ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 78-79
ตอนที่ 78 เมืองฝั่งเหนือเดือดพล่าน
เมิ่งฉีจนใจ จำต้องสั่งองครักษ์หลวงนายหนึ่ง “รีบไปขอใต้เท้าเปานำทหารเข้ามา”
ด้วยกลัวจะทำให้ทุกคนตกใจ องครักษ์หลวงไม่กล้าใช้วิชาตัวเบา พยายามเบียดฝ่าวงล้อมวิ่งไปศาลาว่าการ
โรงงานไม่เปิดทำการเสียที สองวันนี้เปาชิงเหอที่เอาแต่กระวนกระวายใจ กำลังเดินไปมาภายในศาลาว่าการ ท่านกงซุนก็ยืนทำหน้าว้าวุ่นใจอีกด้าน
องครักษ์หลวงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เห็นเปาชิงเหอก็ประสานมือรายงาน “ใต้เท้าเปา รถม้าของพวกเราถูกล้อม เข้าโรงงานไม่ได้ คุณชายให้ข้ามาเชิญท่านไปคลี่คลายสถานการณ์ขอรับ”
เปาชิงเหอเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งดีใจระคนตกใจ ดีใจที่ในที่สุดขบวนรถม้าก็กลับมาแล้ว โรงงานจะได้เปิดทำการเสียที ตกใจก็คือกลุ่มคนกลับห้อมล้อมรถม้าไว้ หากเมิ่งฉีบาดเจ็บ เมิ่งเชี่ยนโยวโมโหไม่เปิดโรงงานจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ รีบสั่งการ “เร็ว ไประดมกำลังทหาร ไปควบคุมสถานการณ์”
เมืองฝั่งเหนือไม่ได้รับความสำคัญ ทหารมีไม่กี่มากน้อย ไม่นานก็รวบรวมพลได้หมด เปาชิงเหอนำพวกเขาตรงไปยังโรงงานทันที เห็นสถานการณ์ตรงหน้าลิบๆ พวกเขาต่างสูดลมหายใจเข้าปาก คลุ้มคลั่งเกินไปแล้ว ประตูโรงงานมีมวลมหาชนเฮโลเบียดเสียด ไกลออกไปยังมีคนวิ่งเข้ามาไม่ขาดสาย ต่างแก่งแย่งที่จะเบียดเข้าไป และนอกจากขบวนรถม้าที่บรรทุกมันฝรั่งแล้ว ก็มองไม่เห็นร่างของพวกเมิ่งฉีเลย ได้ยินแต่เสียงร้องคำรามตกใจของม้าดังลอยมา
เปาชิงเหอตัวเย็นวาบ ออกคำสั่งทหารทันที “เร็ว สลายผู้คนออกไป”
ทหารชักดาบออกมากวัดแกว่ง ร้องตะโกนเข้าหากลุ่มคน ตวาดให้กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังถอยออกไปก่อน
ฝูงคนที่เห็นดาบในมือทหารต่างก็หวาดกลัว ถอยหนีกันไปทีละชั้นๆ ใช้เวลาครู่ใหญ่ถึงสลายกลุ่มคนที่ล้อมรถม้าออกไปได้หมด
เมิ่งฉียืนอยู่บนรถม้า ตะโกนจนคอแหบแห้ง พอเห็นกลุ่มคนสลายไปแล้ว ไม่ทันได้กล่าวทักเปาชิงเหอ ก็สั่งการทันที “รีบบังคับรถม้าเข้าไป”
องครักษ์หลวงได้ฟังคลายบังเ**ยนที่กำแน่นในมือออก คนรถที่รู้สึกเหมือนรอดตายมาได้สะบัดบังเ**ยนในมือ แล่นรถม้าเข้ามาในโรงงานทันที รถม้าคนอื่นๆ ก็เร่งฝีเท้าตามเข้ามา
เห็นกลุ่มคนสลายไป เมิ่งฉีไม่เป็นอะไร เปาชิงเหอถึงโล่งใจลง ชักสีหน้า พูดกับกลุ่มคนเสียงกร้าว “ใครอยากได้งานทำ จงรีบไปต่อแถวที่หน้าศาลาว่าการ ข้าและคุณชายเมิ่งจะไปรับสมัครที่นั่น จำไว้ว่า ห้ามเบียดเสียดยื้อแย่ง ไม่เช่นนั้นจะถูกถอนสิทธิ์การลงชื่อ”
สิ้นเสียงเขา กลุ่มคนก็เฮโลวิ่งไปศาลาว่าการ
เปาชิงเหอไม่รีบร้อน สั่งนายทหารข้างกาย “พวกเจ้ากลับไปรักษาความเรียบร้อย บอกท่านกงซุนเตรียมพู่กันน้ำหมึก ข้าและคุณชายเมิ่งจะตามไปที่หลัง”
นายทหารรับคำ กลับไปศาลาว่าการ
เปาชิงเหอเดินเข้าไปในโรงงาน
เมิ่งฉีและเหล่าองครักษ์หลวงยังหวาดหวั่นไม่หาย ต่างยืนหายใจแรงข้างรถม้า
เปาชิงเหอซักถามเมิ่งฉี “คุณชายเมิ่ง ไม่เป็นอะไรนะ”
เมิ่งฉีโบกมือ สูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้ง ตอบกลับว่า “ขอบคุณใต้เท้าเปาที่มาคลี่คลายสถานการณ์ ไม่เช่นนั้นไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
น้ำเสียงเปาชิงเหอเจือแววขอขมา “ข้าประมาทเกินไป ข้าน่าจะคิดได้แต่แรกว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ควรรีบส่งทหารเข้ามาแต่เนิ่นๆ”
เมิ่งฉีพูดว่า “ข้าเองที่ไม่ได้คิดให้รอบคอบ ขบวนรถม้ามาช้าไปหนึ่งวัน ข้าร้อนใจจึงพาพวกเขาตรงเข้ามาเอง ไม่ได้เข้าไปบอกใต้เท้าเปาก่อน”
พวกองครักษ์หลวงเริ่มฟื้นตัวกลับสู่สภาวะปกติแล้ว
เมิ่งฉีสั่งพวกเขาขนถ่ายสิ่งของ
พวกคนงานในโรงงานเห็นเหตุการณ์ด้านนอก ต่างตกใจขวัญผวา พอได้ยินเมิ่งฉีสั่ง ถึงได้สติรีบเข้ามาช่วยขนถ่ายมันฝรั่งกับพวกองครักษ์หลวง
เปาชิงเหอรอให้เมิ่งฉีจัดการเรื่องเรียบร้อย ถึงพูดอย่างเกรงใจ “คุณชายเมิ่ง ข้าแยกคนไปที่ศาลาว่าการแล้ว เจ้าพอจะตามไปเลือกคนกับข้าได้หรือไม่”
“ได้ขอรับ” เมิ่งฉีตอบ เดินตามเปาชิงเหอออกไป
พวกเขาไปแล้ว เหล่าองครักษ์หลวงที่กลัวจะเกิดเหตการณ์โกลาหลเช่นเมื่อครู่อีก รีบปิดประตูโรงงานทันที ดังนั้น ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวมาถึง ถึงรู้สึกว่าท้องถนนเงียบเชียบ
เมิ่งเชี่ยนโยวฟังจบ สั่งพวกเขาขนมันฝรั่งลงให้เสร็จ แล้วอยู่รอในลาน ส่วนตัวเองพาชิงหลวนและจูหลีมาศาลาว่าการ
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นกลุ่มคนต่อแถวยาวเหยียดหน้าศาลาว่าการ ถึงได้รู้ปริมาณคนที่มาของานจนทำให้ยอดฝีมืออย่างพวกองครักษ์หลวงยังหน้าถอดสีได้ ในตอนนี้กลุ่มคนกำลังมองดูคนข้างหน้าที่มีทั้งดีใจ ทั้งถอนหายใจเดินออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินอ้อมกลุ่มคนมาถึงหน้าโต๊ะรับสมัครงานหน้าศาลาว่าการ
เปาชิงเหอกำลังนั่งโต๊ะด้วยใบหน้าขึงขัง นายทหารหลายนายคอยรักษาความเรียบร้อยด้านหน้า เมิ่งฉีนั่งถัดออกไปคอยคัดเลือกคน
โรงงานใหญ่แค่ไหน อย่างมากก็รับได้เพียงร้อยกว่าคน มองดูคนที่มาด้วยตาเปล่า น่าจะมีเกือบพันคนได้ เห็นคนที่ไม่ถูกรับเลือก เดินหน้าเศร้าคอตกเหมือนฟ้าจะถล่ม เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วเดินไปหน้าโต๊ะ
เปาชิงเหอเห็นนางเข้ามา พยักหน้าเล็กน้อย เมิ่งฉีพูดว่า “น้องสาว เจ้ามาแล้ว ข้ามีเรื่องจะปรึกษาพอดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขาจะพูดอะไร พูดว่า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว วันนี้รับสมัครคนแผ้วถางที่ดินไปด้วยเลย อากาศยังไม่เย็นมาก ใช้เวลาหนึ่งเดือนเศษในการแผ้วถางที่ดินน่าจะไม่มีปัญหา”
เมิ่งฉีพยักหน้า
เปาชิงเหอยิ้มหน้าบาน ลุกขึ้นหลีกทางให้นาง พูดด้วยความดีใจ “แม่นางเมิ่ง เช่นนี้ก็ดีมาก เจ้านั่งก่อนเถอะ!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มโบกมือ “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านให้คนยกเก้าอี้อีกตัวออกมาดีกว่า”
เปาชิงเหอสะบัดมือ ให้บ่าวไปยกเก้าอี้มาอีกตัว
ไม่นานก็มีคนยกเก้าอี้เข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวชี้ให้เขาวางไว้อีกด้าน ยิ้มพูดกับเปาชิงเหอ “ใต้เท้าเปา รบกวนท่านช่วยบอกพวกเขา ให้คนที่ถูกพี่รองคัดออกมาลงชื่อทำงานแผ้วถางฝั่งนี้ ค่าแรงเหมือนทำงานโรงงาน วันละแปดสิบอีแปะ มีข้าวกินมื้อเที่ยง จนกว่าจะแผ้วถางที่ดินหลายร้อยหมู่เสร็จ อีกอย่าง ที่ดินเปล่าอยู่นอกเมืองฝั่งเหนือ ค่อนข้างไกล การไปกลับในแต่ละวันอาจจะลำบากหน่อย คนที่รับความลำบากนี้ไม่ได้ไม่ต้องมาลงชื่อ”
เปาชิงเหอพยักหน้า กระแอมไล่เสียงเล็กน้อย แล้วเปล่งเสียงบอกคำพูดเมื่อครู่ของเมิ่งเชี่ยนโยวอีกครั้ง
คนที่มาล้วนเป็นคนใช้แรงงาน เพื่อตนเองและครอบครัวได้อิ่มท้อง ไม่ว่าจะงานลำบากหรือเหนื่อยแค่ไหนก็ทำมาหมดแล้ว การเดินทางไปกลับหลายสิบลี้สำหรับพวกเขาหาใช่เรื่องลำบาก พอฟังเปาชิงเหอพูดเสร็จ คนที่ไม่ได้รับเลือกกลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาเปล่งประกายเดินมาต่อแถวรอลงชื่ออีกด้าน
งานแผ้วถางที่ดินไม่ว่าใครก็ทำได้ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่นั่งโต๊ะคัดเลือกคน แต่ยิ้มขอร้องกุนซือ “รบกวนนายท่านช่วยรับสมัครคนหน่อยได้หรือไม่”
กุนซือถูกเมิ่งเชี่ยนโยวเรียกขาน พลันตกใจที่ได้รับความเอ็นดูกะทันหัน พยักพเยิดพูดว่า “แม่นางเมิ่งมีอะไรก็สั่งมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจขอรับ”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก งานแผ้วถางไม่มีข้อเรียกร้องมาก ขอแค่ไม่ชราพิการหรือป่วยก็พอ” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด
กุนซือพยักหน้า “แม่นางเมิ่งวางใจ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เป็นอย่างดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มขอบคุณ
กุนซือน้อมคำนับรับประกัน แล้วหยิบกระดาษพู่กัน นั่งด้านหลังโต๊ะ บันทึกรายชื่อผู้มาสมัคร คนที่ถูกเมิ่งฉีคัดออก จะตรงเข้ามาต่อแถวฝั่งนี้ต่อทันที
คนที่รอต่อแถวพอเห็นว่าต่อให้ไม่ได้ทำงานในโรงงาน ก็มีงานอื่นทำ จึงไม่ทุรนทุรายแล้ว กลุ่มคนที่ว้าวุ่นใจต่างสงบนิ่งลง รอเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
เปาชิงเหอก็โล่งใจไปอีกเปราะ จึงมีเวลาว่างพูดคุยกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง ดูท่าการรับสมัครคนยังต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ เจ้าเข้าไปรอในจวนก่อนเถอะ เจ้าไม่มาหลายวัน ฮูหยินข้าคิดถึงเจ้าจะแย่แล้ว”
ได้เปาชิงเหอคอยช่วยเหลือ จึงไม่มีงานให้ตัวเองต้องกังวลอีก เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หันไปพูดกับเมิ่งฉี “พี่รอง ข้าจะเข้าไปจวนใต้เท้าเปา วันนี้เที่ยงพวกเราจะกินข้าวที่นี่ คนมากมายนี้คงรับสมัครไม่หมดในเวลาสั้นๆ ประเดี๋ยวพอถึงเวลากินข้าว ท่านให้พวกเขาแยกย้ายไปก่อน ตกบ่ายค่อยเข้ามาอีกครั้ง”
เมิ่งฉีพยักหน้า “รู้แล้ว ได้คนทำงานโรงงานเกือบครบแล้ว ขาดอีกเพียงยี่สิบสามสิบคนก็ครบ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำ เดินนำชิงหลวนและจูหลีเข้าไปในจวน
คนเฝ้าประตูจำพวกนางได้ ไม่ได้เข้าไปรายงานก่อน เชิญพวกนางเข้าไปทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวนำทั้งสองเดินตรงมาเรือนใหญ่อย่างชำนาญทาง ยังไม่ทันเข้าไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบิกบานของม่อเอ๋อร์ในลานเรือน
เมิ่งเชี่ยนโยวเร่งฝีเท้า เดินเข้ามาในเรือน ยื่นสองแขนออก ร้องเรียกม่อเอ๋อร์ “ม่อเอ๋อร์ มาหาอาเร็ว”
“ท่านอา!” ม่อเอ๋อร์ไม่รู้สึกแปลกหน้าแล้ว พอเห็นนางก็สาวเท้าน้อยๆ วิ่งร้องเรียกเข้ามาอย่างชื่นบาน
“แม่นางเมิ่ง เจ้ามาแล้ว” ฮูหยินเปาร้องยินดีถาม
“น้องโยวเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว หากเจ้ายังไม่มาข้าจะไปหาเจ้าที่จวนแล้ว” ซุนฮุ่ยกล่าวด้วยความดีใจ
ม่อเอ๋อร์เข้าสวมกอดเมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเชี่ยนโยวอุ้มเขาขึ้น หมุนหนึ่งรอบ ม่อเอ๋อร์มีความสุขหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
“เจ้านะ รู้จักเล่นสนุกกับเด็ก ถึงว่าทำไมหลายวันมานี้ม่อเอ๋อร์เอาแต่ถามถึงเจ้า” ซุนฮุ่ยยิ้มพูด
“งั้นหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยววางม่อเอ๋อร์ลง พูดด้วยน้ำเสียงสุขใจ “งั้นวันนี้ม่อเอ๋อร์ไปบ้านอาไหม”
ม่อเอ๋อร์นึกว่าเป็นเรื่องจริง หุบยิ้มพลัน แสดงสีหน้าครุ่นคิด “แต่ท่านย่าบอกว่า ถ้าวันไหนไม่ได้เห็นข้าจะนอนไม่หลับ”
คนทั้งสามหัวเราะครืนกับความไร้เดียงสาของเขา
ม่อเอ๋อร์มองพวกเขาอย่างไร้เดียงสา
ฮูหยินเปาจูงมือม่อเอ๋อร์ ซุนฮุ่ยเดินเข้ามาคล้องแขนเมิ่งเชี่ยนโยว ทั้งสามเดินเข้าไปในห้อง
ซุนฮุ่ยสั่งสาวใช้ไปชงชา แล้วยิ้มพูดว่า “โรงงานพวกเจ้าไม่มีความเคลื่อนไหว สองวันมานี้ท่านพ่อเอาแต่ร้อนรุ่มใจ”
“ทางบ้านกำลังเก็บเกี่ยวมันฝรั่ง พี่ใหญ่คิดว่าพวกเราเป็นโรงงานเปิดใหม่ จึงให้ขบวนรถม้ารอลำเลียงมันฝรั่งชุดใหม่มา ล่าช้าไปหนึ่งวัน อย่าว่าแต่ใต้เท้าเปาเลย ข้ากับพี่รองก็ให้กังขา กลัวจะเกิดเรื่องระหว่างทางกับพวกเขา” เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบาย
ฮูหยินเปาพยักหน้า พูดว่า “เมื่อครู่พวกเราได้ยินบ่าวในเรือนพูดถึงเหตุการณ์รับสมัครคนงานในวันนี้ ก็ให้ตกอกตกใจ กลัวพวกเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ ไม่เป็นอะไรดอกนะ”
“ที่บ้านมีแขก ข้ารอส่งพวกเขากลับไปก่อนถึงได้เข้ามา จึงมาไม่ทันเหตุการณ์นั้น ท่านป้าไม่ต้องเป็นห่วง”
ฮูหยินเปาวางใจลง พูดว่า “เช่นนั้นก็ดี วันนี้เที่ยงเจ้าจะต้องอยู่กินข้าวเที่ยงที่นี่ ข้าจะไปสั่งห้องครัวให้เตรียมการ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เวลาป่านนี้แล้ว ท่านไม่พูด ข้าก็เตรียมจะขอฝากท้องอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเปาลุกขึ้นพูดว่า “ฮุ่ยเอ๋อร์ เจ้าอยู่คุยกับเมิ่งเชี่ยนโยว ข้าจะพาม่อเอ๋อร์ไปห้องครัว สั่งพวกนางให้เตรียมอาหารเพิ่ม”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”
ฮูหยินเปาพาม่อเอ๋อร์เดินออกไป
ซุนฮุ่ยชะโงกหน้าเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว พูดกับนางอย่างกระดี๊กระด๊า “น้องโยวเอ๋อร์ อีฝานส่งจดหมายมาแล้ว บอกว่าพวกเขาเตรียมจะกลับมาแล้ว ประมาณครึ่งเดือนก็น่าจะถึงเมืองหลวง”
“เร็วเช่นนั้นเลย”
ซุนฮุ่ยพยักหน้า ใบหน้าสะกดกลั้นความยินดีไว้ไม่อยู่
เมิ่งเชี่ยนโยวแหย่เย้านาง “ครานี้ดีแล้ว คุณชายเปากลับมา พวกท่านจะได้อยู่กันพร้อมหน้า พี่ฮุ่ยเอ๋อร์จะได้ไม่ต้องทรมานเพราะความคิดถึงอีกแล้ว”
ซุนฮุ่ยใบหน้าแดงก่ำ พูดด้วยความกระดากเขิน “พวกเราแต่งงานกันได้ไม่นาน เขาก็ต้องติดตามแม่ทัพฉู่ไปชายแดน ไม่เคยเห็นแม้แต่ใบหน้าม่อเอ๋อร์ ช่วงแรกข้าเป็นห่วงเขาจนนอนไม่หลับ ภายหลังมีม่อเอ๋อร์ จิตใจไปอยู่กับเขา ถึงได้ดีขึ้น แต่พอถึงยามราตรีเงียบสงัด ข้าก็ยังคิดถึงเขาสุดจิตสุดใจ กลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับเขา บ้านนี้มีแต่คนแก่และเด็ก ต่อไปจะทำอย่างไร ตอนนี้ดีแล้ว เขาจะกลับมา ในที่สุดข้าก็วางใจลงได้แล้ว”
“ท่านนะ กังวลจนเกินควรแล้ว คุณชายเปามิได้เป็นทหารธรรมดา เขามีวรยุทธ์สูงส่ง ไม่มีทางเกิดอะไรกับเขาได้” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดปลอบใจ
“จะว่าเช่นนั้นก็ถูก แต่คมดาบไม่มีตา ในสนามรบไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าเคยคิดว่า ขอเพียงเขารอดชีวิตกลับมา ต่อให้แขนขาดขาไม่มีข้าก็ยอมรับได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวตบหลังมือนาง พูดซุกซน “คุณชายเปาทำงานให้แม่ทัพฉู่มาหลายปี แม่ทัพฉู่จะต้องเลื่อนขั้นมีตำแหน่งให้เขา หากเขาติดตามไปชายแดน สร้างความชอบกลับมา เรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ท่านรอรับความสุขสบายพร้อมเขาได้เลย”
“พรืด” ซุนฮุ่ยพ่นหัวเราะเสียงลั่น “ข้าหาได้ดวงดีเช่นนั้นไม่ เขาเป็นเพียงนายทหาร จะเลื่อนขั้นไปได้ถึงไหนกัน ข้าไม่ต้องการลาภยศสรรเสริญ ขอเพียงต่อไปเขาไม่ต้องจากไปทีละหลายปีเช่นนี้ก็พอ”
“เรื่องนี้ไม่ยาก พอเขากลับมา ท่านก็ให้เขาลาออกจากราชการ กลับบ้านมาเลี้ยงลูก รับประกันว่าต่อไปเขาไม่ต้องไปไหนแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดหยอก
ซุนฮุ่ยยิ่งให้หัวเราะร่วน
ฮูหยินเปาสั่งแม่ครัวเสร็จก็พาม่อเอ๋อร์กลับมา พอเข้ามาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของซุนฮุ่ย ให้นึกขมขื่น คิดว่านานเท่าไหร่แล้วที่ตนเองไม่ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสุขสำราญเช่นนี้ของนาง
เปาชิงเหอเห็นว่าถึงเวลาเที่ยงแล้ว คนที่มาลงชื่อยังต่อแถวยาว จึงลุกขึ้นพูดกับคนที่มาลงชื่ออย่างขึงขัง “นี่เป็นเวลาเที่ยงแล้ว พวกเจ้ากลับกันไปก่อน ยามบ่ายพวกเจ้าค่อยเข้ามาอีกครั้ง”
เปาชิงเหอสั่งการ คนที่ยังไม่ได้ลงชื่อแม้จะทำหน้าผิดหวัง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
เมิ่งฉีลุกขึ้น เก็บสมุดบนโต๊ะ มอบให้กงซุน แล้วตามเปาชิงเหอเข้าไปในจวน
กงซุนเก็บรวบรวมสมุดตรงหน้า ถือเดินเข้ามาในศาลาว่าการ
นายทหารก็แยกย้ายกลับไปกินข้าวที่บ้าน
คนที่ยังไม่ได้ลงชื่อกลับไม่มีใครกลับไปสักคน ต่างนั่งรออยู่ที่เดิม
พอเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีกินข้าวเสร็จ พักผ่อนครู่หนึ่งถึงเดินออกมา เห็นผู้คนยังต่อแถวเหมือนกับตอนเช้า ก็ให้รู้สึกสะเทือนใจ
กระทั่งพลบค่ำ ถึงลงบันทึกเสร็จเรียบร้อย
เมิ่งฉีเหนื่อยจนยกแขนไม่ขึ้นแล้ว กงซุนยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบอยากจะนอนฟุบไปกับโต๊ะ พูดว่า “นายท่าน ข้าทำงานที่นี่มาหลายปี จดบันทึกรายชื่อคนยังไม่เท่าวันนี้แค่วันเดียว”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวรู้สึกผิด “วันนี้ต้องขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”
กงซุนรีบโบกมือ “แม่นางเมิ่งอย่าพูดเช่นนี้เด็ดขาด นี่เป็นหนึ่งในงานของข้า สมควรแล้วขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวคาดว่าเขาจะต้องรู้สถานะของตนเองแล้ว ถึงเกรงใจเช่นนี้ จึงไม่พูดมากอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีบอกลาเปาชิงเหอ กลับมาโรงงานสั่งคนรถให้บังคับรถม้ากลับไปหารือที่บ้านต่อ กลับไม่รู้เลยว่าเรื่องรับสมัครคนงานของเมืองฝั่งเหนือดังระบือไปทั่วเมืองหลวงแล้ว แม้แต่ฮ่องเต้และพระพันปีหลวงในวังหลวงก็ยังได้ยินข่าวนี้
พระพันปีหลวงที่กำลังปวดเศียรเรื่องงานแต่งของหวงฝู่อี้เซวียน ได้ยินกูกูเล่าเรื่องน่าอัศจรรย์นี้ให้ฟัง ถามด้วยความประหลาดใจ “ดูท่า เด็กสาวชนบทนางนี้จะมีความสามารถพอตัวทีเดียว”
กูกูรับคำ “ใช่เจ้าค่ะ หม่อมฉันได้ยินพระชายาเอกอ๋องฉีกล่าวว่า แม้แต่ความสามารถด้านการค้าของซื่อจื่อก็เป็นนางที่สอนให้เพคะ”
พระพันปีหลวงเกิดความกังขา “เจ้าว่า แค่เด็กสาวบ้านนาคนหนึ่งเหตุใดถึงมีความสามารถได้เช่นนั้น หรือว่ามีอาจารย์ดี”
“คนบางคน มีความสามารถมาแต่กำเนิด ไม่ต้องให้คนอื่นสอน ก็ทำเป็นทุกอย่างเพคะ หม่อมฉันคิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจัดอยู่ในประเภทนี้” กูกูกล่าว
พระพันปีหลวงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พูดว่า “เอาไว้เมื่อมีโอกาสเหมาะ ไปตามตัวเด็กสาวคนนี้มาให้ข้าดูหน่อยว่า นางเป็นคนอย่างไรกันแน่”
ฮ่องเต้ก็ได้ยินข่าวนี้แล้ว ทว่าไม่ใช่ได้ยินมาจากขันที แต่เป็นจิงจ้าวอิ่นได้ยินบ่าวรายงานว่าเกิดการชุมนุมรวมตัวกันของคนฝั่งเหนือ นึกว่าเกิดการจลาจลขึ้น จึงส่งคนไปตรวจสอบ ถึงทราบว่าเมิ่งเชี่ยนโยวรับสมัครคนงาน รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ จึงเขียนรายงานส่งเข้ามา
ฮ่องเต้อ่านแผ่นพับแล้วให้ขมวดคิ้วครุ่นคิด
ตอนที่ 79 ตำหนิถามถึงบ้าน
ฮ่องเต้อ่านแผ่นพับแล้วให้ขมวดคิ้วครุ่นคิด
เมืองฝั่งเหนือผู้คนแร้นแค้น นี่เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ฮ่องเต้เคยสั่งการข้าราชการขุนนางหาวิธีแก้ปัญหาให้ได้ แต่ก็ไม่มีใครคิดวิธีที่ดีได้ ปล่อยเรื่องคาราคาซังมาจนถึงตอนนี้ ผู้คนในเมืองฝั่งเหนือยังต้องใช้ชีวิตอดมื้อกินมื้อ มีการค้าบุตรจนเป็นเรื่องปกติ การกระทำของเมิ่งเชี่ยนโยวในครั้งนี้ นับว่าช่วยแก้ปัญหาการดำรงชีวิตไปได้ระยะหนึ่ง เงินค่าแรงที่ได้มาอาจจะช่วยให้พวกเขามีชีวิตผ่านฤดูหนาวที่กำลังคืบคลานเข้ามานี้ได้
แต่ว่า เหตุใดนางถึงทำการใหญ่เช่นนี้ เพราะต้องการจริงๆ หรือต้องการทำให้ตนเองเห็น เพื่อเป็นข้อต่อรองเรื่องการแต่งงานของนางและเซวียนเอ๋อร์
คิดได้ดังนี้ ฮ่องเต้ก็ร้องเรียก “ใครอยู่ข้างนอก!”
ชายชุดดำเดินออกมาจากมุมลับ น้อมกล่าว “ฝ่าบาท!”
“เจ้าจงไปสืบความ ดูว่าสาวบ้านนานางนั้นต้องการซื้อที่จริงๆ หรือต้องการทำให้ข้าเห็น”
“พ่ะย่ะค่ะ” ชายชุดดำรับคำ รีบรุดจากไป
ฮ่องเต้มองดูรายงานในมือ วางทิ้งไว้อีกด้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีไม่รู้เลยว่าการรับสมัครคนของพวกเขา ไม่เพียงเรียกความสนใจจากคนในเมืองหลวง แม้แต่ฮ่องเต้และพระพันปีหลวงในวังก็ทราบเรื่องแล้ว ทั้งเกิดความคลางแคลงใจ ทั้งสองนำขบวนรถม้ากลับมาบ้าน กินอาหารค่ำเสร็จก็นั่งหารือเรื่องในวันพรุ่งนี้ต่อ
เมิ่งฉีพูดว่า “พรุ่งนี้ข้าจะไปเตรียมงานในโรงงานให้เรียบร้อยก่อน ค่อยพาคนงานไปนอกเมือง”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “โรงงานนี้ไม่เหมือนที่บ้าน ยังไม่มีใครชำนาญ ท่านจักต้องคอยควบคุมด้วยตัวเอง สำหรับงานนอกเมือง ข้าจะพาไปเอง เหวินเปียวและพี่น้องของเขาต่างก็อยู่ที่นั่น พอข้าจัดแจงงานเสร็จก็จะให้พวกเขาดูแล ต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องไปทุกวัน”
“เจ้ายังต้องรักษาให้ฮูหยินเหวินไม่ใช่หรือ จะเอาเวลามาจากไหน เอาอย่างนี้ก็ได้ เรื่องงานแผ้วถางรออีกสองสามวัน พอข้าจัดการงานในโรงงานเรียบร้อย ค่อยดำเนินงานแผ้วถางต่อ”
“ไม่ได้ ท่านไม่เห็นคนที่มาลงชื่อในวันนี้หรือ พวกเขาแทบอยากจะไปแผ้วถางเสียวันนี้แล้ว หากพวกเราให้รออีกสองสามวัน เกรงว่าจะมีคนรอไม่ไหว ก่อความวุ่นวายสร้างความเดือดร้อนให้ใต้เท้าเปาจะไม่เป็นการดี เรื่องอาซ้อไม่ยากเลย ประเดี๋ยวข้าจะให้ชิงหลวนไปบอกเหวินซื่อ ให้พรุ่งนี้พวกนางเข้ามาตอนบ่ายก็ได้แล้วเจ้าค่ะ”
เมิ่งฉีไม่เห็นด้วย “ทำแบบนี้ เจ้าจะเหนื่อยเกินไป เอาอย่างนี้เถอะ วันพรุ่งข้าจะพาคนงานไปแผ้วถางก่อน พอจัดการเสร็จก็มอบให้เหวินเปียวดูแล จากนั้นค่อยกลับมาสอนคนงานทำงานในโรงงาน”
“พี่รอง” เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูดว่า “ในสายตาท่าน น้องสาวท่านกลายเป็นคนเปราะบางไปตั้งแต่เมื่อไร เรื่องแค่นี้ไม่หนักหนาอะไรเลย”
เมิ่งฉีคิดจะยืนหยัดต่อ เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดว่า “ว่าตามนี้เถอะเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เช้า ท่านทำงานของท่าน ข้าทำงานของข้า พวกเราสองพี่น้องช่วยกันพัฒนาการค้านี้ให้เจริญรุ่งเรือง”
นางมีนิสัยพูดคำไหนคำนั้น เมื่อตัดสินใจแล้วจะไม่ยอมเปลี่ยนง่ายๆ เมิ่งฉีจนใจ ได้แต่พยักหน้า
เช้าวันถัดมาหลังกินอาหารเช้าเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีนั่งรถม้ามาถึงเมืองฝั่งเหนือ
เมิ่งฉีไปโรงงาน
เมิ่งเชี่ยนโยวพาคนงานถือเครื่องมือเดินเป็นขบวนออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือ
นายทหารเฝ้าประตูได้ยินเรื่องเมิ่งเชี่ยนโยวรับสมัครคนงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่พอเห็นคนหลายร้อยคนก็อดตกใจไม่ได้ หากพวกเขาไม่ถือเครื่องมือแผ้วถางที่ดิน นายทหารนึกว่าจะเกิดเรื่องบางอย่างจริงๆ แล้ว
ที่ดินร้างอยู่ไม่ไกลจากเมืองฝั่งเหนือ แต่การเดินเท้าต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยาม พอมาถึงที่ดินร้าง เมิ่งเชี่ยนโยวก็ให้พวกเขารอก่อน ส่วนตัวเองนั่งรถม้าตรงมาบ้านสวน
เหวินเปียวพักอยู่บ้านสวนร่วมกับพี่น้องสำนักคุ้มภัยด้วย หลายวันมานี้ต่างกินดีอยู่ดี เรื่องที่ควรพูดก็พูดออกมาจนหมดแล้ว กำลังกลัดกลุ้ม การให้พวกเขามากินเล่นไปวันๆ เช่นนี้ พวกเขาก็ชักเริ่มทำใจไม่ได้ ได้ฟังดังนั่นเหวินหย่วนพูดขึ้นทันควัน “แม่นางเมิ่งมีอะไรก็สั่งมาได้เลย ขอเพียงพวกเราทำได้ จะไม่ปฏิเสธเด็ดขาด”
“หาใช่เรื่องใหญ่อันใดไม่ ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยคุมคนทำงาน คอยจดบันทึกรายชื่อคนเข้างานในแต่ละวันก็พอ”
พวกเขาไม่เข้าใจ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงบอกเรื่องที่ตนเองรับคนงานหลายร้อยชีวิตมาแผ้วถางที่ดิน สุดท้ายพูดว่า “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพียงคอยควบคุมการทำงานของพวกเขาก็พอ พวกเขาจะทำงานช้าบ้างไม่เป็นไร แต่ห้ามแอบอู้ หากพบเข้าให้ไล่ออกทันที”
คนของสำนักคุ้มภัยนายหนึ่งปากไว พูดว่า “เช่นนั้นพวกเราก็คือผู้คุมนะสิ”
เหวินหย่วนเอ็ดเขา “อย่าพูดสอด ให้แม่นางพูดให้จบก่อน”
คนของสำนักคุ้มภัยหน้าแดงวาบ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เขาพูดถูกต้องแล้ว พวกเจ้าเปรียบได้กับผู้คุม แต่พวกเจ้าเพียงรับผิดชอบคอยตรวจตราการทำงานของพวกเขา ห้ามกดขี่พวกเขา”
เหวินหย่วนรับประกัน “แม่นางวางใจเถอะ จะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนั้นเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ล้วงสมุดจดออกมา มอบให้เหวินเปียว “นี่เป็นรายชื่อคนทำงานทั้งหมด พวกเจ้าจัดแบ่งคน รับผิดชอบเป็นส่วนๆ นับแต่วันนี้ไป คนพวกนี้จะติดตามพวกเจ้า”
เหวินเปียวรับมา เปิดออกดู เห็นรายชื่อคนยุบยับ สะดุ้งตกใจร้องถาม “แม่นาง คนมากเกินไปแล้ว”
“อากาศใกล้จะเย็นแล้ว ใช้โอกาสนี้แผ้วถางที่ดินให้เสร็จ ปีหน้าพออากาศอบอุ่น พวกเราจะได้ปลูกมันฝรั่งได้ทันที ดังนั้นจึงจ้างคนมากหน่อย แต่ว่า พวกเจ้าคนมาก แบ่งสันปันส่วนกันแล้วน่าจะเหลือคนละไม่เท่าไหร่”
เหวินเปียวพยักหน้า “ข้าทราบแล้ว”
“พวกเจ้าตามข้าออกมาเถอะ นับจากนี้ไป ไม่ต้องหลบอยู่แต่ในสวนแล้ว”
คนทั้งหมดเบิกบานใจ ตามนางออกไป มาถึงเบื้องหน้าคนงาน
เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งเสียงบอกคนงานว่าพวกเขาคือผู้คุม ต่อไปจะคอยตรวจตราการทำงานของพวกเขา
คนงานมองพวกเขาแต่ละคนรูปร่างสูงใหญ่ กำยำล่ำสัน เกิดความสั่นผวาหลายส่วน
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นปฏิกิริยาพวกเขา พูดปลอบใจ “พวกเจ้าวางใจ ขอเพียงพวกเจ้าตั้งใจทำงาน พวกเขาไม่ทำอะไรพวกเจ้าดอก กลับกัน ถ้าใครไม่ตั้งใจทำงาน ฉวยโอกาสอู้งาน จะหาว่าเขาไม่เกรงใจไม่ได้”
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ คนทั้งหมดถึงวางใจลง
เมิ่งเชี่ยนโยวให้เหวินเปียวขานชื่อคนในสมุดจดออกมาจำนวนหนึ่ง ให้เหวินหย่วนพาไปทำงานก่อน ทั้งบอกเขาว่า ต่อไปเขามีหน้าที่ดูแลคนพวกนี้ จากนั้นให้เหวินเปียวขานชื่อออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ให้เหวินหย่งพาไปทำงาน และบอกเหมือนเดิมว่าให้เขาเป็นคนดูแล จากนั้นก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ พี่น้องทุกคนของสำนักคุ้มภัยทยอยกันพาคนแยกย้ายไปทำงานแต่ละที่
สุดท้ายเหลือเพียงเหวินเปียว เหวินหู่ เหวินเป้าและเหวินซง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “พวกเจ้ายังไม่หายดี ตอนนี้ยังกลับบ้านไม่ได้ เอาอย่างนี้ พวกเจ้าหาวิธีแบ่งพื้นที่หลายร้อยหมู่นี้ให้มีขนาดเท่าๆ กัน ให้พวกเขารับผิดชอบกันคนละส่วน เช่นนี้งานจะได้ไวขึ้น ทั้งง่ายต่อการควบคุม”
เหวินเปียวจดจำขึ้นใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ข้าต้องกลับก่อน ประเดี๋ยวจะให้คนส่งหม้อใหญ่จำนวนหนึ่งเข้ามา วันนี้พวกเจ้าทำผัดผักหมูไปก่อน วันพรุ่งข้าจะหาแม่ครัวเข้ามาทำอาหารให้คนงานกิน”
เหวินเปียวรับคำ
พอสั่งการเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวก็นั่งรถม้ากลับไป มาได้ครึ่งทาง ก็พบบ่าวนั่งรถม้านำกับข้าวมาส่งให้เหวินเปียว
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียกเขา พูดว่า “วันนี้ข้าให้คนงานหลายร้อยคนไปทำงาน กับข้าวเพียงเท่านี้ยังขาดอีกมาก เจ้าตามข้ากลับไป ข้าจะเขียนรายการให้เจ้าไปซื้ออีกครั้ง”
บ่าวขานรับคำ หันเลี้ยวรถม้าตามหลังรถม้าของเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาโรงงาน
เมิ่งเชี่ยนโยวหาผู้หญิงมาทำกับข้าวก่อน ถามขึ้น “ญาติมิตรหรือบ้านใกล้เรือนเคียงเจ้ามีใครยินดีมาทำกับข้าวเหมือนเจ้าบ้าง ข้าให้ค่าแรงเหมือนเจ้า”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ “มีๆๆ มีคนไม่น้อยมาสอบถามกับข้าเจ้าค่ะ”
“เจ้าไปตามพวกนางมาตอนนี้เลย”
หญิงสาวรับคำ รีบวิ่งออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวหากระดาษพู่กัน เขียนรายการออกมาให้บ่าว “ตอนนี้เจ้าไปซื้อของในนี้มาให้ครบ แล้วให้พวกเขาส่งไปบ้านสวนนอกเมือง”
บ่าวรับมา ตกใจพูดว่า “แม่นาง ของทั้งหมดต้องใช้เงินไม่น้อยนะขอรับ ข้าว่า ท่านทำเหมือนคนอื่น ให้พวกเขาพกอาหารแห้งมาเอง เราแค่ต้มน้ำร้อนให้พวกเขาก็พอ”
“กินไม่อิ่ม จะเอาแรงจากไหนมาทำงาน รีบไปเถอะ หากล่าช้า ไม่รู้ว่าจะได้กินข้าวเที่ยงตอนไหน”
บ่าวมองดูรายการบนกระดาษอย่างปวดใจอีกครั้ง ถึงสั่งคนรถตามเขาไปซื้อของ
หญิงสาวทำกับข้าวตามหญิงสาวอีกสามคนเข้ามาแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นพวกนางแต่งงานสะอาดสะอ้าน ทั้งดูคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง พูดว่า “นับแต่วันนี้ไป พวกเจ้ารับผิดชอบทำอาหารกลางวันให้คนงานในโรงงาน ได้ค่าแรงวันละสี่สิบอีแปะ”
หญิงสาวต่างสะท้อนแววตายินดี พูดขอบคุณไม่ขาดปาก
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีกว่า “ข้ายังต้องการคนทำอาหารอีกสิบกว่าคน ญาติหรือบ้านใกล้เรือนเคียงเจ้ามีใครยินดีมาทำกับข้าวอีก ตอนบ่ายให้ตามพวกนางมาให้พี่รองข้าดูก่อน แต่พวกนางต้องไปทำอาหารที่บ้านสวนนอกเมืองทุกวัน ระยะทางไปกลับค่อนข้างไกล มีความลำบาก ข้าจะเพิ่มค่าแรงให้พวกนางอีกสิบอีแปะ เป็นห้าสิบอีแปะ”
งานจับกังเหนื่อยสายตัวแทบขาดหนึ่งวันเพิ่งจะได้แปดสิบอีแปะ ตอนนี้แค่ทำอาหารมื้อเดียวก็ได้ถึงห้าสิบอีแปะ ต่อให้ไกลหน่อยก็แล้วอย่างไร หญิงสาวต่างพยักหน้ายินดี บอกว่าพอกลับไปจะไปหาคนมาให้
เมิ่งเชี่ยนโยวจัดการเรื่องเสร็จ ก็เดินเข้าไปในโรงงาน
เมิ่งฉีกำลังสอนพวกเขาทำแป้งมันฝรั่ง พอเห็นนางเข้ามา จึงส่งสายตาให้คนงานลองทำดู ส่วนตัวเองเดินมาหาเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาเหงื่อออกท่วมตัว ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นให้เขา ถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
เมิ่งฉีรับผ้าเช็ดหน้ามา ปาดเช็ดเหงื่อบนหน้า พูดว่า “เกรงว่าจะต้องใช้เวลาสองวันถึงจะเรียนรู้เป็น”
“ไม่ต้องรีบ ที่ร้านยังมีพอขาย จะต้องให้พวกเขาฝึกทำเป็นก่อน ถึงจะเปิดโรงงานได้”
“ข้ารู้ ทางเจ้าจัดการเรียบร้อยแล้วรึ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่หาคนมาทำกับข้าว”
นางพูดเช่นนี้ เมิ่งฉีถึงนึกได้ พูดว่า “เมื่อวานมีแต่เรื่องยุ่ง ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ประเดี๋ยวข้าจะไปหาใต้เท้าเปา ให้เขาช่วยหาผู้หญิงจำนวนหนึ่งมาทำกับข้าว”
“ไม่ต้องแล้ว ข้าหาคนทำกับข้าวของโรงงานได้แล้ว ท่านคิดเงินให้พวกเขานับตั้งแต่วันนี้ก็พอ สำหรับที่ดินร้าง วันนี้จะให้พวกเหวินเปียวทำก่อน ตกบ่ายจะมีคนเข้ามาให้ดู ท่านเลือกไว้สักสิบกว่าคนก็พอ”
เมิ่งฉีพยักหน้า “รู้แล้ว เจ้ากลับบ้านพักผ่อนเถอะ ตอนบ่ายยังต้องรักษาอาการให้ฮูหยินเหวินอีก ตอนบ่ายข้าคงไม่กลับไปแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำ
เมิ่งฉีคืนผ้าเช็ดหน้าให้นาง กลับไปสอนคนงานต่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นว่าไม่มีธุระของตัวเองแล้ว จึงกลับมาบ้านฝั่งใต้
พระชายาเอกก็ได้ยินเรื่องที่เมิ่งเชี่ยนโยวรับสมัครคนแล้ว คิดว่านางกระทำการใหญ่โตเช่นนี้ เงินทองในมือจะต้องไม่เพียงพอ จึงหยิบเงินสะสมส่วนหนึ่งของตัวเองออกมา ให้คนไปตามหวงฝู่อี้เซวียนเข้ามา มอบให้เขา “เจ้าเอาเงินนี้ไปให้แม่นางเมิ่ง หากไม่พอค่อยกลับมาเอากับแม่เพิ่ม”
หวงฝู่อี้เซวียนเม้มริมฝีปาก บอกเรื่องที่ตัวเองมอบเงินเก็บจากการดูแลกิจการมาตลอดหลายปีให้เมิ่งเชี่ยนโยวไปแล้ว ทั้งพูดว่า “เงินพวกนั้นของข้าเพียงพอให้นางใช้จ่ายแล้ว พระมารดาเก็บเงินนี้ไว้เถอะขอรับ”
พระชายาเอกตกตะลึง จากนั้นก็ยิ้มวางตั๋วเงินใส่มือเขา “นั่นเป็นเงินของเจ้า นี่ถึงเป็นน้ำใจของแม่”
เห็นพระชายาเอกรั้นจะมอบให้ หวงฝู่อี้เซวียนจึงรับมา พูดว่า “ได้ขอรับ ประเดี๋ยวข้าจะนำไปมอบให้นาง”
พระชายาเอกพยักหน้า “เจ้าบอกนางว่า อยากทำอะไรก็ทำให้เต็มที่ หากมีปัญหาแม่จะหนุนหลังให้เอง”
ดังนั้นพอเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาถึงบ้าน หวงฝู่อี้เซวียนก็รออยู่ในห้องนางแล้ว ทั้งบอกคำพูดที่พระชายาเอกฝากมาแก่นาง พูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้พระมารดาดีกับเจ้ามากกว่าข้าแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ รับตั๋วเงินมาอย่างไม่เกรงใจ เก็บใส่**บที่หวงฝู่อี้เซวียนให้มา พูดว่า “เจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจะไปทำกับข้าวมาให้”
หวงฝู่อี้เซวียนดีใจหน้าบาน รีบพูดเอาใจ “ข้าไปช่วยเจ้าติดไฟ”
ทุกครั้งที่ซื่อจื่อมา เขาจะคอยช่วยควบคุมไฟให้เมิ่งเชี่ยนโยว ชิงหลวนและจูหลีต่างคุ้นชินเสียแล้ว
ด้วยไม่ได้มาหลายวัน พอกินอาหารเที่ยงเสร็จ หวงฝู่อี้เซวียนก็ยังโอ้เอ้อยู่ในห้องเมิ่งเชี่ยนโยว พูดเองเออเองว่าสองวันนี้ไม่มีธุระ สามารถมาได้ทุกวัน
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเขาว่าประเดี๋ยวฮูหยินเหวินซื่อจะเข้ามารับการรักษา เขาจะอยู่ในห้องไม่ได้ ให้เขาไปพักผ่อนที่ห้องเมิ่งฉี อย่าเผชิญหน้ากับฮูหยินเหวินซื่อ ให้พวกนางพี่น้องทำตัวไม่ถูก
ไม่รู้เพราะอะไร ฮ่องเต้ที่บอกว่าหลังปีใหม่ถึงจะมอบหมายงานให้หวงฝู่อี้เซวียนทำ ช่วงนี้กลับคอยหางานเล็กๆ น้อยๆ มาให้เขาทำไม่ขาด เขาจึงไม่สามารถเข้ามาได้ทุกวันหลังเรียนที่กั๋วจื่อเจี้ยนเสร็จเหมือนก่อน สองวันนี้อุตส่าห์มีเวลาว่าง นางกลับต้องรักษาโรคให้ฮูหยินเหวินซื่อ แม้หวงฝู่อี้เซวียนจะไม่ยินยอม แต่ก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ บอกว่าพอพวกนางมาก็จะไปที่เรือนเมิ่งฉี ตอนนี้ขออยู่ที่นี่ก่อน
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้จะทำอย่างไร จึงยอมตามใจเขา
ไม่คิดว่า สองพี่น้องเฝิงยังไม่มา สองพ่อลูกนายท่านฮั้วกลับมาแทน
เมิ่งเชี่ยนโยวที่พอฟังรายงานจากคนเฝ้าประตูก็ขมวดคิ้วถาม “พวกเขาได้บอกหรือไม่ว่ามีธุระอะไร”
คนเฝ้าประตูตอบความ “เปล่าขอรับ บอกเพียงว่าต้องการพบนายหญิง”
สกุลฮั้วมีสถานะเป็นตัวแปรสำคัญในเมืองหลวง การฉีกหน้าเขาบอกว่าไม่พบไม่ใช่การดี เมิ่งเชี่ยนโยวครุ่นคิดแล้วสั่งคนเฝ้าประตู “เชิญพวกเขาเข้ามา”
คนเฝ้าประตูรับคำ ออกไปเชิญสองพ่อลูกเข้ามา
นายท่านฮั้วและฮั้วเซียงหลิงเดินตามคนเฝ้าประตูเข้ามา บ่าวนายหนึ่งยกของกำนัลเดินตามหลัง
พอพบหน้า นายท่านฮั้วก็ประสานมือ เปล่งเสียงพูด “วันนี้พวกเราสองพ่อลูกเข้ามาโดยพลการ หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนแม่นาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดทีเล่นทีจริงถาม “หากข้าบอกว่ารบกวนเล่า นายท่านฮั้วจะกลับไปเลยหรือไม่”
นายท่านฮั้วชะงักอึ้ง แล้วหัวเราะร่วน “แม่นางเมิ่งล้อข้าเล่นอีกแล้ว”
บทสนทนาจบลงเท่านี้ เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็หัวเราะ ผายมือเชื้อเชิญ “นายท่านฮั้ว คุณหนูฮั้ว เชิญด้านใน”
นายท่านฮั้วก้าวเข้าไปในห้อง ฮั้วเซียงหลิงย่อตัวคำนับนาง แล้วเดินตามเข้าไป
หวงฝู่อี้เซวียนนั่งบนเก้าอี้ภายในห้อง ถือถ้วยชาคลึงเล่นอยู่ในมือ
นายท่านฮั้วพ้นประตูเข้ามา เห็นมีคนอยู่ในห้องก็ตะลึงงัน
ฮั้วเซียงหลิงเดินตามหลังมา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หยุดตามไปด้วย
ไม่เสียแรงที่นายท่านฮั้วทำการค้ามาหลายปี เห็นท่วงท่าของหวงฝู่อี้เซวียน ทั้งคิดเชื่อมโยงไปถึงเรื่องที่ตนเองตามสืบ จึงเดาสถานะออกในทันที รีบทำความเคารพ “ผู้น้อยไม่ทราบว่าซื่อจื่ออยู่ในห้อง รบกวนท่านแล้ว ขอท่านโปรดอภัย”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น