ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 264-265

ตอนที่ 264 จากนี้ไปเราไม่รู้จักกัน

 

หวงฝู่อวี้ขมวดคิ้ว ตั้งแต่ที่เขามาโรงงานแห่งนี้ นอกจากบ้านท่านโหวที่เคยมาหาเรื่องแล้ว ก็ไม่มีใครมาหาเขาอีกเลย เขาจึงถามขึ้นว่า “ทางนั้นบอกชื่อไหม”


 


 


คนส่วนใหญ่ในเป่ยเฉิงไปทำงานนอกเมืองกันหมดแล้ว ในเมืองไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทหารผู้บังคับบัญชาโต้ว จึงสั่งให้ทหารลาดตระเวนเฝ้าหน้าประตูโรงงาน ตรวจคนเข้าออกให้รัดกุมมากขึ้น เพื่อป้องกันผู้ประสงค์ร้าย คนที่เข้าออกโรงงานจึงต้องแจ้งชื่อสกุลของตน หลังจากได้รับอนุญาตจึงสามารถเข้าไปได้ เมื่อได้ยินหวงฝู่อวี้ถาม ทหารก็ตอบกลับอย่างนอบน้อมว่า “บอกว่าเป็นคุณหนูจวนราชเลขาขอรับ”


 


 


หวงฝู่อวี้คิ้วขมวดเป็นปม ครั้งที่แล้วที่เจอในจวนท่านแม่ทัพ เขายังจำอากัปกิริยาของหลินหันเหยียนได้ดี ถึงแม้เขาจะเป็นคนไม่เอาถ่านไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่าคำพูดของฮูหยินหลินหมายถึงอะไร นางรังเกียจสถานะของเขา แต่ตอนนี้หลินหันเยียนกลับมาหาเขา ก็ไม่ทราบว่ามีธุระอันใด เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วสั่งว่า “ไปบอกคุณหนูหลินว่า สถานะของข้าตอนนี้ไม่คู่ควรออกไปเจอนาง ต่อไปได้โปรดอย่ามาอีกเลย”


 


 


ทหารตกใจมองเขาแวบหนึ่ง แล้วรีบขานรับเดินออกไป


 


 


หวงฝู่อวี้เดินเข้าไปในโรงงานเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตรวจดูคนงานที่กำลังทำงานต่อไป


 


 


ผ่านไปครู่หนึ่ง ทหารก็กลับเข้ามาอีกครั้ง เดินมาหาเขา “คุณชายรองขอรับ คุณหนูท่านนั้นไม่ยอมกลับไป บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่านขอรับ”


 


 


รถม้าที่หลินหันเยียนนั่งประจำนั้นหรูหราโอ่อ่า ตอนนี้จอดอยู่หน้าโรงงาน ต้องกลายเป็นที่สังเกตและการคาดเดาของผู้คนไม่มากก็น้อย หวงฝู่อวี้ได้แต่เดินออกไปอย่างจนปัญญา


 


 


รถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ข้างหน้าโรงงาน สาวใช้สองสามคนที่ยืนอยู่ข้างรถม้าเห็นหวงฝู่อวี้ออกมา หนึ่งในสาวใช้สองสามคนนั้นก็ถอนสายบัวคารวะ “คุณชายรอง”


 


 


หวงฝู่อวี้ไม่ได้พูดอะไร เดินตรงไปที่ข้างรถม้าทันที


 


 


สาวใช้หันหน้าไปทางรถม้ารายงานว่า “คุณหนู คุณชายรองมาแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


ม่านรถไม่ได้ถูกเปิดออก เสียงของหลินหันเยียนดังออกมาจากรถม้าที่แน่นหนาว่า “พี่อวี้ มีเวลาว่างไหมเจ้าคะ เราไปที่อื่นกันเถอะ เหยียนเอ๋อร์มีเรื่องอยากคุยกับพี่เจ้าค่ะ”


 


 


แม้เสียงของนางยังคงใสแจ๋วเหมือนเดิม แต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้าในน้ำเสียง


 


 


หวงฝู่อวี้สัมผัสได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยอย่างเคย พูดอย่างนิ่งเรียบว่า “คุณหนูหลิน มีอะไรก็พูดตรงๆ เถอะ ตอนนี้โรงงานยุ่งมาก ข้าไม่มีเวลาไปจิบชาคุยกับเจ้าหรอก”


 


 


ในรถม้าไม่มีเสียงอีก ผ่านไปนานกว่าเสียงที่แฝงไปด้วยความลำบากใจของหลินหันเยียนจะดังออกมา “พี่อวี้ พี่ยังโกรธที่เยียนเอ๋อร์ทำไม่ดีต่อพี่ใช่ไหมเจ้าคะ”


 


 


“คุณหนูหลินคิดมากไปแล้วล่ะ เจ้าเป็นถึงคุณหนูแห่งบ้านราชเลขา แต่ข้าอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครคอยช่วยเหลือ ไม่แน่วันไหนอาจจะถูกพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ไล่ลูกเมียน้อยอย่างข้าออกจากจวนไปก็ได้ เราสองคนต่างกันราวฟ้ากับดิน ข้ามิบังอาจโกรธเจ้าหรอก แต่เพราะโรงงานยุ่งมากจริงๆ ข้าในฐานะผู้ดูแล จะหายไปอย่างไม่มีเหตุไม่มีผลไม่ได้ คุณหนูหลินโปรดอภัยให้ข้าด้วยเถิด”


 


 


หลินหันเยียนพูดเสียงสั่นเครือว่า “พี่อวี้ ครั้งที่แล้วน้องไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แม่ของน้องคุมน้องอย่างเข้มงวด ที่น้องไม่พูดกับพี่ ก็เพื่อพี่ทั้งนั้น พี่ต้องเข้าใจความลำบากใจของน้องนะ”


 


 


น้ำเสียงของหวงฝู่อวี้แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน “คุณหนูหลินเข้าใจผิดแล้วล่ะ สำหรับเรื่องครั้งที่แล้วนั้น ข้าไม่ได้ใส่ใจเลย มีเรื่องอะไรเจ้าก็พูดมาตรงๆ เถอะ”


 


 


ไม่มีเสียงดังออกมาจากในรถม้าอีก


 


 


“หากคุณหนูหลินไม่มีธุระอันใดแล้ว โปรดกลับไปเถอะ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คนสถานะอย่างเจ้าควรมา” พูดจบ ก็หันหลังเดินกลับไปโรงงานอย่างไร้เยื่อใย


 


 


เหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินจากไปของเขา เสียงร้อนใจของหลินหันเยียนก็ดังขึ้นจากรถม้าว่า “พี่อวี้ ท่านแม่หมั้นหมายให้น้องแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


หวงฝู่อวี้ชะงักฝีเท้า หันหลังกลับ น้ำเสียงนิ่งเรียบคงเดิมว่า “ยินดีกับคุณหนูหลินด้วย”


 


 


น้ำเสียงหลินหันเยียนตื่นตระหนกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำตอบที่ตนไม่คาดคิด “พี่อวี้ เราโตมาด้วยกันนะ พี่ปกป้องน้องมาตลอด น้องคิดว่าพี่…”


 


 


“คุณหนูหลิน!” น้ำเสียงหวงฝู่อวี้หนักแน่นกว่าเดิม “เราอยู่ข้างนอก เจ้าน่าจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควรพูด ตอนนี้ข้าอยากบอกเจ้าแค่อย่างเดียว ไม่ว่าแต่ก่อนเป็นอย่างไร ต่อจากนี้ไปข้าและเจ้าเป็นเพียงคนไม่รู้จักกัน โปรดกลับไปเถอะ”


 


 


พูดจบ ก็หันหลังอีกครั้ง เดินสาวเท้าเข้าไปในโรงงาน


 


 


ในรถม้าไม่มีเสียงอะไรอีก


 


 


สาวใช้และคนขับรถม้ามองหน้ากันไปมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี


 


 


ผ่านไปนาน ในรถยังคงเงียบ สาวใช้ที่คารวะหวงฝู่อวี้เมื่อครู่จึงพูดขึ้นอย่างลังเลว่า “คุณหนู เรา…”


 


 


หลินหันเหยียนพูดขึ้นอย่างคนไร้เรี่ยวแรง เนื่องจากหมดพลังงานไปกับการรวบรวมความกล้าเมื่อครู่นี้ “ไปเถอะ…”


 


 


เมื่อได้รับคำสั่ง คนขับรถม้าก็สะบัดบังเ**ยน หันหัวม้ากลับ แล้วมุ่งไปทางตงเฉิง


 


 


หวงฝู่อวี้รอจนรถม้าจากไปไกล จึงค่อยๆ โผล่ออกมาจากหลังประตู มองรถม้าที่จากไปไกลด้วยสีหน้าเจ็บปวด


 


 


เสี่ยวซือมองดูเหตุการณ์เบื้องหน้าอย่างเงียบๆ เขาเม้มปากและคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลับไปที่ห้องทำงานของตน เพื่อเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ จากนั้นก็ยื่นให้ทหารนายหนึ่งที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู โดยที่หวงฝู่อวี้ไม่ทันสังเกตเห็น และให้ทหารส่งไปที่จวนอ๋อง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นเพราะความหิว เมื่อนางลืมตาขึ้นแสงแดดก็สาดส่องเข้ามาในห้องแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่อยู่ข้างกายแล้ว นางกะพริบตาถี่ ร่างกายอ่อนล้าเกินกว่าจะลุกขึ้นนั่ง แล้วเพิ่งคิดถึงเหตุการณ์รักๆ ใคร่ๆ เมื่อเช้าได้ เมื่อนึกถึงความกล้าหาญที่ตนได้ทำลงไปนั้น ใบหน้าก็พลันร้อนฉ่าขึ้นมา


 


 


นางนอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่ม รอจนใบหน้าแดงก่ำของตนจางหายไป แล้วตะโกนออกไปข้างนอกว่า “ชิงหลวน!”


 


 


ชิงหลวนขานรับแล้วเดินเข้ามา


 


 


“ซื่อจื่อล่ะ”


 


 


“ซื่อจื่อไปทำข้ามต้มให้นายหญิงทานเจ้าค่ะ นายหญิงมีอะไรให้รับใช้เจ้าคะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เคยให้พวกนางทำเรื่องเหล่านี้เลย นางจึงโบกมือ พูดว่า “ไม่เป็นไร เจ้าหยิบเสื้อใน**บให้ข้าหน่อย ข้าใส่เองได้”


 


 


ชิงหลวนหยิบเสื้อเมิ่งเชี่ยนโยวออกมาวางบนข้างเตียง


 


 


ลำตัวที่อยู่ใต้ผ้าห่มของเมิ่งเชี่ยนโยวนั้นเปลือยเปล่า นางจึงไม่อยากให้ชิงหลวนเห็น สั่งว่า “เจ้าออกไปเถอะ ข้าใส่เองได้”


 


 


ชิงหลวนนิ่ง “ซื่อจื่อสั่งไว้ว่า หลังจากนายหญิงตื่น ต้องให้ข้าน้อยช่วยสวมเสื้อให้ท่านเจ้าค่ะ”


 


 


“ไม่เป็นไร ข้าใส่เองได้ เจ้าออกไปเถอะ ข้าจะเรียกเจ้าเองหากมีอะไรให้ช่วย”


 


 


ชิงหลวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงเดินออกไป


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจ ลุกนั่งขึ้น กำลังจะสวนเสื้อผ้า ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจจนรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ “ข้าสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่า…” เมื่อเห็นว่าเป็นหวงฝู่อี้เซวียน คำติเตียนที่กำลังจะพรั่งพรูออกมาก็กลืนลงไปหมด


 


 


“ตื่นแล้วหรือ” หวงฝู่อี้เซวียนยกข้าวต้มและกับข้าวเดินเข้ามาแล้วยิ้มถามขึ้น


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวดึงผ้าห่มลงไปบริเวณลำคอ ยิ้มมองเขา พูดหยอกล้อว่า “ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมข้าไม่รู้สึกตัวเลย”


 


 


“ตื่นตั้งแต่ฟ้าสางแล้ว เห็นเจ้าหลับสบายอยู่ ไม่อยากรบกวนเจ้า ก็เลยไปทำข้าวต้มที่ห้องครัว เจ้าหิวหรือยัง” ขณะที่เขาพูด ก็วางถาดอาหารลง เดินไปข้างเตียง หยิบเสื้อที่วางอยู่ขึ้นมา เตรียมจะช่วยเมิ่งเชี่ยนโยวใส่เสื้อผ้า


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธ “ข้าใส่เองเถอะ”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนรู้ว่าเนื้อตัวนางเปลือยเปล่า และก็กลัวว่าตนจะทนไม่ได้ จึงไม่ได้คัดค้านอะไร เขาหันหลังกลับ เดินไปข้างนอก แล้วสั่งให้ชิงหลวนนำน้ำเข้ามา


 


 


เมื่อส่งน้ำเข้ามาแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ใส่เสื้อผ้าเสร็จพอดี นางลงจากเตียง เดินไปข้างอ่างน้ำ ล้างหน้าทำความสะอาดเสร็จก็รีบนั่งลงกินข้าวทันที “ข้าหิวจะตายแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงหิวขนาดนี้” ภพชาติที่แล้วที่เคยฝึกในค่าย แม้ไม่ได้กินข้าวหนึ่งวันหนึ่งคืนก็ยังไม่รู้สึกหิวทรมานเช่นนี้


 


 


“แม่บอกแล้วว่าคนมีครรภ์เป็นแบบนี้กันหมด” หวงฝู่อี้เซวียนพูด


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยกถ้วยข้าวต้มขึ้นทานไปหนึ่งคำ “หอมจัง อร่อยกว่าที่แม่ทำอีก”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดนี้หวงฝู่อี้เซีวยนก็ดีใจมาก พูดว่า “อร่อยก็กินเยอะหน่อย ข้าให้คนเก็บกวาดครัวเล็กแล้ว ทำให้เจ้ากินได้ตลอดเลยนะ”


 


 


“อื้ม” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบอย่างพึงพอใจ แล้วกินข้าวต้มต่อ


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนนั่งลง คีบกับข้าวใส่จานใบเล็กให้นาง เสียงชิงหลวนดังขึ้นจากด้านนอก “นายหญิง มีทหารส่งจดหมายมา บอกว่าผู้ดูแลโรงงานเป็นคนส่งมาให้ท่านเจ้าค่ะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวที่กินข้าวอยู่ก็หยุดกึก หวงฝู่อี้เซวียนสั่ง “เอาเข้ามา”


 


 


ชิงหลวนเดินถือจดหมายเข้ามา ส่งให้หวงฝู่อี้เซวียน


 


 


“ต่อไปไม่ว่าเรื่องอะไรให้รายงานข้า ห้ามรายงานโยวเอ๋อร์อีก” หวงฝู่อี้เซวียนสั่ง


 


 


ชิงหลานขานรับ แล้วเดินถอยออกไป


 


 


“ให้เบี้ยอัฐทหารนายนั้นหน่อย” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น หลังจากกลืนข้าวต้มไปคำหนึ่ง


 


 


ชิงหลวนขานรับอีกครั้ง แล้วเดินถอยออกไป


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเปิดจดหมาย อ่านเนื้อความทั้งหมด แล้วขมวดคิ้ว


 


 


“เกิดอะไรขึ้นหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม


 


 


“หลินหันเยียนไปหาอวี้เอ๋อร์ที่โรงงานมา”


 


 


หากหวงฝู่อี้เซวียนไม่พูดถึง เมิ่งเชี่ยนโยวคงลืมไปแล้วว่ามีนางคนนี้อยู่ด้วย เมื่อได้ยินดังนั้น นางก็ถามขึ้นว่า “ไปหาอวี้เอ๋อร์ที่โรงงาน จวนหลินเกิดอะไรขึ้นหรือ”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนส่ายหัว “ไม่ทราบ เสี่ยวซือเป็นคนเขียนจดหมาย เขาอยู่ไกลเกินไป ได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันไม่ชัด บอกแค่ว่าเห็นคุณหนูหลินไม่ได้ลงจากรถม้า อวี้เอ๋อร์ก็แค่ยืนคุยกับนางเพียงสองสามประโยค”


 


 


เขาพูดจบก็สั่งข้างนอกว่า “โจวอัน!”


 


 


โจวอันขานรับจากลานบ้าน “ขอรับ ซื่อจื่อ!”


 


 


“ไปสืบมาหน่อย ช่วงนี้จวนหลินเกิดอะไรขึ้น”


 


 


โจวอันรับทราบ จากไปอย่างรวดเร็ว


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนหยิบตะเกียบขึ้นอีกครั้ง คีบกับข้าวให้เมิ่งเชี่ยนโยว เห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อยก็รู้สึกชื่นมื่นใจ


 


 


เมื่อกินข้าวเสร็จ ก็สั่งคนมาเก็บถ้วยเก็บตะเกียบ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ตอนนั้นที่ให้อวี้เอ๋อร์ไปโรงงาน ก็หวังให้เขาได้ฝึกทำงานบ้าง ตอนนี้เขารู้จักรับผิดชอบแล้ว ถึงเวลาให้เขากลับมาจัดการดูแลงานในจวนแล้วล่ะ”


 


 


“ตอนนั้นที่เฮ่อจางทั้งบ้านถูกสังหาร เสด็จลุงประทานทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนเฮ่อให้ เพื่อลบล้างความโกรธของข้าและเสด็จพ่อ ตอนนั้นข้าให้คนจดรายการไว้หมดแล้ว จุดประสงค์ก็เพื่อในวันใดวันหนึ่งมอบให้อวี้เอ๋อร์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คืนนี้รอเขากลับมาแล้วข้าจะมอบให้เขาเลย แล้วก็ไม่ต้องให้เขาไปโรงงานอีกแล้ว ให้มาดูแลทรัพย์สินที่ดิน และร้านรวงแทน”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ก็ดีเจ้าค่ะ เจ้าบอกเขาไปเลยว่า สิ่งของเหล่านี้ควรเป็นทรัพย์สินของเขาอยู่แล้ว หากเขาดูแลได้ดี ก็จะเป็นของเขาทั้งหมด แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ไล่เขาไปเป็นขอทานเสีย”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะ ยื่นมือไปแตะปลายจมูกนางเบาๆ “เจ้าน่ะ ปากอย่างใจอย่าง เป็นคนดีแท้ๆ แต่ชอบทำให้ตัวเองเป็นคนเลว”


 


 


เสียงชิงหลวนดังขึ้นจากลานบ้าน “ฮูหยินทั้งสาม พวกท่านมาแล้วหรือเจ้าคะ”


 


 


“โยวเอ๋อร์ตื่นหรือยัง”


 


 


“ตื่นแล้วเจ้าค่ะ เพิ่งทานข้าวไป ซื่อจื่อกำลังคุยกับนางในห้องเจ้าค่ะ”


 


 


ขณะที่คุยกันอยู่ทุกคนก็เดินมาถึงหน้าประตู


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนลุกขึ้นยืน แล้วทุกคนก็เดินเข้าไป


 


 


“แม่ ซ้อใหญ่ ซ้อรอง” เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนยิ้มพลางเรียกพวกเขา


 


 


ทั้งสามยิ้มตอบ เมิ่งชื่อพูดว่า “ข้าอยากมาตั้งนานแล้ว แต่พี่ใหญ่เจ้าบอกว่าเจ้าสองคนยังไม่ตื่น พูดยังไงก็ไม่ยอมให้ข้ามาแต่เช้า”


 


 


“ข้าเพิ่งตื่นไม่นาน อี้เซวียนทำข้าวเช้าให้ข้ากินแล้วเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ


 


 


ใบหน้าเมิ่งชื่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข


 


 


เส้าเอ๋อร์กางแขนวิ่งมุ่งไปหาเมิ่งเชี่ยนโยว เซิ่งเอ๋อร์ก็ไม่ยอมวิ่งตามหลังมา “กูกู!”


 


 


เมิ่งเชี่ยนยิ้มตอบ


 


 


เมิ่งชื่อรีบกันเด็กสองคนไว้ “พ่อคุณทูนหัว ตอนนี้กูกูของพวกเจ้าแตะต้องไม่ได้เลยนะ”


 


 


เส้าเอ๋อร์หกขวบแล้ว เมื่อถูกเมิ่งชื่อห้ามไว้ ก็ไม่เข้าใจ เงยหน้าน้อยๆ ของตนขึ้นถามเมิ่งชื่อว่า “ท่านย่า ทำไมแตะตัวกูกูไม่ได้ขอรับ”


 


 


เซิ่งเอ๋อร์ที่ยังเล็กอยู่กลับไม่ยอม ใช้มือดึงรั้นเมิ่งชื่อ พูดเสียงออดอ้อนว่า “กูกู กอดกอด”


 


 


หวังเยียนรีบอุ้มเขา


 


 


เมิ่งชื่ออธิบายให้เส้าเอ๋อร์ฟังว่า “เพราะว่าในท้องของกูกูมีเด็กน้อยแล้วจ๊ะ”


 


 


เส้าเอ๋อร์พยักหน้าอย่างรู้เรื่อง “ข้ารู้แล้วขอรับ ต่อไปข้าไม่แตะท้องกูกูแล้วขอรับ”


 


 


เมื่อเซิ่งเอ๋อร์เห็นเส้าเอ๋อร์พยักหน้า เขาก็พยักหน้าตาม “ข้าก็ไม่แตะท้องกูกูเหมือนกัน”


 


 


ทุกคนในห้องหัวเราะ


 


 


พระชายาฉีเดินเข้ามาถึงลานบ้านก็ได้ยินเสียงหัวเราะรื่นเริงดังมาจากในห้อง นางจึงเร่งฝีเท้า ไม่ได้ให้ชิงหลวนเข้าไปรายงาน ก็เดินเข้ามาทันที


 


 


เมื่อทุกคนเห็นก็รีบคารวะ พระชายาฉีโบกมือ “คนบ้านเดียวกันทั้งนั้น มารยาทพวกนี้ก็ละไว้เถอะ”


 


 


เส้าเอ๋อร์และเซิ่งเอ๋อร์เรียกอย่างมีมารยาทว่า “ท่านย่า”


 


 


พระชายาฉีดีใจ ยิ้มตอบเสียงสูงว่า “ต่อไปน่ะ พวกเจ้าไม่ต้องไปแล้ว อยู่จวนอ๋องนี่แหละ ที่นี่จะได้ครื้นเครงหน่อย”

 

 

 


ตอนที่ 265 พี่ใหญ่ ท่านไม่เอาข้าแล้วอ...

 

 


 


เมิ่งชื่อหัวเราะแล้วตอบกลับ “ในบ้านมีคนแก่อยู่ ไม่สะดวกที่จะอยู่ต่อจริงๆ อีกสามวันรอให้โยวเอ๋อร์กลับมาก่อน ข้าจะอยู่ที่นี่สักพักหนึ่งอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”


 


 


“ดีเลย ข้าก็หวังจะเป็นเช่นนั้น พวกเราจะได้คุยกันดีๆ ด้วย”


 


 


เมิ่งชื่อและทุกคนอยู่ที่จวนอ๋องเป็นเวลาหนึ่งวัน จนพลบค่ำถึงจะนั่งรถม้ากลับไป


 


 


หวงฝู่อวี้ที่ยุ่งอยู่ที่โรงงานทั้งวันก็นั่งรถม้ากลับมา กลับไปล้างเนื้อล้างตัวที่จวนของตนเองเสร็จ ถึงจะเดินมาที่จวนของหวงฝู่อี้เซวียน แล้วโบกมือทักทายให้กับหวงฝู่อี้ตั้งแต่ด้านนอก


 


 


หวงฝู่อี้เดินออกมา


 


 


“พี่ใหญ่ของข้าอยู่หรือไม่” หวงฝู่อวี้ถามเบาๆ


 


 


“อยู่ ตอนนี้ซื่อจื่อกำลังเฝ้าพระชายาซื่อจื่อไม่ห่างเลย”


 


 


หวงฝู่อวี้ขมวดคิ้ว สักพักหนึ่งถึงจะตัดสินใจเดินเข้าไปที่ด้านใน แล้วพูดเสียงดังว่า “พี่ใหญ่ ข้าเข้าไปดูหลานของข้าได้หรือไม่”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนที่อยู่ด้านในไม่ค่อยพอใจนัก


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็กำลังกลั้นหัวเราะอยู่


 


 


ชิงหลวนกับจูหลีและหวงฝู่อี้เดาได้ว่าอีกสักพักหวงฝู่อี้เซวียนคงได้เกรี้ยวกราดเป็นแน่ จึงได้แต่แอบขำกัน


 


 


ไม่มีเสียงตอบรับ หวงฝู่อวี้ก็ไม่ย่อท้อ มองไปมองมา แล้วจึงเปลี่ยนคำพูดเป็น “พี่ใหญ่ ข้าเข้าไปดูซ้อใหญ่ได้หรือไม่”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วมองไปที่เขา แล้วจึงตะโกนออกมาว่า “ข้าสบายดี น้องรองไม่ต้องห่วง เจ้ายุ่งมาทั้งวันแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”


 


 


หวงฝู่อวี้ชะงักไป


 


 


ใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็มีรอยยิ้มปริออกมา


 


 


พักหนึ่งหวงฝู่อวี้ก็ได้แต่เกาหัว แล้วพูดหยั่งเชิงออกไปว่า “พี่ใหญ่ ข้าเข้าไปเยี่ยมท่านได้หรือไม่”


 


 


ในห้องมีเสียงหัวเราะของเมิ่งเชี่ยนโยวเล็ดลอดออกมา


 


 


แล้วจึงมีเสียงของหวงฝู่อี้เซวียนตอบกลับมาว่า “คลานเข้ามา”


 


 


หวงฝู่อวี้ตอบรับอย่างไว แล้วเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้อง บนโต๊ะของมีขนมมากมายวางเอาไว้อยู่ ส่วนด้านหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวนั้นมีจานเล็กๆ วางอยู่ และในจานเล็กๆ ก็มีขนมชิ้นเล็กๆ วางอยู่ด้านในจาน


 


 


หวงฝู่อวี้เดินมาที่ตรงหน้าของทั้งสองคน แล้วตะโกนออกมาอย่างน่าเอ็นดู “พี่ใหญ่ ซ้อใหญ่”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ตอบรับ แต่เมิ่งเชี่ยนโยวตอบรับกลับโดยถามว่า “วันนี้โรงงานเป็นอย่างไรบ้าง”


 


 


“ทุกอย่างปกติดี ข้ากับผู้ดูแลอานสองคนสั่งให้คนงานทำความสะอาดโรงงานแป้งมันเก่าให้สะอาด ถึงเวลาตอนที่คนงานมาจะได้ทำงานได้เลยโดยทันที”


 


 


ได้ยินเรื่องที่เมิ่งฉีจะเปิดโรงงานมันฝรั่งอีกครั้ง เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “หลายวันที่ผ่านมาได้แต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานของข้ากับพี่ใหญ่ของเจ้า ไม่มีเวลาจริงๆ รอให้ผ่านไปอีกสักระยะค่อยว่ากันเถิด”


 


 


หวงฝู่อวี้ตอบกลับ ตามองไปที่ท้องของนาง


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเห็นเช่นนั้น จึงโกรธมาก แล้วคิดในใจ เห็นทีเมื่อคืนวานที่สั่งสอนไปจะไม่พอ วันนี้ยังกล้าดียังไงมาดูท้องของเมียข้าอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็ลุกขึ้นยืน


 


 


หวงฝู่อวี้ตกใจจึงถอยออกไปหนึ่งก้าว ทำท่าป้องกันตัวเอง “พี่ พี่ใหญ่ ท่าน ท่านจะทำอะไร”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนไม่สนใจ แล้วเดินไปที่ข้างเตียง เปิดกล่องตรงหัวเตียงออกมา แล้วหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากด้านใน แล้วเอามาวางไว้ที่บนโต๊ะอีกด้านหนึ่งของห้อง นั่งบนเก้าอี้ แล้วสั่งหวงฝู่อวี้ “มานี่แล้วนั่งลง”


 


 


หวงฝู่อวี้จ้องไปที่เขา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้อีกด้านหนึ่ง


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเปิดกล่องออกมา แล้วหยิบกระดาษขึ้นมา วางไว้ที่ด้านหน้าเขา แล้วผลักกล่องไปที่ด้านหน้าเขาอีกด้วย “ลองคิดดูสิ ว่าตัวเลขถูกต้องหรือไม่”


 


 


เอากระดาษมา เปิดออกดู ในนั้นจดบันทึกในเรื่องของที่ดินไร่นา และจำนวนธนบัตรเงิน รวมไปถึงจำนวนของล้ำค่าอีกด้วย และสิ่งที่น่าสงสัยก็คือ ในนั้นยังมีของที่ฮ่องเต้พระราชทานให้อีกด้วย


 


 


ในความรู้สึกของหวงฝู่อวี้ก็รู้สึกถึงรางที่ไม่ค่อยดีนัก มือก็สั่นขึ้นมา “พี่ พี่ใหญ่…”


 


 


“ช่วยข้าคิดหน่อยสิ” หวงฝู่อี้เซวียนพูดให้เขาตัดสินใจ


 


 


ไม่ได้เป็นอย่างที่ตนคิดเช่นนั้น หวงฝู่อวี้จึงวางใจ แล้วตั้งใจนับ


 


 


ปีกว่ามานี้ เขาคอยจัดการเรื่องการตรวจสอบในโรงงานมาทุกวัน เมิ่งฉีก็ได้เอาคณิตคิดเร็วที่เมิ่งเชี่ยนโยวสอนให้สอนต่อไปให้กับเขา ทำให้เขาตรวจสอบได้รวดเร็ว ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ตรวจสอบเสร็จแล้ว แล้วยื่นกระดาษที่มือให้กับหวงฝู่อี้เซวียน “พี่ใหญ่ ไม่มีอะไรผิดแปลก ตัวเลขเหมือนกัน”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนไม่รับ


 


 


รอยยิ้มของหวงฝู่อวี้ก็หายไป แล้วก็รู้สึกถึงลางไม่ดีอีกรอบ


 


 


สุดท้าย หวงฝู่อี้เซวียนก็ได้พูดออกมา และคำพูดของเขาทุกคำพูดทำให้หวงฝู่อวี้ตกใจเป็นอย่างมาก “นี่เป็นสมบัติของจวนเฮ่อ ในเมื่อไม่มีอะไรผิดพลาด เจ้าก็เอาไปเถิด สิ่งของทั้งหมดในกระดาษใบนี้อีกหน่อยก็จะเป็นของเจ้า”


 


 


ตอนนั้นที่ทำการฝังศพของเฮ่อจางแล้วนั้น หวงฝู่อวี้ก็กลับไปที่จวนเฮ่ออีกครั้ง เห็นทหารองครักษ์ยกกล่องออกไปทีละกล่องๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แล้วกลับจวนไป แต่คิดไม่ถึงว่าจะยกมาที่จวนของหวงฝู่อี้เซวียน และวันนี้หวงฝู่อี้เซวียนยกทั้งหมดนี้ให้กับเขา และก็รู้อยู่ว่าเฮ่อจางดำรงตำแหน่งสมุกนายกมาก็หลายปี ไม่รู้ว่าสมบัติในบ้านนั้นมีมากมายมหาศาลขนาดไหน อีกทั้งรวมกับของพระราชทานจากพระราชวังอีก แค่นี้ก็เป็นครึ่งหนึ่งของคลังประเทศแล้ว


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนสัมผัสได้ถึงความสงสัยภายในใจของเขา จึงอธิบายให้เขาฟังอีกรอบหนึ่ง “ตอนนั้นเสด็จลุงได้ยกสมบัติพวกนี้เพื่อเป็นการชดเชยให้กับจวนอ๋อง ข้าไม่ได้รวมเข้ากับบัญชีภายในจวน จึงเหลือเอาไว้เพื่อวันหนึ่งจะเอาให้กับเจ้าอย่างไรล่ะ”


 


 


ก็ได้แต่กลืนน้ำลาย ดวงตาหวงฝู่อวี้มีน้ำไหลออกมา มือที่ถือกระดาษอยู่นั้นออกแรกจิกกระดาษจนแทบจะเป็นรู แล้วถามว่า “พี่ใหญ่ ท่านไม่เอาข้าแล้วอย่างนั้นหรือ”


 


 


เห็นสภาพที่น่าสงสารของเขา สภาพที่เหมือนคนกำลังจะโดนทิ้ง เมิ่งเชี่ยนโยวจึงหัวเราะออกมา


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือออกมา แล้วเคาะไปที่หัวของเขาหนึ่งที เคาะเสียจนกะโหลกของเขาแทบแตก แล้วพูดว่า “ฝันไปเถอะ ต่อไปนี้สมบัติของข้าอย่างไรเสียก็ต้องให้เจ้าเป็นคนดูแล ถ้าเจ้าไปแล้ว ใครจะช่วยข้า”


 


 


น้ำตาได้เหือดหายไป ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกาย มือที่กำลังจิกอยู่ก็คลายลง แล้วยิ้มออกมา “จริงหรือ พี่ใหญ่ไม่ได้หลอกข้านะ”


 


 


“พี่ใหญ่เจ้าจะหลอกเจ้าไปเพื่ออะไร ไม่ใช่แค่นี้ รอให้หลานของเจ้าคลอดออกมาแล้ว ยังจะให้เจ้าช่วยเลี้ยงดูหลานจนโตอีกด้วย” เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะแล้วพูดเสริม


 


 


หวงฝู่อวี้ได้แต่พยักหน้าด้วยความดีใจ “อย่างนี้ดีเลย ข้าเต็มใจที่จะทำ ถึงเวลานั้นข้าจะพาพวกเขาไปขี่ม้ารับลม”


 


 


สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็ขรึมขึ้นมาอีกครั้ง แต่กลับดีใจจนแทบจะเต้น แล้วจินตนาการถึงตอนที่เขาพาเด็กขาวๆ อวบๆ สองคนไปขี่ม้าชมวิว


 


 


เขายังไม่ทันได้สติ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถามว่า “วันนี้ในโรงงานเกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ”


 


 


หวงฝู่อวี้ชะงักไป แล้วขมวดคิ้ว แล้วถามด้วยด้วยน้ำเสียงตกใจว่า “ซ้อใหญ่ คำถามนี้พี่ใหญ่เพิ่งจะถามไปนะ ไม่ใช่ว่าพอท่านท้องจึงโง่ไปเสียล่ะ”


 


 


เพ้ง! เก้าอี้ที่ติดอยู่ที่ตูดของหวงฝู่อวี้ปลิวไปอีกทาง ส่วนคนก็นั่งจมอยู่ที่พื้น เจ็บจนเขาร้อง อิ๋ง กันเลยทีเดียว


 


 


อีกสามคนที่อยู่ในจวนได้ยินดังนั้น จึงยืดคอยาว อยากที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง แต่น่าเสียดาย ที่ประตูหน้าต่างปิดมิดชิด พวกเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ทำได้เพียงแต่เดาว่าหวงฝู่อี้เซวียนน่าจะเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกแล้ว


 


 


“จำเอาไว้ โยวเอ๋อร์เป็นซ้อใหญ่ของเจ้า เป็นคนที่ข้ารัก ถ้าหากว่าวันหลังเจ้ายังกล้าพูดกับซ้อใหญ่ของเจ้าเช่นนี้ ระวังไว้ข้าจะเอาเจ้าไปผูกแขวนไว้บนต้นไม้ในจวน”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนพูดเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม


 


 


หวงฝู่อวี้เม้มปากเข้าไป เมื่อครู่กะจะระบายความในใจเสียหน่อย เมื่อได้ยินหวงฝู่อี้เซวียนพูดเช่นนี้ จึงเก็บคำที่จะพูดเข้าไปไว้ที่เดิม แล้วมองที่เมิ่งเชี่ยนโยว แล้วตอบกลับไปอย่างเรียบร้อยว่า “ข้ารู้แล้วขอรับ พี่ใหญ่”


 


 


“ลุกขึ้น นั่งดีๆ แล้วบอกไปว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่โรงงาน”


 


 


ลุกขึ้นมา จัดเก้าอี้ให้ดีได้ที่แล้ว จึงพูดว่า “ซ้อใหญ่ วันนี้ที่โรงงานไม่ได้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ทุกอย่างปกติดี”


 


 


“เจ้าแน่ใจหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวถามกลับ


 


 


หวงฝู่อวี้ชะงักไป แล้วรีบร้อนบอกว่า “ซ้อใหญ่ ข้าพูดความจริง จริงแท้แน่นอน ว่าในโรงงานไม่ได้มีเรื่องอันใด”


 


 


“เจ้าล่ะ แล้ววันนี้เจ้าเจอเรื่องอะไรมา”


 


 


“วันนี้ข้าไม่ได้เจอเรื่องอะไร ทุกอย่างปกติ…” พูดถึงตรงนี้ ก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่หลินหานเยียนไปหาตน จึงตีหัวตัวเองอย่างแรงหนึ่งที แล้วพูดว่า “วันนี้มีคุณหนูจวนราชเลขานั่งรถม้ามาหาข้า แต่ข้าไม่ได้ต้อนรับนาง”


 


 


“นางหาเจ้าเรื่องอันใดรึ” เมิ่งเชี่ยนโยวถามต่อ


 


 


ท่าทางของหวงฝู่อวี้ก็นิ่งไปพักหนึ่งแล้วตอบกลับว่า “เห็นว่าจะแต่งงานแล้ว อาจจะมาหาข้าเพื่อบอกเรื่องนี้ แต่ว่าข้าไม่ได้ต้อนรับนาง”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวมองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไร


 


 


หวงฝู่อวี้เงียบนิ่งไป


 


 


ทั้งสามคนที่อยู่ด้านนอกเงี้ยหูขึ้นมาฟังแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงว่าหวงฝู่อวี้โดนจัดการอะไร จึงผิดหวังนิดหน่อย


 


 


ครู่หนึ่งเมิ่งเชี่ยนโยวถึงได้พูดออกมาว่า “อวี้เอ๋อร์ ซ้อใหญ่ถามเจ้าเรื่องหนึ่ง เจ้าจะต้องตอบตามความจริง”


 


 


ท่าทางนิ่งของหวงฝู่อวี้ได้หายไป แล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแทน “ซ้อใหญ่ ท่านถามได้เลย ข้าจะตอบตามความจริงอย่างแน่นอน”


 


 


“เจ้ารู้สึกอย่างไรกับแม่นางหลินนั้นหรือ”


 


 


ไม่คิดว่านางจะถามเช่นนี้ หวงฝู่อี้ชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด อ้าปากค้าง ครู่หนึ่งถึงจะฝืนยิ้มออกมาตอบว่า “ซ้อใหญ่ ข้าไม่เหมาะสมกับแม่นางหลินหรอก”


 


 


“เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมใช่ว่าเจ้าจะเป็นคนตัดสิน ถ้าหากว่าเจ้าอยากจะไปสู่ขอแม่นางหลินเป็นภรรยาล่ะก็ อีกสองสามวันข้ากับพี่ใหญ่ของเจ้าจะหน้าด้านไปสู่ขอมาให้”


 


 


“ไม่ได้เด็ดขาด” หวงฝู่อวี้ตกใจรีบโบกมือ “ท่านกับพี่ใหญ่ฐานะสูงส่ง จะให้ไปสู่ขอด้วยตนเองได้อย่างไร”


 


 


“ต่อให้ฐานะสูงส่งแค่ไหน ก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องงานแต่งงานของเจ้า เพื่อชีวิตต่อจากนี้ของเจ้า พี่ใหญ่ ซ้อใหญ่ยอมแลก”


 


 


“ไม่ต้องๆ ไม่ต้องจริงๆ ตอนนี้ข้าไม่ได้คิดเรื่องนั้นแล้ว ซ้อใหญ่อย่าได้กังวลเรื่องของข้าเลย ดูแลลูกในท้องให้ดีก็พอแล้ว” หวงฝู่อวี้ตอบกลับ


 


 


“ตั้งแต่ที่เจ้าไปที่หมู่บ้านชิงซี ข้าก็รู้ว่าความรู้สึกที่เจ้ามีให้กับแม่นางหลินนั้นไม่เหมือนคนอื่น แต่นั่นเป็นเพราะนางกำลังจะแต่งงานกับพี่ใหญ่ของเจ้า พวกเจ้าจึงไม่เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกัน แต่ว่าตอนนี้งานแต่งงานของนางกับพี่ใหญ่ของเจ้าได้ยกเลิกแล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่คิดเรื่องนั้นล่ะ”


 


 


หวงฝู่อวี้เม้มปากเล็กน้อย แล้วยิ้มเยาะ “นางเป็นถึงลูกสาวคนโตของราชเลขา ส่วนข้าเป็นแค่ลูกของนางสนมในจวนอ๋องเท่านั้น ข้าไม่เหมาะสมกับนาง”


 


 


ขมวดคิ้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คำพูดนี้นางเป็นคนพูดงั้นรึ”


 


 


หวงฝู่อวี้ไม่ได้ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่


 


 


“ตอนไหน” หวงฝู่อี้เซวียนถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง


 


 


หวงฝู่อวี้ไม่ได้ปิดบัง เลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านของฉู่เหวินเจี๋ยให้ฟัง


 


 


เมื่อฟังจบ หวงฝู่อี้เซวียนก็ขมวดคิ้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดว่า “ถึงแม้ว่าข้ากับแม่นางหลินจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ว่าข้ามองออกว่า นางไม่ใช่คนที่มองคนที่ฐานันดรศักดิ์ สู้เจ้าหาเวลานัดนางมาพูดคุยเจรจากัน ดูว่านางจะคิดเช่นไรไม่ดีกว่างั้นหรือ”


 


 


หวงฝู่อวี้ปฏิเสธ “ขอบพระคุณซ้อใหญ่ ไม่เป็นไร ข้าได้ตัดสินใจแล้ว นับแต่วันนี้เป็นต้น ข้าไม่อยากมีเยื่อใยอะไรต่อนางอีก”


 


 


“เจ้าแน่ใจแล้วงั้นรึ”


 


 


หวงฝู่อวี้พยักหน้า


 


 


มองไปที่หวงฝู่อี้เซวียน เมิ่งเชี่ยนโยวจึงพูดว่า “ดี ถ้าเป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่วันถรุ่ง ข้ากับพี่ใหญ่ของเจ้าก็จะหาภรรยาให้เจ้า เจ้ามีความต้องการอย่างไรบ้าง”


 


 


หวงฝู่อวี้ชะงักไป แล้วหัวเราะตอบกลับมาว่า “ขอบพระคุณซ้อใหญ่ ความต้องการของข้าไม่มาก ขอแค่สวย นิสัยอ่อนโยนก็พอ…” พูดถึงตรงนี้ แล้วย้ายเก้าอี้ไปทางด้านหลัง ห่างจากหวงฝู่อี้เซวียนเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า “ข้าไม่เหมือนพี่ใหญ่เสียหน่อย ที่คอยเอาแต่ระบายอารมณ์” เมื่อพูดจบ กHปิดปาก แล้วมองไปที่ทั้งสองคนที่กำลังแอบขำอยู่


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนโดนทำให้ขำเสียแล้ว เลยยื่นเท้าออกมาเตะเขา แต่เตะไม่โดน


 


 


หวงฝู่อวี้ได้ใจ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวจึงพูดออกมาว่า “เซี่ยงกง ท่านสามารถใช้กำลังภายในทำให้เก้าอี้ของเขาแตกหักได้นะ”


 


 


หวงฝู่อวี้ทำหน้าไม่พอใจ “ซ้อใหญ่ ทำไมท่านถึงทำแบบนี้ล่ะ ข้าเป็นน้องเขยคนเดียวของท่านนะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้ารู้ แล้วอย่างไรล่ะ…”


 


 


หวงฝู่อวี้ชะงักไป “แล้วอย่างไร แล้วอย่างไรอะไรล่ะ”


 


 


“ก็รู้อยู่ว่าน้องเขยคนนี้ใช้ทำอะไรได้บ้างล่ะ”


 


 


แล้วก็มีความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้นอีกแล้ว กลืนน้ำลาย แล้วถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ทำอะไรงั้นหรือ”


 


 


“เอาไว้แกล้งไง ต่อไปนี้เวลาที่ข้าอารมณ์ไม่ดีเมื่อไร ก็จะจับเจ้ามาแกล้งเสียให้เข็ดถึงจะอารมณ์ดี”


 


 


ลุกขึ้นย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งออกไปอย่างไว วิ่งไปตะโกนไป “ข้าจะตัดความสัมพันธ์กับพวกเจ้า”


 


 


เห็นเขาวิ่งออกไปไวอย่างสายลม ทั้งสามคนก็งงไปตามๆ กัน


 


 


แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะของหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวดังออกมาจากในห้อง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)