนั้น ขยับตัวไปกอดนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก้มลงไปประทับริมฝีปากลงบนปากของนางอย่างแม่นยำ
ไฉนเลยเมิ่งเชียนโยวจะปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ นางเอียงหัวหลบพลางยกขาหวังจะกระทุ้งบนร่างกายของเขา
เมื่อครู่นี้หวงฝู่อี้เซวียนไม่ทันได้คิดว่านางจะทำเช่นนั้นจึงไม่ได้ป้องกันตัวถึงได้ปล่อยให้นางลงมือสำเร็จ แต่ครั้งนี้เขาเตรียมรับมือป้องกันวิธีนี้ของนางไว้แล้ว ในขณะที่ขาของเมิ่งเชียนโยวยกขึ้นก็ถูกมือของเขากดลงไป
เมิ่งเชียนโยวไม่เคยถูกคนควบคุมมาก่อน ในใจเกิดนึกลนลาน มือซ้ายยกขึ้นมาฟาดเข้าไปบนใบหน้าหวงฝู่อี้เซวียนเข้าเต็มแรง
หวงฝู่อี้เซวียนไม่หลบ ฝ่ามือนี้จึงประทับลงบนใบหน้าของเขาเข้าอย่างจัง
เสียงดังชัดก้องเป็นพิเศษท่ามกลางยามราตรี
ชิงหลวนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว คิดจะพุ่งเข้าไปสอบถาม จูหลีดึงนางกลับมาด้วยความมือไวตาไว ส่ายหน้าให้นางเห็น
เมิ่งเชียนโยวคิดไม่ถึงว่าหวงฝู่อี้เซวียนจะไม่หลบ ตะลึงงันไปในทันใด
หวงฝู่อี้เซวียนคร่อมทับอยู่บนร่างของนาง ไม่มีทีท่าใส่ใจฝ่ามือที่ตบลงมาของนางเลยแม้แต่น้อย ยังคงลืมตาโตสว่างประกายของเขาจ้องเขม็งมองนางอยู่นิ่งๆ เสียงแหบทุ้มแลดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษท่ามกลางยามราตรี “โยวเอ๋อร์ ครั้งเดียวเท่านั้นได้หรือไม่”
เมิ่งเชียนโยวดูเหมือนจะตกลงไปในความทรงเสน่ห์ของเขา อ้าปากค้างน้อยๆ มองเขาอยู่อย่างนั้น
การกระทำเช่นนี้เสมือนเป็นการเชื้อเชิญเขาให้เข้าไปลิ้มรสหวาน หวงฝู่อี้เซวียนทนไม่ไหวอีกต่อไป ก้มหน้าลงไปจุมพิตอย่างไม่คิดระวังใดๆ ทั้งสิ้น
เมิ่งเชียนโยวยกมือซ้ายขึ้น เมื่อขึ้นมาครึ่งหนึ่งก็ปล่อยตกลงไป
หวงฝู่อี้เซวียนจุมพิตลงไปบนปากของนาง ดูดดึงอยู่สองสามครั้ง รับรู้ถึงความนุ่มนิ่มอ่อนโยนจนไม่อาจคิดหยุดยั้ง
ทั้งสองภพของเมิ่งเชียนโยวเพิ่งจะเคยถูกจูบเป็นครั้งแรก ในใจเกิดนึกสั่นไหวเล็กน้อย จนลืมแสดงปฏิกิริยาตอบรับ
หวงฝู่อี้เซวียนเหมือนได้รับการกระตุ้น ลองเปิดริมฝีปากของนางขึ้น ส่งลิ้นเข้าไปข้างใน ตามหาลิ้นเล็กของนางดึงดูดเกี่ยวพัน
ตูม เสียงดังก้อง เมิงเชียนโยวรู้สึกเหมือนในหัวมีอะไรบางอย่างระเบิดออก ทั้งร่างอ่อนแรงไร้กำลัง ปล่อยให้เขาทำได้ตามอำเภอใจ
ตราบจนเมิ่งเชียนโยวแทบจะหายใจไม่ทันแล้วหวงฝู่อี้เซวียนถึงจะปล่อยนางไป เสียงเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ดังขึ้นมา “โยวเอ๋อร์ หายใจ”
เมิ่งเชียนโยวมองเขาด้วยท่าทีเลื่อนลอย สูดลมหายใจเข้าออกตามคำบอกของเขาตามสัญชาตญาณ
เป็นครั้งแรกที่หวงฝู่อี้เซวียนเห็นท่าทีมึนงงของนาง ก้มลงไปจูบอีกครั้งอย่างอดใจไม่ไหว
ผ่านไปนานถึงได้ปล่อยนาง หัวเราะเสียงเบาพูดว่า “โยวเอ๋อร์ เรียกวิญญาณกลับมาได้แล้ว เจ้าเป็นเช่นนี้อีกข้าจะอดใจกินเจ้าลงไปไม่ไหว”
เมิ่งเชียนโยวได้สติกลับเข้าร่าง ใบหน้าแดงก่ำขึ้นในทันใด รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะของตนเองไว้อย่างรวดเร็ว ในใจนึกหงุดหงิดตนเองยิ่งนักที่ลุ่มหลงไปในภวังค์หวาน แสดงการกระทำที่น่าอับอายเช่นนี้ออกมา
หวงฝู่อี้เซวียนคร่อมทับร่างของนางหัวเราะเสียงทุ้ม “โยวเอ๋อร์ เจ้าน่ารักยิ่งนัก”
“ออกไป!” เมิ่งเชียนโยวที่อยู่ใต้ผ้าห่มพูดเสียงแข็ง
เสียงหัวเราะของหวงฝู่อี้เซวียนยิ่งมีความสุขขึ้นไปอีก เอนตัวลงนอนด้านข้าง รวบทั้งคนแล้วผ้าห่มเข้ามาในอ้อมกอด พูดเสียงอ่อนโยน “นอนเถิด ไม่กวนเจ้าแล้ว”
เมิ่งเชียนโยวไม่ตอบกลับ
หวงฝู่อี้เซวียนกลัวว่านางจะอึดอัดไปมากกว่านี้ คิดจะเลิกชายผ้าห่มมุมหนึ่งออก
เมิ่งเชียนโยวรีบจับเอาไว้อย่างรวดเร็ว ไม่ยอมปล่อยมือออกโดยเด็ดขาด
เมิ่งเชียนโยวที่อยู่ตรงหน้าตนเองปกติแล้วแข็งกร้าวอาจหาญ ไฉนเลยจะมีทีท่าเหมือนหญิงสาวเช่นนี้ให้ได้เห็น หวงฝู่อี้เซวียนสูดลมหายใจลึกสองสามที พยายามกดความพลุ่งพล่านในใจของตนลงไป เอ่ยตือนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า รอจนวันสมรสๆ ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้กดความพลุ่งพล่านนั้นลงไปได้
เมิ่งเชียนโยวหลบอยู่ใต้ผ้าห่ม มองไม่เห็นการกระทำของเขา ย่อมไม่รู้ว่าตนเองเกือบจะถูกคนกินเสียแล้ว
หวงฝู่อี้เซวียนไม่กล้าสร้างเรื่องอีก กระชับกอดเมิ่งเชียนโยวทั้งคนทั้งผ้าห่ม พูดเสียงอ่อนโยน “นอนเถิด”
เมิ่งเชียนโยวหลบอยู่ในผ้าห่มไม่พูดจา
ภายในห้องเงียบสงบ
เมิ่งเชียนโยวคิดอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ครุ่นคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าคืออะไร จึงได้ปล่อยวางผ่อนคลายร่างกายขึ้นมา หลับตานอนลง
ตราบจนใกล้จะนอนหลับ ความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัว เมิ่งเชียนโยวผุดลุกขึ้นนั่งในทันใด ทำให้หวงฝู่อี้เซวียนตกใจไม่เบา เมิ่งเชียนโยวจ้องเขม็งมองหวงฝู่อี้เซวียนที่ตื่นตกใจ ตะโกนถามเสียงเข้ม “เหตุใดการกระทำของเจ้าถึงได้คุ้นชินเช่นนี้ เจ้าเคยไปหาใครฝึกมาด้วยหรือ”
หลังจากหวงฝู่อี้เซวียนตะลึงไป ก็ก้มหน้าหัวเราะเสียงเบา
“เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตีเจ้าจนหัวเราะไม่ออก” ไม่รอให้ได้รับคำตอบ เมิ่งเชียนโยวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
หวงฝู่อี้เซวียนรีบเก็บรอยยิ้มในทันใด ลุกขึ้นนั่ง เขยิบเข้าไปอยู่ด้านหน้านาง จ้องเข้าไปในดวงตาของนาง คิ้วเรียวเลิกขึ้นพูดว่า “โยวเอ๋อร์ มีของสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าซุนกงถูเจ้ารู้หรือไม่*
“เจ้ายังเคยดูของสิ่งนั้นด้วยหรือ” เมิ่งเชียนโยวหน้าแดงก่ำ ถามออกมาอย่างไม่นึกเชื่อ
หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะเสียงเบาอีกระลอกหนึ่ง “เสด็จแม่ให้ข้ามา บอกว่าพวกเรามักจะอยู่ด้วยกัน กลัวว่าข้าจะควบคุมจิตใจทำร้ายเจ้าไม่ได้ เลยให้ข้ามาศึกษาก่อน”
เมิ่งเชียนโยวไร้ซึ่งคำพูดในทันใด มองดูท่าทางพออกพอใจของเขา ถึงได้หยิบหมอนที่อยู่ข้างมือขึ้นมาฟาดลงไป “อายุยังน้อยไม่รู้จักศึกษาเรื่องดีๆ ถอยออกไป”
หวงฝู่อี้เซวียนจับหมอนเอาไว้เบาๆ โยนทิ้งไปอีกข้างหนึ่งพล่างหันไปรวบตัวลงนอนลนเตียง เขยิบเข้าไปประชิดกระซิบข้างหูนางถามด้วยความล่อลวงว่า “ข้ายังศึกษาเรื่องอื่นมาด้วย มิเช่นนั้นจะลองดูหรือไม่”
เมิ่งเชียนโยวใช้ข้อศอกกระทุ้งเขาในทันใด “เจ้าไปตายซะ!”
หวงฝู่อี้เซวียนจุกจนเจ็บ จนต้องปล่อยนางออกไป
เมิ่งเชียนโยวขยับตัวเข้าไปเตียงด้านใน ห่างจากเขาออกมาเสียหน่อย
หวงฝู่อี้เซวียนหยิบผ้าห่มบางขึ้นมา คลุมร่างพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้ โอบนางจากด้านหลังอีกครั้ง “วางใจเถิด พวกเรายังไม่ได้เข้าพิธีสมรส ข้าไม่มีทางเกินเลยเป็นแน่”
เมิ่งเชียนโยวยังคงหันหลังให้เขาด้วยความแง่งอน แต่ริมฝีปากกลับปรากฏรอยยิ้มให้ได้เห็น
หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่ได้ฝืนบังคับนาง ขยับหัวเข้าไปใกล้ซอกคอนางไม่นานก็เข้าสู่ภวังค์หลับลึก
ได้ยินว่าเขาหลับไปแล้วเมิ่งเชียนโยวก็สงบใจลง ร่างกายค่อยๆ ขยับเข้าไปหา เขยิบติดชิดกับอ้อมอกของเขา หลับลึกไปเช่นเดียวกัน
ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่นางหลับไปแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนกลับลืมตาขึ้นมา มองนางด้วยความพึงพอใจ ผ่านไปนานก็ยังไม่หลับ
รอจนเมิ่งเชียนโยวลืมตาขึ้นมาอีกครั้งท้องฟ้าก็สว่างจ้าแล้ว รู้สึกได้ว่าความอบอุ่นจากด้านหลังหายไป ก็รู้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนจากไปแล้ว จึงได้บิดร่างให้สบาย นอนแผ่อยู่บนเตียงใหญ่ คิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืนนี้หน้าแดงก่ำขึ้นมาในทันใด
ฟ้าเพิ่งจะรุ่งสาวหวงฝู่อี้เซวียนก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ชิงหลวนและจูหลีได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงเดินออกมาจากห้องรอง หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยสั่งว่า “สองวันมานี้โยวเอ๋อร์เหนื่อยแล้ว ให้นางได้พักผ่อนเสียหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องไปรบกวนนาง”
ทั้งสองรับคำเสียงเบา รอจนหวงฝู่อี้เซวียนออกไปจากเรือนแล้วถึงได้มายืนอยู่ข้างประตูห้องสองฝั่ง รอเมิ่งเชียนโยวตื่นขึ้นมา
นอนนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง เมิ่งเชียนโยวถึงได้ส่งเสียงสั่งคนด้านนอก “ชิงหลวน!”
ชิงหลวนรับคำ เดินเข้ามา “นายท่าน ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
“ชั่วยามอะไรแล้ว พี่รองไปแล้วหรือไม่” เมิ่งเชียนโยวลุกขึ้นจากเตียงพลางถามขึ้นมา
ตอนที่ 93 ให้พวกเขาจัดการกันเอง
“ยามเฉินสามเค่อแล้วเจ้าค่ะ คุณชายรองเพิ่งมาหาเมื่อครู่นี้ เห็นว่าท่านยังไม่ตื่นเลยให้บ่าวบอกท่านว่าคุณชายจะไปโรงหัตถกรรมก่อนเจ้าค่ะ”
‘สายขนาดนี้แล้ว’ เมิ่งเชียนโยวขมวดคิ้ว เอ่ยสั่งในทันที “รีบไปตักน้ำมาให้ข้าล้างหน้าล้างตา ยังจะต้องไปดูสถานการณ์ของคุณชายเปาที่จวนตระกูลเปาเสียหน่อย”
จูหลียกน้ำกะละมังหนึ่งเข้ามา ชิงหลวนเดินออกไป
เมิ่งเชียนโยวล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อย ชิงหลวนก็นำอาหารยกเข้ามาพอดี
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว กัวเฟยก็จัดการเตรียมรถม้าเรียบร้อย รออยู่หน้าประตูใหญ่
นั่งรถม้ามาถึงจวนตระกูลเปา ผู้ดูแลจวนเฒ่ามารออยู่หน้าประตูอยู่แล้ว เห็นนางลงมาจากรถม้าก็เดินเข้ามาหาพลางพูดว่า “คุณท่านบอกว่าแม่หญิงเมิ่งน่าจะใกล้มาถึงแล้ว เลยให้บ่าวออกมารับท่านอยู่หน้าประตูขอรับ”
เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า เดินตามเขาเข้าไปในจวน แล้วถึงกดเสียงเอ่ยถามว่า “คุณชายของพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ใบหน้าผู้ดูแลจวนเฒ่ามีความยินดีแสดงออกมาให้เห็น เอ่ยตอบเสียงเบา “เมื่อคืนนี้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ไม่มีไข้แล้ว กินโจ๊กไปชามแล้วชามหนึ่งขอรับ”
ระหว่างที่ทั้งสองคนสนทนากันอยู่ก็เดินมาถึงภายในห้องเปาอีฝาน
เปาชิงเหอ เปาฮูหยินและซุนฮุ่ยที่พามั่วเอ๋อร์มาด้วยล้วนอยู่ข้างใน เห็นนางเดินเข้ามา ใบหน้าของเปาฮูหยินก็มีรอยยิ้มออกมาให้เห็น “แม่หญิงเมิ่ง ข้าเห็นว่าวันนี้ฝานเอ๋อร์ดูสีหน้าดีขึ้นมากนัก ใช่ว่าไม่มีเรื่องน่ากังวลถึงแก่ชีวิตแล้วหรือไม่”
เมิ่งเชียนโยวเดินมาถึงหน้าเตียง มองดูสีหน้าของเปาอีฝานอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าสีหน้าจะยังซีดเผือด แต่ก็ไม่ได้ซีดขาวโปร่งแสงเหมือนกับเมื่อวานนี้ มีสีเลือดให้ได้เห็นอยู่บ้าง เมิ่งเชียนโยวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง จับมือข้างหนึ่งของเปาอีฝานขึ้นมา ยื่นมือออกไปจับชีพจรของเขา การเต้นของชีพจรยังคงอ่อนแรง แต่สมดุล เป็นการบ่งบอกว่าร่างกายนี้กำลังดีขึ้น นางพยักหน้าพลางพูดว่า “น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่ก็ไม่อาจละเลย จะต้องดูอาการอีกสักวันหนึ่ง หากไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติอะไรก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ถึงเวลานั้นขอเพียงแต่พักผ่อนให้ดีก็พอแล้ว”
ทั้งสามคนยินดีเป็นอย่างมาก
เปาฮูหยินก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง จับมือของเมิ่งเชียนโยวไว้มั่น พูดออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ “แม่หญิงเมิ่ง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องตอบแทนเจ้าเช่นไร ชีวิตของพวกเราสองแม่ลูกล้วนเป็นเจ้าที่ช่วยเหลือ เจ้าถือเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวเราโดยแท้”
เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ วันเดียว บนศีรษะของเปาฮูหยินก็มีผมขาวเพิ่มขึ้นไม่น้อย แลดูแก่ชราลงไปมากนัก ไม่มีความสง่างามนิ่งเฉยในกาลก่อนให้ได้เห็น เมิ่งเชียนโยวรีบพูดว่า “ท่านป้า เมื่อวานนี้ท่านรับปากข้าแล้วไม่ใช่หรือว่าหลังจากนี้จะไม่พูดเกรงอกเกรงใจเช่นนี้อีก”
เปาฮูหยินตีมือนาง ดวงตาชื้นฉ่ำอยู่เล็กน้อย “ข้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะต้องตอบแทนเจ้าเช่นไร ตระกูลพวกข้าได้รู้จักเจ้าถือว่าสวรรค์บันดาลความสุขมาให้โดยแท้”
เมิ่งเชียนโยวยิ้มบางๆ ยอมรับอย่างไม่ถ่อมตัวแม้แต่น้อย “ใช่แล้ว ได้รู้จักกับข้าถือว่าเป็นโชคของพวกท่าน”
คิดไม่ถึงว่านางจะพูดเช่นนี้ เปาฮูหยินตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา “เจ้าเด็กคนนี้นี่ ช่างเอาอกเอาใจเช่นนี้ตลอดเวลา”
ซุนฮุ่ยยิ้มพลางพยักหน้าเอ่ยสมทบ “น้องยอวเอ๋อร์เป็นคนดีจิตใจกว้างขวาง ในภายภาคหน้าย่อมต้องได้รับผลตอบแทนที่ดีเป็นแน่”
เมิ่งเชียนโยวมองค้อนนางทีหนึ่ง พูดแกมหัวเราะ “ดูพี่ฮุ่ยเอ๋อร์พูดเข้า เหมือนว่าตอนนี้ข้าไม่ได้มีผลตอบแทนที่ดีเสียอย่างนั้น”
“พูดอะไรกันน่ะ” ซุนฮุ่ยถลึงตามองนางทีหนึ่ง “ข้าหมายความว่าเจ้าและซื่อจื่อจะต้องมีผลลัพธ์ที่ดีเป็นแน่ต่างหาก”
คิดถึงการกระทำเมื่อคืนนี้ของหวงฝู่อี้เซวียน เมิ่งเชียนโยวหน้าแดงระเรื่อในทันใด โชคดีที่จิตใจของคนที่เหลือล้วนเทไปที่เปาอีฝาน ไม่มีใครสังเกตนาง
เมื่อวานนี้เปาชิงเหอไม่ได้ออกไปข้างนอก วันนี้เมื่อเห็นว่าเปาอีฝานไม่เป็นอะไรแล้วจึงกันไปบอกเปาฮูหยินว่าจะไปดูที่ศาลาว่าการเสียหน่อย หากไม่มีอะไรเขาค่อยกลับมา อย่างไรแล้วเขาก็เป็นถึงขุนนางข้าราชการ ไม่อาจจะเสียเรื่องราชการเพียงเพราะเหตุในบ้านของตนเอง เปาฮูหยินพยักหน้า “มีเรื่องอันใดท่านโปรดวางใจไปจัดการเถิด ทางฝานเอ๋อร์ยังมีพวกข้าสองคนคอยเฝ้าอยู่”
เปาชิงเหอเดินจากไป
เปาฮูหยินเอ่ยสั่งบ่าวรับใช้ให้ไปรินชาใสมา ให้ซุนฮุ่ยนั่งดื่มชาอยู่กับเมิ่งเชียนโยว ตนเองกลับไปนั่งเฝ้าเปาอีฝานอยู่ข้างเตียง
ตราบจนเปาชิงเหอกลับมา กลุ่มคนทั้งหมดจึงได้รับประทานอาหารกลางวันพร้อมกัน เปาอีฝานยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา
เมิ่งเชียนโยวจับชีพจรให้เขาอีกครั้งหนึ่ง บอกคนที่เหลือว่าไม่มีอะไรแล้ว อาการตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติของผู้ที่เสียเลือดมาก ผ่านไปไม่กี่วันร่างกายจะฟื้นบำรุงได้ระดับหนึ่ง ก็จะไม่หลับนานเช่นนี้อีกแล้ว
ทั้งสามคนสบายใจขึ้น
ผู้ดูแลจวนเฒ่าเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบจากด้านนอก รายงานว่า “คุณท่านขอรับ อ๋องฉีซื่อจื่ออยู่หน้าประตูขอรับ บอกว่ามีเรื่องสำคัญมาหาแม่หญิงเมิ่งขอรับ”
เปาชิงเหอตกใจอย่างมาก มองไปยังเมิ่งเชียนโยว
หวงฝู่อี้เซวียนมาหาถึงจวนสกุลเปาย่อมต้องมีเรื่องสำคัญมากเป็นแน่
เมิ่งเชียนโยวลุกขึ้น ยิ้มพลางพูดว่า “ข้าออกไปดู”
เปาชิงเหอจัดการเสื้อผ้าตนเอง เดินตามออกไปข้างนอก
เปาฮูหยินและซุนฮุ่ยสบตากันทีหนึ่ง เดินตามไปเช่นเดียวกัน
กลุ่มคนเดินมาถึงหน้าประตูก็เห็นว่าหวงฝู่อี้เซวียนลงจากรถม้ามาแล้ว ยืนรออยู่หน้าประตูจวนตระกูลเปา
เปาชิงเหอก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ค้อมตัวทำความเคารพ “ข้าน้อยเปาชิงเหอ เข้าพบซื่อจื่อขอรับ”
หวงฝู่อี้เซวียนค้อมตัวน้อยๆ พูดว่า “ไม่ต้องมากพิธี ตัวข้ามาหาโยวเอ๋อร์ รบกวนใต้เท้าเปาแล้ว”
เปาฮูหยินและซุนฮุ่ยก็ทำความเคารพเช่นเดียวกัน “เข้าพบซื่อจื่อเจ้าค่ะ”
หวงฝู่อี้เซวียนก็ให้พวกเขาไม่ต้องมากพิธีเช่นเดียวกัน
ทั้งสามคนยืนอย่างนอบน้อมอยู่อีกด้านหนึ่ง ซุนฮุ่ยลอบพิจารณาหวงฝู่อี้เซวียนอยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่าเพียงเขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสบายอารมณ์ แต่กลับมีความรู้สึกสูงส่งเสมือนดึงดูดแสงอาทิตย์จันทราไว้ในตัวออกมา ในใจเกิดนึกทอดถอน ช่างเป็นคู่สร้างคู่สมที่สวรรค์บันดาลสร้างให้น้องโยวเอ๋อร์ยิ่งนัก
เมิ่งเชียนโยวเองก็ยิ้มบางๆ เหลือบพิจารณาเขาเช่นเดียวกัน รู้สึกว่าไม่เจอกันเพียงครึ่งวัน แต่บนกายของเขาเหมือนมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้เรียบง่ายนิ่งสงบ กีดกั้นผู้อื่นให้ห่างไกล แต่รอบกายกลับมีความอบอุ่นแผ่ออกมา
หวงฝู่อี้เซวียนมองนาง พูดว่า “เรื่องเมื่อคืนนี้เริ่มมีสัญญาณบางอย่าง ข้าเลยตั้งใจมารับเจ้าไปด้วย”
เรื่องเมื่อคืนนี้ย่อมต้องเป็นเรื่องของคุณชายเหวินเอ้อร์ ดูท่าว่าคงจะพบเพียงแต่รังเก็บตัวของเขาแล้ว เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า ยิ้มให้คนที่เหลือพลางพูดว่า “ใต้เท้าเปา ท่านป้า พี่ซุน ข้าขอไปจัดการธุระเสียก่อน รอช่วงหัวค่ำข้าจะกลับมาดูคุณชายเปาอีกครั้งเจ้าค่ะ”
ทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกัน
หวงฝู่อี้เซวียนหมุนตัวเดินขึ้นรถม้าไปก่อน เมิ่งเชียนโยวเดินตามเขาขึ้นไป
กัวเฟย ชิงหลวนและจูหลีบังคับรถม้าอีกคันหนึ่งตามไปข้างหลัง
มองดูรถม้าสองคนวิ่งตามกันห่างออกไปไกล เปาฮูหยินถึงได้หัวเราะและพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องฉีซื่อจื่อช่างสมชื่อลืมชาเสียจริง ภาพลักษณ์สูงส่ง รูปลักษณ์งดงามไม่มีที่เปรียบ แม่หญิงเมิ่งได้คู่ครองเช่นนี้ การปกป้องหลายปีมานี้ก็ถือว่าสมบูรณ์แล้ว”
ซุนฮุ่ยหัวเราะพลางพยักหน้า “ก็คงเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ เมื่อครู่นี้ข้าลอบมองเขาทีหนึ่ง คิดว่ามีเพียงน้องโยวเอ๋อร์เท่านั้นที่ควรคู่กับเขา”
เปาชิงเหอกระแอมไอ พูดว่า “ตอนนี้เรื่องการแต่งงานของซื่อจื่อและคุณหนูจวนตระกูลซ่างซูยังไม่ได้ยกเลิก คำพูดนี้พูดเพียงแค่ในบ้านก็พอแล้ว”
ทั้งสองคนรับคำ พากันกลับเข้าไปในห้องดูแลเปาอีฝาน
เปาชิงเหอกลับไปยังศาลาว่าการ
รถม้าวิ่งไประยะหนึ่ง เมิ่งเชียนโยวถามว่า “พบสถานที่ซ่อนตัวของน้องชายเหวินซื่อแล้วใช่หรือไม่”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “น้องชายของเขาผู้นี้ไม่ง่ายเลยเสียจริง พอคนของข้าอ้อมไปมาอยู่นานถึงได้กลับมาที่รังเก่าของตนเอง ข้าคิดว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องในครอบครัวของเหวินซื่อ พวกเราเข้าไปจัดการเองก็คงจะไม่ดีต่อเขา เลยคิดจะไปรับเหวินซื่อพร้อมกับเจ้า ให้พี่น้องสองคนไปจัดการกันเอาเอง”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น