ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 276-277

ตอนที่ 276 ความขัดแย้ง

 

ท่าทีมีมาดของหวงฝู่ซวิ่นกลับมาแล้ว นั่งตัวตรงอยู่บนเตียง ออกคำสั่งด้วยเสียงเข้ม “เข้ามา”


 


 


ขันทีผู้ดูแลเดินเข้ามา พูดด้วยความเคารพว่า “ไท่จื่อ ซื่อจื่อ ข้าเพิ่งจะสั่งคนไปสืบความ เรื่องของคุณชายทั้งสองในวันนี้มีคนยุยงส่งเสริมอยู่เบื้องหลังจริงๆ ขอรับ คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนขององค์ชายรอง เล่ากันว่าองค์ชายรองไม่อยากไปเจียงหนานแทนไท่จื่อ ทุกข์ใจมาตลอด ถึงได้ใช้โอกาสให้คนไปรังแกคุณชายทั้งสอง”


 


 


หวงฝู่ซวิ่นยิ้มอย่างเยือกเย็น “ดูท่าแล้วเหล่าน้องชายของข้าเป็นตัววุ่นวายสร้างเรื่อง แข่งกันสร้างปัญหา”


 


 


ในห้องไม่มีใครพูด


 


 


หวงฝู่ซวิ่นโบกมือ ขันทีผู้ดูแลถอยออกไป


 


 


มองหวงฝู่อี้เซวียน หวงฝู่ซวิ่นถามว่า “เจ้ามีความคิดอย่างไร”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่วางแผนร้าย “หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง ในเมื่อพวกเขากล้าหาเรื่อง พวกเราจะไม่เล่นด้วยก็ไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ ไม่กี่วันนี้เจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ไม่ว่าพวกเขาจะออกไปเผชิญกับความหายนะที่ร้ายแรงอะไร เจ้าเพียงเก็บกวาดในภายหลังก็พอ”


 


 


หวงฝู่ซวิ่นคุ้นเคยกับเขามาก ขอเพียงหวงฝู่อี้เซวียนเผยรอยยิ้มแบบนี้ออกมา เช่นนั้นก็รับรองเลยว่าต้องมีคนซวยครั้งใหญ่แล้ว เปิดปากพูดว่า “เจ้าบอกข้ามาก่อน หนามยอกต้องเอาหนามบ่งอย่างไร ข้ารู้ดีว่าต้องทำอย่างไร จะได้ไม่ต้องรอให้เกิดเรื่องก่อน ข้าตั้งตัวรับไม่ทัน ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร”


 


 


“ชิงเอ๋อร์ถูกตีจนหัวแตก”


 


 


เพียงแค่ประโยคนี้ หวงฝู่ซวิ่นก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ตาโตขึ้นมา ถามยืนยันอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าหมายความว่าให้น้องชายทั้งสองของเจ้าจัดการพวกคนไม่มีอนาคตพวกนั้นทั้งหมดให้เลือดตกยางออก”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ยอมรับและก็ไม่ได้ปฏิเสธ


 


 


หวงฝู่ซวิ่นด่าเปิงทันที “เจ้าคนใจดำ แล้วยังจะมาคิดบัญชีกับข้า คนในกั๋วจื่อเจี้ยนเป็นใครกัน เจ้าก็รู้ดีไม่ใช่รึ แล้วจะให้ข้าเก็บกวาด เจ้าฝันไปเถอะ ข้าไม่ไปๆ!”


 


 


“ในอนาคตคนที่จะครองใต้หล้านี้คือเจ้า เจ้าแน่ใจรึว่าจะไม่ออกหน้าตอนนี้ เพื่อที่ตัวเองจะได้ดึงคนที่มีความสามารถมาเป็นพวกบ้าง” หวงฝู่อี้เซวียนถามเบาๆ


 


 


“อย่าเอาเหตุผลแบบนี้มาโน้มน้าวข้า รู้จักกันมาตั้งหลายปี ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นอย่างไรรึ เจ้าต้องการให้ข้าเป็นแพะรับบาปแทนเจ้า เจ้าก็เป็นคนดีต่อหน้าเสด็จพ่อ จะบอกเจ้าให้ว่านี่เป็นเรื่องของเจ้าเอง ข้าไม่เกี่ยว การไปเจียงหนานครั้งนี้ ข้าไม่ได้ไป เสด็จพ่อก็ไม่พอใจข้าแล้ว ถ้าหากข้าออกหน้าเก็บกวาด ข้าก็จะถูกเสด็จพ่อด่ายับแน่นอน”


 


 


“แล้ว?” หวงฝู่อี้เซวียนก็ถามเขาเบาๆ อีก


 


 


“แล้วอะไร ไม่มีคำว่าแล้ว เจ้าฟังคำข้าไม่เข้าใจรึ ก็คือข้าไม่ไป ไม่สนใจ ไม่ถาม เจ้าล้มเลิกความคิดเสียเถอะ” น้ำเสียงของหวงฝู่ซวิ่นมีความหมดสิ้นเรี่ยวแรง


 


 


เงยหน้าจ้องมองเขา เห็นเพียงความขลาดกลัวของหวงฝู่ซวิ่น หลบสายตา หวงฝู่อี้เซวียนลุกยืนขึ้น เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ


 


 


หวงฝู่อวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ตลอด เพิ่งจะทำความเคารพบอกลาไท่จื่อ


 


 


เสียงที่โมโหของหวงฝู่ซวิ่นดังขึ้นอีกครั้ง “นี่มันพฤติกรรมอะไรของเจ้า รีบกลับมาเดี๋ยวนี้นะ”


 


 


คำที่หวงฝู่ซวิ่นจะพูดติดอยู่ที่ปาก จะพูดก็ไม่ได้ ไม่พูดก็ไม่ได้


 


 


หวงฝู่ซวิ่นไม่ได้สนใจท่าทางของเขา ยังคงตะโกนอยู่ด้านหลังหวงฝู่อี้เซวียน “ถ้าวันนี้เจ้ายังกล้าเดินออกจากตงกงแบบนี้ เจ้าก็คอยดูสิว่าข้าจะสั่งคนให้ไล่น้องชายทั้งสองคนของเจ้าออกจากกั๋วจื่อเจี้ยน”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนหยุดลง


 


 


หวงฝู่ซวิ่นคิดว่าการข่มขู่ของตนเองได้ผลอย่างที่คิด ดีใจมาก เพิ่งจะอ้าปากพูด เสียงที่เงียบสงบของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดังขึ้นมาก่อน “วันนี้เจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์ต่างคนต่างได้ที่หนึ่งของวิชาบุ๋นและวิชาบู๊ ถึงได้นำมาซึ่งหายนะในครั้งนี้ เจ้าคิดว่าถ้าหากว่าข้าแนะนำพวกเขาให้เสด็จลุง เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเขาก็จะมีอำนาจบาตรใหญ่ในกั๋วจื่อเจี้ยนแล้วใช่หรือไม่”


 


 


หวงฝู่ซวิ่นโดนตอกหน้าหงาย เขาไม่คิดว่าเด็กจากชนบทสองคนนั้นจะมีความสามารถมากขนาดนี้จริงๆ ต้องรู้ว่าลูกหลานในกั๋วจื่อเจี้ยนไม่ได้ร่ำรวยกันหมด ก็มีบางส่วนที่มีความสามารถจริงๆ มีบางคนถูกที่บ้านอบรมสั่งสอนตั้งแต่เด็ก ความรู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกของฮ่องเต้ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากอาจารย์ของฮ่องเต้เลย และในตอนแรกที่หวงฝู่อี้เซวียนแนะนำเด็กสองคนนี้ เขาไม่ได้ใส่ใจอะไร เพียงแค่ไว้หน้าหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวก็เท่านั้น ดังนั้นเขาไม่ได้ส่งคนไปดูแลพวกเขาทั้งสองเป็นพิเศษ และก็ไม่ได้ส่งคนไปถามเรื่องของพวกเขาเหมือนกัน พูดตามตรง ถ้าวันนี้หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้มาหา เขาก็ลืมทั้งสองคนไปแล้ว


 


 


ตอนนี้ได้ฟังที่หวงฝู่อี้เซวียนพูด เขาตกใจไม่น้อย เด็กทั้งสองเข้ากั๋วจื่อเจี้ยนได้ไม่เท่าไหร่ คิดไม่ถึงว่าจะได้ที่หนึ่งในวิชาบุ๋นบู๊ ต่อไปต้องเป็นคนที่มีความสามารถที่ใช้การได้แน่นอน ถ้าหากว่าตัวเองมัดใจพวกเขาได้ หลังจากนี้ไม่กี่ปี พวกเขาก็สามารถช่วยตนเองได้ คิดถึงตรงนี้ เปลี่ยนน้ำเสียงถาม “ที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือ พวกเขาได้ที่หนึ่งจริงๆ หรือ”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนมองเขาด้วยสายตาที่บอกว่าเขาคือคนโง่


 


 


หวงฝู่ซวิ่นเข้าใจแล้ว ถูกตอกหน้าหงายอีกครั้ง


 


 


หวงฝู่อวี้ตกใจจนพูดไม่ออก เพียงแต่ยืนอึ้งอยู่กับที่ มองหวงฝู่อี้เซวียน แล้วหันไปมองหวงฝู่ซวิ่น แล้วก็หันมามองหวงฝู่อี้เซวียน……


 


 


หวงฝู่ซวิ่นเปิดปากถาม “รู้ไหมว่าใครทำ”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนหันตัวกลับมาอย่างช้าๆ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างช้าๆ พูดตอบกลับอย่างช้าๆ “ไม่ว่าเป็นใคร กล้ามารังแกพวกเขา ก็ต้องชดใช้ แต่ว่าข้าและโยวเอ๋อร์จะไม่ลงมือ ให้พวกเขาทั้งสองจัดการเอง ไม่ว่าพวกเขาจะโดนทำร้ายจนเละ หรือว่าทำร้ายคนอื่นจนเละ พวกเราจะไม่ยุ่ง”


 


 


“พวกเขาทั้งสองคนเป็นคนตระกูลเมิ่งใช่ไหม คงไม่เหมือนกับเจ้าที่ตระกูลเมิ่งเก็บมาหรอกนะ” หวงฝู่ซวิ่นขมวดคิ้วถาม


 


 


เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าถ้าทั้งสองคนนี้เป็นน้องชายแท้ๆ ของเมิ่งเชี่ยนโยว นางทำใจปล่อยให้พวกเขาทั้งสองคนไปจัดการคนเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร ต้องรู้ว่าเสือที่เก่งยังสู้ฝูงหมาป่าไม่ไหวเลย เด็กอายุสิบเอ็ดสิบสองสองคน จะสามารถเอาชนะคนเยอะขนาดนั้นได้หรือ เห็นกันชัดๆ อยู่ว่าเสียเปรียบ


 


 


“เจี๋ยเอ๋อเป็นน้องชายแท้ๆ ที่เกิดจากแม่เดียวกันกับโยวเอ๋อร์ ชิงเอ๋อร์เป็นลูกของอาสี่ของนาง แต่ว่าก็เกือบจะโตมาในสายตาโยวเอ๋อร์ ไม่ต่างกับน้องชายแท้ๆ ของนาง” หวงฝู่อี้เซวียนพูด


 


 


หวงฝู่ซวิ่นไม่ค่อยเข้าใจ พูดว่า “ได้ยินว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องและครอบครัวนางดีมากๆ เช่นนั้นนางทำใจปล่อยให้น้องชายของนางสองคนไปต่อสู้กับคนเยอะๆ แบบนั้นได้อย่างไร ต้องรู้ว่าพวกคนกลุ่มนี้ในกั๋วจื่อเจี้ยนไม่มีทางเล่นงานเบาๆ”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มเล็กน้อย “เพราะว่าโยวเอ๋อร์เชื่อว่าพวกเขาสองคนไม่มีทางเสียเปรียบมาก ที่วันนี้เสียเปรียบ ก็เพราะว่าไม่มีความมั่นใจ ไม่กล้าลงมือหนักเกินไป ตอนนี้มีข้าและโยวเอ๋อร์หนุนหลัง เจ้ารอดูเถอะ ผลลัพธ์จะทำให้เจ้าตะลึงมากแน่ๆ”


 


 


หวงฝู่ซวิ่นในใจมีข้อสงสัย พยักหน้า “ได้ ข้าตกลงจะช่วยจัดการกับเรื่องที่จะตามมาที่หลัง เพียงแต่ข้าพูดไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าหากพวกเขาไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่เจ้าพูด ครั้งหน้ามีเรื่องอีก ข้าไม่เพียงแต่จะไม่สนใจ ต่อไปข้าก็จะไม่ส่งคนไปดูแลพวกเขาด้วย”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า ไม่พูดถึงหัวข้อนี้อีก แต่ชี้ไปที่หวงฝู่อวี้ “ต่อไปงานข้างนอกจวนก็ส่งต่อให้อวี้เอ๋อร์ดูแลแล้ว ถึงเวลาคนของเจ้าจะได้เดินสะดวก”


 


 


หวงฝู่ซวิ่นนิ่งไปครู่หนึ่ง อ้าปากจะพูดอะไรหน่อย แต่หลังจากมองหวงฝู่อวี้ ก็ไม่อยากพูดอะไร ยิ้มแล้วก็พูดว่า “ยินดีด้วยนะน้องอวี้”


 


 


หวงฝู่อวี้รีบประสานมือขอบคุณ


 


 


หลังจากคุยกันเสร็จ หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่ได้ทำความเคารพ ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป


 


 


หลังจากที่หวงฝู่อวี้ตกใจอีกครั้ง รีบทำความเคารพและตามออกไป


 


 


มองดูพวกเข้าทั้งสองจากด้านหลัง หวงฝู่ซวิ่นมีความรู้สึกที่พูดไม่ออก ตัวเองเกิดเป็นเชื้อพระวงศ์ เติบโตในราชสำนัก ตั้งแต่เด็กเสด็จแม่ก็คอยกระซิบกระซาบสั่งสอนอยู่ข้างหู เขาคือไท่จื่อ เป็นฮ่องเต้ในอนาคต เป็นตำแหน่งที่เหล่าลูกฮ่องเต้แย่งชิงอยากจะได้ นอกจากเสด็จพ่อและตัวเขาเอง เขาไม่สามารถเชื่อใครได้ เขาจำและทำตามแล้ว แต่ว่าก็กลายเป็นผู้โดดเดี่ยวเดียวดายคนหนึ่ง จนหวงฝู่อี้เซวียนปรากฏตัวขึ้น เหมือนกับเขาได้เจอกับของเล่นอย่างไรอย่างนั้น แหย่เขา ทำให้เขาโกรธ ชกต่อยกับเขา และเถียงกับเขา เหมือนว่าได้เข้าใจถึงความเป็นครอบครัวและความสนุกสนานของความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องขึ้นมานิดหนึ่ง แต่เห็นภาพที่สองคน คนหนึ่งอยู่หน้า คนหนึ่งอยู่หลังเดินออกไป คิดดูว่าหวงฝู่อี้เซวียนยกทรัพย์สินให้หวงฝู่อวี้ดูแลโดยที่ไม่แย่งกัน เขาถึงได้เข้าใจว่านี่ถึงจะเรียกว่าพี่น้องแท้ๆ คือคนที่จะคอยประคองกันไปตลอดชีวิต


 


 


ออกจากตงกง ทั้งสองคนรีบขึ้นรถม้า คนขี่รถม้าควบม้ากลับหนานเฉิง ระหว่างทาง หวงฝู่อวี้มองหวงฝู่อี้เซวียนไม่หยุด เหมือนกับว่ามีอะไรจะพูด


 


 


“ข้ารู้จักกับไท่จื่อตั้งแต่กลับมาปีนั้นแล้ว” เหมือนว่าเข้าใจความสงสัยของเขา หวงฝู่อี้เซวียนอธิบาย แล้วก็พูดกำชับตามหลังว่า “จำไว้ว่าเรื่องนี้ห้ามพูดให้คนนอกฟังเด็ดขาด”


 


 


“ทำไมล่ะขอรับ” หวงฝู่อวี้ถามเสียงเบาด้วยความไม่เข้าใจ “พี่และไท่จื่อรู้จักกันเป็นเรื่องดี ทำไมถึงห้ามไม่ให้คนนอกรู้ล่ะ”


 


 


มองเขา แล้วเลิกมอง “นี่ไม่ใช่คำถามที่เจ้าควรถาม เจ้าแค่ต้องจำไว้ว่าห้ามพูดเรื่องนี้ออกไปก็พอแล้ว”


 


 


หวงฝู่อวี้ไม่ได้ถามต่อ รีบพยักหน้าทันที “ทราบแล้วขอรับ พี่ใหญ่”


 


 


ทั้งสองมาถึงหนานเฉิง ฟ้ามืดหมดแล้ว ข้าวเย็นก็ทำเสร็จแล้ว เมิ่งชื่อลงครัวทำอาหารที่คนในบ้านชอบกินด้วยตัวเอง


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้พูดอะไร หวงฝู่อวี้ก็หน้าด้านอยู่กินข้าวเย็นด้วยเป็นปกติ


 


 


หนานเฉิงห่างจากจวนอ๋องฉีไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ว่าฟ้ามืดแล้ว เมิ่งชื่อกลัวว่าระหว่างทางพวกเขาจะเกิดเรื่อง แล้วก็กลัวว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไปกลับจนเหนื่อย ก็เลยให้พวกเขาพักที่นี่


 


 


อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชียนโยวไม่ได้มีความเห็นต่าง ยินยอมค้างคืน สั่งให้หวงฝู่อวี้ กลับจวน “เจ้าบอกกับเสด็จแม่หน่อยว่าข้าและโยวเอ๋อร์ค่อยกลับไปพรุ่งนี้”


 


 


หวงฝู่อวี้ที่กินข้าวฟรีจนอิ่มพยักหน้าตอบรับ หลังจากที่บอกลากับคนตระกูลเมิ่ง นั่งรถม้ากลับจวนอ๋องฉีอย่างดีใจ


 


 


ทุกวันหลังอาหาร เดินเล่นที่ลานบ้านเป็นเพื่อนเมิ่งเชี่ยนโยวจนชินแล้ว วันนี้ทั้งสองคนก็ไม่งดเว้น อยู่คุยกับเมิ่งชื่อทั้งวัน หลังจากนั้นหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็ออกมาจากห้องเมิ่งชื่อ มาเดินเล่นอยู่ลานบ้านด้านนอก


 


 


อาการแพ้ท้องไม่กี่วันมานี้ไม่ได้ร้ายแรงอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้น ก็เป็นธรรมดาที่อารมณ์ของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดีตามไปด้วย ทั้งสองจูงมือกัน เดินเล่นอยู่ที่ลานบ้านแบบไม่รีบไม่ร้อน หลังจากที่เดินไปหลายรอบ ก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันแว่วๆ


 


 


ตอนแรกทั้งสองไม่ได้สนใจ คิดว่าคนรับใช้ในจวนทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ว่าค่อยๆ เสียงของการโต้เถียงกันนั้นยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ และเสียงนั้นก็เป็นเสียงที่ทั้งสองคุ้นเคยดี


 


 


ผู้หญิงถาม “เจ้าพูดสิ เจ้าจะไปสู่ขอกับนายท่านตอนไหน”


 


 


ผู้ชายไม่ได้ตอบ


 


 


เหมือนว่าผู้หญิงร้อนใจมาก พูดข่มขู่ว่า “ข้าจะบอกเจ้าให้ ถ้าหากเจ้ายังปฏิเสธข้าด้วยข้ออ้างต่างๆ นาๆ อีก ข้าก็จะไปฟ้องนายหญิงว่าเจ้าได้ข้าแล้วก็ทิ้ง ไม่รับผิดชอบข้า”


 


 


นี่เป็นเสียงของจูหลี เมิ่งเชี่ยนโยวตาโต มองหวงฝู่อี้เซวียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนก็ตกใจมาก ส่ายหัวไปมากับนาง บอกเป็นนัยว่าอย่าพูด ให้ฟังต่อไป


 


 


ครู่ใหญ่ๆ เสียงผู้ชายที่กลัดกลุ้มใจก็ดังขึ้นมา “ตอนนี้ข้าเป็นแบบนี้ ไม่คู่ควรกับเจ้า เจ้าทำไมจะต้องดื้อกับข้าอีก”


 


 


คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเสียงของกัวเฟย เมิ่งเชี่ยนโยวตาโตเข้าไปอีก เกือบจะพลั้งปากตะโกนออกมา


 


 


เสียงโกรธแค้นของจูหลีดังขึ้น “ข้าดื้อรั้น ใครกันที่ทำให้เกิดเรื่องในตอนแรก ใครกันที่หน้าด้านไร้ยางอายจะมาคบหา ตอนนี้บอกไม่คู่ควรกับข้า สายไปแล้ว ข้ามีสองทางเลือกให้เจ้า ทางเลือกที่หนึ่งเจ้าไปบอกกับนายหญิงเอง อีกทางเลือกหนึ่งข้ารายงานนายหญิง ให้นายออกคำสั่ง เจ้าเลือกสักทางเถอะ”


 


 


กัวเฟยลุกลี้ลุกลน “จูหลี เจ้าฟังข้า ตอนนี้นายหญิงท้องอยู่ ห้ามให้นางคิดมากเรื่องของเราอีกเด็ดขาด”


 


 


“หาข้ออ้างอีกแล้ว เจ้าเผชิญหน้ากับใจตัวเองอย่างซื่อสัตย์ไม่ได้เลยหรือ” จูหลีพูดด้วยความโกรธนิดหนึ่ง


 


 


กัวเฟยถอนหายใจ “จูหลี เจ้าเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง ตอนนั้นข้าเข้าหาเจ้า ก็เพราะข้าคิดว่าตัวเองคู่ควรกับเจ้า แต่ว่าเจ้าดูข้าตอนนี้ แขนขาดไปข้างหนึ่ง เกือบจะเป็นเพียงคนพิการคนหนึ่ง โชคดีที่นายหญิงมีเมตตา ยังเก็บข้าไว้ แต่ชีวิตของข้าก็เป็นได้แค่คนขี่รถม้าแล้ว ทำไมเจ้าจะต้องมารับความทุกข์ยากกับข้าด้วยล่ะ”


 


 


เสียงของจูหลีดังขึ้นมานิดหนึ่ง “ข้าเคยบอกเจ้ากี่รอบแล้ว ข้าไม่สนใจ ข้ามองที่ตัวตนของเจ้า ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าใจนะ”

 

 

 


ตอนที่ 277 คุณหนูฮั่วขอพบ

 

 


 


เสียงถอนหายใจของกัวเฟยหนักขึ้น “ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจทั้งหมด แต่ว่าข้าไม่ควรทำให้เจ้าเดือดร้อน เจ้าตามนายหญิงไปจวนอ๋องเถอะ จากนั้นเจ้าก็คือคนที่นายหญิงไว้ใจที่สุด รอนายหญิงใจเย็นลง จะจัดงานแต่งงานให้เจ้าอย่างดีแน่นอน ส่วนข้า ก็คงทำได้แค่นี้ ทำหน้าที่เป็นคนขับรถม้าที่ดี ดูแลคนในครอบครัวแทนนายหญิงอย่างดี ช่องว่างระหว่างพวกเราก็ยิ่งห่างขึ้นเรื่อยๆ ข้าไม่ควรทำให้เจ้าล่าช้ามากไปกว่านี้”


 


 


“พูดง่ายๆ เจ้าก็คือคนขี้ขลาด เป็นคนขี้ขลาด ไม่ใช่ว่าเจ้ากลัวทำให้ข้าเดือดร้อนหรอก เจ้าก็แค่กำลังหนี เจ้าคิดไปเองว่าเช่นนี้ดีสำหรับข้า ที่จริงแล้วเจ้ารับไม่ได้ว่าตัวเองขาดผู้ช่วยไป ความจริงเจ้ากำลังหนีจากการกระทำที่ขี้ขลาดก็แค่นั้นแล่ะ” จูหลีตะโกนด้วยความโกรธ


 


 


ดูเหมือนกัวเฟยจะตกใจ รีบกระซิบขอร้องนาง “เจ้าเบาเสียงหน่อย อย่าให้ใครได้ยิน จะได้ไม่ถูกเข้าใจผิด”


 


 


เสียงของจูหลีคมชัดขึ้น “เข้าใจผิดหรือ เจ้าพูดว่าเรื่องระหว่างพวกเราเป็นเรื่องเข้าใจผิดเช่นนั้นหรือ”


 


 


กัวเฟยรีบอธิบาย “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เจ้าฟังข้าก่อน…..”


 


 


เสียงของทั้งสองคนเบาลง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปทางหวงฝู่อี้เซวียน นัยน์ตาเปล่งประกายเปี่ยมล้นไปด้วยความอยากกลั่นแกล้ง


 


 


ลูบผมของนางด้วยความรัก หวงฝู่อี้เซวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “อย่าทำเกินไปหน่อยเลย เมื่อถึงเวลานั้นแล้วจะทำให้คู่ของพวกเขาแตกกันขึ้นมาจริงๆ นะ”


 


 


“นั่นก็เป็นเพราะความรู้สึกของพวกเขาไม่หนักแน่น โทษข้าไม่ได้” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มและส่ายหัว จูงมือนางกลับเข้าไปในห้องของเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


ทันทีที่เข้าห้อง เมิ่งเชี่ยนโยวก็โผลเข้าสู่อ้อมกอดของเขาอย่างดีใจ ยื่นมือทั้งสองข้างไปกอดคอของเขา “คิดไม่ถึงจริงๆ จูหลีกับกัวเฟยจะชอบพอกันอยู่ และทำไมข้าถึงไม่รู้สึกเลยนะ”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนถูกการกระทำของนางทำให้ตกใจ รีบกอดนาง ยื่นมือขวาไปเขี่ยที่จมูกของนาง “เจ้าน่ะ ทั้งที่จะเป็นแม่คนแล้ว ทำไมเหมือนจิตใจกลายเป็นเด็กไปได้ เรื่องแบบนี้ก็คุ้มค่าที่ทำให้เจ้าตื่นเต้นจนเป็นแบบนี้งั้นหรือ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว จูหลีและชิงหลวนฝ่าอันตรายมากับข้า เป็นพี่น้องของข้า ตอนนี้ข้าได้ดีแล้ว แน่นอนข้าก็หวังให้พวกเขามีความสุขเช่นกัน”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนจูบที่หน้าผากของนางด้วยความรัก “เจ้าน่ะ เจ้าไม่รู้หรือว่าทหารไม่อนุญาตให้มีความรู้สึกต่อกัน การกระทำแบบนี้ของจูหลีจะถูกลงโทษได้”


 


 


“ตั้งแต่ตอนนั้นที่พระชายาพาพวกนางมาส่งให้กับข้า พวกนางก็ไม่ใช่ทหารอีกต่อไป แต่กลายเป็นคนรับใช้ของข้า แน่นอนว่าคนรับใช้ก็สามารถแต่งงานได้ อีกอย่าง พวกนางก็เป็นคนของข้า ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับข้า”


 


 


“ดีๆ เจ้าเป็นใหญ่ เช่นนั้นเจ้าวางแผนจะจัดการกับคู่นี้อย่างไรล่ะ”


 


 


นัยน์ตาของเมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งประกายไปด้วยแสงของความตื่นเต้น เข้าใกล้หูของเขา กระซิบแผนการของตัวเองออกมา


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนมองนางด้วยความตะลึง สักพักถึงจะขำออกมา “เจ้าน่ะ ซนขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ นะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวขำและไม่พูด


 


 


คืนหนึ่งผ่านไป


 


 


วันที่สองเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เหมือนปกติ ตื่นเช้ามาก็ให้ชิงหลวนดูแล และตะโกนเรียกจูหลีให้เข้ามา ดูท่าทางของนางแล้ว


 


 


เห็นนางเหมือนเดิมทุกอย่าง เหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องเมื่อคืนนี้เลยสักนิด


 


 


ภายในใจของจูหลีถึงแม้ว่าจะสับสน เหตุใดเมิ่งเชี่ยนโยวเรียกตนเข้ามาดูแลนาง แต่ก็นำเสื้อผ้าที่นางจะใส่มาจัดเตรียมไว้ตามหน้าที่ หลังจากนั้นก็ออกไปตักน้ำ


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนไปห้องครัว คาดว่านางใกล้จะตื่นแล้ว เพิ่งจะกลับมา เห็นจูหลีออกไปจากห้องพอดี ยิ้มและส่ายหัว เดินเข้าไปในห้องถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ท่านแม่ทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว ให้ยกมาให้เจ้า หรือว่าจะไปกินกับพวกนางดี”


 


 


ไม่ง่ายเลยที่จะได้กลับบ้าน ต้องไปกินข้าวกับครอบครัวแน่นอน เมิ่งเชี่ยนโยวแต่งตัวอย่างรวดเร็ว และจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ตามหวงฝู่อี้เซวียนมาถึงห้องรับประทานอาหาร


 


 


ทุกคนมาถึงแล้ว รอเพียงแต่นาง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งตรงที่นั่งด้วยความรู้สึกเกรงใจ


 


 


นางนางเมิ่งซื่อตักข้าวต้มหนึ่งชามด้วยตัวเอง วางไว้ตรงหน้าของนาง “นี่คือข้าวต้มที่แม่ต้มเองกับมือ เจ้ากินเยอะๆหน่อยล่ะ”


 


 


“ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา และก้มหน้ากิน


 


 


นางเมิ่งซื่อมองดูนางด้วยความดีใจสักพัก ถึงเริ่มกินข้าวของตัวเอง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวแอบเป่าปากโล่งอก ลดความเร็วในการกินข้าวลงนิดหน่อย


 


 


กินข้าวเสร็จ เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงเข้าไปพบเมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเจี๋ยพูดว่า ”ท่านพี่ ข้ากับชิงเอ๋อร์ปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว วันนี้จะไปท้าทายพวกเขา ถ้าพวกเขาชนะ พวกข้าจะลาออกจากกั๋วจื่อเจี้ยน แต่ถ้าพวกเขาแพ้ ต่อจากนี้ไปก็ไม่ต้องมายุ่งกับพวกข้าอีก”


 


 


สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวดูขรึมขึ้น มองตาของทั้งสองคน ถามว่า “นี่เป็นผลลัพธ์ที่พวกเจ้าปรึกษากันแล้วหรือ”


 


 


ทั้งสองคนมองหน้ากัน พร้อมกับพยักหน้า


 


 


“พวกเจ้ามั่นใจว่าจะชนะหรือ”


 


 


ทั้งสองคนก็พยักหน้าอีก


 


 


“พวกเจ้ารู้ว่าอะไรคือทหารที่อวดเก่งจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนไหม”


 


 


ทั้งสองคนก็ยังพยักหน้า


 


 


“มีความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่ามั่นใจมากเกินไปจะเป็นการอวดดี ดั่งสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า พวกเจ้าคิดไปเองว่าเมื่อวานนี้ไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดจัดการกับพวกเขา แต่พวกเจ้าก็เข้าใจใช่หรือไม่ บางทีฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด สามารถเข้ากั๋วจื่อเจี้ยนได้ ไม่ใช่ว่าทั้งหมด พวกเจ้าดูถูกศัตรูแบบนี้ สุดท้ายฝ่ายที่เสียเปรียบก็คือตัวเอง” หน้าของทั้งสองคนแดง ไม่กล้าพูด


 


 


เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นอีก “ยังมีอีกหนึ่งปัญหาที่พวกเจ้าคิดไม่ถึง เข้ากั๋วจื่อเจี้ยนได้สำหรับพวกเราทุกคนแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาเลย พวกข้าราชการชั้นสูงจะส่งลูกหลานเข้ากั๋วจื่อเจี้ยน ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก พวกเจ้ากลับเข้าได้อย่างง่ายดาย ไม่คิดรักษาโอกาสแบบนี้เอาไว้หรือ นึกไม่ถึงว่าจะเอาเรื่องนี้มาเดิมพัน”


 


 


ทั้งสองคนก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอีก ดูพวกเขาอย่างเงียบๆ


 


 


สักพัก ทั้งสองคนถึงจะเงยหน้าขึ้น ยอมรับผิดพร้อมๆกัน “ท่านพี่ พวกข้าผิดไปแล้วขอรับ”


 


 


ท่าทางของเมิ่งเชี่ยนโยวผ่อนลง แล้วลูบหัวของทั้งสองคน “รู้ว่าผิดก็ดีแล้ว เมื่อพวกเจ้าโตแล้ว นอกจากต้องขยันเรียนรู้ความสามารถของตัวเองแล้ว ก็ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดหวัง แน่นอน ยอมรับความผิดหวัง ไม่ได้หมายถึงให้พวกเจ้าถูกกระทำ ในทางตรงกันข้าม มีคนมาแกล้งพวกเจ้า เหมือนแบบเมื่อวาน พวกเจ้าจะต้องโจมตีเขากลับอย่างรุนแรง จนถึงขั้นหลังจากนี้พวกเขาไม่กล้ากลับมาแกล้งพวกเจ้าอีก เพียงแต่ว่าการตอบโต้ครั้งนี้ต้องรอโอกาสที่เหมาะสม อาจจะเป็นหนึ่งวัน สิบวัน หรือหนึ่งปี ขึ้นอยู่กับเวลา ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายโต้กลับ ถ้าเป็นแบบที่พวกเจ้าพูดมาทั้งหมดเมื่อครู่ พวกเจ้าจะไปท้าทายพวกเขา ถ้าเกิดพวกเจ้าแพ้ จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ถ้าเกิดพวกเจ้าชนะ ทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ยับเยิน นั่นก็เป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยน เป็นการเหลือโอกาสให้อีกฝ่ายโต้กลับ


 


 


ทั้งสองคนพยักหน้าอย่างหนักแน่น พูดพร้อมๆ กัน “พวกเราทราบแล้วขอรับ ท่านพี่”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ไปเถอะ ไปเรียนที่กั๋วจื่อเจี้ยนทำเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้าเกิดว่ามีคนถาม ก็บอกไปว่าตอนเล่นที่บ้านไม่ระวังเลยหกล้ม ไม่ต้องเรียกร้อง แล้วก็ไม่ต้องไปบอกเรื่องจริงกับใคร”


 


 


พูดจบ ก็ถามอีกครั้ง “เข้าใจความหมายของพี่ไหม”


 


 


เมิ่งเจี๋ยเข้าใจความหมายของนางทันที พยักหน้า “เข้าใจแล้วขอรับ”


 


 


เมิ่งชิงกลับไม่เข้าใจ อ้าปากอยากจะถาม เมิ่งเจี๋ยดึงแขนเสื้อของเขา “ระหว่างทางข้าจะบอกเจ้าเอง


 


 


เมิ่งชิงไม่ถามต่อแล้ว พยักหน้า


 


 


นางเมิ่งซื่อยืนอยู่อีกฝั่ง อ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง พอนึกถึงคำพูดเมื่อวานของเมิ่งเชี่ยนโยว จากที่จะพูดก็ไม่พูดดีกว่า


 


 


กัวเฟยเตรียมรถม้าพร้อมแล้ว รออยู่ด้านนอก รอเมิ่งเจี๋ยกับเมิ่งชิงขึ้นรถ ขับรถม้าไปกั๋วจื่อเจี้ยน


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยว หวงฝู่อี้เซวียนและนางเมิ่งซื่อรวมทั้งคู่สามีภรรยาเมิ่งฉีจะส่งพวกเขาถึงหน้าประตู ดูรถม้าที่วิ่งห่างออกไป เมิ่งฉีพูด “ไม่ได้ไปนอกเมืองมากี่วันแล้ว วันนี้ข้าจะออกไปดูหน่อย”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้ออกไปนอกเมืองมาปีกว่าแล้ว ดังนั้นจึงคล้องแขนของนางเมิ่งซื่อ อ้อนวอน “ท่านแม่ ข้าก็อยากตามพี่รองไปดูนอกเมือง”


 


 


นางเมิ่งซื่อไม่ยอม “ไม่ได้ ตอนนี้ร่างกายของเจ้ากำลังอ่อนแอ ถนนไปนอกเมืองเป็นหลุมเป็นบ่อเกินไป ไปไม่ได้”


 


 


ตั้งแต่ตั้งครรภ์ ก็ติดอยู่แต่ในจวนอ๋อง เมิ่งเชี่ยนโยวอึดอัดใจมานานแล้ว จะปล่อยโอกาสดีๆ ขนาดนี้หลุดลอยไปได้อย่างไร ขอร้องอีกครั้ง ถึงจะพูดอย่างไรนางเมิ่งซื่อก็ไม่ยอม


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีหนทาง ขยิบตาให้หวงฝู่อี้เซวียน


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเริ่มพูด ช่วยขอร้อง “ท่านแม่ ข้าไปกับโยวเอ๋อร์ ท่านแม่วางใจเถิดขอรับ”


 


 


เมิ่งฉีก็ขอร้องตาม นางเมิ่งซื่อถึงจะพยักหน้ายอม “ก็ได้ ระหว่างทางต้องระวังด้วย ตอนเที่ยงกลับมาเร็วหน่อย ข้าจะทำอาหารรอพวกเจ้า”


 


 


ทุกคนตอบรับ แยกย้ายกันขึ้นรถม้า ไปทางเหนือของเมือง


 


 


เหวินเปียวขับรถม้าได้ราบรื่นมาก เหมือนว่าไม่มีหลุมหรือบ่อเลย เพียงแต่ใช้เวลามากกว่าในวันธรรมดานิดหน่อย


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหายตัวไปแปดเดือน เปาอี้ฝานไม่ได้กลับค่ายทหาร อยู่ทางเหนือของนอกเมืองช่วยดูแลพื้นที่หนึ่งพันห้าร้อยหมู่นั้นตลอด เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาคนเดียว ดีใจมาก เดินมาต้อนรับ มองเมิ่งเชี่ยนโยว ถามว่า “ไม่ใช่ว่าสุขภาพของเจ้าไม่ค่อยดีหรือ แล้วมาได้อย่างไร”


 


 


“เจ้าไม่รู้หรอก ตั้งแต่ข้าแต่งงาน ดูเหมือนว่าทุกๆ วันถูกขังอยู่แต่ในจวนอ๋อง ข้ารู้สึกอุดอู้จะตายอยู่แล้ว พอดีวันนี้มีโอกาส เลยผ่านมาดูเสียหน่อย” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพร้อมกับตอบกลับ


 


 


ชำเลืองมองหวงฝู่อี้เซวียนดูหน้าไม่ค่อยพอใจ ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า พูดว่า “เจ้ามาถูกจังหวะพอดี อีกไม่กี่วัน จะถึงฤดูเก็บเกี่ยวมันฝรั่งครั้งแรกแล้ว ดูผลกำไรของปีนี้ น่าจะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยว มันฝรั่งของพวกข้าก็จะกักตุนเต็มโรงงาน”


 


 


“มากขนาดนี้เลยหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างดีใจ


 


 


เปาอี้ฝานพยักหน้า


 


 


“พอดีเลย หลังจากกลับไปแล้ว ข้าจะปรึกษากับพี่เมิ่งอี้เสียหน่อย ว่าจะเปิดร้านแป้งมันทั่วประเทศให้เร็วที่สุด แบบนี้พวกเราจะได้ใช้มันฝรั่งส่วนใหญ่ให้หมด” เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปยังเมิ่งฉีแล้วพูด


 


 


เมิ่งฉีพยักหน้า “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้ากับพี่เมิ่งอี้ปรึกษากัน พร้อมจะอธิบายให้เจ้าฟัง พื้นที่หนึ่งพันห้าร้อยหมู่นี้มันใหญ่มากจริงๆ โรงงานเก็บได้ไม่หมด


 


 


พูดไปเดินตามทางของไร่มันฝรั่งไปอย่างช้าๆ


 


 


ยังไม่ถึงเวลาเก็บมันฝรั่ง คนงานในไร่ก็มีไม่มาก เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินมา ต่างก็ทักทายนางอย่างอบอุ่น


 


 


มองเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวจากไกลๆ ผู้บัญชาการโต้วก็พาทหารวิ่งมาด้วย ตะโกนอย่างดีใจ “ซื่อจื่อ แม่นางเมิ่ง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวขำและตอบกลับ “สองปีนี้รบกวนผู้บัญชาการโต้วมาก วันหลังมีโอกาสไปจวนอ๋องนั่งคุยกัน ข้าและซื่อจื่อขอบคุณเจ้ามาก”


 


 


ผู้บัญชาการโต้วตกใจและรีบโบกมือ “พี่เมิ่งเกรงใจเกินไปแล้ว นี่เป็นเรื่องภายใน ท่านอย่าพูดแบบนี้เด็ดขาด”


 


 


เดินต่อไปสิบห้านาที เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกเหนื่อย หายใจลึกๆ ทุกคนพูด “พวกเราไปพักในบ้านสักพักเถอะ ข้าเริ่มเหนื่อยขึ้นมาบ้างแล้ว”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินดังนั้น ไม่สนในทุกคนแถวนั้น ก้มลงไปอุ้มนาง เดินเข้าไปในบ้าน


 


 


หลังที่ทุกคนอึ้ง มีบางคนเดินตามไปข้างหลังด้วยความเป็นห่วง


 


 


ในบ้าน เมิ่งฉีส่งคนไปทำความสะอาด ดังนั้นทุกที่ล้วนแต่สะอาด เมิ่งฉีนำทาง เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น หวงฝู่อี้เซวียนวางเมิ่งเชี่ยนโยวลงบนเก้าอี้อย่างเบาๆ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง เห็นทุกคนที่มองตัวเองด้วยความเป็นห่วง ขำและพูด “ไม่มีเรื่องอะไร เพียงแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยแค่นั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”


 


 


สีหน้าของเมิ่งฉีและเปาอี้ฝานดีขึ้นมาบ้าง


 


 


เมิ่งฉีเดินออกไปอย่างเร่งรีบ แป๊บเดียวก็ถือเบาะรองเดินเข้ามา ส่งให้หวงฝู่อี้เซวียน หวงฝู่อี้เซวียนวางไว้ข้างหลังของเมิ่งเชี่ยนโยว หลังจากให้เขาพิงให้สบาย ถึงถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “มีตรงไหนไม่สบายอีกไหม”


 


 


“ไม่มี” พูดจบ กลัวเขาจะไม่เชื่อ เลยพูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “แค่เหนื่อยนิดหน่อยจริงๆ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า นั่งลงข้างนาง


 


 


มองไปรอบๆห้องนั่งเล่น เมิ่งเชี่ยนโยวขำและถาม “พี่รอง นี่พี่ส่งคนมาทำความสะอาดงั้นหรือ”


 


 


“ใช่สิ ในช่วงที่เจ้าไม่อยู่ ข้ากำชับให้คนมาทำความสะอาดทุกวัน คิดว่าเจ้ากลับมาเห็นคงจะดีใจมากๆ”


 


 


หน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวแดงขึ้น “พี่รอง เรื่องนั้นเป็นข้าที่ทำผิด อย่าพูดถึงอีกได้ไหมเจ้าคะ”


 


 


เมิ่งฉีส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล “ไม่ได้ ข้าต้องเอาเรื่องนี้มาพูดบ่อยๆ จะได้ให้เจ้าจำไว้เป็นบทเรียน เกรงว่าวันไหนเจ้าเป็นลมแล้ว ไม่ทันเรียกให้คนอื่นช่วยก็จากไปเสียแล้ว


 


 


เมิ่งเชี่ยโยวถูกพูดเหน็บ หันกลับไปฟ้องหวงฝู่อี้เซวียนเหมือนเด็กว่า “อี้เซวียน พี่รองแกล้งข้า”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนขำและพูด “ข้าไม่กล้าขัดใจพี่รองหรอก เจ้ารับมือด้วยตัวเองแล้วกัน”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวถูกพูดเหน็บอีกครั้ง ทุกคนหัวเราะเสียงดัง ข้างนอกเสียงของเหวินเปียวดังขึ้น “นายหญิง คุณหนูฮั่วได้ยินว่าท่านมาบ้าน เลยจะมาขอพบขอรับ”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)