ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 67.2-68.1

ตอนที่ 67-2 เจตนาหาเรื่องทะเลาะ

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกขำ สั่นศีรษะแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ภายในร้าน


 


 


ไม่นานพวกพนักงานก็ยกน้ำชาออกมา จากนั้นก็เอามาวางไว้ด้านหน้าของพวกเขาทั้งสองคนด้วยความระมัดระวัง


 


 


เถ้าแก่อีกสี่ร้านก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเถ้าแก่เข้ามา พอเข้าประตูมาก็รีบคำนับทั้งสองคนทันที


 


 


เมิ่งฉีโบกมือ เถ้าแก่ผู้หนึ่งลองถามหยั่งเชิงขึ้นว่า “คุณชายขอรับ ร้านของท่านให้พวกเราเช่าต่อได้หรือไม่ขอรับ” พูดจบก็กลัวว่าเขาจะไม่ยินยอม จึงรีบพูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “พวกเราจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าเป็นเวลาหนึ่งปีก็ได้ขอรับ”


 


 


“ค่าเช่าเดิมของพวกเจ้าครบกำหนดแล้วหรือ” เมิ่งฉีถามขึ้น


 


 


เถ้าแก่ร้านทั้งหลายไม่เข้าใจความหมายของเขา ต่างก็มองหน้ากัน เถ้าแก่คนเดิมจึงตอบกลับว่า “เรียนคุณชาย ยังไม่ครบกำหนดขอรับ”


 


 


“ยังเหลืออีกประมาณกี่เดือนหรือ”


 


 


“สิ้นปีนี้ก็ครบกำหนดขอรับ ยังเหลือเวลาไม่มากนัก” เถ้าแก่ผู้นั้นตอบ


 


 


เมิ่งฉีพยักหน้า ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ


 


 


เถ้าแก่ทั้งหลายต่างก็มองดูเขาด้วยความอกสั่นขวัญแขวน พวกเขาทำการค้าขายที่ร้านนี้มานานหลายปีแล้ว ค่อยๆ สั่งสมความนิยมของผู้คนจนได้ถึงขนาดนี้แล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นลูกค้าเก่า อีกอย่างเหลืออีกแค่สามเดือนก็ถึงสิ้นปีแล้ว ตอนนั้นเป็นช่วงนี้กิจการเฟื่องฟูค้าขายได้ดี ถ้าย้ายออกไปอยู่ที่อื่นในตอนนี้ สำหรับพวกเขาแล้วถือว่านี่เป็นการขาดทุนมากมาย เพราะฉะนั้นวันนี้ตอนที่ไม่เห็นคนที่มาซื้อร้านไป แถมพวกเขายังตามหาคนไม่พบอีก ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่อกี้นี้พอได้ยินเถ้าแก่ร้านแพรไหมบอกว่าคุณชายที่ซื้อร้านได้มาถึงแล้ว พวกเขาแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะมาขอร้องเขาสักหน ถึงพวกเขาจำเป็นต้องย้ายออกก็ต้องรอให้ผ่านพ้นวันสิ้นปีไปก่อน คิดไม่ถึงว่าเมิ่งฉีจะถามคำถามเช่นนี้กับพวกเขา ทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร รู้สึกไม่สบายใจมาก


 


 


เมิ่งฉีวางถ้วยน้ำชาในมือลง กล่าวอย่างไม่ช้าไม่เร็วว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็รอตอนสิ้นปีค่อยทำสัญญาเช่าเก็บเงินค่าเช่าจากพวกเจ้าก็แล้วกัน สามเดือนนี้พวกเจ้าก็ใช้กันต่อเถอะ”


 


 


เถ้าแก่ร้านทั้งห้าต่างก็นิ่งอึ้ง ยืนเหม่อลอยนานหลายอึดใจ เถ้าแก่ร้านแพรไหมเป็นคนที่ได้สติขึ้นมาก่อนจึงสะกิดทุกคน “ยังไม่ขอบคุณคุณชายอีก!”


 


 


เถ้าแก่ร้านที่เหลือจึงรู้สึกตัว หลังจากที่ดีอกดีใจกันแล้วก็ก้มลงโค้งคำนับให้เมิ่งฉีเป็นการใหญ่ กล่าวขึ้นต่อว่า “ขอบคุณคุณชาย ขอบคุณคุณชายขอรับ”


 


 


เมิ่งฉีโบกมือ คิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็มีเสียงเอะอะต่อว่าของชายคนหนึ่งดังออกมาจากข้างนอกร้าน “คนที่อยู่ข้างในร้านทั้งหมดโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้ บิดารู้ว่าเจ้าอยู่ข้างในนั้น”


 


 


เมิ่งฉีกับเมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว ทุกคนภายในร้านต่างก็มองหน้ากัน


 


 


เถ้าแก่ร้านแพรไหมมองออกไปข้างนอกแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “คุณชาย คนที่จะซื้อร้านวันนั้นขอรับ ตอนนี้พาคนมาหลายคนอยู่ที่ข้างนอก”


 


 


เมิ่งฉีกับเมิ่งเชี่ยนโยวมองหน้ากันแวบหนึ่ง ลุกขึ้นพร้อมกันแล้วก็เดินออกไปด้านนอก


 


 


เถ้าแก่ร้านทุกคนกับพนักงานภายในร้านก็เดินตามออกมา


 


 


ชิงหลวนกับจู๋หลีเกร็งตัว เดินออกมาบังหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวไว้


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตบไหล่พวกนางทั้งสองเบาๆ บอกเป็นนัยให้พวกนางผ่อนคลาย พูดเสียงเบาขึ้นว่า “แค่พวกกระจอกไม่กี่คน ไม่ต้องกลัว”


 


 


เมิ่งฉีเห็นผู้ชายคนนั้นเป็นเหมือนป้าที่ปากคอเราะราย มาต่อว่าด่าทอที่หน้าร้าน ข้างๆ ยังมีชายฉกรรจ์อีกหลายคนที่มีใบหน้าโหดเ**้ยม ในมือยังถือไม้พลอง


 


 


พอเห็นเมิ่งฉีออกมาชายคนนั้นก็ชี้หน้าด่าทอทันที “เจ้าคนบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกอย่างเจ้า ถือดีอะไรถึงกล้ามาแย่งร้านที่บิดาต้องการ เจ้าไม่รู้จักถามอะไรก่อน ถนนทุกเส้นแถวนี้มีใครบ้างที่กล้าหาเรื่องบิดา”


 


 


เถ้าแก่ร้านแพรไหมกระซิบที่ข้างหูเมิ่งฉีว่า “คนผู้นี้ก็คือพ่อค้าคนกลางที่เลื่องชื่อในย่านนี้ หาเงินโดยการซื้อร้านมาขายต่อ นิสัยดุร้ายมาก ดังนั้นร้านค้าทั้งหมดในถนนแถวนี้ต่างก็ต้องผ่านน้ำมือเขา ส่วนคนพวกนั้นก็คืออันธพาลที่เขาจ้างมาเพื่อช่วยเขาทำร้ายคนที่มาแย่งกิจการโดยเฉพาะน่ะขอรับ”


 


 


เมิ่งฉีมีสีหน้าเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง


 


 


คนผู้นั้นต่อว่าอย่างได้ใจขึ้นต่อ “บิดารอเจ้าหลายวันแล้ว เจ้าลูกเต่าที่เอาแต่หดหัวอยู่ในกระดอง วันนี้บิดาจับเจ้าได้แล้ว บิดาจะให้ทางเลือกแก่เจ้าสองทาง หนึ่งคือต้องขายร้านนี้ให้ข้าด้วยราคาต่ำแต่โดยดี บิดาจะปล่อยเจ้าไป”


 


 


“แล้วทางเลือกอีกทางหนึ่งล่ะ” เมิ่งฉีถามขึ้นเสียงต่ำ


 


 


น้ำเสียงของชายคนนั้นยิ่งกำเริบเสิบสานขึ้น “อีกทางเลือกหนึ่งก็คือข้าจะส่งคนมาก่อกวนที่ร้านของเจ้าทุกวัน ให้เจ้าเลิกคิดที่จะทำกิจการอย่างสงบสุขตลอดไป”


 


 


นานแล้วที่ไม่มีคนมาโอหังอวดดีต่อหน้า เมิ่งเชี่ยนรู้สึกตื่นเต้นดีใจ ยกสองแขนขึ้นมากอดอก ถามขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า “ถ้าพวกเราไม่เลือกทั่งสองทางล่ะ”


 


 


“ถ้าเช่นนั้นวันนี้บิดาจะตีพวกเจ้าจนต้องตามเก็บฟันไปทั่วพื้น!” ชายคนนั้นอ้าปากหัวเราะ แล้วพูดขึ้นอย่างอวดดีบ้าระห่ำ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ความคิดนี้ไม่เลวเลย คนอย่างเจ้ามีฟันเคี้ยวข้าวไปก็เปลืองข้าวเปล่าๆ”


 


 


ชายคนนั้นที่กำลังหัวเราะอยู่ก็สำลัก กล่าวขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจ้าเด็กระยำ เจ้าว่าอะไร”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า ส่งเสียงจุ๊จุ๊เบาๆ สองครั้งแล้วพูดขึ้นว่า “คำพูดสั้นๆ ง่ายๆ ก็ยังฟังไม่เข้าใจ โง่จริงๆ ข้าจะใจดีให้สาวใช้อธิบายให้เจ้าฟังอีกก็ได้” พูดบแล้วก็หันไปพูดกับชิงหลวนว่า “ชิงหลวน อธิบายความหมายของคำที่ข้าพูดเมื่อครู่ให้เขาฟังที”


 


 


ชิงหลวนกลั้นหัวเราะ อธิบายเสียงดังว่า “แม่นางเราหมายความว่าคนที่จะตามเก็บฟันไปทั่วพื้นก็คือเจ้า”


 


 


คนที่มามุงดูรอบๆ ต่างก็รู้ว่าชายผู้นั้นเป็นคนอย่างไร พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวพูดจายอกย้อนเขาเช่นนี้ก็รู้สึกว่ามีเหงื่อออกแทนนาง


 


 


ชายคนนั้นอับอายจนเกิดเป็นความโมโห เลือดขึ้นหน้า เรียกทุกคนอย่างโมโหว่า “ลงมือ ก่อนอื่นสั่งสอนเด็กระยำคนนี้เลย”


 


 


มีคนสองคนถือไม้พลองเข้ามาด้วยรอยยิ้ม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยว่า “แม่นางคนนี้ไม่เลวเลย แต่เสียดาย ผู้ชายอย่างพวกเรามิใช่พวกรักหยกถนอมบุปผา วันนี้จะทำให้เจ้ารู้ว่าการล่วงเกินพี่ใหญ่ของเรามีจุดจบเช่นไร”


 


 


แม้แต่ท่าทางการยืนของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม สั่งชิงหลวนกับจู๋หลีอย่างไม่ช้าไม่เร็วว่า “ตบปากไปคนละสีบที ตบปากพวกเขาให้แตกก่อนค่อยว่ากัน”


 


 


ชิงหลวนกับจู๋หลีขานรับคำสั่ง


 


 


ชายฉกรรจ์สองคนส่งเสียง “โอ้โห” ขึ้น “สาวน้อยมีฝีปากไม่เลวเลย เดิมที่พวกพี่ชายยังจะให้เจ้า…” ยังพูดไม่ทันขาดคำก็รู้สึกเห็นเงาผ่านสายตาไป ยังไม่รู้สึกตัวก็โดนตบหน้าหลายฉาด


 


 


ชายฉกรรจ์โอหังอยู่ที่นี่จนชินแล้ว ไม่เคยมีคนต่อต้านต่อหน้าของพวกเขามาก่อน ตอนนี้อยู่ๆ ก็โดนคนตบหน้าหลายฉาด กลับยืนโง่งมไปไม่รู้สึกตัวขึ้นในทันที ชิงหลวนกับจู๋หลีตบหน้าจนครบสิบครั้งอย่างง่ายดาย แล้วก็กระโดกลับเข้ามายืนข้างๆ เมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


คนที่มามุงก็รอบๆ อึ้งกันไปหมด


 


 


ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชายคนที่ต่อว่าด่าทอ เขาไม่เห็นชัดด้วยซ้ำว่าชิงหลวนกับจู๋หลีสองคนนั้นมาอยู่ต่อหน้าของชายฉกรรจ์ได้อย่างไร ได้ยินเสียงดัง “เผียะๆๆ” ต่อเนื่องกันนานสักพัก หลังจากที่เสียงดังหยุดลงปากของชายฉกรรจ์ทั้งสองคนก็บวมแดงเจอขึ้นทันที


 


 


เถ้าแก่ทั้งหลายต่างก็ยืนมองอย่างโง่งม อ้าอากค้างมองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เชื่อสายตา


 


 


หน้าร้านทุกร้านต่างก็เงียบกริบ


 


 


แม้แต่ถนนทั้งสายก็เงียบเชียบราวกับป่าช้า


 


 


นานกว่าครึ่งค่อนวันชายคนนั้นถึงรู้สึกตัว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่เกือบจะทำลายแก้วหูของทุกคน “เด็กระยำ เจ้าหาเรื่องตายเข้าเสียแล้ว!” 

 

 


ตอนที่ 68-1 เชือดไก่ให้ลิงดู

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น เอามือทำท่าทางราวกับว่ากำลังแคะหูตัวเอง น้ำเสียงเต็มไปด้วยการดูหมิ่นและยั่วยุ “เป็นผู้ชายก็รีบลงมือสิ อย่าทำตัวเป็นเหมือนหมาบ้าที่เอาแต่เห่าโวยวาย”


 


 


คนที่อยู่บริเวณรอบๆ ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เสียงดังเซ็งแซ่ ต่างก็มองนางด้วยที่ตาที่เหมือนกับว่ากำลังดูคนบ้าอยู่ก็มิปาน โดยเฉพาะเมื่อได้ยินนางพูดประโยคนี้จบ ทุกคนต่างก็ถอยออกอย่างพร้อมเพรียงราวกับนัดกันไว้


 


 


ชายฉกรรจ์ทั้งสองนายที่ยืนอึ้งอยู่ก็รู้สึกตัวขึ้น เขาก็ชูไม้พลองขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปด้วยใบหน้าดุร้าย โดยที่ไม่รอให้ชายผู้นั้นได้สั่ง ร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงคลุมเครือว่า “ข้าจะฆ่าเจ้านางเด็กสมควรตาย”


 


 


กลุ่มคนส่งเสียงร้องตกใจโดยมิได้นัดหมาย


 


 


เถ้าแก่ร้านต่างๆ ยิ่งตกใจจนต้องถอยหลังออกมา


 


 


เมิ่งฉีเคลื่อนที่เอาตัวมาบังเมิ่งเชี่ยนโยวไว้อย่างรวดเร็ว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกลับกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย บอกชิงหลวนกับจู๋หลีด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “ต้องดูฝีมือพวกเจ้าแล้ว”


 


 


ชิงหลวนกับจู๋หลีได้รับการฝึกฝนเป็นองครักษ์เงามาตั้งแต่เด็ก ผ่านการคัดเลือกหลายต่อหลายครั้งจนกลายมาเป็นองครักษ์เงาของพระชายาฉี ฝีมือไม่ด้อย ออกไปรอรับมือโดยไม่รอให้ชายฉกรรจ์ทั้งสองนายได้มาถึงตัวเมิ่งเชี่ยนโยว ถีบไปคนละที


 


 


ชายฉกรรจ์ทั้งสองคนลอยออกไปพร้อมกัน กระแทกลงบนพื้นอย่างแรงจนฝุ่นคละคลุ้งไปหมด ทำให้กลุ่มคนที่มาดูมุงดูต่างก็ไอแค่กๆ จากเศษฝุ่นผง


 


 


เถ้าแก่เหล่านั้นต่างก็ตกใจจนตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า นับตั้งแต่เมื่อกี้ปากยังไม่ได้หุบอย่างสนิทสักที


 


 


ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกลุ่มคนที่มามุงดู ตกใจจนแทบจะกัดลิ้นตัวเองทิ้ง


 


 


ชายฉกรรจ์ทั้งสองกระแทกลงพื้น แล้วก็หมดสติไปในทันที


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตีหน้าขรึม จงใจตำหนิสองคนนั้นว่า “บอกให้พวกเจ้าทั้งสองคนทำให้พวกเขาฟันร่วงมิใช่หรือ ทำไมถึงถึงทำให้คนหมดสติไปล่ะ”


 


 


ชิงหลวนกับจู๋หลีพอได้ยินนางตำหนิก็รีบกล่าวขออภัยทันทีว่า “แม่นาง พวกเราผิดไปแล้วเจ้าค่ะ รับรองว่าต่อไปจะไม่ลงมือหนักเช่นนี้อีก”


 


 


นี่ก็ไปตามรูปแบบทั่วไปที่เมื่อได้รับผลดีแต่ยังทำเป็นว่าไม่พอใจ ชายผู้นั้นโมโหจนแทบจะกระอักเลือดออกมา ชี้หน้าด่าเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “เจ้าเด็กสมควรตาย เจ้าอย่ากำแหงนัก เมื่อกี้นี้พวกเราประมาทเกินไปถึงเสียท่าสาวใช้สองคนได้ ข้าอยากจะดูว่าพวกนางจะจัดการกับพวกเราหลายคนได้อย่างไร”


 


 


พูดจบก็โบกมือให้กับชายฉกรรจ์ที่เหลือ “พวกเจ้าทั้งหมดเข้าไปพร้อมกันเลย”


 


 


เหล่าชายฉกรรจ์นั้นโอหังจนเคยชินแล้ว บัดนี้เสียท่าให้กับสาวใช้สองคนก็รูกสึกโมโหเป็นอย่างมาก คิดอย่างเดียวว่าจะเอาศักดิ์ศรีของตัวเองกลับมา ต่างก็ชูไม้พลองขึ้นร้องตะโกนแล้วก็พุ่งเข้าไป


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวดึงเมิ่งฉีถอยหลังออกมาหลายก้าว สั่งชิงหลวนกับจู๋หลีสองคนว่า “จัดการให้จบภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ข้าอยากเห็นพวกเขาดิ้นพล่านก้มหาฟันไปทั่วพื้น”


 


 


องครักษ์เงาปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านาย ทั้งสองคนตอบรับโดยไม่ลังเล ออกไปรอรับการต่อสู้


 


 


ถึงแม้ทั้งสองคนนี้จะมีวรยุทธ์ไม่ด้อย แต่อีกฝ่ายก็คือชายตัวโตที่ถือไม้พลอง ในตอนแรกทั้งสองคนก็ไม่ได้เปรียบอะไรนัก


 


 


คนที่เข้ามามุงดูต่างก็กลัวว่าไม้พลองจะลอยเข้ามาทำร้ายตัวเองได้ จึงถอยออกไปหลายก้าว


 


 


ชายฉกรรจ์ทั้งหลายก็เป็นแค่ชั้นวางต้นไม้* ปกติอาศัยแค่มีคนมากกว่า ร่างกายสูงใหญ่ วันนี้ได้มาเจอเข้ากับผู้มีวรยุทธ์สูงส่งอย่างชิงหลวนและจู๋หลีก็ทำอะไรไม่ได้ หลังจากต่อสู้กันไปกันมาชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้นก็ถูกชิงหลวนเตะจนกระเด็นออกไป จู๋หลีก็ไม่ยอมแพ้ฉวยโอกาสที่ชายฉกรรจ์คนหนึ่งยืนอึ้งอยู่เตะเขาจนกระเด็กออกไปเช่นกัน


 


 


ชายฉกรรจ์ที่เหลือต่างก็ตื่นตะลึง สองคนแสดงฝีมือเพียงไม่กี่กระบวนท่าก็ทำให้พวกเขาล้มระเนระนาดลงไปกับพื้น


 


 


ชายคนที่ต่อว่าพอเห็นท่าไม่ดีก็คิดจะหันหลังแล้ววิ่งหนีออกไปจากฝูงคน


 


 


เมิ่งเชี่ยนพูดน้ำเสียงเย็นชา “ชิงหลวน ยังเหลืออีกคน”


 


 


ชิงหลวนกระโดดทีเดียวก็ตามหลังเขาไปได้ กระชากคอเสื้อแล้วโยนเขากลับมา


 


 


ชายผู้นั้นยืนไม่มั่นคง โงนเงนหลายครั้งแล้วก็นอนคว่ำหน้าลงต่อหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวทำท่าทางเหมือนกับว่าตกใจ ถอยหลังไปหลายก้าวแล้วจงใจพูดขึ้นว่า “เจ้าคำนับอะไรขนาดนี้ ข้ารับไม่ไหวหรอก”


 


 


กลุ่มคนที่มามุงดูต่างก็ส่งเสียงหัวเราะขบขัน


 


 


ชายผู้นั้นรู้แล้วว่าตัวเองเจอเข้ากับผู้ที่เหนือกว่าแล้ว พลันรีบร้อนขอความเมตตาโดยเร็ว “แม่นางไว้ชีวิตด้วย ข้ามีตาหามีแววไม่ที่ไปล่วงเกินแม่นางเข้า หวังว่าแม่นางจะปล่อยข้าไป”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งยองๆ แล้วพิจารณาดวงตาของเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน จงใจตีความหมายคำพูดของเขาผิดให้ไป “แววตาของเจ้ายังอยู่ข้างในนั้นอยู่มิใช่หรือ? เจ้าจะบอกว่าตัวเองมีไม่มีแววตาได้อย่างไร อยากให้ข้าช่วยเจ้าควักลูกตาออกมาหรือ?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูดสบายๆ ชายผู้นั้นได้ยินนางพูดด้วยท่าทางจริงจังก็ตกใจจนเกือบหมดสติ แล้วก้มหน้าโขกพื้นเสียงดัง “โป๊กโป๊ก” พร้อมกล่าวขึ้นว่า “แม่นางได้โปรดไว้ชีวิตด้วย แม่นางไว้ชีวิตข้าด้วย”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พอใจ พูดเสียงดังว่า “ฆ่าคนผิดกฎหมายบ้านเมือง ข้าบอกตอนไหนว่าจะเอาชีวิตเจ้า เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้าต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้”


 


 


ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดว่าไว้ชีวิตด้วยอีกแล้ว ถามด้วยความเกรงกลัวว่า “ถ้าเช่นนั้นแม่นางจะทำเช่นไร?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน กวาดตามองชายฉกรรจ์ทุกคนแวบหนึ่ง ยิ้มตาหยีแล้วพูดเสียงใสว่า “เอาตามที่เจ้าว่า ทิ้งฟันของพวกเจ้าไว้ก็พอ”


 


 


เห็นอยู่ชัดๆ ว่านางพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ต้องพูดถึงชายที่กำลังคุกเข่าอยู่เลย ขนาดกลุ่มคนที่มามุงดูอยู่พอได้ยินคำพูดของนางต่างก็รู้สึกขนลุกขนชันกันขึ้น


 


 


เมิ่งฉีรู้จักนิสัยของเมิ่งเชี่ยนโยวดี รู้ว่านางทำได้ตามที่พูด แต่เกรงว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้มีเรื่องเดือดร้อนตามมา พูดจาหว่านล้อมนางเสียงต่ำว่า “น้องสาว พอได้แล้ว ปล่อยพวกเขาไปสักครั้งเถอะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มกริ่มหันไปมองหน้าเมิ่งฉีแล้วกล่าวว่า “พี่รองเจ้าคะ ท่านยังไม่รู้จักข้าอีกหรือ นิสัยของข้านั้นถ้ามีแค้นต้องชำระ วันนี้ถ้าไม่ได้ถอนฟันพวกนั้นออกมา ข้าจะนอนไม่หลับนะเจ้าคะ”


 


 


เมิ่งฉีอ้าปากหมายจะพูดจาเกลี้ยกล่อมอีก เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งชิงหลวนกับจู๋หลีทั้งสองคนทันทีว่า “ลงมือได้!”


 


 


ทั้งสองคนตอบรับ ชิงหลวนก้มลงดึงตัวชายผู้นั้นที่ยังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วชกไปที่ปากของเขาอย่างแรง


 


 


ชายผู้นั้นร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เอามือปิดปากตัวเองครึ่งนั่งครึ่งนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น


 


 


ชายฉกรรจ์คนที่เหลือต่างก็ตกใจ ต่างก็แทรกตัวเขาไปกลางฝูงคน


 


 


จู๋หลีก็ทำตาม


 


 


ถนนทั้งสายก็มีเสียงร้องโอดครวญดังระงม


 


 


ในกลุ่มคนที่มามุงดูนั้นบางคนก็รู้สึกทนไม่ได้ บางคนก็รู้สึกสะใจไม่น้อย ยังมีบางคนที่รู้สึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจิตใจโหดเ**้ยมกล้าสั่งให้คนทำร้ายคนจนฟันร่วงจริงๆ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของฝูงชน ยิ้มละไมถามชายผู้นั้นที่เจ็บปวดจนพูดไม่ได้ว่า “ถูกคนตีจนฟันร่วงหมดปากรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?”


 


 


ชายผู้นั้นเอามือกุทปาก เลือดสดๆ ทะลักออกมาไหลหยดลงบนพื้น จ้องมองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างหวาดผวาพูดไม่ออก


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหุบยิ้ม กล่าวเสียงเ**้ยมว่า “ไสหัวไป ต่อไปอย่าให้ข้าเห็นพวกเจ้าอยู่ที่ถนนเส้นนี้อีก”


 


 


ทุกคนไม่มีเวลามาสนใจความเจ็บปวดนี้แล้ว ต่างก็ล้มลุกคลุกคลานวิ่งออกไป


 


 


ฝูงชนที่มามุงดูพอเห็นพวกเขามีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้ก็หัวเราะเสียงดัง


 


 


เก้าแก่ทั้งหลายกลัลบเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผาก มองหน้ากันอย่างตกใจ


 


 


ได้สั่งสอนคนพวกนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกสบายอกสบายใจ แม้แต่น้ำเสียงในยามพูดที่เปล่งออกมายังสนุกสนานรื่นเริง “ไปกันเถอะ มีเรื่องอะไรพวกเรากลับห้องก่อนค่อยคุยกัน”


 


 


พูดจบก็เดินเข้าร้านนำไปก่อน


 


 


พนักงานที่มุงดูที่หน้าประตูตลอดเวลาต่างก็ถอยห่างอย่างตกอกตกใจ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวทำเหมือนว่าไม่เห็นท่าทางหวาดกลัวของพวกเขา กลับนั่งลงบนเก้าอี้ ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมนแล้วก็ค่อยๆ ดื่ม แล้วขมวดคิ้วมุ่น


 


 


พนักงานคนหนึ่งที่มีความกล้าถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “แม่นางขอรับ น้ำชาเย็นแล้วใช่หรือไม่? ต้องการให้พวกเราไปเหลี่ยนให้ไหมขอรับ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเอาฝาปิดถ้วยน้ำชาแล้วส่งถ้วยน้ำชาให้เขา ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ขอบใจ”


 


 


พนักงานยื่นมืออันสั่นเทามารับไป แม้แต่ถ้วยน้ำชาของเมิ่งฉีที่วางอยู่ก็นำไปด้วย ไม่ทันไรก็เปลี่ยนถ้วยน้ำชาถ้วยใหม่เข้ามา เอาวางไว้ข้างหน้าของทั้งสองคนอย่างนอบน้อม


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยกถ้วยน้ำชาขึ้น เม้มปากจิบชาร้อนๆ ในนั้น


 


 


เถ้าแก่ผู้หนึ่งกล่าวกับเมิ่งฉีด้วยความเคารพว่า “คุณชายขอรับ พวกเราตกลงกันแล้วว่าค่าเช่าพวกเราจะเริ่มคิดตั้งแต่เดือนนี้ดีกว่า”


 


 


เมิ่งฉีรู้ว่าพวกเขาตกใจจากความโหดเ**้ยมของเมิ่งเชี่ยนโยว กล่าวกับทุกคนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องหรอก หลายเดือนนี้พวกเจ้าก็เช่าใช้ร้านอย่างสบายใจเถิด ถึงตอนสิ้นปีถ้าพวกเจ้าตัดสินใจเช่าต่อพวกเราค่อยมาทำสัญญาเช่ากันใหม่”


 


 


ทุกคนหันไปมองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่สบายใจ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวทำเป็นเหมือนไม่รู้ว่าพวกเขากำลังมองตัวเองอยู่ ตั้งหน้าตั้งตาดื่มน้ำชาไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)