ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนพิเศษ 25-28
ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 25 จะให้เจ้าแก้ตั...
เถ้าแก่ชะงักเล็กน้อย หันไปทางที่นางชี้ มองกระเป๋าเงินที่พวกพ้องนำมาจากห้องที่หวงฝู่เย่าเย่ว์เคยนอน หลังจากที่นางถูกส่งตัวไปแล้ว
ตอนนั้นสิ่งที่นำมาได้ยังมีห่อผ้า ในห่อยังมีเสื้อผ้าของเด็กผู้ชายอยู่ เขามอบเป็นรางวัลให้พวกพ้องไปแล้ว แต่ในส่วนของกระเป๋าเงินเขาโยนทิ้งไปบนชั้นหลังโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกหวงฝู่สือเมิ่งพบเข้า เขารีบปั้นยิ้ม ร่างกายขยับเล็กน้อย บังกระเป๋าเอาไว้ ยิ้มพูดว่า “นี่เป็นกระเป๋าที่หลานสาวตัวแสบของข้าแอบขโมยมาตอนผู้ใหญ่เผลอน่ะ”
พูดจบ ก็ยื่นมือิกมา รีบหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาใส่ไว้ในแขนเสื้อของตน
กระเป๋าเงินนั่นเป็นของหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่ผิดแน่ หวงฝู่สือเมิ่งจำได้แม่น เพราะนางเองก็มีเหมือนกัน แต่เถ้าแก่กลับโกหก หวงฝู่สือเมิ่งไม่ลังเลอีกต่อไป โบกมือ สั่งองครักษ์ด้านหลังว่า “เอาตัวมันมา!”
องครักษ์ฟังคำสั่ง สองนายเดินเข้ามา กดเถ้าแก่ลงอย่างง่ายดาย
แขกเหรื่อชั้นหนึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้มองมาด้วยความตกใจ
เถ้าแก่ลนลาน ตะโกนเรียกให้คนช่วย “พวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน จะทำอะไร”
คนงานเห็นดังนั้น ก็รีบวิ่งไปด้านหลังโรงเตี๊ยมทันที
ไม่นาน ชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำก็เดินถืออาวุธออกมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รีบพุ่งเข้ามาทันที
องครักษ์ลับที่เหลือประกบเข้ามา
ชายฉกรรจ์ไม่ได้ลงมือ ร้องเรียกเถ้าแก่ มองเขา ใช้สายตาถามว่าจะต้องลงมือหรือไม่
คนของตนมาแล้ว เถ้าแก่มีคนหนุนหลัง ใช้สายตาบอกพวกนั้นว่าอย่าเพิ่งลงมือ แต่ใช่น้ำเสียงตะคอกว่า “แม่นาง เช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน”
“เอาของในแขนเสื้อของเขามา!” หวงฝู่สือเมิ่งสั่ง
องครักษ์ลับนายหนึ่งทำตาม หยิบกระเป๋าเงินออกมาจากแขนเสื้อ มอบให้หวงฝู่สือเมิ่ง
หวงฝูสือเมิ่งหยิบขึ้นมา ยื่นมาตรงหน้าเถ้าแก่ น้ำเสียงดุร้ายว่า “ข้าถามว่ากระเป๋าเงินนี่ได้มาจากที่ใด”
เถ้าแก่ยังคงเฉไฉ “ข้าบอกแล้วมิใช่หรือ ว่าหลานสาวของข้า…”
ไม่รอให้เขาพูดจบ หวงฝู่สือเมิ่งแกะกระเป๋าเงินของตนออกมา วางไว้บนโต๊ะ
เถ้าแก่มองกระเป๋าที่เหมือนกันอย่างกับแกะ เริ่มหดตัว ไม่กล้าพูดโกหกต่อไป
ชายฉกรรจ์หลายนายก็อึ้งไป เบิกตาโพลง เม็ดเหงื่อผุดออกมา
หวงฝู่เฮ่าเห็นดังนั้น จึงได้เข้ามากระชากคอเสื้อของเถ้าแก่ ถามด้วยความโกรธว่า “เย่ว์เอ๋อร์อยู่ที่ใด”
เถ้าแก่หลบสายตา ดวงตากลอกไปมา เผยแววตาหวาดกลัว แก้ตัวว่า “ท่านทั้งหลายอภัยให้ด้วย กระเป๋านี้ข้าน้อยเก็บได้เมื่อตอนไปทำธุระด้านนอกหลายวันก่อน ด้านในมีเงินจำนวนหนึ่ง ข้าน้อยเกิดโลภจึงได้เก็บเงินเอาไว้ เมื่อครู่เกรงว่าพวกท่านจะเอาไป จึงได้โกหกขอรับ”
คำแก้ตัวนี้ไม่มีที่ติ แขกเหรื่อในชั้นหนึ่งต่างเชื่อกันสิ้น แต่หวงฝู่สือเมิ่งกลับไม่เชื่อ ตนโตมากับหวงฝู่เย่าเย่ว์ นางเป็นคนนิสัยใจคออย่างไรตนรู้ดี ของที่อยู่บนตัวนาง อย่าว่าแต่กระเป๋าเงินเลย เพราะแม้แต้เส้นด้ายก็ไม่มีทางร่วงหล่นลงมาได้
เมื่อได้ยินดังนั้น ก็เผยรอยยิ้มเลือดเย็น เผยความรู้สึกน่าเกรงขามออกมา เถ้าแก่และชายฉกรรจ์รับรู้ได้ถึงความตายที่คลืบคลานใกล้เข้ามา “เถ้าแก่ หากเจ้าพูดความจริง ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่หากเจ้ายังกล้าโกหกอีก ข้าจะบดโรงเตี๊ยมเจ้าให้ราบเลยทีเดียว”
แม้นางจะอายุน้อย แต่น่าเกรงขามนัก ใจของเถ้าแก่สั่นเล็กน้อย รู้ตัวแล้วว่าครานี้ตนได้สร้างเรื่องใหญ่เอาไว้ ดีไม่ดีอาจจะไม่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้เลยทีเดียว แต่ว่าเด็กตัวดำนั่นถูกตนส่งไปชิงเฟิงโหลวตั้งนานแล้ว เวลานานเพียงนี้ก็คงถูกบังคับให้รับลูกค้าแล้วเป็นแน่ หากให้เด็กตรงหน้ารู้เข้า ชีวิตของเขาก็คงรักษาเอาไว้ไม่ได้เช่นกัน จึงกัดฟัน ยืนหยัดในคำพูดของตน ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ปริปาก
หวงฝู่สือเมิ่งจ้องเขา อดไม่ได้ที่จะใช้ดาบแทงตัวเขาให้ทะลุ แต่ก็ทำไม่ได้ ยังหาเย่ว์เอ๋อร์ไม่พบ นางทำเช่นนี้ไม่ได้ จึงได้สูดหายใจเข้าลึกๆ บรรยากาศรอบตัวน่ากลัวยิ่งขึ้น สั่งว่า “ปิดเมืองชิงหยางทันที ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าออก และไปส่งข่าวให้ท่านปู่และท่านพ่อท่านแม่ ว่าพบร่องรอยของเย่ว์เอ๋อร์แล้ว”
องคงรักษ์ลับนายหนึ่งตอบรับ หันหลังเดินออกไป
แต่แขกในโรงเตี๊ยมไม่ยอมเช่นนั้น ส่วนใหญ่พวกเขาเป็นพ่อค้า หากวันนี้เมืองชิงหยางถูกปิด พวกเขาออกไปไม่ได้ หากเกิดผลเสียกับธุรกิจจะทำเช่นไร อารมณ์ของคนทุกผู้พุ่งสูงขึ้น ยืนขึ้น เข้ามาโวยวายกับหวงฝู่สือเมิ่ง
หวงฝู่เฮ่าปล่อยมือจากเถ้าแก่ หันมา มองผู้คนที่โวยวายไม่หยุด ใบหน้าน้อยๆ ขรึมขึ้น เดินเข้าไปช้าๆ ภายใต้สายตาประหลาดใจของผู้คน หยิบดาบสั้นขึ้นมาจากเอว ใช้ดาบฟังโต๊ะจนขาดเป็นสองท่อนในคราวเดียว ตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยอารมณ์ร้าย “หากผู้ใดยังกล้าโวยวายvud ก็จะมีจุดจบเช่นนี้”
ผู้คนถูกอารมณ์ของเขาสยบเอาไว้ เสียงเงียบลงทันที ร่างกายถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว
หวงฝู่เฮ่ากวาดตามองผู้คน จากนั้นพูดว่า “ข้าไม่อยากจะให้พวกเจ้าเดือดร้อน พวกเจ้าจงอยู่อย่างสงบ ส่วนความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในสองสามวันนี้ รอพวกเราพบคนที่ต้องการแล้วจะชดใช้ให้”
ดูชุดที่พวกเขาใส่ ดูเหล่าองครักษ์ที่ติดตามมา แล้วคิดถึงที่หวงฝู่สือเมิ่งสั่งองครักษ์เมื่อครู่ ผู้คนก็รู้ได้ว่า เด็กสองคนตรงหน้านี้เป็นลูกของผู้มีอิทธิพล หากตนไม่ระวังปาก น่ากลัวว่าจะเจอปัญหาเอาได้ อย่างไรก็เป็นคนที่ทำการค้าต่างเมืองมากมาย จึงฉุกคิด ชั่งน้ำหนักคุณและโทษแล้ว จึงไม่มีใครพูดอะไรอีก
แต่เถ้าแก่และพรรคพวกตกใจมาก หากว่าไปสร้างเรื่องให้คนมีอำนาจเข้า อย่างนั้นพวกเขาคงตายอย่างอนาถเป็นแน่ เมื่อเกิดความคิดเช่นนี้ มองตากัน ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งลงมือกับองครักษ์ตรงหน้าทันที
ร่างของเถ้าแก่ก็ขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้ความเร็วดั่งสายฟ้าลงมือกับองครักษ์ ในขณะที่เขากำลังหลบหลีกอยู่นั้นร่างใหญ่ปรากฎขึ้น มือใหญ่คว้าคอของหวงฝู่สือเมิ่งเอาไว้ เป้าหมายชัดเจน ก็เพื่อจะควบคุมตัวนาง ใช้โอกาสนี้รักษาชีวิตตัวเองเอาไว้
แต่น่าเสียดาย ความหวังของเขานั้นสวยงาม เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอกับผู้ที่มีวิชาต่อสู้แกร่งกล้าเข้า จุดจบของเขาจะต้องอนาถมากเป็นแน่ ผู้คนได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องดังสนั่น จากนั้นร่างของเถ้าแก่ก็ปรากฎและร่วงลงบนโต๊ะเก็บเงินอย่างแรง กุมมือที่เต็มไปด้วยเลือดสดของตนเอง
ปลายดาบของหวงฝู่เฮ่ายังคงมีเลือดสดหยดลงมาบนพื้นที่ละหยดๆ บาดลึกเข้าไปในใจของผู้คนตรงนั้น ความกลัวในใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อย ไม่กล้าส่งเสียงยิ่งกว่าเดิม
แต่หวงฝู่เฮ่ากลับมองเถ้าแก่ที่นอนเจ็บปวดอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าไม่มีแม้ความรู้สึกใด
เหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้นถูกเสียงของเถ้าแก่ทำให้ตกใจอยู่นาน สติทั้งหมดถูกองครักษ์ทำลายจนสิ้น
“เอายาให้มันกิน อย่าเพิ่งให้ตาย” หวงฝู่สือเมิ่งสั่ง
องครักษ์นายหนึ่งเดินเข้ามากดจุดของเถ้าแก่ หยิบยาหยุดเลือดออกจากเขนเสื้อ ราดไปบนแผลของเขา ห้ามเลือดไว้แล้ว แต่เหงื่อบนใบหน้าของเถ้าแก่กลับไหลออกมามากกว่าเดิม แทบจะลมจับไป
องครักษ์ออกคำสั่ง พลทหารสองร้อยนายได้รับคำสั่งแล้ว ก็ได้ล้อมหมู่บ้านชิงเหอเอาไว้ อนุญาตให้เข้า แต่ไม่ให้ออก
ข่าวคราวนี้แพร่ออกไปทั้งหมู่บ้านชิงเหอ กระทั่งแม่เล้าแห่งชิงเฟิงโหลวเองก็ได้ยินข่าวนี้ สติแตกไปชั่วขณะ คนที่มาซื้อบริการที่ชิงเฟิงโหลวของนางส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างเมืองทั้งสิ้น ซึ่งก็หมายความว่าชายผู้มีความชอบแปลกๆ เอาเงินมาให้ถึงที่ แต่บัดนี้เมืองถูกปิดแล้ว พวกคนรวยเหล่านั้นจะเข้ามาได้อย่างไร แล้วนางจะทำเงินได้อย่างไร เมื่อคิดถึงตรงนี้ จึงได้สั่งคนว่า “ไปสืบมา ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
มีคนตอบรับ เดินออกไปสืบ
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ก็ได้เดินคอตกเข้ามา สืบเรื่องราวใดไม่ได้เลย
แม่เล้าร้อนใจเสียจนอยู่ไม่เป็นสุข การที่ชิงเฟิงโหลวของนางสามารถตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ นี้ได้ ไม่ใช่อยู่ในที่ที่ผู้คนพลุกพล่าน ก็เพราะว่าไม่ต้องการให้ได้รับความสนใจจากคนที่ไม่ต้องการ แต่ครานี้ กลับถูกทหารล้อมเมืองเอาไว้ หากเรื่องชิงเฟิงโหลวของตนถูกเปิดเผยต่อหน้าคนอื่น จุดจบ…แม่เล้าไม่กล้าคิด และไม่ยอมคิดต่อไป หันหลังไปยังหลังเรือน สั่งชายฉกรรจ์หน้าตาน่าเกลียด “เจ้า ไปสืบมาว่าหมู่บ้านชิงหยางถูกล้อมเอาไว้ด้วยเหตุใด”
ชายฉกรรจ์ตอบรับ เปิดประตูออกไป
องครักษ์ควบม้าด้วยความรวดเร็ว เมื่อนำข่าวส่งต่อให้ฉู่เหวินเจี๋ยแล้ว ฉู่เหวินเจี๋ยและเมิ่งชิงต่างดีใจ เมิ่งชิงยืนขึ้น กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ข้าจะนำคนไปดู ท่านรออยู่ที่นี่เพื่อสั่งการ”
ไม่รู้ว่ารัฐอิงจะโจมตีเข้ามาเมื่อใด หากไปทั้งสองคน ค่ายทหารก็ไม่มีใครคอยสั่งการ ฉู่เหวินเจี๋ยจึงพยักหน้า สั่งว่า “ระวังด้วย หากจำเป็นก็จงใช้วิธีพิเศษ”
เมิ่งชิงตอบรับ เดินก้าวเท้ายาวออกไป ควบม้าเร็ว ไปยังเมืองชิงหยาง
โรงเตี๊ยมยังคงมีหน้าตาเช่นเดิม แขกเหรื่อที่มาพักนั่งลงอยู่กลางโถงด้วยใจหวาดกลัวไม่กล้าพูดจา เถ้าแก่ทนพิษบาดแผลต่อไปไม่ไหว เจ็บจนสลบไปในที่สุด
เขาไม่ยอมพูดว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์ไปอยู่ที่ใด ใจของหวงฝู่สือเมิ่งบ้าคลั่ง ให้คนปลุกเขาให้ตื่น ถลึงตาที่ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ จ้องมองเขาตาไม่กระพริบ
หวงฝู่เฮ่าเองก็มองด้วยสายตาโกรธแค้น
ใจของเถ้าแก่สั่นเป็นระยะ รู้ตัวว่าครานี้ได้หาเรื่องผู้มีอำนาจเข้าแล้ว ในใจคิดว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะไม่พูดเรื่องหวงฝู่เย่าเย่ว์เด็ดขาด
เมื่อเมิ่งชิงมาถึง เห็นสภาพตรงหน้าเช่นนี้
“ท่านน้าชิงเจ้าคะ” เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา หวงฝู่สือเมิ่งสลัดความน่ากลัวออกไป ร้องเรียกเขาอย่างอ้อนวอน หยิบกระเป๋าสองใบให้เขาดู “นี่เป็นกระเป๋าของเย่ว์เอ๋อร์เจ้าค่ะ”
เขาทำหน้าที่เป็นทหารมาหลายปี บนร่างจะต้องมีความน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย ทำให้ความกลัวในใจของเถ้าแก่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถอยหลังหลายก้าวอย่างควบคุมไม่ได้ หลังประชิดติดกับตู้สุราด้านหลัง
เมิ่งชิงเปิดปาก พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ ไร้ซึ่งอารมณ์ แต่กลับทำให้คนในโรงเตี๊ยมได้ยินแล้วรู้สึกเสียวสันหลังวาบ รู้สึกได้ถึงความดุร้าย “ว่ามา คนของข้าอยู่ที่ใด”
ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 26 ไม่ปริปากเด็ดขาด
เถ้าแก่ยังคงต่อต้าน กะพริบตาด้วยความกลัว แสร้งทำเป็นไม่หวาดหวั่น ถามว่า “ผู้ ผู้…ใด อะไรกันหรือ”
เมิ่งชิงหยิบกระเป๋านี้ขึ้นมา “เจ้าของกระเป๋านี่”
“ไม่ ไม่รู้ กระเป๋านี่ข้าเก็บได้…” ยังไม่ทันพูดจบ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น เลือดพุ่งออกมาต่อหน้าผู้คน
ผู้เห็นเหตุการณ์ตกใจเสียจนตัวเกร็ง ในใจเต้นระรัว ขณะเดียวกันในหัวก็ฉุกคิดได้ว่า คนผู้นี้ต้องเป็นบ้าไปแล้วเป็นแน่ อยู่ดีๆ ก็เข้ามาตัดแขนเขาไปครึ่งหนึ่ง
เถ้าแก่สลบไปทันที
ชายฉกรรจ์ที่เหลืออยู่มองดูแขนอีกครึ่งท่อนที่ร่วงอยู่บนพื้น อยากจะเป็นลมตามไป
เมิ่งชิงหันหน้าไปมองพวกเขา น้ำเสียงยังคงแน่นิ่ง ไม่มีการขึ้นลง พูดว่า “มีใครอยากพูดอะไรหรือไม่”
ไม่มีใครพูดอะไร
มุมปากของเมิ่งชิงเผยรอยยิ้มเลือดเย็นออกมา ก้าวช้าๆ เดินไปยังตรงหน้าของพวกนั้น ยกดาบขึ้นมา ชี้ไปตรงหน้าขอายฉกรรจ์นายหนึ่ง พูดพร้อมยิ้มว่า “ด้านขวาหรือด้านซ้ายดี”
ชายฉกรรจ์ไม่เข้าใจความหมายที่เขาบอก จึงได้ถามด้วยความกลัวว่า “อะ อะไรหรือ”
เลือดสดพุ่งกระเซ็นออกมา
ชายฉกรรจ์กุมเอาไว้ เจ็บปวดเสียจนต้องลงไปนอนดิ้นอยู่กับพื้น
รอยยิ้มของเมิ่งชิงไม่เปลี่ยนไป พูดกับชายฉกรรจ์ที่เสียสติไปแล้วว่า “ในเมื่อไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าพูด อย่างนั้นก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเก็บหูเอาไว้แล้ว” พูดจบ ก็ยกดายขึ้นมาโดยไม่หันไปมองด้วยซ้ำ หูอีกข้างของชายที่นอนดิ้นอยู่กับพื้นก็หลุดออกมา
ไม่มีเสียงโอดร้องแล้ว เขาเจ็บเสียจนสลบไปแล้ว
ชายฉกรรจ์ที่เหลือกลัวเสียจนทรุดลงกับพื้น แย่งกันขอร้องว่า “นายท่านไว้ชีวิตด้วย นายท่านไว้ชีวิตด้วย ข้ายอมพูดแล้ว ข้าพูด…”
เมิ่งชิงยกดาบที่ใสสะอาดไม่มีคราบเลือดขึ้นมา ยิ้มและพูดว่า “ตั้งใจพูดให้ดี หากมีจุดใดบกพร่อง นี่จะเป็นจุดจบของพวกเจ้า”
เหล่าชายฉกรรจ์ต่างพากันกลัวจนใจจะขาดแล้ว ไม่มีทางปิดบังได้ จึงได้แย่งกันเล่าเรื่องที่หวงฝู่เย่าเย่ว์ถูกลักพาตัวไปขายให้ชิงเฟิงโหลวให้ฟัง
เมื่อหวงฝู่สือเมิ่งฟังจบ ภาพตรงหน้าก็มืดลง และเป็นลมล้มไป
ร่างกายของหวงฝู่เฮ่าเองก็สั่นเทาขึ้นมา
แต่สีหน้าของเมิ่งชิงกลับไม่เปลี่ยนไป ยังคงถามทั้งรอยยิ้มว่า “ชิงเฟิงโหลว?”
ใจของชายฉกรรจ์ทั้งหลายหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม พยักหน้าด้วยความกลัว “แม่เล้าที่นั่นเป็นคนมีเส้นสาย บังคับให้พวกเราวางยาพวกเด็กหนุ่มต่างเมืองและส่งไปให้นาง”
เมิ่งชิงได้ข้อมูลสำคัญจากปากเขาแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ย่นคิ้วเล็กน้อย ย้ำว่า “เด็กหนุ่ม?”
ชายฉกรรจ์พยักหน้า “ขอรับ เด็กหนุ่ม”
น้ำเสียงของหวงฝู่สือเมิ่งสั่นเครือ ถามด้วยความหวังว่า “ท่านน้าชิง คนผู้นั้นอาจไม่ใช่เย่ว์เอ๋อร์หรือ”
แววตาของหวงฝู่เฮ่าก็มีความหวังอีกครั้ง กลั้นหายใจ รอคำตอบจากเขา
แต่เมิ่งชิงกลับไม่ได้คิดในแง่ดีเช่นนั้น เด็กเย่ว์เอ๋อร์ผู้นั้นมีความคิดพิเรนทร์ไม่น้อย ปลอมตัวเป็นเด็กหนุ่มออกจากบ้านก็มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
เขาไม่ได้ตอบ ใจของหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เฮ่าค่อยๆ สลดลงไป ขณะที่กำลังจะสลดจนถึงขีดสุดนั้น เสียงของเมิ่งชิงก็ดังขึ้น “ใช่หรือไม่ เราไปดูเองเดี๋ยวก็รู้”
“ใช่ ใช่ ใช่ ไปดูดีกว่า” ทั้งสองได้สติ หันหลังเดินออกไป ด้วยความชุลมุน หวงฝู่สือเมิ่งสะดุดธรณีประตู หากมิใช่หวงฝู่เฮ่าพยุงนางไว้ นางคงล้มหน้าคะมำไปแล้ว
“พี่ใหญ่” หวงฝู่เฮ่าเรียกด้วยความเป็นห่วง
หวงฝู่สือเมิ่งฝืนยิ้มออกมา “ข้าไม่เป็นไร ไปกัน เราชิงเฟิงโหลวกัน”
หวงฝู่เฮ่าเม้มปาก พยุงนางเดินออกไปด้วยความเป็นห่วง
“เอาพวกมันไปด้วย” เมิ่งชิงสั่ง เดินก้าวเท้ายาวตามทั้งสองคนออกมา
องครักษ์ยื้อกระชากเถ้าแก่ที่สลบไป พร้อมทั้งชายฉกรรจ์ที่ทรุดลงอยู่กับพื้นตามไปด้วย
ทุกคนในโรงเตี๊ยมจากไปแล้ว บรรยากาศน่ากลัวหายไปด้วย แขกเหรื่อในโรงเตี๊ยมที่ตัวสั่นไม่หยุดและกลัวเป็นอย่างมากมาตลอดจึงได้ระเบิดเสียงออกมา วิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกลัวและตื่นตระหนก
“ที่นี่เป็นร้านมืดหรือนี่”
“คนพวกนั้นน่ากลัวเหลือเกิน ตัดแขนของเถ้าแก่ทิ้งไป ตาไม่กะพริบเลยด้วยซ้ำ”
……
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนก็เริ่มกลัวมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ฉุกคิดได้ว่าจะต้องรีบหนีออกจากที่นี่ ไม่อยากเห็นภาพน่ากลัวเช่นนี้อีกแล้ว
คิดเช่นนั้นก็ทำทันที ทุกคนหันหลังกลับห้องของตนเอง เก็บข้าวของเสร็จก็ออกไปพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เมื่อออกไปด้านนอก เห็นพลทหารจึงนึกได้ว่าเมืองถูกปิดแล้ว พวกเขาอยากหนีก็หนีไม่รอด
ไม่นานหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เฮ่ารวมทั้งเมิ่งชิงก็มาถึงชิงเฟิงโหลว
กลางวัน แสงแดดกำลังดี เป็นช่วงที่ผู้คนกำลังทำงานยุ่ง แต่ชิงเฟิงโหลวกลับปิดประตูเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงเล็ดลอดออกมา
หวงฝู่สือเมิ่งร้อนใจเสียจนกำลังจะเข้าไปทุบประตู แต่เมิ่งชิ่งห้ามเอาไว้ “เมิ่งเอ๋อร์ อย่าผลีผลาม”
หวงฝู่สือเมิ่งหยุดนิ่ง หันหลัง มองเขาอย่างไม่เข้าใจ
เมิ่งชิงไม่อธิบาย สั่งองครักษ์ว่า “ไปทุบประตู”
องครักษ์ได้รับคำสั่ง จึงเดินเข้าไป ยกกำปั้น ยังไม่ทันทุบลงไปบนประตู ประตูก็กลับถูกเปิดออกมาจากด้านใน แม่เล้าเดินส่ายเอวที่ค่อนข้างอวบอ้วนออกมา เมื่อเห็นคนตรงหน้า จึงตกใจมาก จากนั้นก็แกล้งหัวเราะว่า “อั้ยหยา เช้าวันนี้มีนกกางเขนมาร้องหน้าประตู จะต้องมีเรื่องดีขึ้น ที่แท้ก็มีลูกค้ามากมายเพียงนี้มาถึงที่เลย”
พูดจบ สายตาก็ไปหยุดที่หวงฝู่สือเมิ่ง ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้ว พูดด้วยความรู้สึกลำบากใจว่า “ที่นี่เรารับแต่แขกผู้ชาย เด็กสาวผู้นี้คงมาผิดที่แล้วล่ะ”
พูดจบ ก็มีแสงแล่นผ่านหน้านางไป มีดสั้นของหวงฝู่สือเมิ่งลอยไปทางนาง
สีหน้าของแม่เล้าไม่เปลี่ยนไป ทำเหมือนมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ยังคงยิ้มตาหยีอยู่
เมื่อเห็นว่ามีดสั้นกำลังจะลอยมาถึงคอนางแล้ว ด้านหลังของแม่เล้าก็มีร่างหนึ่งปรากฎขึ้นมา รีบมีดนั้นไว้อย่างมั่นคง ข้อมือออกแรง โยนกลับมาทางเดิม ด้วยความเร็ว ทำให้เมิ่งชิงต้องหรี่ตาลง ดาบในมือก็เตรียมตัวขวางมีดสั้นที่ลอยเข้ามาหาหวงฝู่สือเมิ่ง
เพล้ง เสียงดังขึ้น มีสั้นกำลังจะตกลงที่พื้น
หวงฝู่สือเมิ่งก้มลงด้วยความเร็ว หยิบมีดขึ้นมาไว้ในมือ
แววตาของแม่เล้าขยับเล็กน้อย จากนั้นก็กลับมาเป็นดังเดิม “อั้ยหยา เด็กสาวนี่มือเร็วเสียจริง แต่นิสัยเช่นนี้ไม่ดีเลยนา”
“นิสัยของเมิ่งเอ๋อร์ดีหรือไม่ ไม่ต้องให้แม่เล้ามาสั่งสอนหรอก พวกเรามาที่นี่เพื่อหาคน ซึ่งก็คนเด็กหนุ่มที่ถูกส่งมาจากโรงเตี๊ยมนี้หลายวันก่อน” พูดจบ ก็หลีกทาง ให้แม่เล้าเห็นเถ้าแก่และคนที่ถูกตัดหูจนเลือดอาบได้ชัดเจน
แววตาของแม่เล้าสั่ไหวนเล็กน้อย ถอยไปด้านหลังราวกับว่าตกใจมาก ตบอกตนเองพูดว่า “อั้ยหยา ตกใจหมดเลย เร็วๆ เอาคนออกไป แขกเหรื่อจะมาแล้ว เลือดหยดเต็มไปหมด เดี๋ยวแขกของข้ากลัวจนหนีไปหมด”
“เจ้าพาตัวคนออกมา ห้พวกเราเห็น หากมิใช่คนที่เราต้องการ เราก็จะไปเอง” เมิ่งชิงยิ้มและพูดด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน
แม่เล้าสะบัดผ้าเช็ดหน้าในมือ น้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาว พูดว่า “นายท่าน ท่านพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ หากท่านมาหาความสุข ก็เชิญเข้ามา พวกเรายินดีต้อนรับ แต่หากท่านมาหาคน ท่านก็มาผิดที่แล้วล่ะเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นรึ” เมิ่งชิงยิ้มเล็กน้อย ย้อนถาม
“แน่นอนเจ้าค่ะ ต่อให้ข้าใจกล้าเท่าฟ้า ข้าก็ไม่กล้าหลอกท่านหรอกนะ”
เมิ่งชิงหยักหน้าเบาๆ ดวงตายิ้ม แต่กลับไม่มีรอยยิ้มในแววตา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือนเลย”
พูดจบ โบกมือ องครักษ์ลับด้านหลังเดินเข้ามาพุ่งเข้าไปยังตัวแม่เล้า
แม่เล้าตกใจ ถอยหลังไปเล็กน้อย
ชายฉกรรจ์ด้านหลังพุ่งเข้ามา ปะทะกับองรักษ์ลับ หลายสิบกระบวนท่าผ่านไป แต่กลับดูไม่ออกว่าใครแพ้ใครชนะ
เมิ่งชิงหรี่ตา พิจารณาชายฉกรรจ์ที่กำลังต่อสู้อยู่กับเหล่าองครักษ์ ร่างกายกำยำ หน้าตาน่าเกลียด มือไม้คล่องแคล่ว ไม่เหมือนกับคนที่ออกมาจากโรงเรียนฝึกวิชาทั่วไป
สีหน้าของแม่เล้าไม่เปลี่ยน มองดูการต่อสู้ตรงหน้าอย่างไม่เป็นกังวล มุมปากเผยรอยยิ้มออกมา
อีกหลายสิบกระบวนผ่านไป องครักษ์ไม่ได้ถือไพ่เหนือกว่า เมิ่งชิงจึงได้ออกตัว ยื่นมือไปคว้าคอของแม่เล้ามาด้วยความรวดเร็ว แต่ขณะที่มือของเขากำลังจะแต่คอของแม่เล้านั้น ก็มีลมแรงพัดมาจากด้านหลังของแม่เล้า ทำให้เขาจำต้องหดมือกลับมาที่เดิม
แม่เล้าทำสีหน้าเย้ยหยัน “นายท่านผู้นี้ ดูท่าทางดูดี มีสง่าราศี คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นพวกกระจอกที่คอยรังแกคน กล้าลงมือกับผู้หญิงแรงน้อยเช่นข้า”
เมิ่งชิงไม่ได้ตอบโต้ ยิ้มและพูดว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าชิงเฟิงโหลวเล็กๆ เพียงนี้ กลับเป็นถ้ำของเสือร้ายเสียได้ ข้าต้องมองใหม่แล้วจริงๆ”
ราวกับว่าแม่เล้าฟังความหมายโดยนัยของเขาไม่ออก ยิ้มและพูดว่า “พ่อคุ๊ณณ ชมเกินไปหน่อยแล้ว ท่านก็รู้ดี ว่าทำงานสายนี้มันไม่ง่าย หากไม่จ้างมือดีมาคอยคุ้มกัน ชิงเฟิงโหลวของข้าคงจะถูกทุบทิ้งไปนานแล้ว”
“เช่นนั้นเห็นทีแม่เล้าคงคิดไว้แล้วว่าอย่างไรก็จะไม่ให้พวกเราเข้าไป”
“อั้ยหยา พ่อคุณ ท่านอย่าพูดเช่นนี้เลย ที่นี่เราทำการค้าอย่างเปิดเผย หากท่านจะมาหาความสุขที่นี่ ก็มาได้เสมอ แต่หากจะมาหาเรื่อง…อย่างนั้นไม่ได้หรอก”
แม้จะอยู่นอกประตู แต่เมิ่งชิงก็รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของชิงเฟิงโหลว หมายถึงไม่มีแต่เพียงคนตรงหน้าเท่านั้น แต่ด้านในยังมีมือดีอีกมาก หากวันนี้ตนพาคนบุกเข้าไป ลำพังเพียงคนเหล่านี้ มองไม่เห็นทางที่จะทำได้เลย โดยเฉพาะหากพาเมิ่งเอ๋อร์และเฮ่าเอ๋อร์เข้าไปด้วย หากไม่ระวังทำพวกเขาบาดเจ็บเข้า ก็ยิ่งไม่มีหน้าเข้าหาหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปใหญ่
คิดถึงตรงนี้ ก็สั่งองครักษ์ลับว่า “หยุด”
เหล่าองครักษ์ถอยกลับมาอยู่ด้านหลังเขา ชายฉกรรจ์เองก็ถอยมาอยู่ในชิงเฟิงโหลว ก้มหน้า ยืนอยู่ด้านหลังของแม่เล้าด้วยความนอบน้อม
“เมิ่งเอ๋อร์ เฮ่าเอ๋อร์ พวกเรากลับ!” เมิ่งชิงประกาศ สั่งทั้งสองคน
หวงฝู่สือเมิ่งร้องเรียกด้วยความร้อนใจ “ท่านน้าชิง เย่ว์…”
“เมิ่งเอ๋อร์ หยุดพูด” เมิ่งชิงเอ็ดนาง
หวงฝู่สือเมิ่งไม่เข้าใจความหมายของเขา เบิกตาโต มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 27 ฆ่า ฆ่า ฆ่า!
เมิ่งชิงไม่อธิบายอะไรเพิ่ม สั่งหวงฝู่เฮ่าว่า “เฮ่าเอ๋อร์ จูงมือเมิ่งเอ๋อร์ไป พวกเรากลับ”
หวงฝู่เฮ่าเองก็ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการกระทำของเขา ในเมื่อพบร่องรอบของหวงฝู่เย่าเย่ว์แล้ว ในเมื่อมาจนถึงที่แล้ว แต่กลับไม่บุกเข้าไปช่วยเย่ว์เอ๋อร์ออกมา แต่ตัดสินใจกลับไปเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะไม่ทำตามที่เขาสั่ง พูดกับหวงฝู่สือเมิ่งเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่ พวกเรากลับเกินเถิด”
หวงฝู่สือเมิ่งได้สติ มองเขา ริมฝีปากขยับเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไรออกมา แววตาเผยความผิดหวังออกมา
หวงฝู่เฮ่าเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร
หวงฝู่สือเมิ่งไม่พอใจ เดินออกไปด้วยความโกรธ
หวงฝู่เฮ่าเดินตามไปด้านหลัง
เมิ่งชิงเดินตามเด็กทั้งสองไป
แม่เล้าโบกผ้าเช็ดหน้าในมือ กล่าวทักทายไล่หลังว่า “พ่อคุ๊ณณ หากวันใดท่านอยากมาบำเรอสุข ชิงเฟิงโหลวของข้ายินดีต้อนรับท่านเสมอ”
สิ่งที่ตอบกลับนางกลับเป็นสายเลือดพุ่งสาดขึ้นมา
เถ้าแก่และชายที่ถูกตัดหูถูกจบชีวิตโดยเมิ่งชิง
รอยยิ้มของแม่เล้าแข็งทื่ออยู่บนหน้า ในใจไม่เป็นสุข สั่งด้วยเสียงต่ำว่า “ไปสืบมาว่าเขาเป็นผู้ใดมาจากไหน”
มีคนตอบรับ ออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไป รีบส่งคนมาเอาเจ้าตัวกาลกินีสองตัวนี้ไป เปิดร้านมาก็เจอเลือด อย่าให้มาขัดขวางการค้าของชิงเฟิงโหลวได้”
มีคนเข้ามา ลากร่างไร้ลมหายใจมีแต่เลือดไหลออกมาไม่หยุดของเถ้าแก่และชายฉกรรจ์เข้าไปในชิงเฟิงโหลว ส่วนเรื่องที่ว่าจะจัดการอย่างไร ไม่มีใครใส่ใจ และไม่มีใครสนใจ
หวงฝู่สือเมิ่งเดินนำออกไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องเดินไปที่ใด จึงได้หยุดฝีเท้าลง หันไปมองเมิ่งชิงด้วยความไม่พอใจ น้ำตาคลออยู่ในดวงตา
เมิ่งชิงยื่นมือออกไป ลูบหัวนาง ปลอบเสียงเบาว่า “มีคนฝีมือดีอยู่ในชิงเฟิงโหลวไม่น้อยเลย คนเท่านี้ของเราบุกเข้าไปไม่ได้ น้าชิงได้ส่งคนไปตามท่านพ่อและท่านแม่ของเจ้าแล้ว รอจนพวกเขาถึงแล้วพวกเราค่อยลงมือก็ไม่สาย”
เมื่อเข้าใจความหมายของเขาแล้ว ความโกรธจึงได้มลายหายไป พูดด้วยความเป็นกังวลว่า “แต่ว่าหากเย่ว์เอ๋อร์อยู่ที่นั่นจริงๆ จะทำอย่างไรเจ้าคะ หลายวันแล้ว นางอาจจะ…”
ใจของเมิ่งชิงก็หนักหน่วงเช่นเดียวกัน ไม่ต้องสงสัยเลย ชิงเฟิงโหลวเป็นหอนางโลมชาย เย่ว์เอ๋อร์เป็นหญิง นางถูกส่งตัวไปนานถึงเพียงนี้ ถ้าหากถูกจับได้ จุดจบก็คง…บัดนี้ได้แต่หวังว่านางจะสามารถอาศัยช่วงที่คนไม่ได้ระวัง หนีออกมาได้ แม้ว่าความหวังนี้จะริบหรี่ก็ตาม แม้ใจในคิดเช่นนี้ แต่สีหน้าไม่ได้แสดงออกมา พูดว่า “พวกเขาบอกว่าส่งตัวเด็กหนุ่มเข้าไป พวกเราก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นเย่ว์เอ๋อร์จริงหรือไม่ บางทีเถ้าแก่อาจจะพูดถูก กระเป๋านั่นเขาอาจจะเก็บได้โดยบังเอิญ”
คำพูดของเขามีจุดบกพร่องมากมาย แม้กระทั่งตนเองก็ยังไม่เชื่อ แต่ว่าหวงฝู่สือเมิ่งที่กำลังไร้สติ ไม่มีแม้แต่แรงจะคิด เชื่อคำพูดของเขาทั้งหมด แววตาเปล่งประกาย “ท่านน้าชิงเจ้าคะ ท่านหมายความว่าคนๆ นั้นอาจไม่ใช่เย่ว์เอ๋อร์หรือ”
เมิ่งชิงแสร้งพยักหน้า
หวงฝู่สือเมิ่งเผยรอยยิ้มที่ไม่มีมานานออกมา ถามอีกครั้งว่า “ก็หมายความว่าบัดนี้เย่ว์เอ๋อร์ยังคงไม่เป็นไรใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เมิ่งชิงไม่ตอบ เพียงแต่ลูบหัวของนางอีกครั้ง
รอยยิ้มของหวงฝู่สือเมิ่งหายไปอีก
ณ รัฐอิง
ตั้งแต่หวงฝู่เย่าเย่ว์ถูกส่งตัวมาอยู่ที่เรือนนี้ องค์ชายใหญ่ก็ไม่เคยมาอีกเลย สองวันแรก ด้วยกลัวว่าจะมีคนรู้ความจริงว่านางเป็นผู้หญิง นางกลัวเสียจนเอาแต่แอบอยู่ในห้องไม่ออกไป แต่พอพ้นสองวันไปแล้ว นิสัยอยู่ไม่เป็นสุขของนางก็เริ่มออกอาการ ลองออกเดินไปด้านนอก
คนรับใช้ด้านนอกถามด้วยความนอบน้อมว่า “นายท่าน มีอะไรจะให้รับใช้หรือไม่เจ้าคะ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์โบกมือ “ในห้องอึดอัดเกินไป ข้าอยากออกมาเดินเล่น ”
เขาเป็นคนที่องค์ชายใหญ่พากลับมาด้วย คนรับใช้นอบน้อมกับเขามาก เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ได้คัดค้าน ปล่อยให้นางเดินเล่นในสวนที่ไม่เล็กไม่ใหญ่นี้
ตอนที่หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวได้รับข่าวที่นายทหารมาบอก ได้ออกจากเมืองหลวงมาสามร้อยลี้แล้ว สืบค้นทุกหมู่บ้านทุกซอกทุกมุมของเมือง แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า อ๋องฉีเกือบจะหมดความอดทนแล้ว บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความน่ากลัว ทำคนรอบข้างไม่กล้าเข้าใกล้
ข้อความที่องครักษ์นำมาบอกนั้น อ๋องฉีได้ยินชัดถ้อยชัดคำ ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขายกเชือกหวดม้า ควบม้าตรงไปยังหมู่บ้านชิงหยางทันที
“สั่งให้องครักษ์ทุกคนมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านชิงหยางโดยเร็วที่สุด” หวงฝู่อี้เซวียนสั่งโจวอันด้วยความเร่งรีบ รีบตามไปพร้อมกับเมิ่งเชี่ยนโยว
เดินทางโดยไม่พักผ่อนเป็นเวลาสองวัน ทำเอาม้าแทบจะเหนื่อยจนหมดแรง ถึงได้มาถึงหมู่บ้านชิงหยาง
หมู่บ้านชิงหยางถูกปิดไปหลายวัน ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าออก ดังนั้นคนในสายอาชีพเขาหน้ามืด มองไม่ออกว่าคนที่กำลังจะเข้าเมืองมาเป็นใคร เมื่อเข้ามากูถูกทหารสกัดเอาไว้ ร้องห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าไป
หลายวันมานี้ไม่ได้พักผ่อนดี ดวงตาของอ๋องฉีแดงก่ำ บัดนี้กำลังถลึงตาจ้องมองทหารที่ล้อมเอาไว้ สายตานั้นทำเอาทหารตัวสั่นเล็กน้อย ขาอ่อนแรง
โจวอันเดินเข้ามา ชูป้ายเอวของอ๋องฉีให้เขาดู
พลทหารลนลาน รีบคุกเข่าทำความเคารพ อ๋องฉ๊กระตุกเชือก ขี่ม้าเดินผ่านตัวเขาไป
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวตามเข้าไป
เมิ่งชิงส่งองครักษ์มาดูแลหน้าประตูนานแล้ว
เมื่อองครักษ์ของเขาเห็นร่างของคนเหล่านั้น จึงได้รีบเข้ามาต้อนรับ รายงานว่า “ท่านชายรองแม่ทัพเมิ่งกำลังรอพวกท่านอยู่ที่โรงเตี๊ยมทางด้านหน้าขอรับ”
ทั้งสามคนเดินตามเขาเข้ามา
หวงฝู่สือเมิ่งพุ่งออกมาจากด้านใน กระโจนเข้ามาในอ้อมกอดของเมิ่งเชี่ยนโยว กอดนางและพูดว่า “ท่านแม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบร่างสั่นเทาของนางเบาๆ ปลอบนางด้วยความอ่อนโยน
อ๋องฉีมองเมิ่งชิงที่เดินตามออกมา พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เย่ว์เอ๋อร์เล่า”
“ยังไม่มีเบาะแสขอรับ”
ดวงตาของอ๋องฉีหรี่ลง
เมิ่งชิงไม่รอช้า รีบเล่าเรื่องที่หวงฝู่เย่าเย่ว์อาจจะถูกขายให้กับชิงเฟิงโหลวให้พวกเขาฟัง
พูดจบ อ๋องฉีกลับขึ้นม้าทันที สั่งด้วยเสียงทรงพลังว่า “นำทาง! ”
ทั้งหมดขึ้นม้า ไม่นานก็มาถึงชิงเฟิงโหลว
เห็นประตูปิดสนิท อ๋องฉีลงจากม้า เดินมาถีบประตูออก กำลังจะก้าวเท่าเดินเข้าไป
ร่างหนึ่งปรากฎตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว โจมตีเขาด้วยความรุนแรง
เดินทางมาหลายวัน ไม่ได้หลับได้นอน ร่างกายของอ๋องฉีถึงขีดสุดแล้ว บัดนี้จึงได้โต้ตอบการโจมตีของอีกฝ่ายได้ช้าลง เห็นอยู่กับตาว่าหมัดกำลังจะปะทะเขา มีดสั้นในมือของโจวอันก็ได้บินไปด้วยความรวดเร็ว พุ่งตรงไปยังมือของคนผู้นั้น
คนผู้นั้นตกใจ รีบชักมือกลับ ถอยร่างไปหลายก้าว
อ๋องฉีเดินเข้าไปโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน
ภายในเงียบสงัด ไม่มีเสียงใด
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ตึงเครียด
ราวกับว่าอ๋องฉีไม่สังเกต สาวเท้ายาวเดินเข้าไปด้านใน
แม่เล้าเดินบิดร่างมาจากด้านในโดยไม่เร่งรีบ “อั้ยโยว วันนี้ลมอะไรพัดมา จึงได้มีแขกมากมายเพียงนี้”
“เจ้าเป็นผู้ใด” อ๋องฉีหยุดฝีเท้า ถามด้วยเสียงทุ้ม
“ข้า ก็ต้องเป็นเจ้าของที่นี่น่ะสิ” แม่เล้าตอบอย่างภูมิใจ
“เย่ว์เอ๋อร์เล่า หากส่งตัวนางมา ข้าจะไม่ชำแหละศพเจ้า”
แม่เล้าทำเหมือนได้ยินเรื่องตลก ป้องปากหัวเราะอย่างมีจริตจะก้าน “นายท่านผู้นี้ ช่างปากกล้าดีจริง ตั้งแต่ชิงเฟงโหลวของเราเปิดขึ้นมา ยังไม่มีใครกล้าพูดกับข้าเช่นนี้เลย ท่านเป็นคนแรก”
พูดจบ ก็ยื่นมือออกมา กำลังจะวางลงบนไหล่ของเขา
อ๋องฉียื่นมือออกมา บีบคอแม่เล้า
คนด้านหลังของแม่เล้ากำลังจะเดินเข้ามา แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว
“หากอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปล่ะก็ ส่งตัวเย่ว์เอ๋อร์มา” น้ำเสียงของอ๋องฉีน่ากลัวยิ่ง
สีหน้าของแม่เล้าไม่เปลี่ยนไป หัวเราะ “นายท่าน ท่าน…”
พูดได้เพียงไม่กี่คำ มือของอ๋องฉีบีบแน่น แม่เล้าพูดไม่ได้อีก บัดนี้สีหน้าจึงมีความกลัวปรากฎขึ้น เบิกตาโต คิดไม่ถึงว่าอ๋องฉีจะกล้าทำกับนางเช่นนี้
ด้านหลังปรากฎร่างของชายฉกรรจ์นับสิบ ต่างก็เข้ามาโจมตีอ๋องฉี หวังจะช่วยเหลือแม่เล้าออกมาจากกำมือเขา
องครักษ์เข้าไปปะทะ
เสียงต่อสู้ดังไปทั่วทุกมุมของชิงเฟิงโหลว
มือของอ๋องฉีกำแน่นขึ้น แม่เล้าเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว จึงได้รู้ตัวว่ากำลังเผชิญอันตรายอยู่ จึงได้ตะเกียกตะกายโบกมือของตน
ชายฉกรรจ์ที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านหลังนางเริ่มปฏิบัติการณ์ทันที เข้ามาโจมตีอ๋องฉีด้วยความรวดเร็ว
หวงฝู่อี้เซวียนเข้ามา ขวางการโจมตีของเขา สองคนสู้กัน
อ๋องฉีทำเหมือนมองไม่เห็น จ้องแม่เล้าด้วยดวงตาแดงก่ำ
ฝีมือการต่อสู้ของหวงฝู่อี้เซวียน มีไม่กี่คนที่สามารถสู้ได้ แต่ชายฉกรรจ์ตรงหน้าสู้กับเขามาหลายสิบกระบวนท่าแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตาลง สั่งว่า “สั่งองครักษ์ลับให้ทำลายชิงเฟิงโหลวให้ราบ”
ประโยคเดียว พร้อมกับเสียงตอบรับ ลอยเข้ามาในหูของแม่เล้า ทำให้นางกลัวเสียยิ่งกว่าการถูกบีบคอ องครักษ์ลับนี้มีเพียงซื่อจื่อหวงฝู่อี้เซวียนแห่งรัฐอู่จึงจะมีได้ หรือว่าคนฝยวันนี้คือ…แม่เล้ารับรู้ถึงรสชาติของความตาย
“เสด็จพ่อ เรายังไม่รู้เบาะแสของเย่ว์เอ๋อร์ แม่เล้าผู้นี้ยังมีประโยชน์อยู่นะเจ้าคะ” เมิ่งเชี่ยนโยวปรามเบาๆ
อ๋องฉีได้ยินดังนั้น จึงได้หดมือกลับ
สีหน้าของแม่เล้าซีดเผือด ทรุดลงกับพื้น ในใจรู้ดีว่าต่อจากนี้คงไม่มีชิงเฟิงโหลวอีกต่อไปแล้ว
หายใจเข้ายังไม่ทั่วท้อง เสียงต่อสู้หยุดลง ชิงเฟิงโหลวกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง
ใจของแม่เล้าราวกับหยุดเต้นไปแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา ย่อลงตรงหน้าแม่เล้า พูดตามตรงว่า “ข้าไม่สนว่าเบื้องหลังของชิงเฟิงโหลวเป็นผู้ใด และไม่สนว่าพวกเจ้าคิดจะทำอะไร บัดนี้ข้าเพียงจะถามเจ้าว่าเด็กหนุ่มที่ส่งมาเมื่อหลายวันก่อน บัดนี้เจ้าทำอะไรกับเขาไป”
แม่เล้าไม่พูด
เมิ่งเชี่ยนโยวมองตานาง พูดอีกครั้ง “จากสิ่งที่เจ้าได้ทำ ข้าคงไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ แต่ข้ารับรองว่าหากเจ้ายอมส่งคนออกมาคืนเราแต่โดยดี ข้าก็จะให้เจ้าตายอย่างสงบ ไม่เช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าต้องขอร้องความตาย”
นางพูดด้วยน้ำเสียงไม่หนักไม่เบา ไม่ช้าไม่เร็ว แต่แม่เล้ารับรู้ได้ถึงความอำมหิต ร่างกายเย็นเฉียบ ใจในหวาดกลัวยิ่งนัก
ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 28 สารภาพ
แม้ว่าจะถึงขั้นนี้แล้ว แม่เล้าก็ยังคงกัดฟัน ไม่ปริปากแต่น้อย
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเล็กน้อย แสงสว่างสาดผ่านไป เสียงกรีดร้องของแม่เล้าดังขึ้น นิ้วมือนิ้วหนึ่งร่วงหล่นลงที่พื้น
นับตั้งแต่มาอยู่ที่หมู่บ้านชิงหยางมาเป็นแม่เล้าของชิงเฟิงโหลว นางกินอยู่สุขสบาย อยากได้อะไรก็ได้สมใจ มีแต่คนนับหน้าถือตาจนเคยชิน ไม่เคยได้รับการปฏิบัติไม่ดีจากใคร บัดนี้ถูกตัดนิ้วออกไปครึ่งหนึ่ง ความเจ็บปวดแผ่กระจายเข้ามา แม่เล้าเริ่มมีความคิดอยากตายขึ้นมาแล้ว แต่น่าเสียดาย นางไม่รู้ว่าต่อให้นางอยากตายตอนนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้
รอยยิ้มของเมิ่งเชี่ยนโยวงดงามมากภายใต้แสงอาทิตย์ แต่ร่างของนางกลับเต็มไปด้วยความอำมหิต แม้กระทั่งชายฉกรรจ์ที่ถูกองครักษ์จัดการได้ ก็ยังคงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“เป็นอย่างไร คิดดีแล้วหรือยัง จะพูดหรือไม่” เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือไปกดร่างที่เจ็บปวดทุรนทุรายของแม่เล้า จ้องนางและถามด้วยรอยยิ้ม
แม่เล้าเจ็บเสียจนเหงื่อผุดเต็มตัว แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่กลับกัดฟันพูดว่า “มีปัญญาเจ้าก็ฆ่าข้าเลยสิ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพร้อมโบกมือ “ข้าไม่มีปัญญา ฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่ว่าข้าสามารถถอดอวัยวะบนร่างของเจ้าออกมาทีละชิ้นได้ และยังไม่ให้เจ้าตาย อย่างไร จะลองดูหรือไม่”
แม่เล้าตกใจ ร่างกายสั่นเทา หายใจหอพร้อมถามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นคนของผู้ใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทนาง “เกี่ยวอะไรกับข้าอย่างนั้นหรือ ข้าเพียงแต่อยากรู้ว่าลูกสาวของข้าอยู่ที่ใดก็เท่านั้น เรื่องอื่นข้าไม่สน”
ปากของแม่เล้าขยับ มองนางอย่างไม่อยากเชื่อ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดโลกนี้จึงมีหญิงเช่นนี้อยู่ ครู่ใหญ่จึงได้พูดออกมาว่า “ที่นี่เป็นหอกามชาย ไม่มีลูกสาวของเจ้า”
“อย่างนั้นเด็กหนุ่มที่มาจากโรงเตี๊ยมไปอยู่ที่ใดแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างบีบบังคับ
แม่เล้ากัดฟัน ไม่พูด
แสงสว่างสาดผ่านไปอีกครั้ง เสียงกรีดร้องของแม่เล้าดังขึ้นทำลายความเงียบอีกครั้ง ทำเอาคนที่ได้ยินตัวสั่นไปตามๆ กัน
แม่เล้าเจ็บเสียจนจะเป็นลม แต่เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ให้โอกาสนาง ยื่นมือไป กดลงบนนิ้วที่ขาดของนาง แม่เล้าเจ็บเสียจนไม่มีแรงจะร้อง หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงมา
มือซ้ายกดนิ้วของนางเอาไว้ มือขวาหยิบมีดที่ไร้รอยเลือดขึ้นมาวางบนนิ้วที่เหลืออีกสามนิ้วของนาง “คนของข้าอยู่ที่ใด”
ปากของแม่เล้าขยับเล็กน้อย
ชายฉกรรจ์ที่แพ้หวงฝู่อี้เซวียน นอนราบอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงร้องห้าม “แม่เล้าเหลียน อย่าลืมนะว่านายท่าน…”
แสงสว่างสาดเข้ามา มีดสั้นของเมิ่งเชี่ยนโยวลอยออกไป ฝากรอยเลือดไว้บนลำคอของชายฉกรรจ์ จากนั้นก็ลอยกลับเข้ามาในมือของนาง
คำของชายฉกรรจ์หยุดลง ดวงตาเบิกโพลง ร่างของเขาโอนเอนเล็กน้อย ตึง ล้มลงบนพื้น ไม่นานเลือดบนคอก็ไหลออกมา
แม่เล้าตกใจจนสติแตก ดวงตาหดลง
เมิ่งเชี่ยนโยวก้มหน้าลง มองนาง “อย่างไร คิดได้แล้วหรือยัง”
ในที่สุดแม่เล้าก็กลัวเสียที หลังจากปากสั่นหลายคราแล้ว จึงได้พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “เขา เขา ถูกซื้อตัวไปแล้ว”
“เจ้าว่าอะไรนะ” เสียงของอ๋องฉีโกรธจัด ราวกับว่าจะฉีกนางเป็นชิ้นๆ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวก็หายไปแล้ว ถามด้วยเสียงต่ำว่า “ถูกใครซื้อตัวไป”
ร่างของแม่เล้าถอยไปด้านหลังด้วยความกลัว ลิ้นพันกันยิ่งกว่าเดิม “ไม่ ไม่ ไม่รู้ เขาเป็นแขกประจำของร้านเรา จะมาที่นี่ทุกเดือน แต่ไม่เคยซื้อใครไปเลย ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จึงได้ซื้อตัวเด็กหนุ่มนั่นไปด้วย”
สายตาดุร้ายของเมิ่งเชี่ยนโยวจ้องแม่เล้า ไม่คลาดสายตาจากสีหน้าของนาง ครู่ใหญ่ จึงได้ลุกขึ้น สั่งว่า “ไปหาหมึกกับพู่กันมา ให้นางวาดหน้าคนออกมา”
องครักษ์ตอบรับ ไปหาหมึกและพู่กันมา จากนั้นก็ยกโต๊ะและตั่งมาวางตรงหน้าแม่เล้า ยื้อร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของนางขึ้นมา วางลงบนเก้าอี้
ร่างของแม่เล้าโอนเอนเล็กน้อย ฝืนพยุงตัว หยิบพู่กันขึ้นมา กำลังจะยกพู่กันขึ้น แต่มือเจ็บจะขาดใจ หยาดเหงื่อก็ไหลย้อยลงมาไม่หยุด จนปัญญาหยิบพู่กัน
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบขวดดินเผาขึ้นมา โยนให้โจวอัน
โจวอันเปิดขวด เดินเข้ามา กดมือของแม่เล้า ราดยาลงบนนิ้วมือที่ขาดด้วนของนาง
ไม่นานเลือดก็หยุดไหล ความเจ็บปวดก็หายไปด้วย สีหน้าแปลกใจของแม่เล้ายังไม่ทันปรากฎขึ้น เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดังขึ้น “เร็วเข้า”
ร่างของแม่เล้าสะดุ้งขึ้นตามแรงเสียง รีบยกพู่กันขึ้นมา เริ่มวาดรูปชายคนนั้นออกมาตามความทรงจำ
ชิงเฟิงโหลวเล็กๆ ที่หนึ่ง แต่ชายฉกรรจ์ที่นี่กลับฝีมือดีทุกคน สามารถสู้รบปรบมือกับองครักษ์ได้ หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกแปลกใจ จึงสั่งโจวอัน “ไปค้นทุกซอกทุกมุมในชิงเฟิงโหลว อย่าให้คลาดสายตา”
โจวอันตอบรับ โบกมือ เหล่าองครักษ์แยกทางกัน บางคนไปด้านบน บางคนไปด้านหลัง
หวงฝู่สือเมิ่งไม่เชื่อที่แม่เล้าพูด คิดว่าว่านางเอาหวงฝู่เย่าเย่ว์ไปขังไว้ที่ใดที่หนึ่ง จึงได้ขอร้องกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “ท่านแม่ ข้าจะตามไปดู ไม่แน่ว่านางอาจจะซ่อนเย่ว์เอ๋อร์ไว้ที่ใดก็ได้ แต่โกหกว่านางถูกซื้อไป”
หวงฝู่เย่าเย่ว์และหวงฝู่สือเมิ่งเป็นฝาแฝดกัน อาจจะมีสัมผัสพิเศษถึงกันก็เป็นได้ เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ไปสิ ระวังตัวด้วย”
หวงฝู่สือเมิ่งเดินไปด้านหลัง หวงฝู่เฮ่าเดินตามติดไปด้านหลัง
เมิ่งชิงเดินเข้ามา สีหน้าเคร่งขรึม “พี่โยวเอ๋อร์ ท่านพี่เขย…” เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ตอบ จ้องไปที่รูปที่แม่เล้าวาด
ด้านหน้าเกิดเสียงวุ่นวายขึ้นเพียงนี้ เหล่าเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะได้พักผ่อนตอนฟ้าสางก็ต้องตกใจตื่นขึ้นมาเป็นธรรมดา แต่ไม่มีใครกล้าเอะอะ ต่างพากันมุดหลบใต้ผ้าห่มด้วยความกลัว ไม่กล้าขยับ
โจวอันนำทางองครักษ์เข้าไปด้านใน สั่งให้ไล่พวกคนเหล่านั้นออกมาให้หมด หลังจากค้นแล้ว ก็ไม่พบหวงฝู่เย่าเย่ว์
หวงฝู่สือเมิ่งมายังเรือนด้านหลัง หลังจากถามเด็กหนุ่มคนหนึ่งแล้ว ก็เดินตรงเข้าไปในห้องของแม่เล้าทันที กลิ่นเครื่องหอมลอยเข้ามาแตะจมูก มาเอานางฉุนเสียจนต้องเอามือมาปิดจมูกเอาไว้ เดินออกมา ครู่ใหญ่ จึงสูดหายใจลึก ปิดจมูกของตนเดินเข้าไป
ด้านหน้า
ขณะที่รูปในมือแม่เล้าค่อยๆ สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ ใจของอ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียน เมิงเชี่ยนโยวและเมิ่งชิงตระหนกขึ้น คนในรูปวาดตาคม จมูกโด่ง มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนรัฐอู่ หากเย่ว์เอ๋อร์ถูกเขาซื้อตัวไปจริงๆ คงเป็นการงมเข็มในมหาสมุทรเป็นแน่
แม่เล้าวาดเสร็จ ก็วางพู่กันลงด้วยมือที่สั่นเทา เมิ่งเชี่ยนโยวพูดด้วยเสียงน่ากลัวว่า “รู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร”
แม่เล้าส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าไม่รู้จริงๆ ปกติแล้วคนที่มีความชอบแปลกๆ เช่นนี้จะเป็นคนรวยทั้งยังสูงศักดิ์ พวกเราไม่กล้าถามและไม่สามารถถามถึงสถานะของเขาได้”
“รูปนี้คล้ายมากเท่าใด”
“ครึ่งหนึ่งเห็นจะได้”
ใจของเมิ่งเชี่ยนโยวมีความหวังขึ้นมา สั่งอีกครั้งว่า “วาดรูปเด็กคนนั้นออกมา”
แม่เล้าตัวสั่น เสียงติดขัดยิ่งขึ้น “ไม่ ไม่ต้องหรอก”
“หืม? ”
แม่เล้าตกใจ ทรุดนั่งลงบนพื้นต่อหน้านาง “เด็กหนุ่มนั่นเพียงแต่ผิวดำไปเท่านั้น แต่หน้าตาเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนนั้นราวกับแกะ”
พูดจบ เท้าข้างหนึ่งยื่นเข้ามา เตะแม่เล้าจนล้มลงไปกระแทกกับเสาอีกด้านหนึ่งอย่างแรง และเด้งกลับมา ล้มลงบนพื้นอีกครั้ง
แววตาของอ๋องฉีเกรี้ยวกราด เดินประชิดเข้ามา ยกเท้าขึ้น ถีบเข้าไปที่หัวของแม่เล้า
“เสด็จพ่อ เรายังต้องเก็บนางเอาไว้เพื่อหาเย่ว์เอ๋อร์นะเจ้าคะ” เมิ่งเชี่ยนโยวรีบห้ามเอาไว้
เท้าของอ๋องฉีที่เหยียบลงบนหัวของแม่เล้ากดไม่ปล่อย
แม่เล้าที่เหลือแรงอยู่ครึ่งเดียวตกใจเสียจนเป็นลมพับไป
หวงฝู่สือเมิ่งค้นห้องของแม่เล้าจนทั่ว แต่ก็ไม่พบสิ่งน่าสงสัย จึงได้บีบจมูกเดินออกมา
พวกของโจวอันเองก็ไม่พบสิ่งน่าสงสัย กลับมารายงานที่ด้านหน้า
“ปิดชิงเฟิงโหลว พาคนทั้งหมดที่นี่ไปยังชายแดน” หวงฝู่อี้เซวียนสั่ง
เมิ่งชิงตอบรับ สั่งต่อไป
เมื่อเห็นอ๋องฉีแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงพูดว่า “เสด็จพ่อ ท่านไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันแล้ว เราพักที่เมืองชิงหยางกันก่อนค่อยไปที่ชายแดนดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ต้อง” อ๋องฉีฝืนร่างกายเดินออกไปด้านนอก “ไปยังชายแดนเสียก่อน ให้หลินจ้งดูว่ารูปที่วาดนี่เป็นคนที่ใด แล้วเราค่อยส่งคนไปตามหา”
คนทั้งหมดเดินตามออกไป ขึ้นม้า มุ่งตรงไปยังชายแดน
อีกด้านหนึ่ง หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่รู้เลยว่าเพื่อมาตามหานาง อ๋องฉีได้มาถึงชายแดนแล้ว ทำได้เพียงใช้โอกาสตอนที่เดินเล่นในเรือน แอบดูลักษณะของเรือนนี้ คิดหาวิธีที่ตนจะได้หนีออกไป
หลายวันมานี้ ฝ่ายรัฐอิงไร้วี่แวว ฉู่เหวินเจี๋ยรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงได้ไปยังกำแพงเมืองเพื่อเตรียมการณ์ให้เรียบร้อย ป้องกันการลอบโจมตีของรัฐอิง
เมื่อได้ยินว่าคนฝั่งอ๋องฉีเดินทางมาถึงแล้ว ฉู่เหวินเจี๋ยลงมาจากกำแพงเมือง ควบม้ากลับมายังค่ายทหาร
อ๋องฉีและคณะนั่งอยู่บนเก้าอี้
ฉู่เหวินเจี๋ยเดินสาวเท้ายาวเข้าไป หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวยืนขึ้น พูดขึ้นพร้อมกัน “ท่านน้า”
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า หันไปคำนับอ๋องฉี “ท่านพี่เขย”
อ๋องฉีรับการคำนับ
หลินจ้งนั่งคุกเข่าข้างเดียวบนพื้น สองมือกุมเข้าด้วยกัน “หลินจ้งคารวะท่านอ๋อง ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย”
“ยืนขึ้นเถิด”
“ขอบพระคุณท่านอ๋อง”
“หลินจ้ง เจ้าอยู่ที่ชายแดนมาหลายสิบปี คุ้นเคยกับเพื่อนบ้านดีหรือไม่” อ๋องฉีถามด้วยความร้อนใจ
หลินจ้งไม่เข้าใจความหมายของเขา จึงได้ชะงักไปและถามว่า “ท่านอ๋องหมายถึง…”
อ๋องฉีโบกมือ โจวอันเดินเข้ามา เปิดรูปออกต่อหน้าหลินจ้ง ให้เขาเห็นคนในภาพวาดให้ชัดเจน
“เจ้าดูออกหรือไม่ว่าเป็นคนที่ใด” อ๋องฉีถามอีกครั้ง
หลินจ้งรับภาพวาดมา พิจารณาอย่างละเอียด พูดว่า “ตาคม จมูกเป็นสัน เป็นลักษณะเด่นขอคนรัฐอิง คนในรูปนี้มีประโยชน์อย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
สิ้นคำเขา ใจของคนทุกผู้ตรงนั้นก็หล่นลงไปอยู่ที่พื้น
บัดนี้รัฐอู่และรัฐอิงกำลังจะทำการรบกัน หากเย่ว์เอ๋อร์ถูกซื้อไปยังรัฐอิงจริงๆ หากถูกคนจับได้ว่านางเป็นใคร ผลลัพธ์คงยากจะคาดเดาได้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนในรูปคือผู้ใด” หวงฝู่อี้เซวียนถาม
หลินจ้งพิจารณาดูอีกรอบ ขมวดคิ้วลง “คนในรูปดูคลับคล้ายคลับคลากับองค์ใหญ่แห่งรัฐอิง ท่าป๋าหั่นมู่ขอรับ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น