ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 52.2-53.1

ตอนที่ 52-2 มอบองครักษ์เงาให้

 

หวงฝู่อี้เซวียนนอนอยู่อีกด้าน ดูนางนอนหลับ ฟังเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของนาง ในที่สุดความไม่สบายใจก็หายไป ไม่นานก็หลับสนิทตามนางไป


 


 


พระชายาฉีออกคำสั่งลงไปแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนก็นั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ในจวนจึงไม่มีใครไปรบกสนพวกเขา ทั้งสองคนนอนหลับได้อย่างสบาย พอตื่นขึ้นมาก็ถึงเวลากินมื้อเที่ยงแล้ว


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนตื่นลืมตาขึ้นก่อน เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยังหลับสนิทอยู่ เกรงว่าจะจบกวนทำให้นางตื่นจากฝันหวานจึงไม่กล้าขยับตัว กะพริบตาปริบๆ มองดูนางที่กำลังหลับใหลอยู่


 


 


ในความฝันเมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่ามีคนจ้องมองตนอยู่ การฝึกฝนอย่างโชกโชนมาหลายปีทำให้นางรู้สึกตัวตื่นขึ้นทันที ลืมตาขึ้นมาก็จอเข้ากับใบหน้าที่เป็นที่เคียดแค้นของผู้คน อึ้งไปสักพัก ทำราวกับว่าไม่รู้ว่าเขาขึ้นมาอยู่บนเตียงของตัวเองได้อย่างไร


 


 


เป็นครั้งแรกที่หวงฝู่อี้เซวียนเห็นนางมีท่าทางโง่เขลาเช่นนี้จึงเผลอหัวเราะออกมา แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ตื่นแล้วหรือ? นอนอิ่มหรือยัง?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวจึงรู้สึกตัว นึกขึ้นได้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของหวงฝู่อี้เซวียน แอบแปลกใจว่าทำไมตัวเองถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองช้าลงเช่นนี้


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนไม่เห็นนางตอบคำถาม คิดว่านางยังไม่ตื่นดี จึงตบหลังนางเบาๆ กล่าวว่า “ยังนอนไม่อิ่มใช่หรือไม่? นอนอีกสักพักเถอะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “นอนตื่นแล้ว ลุกขึ้นเถอะ ยามบ่ายยังต้องไปดูพวกกัวเฟยว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเผลอยิ้ม กล่าวว่า “ตอนนี้ก็เป็นยามบ่ายแล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมองนอกหน้าต่างด้วยความประหลาดใจ เห็นดวงอาทิตย์เยื้องไปทางทิศตะวันตกจริงๆ ก็รีบลุกขึ้นมาทันที ถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ทำไมข้าถึงได้นอนนานเช่นนี้?” ต้องรู้ไว้ว่าแต่ก่อนตอนที่นางฝึกอยู่ ถึงไม่ได้นอนต่อเนื่องกันสามวันสามคืน แต่เมื่อไปนอนทดแทนแค่หนึ่งชั่วยามก็พอแล้ว ไม่เคยต้องนานเป็นเวลานานอย่างเช่นนี้มาก่อน


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนไม่ทราบว่าในใจนางคิดอย่างไร ก็ลุกขึ้นเช่นกัน “เมื่อวานเจ้าต่อสู้กับพวกเขา ซ้ำยังไม่ได้นอนทั้งคืน จึงเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุดแน่นอน นอนนานไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้ว่าจะอธิบายความเป็นมาของตัวเองให้เขาเข้าใจอย่างไรดี จึงเร่งเขาขึ้นว่า “รีบลุกขึ้นมาหวีผมล้างหน้าเร็วเข้า เสด็จแม่ของเจ้ายังรอเจอเราอยู่ไม่ใช่หรือ?”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนลงจากเตียง ส่งเสื้อคลุมด้านนอกให้นาง ตัวเองก็สวมใส่เสื้อคลุมด้านนอกเช่นกัน ตะโกนเรียกคนที่อยู่ข้างนอกว่า “อี้เอ๋อร์!”


 


 


หวงฝู่อี้ขานรับจากหน้าประตูแล้วก็รีบวิ่งเข้ามา เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังสวมเสื้อคลุมด้านนอกอยู่ ดวงตาก็เป็นประกาย แล้วก้มหน้าลงถามด้วยความเคารพว่า “ซื่อจื่อ มีสิ่งใดจะสั่งหรือขอรับ”


 


 


“สั่งให้คนไปเตรียมสำรับอาหารมา ข้ากับโยวเอ๋อร์กินเสร็จแล้วจะไปพบเสด็จแม่”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนตอบรับคำสั่ง แล้วก็ถอยออกไปด้วยสายตามั่นคงไม่ว่อกแว่ก เดินไปที่ห้องครัว ให้แม่ครัวตักอาหารที่อุ่นอยู่ในหม้อตลอดมา จากนั้นก็ไปที่เรือนของพระชายาฉี รายงานว่าทั้งสองคนได้ตื่นแล้ว กินข้าวเสร็จก็จะมาพบพระชายา


 


 


แม่ครัวเตรียมกับข้าวไว้อย่างพิถีพิถัน ทั้งสองคนกินอิ่มแล้วก็ให้หวงฝู่อี้มาเก็บสำรับ แล้วก็เดินจับมือกันมาถึงเรือนพระชายาฉี


 


 


หลิงหลงยืนอยู่ที่หน้าประตู พอเห็นทั้งสองคนมาก็คุกเข่าคารวะหวงฝู่อี้เซวียน จากนั้นก็กล่าวว่า “เหนียงเหนียงบอกถ้าซื่อจื่อกับแม่นางเมิ่งมาถึงแล้วก็ให้เข้าไปได้เลยเจ้าค่ะ”


 


 


ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง


 


 


พระชายาฉีร่างกายแข็งแรงขึ้นบ้างแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่างรอให้ทั้งสองคนเข้าไป พอได้ยินเสียงของหลิงหลงก็ยิ้มพร้อมกับกวักมือเรียกเมิ่งเชี่ยนโยวที่เพิ่งจะเดินเข้ามา “แม่นางเมิ่งมานี่ มานั่งตรงนี้”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวขอบคุณอย่างมีมารยาท แล้วก็ไปนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ อย่างสง่าผ่าเผย


 


 


“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่? อี้เอ๋อร์เข้ามารายงานทำให้ข้าตกใจแทบแย่” พระชายาฉีถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปากไม่พูดอะไร


 


 


“พูดไม่ได้หรือ?” พระชายาฉีหยั่งเชิงลองถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เจือรอยยิ้มเช่นเดิม


 


 


“มิใช่พูดไม่ได้เจ้าค่ะ แต่กลัวว่าหลังจากที่พระชายาได้ฟังแล้วจะกระเทือนต่ออารมณ์เบิกบานของท่าน แล้วส่งผลร้ายต่ออาการป่วยของท่านแทน” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ


 


 


พระชายาฉีโบกมือ “เจ้าพูดมาได้เลย ข้าจะไม่โกรธเด็ดขาด”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปมองหน้าหวงฝู่อี้เซวียน


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดของเมื่อวานออกมา พอได้ยินว่าเฮ่อเหลี่ยนบงการให้ผู้ดูแลที่คุมขังวางยาในอาหารเพื่อคิดที่จะทำลายเมิ่งเชี่ยนโยวนั้น อยู่ๆ ก็โมโหเดือดพล่านขึ้นทันที แล้วเอามือตบโต๊ะดังปัง พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “คนที่เทียบไม่ได้กับหมูกับสุนัขเช่นนี้ กล้าบงการให้คนทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?”


 


 


พระชายาฉีถือกำเนิดมาจากครอบครัวนักรบผู้กล้า ร่างกายจึงมีจิตวิญญาณที่กล้าหาญ พอโมโหเกรี้ยวกราดเช่นนี้ กลับทำให้พวกสาวใช้ที่เฝ้าอยู่ข้างนอกต่างก็ตัวสั่นกันขึ้น


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวด้วยรอยยิ้มละไมว่า “หม่อมฉันรู้อยู่แล้วว่าพระชายาต้องโกรธ จึงไม่อยากบอกท่าน ดูท่านสิ โกรธจริงๆ ด้วย”


 


 


พระชายาฉียังไม่หายจากการโมโห กล่าวว่า “หลายปีมานี้ได้เป็นแค่พระชายารอง คนที่จวนเสนาบดีค่อนข้างไม่พอใจ ทั้งที่มืดและที่แจ้งก็แอบทำอะไรกับข้าไว้มากมาย ข้าไม่มีกะจิตกะใจจะไปสู้กับพวกเขา แต่กลับกลายเป็นว่าไปกระตุ้นความผยองของพวกเขาแทน บัดนี้ถึงขั้นกล้าวางแผนทำอะไรเจ้า พวกเขาคิดจริงๆ ว่าจวนแม่ทัพกินของพวกเรากินหญ้าหรืออย่างไร?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มกล่าวขึ้นว่า “พระชายาคิดผิดแล้วเจ้าค่ะ เรื่องนี้อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับจวนเสนาบดี ท่านเสนาบดีเป็นขุนนางมาหลายปี ทำการรอบคอบ คงไม่ลงมือทำอะไรอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ นี่น่าจะเป็นการตัดสินใจของเฮ่อเหลี่ยนคนไร้สมองผู้นั้นคนเดียว”


 


 


“ถ้าเป็นเช่นนี้จริง คราวนี้ต้องห้ามปล่อยเจ้าคนบัดชบนี้ไปง่ายๆ” พระชายาฉีที่ยังโมโหอยู่กล่าวขึ้นมา “ถ้าพวกเจ้าลงมือไม่สะดวก ข้าจะส่งคนไปทำก็ได้ ถึงหลังจากนี้ถ้าท่านอ๋องทราบก็จะโทษพวกเจ้าไม่ได้”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวยิ้มๆ ว่า “ขอบพระทัยพระชายาเจ้าค่ะ ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ หม่อมฉันกับอี้เซวียนได้จัดการเขาเรียบร้อยแล้ว”


 


 


พระชายาฉีเห็นรอยยิ้มที่ปิดไม่มิดบนใบหน้าของนางเมื่อตอนพูดว่าได้จัดการเฮ่อเหลี่ยนเรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกแปลกใจ จึงระงับโทสะแล้วถามว่า “พวกเจ้าจัดการเขาอย่างไรหรือ?”


 


 


คราวนี้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ปิดบัง แล้วเล่าเรื่องที่จัดการเฮ่อเหลี่ยนในตอนเช้าให้นางฟังด้วยความสนุก


 


 


หลังจากที่พระชายาฉีฟังแล้วก็ทนไม่ไหว หัวเราะและพูดขึ้นว่า “ดีดีดี ควรจะจัดการเขาเช่นนี้ ให้เขาเลิกคิดที่จะทำอะไรพวกเจ้าอีก” พูดจบแล้วก็พูดขึ้นอีกว่า “พวกเจ้าทำได้เลยเต็มที่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นข้าจะรับผิดชอบให้พวกเจ้าเอง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวประหลาดใจ คิดว่าแท้ที่จริงแล้วพระชายาฉีนั้นเป็นคนที่ปกป้องลูกของตัวเองอย่างยิ่ง พวกเขาจัดการกับเฮ่อเหลี่ยนอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ถ้าเป็นคนอื่นทั่วไปก็คงจะตำหนิพวกเขาอย่างแรงแล้ว แต่พระชายาฉีกลับดี ยังยุยงให้พวกเขาลงมือทำได้อย่างเต็มที่ ไม่กลัวเลยว่าพวกเขาจะทำให้เกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นมา


 


 


พระชายาฉีกล่าวขึ้นอีกว่า “ตอนนี้คนที่ติดตามเจ้าก็บาดเจ็บกันหมด เจ้าก็ไม่มีคนดูแลที่ใช้ได้อยู่ในมือแล้ว จะออกไปทำอะไรข้างนอกก็ไม่สะดวก วันนี้ข้าจะส่งคนให้เจ้าสองคน ต่อไปพวกนางจะติดตามเจ้าไม่ห่างไปไหน ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นก็จะสละชีวิตเพื่อปกป้องเจ้า”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไปไหนมาไหนโดยลำพังจนชินแล้ว จะต้องการให้คนติดตามตลอดเวลาได้อย่างไร กำลังจะปฏิเสธ พระชายาฉีก็ปรบมือสองครั้ง จากนั้นก็มีสตรีสองคนเดินออกมาจากด้านหลังประตู


 


 


สตรีสองคนนี้เดินเหินไร้เสียง มองดูก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่ง


 


 


ทั้งสองคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพระชายาฉี แล้วคุกเข่าลงพร้อมกัน “นายท่าน!”


 


 


พระชายาฉีพยักหน้า พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ก็คือองครักษ์เงาที่ท่านพ่อของข้าฝึกฝนไว้ให้ข้าในตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ต่อไปก็ให้พวกนางคอยติดตามปกป้องเจ้าอยู่ใกล้ๆ”

 

 

 


ตอนที่ 53-1 เฮ่อเหลี่ยนมีชีวิตอยู่มิส...

 

องครักษ์เงาได้รับการฝึกฝนฝีมือที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้านี้มีอายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปีเท่านั้น


 


 


พระชายาฉีกล่าวกับองครักษ์เงาทั้งสองคนว่า “ผู้นี้คือแม่นางเมิ่ง ต่อไปก็คือนายท่านคนใหม่ของพวกเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าจะต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องนาง”


 


 


หน้าที่ขององครักษ์เงาก็คือปกป้องเจ้านาย องครักษ์เงาทั้งสองคนตอบรับด้วยความเคารพ แล้วหันกลับมาคารวะเมิ่งเชี่ยนโยวพร้อมๆ กัน “คารวะนายท่านคนใหม่เจ้าค่ะ”


 


 


พระชายาฉีได้ตัดสินใจเช่นนี้แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวจะปฏิเสธก็ลำบาก จึงยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณว่า “ขอบพระทัยพระชายาเจ้าค่ะ”


 


 


พระชายาฉีโบกมือ หลังจากที่บอกเป็นนัยให้สองคนนั้นถอยออกไปแล้วพูดขึ้นว่า “ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ร่างกายอ่อนแอ ท่านพ่อกลัวว่าข้าจะโดนลอบทำร้ายลับหลัง จึงเลี้ยงดูฝึกฝนองครักษ์เงาไว้มากมาย ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้ายังไม่ได้เคยใช้ แต่หลังจากที่เซวียนเอ๋อร์กลับเมืองหลวงมาแล้วข้าก็กลัวว่าเขาจะได้รับอันตราย จึงมอบองครักษ์เงาทั้งหมดไว้ให้เขา เขาไม่ยอมให้สตรีเข้าใกล้ตัว ข้าจึงต้องเรียกองครักษ์เงาที่เป็นหญิงเหล่านี้กลับคืนมา วันนี้ได้โอกาสมอบให้เจ้าพอดี บัดนี้พวกเขาก็ได้รู้จักเจ้านายแล้ว ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรเจ้าก็ระดมกำลังของพวกนางไปทำงานได้เลย ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ไหนพวกนางก็จะปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยให้เจ้า”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนึกขึ้นได้ทันที ถึงว่านางมักจะรู้สึกว่าทหารอารักขาที่หวงฝู่อี้เซวียนนำไปด้วยเมื่อวานนี้มีฝีมือเหนือกว่าองครักษ์ประจำจวน ที่แท้ก็เป็นเองครักษ์ที่แต่งกายเลียนแบบเท่านั้น


 


 


กล่าวขอบคุณพระชายาฉีอีกครั้ง แล้วเมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดขึ้นว่า “รบกวนท่านยื่นมือออกมาหน่อยเจ้าค่ะ หม่อมฉันจะตรวจชีพจรให้ท่าน ดูว่าการฟื้นฟูอาการป่วยของท่านเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”


 


 


พระชายาฉียื่นมือออกไปตามที่บอก ยื่นออกไปข้างหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเอามือไปวางไว้ตรงจุดชีพจรที่ข้อมือของนาง ตรวจดูอย่างละเอียดสักครู่ แล้วจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ร่างกายของท่านฟื้นคืนได้ไม่เลวเลยนะเจ้าคะ พักผ่อนอีกสักเดือนสองเดือนก็ออกไปข้างนอกได้สบายแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


พระชายาฉียินดีไม่น้อย “เป็นเช่นนั้นก็วิเศษเลย หลายปีแล้วที่ข้าไม่ได้ออกไปเดินเล่นข้างนอกจริงๆ จังๆ เสียที รอให้ข้าหายดีแล้วจะออกไปเดินเล่นกับเจ้า ดูว่าเมืองหลวงเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างแล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าตอบรับ “ดีเจ้าค่ะ ถึงตอนนั้นหม่อมฉันจะเดินเล่นเป็นเพื่อนท่านแน่นอน เดินเล่นสักสิบวันสิบคืนแล้วพวกเราค่อยกลับ”


 


 


พระชายาฉีได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างสำราญใจ “สิบวันสิบคืนก็ละเว้นไว้เถิด ข้ายังต้องเก็บแรงไว้ดูแลลูกของพวกเจ้าในภายหลังอีก”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงเถือก


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนก็ร้องขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อว่า “เสด็จแม่”


 


 


พระชายาฉีรู้ว่าทั้งสองคนนี้หน้าบางขี้อาย จึงยิ้มแล้วกล่าวขึ้นว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าไม่พูด ข้าไม่พูดแล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของพวกกัวเฟยอยู่ตลอด ก็เลยเปลี่ยนเรื่องพูด “พระชายาเจ้าคะ พวกกัวเฟยยังอยู่ในห้องรักษา หม่อมฉันกับอี้เซวียนยังต้องไปดูอีก ไม่อยู่รบกวนท่านแล้ว ประเดี๋ยวสองสามวันให้หลังหม่อมฉันจะมาตรวจชีพจรให้ท่านอีกครั้งนะเจ้าคะ”


 


 


“ไปเถอะ รักษาทุกคนให้ดีนะ ถ้าไม่ไหว ข้าจะส่งคนไปตามหมอหลวงจากในวังมารักษาให้”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหยัดกายลุกขึ้น กล่าวขอบคุณว่า “ขอบพระทัยพระชายาที่กรุณาเจ้าค่ะ พวกเขาทุกคนมีแผลภายนอกเท่านั้น รักษาสักระยะก็ดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องรบกวนหมอหลวงหรอกเจ้าค่ะ”


 


 


“ดูเจ้าเด็กคนนี้สิ จะเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้วเชียว ยังจะเกรงใจเช่นนี้อีก” พระชายาฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงขึ้นอีก


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนลุกขึ้นช่วยแก้สถานการณ์ให้นาง “เสด็จแม่ ข้ากับโยวเอ๋อร์ไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”


 


 


พระชายาฉีพยักหน้ายิ้มๆ ดูสองคนที่เดินจับมือกันออกไป แล้วเรียกคนที่อยู่ด้านนอกว่า “หลิงหลง”


 


 


หลิงหลงขานรับ เลิกผ้าม่านขึ้นแล้วเดินเข้าไป


 


 


พระชายาฉีสั่งงานนางว่า “เจ้าไปเลือกผ้าแพรงามๆ สักผืนที่ร้านแพรไหมอวิ๋นเสียง ข้าจะทำชุดให้กับแม่นางเมิ่ง อีกอย่างเจ้าไปสั่งจองผ้าที่ใช้สำหรับชุดในงานมงคลมาด้วย ให้พวกเขาเอาแบบผ้าตัวอย่างมาให้ข้าเลือกดู ในวันแต่งงานจะได้ไม่ต้องเตรียมของอย่างฉุกละหุก”


 


 


หลิงหลงขานรับคำสั่งแล้วก็เดินออกไป


 


 


พระชายาฉีมีความสุข รู้สึกว่าแสงแดดในบ่ายวันนี้ช่างดูอบอุ่นเป็นพิเศษ ส่องแสงทำให้อบอุ่นหัวใจเหลือเกิน


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกับหวงฝู่อี้เซวียนไม่รู้เรื่องทุกอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองขี่ม้าอย่างรวดเร็ว พาคนมายังร้านยาเต๋อเหริน


 


 


พนักงานในร้านยาเต๋อเหรินรู้จักพวกเขาแล้ว จึงให้ทั้งสองคนเข้าไปในห้องรักษาที่เรือนด้านหลังได้เลย


 


 


พอพนักงานที่ดูแลพวกกัวเฟยเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวกับหวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้ามา ก็รายงานเสียงเบาว่า “ตั้งแต่พวกท่านไปจนถึงตอนนี้ ทุกคนไม่ได้มีอาการตัวร้อนขึ้นอีก ส่วนยาพวกเราก็ป้อนให้พวกเขาตรงตามเวลาที่ท่านกำชับ แต่จนถึงเดี๋ยวนี้พวกเขายังไม่ฟื้นเลยขอรับ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างๆ กัวเฟย แล้วตรวจชีพของเขาดู รู้สึกว่าถึงแม้ชีพจรจะอ่อนแรงไปบ้าง แต่ก็สม่ำเสมอดี น่าจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก ที่ไม่ฟื้นเสียที น่าจะเป็นเพราะยาที่อยู่จากชามข้าวต้มเมื่อคืนวานในห้องขังที่ใส่มากเกินไป ฤทธิ์ยายังไม่หมดไป จึงบอกกับพนักงานว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ขอแค่พวกเข้าไม่ตัวร้อนขึ้นก็ไม่เป็นอะไร เย็นนี้น่าจะฟื้นขึ้นมาได้”


 


 


พนักงานได้ยินดังนั้นก็สบายใจ ร้านยาเต๋อเหรินไม่เคยรับผู้ป่วยที่บาดเจ็บหนักเช่นนี้มาก่อน เถ้าแก่กำชับพวกเขาแต่เพียงว่าดูแลให้ดีเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นไม่ได้พูดอะไรอีก ตลอดทั้งยามเช้าในวันนี้ไม่เห็นลืมตาฟื้นขึ้นสักคน พวกเขาที่รับผิดชอบดูแลทุกคนก็รู้สึกไม่มีความมั่นใจนัก ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ก็รู้สึกราวกับว่าได้กินยาที่ทำให้ใจสงบขึ้น ความกังวลที่เกิดขึ้นในใจก็พลันหายไป


 


 


ทุกคนคงไม่ฟื้นขึ้นมาในช่วงนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวถามพนักงานว่า “เถ้าแก่ของพวกเจ้าอยู่ไหม?”


 


 


“หลังจากที่กินมื้อเที่ยงเสร็จแล้วเถ้าแก่ก็เข้ามาดูสักครู่ เวลานี้น่าจะอยู่ที่ชั้นบนขอรับ” พนักงานตอบ


 


 


“ข้าจะขึ้นชั้นบนไปหาเถ้าแก่ของพวกเจ้า ถ้าพวกเขาฟื้นแล้วเจ้าก็มาเรียกข้าด้วยนะ” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว


 


 


พนักงานตอบรับ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกับหวงฝู่อี้เซวียนเดินขึ้นมาถึงชั้นบน


 


 


เหวินซื่อฟุบหน้างีบหลับบนโต๊ะ พอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาก็เงยหน้าขึ้นมองดูที่ประตูอย่างสะลึมสะลือ พอเห็นว่าเป็นสองคนนั้นก็ทักทายอย่างไร้ชีวิตชีวา “พวกเจ้ามากันแล้วหรือ?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว “ถ้าเจ้าง่วงก็ลงไปนอนในห้องข้างล่างสักครู่ ฟุบกับโต๊ะเช่นนี้จะคลายความเมื่อยล้าได้หรือ?”


 


 


เหวินซื่อบีบนวดหัวตา “ตอนเช้าคนไข้มากันเยอะมาก พนักงานก็ต้องช่วยดูแลพวกเขาอีก ข้าก็เลยต้องช่วยอบู่ข้างล่างสักพัก พอกินมื้อเที่ยงเสร็จก็คิดว่าพวกเจ้าจะมาจึง รอพวกเจ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปพักผ่อน ใครจะรู้ว่ารอตั้งนานพวกเจ้าก็ยังไม่มา ข้าง่วงก็เลยฟุบหน้างีบหลับอยู่บนโต๊ะเช่นนี้”


 


 


“ข้ากับอี้เซวียนตื่นขึ้นมาก็เลยยามเที่ยงแล้ว กินข้าวเสร็จก็ต้องไปคุยกับพระชายาอีกสักพัก จึงมาช้าเช่นนี้” เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบาย แล้วพูดขึ้นต่อว่า “คืนวานเจ้าก็ไม่ได้นอน ไปนอนในห้องที่เรือนด้านหลังสักครู่เถอะ ถ้ามีเรื่องใหญ่อะไรจะให้พนักงานของเจ้าไปเรียก พวกเราจะอยู่ที่นี่รอให้พวกกัวเฟยตื่น ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็จะกลับ”


 


 


คุยกันสักเหวินซื่อก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง สั่นศีรษะ “ไม่ไปแล้ว อีกสักหนึ่งชั่วยามก็ได้เวลาปิดร้าน ไว้คืนนี้ค่อยกลับไปนอนที่บ้านให้สบาย” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปที่อ่างทองแดง แล้วก็ใช้น้ำในนั้นล้างหน้าล้างตา ให้ตัวเองสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกับหวงฝู่อี้เซวียนนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างๆ


 


 


เหวินซื่อเปิดประตู บอกให้พนักงานชงชาเข้ามากาหนึ่ง


 


 


ไม่นานพนักงานก็ชงชาเสร็จแล้วก็ส่งเข้ามา เอาวางไว้ให้แล้วจึงถอยออกไปอย่างนอบน้อม


 


 


เหวินซื่อยกน้ำชาขึ้นดื่มแล้วถามขึ้นว่า “พรุ่งนี้เวลาเดิมพวกเรายังต้องไปสกัดเฮ่อเหลี่ยนอีกไหม?”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนสั่นศีรษะ “วันพรุ่งไม่ไปแล้ว รอวันมะรืนค่อยไปอีก”


 


 


เหวินซื่อไม่เข้าใจ “ทำไมหรือ เจ้าเด็กคนนี้บอกว่าวันพรุ่งก็จะไปไม่ใช่หรือ?”


 


 


“เมิ่งเชี่ยนโยวจงใจพูดให้เฮ่อเหลี่ยนเข้าใจเช่นนั้น วันนี้เฮ่อเหลี่ยนบาดเจ็บไม่น้อย คิดว่าวันพรุ่งคงจะลุกไม่ไหว พวกเราไปก็เสียเวลาเปล่าๆ”


 


 


เหวินซื่อยังไม่เข้าใจ “วันมะรืนก็ไม่เหมือนกันหรือ ข้าเห็นสภาพของเฮ่อเหลี่ยนคิดว่าวันมะรืนก็ไม่แน่ว่าจะลุกไหวไหม”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนอธิบายให้เขาเข้าใจ “ราชสำนักกำหนดไว้ว่าถ้าขุนนางไม่มาลงชื่อเกินสามวันจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งขุนนาง เดิมทีตัวของเฮ่อเหลี่ยนไม่มีความสามารถอะไร อาศัยบารมีของเสนาบดีช่วยเหลือกว่าจะได้เป็นขุนนาง จึงไม่ยอมละทิ้งไปง่ายๆ แน่นอน มะรืนเป็นวันสุดท้ายที่กำหนดไว้ เขาไม่มีทางที่จะไม่ไปลงชื่อ”


 


 


เหวินซื่อเข้าใจทันที “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าก็นอนตื่นสายอยู่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องตื่นมาแต่เช้า”


 


 


เขาพูดจบเมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดขึ้นทันทีว่า “เจ้าไม่ต้องตื่นเช้าทุกวันก็ได้”


 


 


“นั่นไม่ได้หรอก” เหวินซื่อได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า “เรื่องที่สนุกเช่นนี้ข้าจะพลาดได้อย่างไร เห็นสภาพน่าสมเพชของเฮ่อเหลี่ยนแล้วก็รู้สึกสะใจชะมัด”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพลางส่ายหน้า


 


 


แล้วก็เป็นดั่งที่เมิ่งเชี่ยนโยวว่าไว้ ตกเย็นพวกกัวเฟยก็ค่อยๆ ทยอยตื่นขึ้น พนักงานรีบวิ่งมารายงานทันที


 


 


ทั้งสามคนรีบร้อนลงไปชั้นล่าง ลงมาถึงห้องรักษา พอพวกกัวเฟยเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวปลอดภัยก็พากันโล่งอก พูดขึ้นอย่างอ่อนแรงด้วยความหวาดผวาต่อเหตุการณ์นั้นอยู่ว่า “แม่นาง ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก กล่าวว่า “ตอนนี้พวกเจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”


 


 


“เจ็บปวดไปทั้งตัวเลยขอรับ แต่ยังดีที่กระดูกไม่เป็นอะไร” กัวเฟยตอบ


 


 


“นั่นเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดแล้ว โชคดีที่อี้เซวียนช่วยพวกเราออกมาได้ ไม่เช่นนั้นหากรอให้เฮ่อเหลี่ยนมา ถึงจะฝืนรักษาชีวิตพวกเจ้าเอาไว้ได้ แต่คิดว่าเขาคงคิดหาวิธีทำลายวรยุทธ์ของพวกเจ้าไป”


 


 


“ขอบคุณนายท่านขอรับ” กัวเฟยกล่าวขอบคุณหวงฝู่อี้เซวียน


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวเบาๆ ว่า “อืม” แล้วกำชับพวกเขาว่า “รักษาตัวให้ดีไม่ต้องเป็นกังวลสิ่งใด ข้าได้ส่งคนอื่นมาดูแลโยวเอ๋อร์แล้ว พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”


 


 


ทุกคนตอบรับอย่างอ่อนแรง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)