ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 84-89
ตอนที่ 84 ต้องตัดอวัยวะ
คนในเรือนก็ได้ยินเสียงเอะอะนี่ ต่างลุกขึ้นจุดตะเกียง
ชิงหลวนและจูหลีแต่งตัวเสร็จโดยไว เดินมาหน้าห้องเมิ่งเชี่ยนโยว ร้องเรียกเสียงเบา “นายท่าน!”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นแล้ว เดินออกมาโดยไม่จุดตะเกียง เร่งฝีเท้าเดินมาถึงลานเรือน พบเข้ากับเมิ่งฉีที่สาวเท้าเข้ามาในเรือนตนเอง สองพี่น้องเดินไปหน้าประตูใหญ่พร้อมกัน
คนเฝ้าประตูตกใจตื่นนานแล้ว ร้องตะโกนถามคนด้านนอก “ใครกันมาเคาะประตูเสียงดังกลางดึกเช่นนี้”
เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น “ข้าเป็นบ่าวจวนเปา เกิดเรื่องที่จวน นายท่านให้ข้ามาตามแม่นางเมิ่งไปขอรับ”
ยามวิกาลเช่นนี้ ใครจะไปรู้ว่าเขาพูดเป็นความจริงหรือไม่ คนเฝ้าประตูไม่กล้าเปิดประตู คิดจะเข้าไปรายงานเมิ่งเชี่ยนโยวก่อน พอหันศีรษะไปก็เห็นทั้งสองคนเดินออกมาแล้ว
ไม่รอให้เขาเอ่ยปาก เมิ่งเชี่ยนโยวโพล่งปากสั่งทันที “เปิดประตู!”
คนเฝ้าประตูปลดคานไม้ เปิดประตูออก
ใต้แสงจันทร์สลัว บ่าวที่คอยช่วยงานในโรงงานจูงม้ายืนร้อนรนอยู่ด้านนอก พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวออกมา รีบร้อนพูดว่า “แม่นางเมิ่ง เกิดเรื่องที่จวน ใต้เท้าให้ข้ามาเชิญท่านไปขอรับ”
ดึกดื่นค่อนคืน หากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เปาชิงเหอไม่มีทางผลุนผลันส่งคนเข้ามาเช่นนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ถามอีก สั่งการชิงหลวนและจูหลี “ไปจูงม้าออกมา!”
กัวเฟยก็เดินตามออกมา ได้ยินดังนั้นก็ตามทั้งสองนางไปคอกม้าด้วย จูงม้าจำนวนหนึ่งออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเมิ่งอี้ที่เพิ่งเดินมา “พี่เมิ่งอี้ ข้าและพี่รองจะไปจวนใต้เท้าเปา คาดว่าคงไม่กลับมาก่อนฟ้าสาง พวกเราไปแล้ว พวกท่านจงปิดประตูให้สนิท ไม่ว่าใครมาเคาะเรียกก็ห้ามเปิดเด็ดขาด”
เมิ่งอี้พยักหน้า “รู้แล้ว พวกเจ้าระวังตัวด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีก้าวพ้นประตูใหญ่ออกมา รับบังเ**ยนจากชิงหลวน พลิกตัวขึ้นหลังม้า เมิ่งฉีและกัวเฟยขี่ม้าตัวเดียวกัน คนทั้งหมดฮ่อตะบึงไปเมืองฝั่งเหนือพร้อมกัน
พวกเขาจากไปแล้ว เมิ่งอี้ก็สั่งคนเฝ้าประตู “ลงกลอนประตูให้ดี เข้านอนให้สบาย ไม่ว่าใครเคาะเรียกก็ห้ามเปิด”
คนเฝ้าประตูรีบหุบบานประตูเข้ามา ลงดาลจนสนิทดี
เมิ่งอี้มองดูเขาทำจนเสร็จ ถึงหันหลังกลับไปพักผ่อนที่เรือนตัวเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวกระวนกระวายใจ ควบตะบึงม้า ชิงหลวนและจูหลีไล่ตามไปติดๆ
กัวเฟยและเมิ่งฉีขี่ช้ากว่า ส่วนบ่าวถูกทิ้งไว้ด้านหลังลิบๆ
ยามวิกาลเงียบสงัด สองฝั่งทางไม่มีคน ไม่นานพวกเมิ่งเชี่ยนโยวก็มาถึงจวนเปา
ตะเกียงถูกจุดสว่างไปทั่วทั้งจวน พ่อบ้านกำลังยืนชะเง้อชะแง้รออยู่หน้าประตู พอเห็นพวกเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา ก็รีบเดินออกมาพูดว่า “แม่นางเมิ่ง ท่านมาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวโยนบังเ**ยนม้า สาวเท้าเดินเข้าไปด้านในทันที เดินไปถามพ่อบ้านที่วิ่งเหยาะตามมา “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
“แม่ทัพฉู่ส่งตัวคุณชายใหญ่กลับมา เขาได้รับบาดเจ็บหนัก ตอนนี้ยังสลบไสลไม่ได้สติขอรับ” พ่อบ้านพูดกระหืดกระหอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักเท้ากึก แล้วรีบเดินหน้า ขมวดคิ้วถาม “บาดเจ็บตรงไหน”
“นายน้อยถูกหามกลับมา สับสนอลหม่านไปทั้งจวน บ่าวเอาแต่จัดแจงเรื่อง ยังไม่ได้เข้าไปดูนายน้อยเลยขอรับ” พ่อบ้านตอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวเร่งฝีเท้า ไม่นานก็เดินมาถึงเรือนซุนฮุ่ย
ชายแปลกหน้าหลายคนยืนถมึงทึงกลางลานเรือน เห็นนางพรวดพราดเดินเข้ามา ต่างหันมองนางเป็นตาเดียว
พ่อบ้านร้องตะโกน “นายท่าน แม่นางเมิ่งมาแล้วขอรับ”
สิ้นเสียงเขา ม่านประตูถูกเปิดออก ใบหน้ากระสับกระส่ายของเปาชิงเหอปรากฎเบื้องหน้านาง “แม่นางเมิ่ง รีบมาดูฝานเอ๋อร์ เขาใกล้จะไม่ไหวแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจกระตุกวูบ สาวเท้าไม่กี่ก้าวก็เข้ามาถึงในห้อง ทั้งไม่สนใจคนในห้อง เดินตรงไปข้างเตียงทันที
ฮูหยินเปากำลังนั่งสะอึกสะอื้นข้างเตียง พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาก็ลุกขึ้นหลีกทางให้นาง พูดเสียงเครือ “แม่นางเมิ่ง เจ้าต้องช่วยฝานเอ๋อร์ให้ได้นะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างเตียง เห็นเปาอีฝานดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท นอนใบหน้าคล้ำเขียวอยู่บนเตียง เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ”
เสียงฉู่เหวินเจี๋ยดังขึ้น “เขาได้รับพิษ แพทย์สนามให้เขากินยาถอนพิษแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล”
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงสังเกตเห็นว่าภายในห้องมีฉู่เหวินเจี๋ยอยู่ด้วย ไม่มีเวลาทักทาย เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ถามต่อ “เขาบาดเจ็บตรงไหน”
“ขาซ้าย” ฉู่เหวินเจี๋ยตอบสั้นๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวเลิกผ้านวมขึ้น เห็นขาซ้ายของเปาอีฝานที่ไม่เพียงบวมจนใหญ่ผิดรูป ทั้งยังดำไปทั้งท่อนขา กระทั่งบางจุดก็เริ่มเน่าแล้ว อีกทั้งสีดำยังเริ่มลามขึ้นด้านบนรางๆ แสดงว่าพิษกำลังลุกลามไปส่วนอื่น
สถานการณ์เช่นนี้ยากจะรับมือ เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา
ฮูหยินเปาจับมือนางไว้แน่น น้ำเสียงวิงวอนขอร้อง “แม่นางเมิ่ง เจ้าจะต้องช่วยฝานเอ๋อร์ให้ได้นะ พวกเรามีบุตรชายเพียงคนเดียว หากเขาเป็นอะไรไป พวกเราจะมีชีวิตอยู่อย่างไร”
อย่างไรเปาชิงเหอก็รับราชการมาหลายปี แรกเริ่มยังมีอาการร้อนรนไม่เป็นสุข แต่ตอนนี้สงบลงได้แล้ว เห็นฮูหยินเปาเสียอาการเช่นนี้ จึงพูดเตือน “ฮูหยิน เจ้าทำเช่นนี้จะกระทบต่อการรักษาของแม่นางเมิ่งได้ เจ้ามานั่งตรงนี้ก่อนเถอะ”
นับแต่ที่เปาอีฝานถูกหามเข้ามา ฮูหยินเปาเป็นอาการของเขา ก็ขวัญกระเจิง พอได้ยินเสียงเปาชิงเหอก็รีบปล่อยมือแม่นางเมิ่ง พูดว่า “ข้าไม่อยู่เกะกะแม่นางเมิ่งรักษาฝานเอ๋อร์แล้ว ข้าจะไปนั่งตรงนั้น”
ซุนฮุ่ยดวงตาแดงก่ำพาม่อเอ๋อร์เข้ามา ประคองนางไปนั่งบนเก้าอี้
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก ครู่หนึ่งถึงพูดว่า “คุณชายเปาอาการสาหัสหนัก ข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะรักษาเขาให้หายได้”
ฮูหยินเปาได้ฟังปิดปากร้องไห้โฮ
ซุนฮุ่ยน้ำตาหลั่งริน
เปาชิงเหอร่างกายโอนเอน ฝืนพูดว่า “แม่นางเมิ่งรักษาให้เต็มที่ ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่ฟ้ากำหนด”
ฉู่เหวินเจี๋ยขมวดคิ้วมุ่น ถามขึ้น “เจ้ามั่นใจกี่ส่วน”
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปากพูดว่า “หากตัดอวัยวะมีห้าส่วน หากไม่ตัดอวัยวะมีเพียงสองส่วน”
ฉู่เหวินเจี๋ยยิ่งให้ขมวดคิ้วเกร็งแน่น “แม่นางหมายความว่าจะต้องตัดขาเขาทิ้ง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ ยังพอจะช่วยรักษาชีวิตเขาไว้ได้”
“เช่นนั้นก็ตัดเถอะ ยังจะรออะไร” เปาชิงเหอที่พอได้ยินว่ามีทางรักษาชีวิตบุตรชายไว้ได้ ก็ส่งเสียงขึ้นทันที
ฮูหยินเปาและซุนฮุ่ยต่างคร่ำครวญโหยไห้ มองนางด้วยน้ำตาอาบสองแก้ม
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ที่ต้องตัดคือขาของคุณชายเปา พวกเราควรถามความคิดเห็นของเขาก่อน”
เปาชิงเหอยิ่งเปล่งเสียงแข็งกร้าว “ตอนนี้เขาไม่ได้สติ จะถามความเห็นเขาได้อย่างไร เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเอง ตัดขาของเขาออกก่อนค่อยว่ากัน”
“ใต้เท้าเปายังฟังคำพูดข้าไม่ชัดเจน การตัดขาเขา ก็มีความหวังเพียงห้าส่วนเท่านั้น ขอท่านไตร่ตรองให้รอบคอบด้วย” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
“ข้าใคร่ครวญดีแล้ว ขอเพียงรักษาชีวิตเขาไว้ได้ ต่อให้มีความหวังเพียงส่วนเดียวพวกเราก็ต้องลองดู” เปาชิงเหอพูด
ฮูหยินเปาก็พยักหน้าเห็นพ้อง “ใช่ แม่นางเมิ่ง เจ้าลงมือเถอะ ขอเพียงรักษาชีวิตเขาไว้ได้ ขาดแขนไม่มีขาก็ไม่เป็นไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันมองซุนฮุ่ย
ซุนฮุ่ยรีบพยักหน้า “ข้าพูดแต่แรกแล้ว ขอเพียงเขาปลอดภัย ต่อให้แขนขาดไม่มีขาข้าก็ยอม”
สุดท้ายเมิ่งเชี่ยนโยวหันไปมองฉู่เหวินเจี๋ย
ฉู่เหวินเจี๋ยขมวดคิ้วเคร่งเครียด “หากตัดขาทิ้ง ต่อไปเขาจะต้องกลายเป็นคนพิการ แม่นางเมิ่งหาวิธีทำให้รองแม่ทัพเปาฟื้น แล้วถามความคิดเห็นจากเขาเองเถอะ”
แม้เปาอีฝานจะเป็นบุตรชายของตนเอง แต่ตอนนี้เขายังเป็นคนของกองทัพ ต้องเชื่อฟังคำสั่งฉู่เหวินเจี๋ย ได้ยินเช่นนั้น เปาชิงเหอไม่กล้าโต้แย้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูดว่า “เอากระดาษและพู่กันมา ข้าจะเขียนตัวยาขับพิษ พวกท่านรีบไปจัดยามาให้เขาดื่ม ดูว่าจะทำให้เขาฟื้นได้หรือไม่”
เปาชิงเหอสั่งการบ่าวพลัน
เมิ่งเชี่ยนโยวเขียนใบสั่งยาอย่างว่องไว
ไม่รอให้เปาชิงเหอสั่ง บ่าวก็รีบวิ่งแนบออกไปพร้อมใบสั่งยาทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวยังเขียนชื่อยาสมุนไพรอีกเป็นพรวนลงในกระดาษ หันไปพูดกับเปาชิงเหอว่า “สมุนไพรพวกนี้น่าจะหาได้จากร้านยาเต๋อเหริน ท่านให้คนไปจัดมา ข้าจะปรุงยาอีกขนานให้เขา”
เปาชิงเหอร้องเรียกพ่อบ้าน ให้เขาไปสั่งบ่าวที่ปราดเปรียวรีบไปจัดยามา
เมิ่งเชี่ยนโยวเลิกผ้านวมออกอีกครั้ง ตรวจดูบาดแผลของเปาอีฝาน แล้วถามฉู่เหวินเจี๋ย “ที่ตัวท่านมียาห้ามเลือดหรือไม่”
ฉู่เหวินเจี๋ยล้วงขวดยาออกมาจากอกเสื้อ วางไว้บนโต๊ะ
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น “แค่นี้ไม่พอ ยังมีอีกหรือไม่เจ้าคะ”
ฉู่เหวินเจี๋ยลุกขึ้น เดินออกไปข้างนอก ไม่นานก็ถือขวดยาเข้ามาวางไว้บนโต๊ะ พูดว่า “มีเพียงเท่านี้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวคำนวณเล็กน้อย เดินมาหน้าประตู เปิดม่านออก พูดกับกัวเฟยที่ลานเรือน “เอามีดของเจ้ามาให้ข้ายืมหน่อย”
กัวเฟยหยิบมีดเล่มงามของตัวเองออกมา มอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา แล้วพูดกับชายแปลกหน้าที่ยืนนิ่งกลางลานเรือน “พวกเจ้าเข้ามาช่วยสักสองคนเถอะ” พูดจบ หันหลังเดินกลับเข้าห้อง
พวกเขาล้วนเป็นนายทหารที่หามเปาอีฝานกลับมาพร้อมฉู่เหวินเจี๋ย เห็นแม่นางน้อยไม่ถามว่าพวกเขาเป็นใครก็ออกคำสั่ง ต่างหันหน้ามองกัน สุดท้ายสองคนที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดก็เดินเข้าไป
เมิ่งเชี่ยนโยวพลิกมีดเผาไปมาบนเปลวไฟ สั่งการชายทั้งสองคน “ประเดี๋ยวข้าจะคว้านเนื้อเน่าบนขาเขาออกมาก่อน เพื่อป้องกันเขาตื่นขึ้นมาคลุ้มคลั่งอาละวาด พวกเจ้าจงกดเขาไว้ให้แน่น”
ทั้งสองหันมองฉู่เหวินเจี๋ย
ฉู่เหวินเจี๋ยเอ่ยปาก “ทำตามที่แม่นางเมิ่งสั่ง”
ทั้งสองรับคำ เดินมาข้างเตียง แยกกันคนหนึ่งอยู่บนคนหนึ่งอยู่ล่างกดร่างของเปาอีฝานไว้
เมิ่งเชี่ยนโยวเผามีดเสร็จ เดินมาข้างเตียง เริ่มเฉือนเนื้อเน่าบนขาของเปาอีฝานออก
เนื้อเน่าพวกนี้อยู่บริเวณปากแผล เมิ่งเชี่ยนโยวเฉือนออกทีละนิดอย่างระมัดระวัง ครู่เดียวเหงื่อก็ผุดซึมทั่วหน้าผาก
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดการกระทำ เงยหน้าขึ้นพูดกับซุนฮุ่ย “พี่ฮุ่ยเอ๋อร์ ท่านช่วยเช็ดเหงื่อให้ข้าหน่อยเถิด”
ซุนฮุ่ยรีบปล่อยมือม่อเอ๋อร์ หยิบผ้าเช็ดหน้าเดินมาข้างกายนาง ช่วยนางซับเหงื่อบนหน้าผาก
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีกว่า “ใต้เท้าเปา รบกวนท่านให้คนมาถือตะเกียงเบื้องหน้าข้า แสงไฟสลัวเกินไป ข้ามองไม่ถนัดเลย”
“ข้าเอง” ฉู่เหวินเจี๋ยลุกขึ้น ยกตะเกียงบนโต๊ะเดินเข้ามา ยื่นแขนเข้าไป ให้ตะเกียงส่องเหนือบริเวณแผล
เมิ่งเชี่ยนโยวก้มหน้าลงอีกครั้ง เฉือนเนื้อเน่าออกมา
คล้ายว่าเปาอีฝานจะรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด เริ่มดิ้นรนตามสัญชาตญาณ
เปาชิงเหอเห็นเช่นนั้น ร้องเสียงลั่น “ฝานเอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้ว”
ฮูหยินเปาได้ยินเปาชิงเหอพูด ก็ลุกพรวดขึ้น ร้องถามเสียงหลง “ฝานเอ๋อร์ฟื้นแล้วเรอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้า เอานิ้วชี้ประกบริมฝีปาก เปล่งเสียง “ชูว์” “คุณชายเปาเพียงมีปฏิกิริยาตอบสนอง หาได้ฟื้นไม่ พวกท่านอย่าเพิ่งพูดอะไร จะทำให้ข้าว่อกแว่กได้”
ฮูหยินเปาน้ำตาเอ่อคลอ นั่งกลับไปตามเดิม ดึงม่อเอ๋อร์เข้ามากอดแน่นแนบอก
ม่อเอ๋อร์เม้มริมฝีปากเหมือนผู้ใหญ่ มองดูคนที่นอนสลบอยู่บนเตียง ได้ยินว่าเป็นบิดาของตนเอง
ซุนฮุ่ยเฝ้ามองเปาอีฝานที่เอาแต่ขยับตัวชักกระตุก ในตอนนี้กลับนอนแน่นิ่ง ราวกับไร้ลมหายใจแล้ว
น้ำตาเม็ดใหญ่ของซุนฮุ่ยไหลรินโดยไร้เส้นเสียง
ใต้เท้าเปากำมือแน่น พยายามควบคุมไม่ให้ร่างกายสั่น
ภายในห้องเงียบสงัด
เมิ่งเชี่ยนโยวก้มหน้าลงอีกครั้ง เฉือนเนื้อเน่ารอบบาดแผลออกทีละน้อย คงเป็นผลมาจากพิษ หลังจากเฉือนเนื้อเน่าออกก็มีเลือดสีดำไหลตามออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมือพูดว่า “ใต้เท้าเปา ท่านช่วยนำยาห้ามเลือดบนโต๊ะส่งมาให้ข้าหน่อย”
เปาชิงเหอได้สติกลับมา ตะลีตะลานคว้ายาห้ามเลือดบนโต๊ะ รีบนำมามอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา เทลงบนบริเวณที่เฉือนเนื้อเน่าออก พอเห็นว่าเลือดหยุดไหล ถึงถอนใจโล่งอก ลุกขึ้นพูดว่า “ยกน้ำสะอาดเข้ามา”
สาวใช้เฝ้าประตูได้ฟังนางสั่ง รีบออกไปยกน้ำสะอาดหนึ่งกะละมังเข้ามา วางไว้บนโต๊ะ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา โยนมีดทิ้งลงไป ล้างมือเล็กน้อย แล้วหยิบมีดมาล้าง ใช้ผ้าเช็ดจนแห้งดี ขมวดคิ้วถาม “ต้มยาเสร็จแล้วหรือไม่ เหตุใดถึงช้าเช่นนี้”
เปาชิงเหอแผดเสียงออกไปด้านนอก “พ่อบ้าน เกิดอะไรขึ้น ยายังต้มไม่เสร็จเรอะ”
พ่อบ้านขานรับ “เรียนนายท่าน ใกล้จะเสร็จแล้วขอรับ”
สิ้นเสียง บ่าวก็เร่งฝีเท้ายกถ้วยยาเดินเข้ามา “พ่อบ้าน ต้มยาเสร็จแล้วขอรับ”
พ่อบ้านเปิดม่านออกทันที “รีบนำเข้าไป”
บ่าวยกถ้วยยาเดินตรงเข้ามาในห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นรับมา เดินมาข้างเตียง มองดูริมฝีปากปิดสนิทของเปาอีฝาน ไร้สติสัมปชัญญะ ไม่อาจกรอกยาให้ดื่มได้ ให้ขมวดคิ้วมุ่น
ตอนที่ 85 ฝากฝัง
สถานการณ์เช่นนี้พบเห็นได้บ่อยในกองทัพ ชายกำยำที่รับผิดชอบกดร่างเปาอีฝานเห็นท่าทีลำบากใจของนาง พูดว่า “ข้าเองขอรับ!” พูดจบ ส่งสายตาให้ชายอีกคนหนึ่ง
ชายผู้นั้นเข้าใจพลัน พยักหน้า ประคองร่างเปาอีฝานขึ้น ใช้มือง้างขากรรไกรเขาออก
คนที่พูดรับถ้วยยามาจากเมิ่งเชี่ยนโยว ค่อยๆ กรอกยาใส่ปากเปาอีฝาน
เปาอีฝานกลืนยาส่วนใหญ่ลงไปตามสัญชาตญาณ และมีส่วนน้อยที่ไหลออกข้างปาก
ซุนฮุ่ยน้ำตานอง เดินขึ้นหน้า บรรจงซับคราบยาที่ไหลออกมาจากมุมปาก
เป็นภาพที่สะเทือนใจยิ่งนัก
ฮูหยินเปาปิดปากตัวเองไว้แน่น เสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกมา
ชายกำยำกรอกยาให้เปาอีฝานเสร็จ ก็คืนถ้วยยาให้เมิ่งเชี่ยนโยว เอนตัวเปาอีฝานลงนอนตามเดิม
แล้วทั้งสองก็ลุกขึ้น ไปยืนอีกด้านอย่างสำรวม
“ออกไปรอข้างนอกเถอะ” ฉู่เหวินเจี๋ยสั่งทั้งสองคน
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ” ทั้งสองขานรับ เดินออกไป มีเสียงซักถามจากลานเรือนดังลอดเข้ามา
ฉู่เหวินเจี๋ยก็เดินไปที่โต๊ะ วางตะเกียงในมือลง กลับไปนั่งนิ่งขรึมบนเก้าอี้
เมิ่งเชี่ยนโยวดึงมือซุนฮุ่ยไว้ ขยิบตาให้นาง พูดว่า “พี่ฮุ่ยเอ๋อร์ คุณชายเปาคงยังไม่ฟื้นตัวในเวลานี้ ท่านประคองท่านป้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ พอเขาฟื้น ข้าจะให้คนไปตามพวกท่าน”
ซุนฮุ่ยเข้าใจความหมายนาง เช็ดน้ำตาตัวเอง เดินตาบวมแดงมาตรงหน้าฮูหยินเปา อุ้มม่อเอ๋อร์ขึ้น พูดกับฮูหยินเปาที่ยังร่ำไห้ไม่หยุดด้วยน้ำเสียงละมุน “ท่านแม่ พวกเรากลับไปที่ห้องก่อนเถอะ พอท่านพี่ฟื้น พวกเราค่อยมา”
ฮูหยินเปาร้องไห้โบกมือ พูดขาดตอนเป็นห้วงๆ “ไม่…ไม่ต้อง ข้า…จะ…อยู่…ที่นี่…รอ…ฝานเอ๋อร์…ฟื้นขึ้นมา”
“ท่านป้า” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดโน้มน้าว “พอคุณชายเปาฟื้น ยังต้องการคนดูแล ท่านเอาแต่เศร้าโศก ร้องไห้จนเสียสุขภาพไปจะทำอย่างไร ใครจะดูแลคุณชายเปา ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงมาดูแลคุณชายเปา”
ฮูหยินเปาช้อนดวงตาเศร้าระทมขึ้น ส่ายศีรษะอย่างดื้อรั้น “ไม่ได้ หากไม่ได้เห็นฝานเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมากับตาข้าไม่อาจวางใจ พวกเจ้าไม่ต้องพูดเกลี้ยกล่อมข้าแล้ว ข้าจะเฝ้าเขาอยู่ที่นี่”
เดิมเมิ่งเชี่ยนโยวคิดจะกันนางออกไป เมื่อเปาอีฝานฟื้นจะได้ถามความเห็นเขา หากเขายินยอมให้ตัดขา จะได้ลงมือทันที พอฮูหยินเปากลับมาทุกอย่างก็จะเสร็จเรียบร้อย เลี่ยงไม่ให้นางต้องเห็นภาพปวดใจ จนรับไม่ได้เป็นลมสลบไป
แต่ฮูหยินเปายืนหยัดไม่ยอม เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็ไม่มีทางเลือก จำต้องหันไปมองเปาชิงเหอ
เปาชิงเหอกลับกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ให้ฮูหยินอยู่ที่นี่เถอะ หากฝานเอ๋อร์เป็นอะไรขึ้นมา จะได้ทันเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย”
ฮูหยินเปาเปล่งเสียงสะอื้นไห้อีกครั้ง
“ฮูหยิน” เปาชิงเหอเตือนนาง “ทำใจดีๆ ตอนนี้ยังมีความหวัง เดี๋ยวจะเสียสุขภาพไปก่อน”
เปาชิงเหอเป็นเสาหลักของครอบครัว ฮูหยินเปาพยักหน้า หยุดสะอื้นไห้
ภายในห้องเงียบสงัด
เงียบจนทุกคนหัวใจระส่ำ
แม้แต่เจ้าหนูม่อเอ๋อร์ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกนี้ เม้มริมฝีปากแน่น หันกลับไปโอบลำคอซุนฮุ่ยไว้แน่น แก้มนุ่มแนบใบหน้านาง ส่งต่อพลังให้ซุนฮุ่ย
ซุนฮุ่ยหลั่งน้ำตาโดยไร้เส้นเสียงอีกครั้ง
คนทั้งหมดรู้สึกว่าเวลาผ่านไปยาวนาน เปาอีฝานถึงส่งเสียงร้องครางเจ็บปวดออกมา
เปาชิงเหอก้าวเพียงหนึ่งก้าวก็มาถึงข้างเตียง ถามขึ้น “ฝานเอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้ว”
ฮูหยินเปาก็ลุกขึ้น สาวเท้าเดินมาข้างเตียง ร้องเรียกเสียงหลง “ฝานเอ๋อร์ ฝานเอ๋อร์”
ซุนฮุ่ยอุ้มม่อเอ๋อร์เดินเข้ามา
แม้แต่ฉู่เหวินเจี๋ยก็ลุกขึ้น เดินเข้ามามองเปาอีฝานอย่างเฝ้ารอ
คนในลานเรือนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ต่างพุ่งความสนใจเข้ามา
แม้แต่เมิ่งฉีที่ตามมาก็มีสีหน้าปิติ
ฮูหยินเปาร้องเรียกเปาอีฝานไม่หยุด ในที่สุดเปาอีฝานก็ฝืนลืมตาขึ้นได้
ฮูหยินเปาน้ำตาไหลเป็นสาย “ฝานเอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้ว ดีเหลือเกิน ดีเหลือเกิน”
เปาอีฝานร้องเรียกเสียงแผ่ว “ท่านพ่อ ท่านแม่”
เปาชิงเหอขานรับ ดวงตาแดงเรื่อ
ฮูหยินเปาพยักหน้ารับ ร้องไห้จนพูดไม่ออก
ภาพบรรยากาศนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่อยากรบกวนพวกเขาเลย แต่สถานการณ์เร่งด่วน จำต้องเม้มริมฝีปากพูดว่า “ท่านป้า ใต้เท้าเปา คุณชายเปาจะฟื้นขึ้นมาไม่นาน ข้าต้องหารือเรื่องการตัดขากับเขาเจ้าค่ะ”
“ใช่ๆๆ ให้แม่นางเมิ่งดูอาการก่อน” เปาชิงเหอได้สติ รีบดึงฮูหยินเปาหลีกทางออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปข้างเตียง
เปาอีฝานมองนาง แย้มยิ้มอ่อน สูดลมหายใจเข้าลึกช้าๆ พูดอย่างอ่อนแรง “แม่นางเมิ่ง ไม่เจอกันนาน”
เมิ่งเชี่ยนโยวฝืนยกยิ้มมุมปาก ไม่ทักทายปราศรัย พูดเข้าประเด็น “ตอนนี้อาการของท่านรุนแรงมาก หากต้องการรักษาชีวิตไว้ จักต้องตัดขาซ้ายของท่านออก ท่านใคร่ครวญหน่อยเถิดว่าจะยินยอมหรือไม่”
เปาอีฝานชะงักงัน จ้องนางเขม็ง เห็นสีหน้าเคร่งเครียด ไม่เหมือนคนล้อเล่น จึงขมวดคิ้วถามเสียงแผ่ว “ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ”
“มี” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบตามตรง “แต่ไม่มั่นใจเท่าวิธีนี้”
“กี่ส่วน” เปาอีฝานถาม
“วิธีนี้ห้าส่วน อีกวิธีอย่างมากก็สองส่วน” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดตามจริง
“หมายความว่าหากข้าตัดขาซ้ายออก ความหวังที่จะรอดชีวิตก็มีเพียงครึ่งเดียวอยู่ดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ารับ “ใช่”
เปาอีฝานไม่พูดอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่เร่งเร้าเขา
ครู่หนึ่ง เปาอีฝานถึงพูดเสียงแผ่ว “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ามีเรื่องจะพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว รบกวนพวกท่านออกไปก่อนเถอะ”
มารดาเป็นผู้ที่เข้าใจบุตรที่สุด เขาเอ่ยเช่นนี้ออกมา ฮูหยินเปาก็รู้ทันทีว่าเขาจะพูดอะไรกับเมิ่งเชี่ยนโยว สะบัดมือเปาชิงเหอ ฟุบลงข้างเตียง พูดเสียงกระเส่า “ฝานเอ๋อร์ ลูกต้องคิดให้ดีๆ เจ้าทำใจเห็นคนหัวหงอกส่งคนหัวดำได้หรือ”
ว่าแล้ว ก็ลุกลนพูดต่อ “ยังมี ม่อเอ๋อร์อายุสี่ขวบแล้ว ฉลาดมีไหวพริบ ร่าเริงสดใส เจ้าทำใจทิ้งให้พวกเขาต้องเป็นหม้ายกำพร้าได้หรือ” พูดจบ หันไปกวักมือหาม่อเอ๋อร์ “ม่อเอ๋อร์ รีบมาเรียกท่านพ่อ”
ซุนฮุ่ยอุ้มม่อเอ๋อร์เข้ามา
ม่อเอ๋อร์เบิกดวงตากลมโตดำขวับที่เหมือนเปาอีฝานราวพิมพ์เดียวมองเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่เปาอีฝานเห็นบุตรชายตนเอง ปลาบปลื้มปิติ แย้มยิ้มพูดกับเขาเสียงแผ่ว “ม่อเอ๋อร์โตเช่นนี้แล้ว”
ม่อเอ๋อร์เผยอปาก เปล่งน้ำเสียงใสกังวาน “ท่านพ่อ”
เปาอีฝานรับคำเสียงอ่อน
“คุณชายเปา รีบตัดสินใจเถอะ อาการของท่านจะชักช้าไม่ได้แล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
“ข้าไม่ยินยอม!” เปาอีฝานน้ำเสียงเด็ดขาด
“ฝานเอ๋อร์!” ฮูหยินเปาร้องลั่น
“ท่านพี่!” ซุนฮุ่ยร้องลั่น
คล้ายว่าเปาชิงเหอจะคาดเดาได้แต่แรกแล้วว่าเขาจะพูดเช่นนี้ ถามด้วยน้ำเสียงเรียบ “ฝานเอ๋อร์ เจ้าตัดสินใจดีแล้ว”
เปาอีฝานพยักหน้าอย่างยากเข็ญ “นี่เป็นความปรารถนาเดียวของลูก จักไม่ยอมมีชีวิตเยี่ยงคนพิการ ขอท่านพ่อยอมรับคำขอของลูกด้วย”
เปาชิงเหอหลับตาลงอย่างร้าวราน ครั้นลืมตาอีกครั้ง ดวงตาเด็ดเดี่ยว “ได้ พ่อรับปากเจ้า ไม่ว่าลูกจะเป็นหรือตาย พ่อก็ภูมิใจในตัวลูก”
“ท่านที่!” ฮูหยินเปาร้องปานจะขาดใจ “ท่านรับปากเขาได้อย่างไร”
เปาชิงเหอหันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง ข้ามอบฝานเอ๋อร์ให้เจ้าแล้ว ทำให้เต็มที่ ที่เหลือแล้วแต่ฟ้าลิขิต ไม่ว่าวันนี้เจ้าจะช่วยชีวิตเขาไว้ได้หรือไม่ ข้าเปาชิงเหอขอสำนึกในบุญคุณเจ้าไปชั่วชีวิต”
ว่าแล้วก็ไม่รอเมิ่งเชี่ยนโยวตอบรับ ตะโกนออกไปด้านนอก “ใครอยู่ข้างนอก เข้ามาประคองฮูหยินกลับไปที่ห้อง”
สาวใช้หน้าประตูรับคำ เดินเข้ามาประคองฮูหยินเปาที่โศกตรมเดินออกไป
“ฮุ่ยเอ๋อร์ เจ้าตามไปดูแลท่านแม่ อย่าให้นางทำอะไรชั่ววูบ” เปาชิงเหอสั่งซุนฮุ่ยเสียงเย็น
ซุนฮุ่ยอุ้มม่อเอ๋อร์เดินตามออกไปทันที
“แม่นางเมิ่ง ข้าฝากฝานเอ๋อร์ด้วย” เปาชิงเหอพูดจบก็เดินออกไป ภายในห้องเหลือเพียงฉู่เหวินเจี๋ยที่นั่งข้างโต๊ะ
เปาอีฝานเอ่ยปากเสียงแผ่ว “แม่นางเมิ่ง ข้าขอร้องอะไรเจ้าสักเรื่องได้หรือไม่”
“ไม่ได้” เมิ่งเชี่ยนโยวสกัดคำพูดเขา “ดูแลพวกเขาเป็นหน้าที่ของเจ้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาฝากฝังข้า”
เปาอีฝานยิ้มเจื่อนๆ พูดว่า “ไม่เจอกันหลายปี เจ้าโตขึ้นไม่น้อย แต่ทำไมนิสัยถึงยังไม่น่ารักเอาเสียเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ พูดว่า “ชายชาติทหาร มีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ขอเพียงยังสร้างผลงานได้ ก็คือชายชาตรีเช่นกัน”
เปาอีฝานส่ายหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ ร้องตะโกนออกไปด้านนอก “จัดยาอีกขนานมาแล้วหรือไม่”
“จัดมาแล้วขอรับ” พ่อบ้านรับคำ
“เอาเข้ามา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
บ่าวคนหนึ่งถือห่อยาเดินเข้ามา มอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา เปิดออกตรวจดู แล้วยื่นให้บ่าว กำชับว่า “รีบไปต้มแล้วยกเข้ามา”
บ่าวรับคำ พับห่อยาแล้วรีบเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างเตียง พูดกับเปาอีฝานอย่างขึงขัง “บาดแผลของท่านไม่หนักหนา แต่พิษร้ายแรงมาก ตอนนี้พิษลามไปทั่วทั้งขาซ้ายแล้ว และมีแนวโน้มจะลุกลามขึ้นด้านบน ข้าไม่มีความมั่นใจต่อพิษนี้ วิธีเดียวก็คือใช้สองวิธีพร้อมกัน หนึ่งคือให้เจ้าดื่มยาขับพิษ สองคือต้องถ่ายเลือดจำนวนมากในตัวเจ้าออก หากเจ้าฝืนทนผ่านด่านนี้ไปได้ เจ้าก็จะยังได้เป็นคุณชายเปาหนุ่มเจ้าสำราญ ใช้ชีวิตอย่างอิสระ หากเจ้าทนไม่ไหว นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้พบหน้ากัน”
เปาอีฝานฝืนพยักหน้า “ไม่เป็นไร ข้าทนไหว”
เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องเขาเขม็งครู่หนึ่ง หันหลัง หยิบมีดมาเผาไฟฆ่าเชื้ออีกครั้ง ทั้งพูดกับฉู่เหวินเจี๋ยว่า “ท่านแม่ทัพฉู่ช่วยเรียกคนด้านนอกเข้ามาหน่อยเถิด ข้าต้องการให้พวกเขาช่วย”
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า เปล่งเสียงออกไปด้านนอก “พวกเจ้าจงเข้ามาในห้องทั้งหมด!”
คนทั้งหมดเดินเข้ามา ยืนด้านข้างของฉู่เหวินเจี๋ยอย่างนอบน้อม
ฉู่เหวินเจี๋ยเปล่งเสียงน่าเกรงขาม “พวกเจ้าทั้งหมดจงทำตามที่แม่นางเมิ่งสั่ง”
คนทั้งหมดขานรับ มองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งพวกเขา “ประเดี๋ยวข้าจะถ่ายเลือดคุณชาเปา ให้พวกเจ้าช่วยกันกดเขาไว้”
คนทั้งหมดหันหน้ามองกัน ไม่เข้าใจว่าการถ่ายเลือดทำไมต้องกดตัวเปาอีฝานไว้
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่อธิบายความ ยังคงเผามีดบนเปลวไฟต่อ
บ่าวยกยาที่ต้มเสร็จแล้วเข้ามา
เปาอีฝานมีสติครบถ้วน ชายสองคนที่เข้ามาช่วยเมื่อครู่เดินตรงเข้ามา คนหนึ่งประคองเขาลุกขึ้น อีกคนยกมาให้เขาค่อยๆ ดื่มลงไป
พอดื่มยาเสร็จ เปาอีฝานก็นอนลงตามเดิม
เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดตามองไปรอบห้อง เดินมาบนชั้นวางกะละมัง หยิบผ้าขนหนูขึ้น ม้วนเป็นก้อน เดินกลับมาที่เตียงพูดว่า “กัดไว้!
เปาอีฝานไม่เข้าใจ กลับกัดผ้าขนหนูไว้อย่างเชื่อฟัง
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้พวกเขากดเปาอีฝานไว้
คนทั้งหมดกดแขนกดขาเขาไว้
เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องมองเปาอีฝาน พูดขึงขัง “นี่เป็นการเลือกของตัวเจ้าเอง จำไว้ว่า ไม่ว่าเจ็บปวดเพียงใดเจ้าก็ต้องกัดฟันทน อีกอย่าง จะต้องครองสติให้ได้ตลอด”
เปาอีฝานพยักหน้าแผ่ว
เมิ่งเชี่ยนโยวเลิกผ้านวมบนร่างเขาออก เผยให้เห็นขาซ้ายทั้งท่อนของเขา ใช้มีดกรีดแผลที่เพิ่งถูกเฉือนเนื้อเน่าออกไป เลือดสีดำไหลทะลักออกมาพลัน
ชายที่กดร่างเปาอีฝานเป็นหัวหน้ากองต่างๆ ในค่าย ติดตามฉู่เหวินเจี๋ยประสบเหตุการณ์เฉียดตายนับครั้งไม่ถ้วน ฆ่าฟันศัตรูมากมาย เห็นซากศพกองกระดูกจนชินตา ครั้นพอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวคว้านบาดแผลเปาอีฝาน กลับต้องเบี่ยงหน้าหลบ ทนดูต่อไปไม่ได้
เปาอีฝานแค่นเสียงหึ ร่างกายดิ้นพล่านเล็กน้อย เหงื่อผุดซึมจากทุกรูขุมขน
เมิ่งเชี่ยนโยวกดขาซ้ายของเขาไว้แน่น ค่อยๆ เฉือนเนื้อสีเขียวคล้ำรอบบริเวณบาดแผลออก กระทั่งปรากฎกระดูกสีขาวซีด
ครั้นได้เห็นวิธีการของนาง คนทั้งหมดถึงกับสูดลมหายใจเข้าปาก และเข้าใจแล้วว่าทำไมเมิ่งเชี่ยนโยวต้องให้พวกเขากดเปาอีฝานไว้ นี่เป็นการรักษาขูดกระดูกโดยแท้
เหงื่อเม็ดโตไหลหยด ใบหน้าเปาอีฝานซีดเผือก
น้ำเสียงเย็นเยียบของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “แต่งงานไม่ถึงหนึ่งปี เจ้าก็ติดตามแม่ทัพฉู่ไปชายแดน แม้แต่วันที่ม่อเอ๋อร์คลอดเจ้าก็ไม่ได้เห็น ทิ้งพี่ฮุ่ยเอ๋อร์ไว้คนเดียว ทั้งต้องดูแลสองผู้เฒ่า ยังต้องช่วยเจ้าเลี้ยงบุตรชาย ไม่เคยได้มีชีวิตที่ผ่อนคลายสบายใจ หากเจ้าอดทนข้ามผ่านวันนี้ไปไม่ได้ ครึ่งปีให้หลัง ข้าจะยุให้นางแต่งงานใหม่ หาชายที่รักนาง ตามใจนาง และไม่จากนางไปไหนอีก”
ได้ยินดังนั้น พวกชายกำยำมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่านางพูดเรื่องพวกนี้ทำไม
เปาอีฝานกลับเข้าใจนัยแฝงของนาง ฝืนเบิกตากว้าง กัดผ้าขนหนูยืนหยัดไม่ให้ตัวเองสลบไป
เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ คว้านเนื้อขาวบริเวณบาดแผลเขาออกทีละนิด เผยให้เห็นกระดูกขาวซีดมากขึ้น
ชายที่กดร่างเขาเริ่มทนไม่ไหว มือเท้าสั่นเทิ้ม
เมิ่งเชี่ยนโยวมีเหงื่อผุดซึมทั่วหน้าผาก เงยหน้าพูดว่า “แม่ทัพฉู่ รบกวนท่านช่วยเช็ดเหงื่อให้ข้าหน่อยเถิด”
สิ้นเสียงนาง ฉู่เหวินเจี๋ยลุกขึ้น ยังไม่ทันเดินมาถึงตัวนาง เปาอีฝานก็ปล่อยร่างอ่อนยวบ สลบไปพลัน
ตอนที่ 86 สลบไสลไม่ได้สติ
ชายคนหนึ่งร้องลั่น “แม่นาง รองแม่ทัพเปาสลบไปแล้วขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ ตอนที่หันไปมองเปาอีฝาน ดวงตาเขาปิดสนิท ผ้าขนหนูในปากหลุดร่วงออกมาแล้ว นางโมโหกัดฟันก่นด่า “เศษสวะไม่ได้เรื่อง เป็นถึงชายอกสามศอก ความเจ็บปวดเพียงเท่านี้ยังทนไม่ได้ สู้ตายไปเสียยังดีกว่า”
คนทั้งหมดเงยหน้ามองนางอย่างตกตะลึง
ปากพูดเช่นนั้น กลับยื่นมือไปหยิกตัวเปาอีฝาน เค้นเสียงด่าทอ “หากเจ้าไม่ฟื้นขึ้นมา ไม่ต้องถึงครึ่งปี ข้าจะให้พี่ฮุ่ยเอ๋อร์แต่งงานใหม่พรุ่งนี้เลย เจ้าเชื่อหรือไม่”
เปาอีฝานไร้การตอบสนอง
เมิ่งเชี่ยนโยวดึงมือกลับ หันไปพูดกับฉู่เหวินเจี๋ย “ท่านหาวิธีทำให้เขาฟื้นทีเถอะ”
ฉู่เหวินเจี๋ยเดินขึ้นหน้า หยิกแล้วบิดตัวเปาอีฝานเต็มแรงเหมือนที่เมิ่งเชี่ยนโยวทำ
เปาอีฝานยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
เมิ่งเชี่ยนโยวกัดฟัน พูดว่า “ไปตักน้ำมาราดเขา”
ฉู่เหวินเจี๋ยและคนทั้งหมดตะลึงค้าง
“ยังจะนิ่งอึ้งทำไม หากไม่ทำให้เขาตื่น ต่อไปเขาไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก” เมิ่งเชี่ยนโยวร้อนรนพูด
ฉู่เหวินเจี๋ยเดินไปที่ประตู สั่งการคนข้างนอก ให้รีบยกน้ำหนึ่งกะละมังเข้ามา
ฉู่เหวินเจี๋ยรับมา เดินมาข้างเตียง กัดฟัน กำลังจะสาดน้ำเย็นไปที่ตัวเปาอีฝาน
เปาอีฝานกลับแค่นเสียงหึแผ่วเบา สะลึมสะลือฟื้นขึ้นมา
ทุกคนต่างยินดี
ฉู่เหวินเจี๋ยวางกะละมังน้ำลงทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวเอาผ้าขนหนูยัดใส่ปากเขาอีกครั้ง พูดว่า “กัดไว้ให้ดี ถ้าสลบไปอีกจะสาดด้วยน้ำเย็น”
แม้จะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่สติของเปาอีฝานก็ยังเลือนราง ได้ยินดังนั้น ร้องอือออ กัดผ้าขนหนูอย่างแหนงหน่าย ไม่มีใครฟังออกว่าเขาพูดอะไร
เนื้อถูกเฉือนออกไปต่อ ในตอนนี้เลือดสีดำไม่น้อยไหลออกมาจากส่วนเนื้อตาย ทั้งเตียงเปียกชื้นเป็นวงกว้าง
เมิ่งเชี่ยนโยวตรวจสอบอย่างละเอียด เลิกผ้านวมออก เผยให้เห็นร่างของเปาอีฝาน นางไม่สนสถานะชายหญิงแล้ว ฉีกเสื้อผ้าบนตัวเขาออก ใช้สองมือรีดจุดดำคล้ำบนต้นขาที่เริ่มจะลามขึ้นไปด้านบนลงมา
เลือดสีดำไหลออกมาจากบาดแผลไม่ขาดสาย
คนในห้องรวมถึงฉู่เหวินเจี๋ยต่างสูดลมหายใจเข้าปาก เปาอีฝานปวดจนเส้นเลือดใบหน้าปูดโปน ผงกศีรษะขึ้นร้องอื้อๆ
ชายกำยำกดเขาไว้แน่น
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเขา ทำแบบเดิมซ้ำๆ ไม่หยุด กระทั่งปากแผลมีเลือดสีแดงสดซึมออกมา มากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีสีดำแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถึงเลิกทำ เปิดขวดทั้งหมดออก เทพรวดเดียวใส่ปากแผล
เลือดค่อยๆ หยุดไหล
“มีผ้าพันแผลหรือไม่” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
คนผู้หนึ่งส่งเสียงรับ “มี ข้าจะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้ขอรับ”
ว่าแล้วก็ปล่อยตัวเปาอีฝาน วิ่งออกไปทันที ไม่นานก็นำผ้าพันแผลเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา กางออก บรรจงพันไปที่บาดแผลเขา ถึงพ่นลมหายใจออกมา พูดกับเปาอีฝานว่า “เสร็จแล้ว เจ้าสลบไปได้แล้ว”
เปาอีฝานที่ฝืนทนด้วยลมหายใจสุดท้าย ได้ยินดังนั้น ก็คอพับสลบไปทันที
คนทั้งหมดข้ามองเจ้า เจ้ามองข้ากันเลิ่กลั่ก แล้วทำหน้างงงวยมองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว
“ขอบคุณทุกท่านมาก พวกท่านไปได้แล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
คนทั้งหมดปล่อยตัวเปาอีฝาน ในตอนนี้ถึงรู้สึกถึงความชื้นที่แผ่นหลัง
“นอกจากผ้าพันแผลและยาห้ามเลือด พวกท่านได้นำสิ่งอื่นมาด้วยหรือไม่” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
หนึ่งคนในนั้นตอบ “ยังมียาลดไข้ เอาไว้ต้มให้ท่านรองแม่ทัพกินเวลามีไข้ขอรับ”
“เอามาให้ข้าดู” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
คนผู้นั้นรีบเดินออกไป ไม่นานก็หิ้วยาหลายห่อเข้ามา วางยาลงบนโต๊ะ
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดหนึ่งห่อในนั้นออก ตรวจดูเสร็จตะโกนออกไปด้านนอก “ใครอยู่ข้างนอก”
พ่อบ้านรับคำเดินเข้ามา “แม่นาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวมอบห่อยาให้เขา “รีบนำไปต้มมาให้นายน้อยท่านดื่ม” ทั้งพูดอีกว่า “นายท่านของท่านอยู่ในลานเรือนหรือไม่ เชิญเขาเข้ามาหน่อยเถอะ”
พ่อบ้านขานรับ หิ้วห่อยาเดินออกไป
เปาชิงเหอว้าวุ่นใจผุดลุกผุดนั่งโดยตลอด ได้ยินเสียงเอะอะภายในห้อง ตอนที่เปาอีฝานสลบไปครั้งแรก หัวใจดิ่งวูบไปก้นเหวแล้ว ดูทรุดโทรมชราภาพไปหลายปี ครั้นได้ยินเสียงเอะอะในห้องอีกครั้ง จึงเริ่มมีความหวัง ฝืนกลั้นไม่ให้ตนเองบุกเข้าไป ตอนนี้ได้ยินที่เมิ่งเชี่ยนโยวพูด เขาก้าวฉับๆ เข้ามา รบเร้าถามทันที “ฝานเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”
“รีดเลือดพิษออกไปจนหมด ทั้งขับพิษออกไปหมดแล้ว แต่ตอนนี้เขาเสียเลือดมาก ทำให้สลบไป หากเขาฟื้นขึ้นมาภายในสิบสองชั่วยาม ก็จะพ้นขีดอันตรายเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
เปาชิงเหอได้ฟังใบหน้าปีติยินดี ถามขึ้นพลัน “ต้องการให้ข้าช่วยอะไร”
“ที่นี่มีโสมคนร้อยปีหรือไม่” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
เดิมเปาชิงเหอเป็นเพียงนายอำเภอชิงเหอเล็กๆ ได้รับการฝากฝังจากฉู่เหวินเจี๋ยให้ไปช่วยตามหาคน ย่อมไม่ทุจริตโกงกินเหมือนข้าราชการคนอื่น ภายหลังถูกย้ายมาอยู่เมืองหลวง ปกครองเมืองที่ยากแค้นทางเหนือ ยิ่งไม่มีผลประโยชน์ให้หากำไร เงินเดือนที่ได้นอกจากพอให้กินอิ่มอยู่สบาย ก็เหลือพอให้เก็บเพียงเล็กน้อย ไหนเลยจะมีโสมคนร้อยปีได้
เห็นเขาไม่พูด เมิ่งเชี่ยนโยวจึงรู้ว่าเขาไม่มี หันไปพูดกับฉู่เหวินเจี๋ย “ที่ร้านยาเต๋อเหรินน่าจะมี แต่ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ คาดว่าพนักงานน่าจะไม่กล้าขายให้พวกเรา รบกวนท่านไปบ้านเหวินซื่อด้วยตนเอง ให้เขานำส่งมาให้พวกเราด้วยเถิด”
เดิมฉู่เหวินเจี๋ยควรจะกลับเมืองหลวงมาพร้อมกองทัพ แต่เพราะเปาอีฝานได้รับบาดเจ็บ เขาจึงปลอมตัวแอบกลับมาพร้อมคนสนิทไม่กี่คน เพื่อพาเปาอีฝานส่งกลับมา หากเขาไปบ้านเหวินซื่อ มีผู้ไม่ประสงค์ดีรู้เข้า นำความไปกราบทูลฮ่องเต้ เขาจะมีความผิดละทิ้งกองทัพ ทั้งอาจจะถูกฮ่องเต้ตำหนิโทษ สิ้นเสียงเมิ่งเชี่ยนโยว หนึ่งคนในนั้นลนลานพูดทันที “ไม่ได้เด็ดขาด ท่านแม่ทัพกลับเมืองหลวงโดยพลการจะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดจบ ถึงนึกได้ พยักหน้า แหวกม่านเดินออกมา พูดกับเมิ่งฉีและกัวเฟย “พี่รอง ท่านกลับไปที่จวน ในห้องข้ามีโสมคนร้อยปีหลายต้นที่นายท่านฮั้วมอบให้มา ท่านรีบไปนำมา กัวเฟย เจ้าตามคุณชายรองกลับไปด้วย”
ทั้งสองรับคำ หันหลังจากไป
เปาชิงเหอเดินออกมา ร้องเรียกพวกเขา ปลดป้ายข้างกายแผ่นหนึ่งออกมอบให้เมิ่งฉี “พวกเจ้าควบม้าในยามวิกาล หากพบกกับทหารยามจะยุ่งยาก นี่เป็นป้ายคำสั่งข้า หากพบพวกเขา ให้บอกว่าข้ามีเรื่องด่วนให้พวกเจ้าไปทำ พวกเขาจะไม่ทำอะไรพวกเจ้า”
เมิ่งฉีรับมา ก้าวฉับๆ ออกไปพร้อมกัวเฟย
สั่งการเรื่องเสร็จ ก็เหลือแค่รอแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวหันกลับเข้าไปในห้อง นั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า
เปาชิงเหอก็เดินตามเข้ามา
ชายกำยำเห็นว่าไม่มีเรื่องของตนเองแล้ว จึงถอยออกไปอย่างรู้ความ
ภายในห้องเหลือเพียงฉู่เหวินเจี๋ย เมิ่งเชี่ยนโยวและเปาชิงเหอสามคน
ฉู่เหวินเจี๋ยก็เดินมานั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ
เปาชิงเหอยังคงห่วงกังวล เดินมาดูเปาอีฝานข้างเตียง เห็นเขาดวงตาปิดสนิท สีหน้าซีดเผือด หากไม่เพราะหน้าอกยังสั่นกระเพื่อม ช่างไม่แตกต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว ส่วนท่อนล่างเขา เลือดสีดำซึมกระจายไปเกือบจะทั้งเตียง แม้แต่พื้นด้านล่างก็มีเลือดเจิงนองอยู่
เปาชิงเหอเจ็บปวดใจยิ่งนัก ยื่นมือออกไปลูบคลำใบหน้าเปาอีฝาน พูดงึมงำ “ฝานเอ๋อร์ เจ้าต้องทนให้ได้ พ่อไม่อยากเป็นคนผมหงอกส่งคนผมดำจากไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเช่นนั้น หัวใจเจ็บแปลบ แต่นางก็รับประกันอะไรไม่ได้ นางถ่ายเลือดเปาอีฝานออกมาจำนวนมาก ทั้งที่นี่ก็ไม่มีความพร้อมในการให้เลือด ต้องอาศัยจิตมุ่งมั่นฝืนทนของเปาอีฝานเอง หากเขาไร้แรงกำลังนี้ ก็จะสิ้นลมหายใจลาจากไป
ฉู่เหวินเจี๋ยนั่งอีกด้านไม่พูดไม่จา
เลือดบนเตียงและบนพื้นน่าประหวั่นพรั่นพรึงนัก เปาชิงเหอหันไปถาม “แม่นางเมิ่ง ให้คนมาเปลี่ยนผ้ารองนอนของฝานเอ๋อร์ได้หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ข้าเพิ่งจะห้ามเลือดบนบาดแผลคุณชายเปาไป หากขยับร่างเขา บาดแผลฉีกขาด เลือดไหลอีกครั้งจะลำบาก”
เปาชิงเหอพยักหน้าเข้าใจ ยกม้านั่งมาวางข้างเตียง นั่งลงจับมือเปาอีฝานไว้แน่น ส่งมอบพลังให้เขาเงียบๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปถาม “แม่ทัพฉู่ ได้ยินว่ายุติความรุนแรงแถบชายแดน ให้กองทัพกลับเข้าเมืองหลวงได้แล้ว เหตุใดคุณชายเปายังได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนี้”
ฉู่เหวินเจี๋ยมีสีหน้ากลัดกลุ้มพูดไม่ออก “มีไส้ศึกลอบเข้ามาในกองทัพ ฉวยโอกาสลงมือทำร้ายข้า รองแม่ทัพเปาเขามารับดาบแทน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก
เมิ่งฉีและกัวเฟยดำเนินการว่องไว ไปกลับใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม
เมิ่งฉีที่ยังหายใจหอบนำกล่องหลายใบมอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว “ข้าเอาโสมคนทั้งหมดมาแล้ว เจ้าดูเองว่าเป็นต้นไหน”
เมิ่งเชี่ยนโยวมีความสามารถเห็นแล้วไม่ลืม ตอนที่นายท่านฮั้วให้สมุนไพรมา นางเพียงพลิกภายในกล่องดูก็จำได้ทั้งหมด สุ่มหยิบขึ้นมาหนึ่งกล่องโดยไม่ต้องคิด เปิดออกก็เห็นโสมคนต้นที่ดีที่สุด รีบไปพูดกับเปาชิงเหอ “ใต้เท้าเปา ท่านสั่งคนให้นำโสมนี้ไปตุ๋น แล้วนำมาป้อนให้คุณชายเปา”
เปาชิงเหอพยักหน้า ร้องตะโกนออกไป “พ่อบ้าน”
พ่อบ้านเดินเข้ามา
“เจ้าไปเฝ้าดูบ่าวนำโสมคนในมือแม่นางเมิ่งไปตุ๋น แล้วรีบยกมาให้คุณชาย” เปาชิงเหอกำชับเขา
พ่อบ้านรับกล่องโสมคนมา เร่งฝีเท้าเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น เดินมาข้างเตียง วางมือลงบนหน้าผากเขา
รับรู้ได้ถึงไข้อ่อนๆ บนหน้าผากเปาอีฝาน เมิ่งเชี่ยนโยวสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ตะโกนออกไปด้านนอก “ยายังต้มไม่เสร็จหรือ”
ยาต้มเสร็จนานแล้ว ไม่มีคำสั่งเมิ่งเชี่ยนโยว บ่าวไม่กล้ายกเข้ามา
พอได้ยินเสียงนาง บ่าวรีบยกถ้วยยาเข้ามา พูดอ่อนน้อม “แม่นางเมิ่ง ยาต้มเสร็จนานแล้วขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา พูดว่า “แม่ทัพฉู่ รบกวนท่านมาช่วยด้วย”
ฉู่เหวินเจี๋ยลุกขึ้นเดินมาข้างเตียง
“ท่านง้างปากของคุณชายเปาออก ข้าจะป้อนยาให้เขา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
ฉู่เหวินเจี๋ยยื่นมือออกไป ง้างปากเปาอีฝานเป็นรูเล็กๆ เมิ่งเชี่ยนโยวตักยาค่อยๆ ป้อนใส่ปากเขา
ฉู่เหวินเจี๋ยยังคงจับมือเปาอีฝานแน่น
ป้อนยาหมดถ้วย เมิ่งเชี่ยนโยวถึงกับเหงื่อตก ลุกขึ้นใช้ชายเสื้อซับเบาๆ
ฉู่เหวินเจี๋ยก็ปล่อยมือ เดินมาข้างกะละมัง ล้างคราบยาที่ไหลมาเปื้อนมือออก
เมิ่งเชี่ยนโยววางถ้วยยาลงบนโต๊ะ ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ฉู่เหวินเจี๋ยเห็นความอ่อนล้าของนาง พูดอย่างเป็นห่วง “หากเจ้าเหนื่อย ก็ให้เปาชิงเหอเตรียมห้องให้เจ้าพักผ่อนก่อน ข้าจะเฝ้าดูที่นี่เอง หากมีอะไรค่อยให้คนไปตามเจ้า”
เปาชิงเหอก็พูดสมทบ “ใช่ แม่นางเมิ่งไปพักผ่อนก่อนเถอะ ฝานเอ๋อร์ยังต้องให้เจ้าช่วยเขาอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “อาการของคุณชายเปาหนักหนานัก หากไม่เฝ้าระวังเองข้าไม่อาจวางใจ ท่านช่วยจัดเตรียมห้องพักสองห้องให้พี่รองและกัวเฟย รวมถึงชิงหลวนและจูหลี ให้พวกเขาได้พักผ่อนเถอะ”
เปาชิงเหอถยักหน้า สั่งพ่อบ้านนำคนในลานเรือนไปพักผ่อนที่ห้องพักแขก
ฟ้าเริ่มสางแล้ว ต่อให้เอนตัวก็คงนอนไม่หลับ แต่พอคิดว่าตอนกลางวันยังต้องไปโรงงาน เมิ่งฉีจึงนำคนทั้งสามเดินตามพ่อบ้านไปห้องพักแขก
พลทหารเหล่านั้นเพื่อคุ้มกันเปาอีฝานกลับมาโดยไวที่สุด จึงไม่ได้พักเลยตลอดทาง คืนนี้ยังต้องเหนื่อยทั้งคืน ต่างอ่อนล้าอ่อนเพลีย พอพ่อบ้านพูด ต่างไม่พูดอะไร เดินตามพ่อบ้านไปทันที
คนในลานเรือนจากไปหมดแล้ว ภายในห้องเหลือเพียงฉู่เหวินเจี๋ย เมิ่งเชี่ยนโยวและเปาชิงเหอสามคน
การรอคอยทั้งยาวนานและทรมาน เมิ่งเชี่ยนโยวจึงเล่าเรื่องที่เมื่อวานน้องชายต่างมารดาของเหวินซื่อมาขวางหน้ารถม้านาง เพื่อขู่เตือนนางออกมา
ตอนที่ฉู่เหวินเจี๋ยได้ตัวอี้เซวียนกลับมาไม่นาน ก็นำทัพไปชายแดน จดหมายที่ส่งให้เหวินซื่อตลอดหลายปีมานี้มีแต่เรื่องการขนส่งสมุนไพร เรื่องราวภายในครอบครัวเขาไม่รู้อะไรเลย ได้ยินเช่นนั้น ก็ขมวดคิ้วถาม “เจ้าทำอะไรล่วงเกินเขาหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “น่าจะเป็นที่ข้ารักษาโรคให้อาซ้อ”
ฉู่เหวินเจี๋ยไม่เข้าใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบาย “ข้าเรียกฮูหยินเหวินซื่อว่าอาซ้อ”
ฉู่เหวินเจี๋ยถามอีก “ฮูหยินเหวินซื่อป่วยเป็นโรคร้ายแรงอะไร”
ตอนที่ 87 ฟื้นขึ้นมา
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ถูกทำร้ายจนเป็นแบบนั้น”
ฉู่เหวินเจี๋ยยิ่งให้ขมวดคิ้วหนัก พูดว่า “พูดให้ชัดเจนกว่านี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวจึงเล่าเรื่องหลังจากที่ตนเองมาถึงเมืองหลวง ได้ยินเรื่องที่ฮูหยินเหวินซื่อตั้งครรภ์ กลับคลอดทารกตายออกมา และเรื่องที่ตนเองจับชีพจรให้นางพบพิษตกค้างในร่างกาย จึงคิดว่ามีคนทำร้ายนาง
ฉู่เหวินเจี๋ยฟังจบ น้ำเสียงโกรธแค้น “สมองของเหวินซื่อมีแต่ข้าวเปล่าหรือไร ก่อนข้าไปชายแดนได้กำชับเขาแล้ว ให้รู้จักระวังภัยให้มาก เขาเห็นคำพูดข้าเป็นเพียงลมผ่านหูเรอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เขานะ จิตใจดีเกินไป นึกว่าพอนายท่านใหญ่ขับไล่น้องชายออกไปจากบ้าน จากบันทึกสกุล ทั้งให้แม่เลี้ยงเขาเก็บตัวสำนึกความผิดเรื่องก็จะจบ โดยไม่รู้เลยว่า พวกเขาละโมบมักใหญ่ จะยอมรามือง่ายๆ ได้อย่างไร เพียงแค่เปลี่ยนมาใช้แผนที่เคยทำจากที่แจ้งเป็นที่ลับก็เท่านั้น”
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า พูดว่า “กองทัพของข้าจะมาถึงเมืองหลวงในอีกห้าวัน ถึงตอนนั้นข้าจะปรากฏตัวพร้อมกับกองทัพต่อหน้าคนทั้งหมด และเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ข้าจะส่งคนไปหาเหวินซื่อทันที”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้องแล้ว ข้าเตรียมจะส่งองครักษ์หลวงจำนวนหนึ่งไปปกป้องเขา ทั้งช่วยเขาสืบหาที่หลบซ่อนของน้องชายเขาด้วย สำหรับอาซ้อนั้น พระชายาอ๋องฉีมอบองครักษ์เงาให้ข้าสองนาง ข้าจะส่งไปคอยคุ้มครองนางหนึ่งคน”
ฉู่เหวินเจี๋ยได้ฟังถามขึ้น “พี่สาวข้ามอบองครักษ์เงาให้เจ้าสองนาง เจ้าเล่า เจ้าจะไม่มีคนคอยคุ้มกันข้างกายได้อย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะตอบ เสียงพ่อบ้านก็ดังขึ้นจากด้านนอก “นายท่าน ต้มโสมเสร็จแล้ว ให้ยกเข้ามาตอนนี้เลยไหมขอรับ”
เปาชิงเหอหันมองเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งเสียงพูด “ยกเข้ามาเถอะ”
พ่อบ้านรับคำ ยกซุปโสมคนชามใหญ่เข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดู พูดว่า “นี่เป็นโสมอายุร้อยปี ฤทธิ์ยารุนแรง ตอนนี้คุณชายเปาร่างกายอ่อนแอ หากดื่มลงไปทั้งหมดจะไม่เป็นประโยชน์กับร่างกายเขา ท่านไปนำถ้วยมาอีก แบ่งเป็นสามส่วน แล้วป้อนให้เขากินสามวัน”
พ่อบ้านวางถาดลงบนโต๊ะ หันหลังออกไป ไม่นานก็ยกถ้วยเล็กเดินเข้ามา ทำตามที่เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเทแบ่งออกมาใส่ถ้วยเล็ก
เมิ่งเชี่ยนโยวและฉู่เหวินเจี๋ยยังใช้วิธีเดิม ป้อนซุปโสมคนให้เปาอีฝาน
ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่างแล้ว
ฮูหยินเปาและซุนฮุ่ยที่ไม่ได้นอนทั้งคืนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ต่างประคองกันและกันเดินออกมา เพิ่งจะพ้นประตูเข้ามา ก็ถามอย่างร้อนใจ “ฝานเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”
“ขจัดพิษได้แล้ว ทั้งรีดเลือดพิษออกไปแล้ว เพียงแต่เขาเสียเลือดมาก ร่างกายรับไม่ไหว จึงสลบไป หากวันนี้เขาฟื้น ก็จะพ้นขีดอันตราย หากเขาไม่ฟื้น…”
คำพูดหลังจากนั้นแม้เมิ่งเชี่ยนโยวจะไม่ได้พูดออกมา ฮูหยินเปาก็รู้ว่านางจะพูดอะไร น้ำตาไหลรินพรั่งพรูอีกครั้ง ฮูหยินเปาเดินโงนๆ เงนๆ ไปข้างเตียง มองเปาอีฝานที่หลับตาสนิท นอนใบหน้าขาวซีด ราวกับคนที่ตายไปแล้ว นางฝืนต่อไปไม่ไหว ปิดเปลือกตาลง ตัวอ่อนสลบล้มพับเข้าหาร่างซุนฮุ่ยทันที
“ท่านแม่!” ซุนฮุ่ยกอดนางไว้ ร้องเรียกเสียงหลง
เปาชิงเหอตกใจปล่อยมือเปาอีฝาน ตะโกนเสียงแหบ “ฮูหยิน เจ้าเป็นอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวและฉู่เหวินเจี๋ยก็ตกใจลุกขึ้นยืน
เปาชิงเหอและซุนฮุ่ยประคองฮูหยินเปามานั่งบนเก้าอี้
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา วางมือนางลงบนโต๊ะ จับชีพจรให้นาง ครู่หนึ่งถึงโล่งใจพูดว่า “ด้วยเสียใจมากเกินไป ทั้งไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ ทำให้สลบไป ไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ต้องกินยา ประคองท่านป้าไปนอนที่ห้องก็พอเจ้าค่ะ”
เปาชิงเหอและซุนฮุ่ยถึงวางใจลง ทั้งสองประคองฮูหยินเปาเดินออกไป
ด้านหลังกลับมีเสียงแผ่วของเปาอีฝานดังขึ้น “ท่านแม่!”
เปาชิงเหอและซุนฮุ่ยหยุดกึก หันกลับไปมองที่เตียงอย่างไม่เชื่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวและฉู่เหวินเจี๋ยก็ตกตะลึงยินดี หันไปมองเปาอีฝานพร้อมกัน
เห็นเปาอีฝานลืมตาขึ้น กำลังมองตรงไปที่ฮูหยินเปา
ซุนฮุ่ยน้ำตาไหลพรั่งพรู ร้องไห้ไร้เส้นเสียง
เปาชิงเหอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หยดน้ำตาไหลทะลักออกมา
ฉู่เหวินเจี๋ยที่ไม่เคยยิ้มแย้มก็แสยะยิ้มออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มเบิกบาน น้ำเสียงหยอกเย้า “เปาอีฝาน เสียงของท่านดังเสียงสวรรค์โดยแท้ ข้าไม่เคยได้ยินเสียงที่ไพเราะเช่นนี้มาก่อน”
“ท่านแม่ข้าเป็นอะไร” เปาอีฝานเอ่ยปากอย่างยากเข็ญ ถามอย่างอ่อนแรง
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลงบนม้านั่งข้างเตียง วางมือลงบนจุดชีพจรเขา จับชีพจรให้เขาแล้วตอบว่า “ท่านป้าไม่เป็นอะไรมาก นอนสักตื่นก็หาย”
เปาอีฝานวางใจลง เก็บคืนแววตาที่มองฮูหยินเปา หันมายิ้มอ่อนให้เมิ่งเชี่ยนโยว พูดว่า “ข้าได้ยินแล้ว เจ้าบอกจะยุให้ฮุ่ยเอ๋อร์แต่งงานใหม่ พอข้าหายดี จะต้องคิดบัญชีกับเจ้า”
เปาอีฝานฟื้นแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวผ่อนคลายลงไม่น้อย จึงแหย่เย้าเขากลับ “แน่จริงท่านก็ลุกขึ้นมาคิดบัญชีกับข้าตอนนี้สิ ข้าใช้แค่นิ้วเดียวก็กำราบท่านได้แล้ว”
เปาชิงเหอและซุนฮุ่ยประคองฮูหยินเปามานั่งบนเก้าอี้ เปาชิงเหอรีบเดินมาหาเขา ริมฝีปากสั่นระริกร้องเรียก “ฝานเอ๋อร์!”
เปาอีฝานยิ้มอย่างรู้สึกผิด “ท่านพ่อ ทำให้ท่านเป็นห่วงแล้ว”
เปาชิงเหอน้ำตาไหลอาบแก้ม พูดเพียงว่า “ฟื้นก็ดีแล้ว ฟื้นก็ดีแล้ว”
ซุนฮุ่ยคอยประคองฮูหยินเปาที่สลบไสล ไม่ได้เดินเข้ามา
เปาอีฝานเบนสายตามองไปที่นาง
ซุนฮุ่ยน้ำตาไหลยิ้มตอบเขา
เปาอีฝานเผยอปากจะพูดบางอย่าง
เมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทเขา “พอแล้วๆ อย่าทำเหมือนจะลาตายได้ไหม จะบอกให้นะ ตัวหายนะอย่างเจ้าแม้แต่มัจจุราชยังไม่อยากได้ ถึงให้ผีน้อยพาเจ้าส่งกลับมา”
เปาอีฝานถลึงตาใส่นางอย่างไม่พอใจ
“เหอะ” เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเสียงประหลาด “เจ้าเพิ่งจะฟื้นก็กล้าถลึงตาใส่ข้าแล้ว ข้าวางมือไม่สนใจเจ้าดีไหม ให้เจ้านอนจะตายมิตายแหล่เช่นนี้ไป”
ซุนฮุ่ยพ่นหัวเราะ
เปาชิงเหอก็แย้มยิ้มสรวล
ฉู่เหวินเจี๋ยดึงมุมปาก
เปาอีฝานเก็บคืนสายตา มองนางอย่างประจบ
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น พูดใหญ่โตกับซุนฮุ่ย “พี่ฮุ่ยเอ๋อร์ ท่านรีบพาท่านป้ากลับไปที่ห้อง แล้วกลับมาดูสามีท่านเถอะ คาดว่าเขาจะมีเรื่องมากมายจะพูดกับท่าน ท่านไม่เห็นเมื่อครู่พอข้าตัดบทเขา สายตาที่เขาจ้องมองข้า คับแค้นจนอยากจะกินข้าเข้าไปเทียว”
ซุนฮุ่ยหน้าแดงเขิน ก้มหน้า พยายามประคองฮูหยินเปาขึ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าช่วยนางอีกแรง ทั้งสองประคองฮูหยินเปาขึ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวประคองไปพลางพูดว่า “เมื่อคนฟื้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีก ทุกคนวางใจเถอะ แต่ว่า ตอนนี้เขายังอ่อนแอ ประเดี๋ยวก็จะหลับไปอีก พวกท่านไม่ต้องเป็นกังวล เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็จะไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ”
ทั้งสองประคองฮูหยินเปาเดินออกไป ภายในห้องเหลือเพียงฉู่เหวินเจี๋ย เปาชิงเหอและเปาอีฝานสามคน
เปาชิงเหอพูดกับฉู่เหวินเจี๋ยอย่างอ่อนน้อม “ท่านแม่ทัพ ฝานเอ๋อร์ฟื้นแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ท่านเองก็กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ”
ไม่ได้พักผ่อนมาหลายวัน ฉู่เหวินเจี๋ยเองก็เป็นดั่งธนูที่ลอยมาถึงสุดขอบแล้ว ได้ยินดังนั้นก็ไม่เกรงใจ พยักหน้าพูดว่า “ได้ ข้าจะไปพักผ่อนก่อน หากเกิดเรื่องกับรองแม่ทัพเปา ท่านรีบให้คนไปตามข้าทันที”
เปาชิงเหอน้อมคำนับส่งเขามาถึงหน้าประตู สั่งพ่อบ้านให้พาฉู่เหวินเจี๋ยไปห้องพักแขก
เปาชิงเหอมองพ่อบ้านพาฉู่เหวินเจี๋ยเดินออกไปไกล ถึงกลับมานั่งข้างเตียงเปาอีฝาน
เปาอีฝานเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว พูดอย่างอ่อนแรง “ท่านพ่อ ข้าขอนอนต่ออีกหน่อย”
เปาชิงเหอพยักหน้า ยัดริมผ้านวมให้เขา “นอนเถอะ พ่อจะอยู่เฝ้าเจ้าเอง”
เปาอีฝานหลับตาลง ไม่นานก็หลับสนิทไป
เปาอีฝานมองดูหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง หัวใจที่ลอยเคว้งมาตลอดทั้งคืนกลับสู่ที่เดิม
เมิ่งเชี่ยนโยวและซุนฮุ่ยประคองฮูหยินเปากลับมานอนในห้อง ซุนฮุ่ยเบี่ยงหน้าจะเดินกลับไปเรือนตนเองทันที เมิ่งเชี่ยนโยวรั้งนางไว้ พูดหยอกเย้า “พี่ฮุ่ยเอ๋อร์ อย่างไรข้าก็เป็นผู้มีคุณที่ช่วยชีวิตสามีท่าน เหน็ดเหนื่อยมาค่อนคืน ท่านควรจะหาที่หาทางให้ข้าได้พักก่อนหรือไม่”
ซุนฮุ่ยหน้าแดงฝาด พาเมิ่งเชี่ยนโยวมาห้องรับแขกด้วยตนเอง เปิดประตูออก เดินเข้ามา ปูผ้าเตียงให้นางกับมือ
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งมองอย่างสบายอารมณ์ พอนางทำเสร็จ ถึงพูดว่า “ข้าสั่งบ่าวไปต้มยาแล้ว ท่านจงป้อนยาให้คุณชายเปาดื่มทุกสองชั่วยาม อย่าให้เขามีไข้เด็ดขาด ด้วยสภาพร่างกายเขาตอนนี้ หากมีไข้จะยุ่งยาก”
ซุนฮุ่ยพยักหน้าจดจำไว้
“อีกอย่าง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ท่านให้บ่าวต้มโจ๊กไว้ พอเขาฟื้นอีกครั้ง ท่านก็ป้อนให้เขากิน”
ซุนฮุ่ยพยักหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวพูดแหย่เย้านาง “ข้ารู้ว่าใจท่านลอยไปอยู่ที่คุณชายเปาแล้ว แต่เรื่องที่ข้ากำชับ ท่านต้องจำให้ขึ้นใจ โดยเฉพาะยาลดไข้ ห้ามลืมเด็ดขาด”
ซุนฮุ่ยพยักหน้ารับหน้าแดงก่ำ พูดเสียงเบา “ข้ารู้แล้ว”
“ไม่ถ่วงเวลาท่านแล้ว ท่านรีบไปเถอะ บอกสาวใช้ข้าด้วยว่าข้าอยู่ที่นี่” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเป็นอย่างสุดท้าย
ซุนฮุ่ยพยักหน้า หันหลังก้าวฉับๆ ออกไปทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มส่ายหน้า เดินมาข้างเตียง นอนลงไปทั้งชุด แล้วห่มผ้า
เหนื่อยล้ามาครึ่งค่อนคืน อ่อนล้ามากแล้ว ไม่นานก็หลับสนิทไป
พวกเมิ่งฉีพักผ่อนได้สักพักใหญ่ ก็ลุกขึ้นเดินออกมา ได้ยินว่าเปาอีฝานฟื้นแล้ว ต่างก็เบาใจลง
เมิ่งฉีพูดกับกัวเฟยว่า “ข้าจะไปโรงงาน พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ดูว่าพอโยวเอ๋อร์ฟื้นมีอะไรจะสั่งการหรือไม่”
กัวเฟยน้อมรับคำ
เมิ่งฉีออกไปโรงงาน
อาจจะเพราะเหนื่อยล้ามาก ฉู่เหวินเจี๋ยและเหล่าหัวหน้าทหารจึงยังไม่ตื่น ยังคงนอนหลับอุตุอยู่ในห้องพักแขก
ซุนฮุ่ยบอกให้เปาชิงเหอกลับไปพักผ่อนแล้ว ตนเองคอยเฝ้าอยู่ข้างกายเปาอีฝาน ทั้งทำตามที่เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับ ให้บ่าวไปต้มโจ๊ก แล้ววางอุ่นไว้บนเตา
เมิ่งเชี่ยนโยวสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกรีดร้อง ปฏิกิริยาแรกคือเกิดเรื่องกับเปาอีฝาน ทะลึ่งลุกพรวด ยังสวมรองเท้าไม่เสร็จดี ก็วิ่งเข้ามาเรือนซุนฮุ่ย
วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในห้องเปาอีฝานภายใต้สายตาตกตะลึงของคนทั้งจวน กลับพบว่าฮูหยินเปากำลังมือของเปาอีฝานที่ลืมตาโพลง เอาแต่ร้องไห้ตัวสั่น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เมิ่งเชี่ยนโยวกระหืดกระหอบถาม
ซุนฮุ่ยหันกลับไป เห็นเสื้อผ้ายุ่งเหยิง รองเท้ายังใส่ไม่เสร็จดี จึงรีบเดินเข้าไปจัดแจงเสื้อผ้าให้นาง ถึงพูดว่า “ท่านแม่เห็นท่านพี่ฟื้นแล้ว ด้วยอารามตกใจร้องกรีดออกมา ทำเจ้าตกใจแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหย่อนก้นลงบนเก้าอี้อย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ กุมหน้าอกตัวเองพูดว่า “ตกใจหมดเลย ข้านึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณชายเปาเสียแล้ว”
ซุนฮุ่ยทำหน้ารู้สึกผิด ตบหลังให้นาง พูดให้นางผ่อนคลายลง “ท่านพี่ไม่เป็นอะไร เจ้ากลับไปนอนอีกหน่อยไหม”
เมิ่งเชี่ยนโยวที่ปรับลมหายใจจนเป็นปกติแล้ว โบกมือ “ไม่ต้อง ข้าตื่นแล้ว คงนอนไม่หลับอีก” ว่าแล้วก็ถามขึ้น “คุณชายเปาเป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีไข้ดอกนะ”
“ไม่มี พอเขาฟื้น ข้าก็ทำตามที่เจ้าบอกป้อนยาลดไข้ให้เขาไปหนึ่งครั้งแล้ว” ซุนฮุ่ยตอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ลุกขึ้นเดินมาข้างเตียง
ฮูหยินเปาคร่ำครวญสะอื้นเอาแต่กุมมือเปาอีฝานแน่น
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ท่านป้า ข้าขอจับชีพจรให้คุณชายเปาหน่อยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเปาเช็ดน้ำตาตัวเอง คลายมือจากเปาอีฝาน พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “แม่นางเมิ่ง ขอบใจที่ช่วยชีวิตฝานเอ๋อร์นะ บุญคุณใหญ่หลวงนี้พวกเราจะไม่ลืมไปชั่วชีวิต”
เมิ่งเชี่ยนโยววางมือจับชีพจรให้เปาอีฝาน ยิ้มพูดว่า “ท่านป้า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านพูดเช่นนี้เกรงใจเกินไปแล้ว”
ฮูหยินเปาพยักหน้า “ใช่ๆๆ ครอบครัวเดียวกัน ป้าไม่เกรงใจกับเจ้าแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวจับชีพจรอย่างถี่ถ้วน พูดว่า “ท่านป้าวางใจนะเจ้าคะ ภายในสองวัน ขอเพียงไม่มีไข้ คุณชายเปาก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว”
ฮูหยินเปาหลั่งน้ำตาปิติออกมาอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบพูดว่า “คุณชายเปาไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว ท่านป้าป้อนโจ๊กให้เขากินหน่อยเถอะ”
“ใช่ๆๆ” ฮูหยินเปาพูดเสียงสะอื้น “ฮุ่ยเอ๋อร์ รีบให้คนยกโจ๊กเข้ามา”
ซุนฮุ่ยรับคำ เปล่งเสียงออกไปด้านนอก
สาวใช้รีบยกโจ๊กเข้ามา
ฮูหยินเปารับมา ค่อยๆ ตักคำเล็กๆ ป้อนให้เปาอีฝานกิน
พ่อบ้านเดินเข้ามา พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างอ่อนน้อม “แม่นางเมิ่ง ท่านแม่ทัพตื่นแล้ว มาเชิญท่านไปพบขอรับ”
ตอนที่ 88 มั่นคง
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น สั่งซุนฮุ่ยอย่าเพิ่งขยับตัวเปาอีฝาน จากนั้นก็ตามพ่อบ้านมาถึงห้องรับแขก
ฉู่เหวินเจี๋ยนั่งบนเก้าอี้ในห้องรับแขก เปาชิงเหอและหัวหน้านายกองยืนอยู่อีกด้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้องรับแขก กำลังจะทำความเคารพฉู่เหวินเจี๋ย
ฉู่เหวินเจี๋ยพูดห้ามนาง “ไม่มีคนนอก ไม่ต้องแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามเขา ยิ้มถาม “ท่านแม่ทัพมีธุระใดกับข้า”
“รองแม่ทัพเปาฟื้นแล้ว ข้าและหัวหน้านายกองจะลอบกลับไปกองทัพเงียบๆ ห้าวันให้หลัง ข้าจะกลับเมืองหลวงมาพร้อมกองทัพ เรื่องที่แม่นางเมิ่งพบข้าก่อน ขออย่าได้แพร่งพรายออกไป” ฉู่เหวินเจี๋ยกล่าว
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าทราบ ท่านแม่ทัพไม่สั่งการ ข้าก็จะไม่พูดออกไป ท่านวางใจเถอะเจ้าค่ะ”
ฉู่เหวินเจี๋ยผงกศีรษะ “แต่ว่า หากเซวียนเอ๋อร์ถาม เจ้าบอกเขาได้ ให้เขาบอกพี่สาวข้าด้วยว่าข้าปลอดภัยดี อีกไม่กี่วันพวกเราก็จะได้พบหน้ากันแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดว่า “ท่านแม่ทัพนำทัพกลับเมืองหลวง หาใช่เรื่องเล็กไม่ คาดว่าคนในราชสำนักคงจะทราบเรื่องแล้ว ท่านอ๋องฉีก็เช่นกัน คงจะบอกเรื่องนี้กับพระชายาแล้ว”
ฉู่เหวินเจี๋ยชะงักเล็กน้อย แล้วพยักหน้าพูดว่า “แม่นางกล่าวก็ถูก เช่นนั้นอีกห้าวันพวกเราค่อยพบกันใหม่ หวังว่าตอนที่ข้ากลับมาอย่างเป็นทางการ รองแม่ทัพเปาจะกระโดดโลดเต้นได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ “ท่านแม่ทัพ เขาถูกเฉือนเนื้อขูดกระดูกนะ อย่าว่าแต่ห้าวันเลย อีกห้าสิบวันก็ยังกระโดดโลดเต้นไม่ได้ ท่านอย่ากลั่นแกล้งเขาเลย ข้ารับประกันว่าข้าจะมีชีวิตรอดก็พอแล้ว”
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า ลุกขึ้น “เช่นนั้นอีกห้าวันพวกเราค่อยพบกันใหม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ลุกขึ้น พยักหน้ายิ้ม “อีกห้าวันพบกันใหม่เจ้าค่ะ”
ฉู่เหวินเจี๋ยสาวเท้าเดินออกไป หัวหน้านายกองเดินตามหลัง
เปาชิงเหอที่ไม่ได้พูดอะไรเลยเดินรั้งท้าย ออกมาส่งคนทั้งหมดถึงหน้าประตูจวน
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ตามพวกเขาออกมา หันมองท้องฟ้า เป็นเวลาสายมากแล้ว จึงกลับมาเรือนซุนฮุ่ย สั่งการชิงหลวน “เจ้าจงไปบอกฮูหยินเหวิน บอกว่าวันนี้ข้ามีธุระ การรักษาในวันนี้เปลี่ยนไปเป็นตอนค่ำ ถึงตอนนั้นข้าจะส่งคนไปรับตัวนางมา”
ชิงหลวนรับคำ เดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้อง เปาอีฝานกินโจ๊กเสร็จก็หลับไปอีกครั้ง
ฮูหยินเปาคอยเฝ้าข้างเตียง
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูดวงตาคล้ำลึก สภาพที่อ่อนล้าของซุนฮุ่ย พูดว่า “พี่ซุน มีคนมากมายคอยดูแล ท่านกลับไปพักผ่อนบ้างเถอะ อย่าให้ต้องล้มไปอีกคนเลย”
ซุนฮุ่ยที่อกสั่นขวัญแขวนมาตลอดทั้งคืน ยังต้องคอยดูแลลูกและฮูหยินเปาที่สติกระเจิง รวมทั้งเปาอีฝานที่นอนสลบไม่ได้สติ นางเริ่มทนไม่ไหวแล้วจริงๆ แม้แต่จะเดินยังรู้สึกโงนๆ เงนๆ ได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้า หันไปพูดกับฮูหยินเปา “ท่านแม่ ข้าจะไปนอนสักครู่ รบกวนท่านดูแลท่านพี่ด้วย”
ฮูหยินเปารีบพูดว่า “ได้ๆๆ เจ้าพักผ่อนให้มากๆ ข้าจะดูแลฝานเอ๋อร์เอง”
ซุนฮุ่ยหันไปถามเมิ่งเชี่ยนโยวอีก “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าก็ตามข้าไปพักผ่อนอีกหน่อยเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้องแล้ว ข้าพักผ่อนพอแล้วเจ้าค่ะ”
ซุนฮุ่ยพยักหน้า “เช่นนั้นข้าไม่อยู่ต้อนรับเจ้าแล้ว เจ้าทำตามใจได้เลยนะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ท่านรีบไปพักผ่อนเถอะ”
ซุนฮุ่ยเดินสะโหลสะเหลออกไป สาวใช้ข้างกายรีบเดินเข้ามาประคองนางไปพักผ่อน
เมิ่งเชี่ยนโยวมองนางเดินไปไกล ถึงหันมาพูดกับฮูหยินเปา “ท่านป้า ข้าจะไปที่โรงงานหน่อย หากคุณชายเปาเป็นอะไร ท่านให้คนไปตามข้าที่นั่นนะเจ้าคะ”
ฮูหยินเปาพยักหน้า “ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับนางอีกว่า “ต้องให้ยาลดไข้เขาตรงตามเวลา ขอเพียงไม่มีไข้ ก็จะไม่เป็นอะไร”
ฮูหยินเปาจดจำไว้
เมิ่งเชี่ยนโยวพากัวเฟยและจูหลีมาโรงงาน
คนงานเริ่มลงมือทำงานแล้ว เมิ่งฉีพอจะมีเวลาว่าง รับผิดชอบเพียงตรวจการทำงานของแต่ละส่วน หากมีอะไรไม่ถูกต้องก็แก้ไขให้พวกเขา พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา ก็เดินเข้ามาถาม “เป็นอย่างไรบ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบว่า “ต้องรอดูอีกวัน หากไม่มีไข้ ก็ถือว่าพ้นขีดอันตราย แต่ยังต้องพักฟื้นอีกอย่างน้อยครึ่งปี”
“รักษาชีวิตไว้ได้ก็ดี ไม่เช่นนั้นใต้เท้าเปาและฮูหยินเปาคงจะทนรับไม่ไหวเป็นแน่” เมิ่งฉีกล่าว
บ่าวจวนเปาเดินเข้ามาจากด้านนอก พอเห็นคนทั้งสองก็เดินเข้ามาทักทายอย่างอ่อนน้อม “แม่นางเมิ่ง คุณชายเมิ่ง ผู้น้อยจะไปซื้อวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารในวันนี้ขอรับ ทั้งสองท่านมีอะไรจะสั่งหรือไม่”
บ่าวฉลาดทำงานเก่ง ขอเพียงเป็นเรื่องที่พวกเขาสั่งก็จะทำได้เป็นอย่างดี ไม่เคยเกิดความผิดพลาด เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ที่ผ่านมาลำบากเจ้าแล้ว เงินค่ากับข้าวยังมีพอหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีให้ความไว้วางใจบ่าวมาก ทุกครั้งจะให้ตั๋วเงินหนึ่งร้อย ให้เขาใช้จ่ายได้ตามใจ บ่าวรีบตอบกลับ “พอขอรับ บ่าวยังมีเหลืออีกหลายสิบตำลึงขอรับ”
“จะต้องซื้อวัตถุดิบชั้นดี หากเงินไม่พอก็มาบอกพวกเรา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
บ่าวรับคำ น้อมพูดว่า “หากไม่มีอะไรสั่งการ บ่าวขอตัวก่อนนะขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ไปเถอะ เดินทางระวังด้วย”
บ่าวรับคำ หันหลังเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งฉี “บ่าวคนนี้ไม่เลวเลย ฉลาดมีไหวพริบ ทำงานเก่ง เดิมข้าคิดว่าพอเรื่องในโรงงานเรียบร้อยจะเอ่ยปากขอคนกับใต้เท้าเปา ให้เขามาดูแลที่นี่ แต่พอเกิดเรื่องกับคุณชายเปา ข้าจึงไม่กล้าเอ่ยปากตอนนี้ งานในโรงงานคงต้องให้พี่รองจัดการไปอีกสักระยะ พอคุณชายเปาดีขึ้น ข้าค่อยเอ่ยกับใต้เท้าเปาอีกครั้ง”
ความสามารถในการทำงานของบ่าว เมิ่งฉีก็เห็นอยู่ในสายตา พยักหน้าพูดว่า “บ่าวคนนี้ใช้ได้ดีจริงๆ ข้าเองก็มีความคิดนี้ ทว่าไม่รู้ว่าเขาทำสัญญาเป็นหรือสัญญาตายเอาไว้”
สัญญาตายคือขายตัวให้ทั้งชีวิต นายจะด่าจะทุบตี นำไปขายต่ออย่างไรก็ได้ สัญญาเป็นคือสัญญาทาสที่ตกลงระยะเวลาไว้ กระทั่งครบกำหนด บ่าวสามารถไปจากนาย กลับมาเป็นอิสระ ต้องการจะไปไหนก็ได้
เมิ่งเชี่ยนโยวก็คิดถึงปัญหานี้พูดว่า “เอาไว้อีกสองสามวันข้าค่อยถามพี่ซุน หากเขาทำสัญญาเป็น พวกเราก็รอเขาครบกำหนดค่อยว่ากัน หากเป็นสัญญาตาย เราเอ่ยปากขอมาดื้อๆ เลยก็พอ”
เมิ่งฉีพยักหน้า
หญิงสาวที่มาทำอาหารในโรงงานเดินเป็นกลุ่มเข้ามา พอเห็นทั้งสองคน ก็เข้ามาทักทาย แล้วแยกกันไปจัดเตรียม รอบ่าวซื้อผักกลับมาจะได้ลงมือทำอาหารเที่ยง
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามเมิ่งฉีวนดูแต่ละฝ่ายของโรงงาน เห็นคนงานมือไม้คล่องแคล่ว ทำงานแข็งขัน พยักหน้าพอใจ พูดว่า “หากเป็นเช่นนี้ โรงงานกุนเชียงก็สามารถเปิดได้แล้ว ตอนนี้เราตุนสินค้าไว้ก่อน พอปีใหม่จะได้ทำกำไรก้อนโต”
หลายปีที่ผ่านมากุนเชียงทำเงินได้ดีมาตลอด สองปีก่อนมีคนริษยา เลียนแบบทำกุนเชียงบ้าง แต่คงเพราะล้างปลอกไส้ไม่สะอาด กินเข้าไปมีกลิ่นคาว ต่อให้ขายถูกกว่า ก็ไม่มีใครอยากซื้อ บวกกับที่เมิ่งเชี่ยนโยวผลิตออกมาเพิ่มอีกหลายรสชาติ ด้วยตลาดกุนเชียงในตอนนี้ พวกเขาจึงยังคงครองส่วนแบ่งทั้งหมดอยู่ อีกทั้งเซี่ยเจียงเฟิงยังบุกเบิกตลาดเพิ่มอีกไม่น้อย ดังนั้นทุกช่วงปีใหม่ กุนเชียงที่ผลิตออกมาจึงขาดตลาดทุกปี
เมิ่งฉีพยักหน้า “ได้ ช่วงนี้ข้าจะจัดเก็บพื้นที่ว่างอื่นของโรงงาน เตรียมของที่ต้องใช้สำหรับเริ่มงาน”
“ดี พวกเราทำไปก่อน พอแม่ทัพฉู่กลับเมืองหลวงข้าจะส่งจดหมายไปหาเซี่ยเจียงเฟิง ทั้งบอกเขาเรื่องเปาอีฝานด้วย พวกเขาไม่ได้พบหน้ากันหลายปีแล้ว น่าจะรีบเดินทางเข้ามา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
จะเปิดโรงงานกุนเชียงต้องรับสมัครคนงาน จึงต้องให้เปาชิงเหอช่วยพวกเขาอีก ทั้งสองหารือกันครู่หนึ่ง ตัดสินใจว่าจะรอแม่ทัพฉู่กลับเมืองหลวงก่อนค่อยว่ากันอีกที ถึงตอนนั้นอาการของเปาอีฝานคงดีขึ้น พอเปาชิงเหอสบายใจจะได้มาช่วยพวกเขา
ทั้งหมดเป็นเรื่องที่พวกเขาคุ้นเคยดีแล้ว เพียงแค่รับสมัครคนงานก็เริ่มงานได้ทันที เมิ่งฉีพยักหน้า พูดว่า “วันสองวันนี้ให้ขบวนรถม้ากลับไปเถอะ หากวันนี้เจ้ากลับไปเร็ว ก็เขียนจดหมายบอกพี่ใหญ่ด้วย หากไม่มีเวลา รอข้ากลับไปเขียนเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวครุ่นคิด “อาการของคุณชายเปายังไม่ทรงตัว กว่าข้าจะกลับไปก็คงเป็นตอนค่ำ ยังต้องรักษาโรคให้ฮูหยินเหวิน ไม่มีเวลาแล้ว พี่รองเป็นคนเขียนเถอะ”
เมิ่งฉีรับคำ
บ่าวซื้อผักกลับมา วางวัตถุดิบที่ต้องใช้ในโรงงานลง แล้วนำส่วนที่เหลือส่งไปบ้านสวนนอกเมือง
เมิ่งเชี่ยนโยวออกมาได้พักหนึ่งแล้ว รู้สึกไม่วางใจ กลัวอาการของเปาอีฝานจะกำเริบ จึงกลับมาจวนเปา
ชิงหลวนส่งจดหมายกลับมาแล้ว รายงานว่าตนเองบอกฮูหยินเหวิน นางจึงฝากความกลับมาว่า หากว่าท่านปลีกตัวไม่ได้ จะหยุดรักษาสักวันก็ได้ ทั้งกำชับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่าให้เหนื่อยจนล้มป่วย
พิษที่คั่งค้างในตัวฮูหยินเหวินขจัดออกไปเกือบหมดแล้ว มดลูกกำลังปรับสมดุลอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ หากวันนี้หยุดรักษา เท่ากับที่รักษามาหลายวันสูญสิ้นค่า เมิ่งเชี่ยนโยวย่อมไม่ยินยอม คิดว่าพอฟ้ามืด เปาอีฝานไม่แสดงอาการใด ตอนที่ตนเองกลับไป จะให้ชิงหลวนและจูหลีไปรับสองพี่น้องมาที่บ้านตนเองพร้อมกัน
ฮูหยินเปายังคงนั่งเฝ้าเปาอีฝานข้างเตียง เปาอีฝานก็ยังคงนอนหลับใหล เมิ่งเชี่ยนโยวเดินขึ้นหน้าถามฮูหยินเปา ฮูหยินเปาบอกว่าให้เปาอีฝานกินยาลดไข้ไปหนึ่งครั้ง เมิ่งเชี่ยนโยวแตะหน้าผากเปาอีฝาน รู้สึกว่าไม่มีไข้ก็วางใจลง หันมาเห็นม่อเอ๋อร์ที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างเตียง จึงพาเขาเดินออกมาในลาน สั่งบ่าวไปนำกระดาษและพู่กันมา นางวาดภาพกังหัน แล้วให้บ่าวไปทำออกมา จากนั้นสอนม่อเอ๋อร์ให้เป่ากังหัน
เป็นครั้งแรกที่ม่อเอ๋อร์เห็นของเล่นหน้าต่างประหลาดนี้ ดีใจยิ้มแฉ่ง ถือกังหันวิ่งไปวิ่งมาทั่วลาน เสียงหัวเราะใสกังวานสะท้อนไปทั่วลาน
คงเพราะพ่อลูกมีใจเชื่อมโยง เปาอีฝานจึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งจากเสียงหัวเราะ ร้องเรียกม่อเอ๋อร์ให้เข้ามาในห้อง พูดกับเขาครู่หนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวใช้โอกาสนี้ให้บ่าวไปยกซุปโสมเข้ามาให้เปาอีฝานดื่ม ทั้งสั่งบ่าวให้มาเปลี่ยนข้าวของบนเตียงที่เต็มไปด้วยคราบเลือดน่าหวาดผวาพวกนั้นออกไป
หลังจากเปลี่ยนเสร็จ เปาอีฝานก็เหนื่อยจนหลับไปอีกครั้ง ครั้งนี้ลมหายใจนิ่ง หน้าอกก็กระเพื่อมมีแรง เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขารอดมาได้จริงๆ แล้ว จึงยอมวางใจอย่างสิ้นเชิง เขียนใบสั่งยา ให้พ่อบ้านไปจัดมา หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด ก็ให้เขาสั่งบ่าวไปต้มมาให้เขาดื่มให้ตรงตามเวลา สำหรับยาลดไข้ ให้ดื่มตามเวลาอีกหนึ่งวันก็พอ
พ่อบ้านจดจำขึ้นใจ
กระทั่งเวลาพลบค่ำ เปาอีฝานไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ก็ไม่มีอากาไข้ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงลุกขึ้นขอตัวลากลับบ้าน
ฮูหยินเปาอยากให้นางอยู่พักที่บ้านตัวเองอีกคืน ครั้นพอได้ยินว่าเมิ่งเชี่ยนโยวยังต้องไปรักษาคนอีก จึงล้มเลิกความคิด หลังจากกล่าวขอบคุณอย่างสุดหัวใจ ก็เดินออกมาส่งถึงหน้าประตูจวนพร้อมเปาชิงเหอและซุนฮุ่ย มองดูพวกนางขี่ม้าออกไปไกล ถึงรีบเดินกลับมาดูเปาอีฝานที่ห้อง
คนทั้งหมดออกจากจวนเปา ขี่ม้ามุ่งหน้ามาโรงงานก่อน
คนงานในโรงงานกำลังเลิกงานพอดี เมิ่งฉีเห็นพวกนางเข้ามา สั่งการบ่าว พอคนงานไปหมดแล้วให้ลงกลอนให้ดี แล้วขี่ม้าตัวเดียวกับกัวเฟยเดินทางกลับ
ออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือ เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งชิงหลวนและจูหลีไปรับสองพี่น้องเฝิงมาบ้านตนเอง
ทั้งสองรับคำ ควบม้ามุ่งหน้าไปจวนเฝิง
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีรวมถึงกัวเฟยตะบึงฮ่อกลับไปบ้านตนเอง
เพิ่งจะถึงหน้าประตู คนเฝ้าประตูก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงาน “นายท่าน ซื่อจื่อเข้ามาตอนบ่าย ตอนนี้ยังรอท่านอยู่ที่เรือนขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า เดินตรงมาลานเรือนพร้อมเมิ่งฉี
หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินเสียง เดินออกมาจากในห้อง ถามอย่างไม่สบอารมณ์ “ไหนบอกว่าช่วงนี้ไม่ยุ่ง จะอยู่แต่ในบ้าน เหตุใดถึงออกไปนานเช่นนี้อีกแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองเขา พูดว่า “เกิดเรื่องที่จวนใต้เท้าเปา ข้าไปช่วยเล็กน้อย ท่านมาพอดีเลย ข้ามีเรื่องจะบอกท่านพอดี”
“เรื่องอะไร” หวงฝู่อี้เซวียนจับจ้องใบหน้าเปื้อนยิ้มของนาง ถามอย่างไม่รู้ตัว
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบความ “เมื่อวานเกิดเรื่องทำให้แม่ทัพฉู่กลับเมืองหลวงกลางดึก เขาให้ข้าบอกท่านว่า อีกห้าวันให้หลังจะกลับเมืองมาพร้อมกองทัพ”
ตอนที่ 89 อนุญาตให้พักค้าง
“ท่านน้ากลับมาแล้ว” หวงฝู่อี้เซวียนดีใจก่อนถึงขมวดคิ้วมุ่น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ กองทัพยังมาไม่ถึง เหตุใดเขาถึงกลับมาก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น เข้าไปคุยในห้องข้าเถอะ”
หวงฝู่อี้เซวียนถึงหันไปร้องเรียกเมิ่งฉี “พี่รอง”
เดิมเมิ่งฉีจะเข้าไปในห้องเมิ่งเชี่ยนโยวด้วย พอได้ยินว่าพวกนางมีเรื่องต้องคุย จึงหยุดฝีเท้า พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “น้องสาว ข้ากลับไปเขียนจดหมายให้พี่ใหญ่ที่ห้องก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดฝีเท้า พูดว่า “อาการเจ็บของเหวินเป้าและเหวินซงเกือบหายดีแล้ว ข้าบอกพวกเขาแล้ว จะให้พวกเขากลับไปกับขบวนครั้งนี้ ท่านเขียนจดหมายบอกพี่ใหญ่ด้วยว่า ต่อไปให้พวกเขาสลับกันมาเมืองหลวง ให้มีสักคนคอยอยู่ดูแลที่บ้าน”
“ข้ารู้แล้ว ข้าจะบอกพี่ใหญ่เอง” เมิ่งฉีรับคำ หันหลังเดินกลับไปเรือนตัวเอง
ทั้งสองเดินเข้ามาในห้อง เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาวักน้ำในกะละมังล้างหน้า แล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า
หวงฝู่อี้เซวียนเดินไปรินน้ำชา ยื่นใส่มือนาง ทั้งเดินไปด้านหลังนวดคลึงที่บ่านาง แล้วถามว่า “เจ้าไปทำอะไรมา เหตุใดถึงดูเหนื่อยล้าเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยอกเย้าเขา “ไม่เจอหลายวัน ซื่อจื่อรู้จักทำเรื่องเอาใจคนเช่นนี้แล้ว ไม่ทราบว่าไปเรียนรู้มาจากสาวงามที่ไหนหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนที่กำลังนวดหยุดชะงัก จากนั้นก็บีบเต็มแรง
เมิ่งเชี่ยนโยวเจ็บจนร้องออกมา
หวงฝู่อี้เซวียนรีบคลายมือ พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “เจ้าก็รู้ว่าหัวใจข้าอยู่ที่เจ้าแล้ว หากภายหน้าเจ้ากล้าพูดเช่นนี้อีก ดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
ได้ฟังเช่นนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจพองโต จึงไม่หาความเขาอีก จิบชาเล็กน้อย แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เขาฟัง พูดว่า “วันนี้ตอนที่แม่ทัพฉู่จะไป ได้ย้ำกับข้า ให้ข้าบอกท่านเรื่องที่เขาจะกลับเข้าเมืองหลวงในอีกห้าวันข้างหน้า ทั้งให้เจ้าบอกพระชายาเอกด้วย”
“เรื่องกองทัพกลับเข้าเมืองหลวง พระบิดาทราบเรื่องและบอกพระมารดาตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว ทำให้สองวันมานี้พระมารดาดีใจอารมณ์ดี กำลังทำชุดให้ท่านน้าอยู่” หวงฝู่อี้เซวียนพูด
ฉู่เหวินเจี๋ยและพระชายาเอกสนิทสนมกันแต่เด็ก ครั้งนี้ฉู่เหวินเจี๋ยไปชายแดนสี่ปี ปลอดภัยกลับมา พระชายาเอกย่อมดีใจมาก การทำชุดให้น้องชายหาใช่เรื่องแปลก เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่คิดอะไรมาก พูดว่า “ข้าก็กล่าวเช่นนี้กับแม่ทัพฉู่เช่นกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าบนตัวหายไปเป็นปลิดทิ้ง จับมือที่ยังนวดคลึงอยู่ของหวงฝู่อี้เซวียน พูดว่า “เจ้าเองก็พักบ้างเถอะ”
หวงฝู่อี้เซวียนหยุดมือ เดินมานั่งข้างๆ ยกชาขึ้นจิบหลายคำ
เมิ่งเชี่ยนโยววางถ้วยชาในมือลง พูดว่า “ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาเจ้าพอดี น้องชายของเหวินซื่อปรากฏตัวอีกแล้ว ข้าว่าเหวินซื่อไม่ใช่คู่ปรับของเขา ข้าอยากเคลื่อนย้ายองครักษ์หลวงจากเหลาจวี้เสียนจำนวนหนึ่งมาคุ้มกันเขา ทั้งช่วยเขาสืบว่าใครกันแน่ที่แพร่งพรายข่าวที่ข้ารักษาให้ฮูหยินเหวิน”
หวงฝู่อี้เซวียนเข้าใจถึงความหมายแฝงของนางทันที ขมวดคิ้วถาม “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเหวินซื่อไม่ใช่คู่ปรับของเขา เขาเคยปะทะกับเขามาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ปิดบัง บอกเรื่องที่น้องชายเหวินซื่อเข้ามาขวางทางตนเองนอกเมือง ทั้งขู่เตือนให้ระวังตัว
หวงฝู่อี้เซวียนได้ฟัง หัวเราะเ**้ยม “ดูท่าที่ผ่านมาข้าจะอ่อนแอเกินไป แม้แต่คนชั้นต่ำเช่นนั้นยังกล้ามารังแกเจ้าได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ “เขาไม่ได้รังแกข้า ชิงหลวนและจูหลีออกโรงก็ทำให้พวกเขาบาดเจ็บไปสองคน คาดว่าช่วงเวลานี้คงยังไม่ลงมืออะไรอีก แต่ว่า น้องชายเหวินซื่อดูจะฉลาดเป็นกรดทีเดียว เห็นอยู่ว่าโทสะถึงขีดสุดแล้ว กลับกัดฟันยอมกลืนลงไป เป็นคนที่รับมือได้ยากคนหนึ่ง ข้ากลัวเขาจะเป็นสุนัขจนตรอก ทำเรื่องร้ายแรงกับเหวินซื่อและฮูหยิน พรุ่งนี้ข้ายังต้องไปจวนเปาอีกวัน หากเจ้าว่างช่วยไปบอกหลงจู๊ที่เหลาจวี้เสียนให้เคลื่อนย้ายกำลังองครักษ์มาจำนวนหนึ่ง ประเดี๋ยวฮูหยินเหวินจะเข้ามา ข้าจะให้ชิงหลวนไปอยู่กับนาง คุ้มกันความปลอดภัยให้นาง”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่เห็นด้วย พูดว่า “เขารู้สถานะเจ้าแล้ว ยังกล้าเข้ามาข่มขู่เจ้า จะต้องมียอดฝีมืออยู่กับตัว ถึงไร้ซึ่งความหวาดกลัวต่อเจ้า หากเจ้าส่งชิงหลวนไป จะเป็นการให้โอกาสเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ให้เขาลงมือกับเจ้าได้ทุกเมื่อ เช่นนี้ไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรความปลอดภัยของเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดว่า “ท่านลืมไปแล้วหรือ ข้าก็ไม่ใช่สตรีที่ไร้พิษสง ทั้งยังมีกัวเฟยและจูหลีข้างกาย ไม่เป็นไรดอก”
หวงฝู่อี้เซวียนยังคงไม่เห็นด้วย “ไม่ได้ พรุ่งนี้ข้าจะส่งองครักษ์หลวงไปคุ้มกันเหวินซื่อ สำหรับฮูหยินเหวิน ข้าจะคิดหาวิธี เจ้าไม่ต้องยุ่ง ตอนนี้เป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยว ชิงหลวนจะอยู่ห่างจากเจ้าไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจความหมายของเขา ถามขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนหยุดชะงัก แล้วบอกนางตามจริง “ก่อนหน้านั้นเจ้าบอกข้าเรื่องที่พระชายารองขายเครื่องแต่งงาน ข้าจึงส่งคนไปสืบ ที่แท้นางเอาเงินไปให้เฮ่อเหลี่ยน ให้เฮ่อเหลี่ยนไปปล่อยกู้ เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพระบิดา ข้าจะรอตอนที่พวกเขาเก็บเงิน เพื่อมีหลักฐานจับให้ได้คาหนังคาเขา แต่คล้ายว่าเฮ่อเหลี่ยนจะรู้สึกตัว ระมัดระวังตัวมาก อีกทั้งหลายวันก่อนเขายังมาที่จวน ไม่รู้ว่ามาพูดอะไรกับพระชายารอง ก่อนไปเจอข้า แสยะยิ้มมีเลศนัยให้ข้า ข้าว่า เขาจะต้องไม่ยอมรามือง่ายๆ จะต้องหาโอกาสแก้แค้น ดังนั้นช่วงเวลานี้เจ้าจะออกไปไหน จงพาคนไปมากหน่อยจะดีที่สุด ชิงหลวนและจูหลียิ่งต้องคอยคุ้มกันไม่ห่างกายเจ้า จะให้คนอื่นไม่ได้เด็ดขาด”
หากหวงฝู่อี้เซวียนไม่พูด ช่วงนี้เมิ่งเชี่ยนโยวยุ่งจนลืมเฮ่อเหลี่ยนไปเสียสนิทจริงๆ ได้ยินดังนั้นก็พูดว่า “ครั้งก่อนจัดการเขาจนอนาถเช่นนั้น เขาหายไปไม่กี่วัน กลับออกมากระโดดโลดเต้น หรือท่านเสนาบดีจะหายอดฝีมือมารักษาให้เขาแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนส่ายหน้า “ช่วงที่ผ่านมาข้าไม่ได้สนใจพวกเขา แต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เฮ่อเหลี่ยนเป็นคนร้ายลึก ไม่เหมือนคนที่ฟื้นตัวดีแล้ว”
“เช่นนั้นเขายังกล้าออกมา ไม่กลัวพวกเราเปิดโปงความลับของเราหรือไร” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
หวงฝู่อี้เซวียนตอบว่า “ตอนนี้เขาไม่มีตำแหน่งราชการ เป็นสามัญชน ต่อให้ถูกพวกเราเปิดโปงว่าเขาทำเรื่องอย่างชายไม่ได้ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร ดังนั้นตอนนี้เขาไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใด ข้ากลัวเขาจะทนไม่ไหว กลายเป็นสุนัขจนตรอก มาหาเรื่องเจ้า บัดนี้พวกเราอยู่ที่แจ้ง พวกเขาอยู่ที่มืด ไม่รู้ว่าจะลงมือเมื่อใด ดังนั้งชิงหลวนจะต้องคอยอยู่ข้างกายเจ้า”
หวงฝู่อี้เซวียนพูดมีเหตุผล เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่โต้แย้งอีก
ชิงหลวนและจูหลีมาถึงจวนเฝิง เห็นเฝิงจิ้งเหวิน จึงบอกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวให้มารับพวกเขาสองคนไปรักษา
เมิ่งเชี่ยนโยวจะต้องมีเรื่องสำคัญถึงยุ่งตลอดวัน คิดว่านางจะต้องเหนื่อยล้าแล้ว เฝิงจิ้งเหวินจึงพูดกับทั้งสองว่า “โรคของข้าไม่ใช่จะหายในวันสองวัน วันนี้น้องโยวเอ๋อร์คงเหนื่อยแล้ว ข้าไม่เข้าไปรบกวนดีกว่า”
ชิงหลวนและจูหลีได้รับการฝึกมาให้ปฏิบัติตามคำสั่งของนายให้สำเร็จ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินยอม ชิงหลวนน้อมพูดว่า “ฮูหยินเหวิน นายท่านบอกว่า โรคของท่านห้ามขาดการรักษาแม้แต่วันเดียว ไม่เช่นนั้นที่ผ่านมาจะสูญเปล่า ท่านตามพวกเราไปเถอะ”
ได้ยินดังนั้น เฝิงจิ้งเหวินจึงไม่ปฏิเสธอีก ร้องเรียนเฝิงจิ้งซู ขึ้นบนรถม้าตัวเอง ตามชิงหลวนและจูหลีมาถึงบ้านเมิ่งเชี่ยนโยว
พอพวกนางคล้อยหลังไป ก็มีเงาร่างหนึ่งแอบออกมาจากจวนเฝิง วิ่งตามพวกเขาไปห่างๆ
สองพี่น้องเฝิงลงจากรถม้า ตามชิงหลวนและจูหลีมาถึงเรือนเมิ่งเชี่ยนโยว
หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินเสียงในลาน ขมวดคิ้วมุ่น
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงนึกได้ว่าลืมบอกเรื่องที่เฝิงจิ้งเหวินจะมารับการรักษาคืนนี้ รีบลุกขึ้น เดินไปข้างเขา ยิ้มพูดว่า “วันนี้ข้ายุ่งมาก ไม่มีเวลารักษาให้ฮูหยินเหวิน พอออกมาจากจวนเปา ก็ให้ชิงหลวนและจูหลีไปรับพวกเขามา เจ้าไปที่เรือนของพี่รองก่อน พอข้ารักษาให้นางเสร็จ จะส่งพวกเขากลับไปทันที”
หวงฝู่อี้เซวียนทำหน้าไม่พอใจ “กว่าเจ้าจะรักษาก็เป็นเวลาใดแล้ว พี่รองจะต้องรีบไล่ข้ากลับไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ไม่เป็นไร พอรักษาเสร็จ เจ้าตามข้าไปส่งฮูหยินเหวิน พี่รองจะต้องไม่คิดว่าเจ้าจะตามข้ากลับมาอีก”
หวงฝู่อี้เซวียนดวงตาเปล่งประกาย “เจ้าหมายความว่า คืนนี้ข้าค้างที่นี่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงฝาด ตีหน้าผากเขาแก้เขิน เดินออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนถูกตีจนหน้าผากแดง แต่ไม่โกรธ หัวเราะฮิๆ ลุกขึ้นยืนเดินตามนางออกไป
เฝิงจิ้งเหวินและเฝิงจิ้งซูเดินตามชิงหลวนและจูหลีมาถึงหน้าประตูแล้ว เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวออกมากำลังจะกล่าวทักทาย กลับเห็นหวงฝู่อี้เซวียนข้างหลังนางก็ให้ชะงักอึ้ง แล้วรีบทำความคำนับเขา
หวงฝู่อี้เซวียนแย้มยิ้มเบิกบาน น้ำเสียงสุขใจ “ฮูหยินเหวินไม่ต้องมากพิธี ต่อไปหากตอนกลางวันไม่ว่าง เข้ามาตอนกลางคืนได้เลย”
เฝิงจิ้งเหวินและซิมไม่เข้าใจคำพูดเขา ต่างมึนงง
เมิ่งเชี่ยนโยวถอยหลังหนึ่งก้าว ยื่นมือไปบิดเอวเขาเต็มแรง
หวงฝู่อี้เซวียนเจ็บจนร้อง “ซี้ด”
เฝิงจิ้งเหวินและซิมก้มหน้าไม่เห็นการกระทำของเมิ่งเชี่ยนโยว พอได้ยินเสียงก็เงยหน้าอย่างประหลาดใจ
ชิงหลวนและจูหลีกลับเห็นอย่างชัดเจน ปิดปากกลั้นหัวเราะ
หวงฝู่อี้เซวียนกระแอมกลบเกลื่อน รีบเดินไปเรือนเมิ่งฉี
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินขึ้นหน้า เข้าไปคล้องแขนเฝิงจิ้งเหวิน “อาซ้อรีบเข้ามาในห้องเถอะ ด้านนอกอากาศเย็น เดี๋ยวท่านจะหนาว”
เฝิงจิ้งเหวินตามนางเข้ามาในห้อง ซิมเดินรั้งท้าย
เพิ่งจะเข้ามาในห้อง ยังไม่ทันนั่งลง เฝิงจิ้งเหวินก็พูดอย่างรู้สึกผิด “น้องโยวเอ๋อร์ ข้าเห็นเจ้าเหนื่อยมาทั้งวัน ตกค่ำยังต้องรักษาให้ข้า ข้าไม่สบายใจเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดว่า “ข้าหาใช่คนนอกสักหน่อย อาซ้อพูดเช่นนี้อีกข้าจะไม่พอใจแล้วนะ”
เฝิงจิ้งเหวินรีบโบกมือ “ไม่พูดๆ อาซ้อจะไม่พูดอีกแล้ว หากวันหน้ามีอะไรที่อาซ้อช่วยได้ อาซ้อจะช่วยเจ้าอย่างเต็มความสามารถเทียว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดแหย่เย้า “ข้าจะคำพูดนี้ของอาซ้อไว้ ถึงตอนนั้นท่านจะกลับคำนะเจ้าคะ”
ระหว่างที่พูดคุย เฝิงจิ้งเหวินก็นอนลงบนเตียงปลอดเสื้อตัวบนออกอย่างที่เคยทำ
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบเข็มออกมา ฝังให้นางเสร็จโดยไว
ทั้งสามพูดคุยสรวลเสกันครึ่งชั่วยาม
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถอนเข็มออก
เฝิงจิ้งเหวินลุกขึ้น แต่งกายเรียบร้อย นั่งพักอีกครู่หนึ่งถึงลุกขึ้นกลับจวน
เมิ่งเชี่ยนโยวย่อมไม่ยอม พูดว่า “อาซ้อ ข้ายังไม่ได้กินข้าว พวกท่านอยู่กินเป็นเพื่อนข้าก่อนกลับนะ”
เฝิงจิ้งเหวินรู้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนอยู่ด้วย ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมอยู่กินข้าวด้วย แอบกระซิบที่ข้างหูนางว่า “ครั้งก่อนพวกเราทำให้ท่านเสียเรื่อง ซื่อจื่อทำท่าราวกับจะกินพวกเรา หากวันนี้พวกเรายังไม่รู้ความอีก ข้าว่าต่อไปข้าคงไม่ได้มารักษาที่นี่อีกแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวถูกนางถูกหยอกเย้าจนหน้าแดง พูดว่า “วันนี้อาซ้อพูดผิดแล้ว เขาอยากให้พวกท่านไปยิ่งดึกยิ่งดี”
เฝิงจิ้งเหวินตะลึงงันถาม “เพราะเหตุใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มไม่พูด
เฝิงจิ้งเหวินเดาไม่ออก กำลังจะซักถาม ชิงหลวนก็เดินเข้ามา รายงาน “นายท่าน ซื่อจื่อสั่งว่าให้ฮูหยินเหวินกินอาหารค่ำก่อนค่อยกลับไปเจ้าค่ะ”
เฝิงจิ้งเหวินตะลึงงงอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกสาวใช้ให้เตรียมสำรับไว้ในห้องตนเอง เฝิงจิ้งเหวินจึงไม่ปฏิเสธอีก ร่วมกินข้าวด้วยพร้อมกับซู
กินอาหารค่ำเสร็จ ทั้งสามคุยกันอีกครู่หนึ่ง มองดูท้องฟ้าเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงลุกขึ้นบอกลา
ครั้งนี้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รั้งไว้อีก สั่งชิงหลวน “ไปบอกซื่อจื่อ ฮูหยินเหวินจะกลับแล้ว ให้เขาไปส่งฮูหยินเหวินพร้อมข้า”
เฝิงจิ้งเหวินสะดุ้งตกใจ รีบร้อนโบกมือ “น้องโยวเอ๋อร์ ไม่ได้เด็ดขาด ซื่อจื่อมีสถานะสูงศักดิ์ จะให้เขาไปส่งพวกเราได้อย่างไร เจ้าให้สาวใช้ไปส่งพวกเราก็พอ”
“อาซ้อ นี่ก็ดึกมากแล้ว ระหว่างทางไม่ปลอดภัย ให้ข้าไปส่งพวกท่านกลับไปดีกว่า” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เฝิงจิ้งเหวินไฉนเลยจะยอมให้พวกเขาไปส่ง เอาแต่พูดปฏิเสธ
หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้ามาพูดว่า “ข้าให้คนเตรียมรถม้าไว้แล้ว ฮูหยินเหวินอย่าปฏิเสธอีกเลย”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น