ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 250-253

ตอนที่ 250 ให้สินสอด

 

 


 


เมิ่งซื่อยื่นสองมือของตนไปทางเมิ่งเชี่ยนโยว กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “โยวเอ๋อร์ โยวเอ๋อร์ ลูกสาวคนดีของแม่”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็รีบวิ่งเข้าไปทันที พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเมิ่งซื่อ “ท่านแม่ ลูกอกตัญญู ทำให้ท่านเป็นห่วง”


 


 


น้ำตาของเมิ่งซื่อไหลลงมาดั่งสร้อยมุกที่ขาด กอดเมิ่งเชี่ยนโยวแน่นไม่ยอมปล่อย “โยวเอ๋อร์ เจ้าไปเช่นนี้ แทบพรากชีวิตของแม่ไปเสียแล้ว”


 


 


ความรู้สึกผิดในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งมากขึ้นไปอีก น้ำตาก็ไหลลงมา ก้มตัวลงไป ตึกตัก คุกเข่าลงต่อหน้าเมิ่งซื่อ “ท่านแม่ ลูกผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีกเจ้าค่ะ”


 


 


เมิ่งซื่อพยุงนางขึ้นด้วยความปวดใจ คำสั่งสอนออกมาจากปากไม่หยุด “กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”


 


 


เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเสียนก็พยุงเมิ่งจงจวี่สองสามีภรรยาเข้ามา


 


 


เหล่าเมิ่งซื่อก็จับมือนางแล้วน้ำตาไหลออกมา


 


 


ซุนเชี่ยนยิ่งไม่ต้องพูด เสื้อตรงหน้าอกเปียกไปหมดแล้ว


 


 


เมิ่งจงจวี่ เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเสียนก็ตาแดงก่ำ


 


 


เมิ่งเส้าพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเมิ่งเชี่ยนโยวทันที เงยหน้าแล้วกล่าวถามด้วยความไร้เดียงสาว่า “ท่านอาไปไหนมาหรือ เส้าเอ๋อร์คิดถึงท่านมาก”


 


 


ณ ขณะนั้นเองที่เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกได้จริงๆ ว่านี่คือครอบครัวของตน เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันกับตน ความเห็นแก่ตัวครั้งนี้ของตน ทำให้พวกเขาปวดใจและเป็นห่วงอย่างมาก ความรู้สึกผิดในใจยิ่งมากขึ้นไปอีก กล่าวขอโทษทีละคนด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น สัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้อีก


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาก็ดีแล้ว ทุกคนพยักหน้าหลายๆ ครั้งด้วยความดีใจ พยุงกันเดินเข้าไปในห้อง


 


 


เมิ่งซื่อจับมือเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ปล่อย แม้แต่ตอนนอนก็ไม่ปล่อย


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนมองดูเมิ่งเชี่ยนโยวถูกหวังเยียนพาตัวกลับไป หลังจากนั้นก็มาที่เรือนของพระชายาฉี บอกนางว่าตนได้ส่งข่าวให้คนที่บ้าน บอกข่าวที่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมากับคนในครอบครัว คิดว่าประมาณสองสามวันพวกเขาน่าจะมาถึงกัน ก็เลยปรึกษาหารือกับพระชายาฉีเรื่องสินสอด


 


 


สินสอดถูกจัดเตรียมไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ช่วงเวลาที่เมิ่งเชี่ยนโยวหายไปก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ได้ยินหวงฝู่อี้เซวียนพูดออกมา พระชายาฉีก็กล่าวว่า “เซวียนเอ๋อร์ วางใจเถิด อย่าว่าแต่เรื่องสินสอด แม้แต่เรื่องแต่งงานแม่ก็จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนรู้อยู่แล้วว่าพวกนี้ได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่วางใจ ตอนนี้ได้ฟังพระชายาฉีเอ่ย ใจที่กังวลก็ไม่หายไป ให้คนไปเฝ้าหน้าจวนเมิ่งเชี่ยนโยว รอคนในบ้านเก่ามาถึงให้รีบรายงานเขาทันที


 


 


ครอบครัวเมิ่งเพิ่งลงจากรถม้า คนที่มีหน้าที่เฝ้าก็รีบกลับจวนทันที หลังจากที่หวงฝู่อี้เซวียนได้ยิน ก็รีบไปยังเรือนของพระชายาฉีทันที


 


 


พระชายาฉีรีบตรวจสินสอดอีกครั้ง แล้วก็มิได้แจ้งครอบครัวเมิ่งล่วงหน้าด้วย สั่งคนยกสินสอดหนึ่งร้อยแปด**บนี้ไปหนานเฉินด้วยความครึกครื้น


 


 


จากจวนอ๋องฉีจนถึงหนานเฉินต้องผ่านเกือบครึ่งเมืองหลวง การเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่นี้ ทำให้คนรู้เห็นมากมาย คนมากมายที่อยากรู้ก็เดินตามหลังขบวน หลังจากสองชั่วยามผ่านไปจนถึงหนานเฉิน คนครึ่งเมืองหลวงก็ตามไปดูกันหมด


 


 


มีหนึ่งขบวนยาวๆ เข้ามา ตามด้วยเสียงดนตรีบรรเลงเสียงดัง นายประตูสงสัย เงยหน้าขึ้น เขย่งขาขึ้นแล้วมองไปทางขบวนที่อยู่ไกล จนมองชัดว่าเป็นขบวนของจวนอ๋องฉี ก็เข้าใจทันที รีบวิ่งเข้าไปในจวนอย่างรวดเร็ว ตะโกนว่า “นายท่าน นายท่าน จวนอ๋องฉียกสินสอดมาแล้วขอรับ”


 


 


ครอบครัวเมิ่งหยุดชะงักไป


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็ตกใจเช่นกัน


 


 


เมิ่งจงจวี่รู้สึกตัวก่อน ลุกขึ้นมา กล่าวว่า “เร็ว เร็ว เร็ว เปิดประตูใหญ่ออกไปต้อนรับ”


 


 


เมิ่งซื่อไม่เอ่ยอะไร สีหน้าไม่ตกลง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็กัดปากไม่เอ่ยอะไร


 


 


เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีก็เงียบ


 


 


แต่เมิ่งเอ้ออิ๋นผุดลุกขึ้น แล้วเดินไปทางประตูใหญ่


 


 


เมิ่งเสียนห้ามเขาไว้ “ท่านพ่อ ข้าไปดีกว่า”


 


 


นายประตูกล่าวต่อว่า “นายท่าน ซื่อจือขี่อยู่บนม้า ข้างหลังตามมาด้วยรถม้าหนึ่งคัน ไม่ทราบว่ามีใครตามมาด้วยขอรับ”


 


 


เมิ่งเสียนหยุดเดิน


 


 


เรื่องให้สินสอด ท่านอ๋องฉีไม่มีทางมาเองแน่นอน ถ้าหากมีรถม้า ก็น่าจะเป็นพระชายาฉี ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวบาดเจ็บ เมิ่งซื่อก็ได้พักอยู่ที่จวนอ๋องฉีนานหลายวัน เข้ากันได้ดีกับพระชายาฉี ในใจของนางรู้สึกมาตลอดว่าลูกสาวของตนโชคดีมีแม่สามีที่ดีอย่างนี้ ไม่มีมาดของพระชายา แล้วยังเห็นลูกสาวของตนเป็นลูกสาวของนางด้วย ถ้าหากเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อไปก็ไม่ดูถูกครอบครัวตนแน่นอน แต่สถานการณ์ตอนนี้ของเมิ่งเชี่ยนโยว ถ้าหากลูกสาวแต่งเข้าไปแล้วไม่สามารถมีบุตรได้ ถ้าหากเจอคำดูถูก ชีวิตต่อไปต้องลำบากแน่ๆ แม้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนจะรักโยวเอ๋อร์แค่ไหน นานไป ก็จะถูกเรื่องพวกนี้กัดกร่อนจนไม่เหลือความรู้สึกอะไรอีก ถึงตอนนั้น มีอนุเพิ่มขึ้นมา ชีวิตในจวนของโยวเอ๋อร์ต้องลำบากขึ้นไปอีก การแต่งงานนี้ ในใจของตัวเองนั้นไม่เห็นด้วยเลย แต่ถ้าหากพระชายาฉีมาให้สินสอดด้วยตัวเอง ถ้าหากตนไม่รับ ก็จะดูเย่อหยิ่งไป


 


 


ในขณะที่กำลังสับสนอยู่ เสียงกลองได้ดังมาถึงหน้าประตูแล้ว หากไม่ออกไปต้อนรับจะดูไม่ดีมาก


 


 


เมิ่งซื่อลุกขึ้นมา แล้วเดินออกไปพร้อมกับเมิ่งเอ้ออิ๋น


 


 


เมิ่งเสียนสองสามีภรรยาและเมิ่งฉีสองสามีภรรยาเดินตามออกไป


 


 


เหล่าเมิ่งซื่อจับมือเมิ่งเชี่ยนโยวไว้ไม่ให้นางขยับ


 


 


 


 


สินสอดถึงหน้าจวน หวงฝู่อี้เซวียนกระโดดลงจากม้า พระชายาฉีลงจากรถม้า ไม่เห็นคนออกมาต้อนรับ ก็ไม่รีบร้อน สั่งให้ดนตรีบรรเลงต่อไป ทั้งสองยืนรอหน้าประตู


 


 


คนในเมืองหลวงได้พบเห็นได้ยินมามาก แต่ก็ไม่เคยเห็นคนให้สินสอดมาถึงหน้าประตูแล้ว คนในจวนกลับไม่มีคนออกมาต้อนรับ รีบหันหน้าซุบซิบกัน วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก


 


 


พระชายาฉีเหมือนไม่ได้ยิน ยิ้มมองแล้วยืนอยู่หน้าประตู


 


 


เมิ่งซื่อเห็นว่าเป็นพระชายาฉีจริงๆ รีบเดินเร็วขึ้น แล้วรีบวิ่งออกมา


 


 


พระชายาฉีรีบก้าวเข้าไปพยุงนาง กล่าวด้วยความสนิทสนมว่า “ชิ่งจยาใจเย็นๆ”


 


 


น้ำเสียงของเมิ่งซื่อมีความรู้สึกเสียใจ “พระชายา ขอประทานโทษ พวกข้าออกมาช้าไป”


 


 


พระชายาฉียิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกข้าไม่ได้แจ้งพวกเจ้าล่วงหน้า คนที่ควรขอโทษคือพวกข้า”


 


 


ในขณะที่นางพูดประโยคนี้นางตั้งใจเพิ่มระดับเสียงขึ้นไป คนรอบข้างที่มาดูได้ยินกันทุกคน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ยิ่งดังขึ้นไปอีก ให้สินสอดแต่ไม่ได้แจ้งอีกฝ่าย เรื่องเช่นนี้ไม่เคยได้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นคือฝั่งที่ให้สินสอดคือจวนอ๋องฉี ที่เป็นความฝันของหญิงสาวในเมืองหลวงและลูกสาวของขุนนางทั้งหลายที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่ไม่นานก็คิดได้ว่าช่วงก่อนเมิ่งเชี่ยนโยวได้หายตัวไป ทุกคนก็เข้าใจอะไรทันที ดูแล้วงานแต่งครั้งนี้เป็นฝั่งจวนอ๋องฉีที่เร่งครอบครัวองค์หญิงชิงเหอเอง ทำให้ทุกคนอิจฉากันมาก


 


 


พระชายาฉีพูดจบ ความรู้สึกผิดในใจของเมิ่งซื่อยิ่งมากขึ้นไปอีก กล่าวทันทีว่า “เชิญท่านเข้าไปด้านในเถิด”


 


 


พระชายาฉียิ้มแล้วมองไปทางหวงฝู่อี้เซวียน


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวเสียงดังฟังชัดว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พี่รอง พี่สะใภ้รอง”


 


 


ทั้งสองพยักหน้ากล่าวว่า “เข้าจวนเถิด มีอะไรเราเข้าไปคุยกันข้างใน”


 


 


เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา


 


 


รอยยิ้มบนใบหน้าของพระชายาฉีหยุดชะงักไปชั่วครู่ แล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมทันที เดินตามเมิ่งซื่อเข้าไปในจวน จนมาถึงในเรือนของเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


เมิ่งจงจวี่นำภรรยาและเมิ่งเชี่ยนโยวออกมายืนต้อนรับหน้าประตู เห็นพระชายาฉีแล้วเตรียมจะคุกเข่า


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนรีบไปพยุงเขาไว้ พระชายาฉีก็ทำท่าจะพยุงเขา “ต่อไปเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่มีกฎอะไรเช่นนี้แล้ว”


 


 


เมิ่งจงจวี่เป็นซิ่วไฉมาทั้งชีวิต ความคิดโบราณนั้นฝังลึกอยู่ในใจ ได้ยินแล้วจึงกล่าวว่า “แม้ว่าอี้เซวียนและโยวเอ๋อร์จะแต่งงานกันแล้ว พวกเราก็ไม่สามารถละเลย กฎระเบียบนี้ไม่ทำไม่ได้”


 


 


เหล่าเมิ่งซื่อไม่คิดมากเหมือนเมิ่งจงจวี่ มองพินิจพิเคราะห์พระชายาฉีไปมา เห็นหน้าตานางเป็นคนจิตใจดี มีมารยาท พยักหน้าในใจ ยอมรับนางเล็กน้อย


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วทำความเคารพนาง “พระชายา”


 


 


พระชายาฉียิ้มแล้วพยักหน้ารับ “โยวเอ๋อร์ ไม่เจอเจ้าแค่วันเดียว ใจของข้าคิดถึงเจ้ามาก”


 


 


ใจของเหล่าเมิ่งซื่อยิ่งชื่นชมนางมากขึ้นไปอีก


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนจ้องมองเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความรักอย่างไม่ละสายตา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวถูกมองจนหน้าแดง


 


 


เมิ่งฉีเห็นสีหน้าของทั้งสอง ไอออกมาเบาๆ เพื่อตักเตือน


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนจึงเลื่อนสายตากลับมา


 


 


เหล่าเมิ่งซื่อยิ้มแล้วกล่าวว่า “เชิญเข้าไปนั่งข้างในก่อนเถิด”


 


 


เมิ่งซื่อรีบนำพระชายาฉีเข้าไปในห้อง


 


 


เหล่าเมิ่งซื่อจับมือของเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วเดินตามเข้าไป


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเดินตามหลัง


 


 


เมิ่งจงจวี่ เมิ่งเอ้ออิ๋น เมิ่งเสียนสองสามีภรรยาและเมิ่งฉีสองสามีภรรยารออยู่ข้างนอก


 


 


นั่งในห้อง เห็นเมิ่งจงจวี่เขาไม่ได้เดินเข้ามา พระชายาฉียิ้มแล้วสั่งหวงฝู่อี้เซวียนว่า “ไปเรียกทุกคนเข้ามาเถิด ข้ามีเรื่องสำคัญจะพูด”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเดินออกไป กล่าวว่า “ท่านปู่ ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พี่รอง พี่สะใภ้รอง เสด็จแม่มีเรื่องจะพูดกับพวกท่าน”


 


 


เมิ่งจงจวี่เดินนำเข้าไปในห้อง


 


 


พระชายาฉียิ้มแล้วให้เมิ่งจงจวี่สองสามีภรรยาและเมิ่งซื่อสองสามีภรรยานั่งลง กล่าวว่า “วันนี้พวกข้านำสินสอดมาให้โดยที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า หนึ่งเพราะกลัวพวกเจ้าปฏิเสธ ไม่ยอมให้โยวเอ๋อร์แต่งกับอี้เซวียน สองนั้น ฮ่องเต้ได้ออกราชโองการมาแล้ว ให้พวกเขาแต่งงานกันในวันที่หกเดือนแปด ตอนนี้สิ้นเดือนเจ็ดแล้ว ไม่มีเวลามากมายให้เตรียมตัวแล้ว ข้าเลยคิดว่ามาปรึกษาหารือกับพวกเจ้าด้วยตัวเอง ดูว่าพวกเจ้ายังต้องการอะไรอีกหรือไม่”


 


 


หลังจากครอบครัวเมิ่งรีบมา ก็มีความสุขอยู่กับเรื่องที่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมา ไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานของเมิ่งเชี่ยนโยวเลย ฉะนั้นจึงไม่รู้เรื่องที่ฮ่องเต้ออกราชโองการเลย แม้แต่เมิ่งฉียังไม่รู้เรื่อง ทุกคนได้ยินก็หยุดชะงักไปพร้อมกัน


 


 


เห็นทุกคนหยุดชะงักไป พระชายาฉีก็หยุดชะงัก กล่าวถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรหรือ ไม่มีผู้ใดบอกพวกเจ้าเลยหรือ”


 


 


ทุกคนส่ายหัวไปมา


 


 


พระชายาฉีรีบอธิบาย “วันแรกที่เซวียนเอ๋อร์และโยวเอ๋อร์กลับมาเมืองหลวง เซวียนเอ๋อร์ก็ไปขอราชโองการทันที สำนักโหรหลวงคำนวณว่าวันที่หกเดือนแปดเป็นวันมงคล ฮ่องเต้ก็ได้ออกราชโองการในทันที ฉะนั้นข้าจึงรีบยกสินสอดมา


 


 


เมิ่งซื่องงไปสักพัก กล่าวถามอย่างำม่เชื่อว่า “ฮ่องเต้ออกราชโองการให้พวกเขาแต่งงานกันหรือ”


 


 


พระชายาฉีพยักหน้า “ในราชโองการกล่าวว่า ถ้าหากรอบนี้โยวเอ๋อร์ยังกล้าหนีงานแต่งอีกครั้ง ก็จะประหารตระกูลเมิ่งเก้าชั่วโคตร”

 

 

 


ตอนที่ 251 จัดเตรียม

 

ในใจของเมิ่งซื่อไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจ ดีใจเพราะฮ่องเต้ออกราชโองการ สุดท้ายลูกสาวตัวเองจะได้แต่งงานสักที เสียใจเพราะถ้าแต่งงานจริงๆ ต่อไปเมิ่งเชี่ยนโยวไม่สามารถมีบุตรได้ แล้วโดนดูถูกขึ้นมาจะทำเยี่ยงไร


 


 


เรื่องที่เมิ่งเชี่ยนโยวมีบุตรยากไม่ได้เล่าให้เมิ่งจงจวี่สองสามีภรรยาฟัง ฉะนั้นทั้งสองคนยังไม่รู้ เมิ่งจงจวี่ได้ยินก็ตกใจหยุดชะงักไป ไม่นานก็รู้สึกตัวขึ้นมา ฮ่องเต้ทำเช่นนี้ดีกับเมิ่งเชี่ยนโยว ให้พวกเขาแต่งงานกันเร็วๆ


 


 


บรรดาคนในตระกูลเมิ่งก็ตกใจหยุดชะงักไป ตั้งแต่เมิ่งเชี่ยนโยวหายตัวไป นางคิดไปเองฝ่ายเดียวมาตลอดว่า เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เห็นด้วยกับงานแต่งครั้งนี้ ฉะนั้นในใจของนางก็ไม่เห็นด้วยกับงานแต่งครั้งนี้ แต่ตอนนี้ฟังคำพูดของพระชายาฉีแล้ว ตกใจจนตาโต มองพระชายาฉีอย่างเหลือเชื่อ ตระกูลเมิ่งมีหลายร้อยกว่าชีวิต ฮ่องเต้ใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นตัวประกัน เมิ่งเชี่ยนโยวต้องแต่งแน่นอน ทีนี้นางก็จะยิ่งลำบากมากขึ้นไปอีก


 


 


ในใจของเมิ่งเอ้ออิ๋น เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีรู้ดีว่าเป็นเพราะเหตุใด จึงเงียบไม่เอ่ยอะไร


 


 


จุดมุ่งหมายของพระชายาฉีที่พูดเรื่องนี้ออกมาคือทำให้พวกเขาตกใจ ให้ครอบครัวเมิ่งรับสินสอดไว้ เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ ไม่คิดว่าหลังจากทุกคนได้ยินจะมีสีหน้าเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดแสดงสีหน้าดีใจออกมาเลย จึงมองไปทางหวงฝู่อี้เซวียน ส่งสัญญาณให้เขา


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนสะบัดปลายเสื้อขึ้น แล้วคุกเข่าลง


 


 


ทุกคนตกใจ เมิ่งจงจวี่รีบเตรียมตัวลุกขึ้น พยุงเขาขึ้นมา หวงฝู่อี้เซวียนห้ามไว้ ออกเสียงต่ำ มีพลังว่า “ท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ เซวียนเอ๋อร์อยากขอร้องพวกท่านยกโยวเอ๋อร์ให้แต่งงานกับข้า ข้ารู้ว่า เมื่อก่อนข้าทำตัวไม่ค่อยดี ทำให้พวกท่านกังวล แต่ข้าสัญญากับพวกท่าน หลังจากแต่งงาน ข้าจะดีกับโยวเอ๋อร์ ไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็จะไม่ห่างจากนาง ยิ่งไปกว่านั้นข้าสัญญาว่า ชีวิตนี้จะแต่งกับนางเพียงคนเดียว ไม่นอกใจนางเป็นอันขาด”


 


 


แม้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนจะสัญญาเช่นนี้ เมิ่งซื่อก็ยังไม่วางใจ ถอนหายใจแรงๆ หนึ่งครั้ง “อี้เซวียน เจ้าเป็นเด็กที่มีจิตใจดี ในใจข้ารู้ดี แต่สภาพตอนนี้ของโยวเอ๋อร์นั้นพิเศษ ตอนนี้เจ้าอาจจะรู้สึกไม่มีอะไร แต่ห้าปีผ่านไป สิบปีผ่านไป เห็นคนอื่นมีลูกหลานรอบๆ ตัว จิตใจของเจ้ามันจะเปลี่ยนไปเองโดยธรรมชาติ แทนที่จะรอให้ถึงเวลานั้นพวกเจ้ากลายเป็นคู่ที่เกลียดชังกัน ตอนนี้ปล่อยมือกัน เจ้าสู่ขอผู้อื่น ส่วนโยวเอ๋อร์กลับบ้านกับข้า ข้าจะเลี้ยงนางจนแก่เฒ่าไม่ดีกว่าหรือ”


 


 


“ท่านแม่” น้ำเสียงของหวงฝู่อี้เซวียนมีความหวาดกลัวและตกใจ “โยวเอ๋อร์เป็นครึ่งชีวิตของข้า ถ้าหากไม่มีนาง ทั้งชีวิตของลูกก็จะไม่มีความสุขแน่นอน ท่านทนเห็นโยวเอ๋อร์และข้าเจ็บปวดได้หรือ ส่วนเรื่องมีบุตร พวกข้าปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าหากมี แน่นอนว่าพวกข้าต้องดีใจ แต่ถ้าหากไม่มี พวกข้าก็ไม่สนใจ ข้ายังมีน้องชาย ลูกของเขาโตมาสืบทอดตระกูลต่อก็เหมือนกัน


 


 


แม้ว่าเมิ่งซื่อจะไม่รู้เรื่องของจวนอ๋องฉี แต่ก็เคยได้ยินเรื่องมากมายที่เกี่ยวกับความแตกต่างของบุตรภรรยาเอกกับบุตรอนุในครอบครัวตระกูลใหญ่ แล้วก็รู้ว่าเพื่อแย่งชิงสมบัติกัน ทั้งสองฝ่ายจะทำร้ายกัน ต่างคนต่างวางแผน แม้ว่าความสัมพันธ์ของหวงฝู่อี้เซวียนและหวงฝู่อวี้จะดีแค่ไหน แต่ฐานะก็ยังคงแตกต่างกันอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากวันใดให้ลูกของหวงฝู่อวี้สืบทอดตระกูลต่อจริงๆ ในจวนอ๋องฉีอาจไม่มีที่สำหรับพวกเขาสองคนก็ได้ คิดถึงนี่ ก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ อีกหนึ่งครั้ง “เซวียนเอ๋อร์ แม่ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับงานแต่งของพวกเจ้า แต่เพื่ออนาคตของพวกเจ้า เจ้าลองคิดดูดีๆ อีกสักครั้ง ตอนนี้กลับคำยังทัน”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนส่ายหัวไปมาอย่างมั่นใจ “ท่านแม่ ทั้งชีวิตของลูกอยู่เพื่อโยวเอ๋อร์ ถ้าหากนางอยู่ข้างๆ ลูก ทุกวันของลูกก็จะผ่านไปอย่างมีความสุขมาก ถ้าหากนางไม่อยู่ ลูกก็ผ่านหนึ่งวันเหมือนหนึ่งปี ลูกอยากขอร้องให้ท่านแม่เห็นด้วยกับงานแต่งของลูกเถิด ให้โยวเอ๋อร์แต่งกับข้าเถิด”


 


 


เมิ่งซื่ออ้าปากกำลังจะพูด เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา แล้วคุกเข่าลงข้างๆ หวงฝู่อี้เซวียน “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านปู่ ท่านย่า โยวเอ๋อร์อยากแต่งกับอี้เซวียน อยากขอร้องให้ทุกท่านตกลงเถิด”


 


 


สีหน้าของเมิ่งซื่อเริ่มอ่อนลง “โยวเอ๋อร์ เจ้า…”


 


 


“ท่านแม่เจ้าคะ ข้ารู้ว่าท่านหวังดีกับข้า แต่หลังจากผ่านการห่างไกลกันนานหลายเดือนมานี้ทำให้ลูกรู้ว่า ถ้าหากไม่มีอี้เซวียน ทั้งชีวิตนี้ ก็ไม่มีความสุขและความหวังอะไรอีกเลย ฉะนั้นลูกจึงกลับมากับเขา มอบทั้งหมดของลูกให้เขาอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย ฉะนั้น อยากขอร้องท่านพ่อท่านแม่ให้เห็นด้วยกับงานแต่งของพวกข้า ต่อไปไม่ว่าดีหรือร้าย ลูกก็ขอแบกรับกับเขาเจ้าค่ะ”


 


 


ทุกคนอาบน้ำร้อนมาก่อน จะไม่เข้าใจความหมายของประโยคที่เมิ่งเชี่ยนโยวพูดได้อย่างไร เมิ่งจงจวี่สองสามีภรรยาและเมิ่งเอ้ออิ๋นสองสามีภรรยาตกใจ เมิ่งเสียนกัดปาก เมิ่งฉีกำหมัดแน่น


 


 


ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ เมิ่งซื่อจึงเอ่ยออกมาว่า “โยวเอ๋อร์ เจ้า…” ประโยคหลัง ขยับปากสักพักใหญ่ ก็ไม้รู้จะเอ่ยอะไรออกมา


 


 


พระชายาฉีรีบเอ่ยออกมาว่า “ชิ่งจยา ลูกสองคนนี้รู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว เลยเถิดมาถึงขั้นนี้ก็ไม่แปลก ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราก็อย่าลังเลใจอีกเลย สินสอดอยู่ข้างนอก พวกเราออกไปดูกันเถิด”


 


 


ไม่มีใครมารับสินสอดสักที เสียงกลองข้างนอกก็ยังคงบรรเลงอยู่


 


 


ทุกคนมองไปทางเมิ่งซื่อ รอนางตัดสินใจ


 


 


มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าจะคำนึงถึงชื่อเสียงของลูก เมิ่งซื่อไม่ตกลงก็ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองรักกัน ตกลงปลงใจกัน ถ้าหากตัวเองยังไม่เห็นด้วยอีก ก็จะกลายเป็นคนที่ทำให้ทั้งคู่พลัดพรากจากกัน สุดท้ายเมิ่งซื่อถอนหายใจหนึ่งครั้ง แล้วพยักหน้า


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวดีใจมาก กราบลงไปพร้อมกัน “ขอบพระคุณขอรับ/เจ้าค่ะท่านแม่”


 


 


เมิ่งซื่อลุกขึ้น พยุงทั้งสองขึ้นมา


 


 


พระชายาฉีก็ดีใจมาก ยิ้มแล้วลุกขึ้น กล่าวว่า “ชิ่งจยาเราออกไปดูสินสอดกันเถิด”


 


 


เมิ่งซื่อตกลง ทุกคนก็ดีใจ ยิ้มแล้วลุกขึ้น เมิ่งเสียนและเมิ่งเอ้ออิ๋นพยุงเมิ่งจงจวี่ เมิ่งซื่อและซุนเชี่ยนพยุงบรรดาคนในตระกูลเมิ่ง ทุกคนดีใจแล้วพากันเดินออกไปข้างนอก


 


 


เห็นคนเดินออกมาจากจวน เสียงดนตรียิ่งบรรเลงดังขึ้นไปอีก


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเดินออกมา โบกมือกับทุกคน เสียงดนตรีหยุดบรรเลง คนที่มามุงดูล้อมรอบก็ทำตาโตแล้วหันมาทางนี้


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนพูดสั่งอย่างดีใจ “เปิด**บสินสอด”


 


 


ทหารองครักษ์ในจวนรับคำสั่ง ก็เปิดออกทีละ**บตั้งแต่**บแรกอย่างเป็นระเบียบ ให้เห็นสินสอดข้างในกันอย่างชัดเจน


 


 


ทุกครั้งที่เปิดออกหนึ่ง**บ คนที่มามุงดูก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พักใหญ่ จนเปิดออกหมดทุก**บ เสียงเข้าออกของลมหายใจ ดังติดต่อกันเป็นเวลานาน


 


 


ครอบครัวเมิ่งก็ทนไม่ไหวออกเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เบา ครั้งนั้นครอบครัวเมิ่งสู่ขอสะใภ้ทีเดียวทั้งสามเรือน สินสอดของแต่ละคนถือว่าหนาแน่นมากแล้ว แต่ถ้าเทียบกับจวนอ๋องฉีแล้ว คือดูไม่ได้เลย บรรดาคนในตระกูลเมิ่งคิดโดยประมาณแล้วสินสอดของหลานสะใภ้ทั้งสามของตนเองรวมกันแล้ว เกรงว่ายังไม่มีค่าเท่ากับสินสอดหนึ่ง**บในนี้เลย


 


 


คนที่มามุงดูส่วนใหญ่ก็เป็นประชาชนที่ยากจน เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เห็นสินสอดเช่นนี้ ภาพวาดโบราณ ชุดเครื่องประดับ อัญมณีต่างๆ ยังมีอีกมากมายที่พวกเขาไม่เคยพบเห็น สิ่งของมีค่าที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อเรียก


 


 


สินสอดพวกนี้ จวนอ๋องฉีใช้เวลาจัดเตรียมหนึ่งปีกว่า ตอนนี้เห็นการตอบสนองของครอบครัวเมิ่ง ใจที่กังวลก็วางลงได้สักที ยิ้มแล้วกล่าวกับเมิ่งซื่อว่า “ชิ่งจยา ดูสิว่ายังขาดเหลืออะไรอีกหรือไม่ ข้าจะได้กลับจวนไปจัดการ”


 


 


เมิ่งซื่อก็ดูจนตาลายเล็กน้อย ได้ยินจึงรู้สึกตัวขึ้นมา สีหน้ามีความตกใจเล็กน้อย “ท่านเกรงใจมากไปแล้ว ทั้งชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยพบเจอสินสอดที่ดีเยี่ยมเยี่ยงนี้มาก่อน ท่านให้ความสำคัญกับพวกข้ามากไปแล้ว”


 


 


พระชายาฉีกล่าวเสียงดังว่า “ลูกสะใภ้คนนี้ข้าขอแทบเป็นแทบตายจึงจะได้มา สินสอดพวกนี้ข้ายังรู้สึกน้อยไปด้วยซ้ำ รอพวกเขาแต่งงานกันแล้ว ข้าจะมอบอำนาจดูแลจวนให้โยวเอ๋อร์ทันที ทุกอย่างในจวนเป็นของนางทั้งหมด”


 


 


เสียงสูดลมหายใจเข้าดังขึ้นอีกครั้ง ครอบครัวตระกูลใหญ่ ให้ความสำคัญที่สุดกับอำนาจดูแลครอบครัว เพราะถ้าหากมีอำนาจดูแลครอบครัว เรื่องทุกอย่างในครอบครัว แทบจะทุกเรื่องที่คำพูดของคนถืออำนาจเป็นใหญ่สุด คนที่เหลือต้องมองสีหน้าของนางในการดำเนินชีวิต พระชายาฉีสัญญาต่อหน้าทุกคนในที่นี้ว่าจะมอบอำนาจดูแลครอบครัวให้กับองค์หญิงชิงเหอ นั่นเท่ากับว่าเป็นการบอกกลายๆ ถึงฐานะในจวนอ๋องของเมิ่งเชี่ยนโยวในอนาคต


 


 


ไม่เพียงแต่คนที่มามุงดู แม้แต่ครอบครัวเมิ่งก็ตกใจกันไปสักพักใหญ่ๆ ไม่รู้สึกตัวกันไปหมด


 


 


พระชายาฉีมองดูการตอบสนองของทุกคนอย่างพอใจ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ชิ่งจยา ถ้าหากท่านไม่มีความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับสินสอด พวกเราก็จัดงานแต่งงานให้เด็กทั้งสองในวันที่หกเดือนแปดตามวันที่กำหนดเถิด”


 


 


เมิ่งซื่อพยักหน้าเห็นด้วยติดต่อกันหลายๆ ครั้ง “ดีๆๆ ให้พวกเขาแต่งงานตามวันที่กำหนด”


 


 


 


 


เปิดสินสอด โน้มน้าวใจคนในครอบครัวเมิ่ง เป้าหมายของพระชายาฉีก็สำเร็จลงแล้ว ก็ไม่ได้เดินกลับเข้าไปในจวนอีกครั้ง ยิ้มแล้วกล่าวว่า “วันแต่งงานรีบร้อนมากเกินไป ข้ายังต้องกลับไปจัดเตรียมอีกมากมาย ถ้าหากท่านไม่มีเรื่องอะไร ข้าขอตัวกลับก่อน”


 


 


เมิ่งจงจวี่สองสามีภรรยาไม่ขยับ เมิ่งซื่อสองสามีภรรยา เมิ่งเสียนสองสามีภรรยาและเมิ่งฉีสองสามีภรรยาเดินไปส่งพระชายาฉีและหวงฝู่อี้เซวียนถึงข้างรถม้า มองดูพระชายาฉีขึ้นรถม้าไป


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนโบกมือ คนที่เล่นดนตรีและยกสินสอดก็ถอยหลังออกไปอย่างเป็นระเบียบ กระโดดขึ้นบนหลังม้า หันม้า แล้วตามหลังรถม้าของพระชายาฉีไปทางจวนอ๋องฉี


 


 


องครักษ์ในจวนตามหลังอย่างเป็นระเบียบ


 


 


ทุกคนที่มามุงดูก็มองตามหลังทั้งสองไปไกล ก็หันกลับมามองสินสอดตั้งแต่ลังแรกยันลังสุดท้ายอย่างละเอียดอีกหนึ่งรอบ จึงจะจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์


 


 


สินสอดหนึ่งร้อยแปดลังนี้ เปิดไว้หนึ่งวันเต็มๆ คนที่มามุงดูจึงจะค่อยๆ ทยอยหายไปจนหมด เมิ่งเสียนจึงสั่งคนในจวนให้ยกเข้าไปในจวน


 


 


เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่นานก็เข้าหูฮ่องเต้และไทเฮา


 


 


ไทเฮาโมโหจนโยนแก้วชาในมือลงบนพื้น เสียงดังนั้นทำให้นางกำนัลและขันทีที่รับใช้อยู่ในห้องตกใจจนกราบลงไปบนพื้นอย่างพร้อมเพรียง “เจ้าชั่วสองคนนี้ เป็นคนในราชวงศ์แท้ๆ ลดตัวลงไปสู่ขอลูกสาวชาวนา ยังประกาศให้ทุกคนรู้กันไปทั่ว เสียสติกันไปแล้วหรือไง”


 


 


ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา แม้แต่เสียงหายใจดังๆ ก็ไม่มี


 


 


มีแต่สายตาของกูกูผู้ดูแลที่กะพริบหลายครั้ง แต่ไม่นานก็กลับมาสงบเหมือนเดิม


 


 


ไทเฮายังคงไม่หายโมโห ตะคอกด่าว่า “ลูกสาวชาวนาที่มีบุตรยากคนหนึ่ง ฮ่องเต้ประทานนามองค์หญิงชิงเหอให้กับนาง ยังตกลงเรื่องแต่งงานของนางกับเซวียนเอ๋อร์ นางไม่เพียงแต่ไม่รู้จักขอบพระทัย ยังหายตัวไปอย่างไร้สาเหตุครึ่งปีกว่า เกือบทำลายหลานชายที่ดีของข้าไปคนหนึ่ง ตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ทำตัวดีๆ ไม่กระทำการณ์เงียบๆ ยังกล้าทำเรื่องเสียหน้าราชวงศ์ของข้าเยี่ยงนี้ ถ้าหากไม่เห็นแก่หน้าของเซวียนเอ๋อร์ ครั้งนี้ข้าจะต้องทำอะไรนางสักอย่างจริงๆ ”


 


 


กูกูผู้ดูแลอ้าปาก กลืนคำพูดที่จะเอ่ยออกมาลงไปอีกครั้ง


 


 


ขันทีที่ดูแลกลับเงยหน้าแล้วโน้มน้าวอย่างประจบสอพลอว่า “ไทเฮา ท่านไม่เห็นต้องไปโมโหให้กับคนที่ไม่มีค่าเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ ไม่ต้องว่าแค่ตอนนี้ รอนางและซื่อจือแต่งงานกันแล้ว ท่านก็สามารถเรียกนางเข้าวังมาคุยด้วยบ่อยๆ ได้”


 


 


ทุกคนเข้าใจความหมายในประโยคของขันทีที่ดูแล ไทเฮาจะไม่เข้าใจได้เยี่ยงไร ความโมโหลดน้อยลง ยิ้มแล้วพยักหน้า “เจ้าพูดถูก นางเป็นหลานสะใภ้ของข้า ข้าเรียกนางเข้าวังนางจะกล้าปฏิเสธเอ่ยคำว่าไม่ได้อย่างไร


 


 


ประโยคเดียว กำหนดชีวิตต่อไปที่ลำบากของเมิ่งเชี่ยนโยว แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ หวงฝู่อี้เซวียนเป็นคนที่หลงภรรยามาก จะให้นางสมหวังได้อย่างไร


 


 


ฝั่งนี้ไทเฮาคิดอย่างมีความสุข ฝั่งฮ่องเต้หลังจากได้ยินคำรายงานของขันที พิงหลังลงไปบนเก้าอี้ เงียบไปสักพักใหญ่ วันนั้นที่หวงฝู่อี้เซวียนเข้าวังมาขอราชโองการ คำที่ขมขู่ตนยังอยู่ข้างหู ‘เสด็จลุง ทั้งชีวิตของข้าไม่ต้องการอะไร แค่อยากอยู่กับโยวเอ๋อร์ ถ้าหากท่านตกลงให้พวกข้าแต่งงานกัน ข้าจะสนับสนุนให้ตระกูลหวงฝู่ของเราครองบัลลังก์อย่างสุดความสามารถ แต่ถ้าหากท่านไม่ตกลง งั้นข้าก็ขอละทิ้งฐานันดรนี้ แล้วพาโยวเอ๋อร์ไปเที่ยวทั่วภูเขาทะเล ตั้งแต่นี้ต่อไป ตระกูลหวงฝู่กับข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น’


 


 


ประโยคนี้ ถ้าหากเป็นผู้อื่น ฮ่องเต้คงให้ทหารลากตัวออกไปประหารชีวิตทันที แต่หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยออกมา ในใจของฮ่องเต้ก็รู้สึกหวาดกลัว หวงฝู่อี้เซวียนมีพรสวรรค์ทั้งความรู้และการต่อสู้อย่างมาก เขาเห็นมาโดยตลอด พูดได้เลยว่าองค์ชายทั้งหลายไม่มีใครเทียบเขาได้เลยสักคนเดียว ถ้าหากเขายอมสนับสนุน แม้ว่าองค์ชายรัชทายาทจะไม่ได้เรื่องสักแค่ไหน แต่ก็สามารถครองบัลลังก์ได้อีกนานหลายปี ตระกูลหวงฝู่ของพวกเขาก็ยังสามารถตั้งตระหง่านได้อีกนานหลายปีไม่ล้มลง แต่ถ้าหากเขาไม่สนับสนุน การสืบทอดบรรพบุรุษของตน ไม่รู้ว่าจะสามารถรักษาไว้ได้นานแค่ไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ถ้าหากเขาไป น้องชายคนเดียวของเขาก็จะจากเขาไปด้วย ต่อไปเขาก็จะเป็นฮ่องเต้ผู้โดดเดี่ยวเดียวดายจริงๆ ฉะนั้นแม้ว่าจะได้ยินคำรายงานของขันทีแล้ว ฮ่องเต้ก็ทำได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก โบกมือให้ทุกคนถอยออกไป ครั้งแรกในชีวิต ที่ตนเหม่อมองเพดานของพระตำหนัก

 

 

 


ตอนที่ 252 พาภรรยาและลูกมาวุ่นวาย

 

 


 


พระชายาฉีและหวงฝู่อี้เซวียนกลับจวนอย่างมีความสุข เพิ่งเดินเข้าจวน ก็สั่งพ่อบ้านด้วยน้ำเสียงดีใจว่า “สั่งการไปว่า ตั้งแต่วันนี้ จัดเตรียมงานแต่งของซื่อจือ ด้านในและด้านนอกจวนแขวนโคมไฟสีแดงในทั่วก่อน ให้คนทั่วเมืองหลวงรับรู้ว่าจวนอ๋องฉีของเราจะจัดงานมงคลสมรส”


 


 


แม้ว่าไม่ทำเยี่ยงนี้ เกรงว่าคนทั่วเมืองหลวงน่าจะรู้กันทั่วแล้ว แต่เห็นพระชายาฉีดีใจเยี่ยงนี้ พ่อบ้านกลืนคำพูดที่จะเอ่ยลงไป รับคำสั่งอย่างดีใจและสั่งลงไปทันที


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนกลับไปที่เรือนของตน พระชายาฉีไปที่ห้องหนังสือด้านนอก


 


 


ตั้งแต่พระชายาฉีและหวงฝู่อี้เซวียนสั่งให้คนยกสินสอดไปที่จวนของเมิ่งเชี่ยนโยว ท่านอ๋องฉีก็มีสภาพเดียวกับฮ่องเต้ เงยหน้าขึ้น สายตาเหม่อมองไปที่เพดาน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่หรือไม่คิดอะไรเลย ปล่อยให้สมองของตัวเองว่างเปล่า จนพระชายาฉีเข้ามาในห้องทำงาน ท่านอ๋องฉีจึงจะรู้สึกตัว แสดงรอยยิ้มออกมา “ตระกูลเมิ่งตกลงแล้วหรือ”


 


 


พระชายาฉียิ้มแล้วพยักหน้า เดินไปข้างหน้าโต๊ะทำงาน มองดูโต๊ะทำงานที่ยุ่งเหยิง ดึงแขนเสื้อขึ้น แล้วเริ่มจัดเก็บ


 


 


“เริ่มแรกครอบครัวเมิ่งก็ลังเลใจ แต่ข้าบอกเนื้อหาในพระราชโองการให้พวกเขาฟัง พวกเขาจึงตกลงอย่างไม่มีทางเลือก”


 


 


มองดูนางดึงแขนเสื้อขึ้น เหมือนครอบครัวทั่วไป ช่วยเขาจัดเก็บ ท่านอ๋องฉีรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในขณะเดียวกันภายในใจก็รู้สึกเสียใจ หลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับนาง แต่นอกจากให้เกียรติในฐานะพระชายาที่นางควรได้รับแล้ว ก็ไม่เคยใส่ใจอะไรนางมากมาย จนถึงตอนนี้ ก็มีแต่นางที่ไม่เคยไปไหน ไม่เสียใจหรือเกลียดชังและอยู่กับเขามาโดยตลอด ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่พระชายาที่ดี แล้วยังทำหน้าที่ภรรยาที่ดีอีกด้วย นี่คือเรื่องที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน และไม่เคยคาดหวังมาก่อน


 


 


พระชายาฉีจัดเสร็จ ก็ไปล้างมือที่กะละมังข้างๆ เช็ดให้แห้ง ยกเก้าอี้หนึ่งตัวมานั่งข้างหน้าท่านอ๋องฉี “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าเศร้าเรื่องใด มีคำสุภาษิตคำหนึ่งกล่าวได้ดี ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน ท่านอย่าได้กังวลมากไป ถ้าหากสวรรค์เมตตา โยวเอ๋อร์ตั้งท้อง เราก็เป็นท่านปู่ท่านย่าอย่างวางใจ เลี้ยงหลาน ใช้ชีวิตจนแก่เฒ่า ถ้าหากไม่มี งั้นหม่อมฉันก็ออกเดินทางกับท่าน หม่อมฉันร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก นอกจากเมืองหลวงแล้วยังไม่เคยไปที่ใดเลย บนบ่าของท่านแบกรับหน้าที่ของตน หลายปีมานี้ ก็ไม่เคยใช้ชีวิตในแบบที่ตนต้องการ หม่อมฉันคิดไว้แล้ว เราฉวยโอกาสที่ยังมีแรงอยู่ ออกเดินทางไปรอบๆ ไปดูทะเลภูเขาของรัฐอู่ ไปใช้ชีวิตอิสระและมีความสุขกับท่าน”


 


 


ตั้งแต่รู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวมีบุตรยาก แม้ว่าท่านอ๋องฉีจะส่งคนออกตามหาหมอดังทั่วรัฐอู่ แต่ก็ก้าวผ่านด่านในใจนั้นไปไม่ได้ ตอนนี้ฟังคำพูดของพระชายาฉีแล้ว รู้สึกสมองปลอดโปร่งขึ้นมาทันที ในใจก็โล่งอกทันที แสดงความดีใจออกมา ร่างกายก็มีชีวิตชีวาขึ้นทันที จับมือของพระชายาฉีขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตันว่า “ข้าโง่เขลาเอง พระชายาพูดถูก ถ้าหากพวกเขาไม่มีลูก ข้ากับเจ้าเราจับมือกันไปดูทะเลภูเขากันอย่างไม่ต้องกังวลใจ”


 


 


พระชายาฉียิ้มแล้วพยักหน้า “หลายปีมานี้หม่อมฉันอยู่แต่ในเมืองหลวง ที่อยากไปที่สุดคือออกไปดูข้างนอก ถ้าหากมีท่านไปด้วย ทั้งชีวิตนี้ไม่หวังอะไรอีก”


 


 


ในใจของท่านอ๋องฉียิ่งซาบซึ้งใจมากขึ้นไปอีก จับมือของนางไว้แน่น ใช้แรงเล็กน้อย ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดของตนภายใต้เสียงร้องตกใจของพระชายาฉี เพ่งมองนางอย่างใกล้ชิด


 


 


พระชายาฉีถูกมองจนหน้าแดง “ท่านอ๋อง ท่าน…”


 


 


อ๋องฉีแนบริมฝีปากลงไป


 


 


แต่งงานมานานหลายปี เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องฉีกล้าทำเรื่องเยี่ยงนี้ที่นี่ ร่างกายของพระชายาฉีสั่นเล็กน้อย อยากผลักตัวเขาออก


 


 


มือของอ๋องฉียิ่งแรงขึ้น อุ้มนางขึ้นมา แล้วเดินไปทางเตียงด้านในที่เอาไว้พักผ่อนในห้องหนังสือ


 


 


พระชายาฉีรู้สึกถึงการกระทำของเขา ยิ่งดิ้นมากขึ้น ออกเสียงอย่างสุดชีวิตออกมาเป็นระยะๆ ว่า “ท่านอ๋อง ข้า…”


 


 


อ๋องฉีจะฟังคำพูดของนางได้อย่างไร ลากริมฝีปากลงมา ข่มขู่ข้างๆ หูของนางว่า “ถ้าหากเจ้าไม่อยากให้ทุกคนในจวนรู้ว่าเราทำอะไรกันในห้องหนังสือ ก็ยอมข้าแต่โดยดี ถ้าหากไม่ วันนี้ทั้งวันเจ้าอย่าคิดว่าจะได้ออกจากห้องนี้อีกเลย”


 


 


ถ้าหากรู้ว่านี่คือผลที่ตนมาปลอบเขา ให้ตายพระชายาฉีก็ไม่เข้ามาในห้องหนังสือแน่นอน แต่ตอนนี้นางเหมือนดั่งลูกแกะที่รอให้ถูกฆ่าอยู่บนแท่น ปล่อยให้ท่านอ๋องฉีทำตามใจตนทุกอย่าง


 


 


หลิงหลงและทุกคนที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกได้ยินเสียงที่ดังเล็ดลอดออกมา ต่างหน้าแดงแล้วถอยออกไปนอกเรือนห้องหนังสือทันที


 


 


ผ่านไปเนิ่นนาน อ๋องฉีมีชีวิตชีวา ใบหน้ามีความสุข แต่งกายเรียบร้อยจึงอุ้มพระชายาฉีที่ไร้เรี่ยวแรงออกมาจากห้องทำงาน สั่งหลิงหลงว่า “เตรียมน้ำร้อน ข้าจะล้างตัวให้พระชายาเอง”


 


 


รู้ว่าตนร่างกายอ่อนแอ ท่านอ๋องฉีไม่เคยรุนแรงเช่นนี้กับตนเลย ตอนนี้พระชายาฉีไม่มีแม้แต่แรงอ้าปาก ทำได้แต่มุดศรีษะเข้าไปในอ้อมกอดของท่านอ๋องฉี ตัวแดงไปหมดแล้วปล่อยให้เขาอุ้มตัวเองเข้าไปในเรือนของตัวเอง


 


 


เรื่องนี้ไม่นานก็เข้าหูหวงฝู่อี้เซวียน


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินก็ยิ้มออกมาจากใจจริง มีเสด็จแม่เปลี่ยนอารมณ์ของเสด็จพ่อ ต่อไปความกดดันของโยวเอ๋อร์จะได้น้อยลง


 


 


ถ้าหากพระชายาฉีรู้ว่าเขามีความคิดเช่นนี้ จะต้องชี้จมูกแล้วด่าเขาว่า ‘เจ้าลูกอกตัญญู’ อย่างแน่นอน เสียดาย ตอนนี้นางไม่มีแม้แต่แรงจะลืมตา


 


 


หลังจากพระชายาฉีและหวงฝู่อี้เซวียนกลับไป สั่งคนให้เฝ้าสินสอดด้านนอกประตู ครอบครัวเมิ่งทุกคนกลับเข้าไปปรึกษาหารือกันเรื่องแต่งงานของเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


 


 


สินเดิมของฝ่ายหญิงได้จัดเตรียมไว้นานแล้ว แต่ครอบครัวเมิ่งรีบมาเมืองหลวง จึงไม่ได้เอาอะไรมาเลย ในเมืองหลวง ซุนเชี่ยนได้เตรียมไว้แล้วบางส่วน แต่ถ้าเทียบกับหนึ่งร้อยแปด**บแล้ว ก็ยังห่างไกลกันมาก


 


 


เมิ่งจงจวี่กล่าวว่า “ในเมื่อเราแต่งกับจวนอ๋องฉีที่สูงส่งกว่า เรื่องสินเดิมเราจะปล่อยผ่านไม่ได้ พวกเขาให้สินสอดทั้งหมดหนึ่งร้อยแปด**บ พวกเราต้องมากกว่าห้ามน้อยกว่า ดังนั้น พวกเราเตรียมหนึ่งร้อยห้าสิบหก**บ เดี๋ยวสั่งคนไปยกของที่บ้านมา ดูว่ายังอีกเท่าไหร่ ใช้เวลาที่คนในครอบครัวยังอยู่เมืองหลวง รีบไปจัดการให้เรียบร้อย”


 


 


เมิ่งเอ้ออิ๋นสองสามีภรรยา เมิ่งเสียนสองสามีภรรยา และเมิ่งฉีสองสามีภรรยาไม่คัดค้านใดๆ ทั้งสิ้น แต่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับไม่ยอม “ท่านปู่ พวกเขาเป็นคนจวนอ๋องฉี แน่นอนว่าเงินทองของพวกเขานั้นหนาแน่นมากกว่าเราอยู่แล้ว สินสอดหนึ่งร้อยแปด**บนี้เล็กน้อยมาก แต่ครอบครัวเราไม่เหมือนกัน หนึ่งร้อยห้าสิบหก**บเยอะเกินไป ข้าคิดว่า เราให้ครึ่งหนึ่ง ให้ห้าหกสิบ**บเป็นพอเจ้าค่ะ”


 


 


“เจ้าเด็กโง่” เมิ่งซื่อยิ้มแล้วกล่าวว่า “ลูกสาวบ้านอื่นแต่งออกเรือน แทบจะขนสมบัติทั้งหมดของครอบครัวไป ใครจะเหมือนเจ้า กังวลมากเกินไป เจ้าไม่รู้หรือว่าอยู่ในเมืองหลวงมีสินเดิมติดตัวไว้เยอะๆ ดีแค่ไหน เมื่อใดที่เจ้าต้องการ อยากใช้เท่าไหร่ก็ใช้ ไม่มีใครว่าอะไรเจ้าได้”


 


 


“ท่านแม่” เมิ่งเชี่ยนโยวคลอเคลียอยู่ข้างๆ เมิ่งซื่อ กล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “ครอบครัวเราเป็นครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ถ้าหากยกสินเดิมให้ข้าไปหนึ่งร้อยห้าสิบหก**บจริงๆ ครอบครัวเราก็ไม่เหลืออะไรแล้วแน่ๆ ต่อไปท่านปู่ ท่านย่า แล้วก็ท่านทั้งสอง ยังมีพี่ชายกับพี่สะใภ้ทุกคน ต้องกินลมแทนแล้วนะเจ้าคะ”


 


 


เมิ่งซื่อหัวเราะออกมา “ครอบครัวเรามีโรงงาน จะกินลมได้เยี่ยงไร เรื่องสินเดิมเจ้าไม่ต้องยุ่งอีก ข้ากับพ่อเจ้าจัดการเอง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นว่าไม่มีใครฟัง ก็รู้สึกร้อนใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ไม่ต้องให้สินเดิมข้ามากมายขนาดนั้นจริงๆ ข้ามีกิจการของตัวเอง กิจการในมือของอี้เซวียนก็มีไม่น้อย แม้ว่าไม่ใช้ของในจวนอ๋องฉี พวกข้าก็ใช้ไม่หมด”


 


 


เหล่าเมิ่งซื่อโบกมือเรียกนาง เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไป คลอเคลียอยู่ข้างๆ นาง เรียกด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “ท่านย่าเจ้าขา”


 


 


“เรียกย่าก็ไม่มีประโยชน์” เหล่าเมิ่งซื่อยิ้มแล้วกล่าวว่า “ครอบครัวเรามีวันนี้ได้ เป็นเพราะเจ้าหามาทั้งนั้น อย่าว่าแต่แค่นี้ แม้ว่าจะเอาทุกสิ่งในบ้านไป พวกข้าก็ไม่เสียใจ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตาโต “ครอบครัวคนอื่นแทบไม่อยากให้สินเดิมกับลูกสาว ทำไมครอบครัวเราไม่เหมือนคนอื่น ข้าไม่อยากได้ก็ยัดเยียดให้ข้า ข้าจะไปฟ้องเรื่องนี้กับใครได้บ้างเจ้าคะ”


 


 


เป็นครั้งแรกที่เมิ่งฉียิ้มออกมาในรอบหลายเดือนนี้ กล่าวล้อเล่นออกมาว่า “พูดถูกแล้ว ในครอบครัวเราลูกสาวเนื้อหอมกว่าลูกชาย ตอนนี้ข้าเสียดายจริงๆ เพราะเหตุใดทำไมข้าไม่เกิดเป็นลูกสาว”


 


 


ทุกคนหัวเราะออกมา หวังเยียนยิ้มแล้วผลักเขาหนึ่งที “ยิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะแล้ว อย่างเจ้า แม้ว่าจะเกิดเป็นผู้หญิง ท่านแม่ก็ไม่รักเจ้าหรอก”


 


 


 


 


คนในห้องหัวเราะออกมาอีกครั้ง


 


 


ช่วงนี้เซิ่งเอ๋อร์สนิทสนมกับเมิ่งเชี่ยนโยว ก้าวขาเล็กๆ มาอยู่ข้างหน้านาง เลียนแบบนางด้วยการคลอเคลียในอ้อมกอดนาง เงยหน้าขึ้นยิ้มแล้วกล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “ท่านอา ข้าไม่ใช่เด็กผู้หญิง ข้าไม่กินหอม ข้าจะกินของอร่อย”


 


 


ทุกคนหัวเราะออกมาเสียงดังจนหลังคาบ้านแทบปลิว


 


 


 


 


พระชายาฉีเหนื่อยมากเกินไป วันที่สองลุกขึ้นมายังปวดเมื่อยไปทั้งตัว ในใจเตือนตัวเองว่า ต่อไปต้องห่างจากท่านอ๋อง อย่าไปวุ่นวายกับเขาอีก


 


 


ท่านอ๋องฉีเห็นสีหน้าของนางแน่นอน ใบหน้าแสดงรอยยิ้มที่มีความสุขออกมา แต่ก็คิดได้ว่าอีกไม่กี่วันก็เป็นวันแต่งงานของหวงฝู่อี้เซวียนแล้ว มีเรื่องมากมายต้องให้นางจัดการ ตนก็ไม่สามารถรุนแรงกับนางอีก ถ้าหากทำนางเหนื่อยเกินไป คนที่ลำบากก็จะเป็นตน


 


 


แม้ว่าจะพักผ่อนไม่เพียงพอ พระชายาฉีก็ยังคงบังคับตัวเองให้ตื่นขึ้นมาตรวจสอบทั้งในและนอกจวนอีกครั้ง ดูว่ายังมีที่ใดที่ต้องจัดเก็บเพิ่มเติม ส่วนเรือนแต่งงานของหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยว เตรียมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เป็นเรือนที่เขาพักอยู่ตอนนี้ ตอนนี้พ่อบ้านก็ได้สั่งคนปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาดทั้งข้างในและข้างนอกใหม่อีกครั้ง ทุกที่ติดโคมไฟไว้ เป็นบรรยากาศของงานเฉลิมฉลองจริงๆ


 


 


ในขณะที่ทุกคนกำลังยุ่ง เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ถึงวันที่หกเดือนแปด


 


 


ในจวนของครอบครัวเมิ่งวุ่นวายกันมาก ซุนเหลียงไฉเจ้าโง่นี้ได้พาทั้งครอบครัวไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มากันหมด ไม่ยอมไปพักที่จวนในเมืองหลวงของตัวเอง จะอยู่ในจวนกับครอบครัวเมิ่งไม่ยอมไปไหน ตั้งใจมาวุ่นวายจริงๆ


 


 


ครอบครัวของจูหลานก็มาทั้งครอบครัว ที่มาพร้อมกันยังมีเซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวน ทั้งสองตั้งใจว่าต่างคนต่างไปพักร้านของตน แต่เมิ่งซื่อบอกว่าคนเยอะสนุกดี ก็เลยให้พวกเขาพักอยู่ในจวนด้วย


 


 


พวกเขามากันหมด เปาอีฝานก็ไม่ยอมแน่ๆ จับมือภรรยาและลูก ชวนเปาชิงเหอสองสามีภรรยามาด้วยกัน ทันทีที่เข้าประตูมา ไม่รอให้เมิ่งฉีเอ่ยอะไร กล่าวกับเขาว่า “วันนี้พวกข้าทั้งครอบครัวพักที่นี่ เจ้าไปจัดเตรียมที่พักให้พวกข้าด้วย”


 


 


มุมปากของเมิ่งฉีกระตุกเบาๆ หลายครั้ง แล้วนำครอบครัวนี้ที่มาวุ่นวายไปห้องพักที่จัดเตรียมไว้แล้วอย่างไม่มีทางเลือก


 


 


เหวินซื่อก็เป็นคนที่ไม่มีเรื่องก็จะคอยหาเรื่องคนหนึ่ง อุ้มลูกแล้วพาเฝิงจิ้งเหวินมาด้วย พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวก็แบมือออกมาทันที “งานครบเดือนของลูกข้าเจ้าไม่ได้มา ของขวัญก็ไม่ได้เตรียม ชดเชยมาเลยตอนนี้”


 


 


ใบหน้าของเฝิงจิ้งเหวินแดงขึ้นทันที ผลักเขาด้วยความเกรงใจ กล่าวว่า “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าอย่าไปฟังเขา”


 


 


แต่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับยิ้มแล้วหยิบกล่องเล็กออกมาจากกล่องใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ยื่นแล้ววางไว้บนมือของเหวินซื่อ “ตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง ข้าก็ได้เตรียมไว้แล้ว”


 


 


“ต้องอย่างนี้สิ” เหวินซื่อรับมา เปิดออก ข้างในเป็นแม่กุญแจทองและกำไลทองเล็ก


 


 


“สวยเหลือเกิน” เฝิงจิ้งเหวินออกเสียงอย่างตกใจ เหวินซื่อก็ตาค้างเช่นกัน


 


 


“อันนี้ข้าออกแบบเอง แล้วให้ช่างทำออกมา ให้เด็กๆ คนละชุด ทุกคนไม่เหมือนกัน”


 


 


“ขอบคุณโยวเอ๋อร์” เฝิงจิ้งเหวินกล่าวออกมาอย่างมีความสุข


 


 


เฝิงจิ้งซูก็อุ้มลูกมาวุ่นวาย ฉู่เหวินเจี๋ยไม่วางใจ ต้องตามมา เมิ่งจงจวี่เห็น ก็เกิดความวุ่นวายอีกครั้ง อยากจะคุกเข่าทำความเคารพ ฉู่เหวินเจี๋ยห้ามไว้ “วันนี้ไม่มีท่านแม่ทัพ มีแค่เพื่อน”


 


 


แต่ว่า เขาเป็นน้าแท้ๆ ของหวงฝู่อี้เซวียน ไม่สามารถไม่ไปร่วมงานแต่งของหลานชายได้ หลังจากอยู่ที่นี่สองชั่วโมง ก็พาเฝิงจิ้งซูและลูกไปที่จวนอ๋องฉี


 


 


หลังจากซุนเหลียงไฉเจ้าคนทึ่มนี้พาครอบครัวไปพักแล้ว มุมปากแสดงรอยยิ้มแปลกๆ ออกมาแล้วเตรียมออกไปหาเปาอีฝานพวกเขาทั้งสี่ แต่พอเดินออกมาจากเรือน ก็พบเหวินซื่อคนทึ่มอีกคน


 


 


คนทึ่มสองคนสบตากัน แล้วเอ่ยออกมาพร้อมกันว่า “มา เข้ามาในห้องข้า เรามาปรึกษากันหน่อย เรื่องขัดขวางงานแต่งในวันพรุ่งนี้”


 


 


หลายปีมานี้ถูกหวงฝู่อี้เซวียนข่มมาตลอด กว่าจะรอเขาแต่งงานจริงๆ ในฐานะครอบครัวฝั่งหญิงเราจะปล่อยโอกาสดีๆ เช่นนี้ไปได้อย่างไร วันรับตัวเจ้าสาวพรุ่งนี้ จะให้เขารับตัวเจ้าสาวไปง่ายๆ ไม่ได้ ซุนเหลียงไฉคิดเช่นนี้


 


 


กล้าทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวโกรธจนหนีออกจากบ้านไปแปดเดือน ทำให้ตอนที่ภรรยาของข้าคลอดลูก ไม่มีนางอยู่ข้างๆ ทำให้ข้าตกใจจนเกือบเป็นลม แค้นนี้พรุ่งนี้ต้องชำระให้ได้ นี่คือความคิดของเหวินซื่อ

 

 

 


ตอนที่ 253 งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่

 

คนทึ่มทั้งสองพบเจอกัน แน่นอนว่าต้องเข้ากันได้ดี พากันไปยังเรือนที่เหวินซื่อพักอยู่ ฉวยโอกาสตอนที่เฝิงจิ้งเหวินไม่อยู่ กระซิบหารือกันเหมือนโจรเกือบครึ่งค่อนวัน จึงจะเดินออกมากันทีละคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีเลศนัย มุ่งไปยังเรือนของเปาอีฝาน


 


 


เหวินซื่อและเปาอีฝานสนิทกันอยู่แล้ว ทั้งสองพบเจอกันก็ไม่มีแม้แต่คำทักทาย แค่มองสีหน้าของอีกฝ่ายก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เปาอีฝานยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกเราสี่คนคิดวิธีดีๆ เพื่อขัดขวางเจ้าบ่าวในวันพรุ่งนี้ได้หนึ่งวิธี พวกเจ้าทั้งสองอยากฟังหรือไม่”


 


 


เหวินซื่อและซุนเหลียงไฉสบตากัน แล้วกล่าวพร้อมกันว่า “พอดีเลย พวกข้าก็คิดได้หนึ่งวิธี พวกเราพูดออกมาทั้งสองวิธี ดูว่าวิธีของใครดีกว่า”


 


 


ทุกคนพยักหน้า


 


 


เหวินซื่อเอ่ยวิธีของทั้งสองออกมาก่อน ถูกเปาอีฝานส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ได้ วิชาต่อสู้ของเจ้าบ่าวดีเกินไป พวกเราทั้งหมดสู้กับเขาก็ไม่น่าจะใช่คู่ต่อสู้ของเขา”


 


 


“เช่นนั้น พวกเจ้าลองบอกวิธีของพวกเจ้ามา” เหวินซื่อกล่าว


 


 


เปาอีฝานเอ่ยความคิดที่ทั้งสี่คนปรึกษากันเมื่อครู่ออกมา แต่ก็ถูกซุนเหลียงไฉปฏิเสธ “วิธีของพวกเจ้ายิ่งไม่ได้เลย เจ้าอี้เซวียนนั่น มีความจำเป็นเลิศ คำศัพท์สำหรับเขานั้นง่ายมาก”


 


 


อันนี้ก็ไม่ได้ อันนั้นก็ไม่ได้ หรือต้องปล่อยโอกาสดีๆ เช่นนี้ไปจริงๆ ทุกคนต่างสบตากันและกัน แล้วส่ายหัวพร้อมกัน นี่เป็นโอกาสที่ดีที่หายากมาก ถ้าพลาดครั้งนี้ไปก็ไม่มีอีกแล้ว อย่างไรก็ต้องแกล้งหวงฝู่อี้เซวียนเพื่อกำราบความเย่อหยิ่งของเขา ดังนั้น ชายหนุ่มทั้งหกจึงคิดวางแผนเรื่องแกล้งหวงฝู่อี้เซวียนในวันพรุ่งนี้ลับหลังคนในครอบครัว โดยที่คิดว่าไม่มีใครรู้แน่นอน


 


 


ไม่รู้เลยว่า พอหวงฝู่อี้เซวียนได้ยินว่าทั้งหกคนหน้าด้านพักอยู่ในจวนของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็เดาได้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา ยิ้มแปลกๆ ออกมา เรียกโจวอันแล้วสั่ง


 


 


โจวอันหยุดชะงักไป เงยหน้าขึ้น ตาโต มองเจ้านายที่ลึกลับคนนี้ของตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา


 


 


“ทำตามคำสั่งก็พอ ไม่งั้นรอจนพรุ่งนี้ฟ้ามืด ข้าก็รับโยวเอ๋อร์เข้าเรือนไม่ได้”


 


 


โจวอันก้มหน้า รับคำสั่ง แล้วถอยออกไป ในใจก็ภาวนาเผื่อคนทั้งหกที่โชคร้ายอย่างเงียบๆ ขอให้พรุ่งนี้ทั้งหกอย่าหาเรื่องเจ้านายเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นเกรงว่าแม้แต่งานแต่งงานขององค์หญิงชิงเหอก็เข้าร่วมไม่ได้


 


 


แต่คนทั้งหกก็ยังคงวางแผนกันอย่างเมามันโดยที่คิดว่าไม่มีใครรู้แน่นอน


 


 


จนไม่มีอะไรพูดอีกเลยทั้งคืน


 


 


วันที่สอง ตั้งแต่เช้าตรู่ เมิ่งเชี่ยนโยวที่รู้สึกว่าเพิ่งได้นอนถูกเมิ่งซื่อเรียกให้ตื่นขึ้นมา แล้วให้ทุกคนอาบน้ำแต่งตัวให้นาง


 


 


เมิ่งเชี่ยนที่ง่วงจนเอนตัวไปมาถูกซุนเชี่ยนพยุงตัวล้างหน้าให้ก่อน หลังจากนั้นก็มีสี่ผอหลายท่านที่จวนอ๋องฉีใส่ใจนางจึงเชิญให้มาช่วยกำจัดขนอ่อนบนใบหน้าให้นาง


 


 


 


 


 


ตอนที่อยู่หมู่บ้านเคยเห็นการกำจัดขนเช่นนี้ พูดตรงๆ ก็คือการใช้วิธีพิเศษถอนขนบนใบหน้าออกมาทั้งหมด อย่าว่าแต่พบเจอเองเลย แค่คิดเมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกเจ็บแล้ว เห็นสี่ผอท่านหนึ่ง ถือเส้นด้ายแล้วเดินตรงมาทางตัวเอง ความง่วงของเมิ่งเชี่ยนโยวก็หายไปทันที ลุกพรวดขึ้นมาทันที แล้วกอดแขนของซุนเชี่ยนไว้ ร้องออกมาอย่างตกใจว่า “พี่สะใภ้ช่วยข้าด้วย ข้าไม่กำจัดขน มันเจ็บเกินไป”


 


 


ข่าวลือในเมืองหลวง เล่ากันว่าองค์หญิงชิงเหอท่านนี้มีวิชาต่อสู้ในตัว ฆ่าคนโดยที่ตาไม่กะพริบ  หากไม่ใช่เป็นเพราะคนในจวนอ๋องฉีไปเชิญเองถึงั้ ให้ตายเหล่าสี่ผอทั้งหลายก็ไม่มา แต่พอเห็นท่าทางกลัวเจ็บเหมือนเด็กของนางแล้ว ในขณะที่หลุดหัวเราะออกมา ในใจก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อนางไปด้วย


 


 


สี่ผอที่เดินออกมายิ้มแล้วกล่าวว่า “องค์หญิงชิงเหออย่าได้กลัวเลยเจ้าค่ะ พระชายาได้สั่งไว้แล้ว แค่ถอนเป็นพิธีไม่กี่ครั้งก็พอ ไม่เจ็บแน่นอนเจ้าค่ะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังกลับมา มองนางแล้วกล่าวถามนางอย่างไม่เชื่อว่า “จริง จริงหรือ”


 


 


สี่ผอพยักหน้า “จริงเจ้าค่ะข้าแก่อายุปูนนี้แล้ว ไม่โกหกแน่นอน”


 


 


ซุนเชี่ยนก็ยิ้มแล้วดันนางให้กลับไปนั่งบนเก้าอี้ “ไม่เป็นไร ไม่เจ็บ ทนไม่นานก็ผ่านไปแล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง มองเส้นด้ายในมือของสี่ผอ ตกใจกลัวจนหลับตาลง ท่าทางราวจะทุ่มสุดตัว “มาเถิด”


 


 


สี่ผอหัวเราะออกมา แล้วก้าวเข้าไป ถอนบนใบหน้านางไม่กี่ครั้งพอเป็นพิธี ก็หยุดลง ยิ้มแล้วกล่าวถามว่า “องค์หญิงชิงเหอ เสร็จแล้วเจ้าค่ะ รู้สึกเจ็บหรือไม่เจ้าคะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวลืมตาขึ้นมา ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านรักษาคำพูดจริงๆ ด้วย ไม่เจ็บจริงๆ ”


 


 


พูดจบ ก็สั่งชิงหลวน “ให้สี่ผอทุกคนคนละห้าสิบตำลึง”


 


 


สี่ผอทุกคนรีบโบกมือพร้อมกัน “ไม่ต้องเจ้าค่ะไม่ต้อง พระชายาให้พวกข้าแล้ว”


 


 


“เช้าขนาดนี้ ต้องลำบากพวกท่านตื่นมา ข้ารู้สึกเกรงใจจริงๆ พระชายาให้ก็คือส่วนของพระชายาให้ ข้าให้ก็คือส่วนของข้าให้ พวกท่านอย่าได้เกรงใจเลย รับไว้เถิด”


 


 


ทุกคนก็เป็นสี่ผอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง เรื่องส่งตัวเจ้าสาวออกเรือนเช่นนี้ทำมาไม่น้อย แต่เรื่องที่รับเงินสองรอบเช่นนี้ยังไม่เคยพบเจอมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นคือทั้งสองคนก็เป็นเจ้านายที่ใจกว้าง พระชายาฉีก็ให้ห้าสิบตำลึงเช่นกัน จึงดีใจมาก รีบกล่าวขอบคุณเมิ่งเชี่ยนโยวยกใหญ่ ความดีใจในน้ำเสียงปิดไม่มิด “ขอบพระทัยองค์หญิงชิงเหอเจ้าค่ะ”


 


 


กำจัดขนบนใบหน้าเสร็จ ต่อมาก็คือแต่งหน้า พูดจริงๆ ความงามในยุคโบราณนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่กล้าชมเลยจริงๆ แม้ว่านางจะบอกกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แต่ก็ทนต่อไปไม่ได้ บอกกับกูกูที่มาจากในวังว่า “กูกูลำบากแล้ว เดี๋ยวข้าแต่งหน้าเองเถิด”


 


 


คนที่สามารถใช้ชีวิตในวังแล้วยังมีชื่อเสียง ล้วนเป็นคนที่ฉลาด จะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของนางได้เยี่ยงไร วางเครื่องมือที่ใช้ในการแต่งหน้าทั้งหมดไว้ข้างหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เจ้าค่ะ หากท่านมีเรื่องอะไรให้ข้าน้อยทั้งหลายช่วย เอ่ยออกมาได้เลยนะเจ้าคะ”


 


 


 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพยักหน้า หลังจากสั่งให้ชิงหลวนให้พวกเขาคนละห้าสิบตำลึงเช่นกันแล้ว ก็หยิบเครื่องมือขึ้นมาแล้วเริ่มแต่งหน้ากับคันฉ่องทันที


 


 


ชาติที่แล้วเป็นนักฆ่าอันดับต้นๆ ต้องแต่งหน้าเป็นอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือฝีมือของนางนั้นเก่งกว่าทุกคนมาก หลังจากเช็ดๆ ถูๆ อยู่หน้ากระจกเสร็จแล้ว ก็เงยหน้าขึ้น กล่าวกับซุนเชี่ยนว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”


 


 


คนตรงหน้าตาใสฟันขาว ผิวขาวสวย ตาโต คิ้วหนา ยิ่งริมฝีปากแดงๆ นั้น ทำให้คนเห็นแล้วอยากกัดเข้าทีหนึ่ง ซุนเชี่ยนทำตาโต กล่าวด้วยความตกใจว่า “น้องเล็ก เจ้าแต่งหน้าได้งามมาก”


 


 


กูกูที่มาจากในวังนั้นมีอายุหลายสิบปีแล้ว ไม่เพียงแต่เคยแต่งหน้าให้เจ้านายในวังแล้ว ยังเคยอบรมให้นางกำนัลในวังโดยเฉพาะ สำหรับเมิ่งเชี่ยนโยวที่ขอร้องแต่งหน้าเองนั้น แม้ว่าปากจะเอ่ยตกลง แต่ในใจนั้นคัดค้านมาก ได้ยินก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ให้ข้าน้อยทั้งหลายดูหน้าที่แต่งขององค์หญิงชิงเหอได้หรือไม่เจ้าค่ะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหันกลับไป ทุกคนในห้องก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “นี่ แต่งหน้าได้สวยงามมาก เพิ่มเข้าไปก็จะรู้สึกเยอะเกินไป ลบออกไปก็จะน้อยไป ทั้งใบหน้าที่แต่งหาที่ติไม่ได้เลยเจ้าค่ะ”


 


 


หยุดชะงักไปสักพัก กูกูท่านหนึ่งจึงจะหาเสียงของตัวเองเจอ กล่าวออกมาว่า “องค์หญิงชิงเหอเจ้าคะ หากท่านมีเวลาว่าง ข้าน้อยทั้งหลายอยากให้ท่านสอนได้หรือไม่”


 


 


คนในวังนั้นเป็นคนเช่นไร ล้วนเป็นคนเย่อหยิ่งกันทั้งนั้น เอ่ยคำนี้ออกมาได้นั้นหมายความว่ายอมรับทั้งปากและใจจริงๆ


 


 


แต่เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตกลง ยิ้มแล้วกล่าวรักษาหน้าตาของหวงฝู่อี้เซวียนว่า “ออกเรือนไปต้องฟังสามี หากซื่อจือตกลง ข้าก็ไม่ปฏิเสธ”


 


 


กูกูทั้งหลายหยุดชะงักไป หลังจากนั้นก็เริ่มวางแผนในใจ ฝั่งซื่อจือพวกนางจะกล้าเอ่ยได้อย่างไร หรือว่าต้องลงมือฝั่งพระชายาฉี เอาใจนาง องค์หญิงชิงเหอต้องฟังคำพูดของแม่สามีแน่นอน เช่นนี้พวกนางจะมีความหวังมากกว่า


 


 


แม้แต่ชิงหลวนและจูหลีก็ไม่เคยเห็นหน้าที่แต่งแล้วของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็ตกใจเหมือนกัน กล่าวชมออกมาว่า “นายหญิง วันนี้ท่านสวยมาก”


 


 


จางลี่ก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ใช่ แม้แต่พวกเราเห็นตะลึง หากซื่อจือเห็น ต้องยืนตาค้างจนก้าวขาไม่ออกแน่ๆ”


 


 


ทุกคนหัวเราะ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวอายหน้าแดง


 


 


รอจนเมิ่งเชี่ยนโยวพร้อมเสร็จหมดแล้ว ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว เมิ่งซื่อเดินเข้ามาด้วยตาที่เริ่มแดงก่ำ เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่คลุมผ้าคลุมหัว เห็นสีหน้าของนาง ก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาทันที น้ำตาเริ่มคลออยู่ในดวงตา


 


 


ซุนเชี่ยนและหวังเยียนก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์เช่นกัน ตาก็เริ่มแดงก่ำ


 


 


บรรยากาศในห้องเศร้าลงเรื่อยๆ


 


 


กูกูทั้งหลายเป็นคนแก่กันแล้ว เห็นเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้ง รีบกล่าวว่า “องค์หญิงชิงเหอ ท่านอย่าร้องไห้เลย ไม่เยี่ยงนั้นหน้าที่เพิ่งแต่งเสร็จของท่านจะเลอะน้ำตาได้เจ้าค่ะ”


 


 


กูกูอีกคนก็ปลอบเมิ่งซื่อว่า “ฮูหยินเมิ่งเจ้าคะ องค์หญิงชิงเหอนั้นโชคดี ที่ได้แต่งกับหวงฝู่ซื่อจือผู้เป็นที่หมายปองของหญิงสาวในเมืองหลวงที่ยังไม่ออกเรือนทุกคน ท่านควรดีใจ วันมงคลอย่างนี้อย่าได้เสียใจอีกเลยเจ้าค่ะ”


 


 


เมิ่งซื่อพยักหน้า กล่าวกลบเกลื่อนว่า “นี่ข้าไม่ได้เสียใจ ข้าดีใจต่างหาก ที่ในที่สุดโยวเอ๋อร์และเซวียนเอ๋อร์ก็แต่งงานกันสักที”


 


 


ทุกคนเชื่อ ต่างคนต่างยิ้มขอบคุณกัน


 


 


มีเพียงเมิ่งเชี่ยนโยวที่ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นในน้ำเสียงของนาง ลุกขึ้นมา แล้วกอดแขนของนางไว้ “ท่านแม่ หากท่านยังอาลัยอาวรณ์ หลังจากข้าแต่งงานแล้ว ท่านและท่านพ่อก็อยู่ที่เมืองหลวงเลยนะเจ้าคะ ข้าจะกลับมาหาท่านที่จวนทุกวันเลยเจ้าค่ะ”


 


 


เมิ่งซื่อยิ้มแล้วตบมือนางเบาๆ “เจ้าลูกโง่ มีลูกสาวผู้ใดแต่งออกเรือนแล้วยังกลับจวนแม่ทุกวัน”


 


 


ซุนเชี่ยนปลอบใจอีกครั้ง ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ วันนี้เป็นวันมงคลของน้องเล็ก ท่านรอคอยวันนี้มานานแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ วันนี้มาถึงแล้ว ท่านควรดีใจสิเจ้าคะ”


 


 


เมิ่งซื่อพยักหน้า ปกปิดอารมณ์ของตัวเอง “แม่ดีใจ แม่ดีใจจริงๆ”


 


 


มีเสียงดังจากกลองที่มารับตัวเจ้าสาวมาแต่ไกล มีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากข้างนอก รายงานอย่างดีใจว่า “นายหญิง ซื่อจือมารับตัวเจ้าสาวแล้วเจ้าค่ะ”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)